The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 445771 ครั้ง)

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
คิดถึงงงงง มาต่อแล้ววว  :katai1:

ใครคือแก้ม นี่ก็ยังไม่รู้เลยพี่สูงคือใคร 55555

รอตอนค่อไปค่าา

พี่สูงเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสมุทร  ซึ่งในเรื่องที่ผ่านมามีการกล่าวถึง "พี่สูง"  ไปแล้วหลายครั้งนะคะ 

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ไฟน่ากลัว แต่ก็ชอบบบบบ  :m1: :m1:

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
แก้มมาจากไหนอีกเนี่ย
คุณพลอยอีกมาวอแวอีกแล้ว
ส่วนสมุทรก็คุณไฟเค้ามีเวลาให้เยอะ
คืนนี้ก็ไปนอนเล่าให้คุณไฟฟังเลยก็ได้นะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อะไรกันคะ อิรุงตุงนังไปหมด ไม่รู้ใครจะทำตามแผน ใครเดินตามแผน แล้วใครนอกบท

สมุทรไปตามหาใคร แล้วจำเป็นที่ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ มงคลทำไมบอกว่าอาจเป็นสมุทรที่หักหลัง
แต่เอาจริงๆ คือไฟไว้ใจนะ แต่แค่อยากรู้ว่า สมุทรทำไปทำไม เพื่อใคร

ไฟก็ลูกเยอะไปอีก จะทำไรก็ต้องคอยต้อนให้จนมุม มันเป็นสไตล์ แล้วตอนนี้ไฟคงพอเดาออก ว่าทำไมสมุทรยอมแลก

ธานรู้ใจทุกอย่างเลยค่ะ สมควรได้รับความไว้ใจ

โปรดอย่างฮา แต่อย่าให้โหด คินก็ตลก เหมาะแล้วอยู่ด้วยกันได้ มีความกวนกันยกชุด

พายุมีขู่ ไฟก็ชอบแหย่น้อง

เรื่องจะร้ายแรงขนาดไหนนะ จับตัวการใหญ่ได้สักทีค่ะ อยากเห็นตอนสวีทแล้ว ว่าสมุทรจะยอมลงให้ไฟยังไง



ออฟไลน์ karashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
    • นิยาย นิยายแจ่มใส นิยายมือสอง
หงุดหงิดสมุทรสุดๆ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

[ จันทร์ที่ 2 ม.ค 60 ]  ตอนที่ 37  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1350

[ พฤหัสที่ 12 ม.ค 60 ]  ตอนที่ 38  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1410

[ อังคารที่ 31 ม.ค 60 ]  ตอนที่ 39  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1470

ตั้งแต่ตอนที่ 36 - 40 มีเนื้อหาเกี่ยวกับงานที่ไฟทำสืบเนื่องกัน  รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างไฟกับสมุทรด้วย  ที่จริงทั้งคู่เริ่มเห็นอกเห็นใจกัน(ทีละนิด ๆ)มาตั้งแต่ตอนที่ 30 แล้วนะคะ  แต่เนื่องจากเรื่องราวเกี่ยวกับการทำงานมันเยอะ  อาจไม่รู้สึกถึงพัฒนาการของทั้งคู่ได้ยาก  สำหรับตอนที่ 40 นี้ เบบี้แบ่งลงไว้ทั้งหมด 3 พาร์ท  ในตอนที่ 41 ถึงตอนต่อ ๆ ไปความสัมพันธ์จะเริ่มมีมากขึ้น  ยังไม่สามารถตอบได้ว่าตอนต่อไปจะมาลงให้ช้าเร็วเมื่อไหร่อย่างไร  ขอบคุณค่ะ


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 40
..ไฟ..




23:10 น. : บ้านเพียรสุข

“น้ำ...”

“น้ำ!” ผมทุบมือลงบนเคาน์เตอร์เร่งให้กับความลีลายืดยาดของไอ้โปรด 

“เช็ดแม่งเอ๊ย กูก็รีบอยู่นี่ไง” ไอ้โปรดแอบบ่น  ผมมองขวาง  อีกฝ่ายที่ถือถาดเสิร์ฟน้ำมาให้หยุดชะงักอยู่กับที่ทำให้พี่ธานต้องเข้าไปรับถาดน้ำมาจัดการแทน  ผมคว้าแก้วน้ำจากพี่ธานขึ้นดื่มจนหมด  ห้องนั่งเล่นบ้านไอ้โปรดเงียบลงถนัดตาเมื่อผมได้น้ำมาปิดปาก  พี่ธานรับแก้วกลับไป  มือรีบปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกหลายเม็ดด้วยนึกรำคาญ  หันไปมองหน้าไอ้คินที่เหลือบมองผมมาเป็นระยะตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว


แชะ ๆ!

“เลิกสูบไอ้เหี้ยนี่สักทีได้ไหมวะ” ผมว่า  มือปัดบุหรี่ออกจากปากไอ้โปรดอย่างแรง  มันอ้าปากเหวอมองใส่ผมตาโต

“แต่นี่มันบ้านกูนะ” มันโวย  เดินหนีไปนั่งลงข้างไอ้คินอย่างหงุดหงิด  พี่ธานก้มลงเก็บบุหรี่ที่ตกอยู่บนพื้นและทำท่าจะเอาไปทิ้ง

“ห้ามทิ้ง!” ไอ้โปรดขึ้นเสียงสั่ง  ทำให้พี่ธานเบือนหน้ากลับไป  ตาเหล่มองเพื่อนผมด้วยหางตาครู่หนึ่งก่อนนำบุหรี่วางลงบนโต๊ะให้ดี ๆ  เสียงไอ้โปรดพึมพำด่าพี่ธาน “กวนตีน”
 
“เอาไงต่อวะ ให้กูบอกพี่ทัพไหมว่าเราเข้าไป” ไอ้คินถาม

“ไม่ต้อง กูจะบอกเอง” ผมตอบ 

“มึงไม่ได้หงุดหงิดเรื่องไอ้กริดสักนิด” ไอ้โปรดโพล่งขึ้นพร้อมเอนหลังพิงพนักโซฟา  ขาไขว้ห้างเบะปากด้วยท่าทางกวนอารมณ์  ผมช้อนตามองมันในทันที 

“ไอ้ไฟไม่ได้หงุดหงิดเรื่องไอ้กริด แล้วมันหงุดหงิดเหี้ยไร” ไอ้คินถามไอ้โปรดซื่อ ๆ  อีกฝ่ายแสยะปากบนขึ้นสูงพร้อมกลอกตาไปมา  ผมขยับมือขึ้นเท้าเอวรอคำตอบจากเพื่อนที่รู้ใจ  ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มไว้อย่างเคยชิน

“บอกไม่ได้ มันจะแดกกูอะ!” ไอ้โปรดขยับขาขึ้นกระโดดหลบไปเกาะหลังไอ้คิน  ไอ้คินหัวเราะ

“ฮัลโหล” พี่ธานรับโทรศัพท์

“ดี..กลับไปรอที่บ้านได้เลย อืม ตามนั้น”

“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ พวกเข้มกำลังเดินทางกลับ” พี่ธานรายงาน  หน้าจอโทรศัพท์ดับลงสนิท  ผมพยักหน้ารับทราบ
 
“เปิดไวน์ซิ” ผมชี้นิ้วสั่งไอ้โปรดส่ง ๆ  ไม่ลืมที่จะลดน้ำเสียงลงกลับมาเป็นปกติ

“เอ้า!” เจ้าของบ้านอุทานงง ๆ  เพราะเมื่อกี้ผมเพิ่งบอกมันไปว่าผมจะไม่ดื่ม  สุดท้ายไอ้โปรดก็ลุกขึ้นทำตามที่สั่ง  ผมถอนหายใจ  ตรงไปที่โซฟาตัวยาวพร้อมทิ้งตัวนอนลง 

“สูบได้รึยัง..?” ไอ้โปรดที่กำลังเตรียมเครื่องดื่มอยู่ตรงเคาน์เตอร์ตะโกนถาม

“เลิกสูบสักทีเหอะน่า” ผมตอบเสียงเนือย  ประโยคนัยยะคล้ายอนุญาตให้มันสูบได้แล้ว

“ชิ การที่กูสูบบุหรี่อะนะ ตายยากกว่าชีวิตมึงเยอะเลย” มันว่าให้  ผมเกือบหลุดอมยิ้มออกมาเพราะปฏิเสธกับคำประชดนี้ไม่ได้  เสียงไอ้คินหัวเราะอยู่เหนือหัวทางด้านหลัง  ข้อมือซ้ายถูกชูขึ้นสูงให้มองเห็นในระดับสายตา  เข็มนาฬิกาบอกเวลาที่ไม่น่าให้ชื่นใจ 

เราออกจาก Blackfoot ทันทีเมื่อเกิดเรื่อง  ผมกับพลอยมีปากเสียงกันนิดหน่อยก่อนที่จะแยกทางกันที่หน้าร้าน  เธอใช้คำพูดแซวเล่นที่มักเล่นกับผมอย่างทุกที  แต่สถานการณ์มันผิดไปหน่อยตรงที่ผมไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นกับเธอด้วย  ไม่มีอารมณ์แม้จะรับฟังคำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไร้สาระ  เมื่ออยู่ในความหงุดหงิดรำคาญก็คือเป็นอย่างนนั้น  ไม่มีอะไรมาทำให้เย็นลงได้อย่างทันทีทันใด  คำพูดของพลอยนั้นไม่สบอารมณ์จนผมเองก็ยังรู้สึกแปลกใจตัวเองไม่ได้  ทั้ง ๆ ที่มันก็แทบไม่มีความหมายใดอย่างทุกครั้งที่เราชอบเล่นกัน  พลอยเองก็ดูไม่พอใจเท่าไหร่ที่ผมไม่สนุกด้วย  เธอไม่ใช่ผู้หญิงอย่างริศาและจะให้มายอมลงเพื่อง้อใครก็คงยาก  หลังจากที่เรายียวนใส่กัน  พลอยก็ออกปากตรง ๆ ว่าต้องการให้สมุทรไปส่งเธอที่คอนโด  ผมไม่ได้เอ่ยปากอนุญาตว่า “ไปสิ” แต่เป็นการกวนกลับด้วยกันทั้งสองฝ่าย  ใช่แล้ว.. หากวิเคราะห์ในสถานการณ์เช่นนั้นคล้ายกับผมเป็นฝ่ายอนุญาตเอง  พลอยต้องการเอาชนะ  ต่อหน้าลูกน้องผมที่ยืนอยู่  นั่นจึงทำให้พลอยสรุปเสร็จสรรพนำสมุทรขึ้นรถของเธอไปอย่างไม่แยแสใด ๆ

“เอาไงต่อ มึงจะนอนนี่รึเปล่า” ไอ้โปรดถาม  ไวน์ถูกเสิร์ฟให้สำหรับทุกคนยกเว้นพี่ธาน

“ไม่ล่ะ” ผมปัด  ลุกขึ้นนั่งพร้อมหยิบไวน์ขึ้นดื่มจนหมด  ไอ้โปรดนั่งลงตรงกลางระหว่างผมกับไอ้คิน

“มึงคิดจะทำอะไรวะ เอาตัวเองเข้าชนแบบนี้ ไอ้กริดมันจะไม่ยิ่งพุ่งเป้ามาเล่นงานที่มึงไปใหญ่เหรอวะ” ไอ้คินพูดด้วยท่าทีเป็นกังวล

“ก็พี่มึงบอกว่าอยากได้ข้อมูลเร็ว ๆ” ผมปัดประเด็นไปทีทั้งที่รู้อยู่ว่าไอ้คินต้องการพูดอะไร  ไวน์ในแก้วผมหมดลงทำให้พี่ธานต้องมารินเติมให้  ไวน์ก็ขวดเดียวกับที่ผมดื่มเหลือจาก Blackfoot นั่นละ

“เพราะพี่แกรู้ว่าไอ้ไฟกับไอ้กริดไม่ถูกกันอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช้ไอ้ไฟในเรื่องทำนองนี้ ไม่งั้นจะใช้มันทำไมวะ” ไอ้โปรดว่าซะตรงทำเอาไอ้คินหุบปากเงียบ

“เอาจริงนะเว้ย..” ไอ้โปรดพ่นลมหายใจ  ตามองบุหรี่ในมือ

“สมมุตว่าข้อมูลจากมึงช่วยให้พี่ทัพปิดคดีได้ แต่มึงตาย กูได้เลี้ยงเป็ดปักกิ่งงานศพมึง” ไอ้โปรดเบ้ปากหันหน้ามามองผม

“ยาบ้า ค้ามนุษย์ บลา ๆ ๆ ก็ยังไม่หมดจากโลกนี้อยู่ดี มาเฟียยังมีอยู่ทุกมุมโลก ซ่องยังทำธุรกิจต่อไปได้ เพราะทุกคนก็ยังหื่นกระหายเซ็กส์” ไอ้โปรดพรรณนา 

“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ  พูดอีกก็ถูกอีก

“ยังมีคนที่ ‘เหี้ย’ กว่ามึงที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกเป็นสิบ ๆ ล้าน แต่เสือกไม่เป็นเหี้ยอะไรตาย” ไอ้โปรดสบถด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย
 
“มึงกำลังบอกว่าพี่กูเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมเกินไปงั้นเหรอ” ไอ้คินหันไปมองหน้าไอ้โปรด

“กูกำลังบอกว่า ชีวิตคนเรามีค่า..” ไอ้โปรดแก้ต่าง  ยักไหล่ทะเล้น 

“โดยเฉพาะกับการที่ต้องเอาไปแลกกับอะไรแบบนั้น พี่มึงไม่ใช่ Super Hero ถึงขนาดที่ว่าตายห่าไปแล้วไปแก้ตัวในนรกได้ว่า ผมเคยเป็น Super Hero มาก่อนครับให้ผมขึ้นสวรรค์เถอะ คนจะสรรเสริญความดีของพี่มึงอยู่แค่ถึงวันเผา แล้วเขาก็จะลืม” ไอ้โปรดกวนกลับ  สายตามันมองไอ้คินอย่างเอาจริงเอาจังแม้จะแกล้งทำเป็นพูดติดตลก

“แล้วมึงจะให้โลกนี้มันเป็นไปแบบนี้เรื่อย ๆ รึไง” ไอ้คินเริ่มแย้งไอ้โปรด

“..ใช่!” ไอ้โปรดย้อนชัดคำในทันที  มันทั้งคู่จ้องหน้ากันนิ่งลง
 
“ใช่..” ไอ้โปรดย้ำพูดคำเดิมอีกครั้งหนึ่ง

“เพราะไอ้ไฟมันเพื่อนกู กูก็เลยบอกว่าใช่ กูจะปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น มีแต่ความเห็นแก่ตัว ถึงคดีไม่ปิด โลกนี้ก็ยังฆ่ากันไม่จบสิ้นอยู่แล้ว” คำพูดของไอ้โปรดทำให้ไอ้คินถึงกับเถียงไม่ออก 

“ถ้าพี่ทัพไม่ใช่พี่ชายมึง มึงจะให้พวกกูไปเสี่ยงชีวิตไหม แต่..เพราะไอ้ไฟมันเห็นว่าพี่ทัพคือพี่มึง มันเลยช่วย เพราะพี่ธานเห็นว่าไอ้ไฟช่วย พี่เขาเลยต้องช่วย ดังนั้น..มันก็ช่วยไม่ได้อะนะ กูแค่กำลังพูดในสิ่งที่กูคิด” ไอ้โปรดยักไหล่บ่นไปที

“..........” พอไอ้โปรดพูดจบพวกมันก็เอาแต่เงียบลูกเดียว  ดูเหมือนครั้งนี้ไอ้โปรดจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

“กูไม่อยากให้การตัดสินใจของกูทำให้พวกมึงแคลงใจกันหรอกนะ” ผมพูดแซว

“เปล่าสักหน่อย” ไอ้โปรดทำเสียงเล็กเสียงน้อย 

“มึงก็เล่นพูดซะพี่กูจากคนดีกลายเป็นคนเหี้ยไปเลย” ไอ้คินว่าติดตลกกลับ

“หึ!” เราสี่คนหลุดหัวเราะพร้อมกัน

“การจะขีดเส้นกันคนเหี้ยออกจากโลกนี้อะนะ มันก็ยากพอ ๆ กันกับสั่งให้เกย์กลับไปเป็นผู้ชาย แล้วให้ทอมกลับไปเป็นผู้หญิงนั่นแหละ” ไอ้โปรดว่าให้

“หึ! ฮ่า ๆ ๆ” ผมหัวเราะจนหงายท้องตึง

“ไอ้สาด” ไอ้คินยิ้มเขิน  ดูท่าคงนึกภาพออกได้ง่ายมากขึ้น

“กู..แค่เคยวิเคราะห์เล่น ๆ ว่า ทีมมึงมีสายรึเปล่าวะพี่ทัพ มันนิ่งไปเลย มันรักเพื่อนมันอย่างกับอะไร กูเบื่อจะเตือนละฉิบหาย” ไอ้คินบ่นขึ้น  หยิบไวน์ขึ้นยกดื่มหมดแก้วคล้ายย้อมใจ

“ช่วยไม่ได้ ในทีมมีแต่เพื่อนเก่าที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันแล้วทั้งนั้น” ผมพูด

“กูบอกให้ลาออก ๆ  พวกมึงก็รู้ว่ากูอยากให้มันลาออก แต่ดันมาเหวี่ยงใส่กูอีกว่า..มึงเลิกหาทางออกง่าย ๆ ให้กูฟังสักทีได้ไหมวะ!” ไอ้คินเลียนเสียงพี่ชายตน  พวกผมได้แต่ยิ้มมอง 

“พอมันถามถึงมึงกูเลยไม่คุยกับแม่ง” มันสบถ

“ฮ่า ๆ ๆ  มึงอายุสิบห้าเหรอสัส งอนกันเป็นเด็ก” ไอ้โปรดว่า 

ประเด็นของการสนทนาเริ่มเปลี่ยนวนไปเรื่อย ๆ จนไวน์ขวดแรกหมดลงและเปลี่ยนขวดเป็นวิสกี้  ผมเลือกที่จะดื่มน้ำเปล่าแทนต่อจากนั้น  พี่ธานกับไอ้เด่นกลับบ้านไปแล้วเพราะผมสั่ง  และบอกอีกฝ่ายไปว่าตัดสินใจที่จะนอนค้างที่นี่  ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปเกือบสองชั่วโมงให้หลัง  ผมพยายามบอกให้ตัวเองไม่นึกถึงเรื่องสอดรู้สอดเห็นที่อยู่ภายในใจแต่ก็เหมือนจะพ่ายแพ้ต่อตัณหาที่มีอยู่เนือง ๆ  และถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่างผมอาจจะนอนไม่หลับก็เป็นไปได้ 

“กูยืมรถหน่อย” ผมลุกขึ้นโต้ง ๆ  มันสองคนมองตาม

“ไปไหน” ไอ้โปรดขมวดคิ้ว 

“ธุระ” ผมตอบ

“ตีหนึ่งเนี้ยนะ” มันสบถ  ทำท่าจะห้าม

“เออน่า เอามาเหอะ” ผมขึ้นเสียงอย่างรำคาญพร้อมกวักมือเร่ง  ไอ้โปรดนิ่งไปครู่ก่อนส่ายหัวเซ็ง ๆ พร้อมลุกขึ้นเดินไปที่ที่แขวนกุญแจใกล้กับประตูห้องนอนของมัน 

“เบนซ์” กุญแจรถถูกโยนขึ้นสูง  แต่องศาที่โยนมาทำให้รับไว้ได้ถูกจังหวะพอดี  รถเบนซ์เป็นรถคันเดียวของไอ้โปรดที่ติดกระจกกันกระสุน  อยู่ ๆ มันสองคนก็เงียบสนิท

“ให้ไอ้น้ำไปด้วยไหม กูจะไปปลุกมัน” ไอ้โปรดพูดถึงลูกน้องของมัน

“ไม่ต้อง” ผมตอบ

“พี่ธานจะไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งพวกกูถ้ามึงเป็นอะไร” ไอ้คินเอ่ยปากเตือนเมื่อผมทำท่าจะเดินออกมาโดยไม่มีการอธิบาย

“เตือนหรือขู่วะ ?” ผมแกล้งแสยะปาก  มองกลับอย่างเจ้าเล่ห์

“กวนส้นตีน!” ไอ้โปรดกับไอ้คินพากันสบถอย่างพร้อมเพรียงอย่างกับสั่งลา


- - - - - - - - - - - - - - -


01:50 น.

ผมคงจะไม่ต้องมายืนอยู่หน้าคอนโดของคนอื่นหากมีใครบางคนกลับถึงบ้านแล้ว  ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีผมยังอยู่หน้าบ้านของสมุทรอยู่  การทักทายดาวไปทางข้อความผ่านเบอร์โทรศัพท์ของเธอคงเป็นครั้งแรกที่ผมติดต่อหาเธออย่างเสียมารยาทกลางดึก  เธอบอกกับผมว่าพี่ชายของเธอยังไม่กลับถึงบ้านและดูร้อนรนในทันทีที่พบว่าผมสอบถามคำถามแปลก ๆ เช่นนี้  นั่นคงเพราะว่าเธอคิดว่าพี่ชายได้ออกมาทำงานอยู่กับผมและคงเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

การโทรหาอีกฝั่งหนึ่งเป็นการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเมื่อเวลาเที่ยงคืนขณะที่นั่งดื่มอยู่ที่บ้านไอ้โปรด  การทิ้งช่วงที่จะติดต่อไปหาทางฝั่งนั้นเพราะคาดคะเนตามความรู้สึกว่าอย่างช้าที่สุดเขาน่าจะส่งพลอยเสร็จและถึงบ้านแล้ว  การกดโทรอีกครั้งหนึ่งที่หน้าบ้านของเขาก่อนที่จะติดต่อหาดาว  ผมเพิ่งจะรู้ตัวเป็นครั้งแรกว่าการที่ต้องติดต่อใครสักคนที่ไม่รู้สถานะนั้นต้องใช้ความกล้าหาญแค่ไหน  ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ขี้ขลาดเลยสักครั้งตั้งแต่ใช้ชีวิตมา  ไม่เคยเลยไม่ว่าเรื่องใด  แต่ครั้งนี้ผมกลับคิดไปต่าง ๆ นา ๆ จนอดรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้  ใจหนึ่งผมพยายามที่จะฉุดตัวเองกลับมาว่า “ไม่ ผมไม่ได้ชอบเขาขนาดนั้นหรอก”  แต่ความร้อนรุ่มในใจกลับแทรกผ่านเข้ามาได้  คล้ายถูกมันตบหัวจนคว่ำหน้าได้ทุกที

.. มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ  นี่มันไม่ควรใช่ผมเลย

นาฬิกาวนเดินอย่างเนิบช้าในความรู้สึก  เข็มที่ยาวที่สุดบนหน้าปัดขยับเคลื่อนไปที่เลขสิบเอ็ด  ขาผมหยุดยืนอยู่ที่หน้ารถของพลอยพอดี  มันคือรถของเธอไม่ผิดแน่เพราะเป็นคันเดียวกับที่เธอใช้ให้สมุทรขับออกมาจากร้าน Blackfoot  ผมตรงเข้าไปในส่วนของใต้คอนโด  เคาน์เตอร์ต้อนรับว่างเปล่า  แสงไฟที่โต๊ะยังคงเปิดอยู่แสดงว่ายังมีพนักงานอยู่ทำงาน  โซฟาสำหรับรับรองแขกเกือบสิบตัวว่างเปล่าทุกตัว  ผมนั่งลง  ในหัวที่ดึงให้เราไปคิดในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่ดีพยายามที่จะจดจ่ออยู่กับตัวเองให้มากที่สุดอย่างใจเย็น

ความเชื่อมั่นในตัวสมุทรจากมุมมองของผมเริ่มไขว้เขว  เหมือนกับลูกดิ่งที่แกว่งไปมา  มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ไขว้เขวเลย  เพราะเราไม่ต้องการผิดหวังในตัวอีกฝ่ายต่างหากตัวเราจึงพยายามคิดถึงแต่เรื่องดี ๆ เพื่อให้เชื่อมั่นว่าเราจะไม่มองอะไรผิดไป  ผมกำลังคุยกับตัวเองอย่างกับคนเพี้ยนว่าผมควรจะขึ้นไปถึงห้องให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยดีหรือไม่  จะได้หายแคลงใจ  แล้วก็กลับไปดื่มต่อกับไอ้พวกนั้น

ผมให้คำตอบตัวเองไม่ได้แน่ชัดด้วยซ้ำว่าผมมาเสนอหน้าอยู่ที่นี่ทำไม  ในเมื่อผมเองก็เคยเป็นฝ่ายยุบอกกับสมุทรไปว่าพลอยเป็นผู้หญิงที่มีคุณสมบัติดี  ในเมื่อผมเองก็เคยเป็นฝ่ายยั่วอารมณ์ท้าในความสามารถของผู้หญิงอย่างพลอย  แต่หากมองอีกมุมหนึ่งผมก็ไม่ได้ไร้สิทธิ์เสียทีเดียว  สมุทรก็ทราบดีอยู่แก่ใจในความรู้สึกที่ผมมีให้กับเขา  ดังนั้นการมาที่นี่ก็คงไม่แปลกนัก  ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างนั้น  ไม่แน่ว่าเดี๋ยวสมุทรคงจะลงมาก็ได้  เขาต้องกลับบ้านแน่  ถ้าเหตุการณ์จะไม่เป็นไปอย่างที่ผมคิดผมอาจจะขึ้นไป 

เมื่อเวลาผ่านไปการนั่งรอยิ่งทำให้ตัวเองเริ่มตระหนักอะไรบางอย่างขึ้นได้  อยู่ ๆ กลับคิดขึ้นมาว่าถ้าสองคนนั้นไปด้วยกันได้ดี  การนั่งอยู่ตรงนี้ของผมมันคงเป็นเรื่องน่าขายหน้า  คงเป็นเรื่องน่าอับอายที่ไม่อยากย้อนอดีตนึกถึงที่สุด  พอนึกออกมาอย่างนั้นแล้วก็อยากจะหายตัวมันไปซะตอนนี้  แต่ร่างกายกลับไม่ขยับไปไหน  ผมคิดว่าการที่มันนั่งแช่แน่นิ่งอยู่เช่นนี้เพราะมันกำลังฟังคำสั่งจากจิตใต้สำนึกที่อยู่ลึกลงไปในตัวผมมากกว่า  ไอ้เหี้ยตัวไหนที่มันฝังอยู่ลึกในสุดของจิตใจของความเป็นผมกันนะ  มันบัดซบจริง ๆ

“ส่งแค่ตรงนี้ก็พอครับ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 11:10:08 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“........” ผมเหลือบตาขึ้นมองไปยังประตูทางออกจากตัวลิฟต์ในทันทีที่ได้ยินเสียง  ดูเหมือนการมาปรากฏตัวของผมจะทำให้ทั้งคู่ตกใจน่าดูชม  สมุทรและพลอยหยุดชะงักอยู่หน้าประตูทางออก  ผมยังคงนั่งเฉยมองทั้งคู่  รอยยิ้มของพวกเขาจางหายลงไปภายในพริบตา  ทันทีนั้นเหตุผลล้านแปดที่นั่งคุยอยู่กับตัวเองอยู่ก่อนหน้าก็หายวับไป  พลอยหลบสายตาผมด้วยใบหน้าที่เจือปนคล้ายสำนึกผิด  น่าแปลกใจที่เธอแสดงสีหน้าแบบนั้นแทนที่จะทำใบหน้าอวดดีอย่างก่อนหน้านี้ 

“มาขอโทษฉันเหรอ” พลอยตรงเข้ามาหา  คำถามถูกตั้งด้วยท่าทางเชิดหยิ่งขึ้นทั้งที่ปกติเธอไม่ใช่คนแบบนี้สักเท่าไหร่

“ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นคนแบบนี้” ผมพูด  ไม่แม้แต่เจาะจงมองเธอ

“.........” เราต่างเงียบลง

“ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นคนแบบนี้เหมือนกัน” พลอยพูด  น้ำเสียงทุ้มต่ำทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอที่ยืนอยู่  ครู่เดียวผมก็สังเกตถึงสิ่งดึงดูดความสนใจของสายตา  ผมกวาดตามองเธอหัวจรดเท้า  ชุดนอนสีขาวด้านในแบบที่เธอชอบใส่เป็นปกติถูกคลุมด้วยชุดคลุมสีน้ำเงินลายลูกไม้ช่วยขับสีผิวของเธอ

“เรียบร้อยแล้ว ?” ผมเลิกคิ้วตั้งคำถาม

“พูดอะไร” พลอยตอบเสียงห้วน  คิ้วขมวดพันกัน

“หึ ฉันถามว่าเอากันเรียบร้อยแล้วงั้นเหรอ” ผมขยายความพร้อมรอยยิ้ม

“ไฟ!” พลอยขึ้นเสียง  ตาเบิกถลึงโต  นี่คงเป็นการขึ้นเสียงระหว่างเราทั้งคู่ที่จริงจังอย่างมากเป็นครั้งแรก  สมุทรหยุดยืนอยู่ด้านหลังของพลอยโดยทิ้งระยะห่างคืบหนึ่ง

“ทำไม จะบอกให้ฉันระวังปาก” ผมไม่เลิกยียวน  ยิ่งเธอเริ่มหน้าดำหน้าแดงขึ้นด้วยความโมโหเท่าไหร่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสนุกขึ้นเท่านั้น 

“ถ้าไม่พอใจอะไรก็ช่วยอย่าเอาฉันเข้าไปเป็นประเด็น” พลอยย้อน  มุมปากเผยรอยยิ้มมาให้  ผมมองเธอเขม็ง  คำถามต่อการกระทำของเธอเริ่มทำให้ผมสงสัยลังเล  พลอยจ้องผมตอบไม่วางตาเช่นกัน  เธอฉลาดและแม้ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันคำเดิม

“งั้นคุณช่วยอย่าสร้างประเด็นก่อนได้ไหมละ ?” ผมย้อนกลับด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำลง

“คุณเริ่มนะ...” ผมเตือน  พลอยชะงักพร้อมเบือนหน้าหนีคล้ายยอมรับผิด
 
“ใช่ ..ฉันเริ่ม” พลอยตัดบทแล้วเดินจากไปดื้อ ๆ

“พลอย!” ผมเรียกแทบตะคอก  ลุกขึ้นยืนทันควัน  อีกฝ่ายหยุดเดินทันทีแต่กลับไม่ยอมหันกลับมา

“ยัยบ้าเอ๊ย เป็นบ้าอะไร” ผมขมวดคิ้วขึ้นเสียงอย่างไม่เข้าใจ  ใช่อยู่ว่าผมกำลังหงุดหงิดที่สมุทรอยู่กับเธอ  แต่ท่าทางของเธอมันแปลกจนผมสับสนว่าผมควรจะหงุดหงิดประเด็นไหนก่อนกันแน่  และแบบนี้มันไม่ควรใช่เธอเลย

“เฮอะ!” พลอยหันกลับมา  ปากแสยะหัวเราะใส่ผม  ดวงตากลอกขึ้นลง

“ฉันบ้าเหรอ ? ใช่..ฉันบ้า แล้วคุณปกติงั้นเหรอ” เธอว่ากลับด้วยสีหน้าที่สนุกไม่ปาน

“มาเฝ้าอย่างกับหมา” ผมกลอกตาพร้อมถอนหายใจทิ้งแรง  คำพูดของเธอทำให้ขาผมขยับไปด้านหน้า  พอทำท่าจะเดินเข้าหาอีกฝ่ายก็ก้าวถอยหลังหนีออกไปเรื่อย

“ฉันไม่สนุกแล้ว” พลอยจ้องเขม็ง  ก่อนกระแทกเสียงไล่ “เชิญ” ไล่หลังแล้วจากขึ้นลิฟต์ไป

“.......” ทั้งผมและสมุทรยืนอยู่ในความเงียบอยู่พักใหญ่  หางตาเห็นการเคลื่อนไหวของพนักงานตรงเคาน์เตอร์ต้อนรับ  เธอดูเก้ ๆ กัง ๆ ที่จะเข้ามาสอบถาม  ผมหันตัวกลับไป  ช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้า  สมุทรไม่สบตาผมอย่างที่ควรเท่าไหร่  ใบหน้าและแววตากะหลับกะเหลือกของเขากำลังเริ่มทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นแบบไม่มีเหตุผล  ผมจิปากทิ้งส่ง  จ้ำเท้าเดินออกมาจากตัวอาคารตรงกลับไปยังลานจอดรถในทันที  เสียงฝีเท้าเดินตามหลังมาติด ๆ  เมื่อผมหยุด อีกฝ่ายก็หยุดทันทีเช่นกัน..


ผมรู้สึกราวกับว่าผมยืนนิ่งหยุดอยู่กับที่อยู่นานพอสมควร  คนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังก็ไม่ขยับร่างกายเลย  ทำคล้ายกับดูพฤติกรรมของผมอยู่อย่างนั้น

“เห็นสายโทรเข้าจากฉันไหม ?” ผมเอ่ยถามขึ้น  ความเงียบรอบตัวเป็นใจ  ผมจึงเบี่ยงตัวหันกลับยังสมุทรเพื่อที่จะได้พูดในสิ่งที่ต้องการพูดให้จบ 

“.........” อีกฝ่ายไม่ให้คำตอบ  เราต่างหุบปากสนิทท่ามกลางความมืดและไร้เสียงผู้คนรอบกาย  ใบหน้าของผมที่ไม่ได้หันไปทางสมุทรตรง ๆ ทำให้สายตาของผมกำลังเหล่มองเจ้าตัวอยู่  สมุทรจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตา  ดวงตาสีดำสนิทกำลังกวาดมองสีหน้าของผมอย่างกับต้องการอ่านทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนี้  แววตาของเขาก่อกวนใจผมอย่างกับใครนำไม้กลองมาตีจนเต้นระรัว  เขาต้องการอะไรจากผม

“ทำไม..?” ผมพูด  ความเดือดดาลในใจกำลังผุดขึ้นทีละนิด

“ทำไม อยากได้อะไรจากหน้าฉัน” ผมจ้องเขม็งเดินเข้าหา  สมุทรหลบตาทันควันหนีการให้คำตอบ
   
“เสนอหน้ามาทำไมถึงนี่งั้นซินะ ไอ้โง่ตรงหน้ากูนี่ดูตลกชะมัด ? คิดงั้นใช่ไหม” ผมแสยะปาก  เบิกตาย้ำถาม  มือตีแก้มของสมุทรเป็นจังหวะ  เสียงดัง “แปะ ๆ ๆ” อย่างต้องการกวนโมโห  สมุทรหลับตาครู่หนึ่ง  ขยับใบหน้าหนีมือผมเพียงนิดหน่อยเท่านั้น  เขากำลังรวบรวมสติตัวเองอยู่มากทีเดียว
 
“หะ หน้าฉันมันตลกมากงั้นใช่ไหม” ผมข่มน้ำเสียงลง  หลังมือตีเข้าที่อกของเขาสลับกับสะกิดตีเข้าที่แก้มไปมาอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายทนไม่ไหว  ก้าวขาถอยหนีพร้อมปัดแขนผมออกอย่างแรง
 
“คุณไฟครับ” สมุทรเอ่ยปราม

“ฉันถามว่าเห็นสายโทรเข้าจากฉันไหม!” ผมตะคอกกลับทันทีด้วยคำถามเดิมที่ยังคงไม่ได้คำตอบ

“........” สมุทรนิ่งสนิท  สันกรามของเขาปูดนูนขึ้นแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายกัดขบฟันไว้แน่นแค่ไหน

“เวรเอ๊ย” ผมสบถ  มือคว้าต้นขอของสมุทรกระชากเข้าหาตัวอย่างแรง  อีกฝ่ายขืนตัวต้านแรงโดยสัญชาตญาณ  การเคลื่อนไหวที่พยายามต้านสู้นี้ยิ่งทำให้น่ารำคาญขึ้นอีก  แขนของเราปัดป่ายกันและกัน  อีกฝ่ายทำเพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกบุกรุก  ทุกการเคลื่อนไหวของเราทั้งคู่ค่อนข้างยากลำบาก  เสียงหายใจเริ่มแรงขึ้นเนือง ๆ  มือขวาบีบล็อกต้นคอสมุทรไว้ได้  เจ้าตัวกัดฟันแน่นเมื่อผมขยับขาก้าวไปด้านหน้า  ออกแรงดันตัวเขาจนหลังกระแทกเข้ากับตัวรถ  ปากบดจูบในทันทีที่ได้โอกาส  หาความนุ่มนวลไม่ได้  ผมได้ยินชื่อตัวเองเป็นระยะคล้ายกับพยายามเรียกสติ  คอเสื้อถูกดึงรั้งขึ้นไปจนรัดคอผมแทบหายใจไม่ออก  หน้าผากของเราทั้งคู่ชนสู้กันไม่มีใครยอมใคร  ปากผมผละออกแล้ว  ดวงตาจ้องต่อสู้ไม่กะพริบ  สมุทรกำลังโมโห  เขาไม่ได้มองผมในความหมายเช่นทุกที

“หยุดเดี๋ยวนี้” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเข้ม  ทั้งน้ำเสียงและการแสดงทางสีหน้าไม่ใช่การเตือนอย่างลูกน้องและเจ้านายอีก  เหมือนกับว่าเขากำลังจะหมดความเกรงใจในไม่ช้า  นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกสนุก  ปากแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ

“ถ้าไม่หยุดแล้วจะทำไม ฮึ ?” ผมถามกลับแทบกระซิบ  แขนขวาที่ล็อกคอเขาอยู่กระแทกเข้าที่คอหอยเจ้าตัวอย่างแรง  ใบหน้าของสมุทรเริ่มเปลี่ยนสี
 
“จะทำไม..หะ” ผมพูดย้ำซ้ำคำเดิม ๆ ก่อนบดปากประทับลงที่ปากของอีกฝ่ายอีกครั้ง  สมุทรพยายามที่จะเบือนหน้าหนีตลอดเวลาทำให้การจูบไม่ตรงไปตามเป้าหมาย  มันจึงโดนเพียงปลายคางเท่านั้น  แต่อย่างนั้นผมก็ยังไม่ลดละ  ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะหนีอย่างนั้นผมก็จะทำอย่างที่ผมทำได้  ริมฝีปากขยี้อยู่ที่ปลายคางและใบหน้าจนเจ้าตัวเริ่มหายใจลำบากเพราะผลจากการถูกกดทับที่ต้นคอ 

“คุณไฟ..” สมุทรล็อกขอเสื้อผมขึ้นสูงมากขึ้น  มือของเขาสามารถจับเข้าที่ต้นคอผมได้แล้ว  ผมอมยิ้มรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร  สมุทรออกแรงบีบคอผมอย่างไม่มีความเกรงใจอีก  ผมแสยะยิ้มให้  ความทะเยอทะยานที่จะต่อสู้พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่รีรอ  สมุทรจ้องมองมา  เขาเริ่มลังเลที่จะบีบให้หนักขึ้นกว่าเก่าทั้งที่เขาสามารถทำได้  พออีกฝ่ายผ่อนมือออกผมจึงพุ่งเข้าหาอีกครั้ง  สมุทรผลักตัวผมออกแรง  ตัวผมที่เซถอยลุกขึ้นเดินเข้าหาซ้ำอีก  รอบตัวได้ยินเพียงเสียงการต่อสู้ที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างเราสองคน  ไร้กระทั่งเสียงพูด  มีเพียงเสียงลมหายใจ  ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะจบลงอย่างไร 


ผลัวะ!   

หมัดซ้ายของสมุทรที่ผมชื่นชอบนักหนาซัดมาเต็มแรงอย่างไม่ยั้งมือ  ผมเซ  มือเท้าไปที่ฝากระโปรงรถยนต์คันใกล้ ๆ ทำให้ทรงตัวไว้ได้  เราได้สติ ต่างหยุดหอบแรงทั้งคู่  การสู้แรงกันเพียงไม่กี่นาทีกลับทำให้เราเหนื่อยได้ขนาดนี้คงเป็นเพราะอารมณ์ที่ต่างก็ดุดันจะเอาชนะ  เพราะกำลังที่งัดออกมาเพื่อพยายามข่มจิตใต้สำนึกเอาไว้ไม่ให้ตัวเองปล่อยอารมณ์ที่แท้จริงออกมาจนหมดเปลือก  น้ำลายที่เพิ่งกลืนลงคอทำให้ทราบว่ามีเลือดผสมเข้าไปด้วย  ถึงแม้สมุทรจะเรียกสติผมไว้ได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความหงุดหงิดคาใจนั้นจะหมดไป  เราต่างไม่ขยับตัวอยู่พักใหญ่  ทำอย่างกับว่าใครเคลื่อนไหวก่อนแล้วจะพ่ายแพ้อย่างนั้น  ผมเอียงใบหน้าเล็กน้อยยอมความ  ขยับถอดแจ็กเก็ตยีนส์ออก  กุญแจรถถูกนำออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนเดินกลับไปยังรถ  สมุทรที่ยืนอยู่ใกล้รถของผมเคลื่อนไหวตาม

ทันทีที่รถถูกกดปลดล็อคสมุทรก็เอื้อมมือเข้ามาทำท่าจะคว้ากุญแจจากมือผมไป  ผมขยับมือหนี  แต่เขาก็ไม่หยุดการกระทำเดิม  มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกคล้ายกับตัวเองกำลังถูกปั่นหัว  เมื่อเปิดประตูรถออก  สมุทรก็กระแทกมือดันปิดประตูรถจนเสียงดังสนั่น  ผมหันหน้ากลับไปมองอย่างไม่เข้าใจ  หว่างคิ้วของผมมันตึงแน่นจนน่าหงุดหงิดรำคาญ  อีกฝ่ายจ้องมองมา  ใบหน้าของเขาสงบลงกว่าผมมากทีเดียว 

ลิ้นเดาะเข้ากับฟันบนจนออกมาเป็นเสียงสบถ  กุญแจในมือถูกขว้างออกไปในความมืด  มันกระเด็นไปไกลโดยอัตโนมัติ  สมุทรยังคงมองผมและหายใจสม่ำเสมอ  เขาหันหลังเดินไปหากุญแจก่อนก้มลงหยิบมันขึ้นมา  ผมเดินอ้อมไปยังที่นั่งฝั่งด้านข้างคนขับ  ลูกน้องใหม่ที่ซื่อสัตย์ในหน้าที่การงานกว่าอะไรยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองแม้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้  สมุทรขึ้นมานั่งที่นั่งฝั่งคนขับ  กุญแจรถถูกเสียบเข้าพร้อมสตาร์ท  เสียงล็อกประตูรถทันทีดัง “แกรก!”


..ลมแอร์ที่กำลังทำงานและเสียงคลอของมันเป็นสัมผัสแรกที่กระทบพวกเรา

ความมืดจากฟิลม์รถบวกกับความมืดยามค่ำคืนทำให้แทบมองเห็นด้านนอกได้ไม่ถนัด  พอ ๆ กับที่ด้านนอกคงมองไม่เห็นอะไรในนี้เลย  ผมไม่คิดจะพูดอะไรทั้งที่กระสับกระส่ายด้วยความไม่เข้าใจว่าสมุทรกำลังคิดอะไรอยู่  รถยังถูกสตาร์ทแช่ไว้อย่างนั้นโดยไม่เคลื่อนไหว  อารมณ์ที่ครุกรุ่นยังไม่ยอมสงบลงโดยง่าย  ผมเคยโกรธเกือบแทบกลายเป็นคนบ้า  แต่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน  จำไม่ได้แล้วว่าเคยโกรธหรือรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจในลักษณะเช่นนี้กับใครมาก่อนหรือไม่

“.........” กระดาษทิชชู่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า  ผมเพียงเหลือบมอง  มือปัดกระแทกปฏิเสธที่จะรับ  กระดาษทิชชู่ปลิวตกลงบนพื้น  อีกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหวชั่วครู่  กระดาษทิชชู่แผ่นใหม่ถูกนำมาให้อีกครั้งหนึ่ง  ครั้งนี้ผมช้อนตาขึ้นมอง

“อยากตายรึไง” คำถามที่ไม่เชิงเป็นคำถามเสียทีเดียว  คำตอบที่ไม่ได้รับนั้นมาพร้อมกับสายตาที่กำลังบอกว่าตัวเองรู้สึกผิดต่อการกระทำก่อนหน้ามากแค่ไหน   มันยิ่งทำให้ผมไม่อยากมอง

ร่างกายของผมเริ่มขยับอีกครั้ง  เหมือนกับมันฟังและทำตามคำสั่งของจิตใต้สำนึกผมในทันทีอย่างไม่รอฟังเหตุผลใด ๆ  คอเสื้อของสมุทรถูกกระชากดึงเข้ามา  ขณะเดียวกันผมก็พุ่งเข้าหาเขาอย่างไม่ลังเลในการกระทำ  แม้คนที่ถูกผมพุ่งเข้าใส่จะขืนตัวเองเอาไว้  แต่แล้วพื้นที่ในรถก็ทำให้เขาทำแบบนั้นได้ไม่สะดวกนัก  ปากของเราแนบสนิท  ดวงตาของสมุทรที่ปิดหนีจากการถูกบุกรุกอย่างกะทันหันกำลังลืมขึ้น  ร่างกายเราเริ่มขยับช้าลง  มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่กวาดไปมา  ผมผละปากออกเว้นระยะห่าง  มือซ้ายที่ว่างอยู่ขยับขึ้นและแตะลงที่ต้นขอของคนตรงหน้าอย่างเบามือ

ผมปิดเปลือกตาลงพร้อมกับแตะปากจูบลงที่เดิมซ้ำอีกครั้ง  ทุกอย่างนั้นเชื่องช้าไปหมด  มือซ้ายรับรู้ได้ถึงลำคอของสมุทรไว้เต็มฝ่ามือ  ความรู้สึกได้ถึงริมฝีปากคู่ตรงหน้าที่เริ่มขยับบ้างทำให้ผมลืมตาขึ้นมองอย่างแปลกใจ  พบว่าอีกฝ่ายกำลังหลับตาอยู่  มือซ้ายออกแรงลูบต้นคอของเขาหนักขึ้นพร้อม ๆ กับปากที่ได้ใจกำลังกดน้ำหนักมากขึ้นไปโดยอัตโนมัติ  ปากของผมขยับเกะกะไม่แพ้อีกฝ่าย  รับรู้ได้ถึงความลังเลของเราทั้งคู่  ผมหยุดชะงัก  ลืมตาขึ้นมอง  สมุทรก็ทำเช่นกัน


คำถามมากมายอยู่ในหัวผมและผมคิดว่ามันกำลังจะทำให้ผมเสียโอกาสไม่ว่าต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้น  มือซ้ายขยับขึ้นมาอยู่ระหว่างปลายคางของสมุทร  นิ้วโป้งแตะลงที่ริมฝีปากล่างก่อนคลี่ออกเบา ๆ  สมุทรเหตาลงแต่กลับไม่ห้ามปรามอย่างที่เคย  ทันทีนั้นปากผมก็กดจูบลงก่อนที่จะตัดสินใจอะไรไปด้วยซ้ำ  รู้สึกขาดความปราณีต่อการกระทำอีก  ผมต้องการลิ้มรสจูบนี้ให้มากขึ้นว่ามันควรจะใช่ความรู้สึกที่ผมสงสัยหรือไม่  ลมหายใจเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผมเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง  ลิ้นที่สอดแหย่เข้าไปลองเชิงทีละน้อยทำให้ปากของเขาเริ่มเปียก  เสียงเคล้าจูบเบาลงคล้ายพักหายใจ  เราต่างลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง  นิ้วกลางและนิ้วชี้ที่มือขวาเกลี่ยไล่จากใบหูกลับไปยังคอเสื้อของสมุทรตามเดิม  เสื้อถูกขยุ้มไว้ในมือ  ผมเอียงใบหน้าต่ำลงพลางช้อนริมฝีปากขึ้นต้อนอีกฝ่ายอีกครั้ง  ทันทีนั้นคนตรงหน้าก็ขยับตัวคล้ายทำตอบผมเช่นกัน
 
รสจูบหนักขึ้นกว่าก่อนหน้าจนความร้อนในร่างกายพุ่งขึ้น  ความเซ่อซ่าระหว่างเราทั้งคู่แทบหายไปหมดสิ้น  มือขวาสมุทรช้อนต้นคอผมประคองไว้  จับอย่างกับกลัวว่าผมจะเจ็บไป  ผมควานหาที่เอนเบาะก่อนกดปลดล็อค  เบาะฝั่งของผมถูกเอนลงไปทางด้านหลังเล็กน้อยด้วยแรงจากตัวผม  มันเอนไปไม่มากนัก  เพียงเพื่อให้สะดวกเท่านั้น  สมุทรที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับต้องเท้าแขนไว้บนเบาะของผมทั้งสองข้างเพื่อที่เขาจะได้ไม่ล้มทับมา  คอเสื้อของเขาไม่ถูกผมผ่อนแรงให้เลย  การสอดลิ้นเข้าไปในปากเขาอีกครั้งทำให้อีกฝ่ายต้องตวัดลิ้นกระทบกลับมาไม่อย่างนั้นเขาคงหายใจไม่ทัน  นั่นจึงทำให้เป็นการบุกรุกที่คืบหน้า  เสียงหอบจวนแทบกลายเป็นเสียงคราง  ปากล่างของเราต่างเปียกแฉะ  จมูกที่กระทบถูเป็นครั้งคราวทำให้ได้ยินเสียงหอบหายใจ 

แม้เขาจะถูกบังคับให้การจูบและเขาคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากำลังตอบสนองอยู่  ไม่ว่าเขาจะจูบผมตอบด้วยเหตุผลเพราะเหตุใจ สมเพช ขอโทษหรือความหมายใดก็แล้วแต่  ผมแค่เตือนสติว่า ผมไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่  การเคลื่อนไหวสุดท้าย ผมเกลี่ยไล่จมูกหยอกเขาอย่างยียวน  ไม่เข้าจูบตรง ๆ  สมุทรหยุดนิ่งมองการกระทำของผมไม่ขยับ  ผมเองก็กวาดตามองเขาอยู่อย่างไม่ว่างเว้น  กวาดมองอย่างเต็มไปด้วยความกระหายอยู่เช่นนั้น  แต่กลับไม่เป็นฝ่ายทำอะไรอีก  จนอีกฝ่ายประกบปากเข้าหาผมก่อนตรง ๆ เป็นครั้งแรก  เมื่อปากถูกสอดเข้ามาอย่างดุดัน  ร่างกายจึงขยับตอบสนองกลับไปอย่างไม่รีรอ  สมุทรเอนหลังกลับไปพิงที่เบาะของตัวเองตามแรงจากตัวผม  ผมเท้าแขนไว้ที่เบาะทั้งสองข้าง  จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าอารมณ์หลังจากนั้นมันเย็นลงเมื่อไหร่  มันเป็นจูบที่บ้าและนานมากเท่าที่เคยมีประสบการณ์มา   

ผมจำไม่ได้ว่าผมกลับถึงบ้านกี่โมง  สมุทรไม่ถามสักคำว่ารถคันนี้เป็นรถของใคร  เขาเลือกที่จะขับกลับไปส่งผมที่บ้าน  เลือดที่ปากแห้งสนิทไปแล้ว  เราเงียบตลอดทางระหว่างกลับบ้าน  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าผมรู้สึกต่อเหตุการณ์เมื่อครู่นี้แบบไหน  พี่ธานออกมายืนรอผมอยู่ที่หน้าบ้านอย่างกับรู้จากใครมาว่าผมออกไปข้างนอกเพียงคนเดียว  ไอ้โปรดหรือไอ้คินอาจจะฟ้อง  พี่เขาถึงได้แหกตาตื่นรอผมอยู่แบบนี้  ผมลงจากรถ  เดินผ่านพี่ธานไปโดยไม่ทักทาย  พี่เขาทราบดีว่ารถคันนี้เป็นของไอ้โปรดและถ้าหากเขาเห็นว่าผมไม่ได้มาคนเดียวก็คงจะเข้าใจในสถานการณ์ว่าในฐานะมือขวานั้นควรจะจัดการกับคนที่มาส่งผมนี้ด้วยอย่างไร


- - - - - - - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2017 16:38:26 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

07:10 น. : บ้านเลิศประสงค์

ห้องนั่งเล่นยามเช้าประชุมพร้อมไปด้วยพี่ธาน  ไอ้เข้มและไอ้เด่นที่รอผมกันพร้อมหน้า  ผมยังไม่ได้อาบน้ำ  วันนี้ตื่นสายกว่าปกติเพราะเมื่อคืนกลับดึก  และเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้นอนไม่หลับ  เผลอหลับไปได้เมื่อตอนรุ่งสาง  เช้านี้เลยลงมาทั้งชุดนอน  พวกมันพากันมองหน้าผมกะหลับกะเหลือ  แผลจากการถูกชกเมื่อคืนคงส่งผลทำให้มีสีช้ำที่มุมปากและดึงดูดความสนใจของพวกมัน

“หน้ากูเหมือนญาติฝ่ายไหนของพวกมึงเหรอ” ผมถามส่ง ๆ เสียงต่ำลงอย่างเหนื่อยหน่าย  โทรศัพท์มือถือของผมที่นำไว้ใช้สำหรับเรื่องงานวางหราอยู่กลางโต๊ะ  ผมนั่งลงที่โซฟาพร้อมหยิบมันมาเปิดดู  ภาพศพของไอ้มงคลสามรูปเด่นชัดว่าเสียชีวิตแน่นอน  เมื่อแน่ใจแล้วจึงกดลบรูปภาพออกจากเครื่อง  น้ำเปล่าแก้วของผมที่วางอยู่กลางโต๊ะเตรียมไว้พร้อม  ถูกผมยกขึ้นดื่มจนหมดแก้วก่อนพ่นลมหายใจออกทางปาก  พวกมันนั่งเงียบรอฟัง  ผมตาลอยมองโทรทัศน์ด้านหน้าอยู่พักหนึ่ง

“สั่งจบงานกับพี่ศรไปก่อน ส่งค่าแรงให้แกไป” ผมพูดขึ้นและเว้นจังหวะเงียบอีกครั้ง

“มึงคอยตามประกบไอ้เอก” ผมสั่ง  เหลือบตาดำมองไปทางไอ้เข้มที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ

“ไม่ต้องลงมืออะไร ระหว่างนี้รอพี่ทัพ” ผมขยายความ

“ครับ” ทั้งสามคนขานรับ

“เป็นไปได้กูจะลงมือเอง” ผมพูดบอกเผื่อเป็นนัยยะว่าให้รอฟังคำสั่งจากผมเท่านั้น  ห้ามแตะต้องไอ้เอก

“ครับนาย” ไอ้เข้มผงกหัวรับทราบ

“แล้วรถที่ออกจาก Blackfoot เมื่อคืนมันขนอะไร” ผมถาม  เอื้อมหยิบเหยือกน้ำเปล่ารินเติมใส่แก้วอีกครึ่งแก้ว
 
“ไม่ทราบครับ เห็นแต่ว่าเป็นกล่องสีดำ ขนาดค่อนข้างใหญ่ สองคนแบก..หลายกล่อง มันขนเข้าไปที่โรงแรม Tsmith” ไอ้เข้มตอบ
 
“Tsmith ? โรงแรมของไอ้กายไม่ใช่เหรอ” ผมเหล่มอง

“ครับ” ไอ้เข้มผงกหัว

“พวกมันใช้ด้านหลังโรงแรมในการขน การ์ดเยอะมากครับ แต่แถวนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดเลยสักตัว”

“งั้นเหรอ” ผมพ่นหัวเราะ

“แล้วคนของเราเจออะไรใน Blackfoot บ้างไหม”

“ครับ..ห้องฝั่งทิศตะวันออกของร้าน มีการ์ดของร้านสลับเข้าไปในนั้นบ่อย ๆ  คล้ายกับองศาเดียวกับด้านหลังที่มันใช้ขนของออก มีการ์ดประจำหน้าห้อง ไม่ใช่ทางที่ลูกค้าควรผ่าน” ไอ้เข้มตอบด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนัก  ผมพยักหน้ารับทราบ 

“เท่านี้ใช่ไหม” ผมถาม

“ครับ”


ก๊อก  ๆ ๆ

“ตั้งโต๊ะแล้วนะเฮีย” พายุเดินมาบอก  ผมปัดมืออนุญาตให้พวกมันแยกย้ายกันไปกินข้าวเช้า 

“ดูเหนื่อยนะครับ” พี่ธานทัก 

“หึ” ผมยิ้มนิดหน่อย  ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมด  อีกฝ่ายไม่เซ้าซี้ถามเกินควร  ผมลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น  ขณะเดียวกันก็สวนกับคนที่เพิ่งมาถึงพอดี  สมุทรหยุดชะงักด้วยใบหน้าตกใจที่พบหน้าผมกะทันหัน  ก่อนที่ดวงตาจะกวาดมองมาที่มุมปากของผมและจับจ้องมันอยู่จุดเดียว   

“สวัสดีครับ” สมุทรผงกหัวทักทายพายุ  พายุผงกหัวยิ้มให้น้อย ๆ

“ปากเฮียไปโดนอะไรมาน่ะ” พายุขมวดคิ้วสงสัย

“คู่นอนเมื่อคืนซาดิสม์ไปหน่อย” ผมตอบ  จงใจแกล้งกวนไปถึงคนข้าง ๆ ที่ยืนอยู่ด้วย  ผมเดินออกมาไม่ฟังเสียงพายุที่บ่นไล่หลัง “แผลเก่าเพิ่งหาย ได้แผลใหม่มาอีกละ”

“วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ” ผมถามระหว่างอาหารเช้า  สมาชิกร่วมโต๊ะวันนี้มีเพียงผม พี่ธานและพายุ  ส่วนไอ้ดินออกไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว  เห็นว่ามีกิจกรรมที่ต้องเข้าร่วมเลยต้องไปโรงเรียนเช้าผิดเวลา

“ไม่มี วันนี้ก็เลยว่าจะออกไปซื้อของมาทำเบอร์เกอร์มื้อเย็นอะ” พายุตอบ  ผมกินไปฟังไป 

“พี่ธานเอาไส้กรอกด้วยไหม” พายุถาม 

“ครับ” พี่เขายิ้มตอบ 

“ยาทาแผลในปากค่ะคุณไฟ” ป้าอิ่มนำกระปุกยามาวางลงข้าง ๆ มือ  ผมเหลือบมอง

“ขอบคุณครับ” ผมพูด  เธอยิ้มอ่อนโยนก่อนออกจากห้อง  ความเงียบบนโต๊ะทำให้ผมช้อนตาขึ้นมองน้องชาย  และคิดว่ามันน่าจะเป็นคนสั่งให้ป้าแกนำยานี้มาให้ 

“วันหลังก็เลือกคู่นอนหน่อยสิ” มันประชด  ทำหน้าเมินกลับไปตั้งใจกินอาหารต่อ

“จิ” ผมกลอกตา  ปากเคี้ยวอาหารแรงขึ้นด้วยนึกหงุดหงิดขึ้นมาดื้อ ๆ แต่ไม่คิดที่จะปฏิเสธประเด็นซาดิสม์ที่น้องชายเชื่อไปแล้ว
เรื่องเมื่อคืนหวนกลับมา  ฉากต่อฉาก  คำถามที่ต้องการคำตอบ  ความหงุดหงิดจากพฤติกรรมแปลก ๆ แทบถูกลบไปหมดเมื่อความรู้สึกถึงรสชาติของจูบนั้นแรงมากกว่า  มันขยับเข้ามาแทนที่ขนาดที่แทบบดบังทุกอย่างได้มิดสนิท  ลมหายใจ น้ำหนักที่ลง  แล้วการกระทำอย่างนั้นยิ่งทำให้ผมเริ่มเข้าข้างตัวเองขึ้นมา  เสือกเป็นประเด็นเพิ่มมาทำให้คิดไม่ตกตั้งแต่เมื่อคืน

“อ้ากกกกกกกก!” เสียงตะโกนดังลั่นขึ้นกลางโต๊ะอาหารทันทีที่ภาพในหัวคิดไปเองต่าง ๆ นา ๆ  สายตาคู่นั้นที่มองระหว่างจูบกันก็ลบภาพไม่ออกจากหัวผมเลย  ผมควรต้องรีบดึงสติกลับมาซะ  อ้า.. น่าหงุดหงิดฉิบเป๋ง  ไม่รู้อารมณ์ไหนเป็นอารมณ์ไหนแน่ มันมั่วไปหมด
 
“อะไรของเฮียเนี้ย” พายุตกใจตาโต
 
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจแรง  ทิ้งช้อนส้อมลงบนจาน  นำมือลูบหน้าตัวเองขึ้นทั้งสองมือพร้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้
 
“หงุดหงิดฉิบหาย” ผมพึมพำ  ตามองเพดาน

“...หงุดหงิดโว้ย!” ผมนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น  ทั้งพี่ธานและพายุหุบปากเงียบ

“อิ่มแล้ว” ผมตัดบทลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร  คนร่วมโต๊ะมองตามแต่ไม่เอ่ยปากห้ามอะไร  ยาทาแผลถูกหยิบติดมือออกมาด้วย  ผมตรงขึ้นห้องนอนทันที  อยากอาบน้ำให้สมองโล่งกว่านี้สักหน่อย

.
..
“ผมขอโทษนะครับที่ผมลงมือไปแบบนั้น”

เสียงพูดคุยดังออกมาจากห้องครัวไทยแบบเปิดโล่งทางด้านหลังบ้าน  หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย  พบว่าทุกคนแยกย้ายกันไป  ผมจึงกลับเข้าไปทำงานในห้องทำงาน  วันนี้ไม่มีภารกิจที่จะต้องออกไปทำข้างนอก  เลยถือเสียว่าหยุดให้พักผ่อน  เวลาใกล้เที่ยงเต็มแก่  ผมวางมือจากตัวเลขของบัญชีจากที่ลูกน้องที่เชียงใหม่ส่งมาให้ลงมาที่ด้านล่างแต่ไม่พบใคร  ที่โรงฝึกก็ไม่มีใครอยู่  ได้ยินเสียงคุยกันเจี๊ยวจ๊าวแว่วดังมาจากด้านหลังบ้านจึงกะว่าจะเดินมาดูว่ามีใครอยู่บ้าง
 
“ไม่หรอก พี่เข้าใจ” พี่ธานตอบนุ่มนวล  มีติดปลายเสียงหัวเราะในลำคอนิด ๆ  ผมจึงสั่งให้ตัวเองหยุดยืนแอบฟังอยู่ตรงประตูทางออกโดยอัตโนมัติ  ประโยคแบบนั้นคาดว่าน่าจะได้ยินอะไรเพิ่มเติม  เพราะผมยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ธานฟังเลย

“ผมก็เข้าใจอยู่หรอกครับว่าอีกฝ่ายเป็นคนโมโหแรง แต่..เมื่อคืน สิ่งที่คุณไฟทำก็ทำเอาผมหงุดหงิดเหมือนกัน” สมุทรพูด  คำพูดเชิงบ่นให้ฟังกลับใช้น้ำเสียงเรียบ ๆ น่าฟัง  ผมหันหลังพิงกำแพงไว้  มือล้วงกระเป๋ากางเกงไปพลาง

“แต่กล้าเหมือนกันนะ หึ” พี่ธานพูดคล้ายชื่นชม

“ครับ เสี่ยงน่าดู” สมุทรตอบ  ทั้งสองคนทิ้งน้ำเสียงอึดใจหนึ่ง

“ปกติคุณเขาก็ไม่ใช่คนโมโหง่ายหรอกนะ” พี่ธานพูดขึ้น  เสียงคล้ายกับช้อนเคาะลงที่ปากกะละมังดัง เก้ง ๆ คลอไม่ดังนัก

“ครับ ผมพอจะดูออก..หลายครั้ง เหมือนคุณเขาพยายามควบคุมตัวเอง” สมุทรพูด 

“คงเพราะรู้ว่าถ้าตัวเองโมโหขึ้นมาจริง ๆ ...” เขาทิ้งน้ำเสียงที่จะพูดต่อให้จบประโยค

“ตั้งแต่ที่สมุทรมาอยู่กับพวกเรา พี่ว่านายยังไม่เห็นที่คุณเขาโมโหจริงสักรอบเลยนะ” พี่ธานใช้น้ำเสียงติดทะเล้นนิดหน่อยเหมือนกับจะเบี่ยงประเด็นไม่ให้จริงจังนัก  สมุทรหัวเราะน้อย ๆ ไม่ปฏิเสธ

“อ้า แต่อาจมีครั้งนึง ที่พัทยากับคนของเสี่ยปรีดาน่ะ แต่นั่น..สำหรับพี่ยังนั่นยังไม่ใช่ที่สุด ฮ่า ๆ ๆ”

“กับลูกน้องที่ทำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ถึงคุณเขาจะโมโห แต่ก็แค่แป๊บเดียวนะ คุณเขาไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยหรอก แต่กับสมุทร..ไม่ใช่” พี่ธานพูด  น้ำเสียงหนักแน่นจนใจผมชักเต้นผิดจังหวะ  มันเหมือนกับว่าเรากำลังจะได้ฟังความในใจจากใครสักคนแบบที่นั่นจะออกมาจากใจจริง

“พี่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืน พี่ไม่เห็นกับตา ดังนั้นพี่พูดอะไรไม่ได้ นายเล่าเรื่องเมื่อคืนนี้หมดทุกอย่างยังล่ะ..” พี่ธานย้ำถาม  มีความเจ้าเล่ห์จับผิดเห็นเด่นชัดว่าไม่เชื่อว่าสมุทรได้เล่าทุกรายละเอียดแล้ว  สมุทรไม่ตอบ

“เอาเถอะ พี่คิดว่าสมุทรน่าจะมองออกนะ คุณเขาไม่เคยเป็นแบบนี้หรอก ไม่ตามหรอก ที่ผ่านมาไม่เคยตามใครไป” สิ้นเสียงจากพี่ธานก็ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากคู่สนทนา

“แล้วก็ ส่วนตัวพี่คิดว่าสมุทรทำไม่ถูกตั้งแต่แรก”

“ครับ ผมทราบดี” สมุทรตอบ

“เราจงใจไม่โทรกลับ ทำแบบนั้นทำไม มีอะไรรึเปล่า ?” พี่เขาถาม  แต่สมุทรกลับไม่ตอบ  นั่นคือประเด็นที่ผมเองก็สงสัยไม่ต่าง 

“คือว่า คุณพลอยเธอ..”

“ชอบคุณพลอยเหรอ ?”

“เปล่าครับ” สมุทรตอบ

“..คือว่า” เจ้าตัวอ้ำอึ้งก่อนที่ทั้งคู่จะเงียบไปครู่หนึ่ง

“หึ ช่างมันเถอะ เล่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” พี่ธานตัดบท
 
“แล้วเป็นไงบ้าง วันที่ไปเดทกับคุณเขาน่ะ” พี่ธานตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงแซว ๆ จนผมถึงกับพ่นลมหายใจออกทางปากและอดอมยิ้มไม่ได้ที่พี่ใหญ่ถามอะไรชวนขนลุกหู  ขาที่ทำท่าจะก้าวเดินหนีกลับหันกลับมาอยู่ที่เดิมเพื่อรอฟังคำตอบ  ฟังสักหน่อยคงไม่เป็นไร  มือซ้ายลูบขึ้นที่ท้ายทอย  หน้าก้มลงมองปลายเท้ารออย่างตั้งใจ

“จะสถานการณ์ไหนก็ยังเป็นคนที่รับมือยากเหมือนเดิมละครับ” สมุทรตอบเสียงเข้ม

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” คนฟังถึงกับหัวเราะชอบใจออกมา

“ถูกจูบไปบ้างแล้วรึยัง ?” ผมยิ้มกว้างกับสิ่งที่พี่ใหญ่มาหลอกถามกับสมุทรแทนที่จะถามผม

“.........” สมุทรไม่ตอบ

“เรียบร้อยแล้วสินะ กี่ครั้งเหรอ พี่ขอทายได้ไหม”

“อย่าทายเลยครับ” สมุทรรีบห้ามปราบทำเอาพี่ใหญ่หลุดขำ

“พี่ธานมีความอดทนสูงดีนะครับ” พี่ใหญ่ของบ้านถูกชม

“เปล่าเลย พี่ไม่เคยใช้ความอดทนกับการอยู่กับคุณไฟนะ” พี่ธานตอบทันที 

“คุณเขานิสัยเหมือนคุณพ่อกับคุณปู่ผสมกันน่ะ”

“ไม่ใช่คนร้ายกาจซะทีเดียวหรอก แต่แค่ไม่ใช่คนขี้สงสารอะไรง่าย ๆ  เรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณท่านที่มักใจอ่อนกับคนที่ท่านไว้ใจแล้วถูกหักหลังบ่อย ๆ  คุณเขาฝังใจ..ก็เลยเป็นแบบนั้น ส่วนนิสัยทะลึ่งทะเล้น ไม่ไว้หน้าใครนี่ติดมาจากนายใหญ่ คุณปู่น่ะ แกค่อนข้างนักเลง”

“ใช้ความเข้าใจ เรา..ไม่เคยใช้ความอดทนในการอยู่ร่วมกันหรอก” พี่ธานพูด

“สมุทรใช้งั้นเหรอครับ ?” พี่เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

“ก็ไม่เชิงครับ กับคนแบบนั้นบางมุมมันก็ต้องมีบ้าง ผม..คงภูมิต้านทานต่ำไปหน่อยละมั้ง” สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เช่นกัน

“หึ ๆ ๆ พี่ว่านายไม่ได้ใช้หรอกไอ้ความอดทนน่ะ แต่นายแค่ไม่รู้ตัว” พี่ธานแซว  อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ

“ถามอะไรหน่อยได้ไหม ?”

“ถ้า...” อยู่ ๆ น้ำเสียงของพี่เขาก็เปลี่ยนไป  มันเป็นการเอ่ยอย่างเบาบางจนรู้สึกผิดแปลก

“ถ้าพี่ไม่บอกให้สมุทรคิดดูเรื่องที่ออกไปกับคุณเขาสองคน สมุทรยังจะตอบรับที่จะออกไปอยู่ไหม ?” พี่ธานถาม  คำพูดประโยคกระชับสามารถเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายทำให้ผมรู้สึกหน้าชามากกว่าจะโกรธหรือโมโห  แต่อย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอยากฮึดฮัดต้องการชกหน้าใครสักคน  ความสับสนงงงวยเหมือนกับได้รับทราบความลับที่ถูกเปิด  และได้สตินึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา  คำถามดูเหมือนจะไม่ถูกให้คำตอบ  เสียงทางด้านหลังครัวเงียบไปสนิท

“พี่สมุทรคร้าบ! วานหยิบตะกร้าให้หน่อยคร้าบ!” เสียงไอ้เด่นตะโกนดังมาจากทางสวนผัก

“มึงก็ไปหยิบเองสิวะ!” ไอ้เข้มต่อว่าน้องชาย 

“เดี๋ยวพี่เอาให้” สมุทรขานรับ  ผมยังคงยืนเฉยอยู่อย่างนั้น  สมุทรที่อยู่ด้านนอกเดินผ่านหน้าผมไปเพื่อหยิบของตามที่ถูกไหว้วาน  เขาเดินผ่านหน้าผมไปถึงสองรอบโดยไม่ทันหันมาสังเกตเห็นว่าผมยืนร่วมวงสนทนาอยู่ด้วยพักหนึ่งแล้ว

“คุณไฟ” พี่ธานที่จะกลับเข้ามาในห้องครัวในบ้านถึงกับหยุดยืนตาเบิกกว้างที่เห็นผมยืนพิงกำแพงอยู่  ผมมองเฉย  ไม่ได้โกรธหรอกแต่ว่า.. ความรู้สึกมันเฉยมากแบบที่ไม่อาจแสดงอารมณ์ใดต่อคนตรงหน้าที่หวังดีได้ 

“สรุปว่า” ผมเอ่ยเสียงเบา 
 
“ที่หมอนั่นยอมออกไปกับผมง่าย ๆ เพราะเกรงใจพี่สินะ”

“คือ..” พี่ธานอ้ำอึ้ง  สบตาผมเพียงครั้งคราวเท่านั้น  แถมยังไม่ให้คำตอบฉะฉานอย่างทุกครั้งด้วย

“ผมก็รู้ลึก ๆ อยู่หรอกว่าหมอนั่นจะต้องเห็นว่ามันคือหน้าที่ แต่ไม่คิดว่าจะถูกขอร้องมาจากพี่ใหญ่ด้วย พอดีเลย..ผมกำลังเอาเรื่องเมื่อคืนมาปะติดปะต่อให้คิดเข้าข้างตัวเองอยู่พอดี” ผมยิ้มมุมปาก  ตาสว่างได้สติกลับมาพอสมควร  ถ้าผมไม่ทราบเรื่องนี้ผมจะคิดไปเองกระโดดโลดเต้นออกไปอีกหลายกิโลเลยมั้งครับ  ไม่ว่าในเรื่องอะไร..การคิดไปเองมันค่อนข้างเป็นกรณีใหญ่อยู่นะครับ   

“คุณไฟครับ คือว่า” พี่ธานหน้าเจื่อน

“พี่ธานครับ ผมว่าจะทำกะทิก่อน” สมุทรที่ตามหลังมาถึงกับชะงักงันไปอีกคน  ในมือของเขาถือกะละมังที่มีกากมะพร้าวอยู่ในนั้น  เจ้าตัวคงเห็นสถานการณ์จากเราสองคนและอ่านออกจนหมด  เขาจึงนิ่งลงเช่นกัน  เราสามคนเงียบสนิท 
 
“ดีจังเลยน้า ลูกน้องรักกันเนี่ย” ผมสบถหัวเราะ  ประชดติดตลกก่อนหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน 



...............(ไฟ)..............

 :m16::angry2::ruready:-[:L3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2017 18:34:28 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
เชื่อมั้ยคะว่าอ่านตอนนี้ละเราหัวร้อน มือสั่นมากๆ ประหนึ่งเป็นไฟเอง
ตั้งแต่อ่านมาไม่เคยเข้าใจความรู้สึกไฟได้มากเท่าตอนนี้เลย
ความรู้สึกที่เหมือนกับเราเป็นตัวตลก วิ่งพล่านอยู่คนเดียว
มันไม่สนุกซักนิด อ่านตอนนี้จบแอบเกลียดสมุทรขึ้นมาเลย

จริงๆสมุทรอาจเเค่ตามน้ำ เพราะในใจก็คงคิดเยอะเหมือนกัน
ความอยากรู้ อยากแน่ใจ อยากเห็นว่าสิ่งที่ไฟเคยบอกมันจริงรึเปล่า
มาคราวนี้นี่จี้ถูกจุดเลยทีเดียวว่ามั้ย แจ่มชัดดีมั้ยล่ะ หวังว่าจากเหตุการณ์คราวนี้
มันคงจะทำให้อะไรๆในหัวสมุทรมีความชัดเจนขึ้นบ้างอะนะ หึ
พลอยเองก็ใช่ย่อย เธอฉลาดทีเดียว ที่เป็นคนเริ่มเกมส์นี้ และเพราะความฉลาดของเธอ
ในตอนนี้ก็คงได้รู้ ว่าคนที่ถูกตามถูกหวงมันดันไม่ใช่ตัวเองซะนี่ เธอเลยไม่สนุกซะเเล้ว

อารมณ์เรานี่เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงตามไฟเลยล่ะค่ะ เบบี้ อินขั้นสุด
จะไม่แปลกใจซักนิดถ้าตอนต่อๆไปไฟจะเฉยขึ้น ละอาจจะมีอีกคนดิ้นซะเอง
จุดพีค จุดเสียสติ มันผ่านไปแล้วซะด้วย นี่รอดูอย่างเดียวเลยค่ะว่าจะเป็นยังไง
พอคนเรามันได้บ้ามากๆ หลังจากนั้นสติเข้าร่าง ความเป็นจริงจ่ออยู่ตรงหน้า...
เราจะรู้ตัวเราเองว่าเราควรทำยังไงค่ะ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเตือนซักนิด

พี่ใหญ่ก็นะ ความหวังดีที่บางทีเราก็ไม่ต้องการอะ เข้าใจมั้ยคะ
มันก็ยังดีที่ได้รู้วันนี้ อย่างที่ไฟบอก การคิดไปเองนี่มันเรื่องใหญ่มากนะ
ใหญ่มากขนาดที่เปลี่ยนจาก"ใช่"เป็น"ไม่"ได้เลย
ฉะนั้น ยืนอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆอาจจะช่วยพี่ใหญ่ได้ในจุดๆนี้ค่ะ

ปล.ขอบคุณเบบี้มากๆที่เขียนตอนนี้ขึ้นมาให้เราอินได้ขนาดนี้
ขอบคุณที่มาต่อ และเราจะเฝ้ารอตอนต่อไปแน่นอนค่ะ






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2017 18:50:38 โดย Ball »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
โอ้ยยยยย หงุดหงิดสมุทร มีอะไรทำไมไม่พูดดดดดด
#ทีมไฟ มีความเครืองพี่ใหญ่
แต่ตอนนี้ไฟนี้มันไฟจริงๆนะลนไปหมด สติคะไฟแล้วค่อยเฉือดนิ่มนิ่ม

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
อร๊ายยยย เบบี้มาแล้ววววว คิดถึงมากกกกกก   :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
โอ้ยยยย อินมาก ทีมไฟค่ะ ฮืออออ ฉากจูบทำเอาเราใจสั่นเลย นี่สิที่ต้องการรีี

ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เจ็บแทนไฟอ่ะ อ่านแล้วน้ำตาไหลเฉย เหอๆ

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คนที่รู้สึกมากกว่าก็เงี้ย ตอนไฟสับสนว่าจะคิดไปทางไหนเราว่าน่ารักดีนะ แต่พอเจอความจริงแสกหน้า ก็นั่นล่ะ ไม่เจ็บละ ชินและชาแทน
 :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
บีบหัวใจ ขอเทสมุทรทีเถอะ รำคาญ!
ไฟกลับมาเป็นนายใหญ่ที่ไร้ใจเหมือนเดิมเถอะ อย่าให้ใครเขามาทำให้เป็นตัวตลกที่ดิ้นพล่านไปเองอีกเลย ให้คนอื่นดิ้นตายกันซะบ้าง

ออฟไลน์ PYonG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Sadistic_seme

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
เป็นการจูบที่ดิบเถื่อนมาก สุดยอด :hao7: ไฟอารมณ์รุนแรงจนน่ากลัว ขนาดจูบยังขนาดนี้ถ้า.....จะขนาดไหน :hao6:
ยังเดาใจสมุทรไม่ออก ไม่รู้ว่าคิดอะไร นิยังมาจูบตอบคุณไฟอีกน่ะ
แต่คิดอีกที ถ้าไม่มีใจจะยอมเหรอ  :katai1: ถึงพี่ธานจะหว่านล้อมก็เถอะนะ


ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
อ่านแบบกลั้นหายใจอ่าน อ่านแบบรวดเดียว
รู้สึกโกรธแทนไฟ ผิดหวัง ความรู้สึกลึกๆมันเหมือนตกลงมาจากตึก
มันค้างงงงงงงงงงงงงงงง  :ling1:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
สงสารไฟ นางเหมือนคนที่เริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าตัวเองตกหลุมรักใครบางคนอย่างปฏิเสธไม่ได้ มันร้อนรุ่ม มันทุรนทุราย มันคงเกินคำว่าชอบไปมากแล้ว มันปล่อยวางไม่ได้ สักเพียงนิดที่เขาโต้ตอบมาก็พาลดีใจจนลืมทุกเรื่องก่อนหน้านั้นไปหมดว่าตัวเองมานั่งรอตรงนี้เพราะอะไร? คิดกังวลเรื่องอะไรอยู่? ระแวงอะไรอยู่? โกรธอะไรเขาอยู่? แม้จะพยายามดึงสติแต่ก็อดดีใจ อดแอบคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้

ความรู้สึกไฟ คงเหมือนตกจากที่สูง พอรู้เหตุผลที่สมุทรออกไปด้วยตามลำพัง ... เพราะพี่ธานขอร้อง  ไฟ....หนูเจ็บแค่ไหนลูก? สงสารไฟเหลือเกิน  :o7:  สมุทร ถ้าไม่มีใจ ก็ไม่ควรทำแบบนี้นะ นายกำลังปิดความรู้สึกตัวเองจริงๆอยู่หรือเปล่า? อย่าใจร้ายกับไฟกันนักเลย มีอะไร? คิดอะไร? ก็แสดงออกมาตรงๆเถอะ สงสารไฟ งืออออ  :monkeysad:

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
อ่าา ตอนนี้ไฟดู... ต้องการอะไรสักอย่าง
ความชัดเจนหรืออะไรแบบนั้น แต่ไฟก็ไม่ใช่คนน่าสงสารอ่ะ เลยบอกไม่ถูก
แต่จูบกันไปแล้ว มาขนาดนี้แล้วก็อย่าเทง่ายๆละกัน

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
ไปไม่เป็นเลย...สตั๊นไปเลย....

ไฟจะเอาไงต้อน้ออออ...

ทีมไฟเสมอค่ะ!!

รอตอนหน้า

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
อ่านละ ไม่ชอบสมุทรเลย
ไฟปรับสติ ถอยออกมาหน่อยนะ เหมือนบ้าไปคนเดียวเลย

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
คุณไฟฟฟฟฟฟฟ
อยากจะยื่นทิชชู่ให้
คือแบบตอนแรกอย่าว่าแต่คุณไฟคิดเลย
นี่ก็คิดนู่นคิดนี่ตามไปแล้วด้วย
พอมาตอนนี้คือเหมือนโดนตบหน้า

ออฟไลน์ kung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
จบค่ะ สมุทรทำเกินไปอะ เอาความรู้สึกคนมาทำแบบนี้ได้ไง เสียดายที่เชียร์มาตลอด ไฟปล่อยมือสมุทรเหอะ เค้าไม่เคยคิดแบบที่ไฟคิด กลับมาเป็นไฟที่พร้อมจะลุกโชนกับทุกสิ่งเหมือนเดิมดีกว่า เขาไม่รัก เราก็แค่เดินออกมา สมุทรเหมาะกับทุกคนแต่ไม่เหมาะกับไฟเลย อ้ำอึ้ง ทำเท่ เป็นคนดีตลอดๆ เก๊กยิ่งกว่าไฟเยอะ เอาจริงนะ สมุทรโคตรน่ามคาน  #เทสมุทรค่ะ #ทีมไฟ o13

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

ออฟไลน์ ดวงตะวัน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อยากให้ไฟเป็นฝ่ายที่นิ่งๆบ้าง ไฟเป็นคนแกร่งยุแล้วเรื่องแค่นี้จิ้บๆ ให้สมุทรได้ชะนีไปเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด