The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 445927 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
อ่านแล้วอ่านอีกคิดถึง
ชอบพี่ไฟ  :)

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
คุณไฟโหดจัง  ใครๆก็กลัวแม้กระทั่งน้องหมา555
เห็นแบบนี้แล้วสงสารสมุทรล่วงหน้าเลยถ้าได้มาร่วมทำงานด้วย

คิดถึงเพื่อนคุณไฟ ทั้งคุณโปรด โดยเฉพาะคุณโชอยากให้กลับเมืองไทย
สองคนนี้น่าจะไม่ค่อยกลัวคุณไฟ  แล้วคุณไฟก็ดูรักเพื่อนสองคนนี้มากๆด้วยเนอะ

ชอบตัวละครเรื่องนี้ดูมีเสน่ห์มากๆ ขอบคุณมากๆค่ะ :L2:

ออฟไลน์ Rhythm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อ่านตอนนี้แล้วเห็นชัดเจนเลยว่าไฟมีนิสัยที่สามารถ dominate คนอื่นๆ ได้เกือบหมด (สงสารดินจัง) แม้แต่หมาก็ไม่เว้น  แต่คนที่แทบจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับการกระทำของไฟเลยคือสมุทร  :hao3:

ขนาดปูพื้นเนื้อเรื่องละเอียดแบบนี้แล้ว ยังเดาอะไรไม่ได้เลย โชเพื่อนไฟก็น่าสนใจนะ ไม่รู้ว่าถ้ากลับมาเมืองไทยแล้วจะมีบทบาทมากขึ้นหรือเปล่า ตอนที่อ่านเกี่ยวกับโชแล้ว นึกถึงพายุขึ้นมาทันทีเลย นิสัยดูจะคนละขั้วกันสุดๆ ลุ้นๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
รอน้องสมุทรรรรร

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
อยากอ่านแล้ววววว มาเตอะค่าาา

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
รอออออออออออออ






อยู่นะ  คุณไฟ สมุทร  น้องเมฆ[/size]

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9

ออฟไลน์ โซดาหวาน

  • ชอบเกาหลี , คลั่ง วาย ~ , ♥ รักประเทศไทย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-1
พี่ไฟ...เค้ารออยู่น๊าาา~~

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ตอนที่ 9
..ไฟ..




22:10 น. บ้านเลิศประสงค์   

"เอ่อ..เฮีย" ผมละสายตาจากตารางแข่งมวยที่กำลังอ่านรายละเอียดอยู่หันไปมอง  ไอ้ดินเดินเข้ามาด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ มันหน้าสลดมาพร้อมกับถาดเครื่องดื่ม  พี่ธานกับพายุเหลือบมองเล็กน้อยก่อนหันไปสนใจโทรทัศน์ต่อทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น  ไอ้ดินวางน้ำเปล่าพร้อมกับ Loacker รสวานิลลาของโปรดของผมลงบนโต๊ะตรงหน้าก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ผมหันกลับมาสนใจงานต่อ  ตั้งแต่เมื่อวานที่ผมปล่อยอารมณ์กับมันไปผมก็ไม่ได้คุยกับไอ้ดินเลย  มันก็คงรู้ว่าผมโกรธอยู่  อีกฝ่ายถึงได้กลับบ้านแต่หัววันแล้วทำตัวเป็นเด็กดีแบบนี้

"เฮีย" ไอ้ดินเรียกผมเสียงอ่อนเสียงหวานอีกครั้ง
 
"อะไร" ผมถามกลับห้วน ๆ

"ดินขอโทษครับ" มันพูด  ผมนั่งนิ่ง  ไอ้ดินเองก็นิ่งไปเหมือนกัน

"ดินขอโทษ..เฮียอย่าโกรธดินเลยนะ คุยกับดินหน่อยสิ" น้ำเสียงของไอ้ดินเริ่มเครือ  ผมหันไปมองหน้ามัน  อีกฝ่ายตาเริ่มแดงด้วย

"กูเกลียดจริง ๆ ไอ้พวกที่ครอบครัวไม่มีปัญหา แต่เสือกทำตัวมีปัญหา" ผมพูดเสียงเรียบเหมือนกับเป็นการบอกใครสักคน  ไม่ใช่การบ่น  ไอ้ดินเริ่มจะสะอึก  ทุกคนพากันเงียบ  แม้พี่ธานและพายุก็ไม่ได้หันมามอง

"มึงทำผิดกี่ครั้ง น้ำตามึงน่ะ..ถ้าเอามารวมกันได้คงใช้แทนน้ำได้เป็นปีเลย หลวงคงไม่ต้องลำบากทำฝนเทียม" ผมว่าประชด  ทีนี้เองน้ำตาของไอ้ดินก็ไหลออกมาจริง ๆ มันปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ และก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น  ผมนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง  ไอ้นี่ก็นั่งสะอึกสะอื้นไม่หยุด 

"..มึงอยากได้อะไรกูก็ให้มึงทุกอย่าง" ผมพูดขึ้นพลางถอนหายใจเพราะชักจะเหลืออด  ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมเหนื่อยใจกับการกระทำของมัน  บางครั้งผมถึงกับต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าผมเป็นพี่ที่ไม่ดีพอหรืออย่างไร  ทำไมน้องผมถึงได้ชอบนอกลู่นอกทางนัก  ถ้าไอ้ดินเป็นคนที่มีจิตใจไม่หวนเหแบบพายุแล้วละก็  ผมคงจะปล่อยมันได้มากกว่านี้  คงไม่ต้องสร้างกฎเกณฑ์อะไร  แต่เพราะผมรู้ดีว่านิสัยของไอ้ดินเป็นยังไง  เพราะรู้ดี.. ผมถึงได้รู้เหมือนกันว่าถึงผมจะพยายามทำอะไรเพื่อมันไปมากกว่านี้  ผลลัพธ์ก็คงเท่าเดิม

"กูให้อิสระกับมึง อยากเรียนอะไร..อยากเล่นอะไร กูก็ไม่เคยขัด" ผมพูดทั้งที่ไม่มองหน้ามัน  มือวางเอกสารที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะก่อนกุมมือเข้าหากันไว้  ในห้องเงียบอย่างกับป่าช้าเพราะทั้งพี่ธานและพายุปิดเสียงโทรทัศน์ไปแล้ว  ทั้งสองคนนั่งอ่านงานของตัวเองกันเงียบเชียบ

"แต่ดูสิ่งที่มึงทำกับกูซิ..หนึ่ง มึงขี้โกหก" ผมว่า  ไอ้ดินสะอึกสะอื้นไม่หยุด

"สอง..มึงติดเพื่อน ไหนกูขอถามหน่อยซิ..ไม่อคติต่อกัน ว่าถ้าพวกมึงชวนกันเรียน กูจะหาเรื่องมาด่ามึงได้ไหม" ผมหันไปขมวดคิ้วใส่อย่างอดหงุดหงิดไม่ได้

"สาม..กูจะไม่มีปัญหากับมึงเลยถ้ามึงรู้ว่าเรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น" ผมพูดพร้อมถอนหายใจ 

"มึงจะเกเรยังไงก็ได้ไอ้ดิน แต่การที่มึงทำแบบนี้..มึงลองคิดซิว่า มึงเคยนึกถึงพวกกูที่หาเงินงก ๆ เอาชีวิตไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหาเงินมาให้มึงใช้บ้างไหม" ผมหันไปจ้องหน้ามันอย่างต้องการคำตอบ

"มึงคิดว่าที่นั่งกันอยู่อย่างสุขสบายอยู่ในตอนนี้นี่เงินมันหาง่ายเหรอ" ผมถาม  เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ผมได้จากพ่อ  ผมจดจำรายละเอียดมาตลอดว่าท่านต้องทำงานหนักแค่ไหน  อยู่จนดึกดื่นและเหนื่อยมากแค่ไหน  ท่านเสียสละตัวเองที่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นทั้งที่ไม่เคยบ่นอะไรเลยสักคำเดียว  ดูแลลูกน้องทุกคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้  ดูแลทุกคนในค่ายมวย  ญาติพี่น้องพ่อก็ไม่เคยทอดทิ้ง  และทุกครั้งที่ผมขอเงิน  ผมมักจะได้มาอย่างง่าย ๆ เสมอ  การได้เงินมาง่าย ๆ จากพ่อไม่ใช่เพราะว่าผมเป็นลูกที่พ่อรัก  แต่เพราะพ่อรู้ว่าผมให้เกียรติการใช้เงินที่พ่อให้นี้อย่างไร  มันเป็นการให้ที่ง่ายดายจนผมรู้สึกว่าทำไมพ่อถึงได้ให้กับผมได้มากขนาดนี้  ทุกครั้งที่ใช้เงิน  แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนประหยัดอะไรนักแต่เพราะการที่เห็นพ่อเป็นอย่างนั้น  ผมจึงพยายามมีสติในการใช้ชีวิตมาตลอด

"งั้นมึงมาเป็นกูดีไหมล่ะ แล้วกูไปเป็นมึง" ผมจ้องหน้ามัน  ไอ้ดินรีบส่ายหัวทั้งน้ำตา

"มึงน่ะ ไม่เคยหักห้ามใจตัวเองได้เลยว่าอะไรที่จะทำให้กูเดือดร้อนแล้วมึงไม่ควรทำ..มึงทำตามใจตัวมึงตลอด กูจะตายวันไหนก็ไม่รู้..แทนที่กูกลับมาบ้านกูควรจะได้สบายใจ แล้วดูพฤติกรรมมึงแต่ละวันซิ..ถ้ามึงแคร์ครอบครัวสักนิด มึงคงไม่ทำแบบนี้หรอก..มึงว่าไหม" ผมพูดเสียงเรียบเฉยเพราะผมเองก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน  สิ่งที่บั่นทอนร่างกายมากที่สุดคือความเหนื่อยใจ  การเลี้ยงไอ้ดินทำให้ผมรู้เลยว่าการเป็นพ่อแม่คนนั้นไม่ง่าย  ยิ่งมีลูกที่ไม่เชื่อฟังแล้ว  ยิ่งแทบหาความหมายของคุณค่าในตัวเราสำหรับลูกไม่เจอเลย

"กูเลี้ยงมึงไม่ดีเหรอ หรือกูบังคับมึงมากเกินไป" ผมพูดอย่างรู้สึกท้อใจ

"หรือยังไง..หรือมึงอยากจะไปอยู่กับพ่อมึง" ผมพูดคำพูดที่ไม่เคยพูดมาก่อน  ทำเอาพายุกับพี่ธานถึงกับหันมามอง
 
"ฮึก เฮีย..ดินขอโทษ" ไอ้ดินร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม  ครั้งนี้ทำให้มันเงยหน้าขึ้นมองผมทั้งน้ำตา

"มึงไม่ต้องห่วงหรอก ถึงมึงไปอยู่กับพ่อมึง..กูก็จะส่งเสียมึงเหมือนเดิม" ผมหันหน้ากลับ

"อึก..ไม่ไป" ไอ้ดินร้องบอกพร้อมเอามือมาจับแขนผมไว้ทั้งสองมือ  ผมเงียบ  พายุเหลือบมอง 

"ขอโทษครับ อึ..ก ดินไม่ไปนะ ดินจะไม่ทำแล้ว" ผมถอนหายใจแรงและไม่พูดอะไรอีก  ไอ้ดินจับแขนผมไว้ไม่ปล่อยอยู่ครู่ใหญ่  เหมือนกับกลัวว่าผมจะตัดสินใจให้มันไปจริง ๆ

"ดินไม่ไป" มันย้ำบอกผมเสียงเครือด้วยคำพูดเดิม ๆ พายุอมยิ้ม

"มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำ" ผมพูดขึ้น

"กูไม่เคยหวังให้มึงเรียนเก่งดีเลิศอย่างใครเค้าเลย..แต่กูแค่อยากเห็นความตั้งใจของมึง ..แค่นั้น" ผมหันไปมอง  ไอ้ดินพยักหน้ารับ  หน้ามันแดงก่ำ

"ถ้าภายในสามเดือนนี้มึงยังก่อเรื่องไม่หยุด มึงรู้ใช่ไหมว่ามึงจะโดนอะไร" ผมพูดขู่แต่คงจะไม่ใช่การขู่อีกต่อไปแล้วละมั้งครับ  เพราะที่ผ่านมาผมก็ลงไม้ลงมือกับมันจริง ๆ เสมอ  และผมเบื่อมากที่จะต้องถูกเรียกให้ไปพบครูบาอาจารย์ที่ห้องปกครองของโรงเรียนไอ้ดิน  ไอ้ดินพยักหน้ารับอีกครั้ง  มันปาดน้ำตาตัวเองไปมาจนพายุคงสมเพชเลยโยนกล่องกระดาษทิชชู่ให้ตรงเข้าเป้าไอ้ดินพอดีเป๊ะ  ไอ้ดินกอดกล่องกระดาษทิชชู่ไว้ก่อนจะดึงกระดาษทิชชู่ขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาทั้งที่สะอื้นไม่หยุด

"ไปนอน" ผมไล่ 

"ค้าบ" มันตอบเสียงเครือก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป  แถมยังกอดกล่องกระดาษทิชชู่ติดตัวไปด้วยอีก

"หึ" พี่ธานหัวเราะมองหน้าผม  ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ

"แล้วมันจะเอากล่องทิชชู่ไปทำไม" พายุมองตามอย่างสงสัยในความเบลอของไอ้ดินเพราะนั่นเป็นกล่องกระดาษทิชชู่ที่สำหรับไว้ใช้ในห้องนั่งเล่น  พวกเราพากันหัวเราะ

"ตกลง..เฮียจะกลับไปลงทุนผับกับป๋าใช่ไหม" พายุถาม
 
"อืม..ก็ป๋าเค้าโทรมาบอกว่าปฏิเสธไอ้กริดไปแล้วน่ะ" ผมตอบ 

"โห่ อย่างนี้ไอ้กริดมันไม่แค้นเฮียตายเลยเหรอ" พายุทำหน้าฉงน

"กูถึงบอกให้มึงระวังตัวไง" ผมว่ามันอีกคน  ไอ้นี่ก็ดื้อพอกัน 

"เฮ้อ! เฮียรึเปล่าที่ควรต้องระวังตัว" พายุว่ากลับพร้อมเมินหน้าหนีผมเหมือนไม่อยากจะพูดเรื่องเดิม ๆ ผมช้อนตามองค้อน

"มึงไม่รู้เหรอ ว่าที่จริงแล้วกูร่างเทพน่ะ" ผมได้ทีจึงกวนมัน  พายุหันมาเบะปากรับไม่ได้  เวลาที่ผมอวดเก่งกับพายุ  มันจะชอบทำหน้าแบบรับไม่ได้เสมอ  ซึ่งไม่เคยชมพี่ชายตัวเองให้รื่นหูบ้างเลย

"ย่าโทรมา!" จู่ ๆ พายุก็อุทานตาโตมองโทรศัพท์มือถือของมัน  ผมกับพี่ธานผงะทันที 

"เสร็จงานพอดี วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน" ผมบอกพี่ธานแล้วรีบเก็บเอกสารของตัวเองด้วย  พี่ธานก็ทำเช่นกัน

"เฮ้ย! เฮีย..พี่ธาน! หยุดเลยนะ! นิสัยเสีย หน้าด้านจริง ๆ เลย" พายุชี้มือมาว่าหน้าเสีย  ผมกับพี่ธานหัวเราะ
 
"กูกับพี่ธานเป็นพี่มึงนะ ปากมึงนี่แม่ง" ผมบ่นยิ้ม ๆ แล้วนั่งลง  พายุมองคาดโทษที่ผมจะหนีมัน

"ปกติเป็นแค่พายุที่ซื่อบื้อแท้ ๆ" ผมส่ายหัวบ่นไปมาเพราะทีอย่างนี้ดันเสือกรู้ทัน  พายุหน้างอที่ผมไปว่ามันแบบนั้น  พี่ธานหัวเราะชอบใจ

"มึงก็รับสิ..เค้าโทรหามึงไม่ได้โทรหากู" ผมเอนตัวพิงพนักโซฟา

"แต่มันจะต้องเป็นเรื่องของเฮียแน่ ๆ ยุสัมผัสได้" พายุทำหน้าทำตาใส่ผมอีก  ผมถอนหายใจอย่างยอมแพ้  ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าน่าจะเป็นเรื่องของผมเอง  เพราะตั้งแต่ที่เจอริศาในผับวันนั้น  ย่าก็เงียบ ๆ ไปจนรู้สึกน่าขนลุก  พายุเหล่ตามองมาที่ผมก่อนกดรับสายพร้อมเปิดลำโพงทั้งที่ไม่ได้มีใครขอสักนิด..

"ครับ ย่า" พายุพูดทัก  วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ

"เปิดลำโพงสินะ ฉันรู้หรอก" ย่าทักมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันทันที

"ยุจะเปิดลำโพงก็ต่อเมื่อขี้เกียจจะพูดกับคนปลายสายน่ะฮะ" พายุย้อนเสียงเรียบนิ่งอย่างเอาอยู่  ผมนั่งมองยิ้ม ๆ เพราะชอบดูเวลาที่ย่าต่อล้อต่อเถียงกับพายุ  ซึ่งย่ามักจะแพ้แบบงง ๆ เสมอ  พายุเป็นหลานรักของย่า  เนื่องเพราะเป็นหลานที่หน้าตาน่ารักและความประพฤติเรียบร้อยดี  ตอนเล็ก ๆ มันน่ารักมากและค่อนข้างติดย่า  ย่าจึงมักแพ้นิสัยของพายุ  ผิดจากผมที่ย่าไม่สามารถควบคุมได้  และเพราะผมกับพี่ธานตัวติดกันแทบตลอดเวลา  ย่าจึงไม่สามารถแทรกเข้ามาระหว่างเราได้เลย  ถึงแม้ผมจะเป็นหลานที่ไม่ชอบเถียงอะไรย่านักแต่ถ้าผมไม่ถูกใจอะไรก็แล้วแต่  ผมมักจะเมินเฉยและไม่สนใจคำสั่งของย่าเท่าไหร่  พายุเป็นคนเดียวที่ปรามการกระทำของย่าได้ดีอยู่หมัด  เก่งกว่าพ่อของเราซะอีก

"เฮียแกอยู่ไหนล่ะ" ย่าถาม  น้ำเสียงประชดประชันนิด ๆ

"นอนแล้ว ย่าอยากคุยกับเฮีย..ย่าไม่โทรหาเฮียอ่ะครับ" พายุตอบ  ย่าเงียบไปครู่ 

"มันอยู่ตรงนั้นใช่ไหม" ย่าถามด้วยน้ำเสียงจับผิด 

"ตกลงนี่ย่าจะคุยกับยุหรือย่าจะคุยกับใคร" พายุทำเสียงไม่พอใจตอบกลับ  การเหวี่ยงเพื่อกลบเกลื่อนบางสิ่งบางอย่างน่าจะได้ผล

"ก็คุยกับแกนั่นแหละ แหม..ไม่งั้นฉันจะโทรหาแกทำไม" ย่าลดน้ำเสียงอ่อนลงหน้ามือเป็นหลังมือ  พายุเป็นคนที่ดื้อกับย่ามากที่สุดในบ้าน  ดื้อคนละลักษณะกับความดื้อแบบผม  มันเป็นคนเดียวที่คัดค้านย่าได้แบบที่ย่าไม่ค่อยโกรธเคืองนัก  ดื้อประมาณว่า  ถ้าย่าบอกซ้ายพายุจะไปขวา  ถ้าย่าบอกให้ตรงไปพายุจะนั่งเสมอ  ซึ่งทั้งนี้..การกระทำของพายุ  มักจะแจงเหตุผลเป็นข้อ ๆ ให้ย่าเถียงและบังคับมันไม่ได้เลย

"แล้วคุณย่ามีอะไรครับ" พายุถามกลับด้วยน้ำเสียงกลับมาปกติอย่างเดิม  ดูเหมือนมันเองก็รู้ว่าสามารถขู่ย่าได้สำเร็จแล้ว

"ไอ้ไฟมันมีแฟนแล้วเหรอ" ย่าถามตรง ๆ

"ย่า.." พายุย้ำน้ำเสียงคล้ายกับไม่พอใจอีกครั้ง

"ฮึ่ม!" ย่าถอนหายใจอย่างหนัก  เหมือนกับอึดอัดใจกับหลานคนนี้

"ย่าถามว่า เฮียตัวดีของแกน่ะ..มันมีแฟนแล้วเหรอออออ" ย่าลากเสียงเข้มตอบกลับเหมือนจะเอาคำตอบให้ได้  ผมได้แต่ส่ายหัวยิ้ม ๆ

"แล้วถ้าเฮียเค้าจะมีหรือไม่มี ย่าจะไปยุ่งอะไรด้วยครับ"

"แล้วแกจะมายอกย้อนฉันทำไมนี่ฮะ" ย่าย้อนว่า

"ย่าครับ..ยุว่าจะไม่พูด แต่ขอยุพูดเรื่องนี้หน่อยเถอะนะครับ" พายุพูดพลางถอนหายใจ

"เฮียน่ะ โตจนดูแลลูกน้องเป็นร้อย ๆ ได้ด้วยตัวเองแล้ว ส่วนย่าน่ะ..ก็โตมาก ๆ เลยฮะ ยุว่า..อาป๊าเองก็น่าจะคิดว่า ย่าควรเอาเวลาที่เหลือทำจิตให้เป็นกุศล รู้จักสงบจิตสงบใจ..ดีกว่าจะมาบังคับเรื่องส่วนตัวของเฮียนะครับ" พายุว่าเข้าให้  ผมกับพี่ธานปิดปากหัวเราะอย่างอดไม่ได้  พยายามกลั้นเสียงเอาไว้ด้วย

"ไอ้พายุ!" ย่าขึ้นเสียงเดือด

"คนที่ชอบคิดว่าตัวเองจะยังไม่ถึงคาดจนกว่าจะป่วยหรือแก่ตายไปเองน่ะ จัดอยู่ในพวกคนประมาท มีมิจฉาทิฐินะครับ..หลวงลุงก็พูดสอนย่าตั้งหลายครั้งแล้ว ย่าจำไม่ได้เลยเหรอฮะ" พายุพูดเสียงเรียบ  เรียบเฉยมากจนคนปลายสายคงโกรธหูดับไปแล้วละมังครับ 

หลวงลุงที่พายุพูดถึง  คือลูกน้องเก่าคนสนิทของปู่  อายุมากกว่าพ่อผมสองสามปีน่าจะได้ผมจำไม่ค่อยชัดเท่าไหร่  หลวงลุงบวชตั้งแต่ปู่เสียไป  ตอนแรกเห็นว่าหลวงลุงตั้งใจบวชให้ปู่เท่านั้น  ก็บวชพร้อมกับพ่อผม  เสร็จจากงานศพก็ต่างสึกออกมา  ศึกษาธรรมวินัยไป ๆ มา ๆ สุดท้ายหลวงลุงก็ตัดสินใจออกบวชอีกครั้งและยาวมาจนถึงทุกวันนี้  ตอนนี้ประจำอยู่ที่วัดป่าที่เขาใหญ่  พ่อของผมแวะเวียนไปกราบท่านทุก ๆ ปีโดยพาพวกลูกหลานไปด้วย  จนพ่อเสียไป  คนที่ไปแวะเวียนหาท่านบ่อยที่สุดกว่าใครคงจะเป็นพายุ 

"ฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว ไอ้พวกเก่งนัก ฉลาดนัก..ชีวิตก็ล้มเหลวเพราะเลือกผู้หญิงผิดนี่แหละ! ใช่สิ..ฉันรู้แล้ว แกก็คงสมรู้ร่วมคิดที่เฮียแกมันเที่ยวไปนอนกับคนนู้นทีคนนี้ทีสินะ พอจะให้ลงหลักปักฐานมันถึงได้ไม่ยอมท่าเดียว" ย่าว่าคนละเรื่องเลย  พายุถอนหายใจ  มันเหลือบตาขึ้นมองผมคล้ายเหนื่อยใจที่จะช่วยผมแล้ว  ผมนำมือปิดหน้าตัวเองทั้งสองมือและก็อดขำไม่ได้

"นี่ย่าไม่ฟังที่พายุพูดอยู่เลยสินะครับ ย่าฟังที่ยุพูดบอกย่าประโยคเมื่อกี้รึเปล่าฮะ" พายุยังคงทำเสียงเรียบนุ่มเข้าสู้  ย่าเงียบไป

"ไม่แน่ว่า..เฮียอาจจะมีชีวิตที่ล้มเหลวเพราะผู้หญิงที่ย่าเลือกให้ก็ได้" พายุย้อนเสียงเรียบ 

"หนูริศาเค้าก็ดีทุกอย่าง มันจะอะไรนักหนากับอีแค่แต่งงานนี่หะ..แค่นี้ทำให้ย่าเห็นหน่อยไม่ได้รึไง" ย่าว่ายาวไม่หยุด

"ย่าฮะ ยุว่าย่าน่าจะเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยรึเปล่า" พายุพูดพลางถอนหายใจแรง 

"ย่าจะให้เฮียแต่งงานกับพี่ริศาเพราะเหตุผลที่ว่า ให้เฮียทำเพื่อความชอบใจของย่านี่นะครับ สรุปว่ามันเพื่อเฮียหรือเพื่อย่ากันแน่ครับ" พายุพูดชัดทุกคำ

"เฮ้อ..เราเองก็เหลือกันแค่นี้แล้วนะครับย่า อะไรที่ใครทำแล้วมีความสุขก็ควรจะให้เค้าทำไป ถ้าย่าเหงา..แล้วอยากจะหาใครสักคนมาคอยเป็นเพื่อนคู่คิดบ้างน่ะ ยุกับเฮียก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะครับ" พายุทำเสียงผิดหวัง  มันเล่นตลกกับย่าอีกแล้ว  ผมขำจนทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา  พี่ธานนี่กลั้นหัวเราะจนหูแดงหน้าแดงไปหมด

"อะ..ไอ้ ไอ้พายุ!" ย่าตะคอกเสียงสั่นเลยทีเดียว  ดูจะเป็นการเล่นสนุกที่ทำให้ย่าของขึ้นได้ทุกครั้งเลย

"ไอ้หลานผิดเพศ!" ย่าว่า  ดูเหมือนจะสรรหาคำมาย้อนไม่ถูกซะแล้ว

"ครับ ๆ ยุรู้แล้วว่ายุผิดเพศ" พายุอมยิ้มตอบอย่างไม่โกรธเคืองอะไร

"ยุบอกความจริงให้ก็ได้ฮะ.. เฮีย เป็นเกย์น่ะ" พายุพูดเสียงเนือยเหมือนอยากจะตัดบทเต็มทีแล้ว  ผมว่ามันคงขี้เกียจจะพูดแล้วมากกว่า  พี่ธานตาโตมองไปที่พายุอย่างตกใจ  ส่วนผมได้แต่มองเอือม ๆ กับการแก้ปัญหาของน้องชายตัวเอง  จะไปเอ่ยปากห้ามรึก็ทำไม่ได้

"อะไรนะ! แกเป็นเกย์ไปคนแล้ว..ไอ้ไฟมันยังเป็นอีกรึ! นี่มันโรคติดต่อรึยังไงกัน!" ย่าว่าเสียงหลงเหมือนเชื่อสนิทใจจริง ๆ พายุกลั้นหัวเราะ  มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นชูเหนือหัวสูงคงเพราะกลัวว่าย่าจะได้ยินที่มันหลุดขำ  พายุกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง  มันเอาหน้าซุกลงบนโซฟาตัวสั่นไปหมด  ไอ้น้องเวร

"ฉันไม่เชื่อหรอก! หึ..คนอย่างไอ้ไฟนี่นะ มันก็เอาได้หมดนั่นแหละ ย่าได้ข่าวว่ามันไปนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้า" ย่าทำเสียงแสยะคล้ายกับรู้ดีไปหมด  ผมขมวดคิ้ว  พยักหน้าให้ทั้งพี่ธานและพายุแบบเอาไงก็เอากัน  แล้วแต่จะคิด  สงสัยย่าคงลืมไปแล้วว่าอย่างน้อยผมก็ไม่เอาริศาน่ะนะ

"งั้นย่าไม่ไปบ่นกับเฮียล่ะฮะ ย่ามาบ่นให้ยุฟังทำไม"

"ฉันทำมากกว่านี้แน่ ฉันก็แค่อยากจะรู้..ว่ามันมีใครไหม" ย่าย้อนทันควัน

"แล้วถ้าเฮียเค้ามีล่ะครับ" พายุย้อนด้วยน้ำเสียงจริงจังกลับเช่นกัน

"ก็ถ้ามีก็เอามาให้ย่าเจอหน่อยสิ" ย่าตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอีก 

"ก็ย่าเรื่องมากไงฮะ เฮียเค้าถึงได้ไม่เอาไปเจอน่ะ..แค่นี้นะครับ ยุง่วงแล้ว" พายุตัดบท

"สรุปว่ามีสินะ เดี๋ยว..พายุ แล้วแกล่ะมีแฟนรึยัง" ย่ารั้งไว้

"มีแล้วครับ..สามคน สลับวันเอาน่ะ ยุเองก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าแฟนได้ไหม ใช้เงินเลี้ยงน่ะฮะ..ไม่ค่อยได้จริงจังเท่าไหร่นักหรอก" พายุตอบหน้าตาย

"อะไรนะ!" ย่าร้องเสียงหลง  ไม่ทันให้ย่าได้พูดอะไรมากกว่านี้  พายุก็ตัดสายไปเลย

"หึ..หึหึ" พวกผมพากันหัวเราะ  นำมือขึ้นลูบหัวเองยิ้ม ๆ

"มึงนี่จริง ๆ เลย..เดี๋ยวเค้าก็มาแหกอกเอาหรอก" ผมว่าแกมหัวเราะ

"เฮียนั่นแหละระวังเหอะ" พายุแลบลิ้นให้

"คุณยุก็ไม่น่าไปกวนอารมณ์คุณย่าแบบนั้น พี่ว่าย่าเค้าพูดจริงนะ" พี่ธานบอก  พวกเราเงียบมองหน้ากัน

"ตัวใครตัวมันแล้วกัน" พายุตัดบทหน้าด้าน ๆ ผมหลับตา  ถอนหายใจแรง..แม่งเห็นภาพเลย

"กูละปวดหัวกับย่าที่ให้ท้ายริศานี่แหละ" ผมบ่น

"หรือกูต้องหาใครจริงจังสักทีวะ" ผมว่าไปงั้น  อารมณ์มันเซ็ง ๆ นิดหน่อย 

คนเรายังไม่เจอคนที่มั่นใจว่าใช่แล้ว  จะให้ไปค้นหาคนที่ใช่มาจากที่ไหนกันครับ  ผมคิดว่าของแบบนี้ต่อให้ควานหาให้ตายถ้าจะไม่เจอก็คือไม่เจอ  ถึงจะเสาะแสวงหาหรือให้โอกาสคนที่เข้ามาในชีวิต  ได้พบและดูใจซึ่งและกัน  ถ้ามันไม่โอเคก็คือไม่โอเค..ก็เท่านั้น  คำตอบมันมีอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว  ซึ่งนิสัยเสียของผมคือ  ผมไม่ใช่คนที่จะมานั่งให้โอกาสใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตของผมบ่อย ๆ นักหรอก  ไม่ใช่เพราะเกิดความรำคาญแต่เพราะถ้าเขาไม่สำคัญขนาดนั้น  ผมก็ไม่อยากเสียเวลาทำงานมานั่งใส่ใจใคร

ในส่วนลึก ๆ แล้ว  ผมไม่คิดว่าการที่ผมตั้งใจเปิดรับใครสักคนเพื่อมาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน  ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นกรณีที่ไปด้วยกันได้ดี  ผมยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าผมจะหลงใหลเขาได้นานจนก่อตัวเป็นความรักได้หรือไม่  ผมไม่ชอบอะไรทำนองนี้  ไม่ชอบคบใครสักคนเพื่อเอาไว้คั่นเวลาในการรอคนที่ใช่  คนอื่นก็มีโอกาสที่จะเลือกคนที่ใช่สำหรับตัวเขาเองเหมือนกัน  การดึงใครสักคนไว้ก็จะมีแต่เสียเวลาและเสียโอกาสกันทั้งสองฝ่าย  บางครั้งได้พูดคุยเพียงแค่ครั้งเดียวแต่รับรู้ได้เลยทันทีเลยว่าควรไปต่อหรือไม่ควร  การได้หลงใหลใครสักคนแบบที่เราไม่ตั้งตัว  แบบนั้นผมว่ามันน่าสนใจกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2015 19:18:06 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

"พี่ธานแล้วกัน..ง่ายดี" ผมหันไปมองหน้าพี่ธานอย่างกวน ๆ พายุขำ  ชอบใจใหญ่

"เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ" พี่ธานก้มหัวเล่นตอบผมกลับ 

"แต่ผมเกรงว่า ผมจะเป็นฝ่ายรับให้คุณไม่ได้..ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างเราทั้งคู่" พี่ธานพูดเสียงนุ่ม  ผมยิ้มกว้าง

"นั่นน่ะสิ..ปัญหาครอบครัวเลยนะ" ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

"อันที่จริง ผมไม่ค่อยลำบากใจเท่าไหร่ถ้าพี่จะรุกผมอะนะ แต่เอ่อ..ผมค่อนข้างซีเรียสน่ะถ้าผมจะต้องเสียเปรียบในประเด็นนี้ แล้ว..การบังคับขืนใจ สุภาพชนคงไม่ทำกัน" ผมยังยิงมุขใส่พี่ธานไม่หยุด

"ผมค่อนข้างมั่นใจในสิ่งที่มีอยู่และสะสมมา บางที..พี่อาจจะชอบก็ได้นะครับ" ผมยิ้มตาหวานใส่พี่ธาน

"อืม..ผมลำบากใจเหมือนกันนะครับเนี่ย" พี่ธานทำหน้าจริงจังตอบ

"ไอ้พวกพี่บ้า!" พายุพูดว่าขึ้นเหมือนทนดูไม่ได้แล้ว

"หึหึหึ" ผมหัวเราะในลำคอ 

"เอาเป็นว่า มึงก็ไม่ต้องไปแก้กับย่าเรื่องกูเป็นเกย์ล่ะ" ผมพูด  พี่ธานและพายุจ้องผมเขม็งเลยทีนี้  ผมอมยิ้ม  ยักไหล่ผายมือออกส่ง ๆ ไป

"กูว่า..เล่นกับแกหน่อยแล้วกัน อย่างน้อยน่าจะทู่ซี้ไปได้บ้าง หวังว่าคงไม่หัวใจวายไปก่อนนะ" ผมยักคิ้ว 

"หึหึหึ" พี่ธานกับพายุหัวเราะ

"ช่วงนี้แม่งอะไรก็ไม่รู้ สนามแข่งเดือนนี้กำไรก็ไม่โอเค..รายจ่ายเยอะเป็นบ้า มีสะกิดต่อมกับไอ้เหี้ยกริด แล้วไอ้ดินยังไปมีเรื่องกับน้องมันอีก แถมยัง..." ผมหยุดคำพูดของตัวเองในทันทีที่กำลังจะพูดถึงสมุทรและเรื่องราวเบื้องหลังอีกมากมายที่ยังไม่อยากเอ่ยถึง  เพราะขี้เกียจเล่าอธิบายให้พายุฟังในตอนนี้ 

"นั่นแหละ ทั้งหมดเป็นเรื่องยุ่งยาก" ผมตัดบทเบะปาก

"บ่นเป็นตาแก่" พายุว่า

"นอนแล้ว" ผมลุกขึ้นพร้อมกับเอกสารเต็มมือ

"ช่วยไหมครับ" พี่ธานถาม

"ไม่ต้อง" ผมตอบปัด  อย่างกับพี่ธานเองเอกสารน้อยเมื่อไหร่

"ฝันดี" พายุบอกไล่หลัง  พี่ธานลุกตามผมมาก่อนหันไปมองพายุยิ้ม ๆ

"ฝันดีครับ" พี่ธานบอก  ผมกับพี่ธานเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นแล้วเราก็แยกกันไป  พี่ธานนอนในบ้านใหญ่หลังเดียวกันกับผม  ห้องนอนของพี่เขาอยู่ที่ชั้นล่าง  สิทธิ์พิเศษอีกอย่างที่พี่ธานได้รับและไม่เหมือนกับลูกน้องคนอื่น ๆ ที่พักของลูกน้องทุกคนอยู่แยกไปทางหลังบ้านซึ่งเป็นส่วนของที่พักคนงาน  ทั้งห้องครัว  ห้องกินข้าวของคนงานและห้องนั่งเล่นแบบส่วนรวมนั้น  จัดอยู่ทางด้านหลังบ้านทั้งหมด

ผมเข้าห้องนอน  วางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานและจัดเรียงแต่ละชิ้นขึ้นบนชั้นหนังสือให้เข้าที่เพราะไม่ค่อยชอบความรกรุงรังเท่าไหร่  ผมไม่ใช่คนเจ้าระเบียบอะไรนักหรอกนะครับ  แต่ถ้าไม่จัดเรียงให้ดีก็จะหาเอกสารได้ยาก  พอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นั่งดูบอลและนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือคุยนู่นนี่ค่อนข้างไร้สาระกับเพื่อนและคนรู้จักอยู่พักหนึ่ง  ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็เข้านอน  พรุ่งนี้วันเสาร์..มีออกกำลังกายแต่เช้าอีก


- - - - - - - - - - - - -


ก๊อก  ๆ  ๆ ๆ ...เสียงเคาะประตูดังแว่วไกล ๆ

"คุณไฟครับ!"



ก๊อก  ๆ  ๆ ๆ  ...เสียงเคาะนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ จนผมต้องพลิกตัวกลับมานอนหงายแล้วเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจว่าตัวเองหูไม่ได้แว่วไปเอง

"คุณไฟครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!" พี่ธานตะโกนบอก  ผมลุกขึ้นนั่ง  ถอนหายใจแรง  เหลือบมองดูนาฬิกา  นี่มันเพิ่งตีสองจวนจะตีสาม  สัญชาตญาณบอกว่าคงไม่ใช่เรื่องดี ๆ อีกแน่  ผมลุกเดินไปเปิดประตูห้องนอนอย่างงัวเงีย  ยังรู้สึกว่าตัวเองยังนอนไม่เต็มอิ่มเลย  เหมือนเพิ่งได้หลับสนิทเมื่อกี้นี้นี่เอง

"ไอ้เข้มบอกว่า ค่ายมวยศรไกรไฟไหม้ครับ" พี่ธานพูดด้วยสีหน้าตื่นตกใจ 

"เป็นไปได้ไง" ผมตื่นเต็มตา 

"ลูกน้องที่เฝ้าไว้โทรมารายงาน..ไอ้เข้มให้มันตามคนวางเพลิงไปแล้วครับ พอผมทราบเรื่องผมเลยให้ไอ้เข้มออกไปก่อนเลย" พี่ธานบอก

"เอาคนออก เจอกันข้างล่าง" ผมหลับตาปัดมือส่ง ๆ พร้อมนำนิ้วบีบที่ขมับอย่างแรงเรียกสติ

"ครับ" พี่ธานตอบแล้วรีบวิ่งออกไป  ผมปิดประตูอย่างไม่ได้รีบร้อนอะไร  เพราะเวลาแบบนี้รีบร้อนไปก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่า  ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วและคงแก้ไขอะไรไม่ได้  ผมเข้าไปล้างหน้าล้างตาและออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความเร็วปกติ  พอเตรียมของสำคัญเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมาจากห้องนอน 

"เฮีย..มีอะไรเหรอ" พายุเปิดประตูห้องออกมาเหมือนรู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ

"มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก..กลับไปนอนเถอะ" ผมบอก

"ให้ยุไปด้วยไหม" มันถาม

"ไม่ต้อง"

"อืม..งั้นระวังตัวด้วยนะ" พายุบอกหน้ายู่ก่อนปิดประตูห้องไป  ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินลงมาที่หน้าบ้าน  ลูกน้องเตรียมรถไว้พร้อมแล้ว  รถเตรียมออกสองคัน  คันของผมมีไอ้เด่นเป็นคนขับและพี่ธานไปด้วยกันกับผม  ส่วนอีกคันให้ไอ้รุ่งและไอ้หินไปด้วยกัน
 
"ไปที่ค่ายศรไกร" ผมสั่งไอ้เด่นด้วยน้ำเสียงที่ทุกคนได้ยินทั่วถึง

"ครับ" ไอ้เด่นพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งไปทางด้านคนขับทันที  พี่ธานเปิดประตูรถให้ผมก่อนที่ตัวเองจะขึ้นรถตามมา  เราใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมายเพราะรถบนถนนมีแทบนับคันได้  เมื่อเราไปถึงเพียงแค่ซอยใหญ่เท่านั้น  ผมก็รู้เลยว่าด้านในคงจะวุ่นวายอลหม่านแน่  ผมจึงให้ไอ้เด่นจอดรถไว้ที่หน้าปากซอยใหญ่

คนในชุมชนพากันออกมาร้องโวยวายให้ชุลมุนไปหมด  ลูกน้องส่วนหนึ่งเฝ้าอยู่ที่รถ  ผม  พี่ธานและไอ้เด่นเดินเท้าเข้าไปด้านในซอยค่ายมวย  ทั้งรถดับเพลิงและรถตำรวจต่างทยอยเข้าไปช่วยเหลือ  ผมยืนมองอยู่ไกล ๆ เห็นไฟลุกโพลง  ความร้อนระอุแผ่เข้ามาจนเนื้อผิวสัมผัสได้  รถดับเพลิงคันแรกช่วยดับไฟไว้ได้มากพอดู  คันที่สองเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาช่วยเหลือ  นักข่าวที่มาทำข่าวไม่หยุดทำหน้าที่ของตน  ชาวบ้านพากันหิ้วน้ำไปช่วยดับไฟอีกแรง  เมื่อผมเดินตรงเข้าไปใกล้มากขึ้นก็เห็นว่าคนในค่ายมวยเนื้อตัวมอมแมมด้วยสีหน้าอิดโรยกันเกือบทุกคน  คล้ายกับว่าแม้แต่แรงจะเสียใจก็คงไม่มีแล้วในเวลาแบบนี้  ผมเห็นสมุทรอยู่ตรงนั้น  อีกฝ่ายใส่เพียงกางเกงบอลกับเสื้อยืดสีขาวคล้ายกับเป็นชุดนอนที่ตอนนี้สภาพก็อ่อนเพลียไม่ต่างจากคนอื่นนัก

"หลบหน่อยครับ ๆ ขอทางหน่อยครับ!" พนักงานดับเพลิงตะโกนเสียงดังเพื่อบอกชาวบ้านที่ขวางทางเดินรถอยู่  เสียงไซเรนดังก้อง  ผมขยับตัวเล็กน้อยก่อนเดินออกมาตั้งหลักที่หน้าปากซอยของค่าย 

"ไอ้เข้มอยู่ไหน" ผมถามขึ้น  เรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลเกินไปและถ้าผมเดาไม่ผิด  มันจะต้องเกิดเพราะพวกที่ไม่รู้จักสำเหนียกกะลาหัวตัวเองแน่

พี่ธานกดโทรหาไอ้เข้มในทันที  ปลายสายกดรับเพียงไม่กี่วินาทีให้หลัง  พี่ธานสอบถามอยู่ประมาณสองสามประโยคก็ตัดสายไป

"ไอ้เข้มตามคนวางเพลิงไปที่ The Rush ครับ เห็นคนของเสี่ยยุทธอยู่ที่นั่นด้วย" พี่ธานรายงานให้ทราบ  "เสี่ยยุทธ"..เจ้าของค่ายมวยหาญสิงห์ที่น่าจะเป็นแบ็คอัพที่ดีให้กับ "สมัคร" เจ้าของค่ายมวยส.โชคเจริญเป็นแน่  ถ้าต้องให้ผมพูดถึงคนอย่างเสี่ยยุทธแล้วละก็  ผมขอเวลาสักสามวันถึงจะเล่าหมด  เรื่องระหว่างมันกับครอบครัวของผมยาวมาก  เรียกว่าบุญคุณของครอบครัวผมที่มีต่อมันน่ะล้นหัวมากทีเดียว  แต่หลาย ๆ ครั้งก็ดูเหมือนเขาไม่ได้สำนึกในส่วนนี้เท่าไหร่นักหรอก  ซึ่งผมเองก็ไม่ใส่ใจอะไรนักน่ะนะ

"หึ..ก็ให้เรื่องมันจบ ๆ ไปก็ไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าแค่อยู่เฉย ๆ ไป มันจะยากตรงไหน" ผมกัดฟันบ่น

"ไป The Rush" ผมสั่งแล้วเดินนำไปที่รถก่อนเพราะเป็นคนเดินไว  อีกอย่างคือช้าไม่ได้เพราะลูกน้องรอทุกการเคลื่อนไหวของเราอยู่เสมอว่าเราจะตัดสินใจไปซ้ายหรือขวา  ไอ้เด่นใช้เวลาขับรถไป The Rush ด้วยความเร็วเพราะผมเป็นคนสั่ง  ตอนนี้รู้สึกอึดอัดอยู่ในอกจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2015 19:20:33 โดย เบบี้ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
"สวัสดีครับคุณไฟ" พนักงานต้อนรับหน้าร้านก้มหัวทักทาย  The Rush คือผับชื่อดังผับหนึ่งที่สามารถเรียกเงินคนรวยมาได้นักต่อนัก  เจ้าของคือ "เสี่ยทรัพย์" ซึ่งแน่นอนว่าทั้งเสี่ยทรัพย์  ทั้งเสี่ยยุทธและสมัครก็คงรู้จักกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  วงการพวกนี้มันแคบจะตาย

"คุณไฟจะ.." พนักงานเข้ามาทำท่าจะพาไปที่โต๊ะ  ผมปัดมือไล่มัน  อีกฝ่ายก้มหน้าสลดไป  ผมเดินเข้าไปในร้าน  พนักงานพากันหันมามองด้วยสีหน้าเกรงใจ  ผมเพียงยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์กลางร้านก่อนมองกวาดตาไปทั่วทุกมุม  ครู่เดียวไอ้เข้มและลูกน้องของผมอีกคนที่รับหน้าที่นี้อยู่ก็เดินตรงเข้ามาหา

"คนวางเพลิง..เป็นคนของค่ายส.โชคเจริญครับ ไม่ผิดแน่" ไอ้เข้มกระซิบรายงานผมก่อนเบี่ยงตัวหลบไปทางพี่ธาน  ผมเหสายตาลงต่ำ

"รูปลูกมันน่ะ ถึงมือมันแน่ใช่ไหม" ผมถาม  ตาไม่ได้มองไปที่ไอ้เข้มแต่อย่างใด  กำลังมองบุคคลที่กำลังหลงระเริงกับแสงสีและผู้หญิงอยู่

"ครับ..มันเห็นแล้ว" พี่ธานตอบแทน  ผมยืนนิ่งก่อนหลับตาลง  ถอนหายใจทางปากเบา ๆ

"พวกมึงอยู่นี่" ผมสั่ง  พวกมันพยักหน้าทั้งที่มองผมด้วยสายตาเป็นห่วง  ผมกวักมือให้พี่ธานเดินตามผมไปที่โต๊ะของสมัครที่กำลังคุยอยู่อย่างออกรสกับเสี่ยยุทธ

"หวัดดีครับ" ผมทัก  เดินไปยืนค้ำหัวทั้งคู่ที่คงแก่เท่าพ่อผม  ทั้งสองคนนั่งด้วยท่าทางสบายอารมณ์โดยมีอีหนูขนาบข้าง  พร้อมกับลูกน้องของพวกมันที่นั่งหัวดำคอยรักษาความปลอดภัยให้หัวหน้าตนอยู่รอบโต๊ะ  เสี่ยยุทธมองหน้าผมอึ้ง ๆ มันคงตกใจที่เห็นผมโผล่มาทักมันด้วยตัวเองแบบนี้  เพราะปกติผมไม่เคยทักมันก่อนเลยน่ะนะ

"ผมขอนั่งด้วยได้ไหม" ผมยิ้มให้  ผมกับเจ้าของค่ายส.โชคเจริญไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่ผมคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักผมแล้วเป็นอย่างดี 

"อ่าว ไฟ เป็นไง..ไม่เจอกันซะนาน" เสี่ยยุทธปรับสีหน้า  มันลุกขึ้นยิ้มทักด้วยสีหน้าและท่าทางสนิทสนมอย่างเช่นที่มันเคยทำกับผมเป็นประจำ

"หวัดดีครับ" ผมทักแต่ไม่ยกมือไหว้  ตั้งแต่ผมจำความได้  ผมไม่เคยยกมือไหว้ผู้ชายคนนี้  พ่อของผมเคยต่อว่าผมเหมือนกันในเรื่องนี้ว่า  ถึงแม้ว่าผมจะเกลียดเสี่ยยุทธแต่เขาก็มีศักดิ์เป็นผู้ใหญ่แก่กว่าผมและผมไม่ควรทำกิริยาแบบนี้กับเขา  แต่ผมขอปฏิเสธที่จะเชื่อพ่อในเรื่องนี้..สำหรับผม  ถ้าผมเกลียดก็คือเกลียด

"เพื่อนเสี่ยเหรอ" ผมถามแล้วมองไปที่สมัคร

"เออ..ใช่ นี่สมัคร..สมัคร นี่ลูกชายเจ้าของค่ายมวยชัยโรจน์ที่เคยเล่าให้ฟังไง" เสี่ยยุทธรีบแนะนำพร้อมกับนำมือมาตบไหล่ผมยกใหญ่

"ตอนนี้ผมคือเจ้าของค่ายครับ ผมเคยเตือนเสี่ยแล้วว่าอายุมากแล้ว เสี่ยน่าจะเพลา ๆ หน่อย" ผมว่าเหน็บ  เสี่ยยุทธหุบยิ้มลงทีละนิด

"..แล้วช่วยเอามือออกจากตัวผมด้วย" ผมปัดออกช้า ๆ อย่างรักษามารยาท  อีกฝ่ายหน้าเสีย

"นี่คงเป็น..เจ้าของค่าย ส.โชคเจริญ..สินะครับ" ผมยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร

"หึ..ใช่" อีกฝ่ายอมยิ้มตอบด้วยท่าทางเหมือนรู้ซึ้งในความหมายของรอยยิ้มนี้ของผมเช่นเดียวกัน  รอยยิ้มโอหังในตัวเองแสดงออกมาล้นเปี่ยม   

"ลูกน้องคุณน่ะ ทำงานไม่เนี๊ยบเอาซะเลยนะ" ผมพูดเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา  ไม่ขออ้อมค้อมเพราะมันเสียเวลา  ผมยิ้มกว้างกวาดตามองไปที่ลูกน้องของพวกมันที่นั่งอยู่ด้วย  และดูเหมือนพวกมันจะอ่านบรรยากาศออกเพราะมีปฏิกิริยาของการเตรียมตั้งรับมือไว้พร้อม  ผมตั้งใจมองให้ทั่วเพื่อสำรวจว่ามันมีกันอยู่ประมาณกี่คนและนั่งที่ตรงไหนบ้าง  ซึ่งผมคงไม่โง่ให้ลูกน้องของผมมาประชันความเยอะสู้กับลูกน้องของพวกมันหรอกครับ  มันไร้สาระ

".........." ทุกคนเงียบลง  เสี่ยยุทธหน้าเสีย  แบบนี้คงรู้เห็นเป็นใจกันด้วยแน่ 

"มึงสินะ ที่ส่งรูปมาขู่กูน่ะ" อีกฝ่ายแสยะปากพร้อมกับหัวเราะแล้วยกเหล้าขึ้นดื่มสบาย ๆ ผู้หญิงที่นั่งอยู่กับมันเริ่มหน้าถอดสี  ทั้งไม่กล้าลุกแต่ก็ดูเหมือนอยากจะออกไปจากตรงนี้เต็มทีด้วย

"ผมก็ไม่คิดว่าเฮียจะเป็นคนที่พูดยากขนาดนี้" ผมหุบรอยยิ้มลงนิ่ง ๆ สมัครเงยหน้าขึ้นมองมา  ผมที่ยืนอยู่จึงมองต่ำลงไปที่มัน

"ที่จริง..ผมก็แค่อยากให้มันจบเป็นขั้นเป็นตอนไป ถ้าแค่ให้ทราบ..ก็คือแค่นั้น" ผมพูดเสียงเรียบ

"เฮียเข้าใจที่ผมพูดไหมครับ" ผมอมยิ้มเล็กน้อย  อีกฝ่ายเผยอปากด้วยท่าทางกวนตีนกลับมาให้

"ลูกน้องเฮีย ทำในสิ่งที่.." ผมค้อนสายตาไปที่ไอ้ป้อง  คู่อริตัวดีของสมุทรที่นั่งอยู่ทางด้านหลังของเจ้านายมัน  อีกฝ่ายจ้องหน้าผมด้วยสายตารอการเอาคืนไม่วางตา  มันแสยะยิ้มมาที่ผม

"..นักมวยค่ายอื่น ๆ เค้าก็คงจะไม่ทำกัน" ผมพูด

"หึหึ..หึหึหึ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" สมัครหัวเราะขึ้นอย่างกวนอารมณ์  ผมยังคงยืนอมยิ้มอยู่ที่เดิมไม่ได้รู้สึกอะไร

"มันเป็นเรื่องระหว่างค่ายมันกับค่ายกู แล้วมึงมาสอดอะไร!" สมัครตวาดขึ้น  มองตาขวางมาที่ผม  มันผลักตัวผู้หญิงออกทั้งสองมือจนเธอเซไปตามแรง  แต่ทั้งอย่างนี้พวกเธอก็ยังไม่ลุกไปไหน  เอาแต่นั่งก้มหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัว 

"งั้นแสดงว่าเฮีย..ก็รับรู้สินะ ที่นักมวยในค่ายไปทำระยำกับใครไว้บ้าง" ผมพูด  ใจเริ่มเดือดขึ้นจนรู้สึกได้  ผมให้เกียรติเรียกกวนมันว่า.."เฮีย" ไปอย่างนั้นเอง  เราต่างจ้องหน้ากันนิ่งอยู่ชั่วครู่

"แล้วยังไง.." สมัครลุกขึ้นยืน  อีกฝ่ายมองผมตาแทบถลนอย่างไม่ยอมความ

"หึ..ก็ไม่ยังไงหรอกครับ" ผมก้มหน้าหัวเราะเบา ๆ มันน่าขัน  เพราะเห็นดีเห็นงามกับลูกน้องแบบนี้นี่เอง  ลูกน้องมันถึงได้กล้ากร่างขนาดนี้  ผมคงไม่มีอะไรที่จะต้องแปลกใจอีก

"จุดประสงค์ของผมคือ.." ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามันอีกครั้ง  ครั้งนี้ผมจ้องมันนิ่งเพื่อเป็นการบอกว่าทุกคำพูดนี้ที่ออกมาจากปากผม  ผมพูดอย่างตรงไปตรงมาจริง ๆ

"ผมอยากให้เฮีย คอยดูคนของเฮีย ไม่ให้ไปยุ่งกับคนของค่ายศรไกรอีก.. ทุกคน" ผมพูดบอก

"แล้วทำไมกูต้องเชื่อเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างมึงด้วย" สมัครแสยะปากย้อนกลับ

"งั้นเฮียก็ลองถามเสี่ยยุทธดูสิครับ ว่าทำไมเฮีย..ถึงต้อง เชื่อ..ผม" ผมพูดเว้นวรรคเสียงเย็นพร้อมเอียงคอกวนเล็กน้อย  ตาจ้องมองสมัครไม่กะพริบ  ชอบจริง ๆ คนแบบนี้  อีกฝ่ายชะงักไปครู่  ก่อนเหลือบไปมองที่เสี่ยยุทธคล้ายขอคำตอบ  เสี่ยยุทธยืนนิ่งหลบสายตาสมัคร

"เอาเป็นว่า.." ผมยิ้มเอ่ยอย่างเป็นมิตรประดิษฐ์

"ผมขอเงินจากเฮียสักห้าแสนแล้วกันครับ เป็นค่าปรับปรุงที่เฮียให้เด็กไปเล่นไฟที่บ้านคนอื่นเอาไว้น่ะ" ผมพูดพร้อมถอนหายใจแรง  อีกฝ่ายถลึงตาโตมองเหมือนไม่เชื่อหู

"ห้าแสน..เดี๋ยวนี้" ผมพูดเด็ดขาด  แต่อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็หัวเราะออกมาเสียงดัง  ผมเองก็ได้แต่ฉีกยิ้มมองการกระทำของมัน 

"ทำไมกูต้องให้!" สมัครหันกลับมาว่าพร้อมกับชักปืนมาจ่อหัวผม  ทันทีนั้นพี่ธานก็ชักปืนออกมาเช่นเดียวกัน  ผมยืนนิ่ง  ตามที่คาดไว้ตรงเผง  ลูกน้องของสมัครพากันลุกขึ้นยืน  บางคนมีปืน  บางคนไม่มี   
 
"เฮ้ย ไอ้หมัก!" เสี่ยยุทธอุทาน  สมัครจ้องผมเหมือนมีชัยเหนือกว่าที่สามารถยืนนำปืนจ่อหัวผมได้  ผมยืนนิ่งไร้อารมณ์  หมดอารมณ์จะต่อรองแล้วจริง ๆ

"ขอ.. ห้าแสนครับ" ผมยังยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

"ไม่อย่างนั้นก็ยิงเลย" ผมจ้องบอก

"มึง.. มึงนึกว่ากูไม่กล้าเหรอ!" สมัครพูด  ปากอีกฝ่ายสั่น  ดูเหมือนมันจะพยายามแล้วที่จะไม่ให้สั่น   ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อยพร้อมกับยกมือขึ้นเป็นการบอกว่าผมยอมความให้มันยิงง่าย ๆ จริง ๆ

"จังไรเหมือนกันเลยนะครับ หึหึหึ" ผมพูดขำ ๆ สมัครตาโตกว่าเดิมที่เห็นท่าทีของผม

"ทั้งเจ้านาย ..ลูกน้อง" ผมเหลือบตาไปมองลูกน้องของสมัคร  สายตาต่างมองมาอย่างเคียดแค้นเอาเรื่อง  ทันทีที่สมัครกำลังเผลอ  ผมปัดมือของมันที่ถือปืนอยู่ออกอย่างรวดเร็ว  มันตกใจปล่อยปืนออก  อีกมือของผมก็เอื้อมไปคว้าปืนที่กำลังจะตกถึงพื้นเอาไว้ได้  มันเกิดขึ้นเร็วมากจนอีกฝ่ายหน้าถอดสี  รู้ตัวอีกทีคือปืนของมันได้เจ้าของใหม่เสียแล้ว  ลูกน้องมันไม่แม้แต่จะเหนี่ยวไกคงเพราะกลัวว่าจะพลาดไปถูกเจ้านายตนเอง  ผมช้อนปากกระบอกปืนขึ้น  นำเข้าไปเชยคางสมัครอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายหนีไม่ทัน

"หึหึ โฮะ ๆ ๆ ๆ.. เหนียงเหี่ยวเป็นบ้า" ผมหัวเราะกวนตีนมันลั่น  ตาเหลือบมองเสี่ยยุทธ  อีกฝ่ายยังคงยืนทำสีหน้าไม่ถูก

"มีไหมครับ ห้าแสนน่ะ" ผมเลิกตาถามพร้อมกับเลื่อนปากกระบอกปืนต่ำลงมาที่ลูกกระเดือกของมัน  อีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทีที่ยากลำบาก  ตาโตมองหน้าผมด้วยใบหน้าซีดเผือด

"น่าจะมีนะครับ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเวลามานั่งกกอีหนู"   

"ปล่อยเฮียนะเว้ย!" เสียงว่าดังขึ้นจากไอ้ป้อง  ไม่ทันให้มันได้พูดมากหรือนำปืนมาจ่อผม  ผมก็หันกระบอกปืนยิงเข้าไปที่แขนมันหนึ่งนัดเพื่อเป็นการบอกให้มันหุบปากเสีย  เสียงปืนดังลั่นร้าน  คนที่อยู่แถวนั้นพากันร้องโวยวายแล้วหลบกันไปคนละทาง  เพลงดับสนิท  ไอ้ป้องตัวกระเด็นไปทางด้านหลังจนปืนที่มันถืออยู่ตกหล่นลงพื้น  ผมนำมือขวาที่ว่างอยู่บีบเข้าไปที่คอสมัครไว้ด้วยความรวดเร็วเพื่อกันมันหนี  อีกฝ่ายจับแขนผมแน่นเพราะผมจิกนิ้วเข้าที่หลอดลมมันอย่างแรง 

"ปืนมึงนี่ห่วยฉิบ" ผมกัดฟันอดบ่นไม่ได้  เหลือบมองผู้หญิงของสมัครที่นั่งก้มหน้าตัวสั่น

"ออกไป" ผมไล่  พวกเธอรีบวิ่งหนีไปทันที

"วางปืนซะ ถ้ามึงไม่อยากเห็นภาพอุจาดตาของนายพวกมึงที่ต้องตายทั้งที่ค-ยยังแข็งอยู่อะนะ" ผมแสยะยิ้มบอก  พวกมันเหรอหรา  สมัครเริ่มดิ้นรน  คงเพราะหายใจไม่ออกเนื่องจากผมบีบเน้นแรงมากขึ้นกว่าเดิมอยู่เนือง ๆ

"ไฟ..ลุงขอ" เสี่ยยุทธร้องบอก  ผมไม่ได้หันไปมอง  ยังคงตั้งใจกดมือเข้าหลอดลมมันอยู่อย่างนั้น  จนลูกน้องของสมัครยอมวางปืนลงช้า ๆ

"ก็ผมบอกว่า ผมขอห้าแสนไงครับ" ผมยิ้มพูดคำเดิม  พอคลายนิ้วที่บีบอยู่นั้นออกเพียงนิดเดียวเพื่อลองใจ  อีกฝ่ายก็ทำท่าจะสู้ผมในทันควันที่มีโอกาส  ผมเห็นอย่างนั้นจึงชกเข้าที่หน้าและท้องอย่างรวดเร็วไม่ทันให้มันได้ตั้งหลักตอบกลับแม้แต่หมัดเดียว  สมัครแน่นิ่งล้มลงบนโซฟา  หน้าเต็มไปด้วยเลือดทั้งที่ผมปล่อยไปเพียงไม่กี่หมัดเท่านั้น

"เฮียนี่เป็นเจ้าของค่ายมวยแน่เหรอครับ" ผมพูดเย้ย  ดุนลิ้นมากัดอย่างเคยชินปาก



ปัง!!!  ...เสียงปืนดังลั่นจากผมที่ยิงเล็งเฉียดเข้าไปที่เบาะโซฟาเพื่อจงใจแกล้งสมัคร  มันสะดุ้งเฮือก  ลูกกระสุนเฉียดผ่านใบหน้าของสมัครไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น  อีกฝ่ายตัวแข็ง  ตาโตอย่างกับคนใกล้หัวใจวาย  เลือดที่แก้มของมันที่ถูกกระสุนเฉี่ยวซึมลงอาบแก้มอย่างช้า ๆ มันกลอกตามามองผมอย่างตกตะลึง  พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

"เป็นไอ้แก่ที่พูดไม่รู้เรื่อง เอาซะเลย" ผมบ่นลอย ๆ เดินเข้าไปหา  อีกฝ่ายถอยหลังหนีจนสุดทาง

"มึง!" เสียงลูกน้องสมัครร้องขึ้นอย่างดังอีกครั้ง  เป็นฝั่งเดียวกับที่ไอ้ป้องยืนอยู่  ผมหันปืนไปทางมันที่กำลังวิ่งตรงมาทางผมและแน่นอนว่าเป็นเจ้าเก่ารายเดิม  ไอ้ป้องชะงัก  ปากกระบอกปืนจ่อเข้าตรงกลางหน้าของมันพอดิบพอดี

"รักกันจังเลยนะ" ผมฉีกยิ้มกว้าง

"ตายแทนกันได้รึเปล่าล่ะ" ผมพูดและหุบรอยยิ้มลงทีละนิด  ไอ้ป้องตาโตตัวแข็งทื่อไปแล้ว

"งั้นก็ตายซะ" ผมกล่าวเสียงเรียบ



ปัง!!!! ...ผมยิงออกไป  เสียงร้องในลำคออีกฝ่ายดัง "เฮือก!" ใหญ่ ๆ เพียงหันปากกระบอกปืนออกจากหน้าผากของไอ้ป้องเสี้ยววินาทีเท่านั้น  ลูกปืนที่ยิงออกไปเฉี่ยวเส้นผมมันจนอีกฝ่ายสะดุ้งตาค้าง  เลือดกระเด็นออกเล็กน้อย  ไอ้ป้องยืนตัวสั่น  ตาเหลือก  ได้สติอีกทีอีกฝ่ายก็จ้องผมตาไม่กะพริบไปแล้ว

"หึหึหึหึ" ผมหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของมันและเลือดที่หัวของมันที่กำลังซึมออกมาทีละเล็กทีละน้อย  เพื่อนมันพากันเข้ามาช่วยพยุงตัวไอ้ป้องไว้

"เฮียก็ไม่น่าจะคิด ว่าคนอื่นเค้าจะจังไรเหมือนเฮียกันหมด" ผมหันกลับไปสนใจที่เรื่องเดิม  ก้มมองสมัครด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง  ผมนั่งลงพร้อมกับวางปืนลงบนโต๊ะตรงหน้า  เสี่ยยุทธยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน

"ปืนเฮียน่ะ ห่วยมากนะ" ผมบอกหน้าซื่อ

"เฮียแก่แล้ว หนักขนาดนี้มันก็ขยับยากเย็นไปหมด..วันหลังจะซื้อก็ติดต่อลูกน้องผมก็แล้วกันนะครับ พวกผมยินดีให้คำปรึกษา" ผมฉีกยิ้มให้ 

"เฮ้ย เสียงดังเอ๊ะอะ..มีเรื่องอะไรกันวะ!" เสียงโวยวายดังลั่นเข้ามา  น้ำเสียงเกรี้ยวกราดขี้โวยวายมีเอกลักษณ์แบบนี้มีคนเดียวเท่านั้น..เสี่ยทรัพย์

"อ่าว ไอ้ไฟ" เสี่ยทักพร้อมกวาดตามองไปรอบ ๆ สถานการณ์  ผมปัดมือให้พี่ธานนำปืนลงได้แล้วเพราะเกรงใจเสี่ยแก

"หวัดดีครับเสี่ย" ผมผงกหัวทักเล็กน้อย  เสี่ยพยักหน้ารับพร้อมกับกวาดตามองอีกครั้ง

"มีอะไรรึเปล่า" เสี่ยเดินเข้ามาหา  ถามด้วยท่าทางเป็นห่วง

"ผมขอซื้อของหน่อย เอาแบบ..ให้คนที่มีความดีในตัวน้อย หายใจช้า ๆ ลงได้น่ะ เสี่ยมีรึเปล่าครับ" ผมอมยิ้มพูดบอกเสี่ยทรัพย์  ในวงการค้ายาและค้าของเถื่อน  ไม่มีใครไม่รู้จักรายใหญ่อย่างแก  เสี่ยทรัพย์นิ่งไปเหมือนระแวงว่าผมจะทำอะไร  ตลอดมาแม้เราจะรู้ดีว่าระหว่างเรา  ใครทำธุรกิจอะไรกันบ้าง  ไม่มีใครขัดขาใคร  ต่างคนต่างอยู่  เมื่อไม่ขัดขากันจึงไม่เป็นศัตรูต่อกันแต่นอนว่า  เส้นสายของแต่ละคนจะใหญ่จะเล็กก็อยู่เหนือการควบคุมอยู่ดี 

ผมจ้องหน้าเสี่ยทรัพย์อยู่พักหนึ่งจนเสี่ยพยักหน้าให้ลูกน้องของเสี่ยที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และก็คงได้ยินเรื่องทั้งหมดให้ไปนำของมาให้กับผม  ระหว่างนี้ไม่เกิดบทสนทนาเลยสักคำเดียว  ไม่นานของก็มาถึงมือผม

"ขอบคุณ" ผมบอก  ลูกน้องเสี่ยทรัพย์ผงกหัวตอบก่อนถอยหลังไปยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้านายตน  ผมหยิบมันมาแล้วใส่ลงไปในแก้วเหล้าที่สมัครดื่มเหลือไว้  ผมยิ้มมองสมัคร  มือขยับแก้วเหล้าไปมาเพื่อให้ของที่อยู่ในเหล้าละลายเข้าด้วยกันก่อนจะเลื่อนแก้วใบนี้ไปให้ตรงหน้ามัน  อีกฝ่ายมองด้วยสีหน้าหวาดระแวง

"การที่คนแก่อัปรีย์อย่างคุณ อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้น่ะ..ตายง่าย ๆ คงเร็วไปครับ" ผมยิ้มบอกนุ่ม ๆ

"ปกติผมไม่ค่อยได้เข้าครัวหรอก นาน ๆ ถึงจะมีคนโชคดีได้กินอาหารฝีมือของผมที" ผมพร่ำบอก

"..กินครับ" ผมสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ อีกฝ่ายหลบสายตาทันที

"เฮียครับ" ผมย้ำ  สมัครยังคงขดตัวไม่สบตา

"กูบอกให้กินซะ!" ผมตะคอกใส่อย่างเหลืออดแต่มันก็ยังไม่ยอมขยับ

"สัตว์!!" ผมสบถเสียงดังลั่น  ลุกขึ้นคว้าแก้วแล้วพุ่งเข้าหาสมัคร  มันพยายามหนี  ผมจึงชกเข้าที่หน้ามันอย่างแรงอีกครั้งจนมันเซไป

"กูบอกให้มึงแดกเข้าไป!" ผมตะคอกดังลั่น  เข้าไปล็อกคอมันขึ้นมาพร้อมกับบีบหน้ามันเพื่อให้อ้าปากออก  สมัครปิดปากแน่นและพยายามดิ้นหนีสุดแรงที่ตัวมันมีจนตาเหลือก  หน้าตาของมันในตอนนี้อุบาทว์มากไร้คำบรรยาย  จนแม้แต่ผมเองก็ยังรู้สึกขยะแขยงที่ต้องแตะต้องมันซะด้วยซ้ำ 

"ไฟ! ลุงขอ พอเถอะ!" เสี่ยยุทธเข้ามาห้ามหน้าเสียไม่แพ้คนที่กำลังจะถูกกรอกยาอยู่นี้  สมัครดิ้นยกใหญ่  ผมจึงรัดคอมันไว้แน่นจนอีกฝ่ายเริ่มจะหายใจไม่ออก  ผมแสยะปาก  ช้อนตาขึ้นมองหน้าเสี่ยยุทธ  มันผงะไปเล็กน้อย

"งั้นก็กินแทนมันไหมล่ะ" ผมถามตาวาว  คนถูกถามก้มหน้าลง

"ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม! ว่าจะให้ท้ายใคร ก็อย่าให้มันเกินเลย!" ผมตวาดใส่เสี่ยยุทธอย่างเหลืออด  ที่วัน ๆ สติปัญญาของมันเอาแต่แก่ลดถอยลงไปตามอายุจริง ๆ ไม่ได้มีพัฒนาการที่ดีไปตามอายุขัยบ้างเลย

"ระยำเอ๊ย!" ผมสบถแล้วราดแก้วเหล้าลงบนหน้าไอ้แก่นี่  สมัครดิ้นพล่านพยายามหันหน้าหนีลูกเดียว 



ผลัวะ! ....ผมซัดเข้าที่หน้าสมัครอย่างระบายอารมณ์เพราะรู้สึกว่าใจตัวเองยังคงครุกรุ่นเหมือนกับว่ายังมีอีกและมีอีก  อารมณ์ที่ไม่หมดลงง่าย ๆ เสียที  หมัดแล้วหมัดเล่าที่ผมปล่อยไปจนอีกฝ่ายนอนจมกองเลือดอยู่บนโซฟา  เมื่อสบายใจแล้ว  ผมถึงปล่อยมันออกแล้วกลับมานั่งลงที่เดิม  ทุกอย่างเงียบลงสนิท

"นึกว่าผมไม่รู้รึไง..ว่าคุณน่ะ ก็รู้เห็นเรื่องวางเพลิง" ผมพูดขึ้นแล้วเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ในกล่อง  นำมาเช็ดเลือดที่มืออย่างเนิบช้า  สมัครกระเสือกกระสนเหมือนคนไม่ได้สติ  มันสำลักเลือดออกมาเต็มโซฟา  ลูกน้องของสมัครเข้ามาก้มดูอาการอย่างเป็นห่วงแต่เมื่อผมมองขวางไปที่พวกมัน  ทุกคนก็หยุดมือและไม่ได้ช่วยอะไรอย่างที่ควร

"ใช่..ลุงรู้" เสี่ยยุทธตอบด้วยน้ำเสียงสนิทสนมจนผมรู้สึกสะอิดสะเอียน  หลายครั้งผมเคยสงสัยในตัวเองว่าทำไมผมถึงได้ไม่เคยรู้สึกสนิทใจกับผู้ชายอย่างเสี่ยยุทธเลยกันนะ  มีเรื่องทีก็ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จที  แกไม่เบื่อบ้างรึไงเวลาที่ต้องปั้นหน้าน่ะ

"แต่ลุงไม่รู้ว่านั่นเป็นคนของไฟ ถ้าลุงรู้..ลุงก็คงไม่ให้ทำ" เสี่ยรีบพูดแก้ตัวยกใหญ่

"ฮึ.." ผมก้มหน้าหัวเราะขึ้นจมูกพร้อมกับลูบหน้าตัวเองอย่างเหลือเชื่อที่ได้ยิน

"น่าชื่นชมจริง ๆ" ผมเงยหน้ายิ้มกว้างให้  เสี่ยยุทธหน้าเจื่อนลง

"งั้นผมจะขอพูดตรง ๆ อีกครั้ง"

"เพื่อแลกกับเงินห้าแสน..และความสงบสุข ของเราทั้งคู่" ผมพูดพร้อมหันไปมองหน้าสมัครอย่างใจเย็น  มันที่พอได้สติอยู่บ้างก็สบตาผมกลับเช่นกัน

"ผมขอให้เฮีย เลิกยุ่งกับค่ายมวยศรไกรอย่างเด็ดขาด ผมขอแค่นี้..ได้ไหม" ผมถาม  น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำในทุกคำพูด  สมัครนอนนิ่ง

"ได้สิ" เสี่ยยุทธนั่งลงเสมอผมและรีบตอบแทนอย่างดีใจ

"ผมถามเค้าน่ะ.." ผมพยักหน้าไปทางไอ้แก่ที่นอนอาบเลือดอยู่

"ไอ้หมัก ตอบสิวะ" เสี่ยยุทธเข้าไปก้มลงถามเรียกสติเพื่อนของตน  สมัครพยักหน้ารับน้อย ๆ เท่านั้น

"ผมต้องรบกวนขอให้เสี่ยเป็นพยานให้ด้วยแล้วกัน" ผมเงยหน้าพูดบอกเสี่ยทรัพย์  เสี่ยทรัพย์ยืนนิ่งมองก่อนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

"ผมไม่เคยผิดคำพูด และก็ไม่ชอบเสียเวลากับคนที่ไม่ต้องการสุงสิงด้วย ถ้าผมบอกว่าผมไม่ทำ คือผมจะไม่แตะต้องคนของเฮียแม้แต่ปลายเล็บ..ดังนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับค่ายมวยศรไกรอีก..ผมจะถือว่าเฮีย ประกาศศึกกับผม" ผมบอก  พ่อสอนกับผมเสมอว่า.."พูดไว้อย่างไร ให้ปฏิบัติอย่างนั้น" ตลอดมาผมจำได้ดีขึ้นใจไม่เคยลืม

"ไฟสบายใจได้ เดี๋ยวลุงจัดการเอง" เสี่ยยุทธยิ้มรับ  ผมไม่ได้ว่าอะไรก่อนจะลุกขึ้นยืน

"แต่อ้อ..ขอบอกไว้ก่อนว่า เรื่องลูกชายของเฮียน่ะ" ผมหันกลับไปมองหน้าสมัคร 

"ผมไม่เคยยุ่ง ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นกับเค้าละก็..ขอให้ทราบ ว่านั่นไม่ใช่ฝีมือของผม เรื่องนี้เฮียต้องไปถามลูกชายเฮียดู ว่าไปเล่นใครเค้าไว้บ้าง" ผมพูดเตือนก่อนหันไปมองไอ้ป้องช้า ๆ มันยืนกุมแขนตัวเองที่เปื้อนเลือดอยู่ด้วยใบหน้าซีด

"ส่วนมึง.." ผมชี้หน้ามันโดยเฉพาะเจาะจงเพราะถ้ามันไม่คิดอะไรสาระเลว  เพื่อนมันก็คงไม่ทำตามแน่

"หัดควบคุมนิสัยหน้าตัวเมียไว้หน่อยก็ดี น้องสาวมึงจะได้ปลอดภัยด้วย" ผมพูดบอก  ไอ้ป้องมองผมตาโตด้วยความตื่นตกใจที่ผมดันรู้ว่ามันมีน้องสาวด้วย 

"มึงทำยังไง..กูก็จะให้มึงอย่างนั้น จะเอาให้หาพ่อให้หลานมึงไม่ได้เลย ดีไหม..หรือว่ามึงอยากได้ผัวแทนน้องมึง กูก็ให้ได้ทั้งนั้น" ผมยิ้มกว้างให้ทิ้งท้าย  ไอ้ป้องกัดฟันแน่น  ไม่รู้โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้หรืออยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่  ผมนับเงินออกมายื่นไปให้ลูกน้องของเสี่ยทรัพย์ 

"ลาละครับเสี่ย ขอโทษด้วยที่ทำให้วุ่นวาย" ผมยกมือไหว้ลาเสี่ยทรัพย์  เสี่ยพยักหน้าเล็กน้อยแค่นั้น  ผมเดินออกมาพร้อมพี่ธาน  ลูกน้องคนอื่น ๆ ที่นั่งกระจายดูสถานการณ์อยู่ในแต่ละจุดพากันลุกขึ้นพร้อมกันและเดินตามหลังผมมา

"พวกมึงกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ" ผมบอกพวกไอ้เข้มและคนอื่น ๆ

"ระวังตัวด้วย" ผมบอกไอ้เข้มเป็นพิเศษเพราะมันกับลูกน้องขับมอเตอร์ไซด์แยกกันมา 

"ครับนาย" ไอ้เข้มก้มหัวให้ 

"คุณจะไปไหนครับ" พี่ธานถาม

"จะไปดูหมอนั่นหน่อยน่ะ" ผมตอบห้วน ๆ พี่ธานพยักหน้ารับเหมือนกับเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วเปิดประตูรถให้ผม  ไอ้เด่นขับรถตรงไปที่บ้านสมุทรอย่างรู้หน้าที่  เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุอีกครั้ง  ชาวบ้านบางส่วนแยกย้ายกันไปบ้างแล้ว  เพลิงไฟก็ถูกดับสนิทหมดแล้วด้วย  ผมพลิกดูนาฬิกามันบอกเวลาเกือบจะตีสี่เข้าไปแล้ว  ผมสั่งให้ไอ้เด่นอยู่เฝ้าอยู่ที่รถแล้วเดินออกมากับพี่ธาน  โดยเลือกที่จะเดินไปดูความเรียบร้อยที่ค่ายมวยก่อนอันดับแรก  ที่นั่นไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว  ในส่วนของค่ายไหม้ไปเกือบหมดแต่ดีที่ตรงส่วนของบ้านพักไหม้ไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น  แต่ดูท่าแล้วคงจะยังไม่สามารถเข้าพักได้เร็ว ๆ นี้แน่  คงต้องซ่อมแซมใหม่ทั้งหมด  ขนาดผมยืนมองอยู่ห่าง ๆ กลิ่นไหม้คลุ้งแสบจมูกจนต้องเดินหนี

ผมก้าวเท้าเดินตรงไปทางบ้านของสมุทรต่อทันทีโดยไม่พูดอะไร  พี่ธานเดินตามมาเงียบ ๆ ไม่ห่าง  ผมแค่อยากไปดูหน่อยว่าอีกฝ่ายยังอยู่ที่บ้านหรือว่าอาจจะไปช่วยคนในค่ายก็อาจเป็นไปได้  ระหว่างทางค่อนข้างเงียบมาก  มีบางบ้านที่เพิ่งตื่นนอนและบางบ้านคงเพิ่งจะได้เข้านอน 

เมื่อผมเดินไปใกล้ถึงหน้าบ้านของสมุทรก็ต้องหยุดชะงักเพราะเห็นว่าเจ้าตัวนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้านเงียบ ๆ อยู่คนเดียวคล้ายกับคิดอะไรอยู่  อีกฝ่ายนั่งคอตกหมดสภาพในชุดเดิมที่ผมเห็นก่อนหน้านี้  ประตูบ้านของเขาปิดสนิท  ผมยืนมองอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก  ยืนอยู่อย่างนั้นจนสมุทรเงยหน้าหันมาเห็นผมเข้าพอดี  เพียงพริบตาเดียวสีหน้าของเขาที่ดูอิดโรยก็เปลี่ยนไป  สีหน้าที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน  ดูเหมือนว่าผมน่าจะรอคอยที่จะเห็นสีหน้าแบบนี้มานานแล้ว  เพียงแต่พยายามกวนเท่าไหร่ใบหน้านี้ก็ไม่เคยหลุดทำให้ผมได้เห็นเสียที 

สมุทรลุกขึ้นพร้อมเดินปรี่เข้ามาหาผมด้วยท่าทางโกรธจัด  ใช่..ดูท่าจะเดือดมากทีเดียว  ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิม  อมยิ้มรอและไม่แม้แต่จะขยับตัวแม้แต่ก้าวเดียว  เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะทำอะไรและผมต้องการมองให้เต็มตา.. 



ผลัวะ! ....สมุทรปล่อยหมัดซ้ายเข้ามาเต็มแรง 

"คุณไฟ" พี่ธานอุทานเมื่อเห็นว่าผมเซไปไม่เป็นท่า  หึ..หมัดนี้ที่รอคอย  สะใจจริง ๆ 

ผลัวะ!!  ....ผมหันตัวกลับไป  เมื่อตั้งหลักได้จึงสวนหมัดขวากลับเข้าใส่อีกฝ่ายทันควัน!



..........ไฟ............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2015 20:18:20 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
อย่าให้พี่ไฟโกรธ  :fire:
อ่านแบบลุ้นทุกบรรทัด พี่ไฟสุดเหี้ยม  o13
ขำ หมัดนี้ที่รอคอย 55555555555

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
คุ้มค่ากับการรอคอย ยาวมากๆๆ
ไฟ สมุทร คือดีงาม รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ชอบไฟอะ คิดดี แม้จะทำไม่ค่อยดีก็เหอะ XD

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
ต่อด่วนๆๆๆ :angry2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ โซดาหวาน

  • ชอบเกาหลี , คลั่ง วาย ~ , ♥ รักประเทศไทย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-1
หมัดนี่ที่รอคอยยย 5555
เค้าก็รอไฟเหมือนกัน~~~

ออฟไลน์ Moonwish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ขนาดรอหมัดเลยทีเดียว
เป็นเอามากนะไฟ

ออฟไลน์ น้ำแข็งใส

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-1
ไฟมาแล้วชอบๆลุ้นมันมาก  :z2:

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
หมัดนี้ที่รอคอย
ตลก
พี่ไฟนี่มันพี่ไฟจริงๆ
กวนยังไงอย่างนั้นเลย 5555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
จะญาติดีกันได้เมื่อไหร่ เจอกันทีไรมีเรื่องตลอด :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
สมุทร ใจเย็นลูกก
คนเผาน่ะทีมอีตาเสี่ยพุงพลุ้ยโน่นน ไม่ใช่ไฟน้าา T T

ออฟไลน์ ren

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
    • " Welcome To Y Entertainment "
ปิดทองหลังพระนะไฟ  สมุทรคิดว่าไฟทำซะละมั้ง 

ออฟไลน์ ดวงตะวัน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เป็นไฟสมชื่อจริงๆ  เมื่อไหร่สมุทรจะได้มีบทเยอะๆๆรอลุ้นความสนุกแบบโหดๆของสองหนุ่ม

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ไฟไปยั่วสมุทรเค้าโกรธนะ แต่สมเป็นไฟจริงๆ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
ลุ้นหนักมากเลยจริงๆ
กับไฟโหมดนี้  :hao7:

ออฟไลน์ Madness69

  • Love@Sickness
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +235/-0
    • Madness69 Fanpage
นุ้งพายู้ววววววว ม๊วฟ กวนทีนคุณย่าน่าร๊ากกกได้ใจเจ้

แมนโหดแบบเท่โค-ตะ-ระได้อีกนะคะคุณพี่ไฟ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ชอบอ่ะ ((นี่ตูซาดิสถ์ใช่ม๊าย))
พี่ไฟยอมให้คุณย่าเข้าใจว่าเป็นเกย์เพื่อกลบเกลื่อนตัดฟามรำคาญ แต่ก็ดีนะคะปูทางไว้ก่อน เวลาพาแฟนไปพบคุณย่าจะได้ไม่หัวใจ XYZ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ตั้งตารอบทสนทนาของคู่เอกตอนต่อไปอย่างกระวนกระวาย

ขอบคุณเบบี้จ่ะ
 :mew1:

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
บรึ๊ย...คุณไฟโหดดดดดดดดดด มากกกกกกกกกกก







น่ากลัวเกินไปแล้วนะ  พี่ธานอยู่กับคุณไฟมากไป โรคจิตติดโหดเหมือนกันเลย







เพิ่งรู้ว่าคุณไฟอยากโดนหมัดสมุทรมาก ขนาดโดนแล้วฟินเลยทีเดียว






พี่ธาน ไม่อยากโดนคุณไฟกด แต่อยาก กดน้องพายุ ใช่ใหม คริๆ

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
กริ๊ดดดดดดคิดถึงพี่ไฟ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด