The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446018 ครั้ง)

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
สมุทรต้องคืดว่าไฟทำชัว  ส่วนไฟตอนนี้เธอน่ากลัวมากค่ะ แอบเปนกังวลว่าพวกนี้มันจะมาแก้แค้นอีก ขอให้ไฟรับมือได้นะ

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
ไฟออกแนวมาโซคิสม์นะคะ  รอหมัดเด็ดจากสมุทรนี่เอง  o18 เมื่อไหร่จะได้พูดจากันดี ๆ สักทีล่ะเนี่ย


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ rk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
รอค่ะ
ขอให้ไฟรุกด้วยเถอะ อยากเห็นสมุทร ระทวย

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
กว่าจะรักกันคงมีใครซักคนช้ำในตาย :hao3:

 :pig4: ค่ะ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3

ออฟไลน์ KaniSui

  • ♪(*^ ・^)ノ⌒☆
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
ทำไมตัดจบแบบนี้ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


พายุกวนติงย่า กร๊ากกกก น่าเอ็นดูจริงๆ เป็นปากเป็นเสียงแทนพี่ไฟได้ เก่งมากลูก
พี่ไฟบอก "ไม่อยากเสียเวลาทำงานมานั่งใส่ใจใคร" แต่ไปเฝ้าสมุทรที่บ้านทุกวัน 55555 ก็แซวเล่นโนะะะะ
แล้วที่บอก "การได้หลงไหลใครแบบไม่ได้ตั้งตัวน่าสนใจกว่า" ...ตอนนี้พี่ก็หลงแบบไม่รู้ตัวอยู่นะ รู้ยัง 55555


ชอบพี่ไฟดุดิน ชอบ ดุเยอะๆ ให้หงอมากๆจะได้ไม่กล้าซ่าอีก

ไอ้พวกคนแก่ไร้สมองทั้งหลายนี่ก็เหมือนกัน มันต้องเจอคนจริงแบบนี้แหละ สะใจจริงๆ
แต่เสียดายไม่ได้ตังห้าแสน น่าจะเอามาด้วย...

สมุทรคิดว่าพี่ไฟเป็นคนทำหรอ หรือคิดว่าที่มันเป็นแบบนี้เพราะพี่ไฟเข้ามายุ่ง
อย่าตีกันเลย พี่ไฟหวังดีนะคะ ถึงจะหวังดีด้วยวิธีแปลกๆไปหน่อย


ตอนหน้ามันส์แน่ รีบมาต่อด้วยนะ
หายปวดหลัง เพี้ยงๆ เยิฟยู  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2015 13:53:38 โดย KaniSui »

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ตอนนี้ทำให้รู้ว่าเฮียไฟดุกว่าหมาอีก  :hao7:

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
อื้อหือ นึกว่าดูหนังมาเฟียอยู่
ไฟโหดได้ใจมากกก
แล้วก็กวนตีนมากเช่นเดียวกัน 55555
สมุทรใจเย็นๆน้าาา

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
มา






รอ







คุณไฟ







จน







ตะคริว







กินขาแล้ว







มายัง

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
ตอนที่ 10
..ไฟ..




ผลัวะ!! ....ผมหันไปตั้งหลักได้ก็สวนหมัดกลับเข้าใส่อีกฝ่ายทันควัน!

ทันทีที่ผมปล่อยหมัดออกไปจนสมุทรเซไปอีกด้านผมก็เข้าไปคว้าคอเสื้อสมุทรขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อให้เขาเข้ามาสู้กันต่อ  ความรู้สึกสะใจที่โดนอีกฝ่ายซัดมาเต็มเหนี่ยวขนาดนี้  ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว  สมุทรกัดฟันแน่นด้วยท่าทางแค้นจัดจนผมดูออกได้ง่าย ๆ ว่าเขากำลังเข้าใจผิดอะไรผมอยู่

"เอาซี่ กูเป็นคนเผาค่ายมึงเองแหละ" ผมแสยะยิ้มกว้างอย่างท้าทายอารมณ์  อีกฝ่ายถลึงตาโต
 
"ไอ้ระยำเอ๊ย!" สมุทรสบถเสียงดังลั่น  ตาของเขาเหมือนจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว  สีหน้าที่โมโหอย่างสุดขีดนั้นแดงก่ำจนแม้แต่เวลาเช้ามืดอย่างนี้ก็เห็นใบหน้านี้ได้ชัด  สิ้นเสียงสบถ  สมุทรก็ปล่อยมัดซ้ายและขวาเข้าที่หน้าผมอย่างรวดเร็วไม่เว้นเพียงเสี้ยววินาที  ผมตั้งใจทิ้งกาดลงแบบไม่คิดจะสู้ต่อ  ยืนตั้งรับอย่างนั้นเพราะอยากรับรู้ว่าเขาจะมีดีสักแค่ไหน

เวลาผ่านไปเพียงครู่  เมื่อผมลิ้มรสหมัดขอสมุทรได้เต็มที่แล้ว  ผมก็เริ่มตอบกลับอีกครั้ง  เพราะถ้าไม่สู้ต่อในจังหวะนี้ผมเองก็คงทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน  เราสองคนต่างฝ่ายต่างต่อสู้กันอย่างไม่ลดละ  ผมถีบสมุทรจนตัวเขากระเด็นไปไกล  อีกฝ่ายลุกขึ้นได้ทันทีแล้วพุ่งเข้าหาผมทำท่าจะสวนหมัดหงายมาแบบเต็มเหนี่ยว  ผมหลบหมัดด้วยความไว  เพราะถ้าโดนหมัดนี้เข้าตรง ๆ มีหวังผมได้น็อกเอ้าท์ก่อนจบเกมเป็นแน่  หมัดของสมุทรเฉี่ยวปลายคางผมไปเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น  ความแรงของหมัดที่เฉี่ยวปลายคางถึงกับทำให้ผมที่หลบหลีกถึงกับล้มลงกับพื้น  ทันทีนั้นเอง  สมุทรก็เข้ามาคร่อมผมพร้อมปล่อยหมัดรัวต่อไม่ยั้งมือ  ผมนอนยิ้มกว้างให้  เห็นสมุทรที่กำลังต่อยคนอื่นอย่างเหนือกว่า  แต่สีหน้ากลับดูไม่ได้เอาซะเลย

"หึ..ก็ห่วยแตกแบบนี้ไง ค่ายมึงถึงไม่ไปไหน" ผมยั่วอารมณ์ไม่หยุด  และไม่พูดเปล่า  หาจังหวะชกกลับแล้วลุกขึ้นสู้ทันที  เราปล้ำกันอยู่อย่างนั้นกลางถนนอยู่ครู่ใหญ่  จนดูเหมือนต่างก็เริ่มหอบเหนื่อยใกล้หมดแรงกันทั้งคู่  ผมและสมุทรนั่งแผ่หลาอยู่บนพื้นประชันหน้ากัน  เลือดออกที่ปากและจมูกของเขา  สมุทรเหลือบสายตามองมาที่ผมตาขวาง  จากใบหน้าปกติที่ดูนิ่งขรึมและสุภาพ  ตอนนี้กลับมีสายตาดุดัน  และดูหยิ่งผยองในแบบที่ผมคิดไว้ไม่มีผิดว่า.. ที่จริงแล้วเบื้องลึกของผู้ชายคนนี้อาจเป็นคนที่มีสายตาแบบนี้ประจำตัวอยู่เป็นทุนอยู่แล้วก็เป็นได้  ไม่ใช่ผู้ชายไม่รู้ร้อนรู้หนาวใจเย็นได้ตลอดเวลาอย่างที่เคยเห็น 

ผมหัวเราะออกมาอย่างไม่มีสาเหตุก่อนถุยน้ำลายลงพื้นส่ง ๆ ไปและก็พบว่าเลือดได้ปนออกมาด้วยจาง ๆ เราต่างลุกขึ้นยืนพร้อมกัน  ใช่แล้ว..ผมไม่ยอมให้มันจบอยู่แค่นี้หรอก  สำหรับหมอนี่..ฝีมือไม่ใช่มีแค่ที่เห็นนี้เป็นแน่  อย่างน้อย..เขาก็มีสายเลือดจากลุงยอดอยู่น่ะนะ

"เพื่อนในค่ายมุดหัวไปนอนที่ไหนกันล่ะ หึ..เกินคาดแฮะ ที่จริงกะว่าจะไหม้หมดซะอีก" ผมขมวดคิ้ว  พูดปนหัวเราะ  นำมือขึ้นลูบปากที่เปื้อนเลือดตัวเองเบา ๆ ด้วยท่าทางกวนตีนไม่หยุด  ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยิ่งทำถึงยิ่งรู้สึกสะใจ

"นี่พวกมันคงไม่ได้ไปแย่งที่หมานอนหรอกใช่ไหม" ผมเลิกคิ้วถาม

"อ้าก!" สิ้นคำถามผม  เสียงร้องระบายอารมณ์จากคนตรงหน้าก็ดังลั่น  ไม่ทันที่ผมได้ตั้งตัว  หมัดซ้ายก็ลอยมาอย่างรวดเร็วคล้ายกับสายฟ้าแลบ



ผลัวะ!!!  ....หมัดสุดท้ายที่ปล่อยมาอย่างเต็มกำลังแรงที่มี  หนักหน่วงมากจนทำให้ผมทรุดลงกับพื้น

"คุณไฟ!" พี่ธานอุทานเสียงหลง  รีบนั่งลงมารับผมไว้ทันที  ผมเท้าแขนที่พอมีแรงไว้ที่พื้น  ก้มหน้ามองเลือดที่ไหลออกมาจากจมูกอย่างกับใครเปิดก๊อกน้ำ  พอเหลือบตามองไปที่ต้นเหตุ  อีกฝ่ายก็เดินหนีไปซะแล้ว

"ฮึ.. หึหึหึ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง  รู้สึกได้ถึงความสะใจที่ก่อตัวนั้นมีมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก  ผมทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นอีกครั้งหนึ่ง

"อะ เชี้ยเอ๊ย" ผมร้องด้วยความเจ็บ  ขณะเดียวกันก็อดขำไม่ได้ 

"นี่ครับ" พี่ธานหยิบผ้าเช็ดหน้าของพี่เขามายื่นให้  อีกฝ่ายขมวดคิ้วหน้าเครียดคงเพราะเป็นห่วงผมอีกตามเคย  ผมนำมันมาอุดจมูกไว้เพราะเลือดคงไม่หยุดไหลง่าย ๆ แน่  ที่ผ่านมามีเพียงนักมวยรุ่นใหญ่ไม่กี่คนที่สามารถชกผมเพียงไม่กี่หมัดแต่กลับทำให้เลือดไหลออกมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้

"หึ ไม่คิดว่าตัวเองมีเลือดเยอะขนาดนี้นะเนี้ย" ผมกวนอารมณ์พี่ธาน  อีกฝ่ายส่ายหัวหน้างอเลย

"เดี๋ยว ๆ ๆ" ผมปรามพี่ธานไว้ก่อนเพราะพี่เขาจะพาผมลุกขึ้นนั่งในที่นั่งที่ดีกว่านี้  แต่ผมรู้สึกเหมือนตายังปรับแสงและการทรงตัวได้ไม่คงที่ดี  ถ้าลุกตอนนี้มีหน้ามืดแน่ ๆ

"ไหลเป็นน้ำเลย หึหึ..วู้!" ผมยิ้มบ่นอย่างชอบอกชอบใจที่เห็นเลือดตัวเองไหลหยดลงบนพื้นไม่หยุด  ผ้าเช็ดหน้าของพี่ธาน  ดูเหมือนจะเอาไม่อยู่ซะแล้ว

"คุณไฟ..คุณจะทำอะไรของคุณกันแน่ครับ แล้วไปยั่วอารมณ์เค้าแบบนั้น" พี่ธานเริ่มบ่น  นาน ๆ ทีที่พี่เขาจะบ่นเป็นตาแก่  เวลาที่พี่ธานเอ่ยปากบ่นแสดงว่าเต็มทนละมัง  ผมเองก็ชอบนะแบบนี้  รู้สึกเหมือนพ่อยังมีชีวิตอยู่ด้วย  ผมพยายามกลั้นหัวเราะ  พี่ธานมองมาหน้าเข้มเหมือนบอกให้ผมหยุดล้อเล่นเสียที

"ซี๊ด..เมื่อกี้เห็นไหม หมัดซ้ายเจ๋งเป็นบ้า!" ผมสบถพูดอย่างรู้สึกอย่างนี้จริง ๆ ตอนนี้ใจผมเต้นแทบระเบิดอย่างกับคนเพิ่งได้เจออะไรที่แปลกใหม่  ทั้งที่ก็ผ่านนักมวยมานับร้อย  แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเพิ่งได้เจอของที่อยากได้มานานอย่างนั้น  ความรู้สึกเร่าร้อนมันกระจัดกระจายไปทั่วอกจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก

พี่ธานอมยิ้มเหมือนเห็นด้วยกับความสวยงามของหมัดเหวี่ยงซ้ายเมื่อกี้นี้  ผมอ้าปากเพื่อขยับกรามตัวเองดูว่ามันยังโอเค  ใช้งานได้อยู่รึเปล่า 

"ผมว่าผมเจอคู่ซ้อมแล้วล่ะ" ผมหันไปยักคิ้วให้พี่ธาน  พี่ธานทำหน้าเซ็งบรมอีกครั้ง

"..เลือดลมสูบฉีดจนอกจะระเบิดอยู่แล้ว" ผมแสยะยิ้ม  ความรู้สึกสะใจแบบแปลก ๆ แบบที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้วมันกำลังเต้นเร่า ๆ เหมือนอยากจะกระโดดโลดเต้นออกมาจากกรง  อะไรประมาณนั้นเลย

"กับการที่คุณชกไม่จริงจังเมื่อกี้นี้น่ะนะ" พี่ธานบ่น

"ไม่จริงจังเหรอ..เมื่อกี้นี้ผมจริงจังมากเลยนะ" ผมตีหน้าซื่อ

"กวนเค้าจริงจังน่ะสิ" พี่ธานต่อว่า  ผมหัวเราะอย่างไม่ปฏิเสธแล้วนำผ้าเช็ดหน้าออกมาดู  เลือดชุ่มจนผ้าเช็ดหน้าเปียกไม่เหลือพื้นที่ ๆ ควรจะสะอาด  ผมเงยหน้าอยู่ครู่หนึ่ง  พี่ธานเอื้อมมือมาแตะที่จมูกและใบหน้าของผมอย่างเบามือ

"ขอโทษนะครับ" พี่ธานพูด  ผมนั่งนิ่งเพราะอีกฝ่ายคงสำรวจดูว่าทุกอย่างของผมจะยังโอเค

"ไม่หักครับ..ได้อีกยก" พี่ธานว่าเสียดให้  ผมอมยิ้มมองพี่ธานอย่างเจ้าเล่ห์  พี่ธานส่ายหัวยิ้มอย่างเสียไม่ได้

"เฮ้อ..คุณนี่ก็ ตั้งใจปล่อยเลยสินะครับ นี่ดีนะครับที่ขากรรไกรไม่หัก" พี่ธานบ่น

"เอาน่า ก็ไม่ได้หักสักหน่อย" ผมตอบปัดไปที

"ปล่อยให้เค้าชกแบบนั้นทำไมครับ" พี่ธานตีหน้าเข้มถามด้วยใบหน้าจริงจังเอาคำตอบ  ผมเอียงหน้าหนีเล็กน้อย

"เวลาอีกฝ่ายโมโหน่ะ ท่อนล่างผมร้อนวูบวาบยังไงบอกไม่ถูก" ผมพูดขึ้นคนละเรื่อง  พร้อมทำเสียงกระเส่าประกอบบอกพี่ธานด้วย  ถึงแม้จะไม่ใช่คำตอบตรงตามที่พี่ธานต้องการ  แต่ก็ไม่ใช่การโกหกจากผม..เพราะผมรู้สึกเป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ

"หึหึหึ" พี่ธานนำมือปิดหน้าและหัวเราะเหมือนอดไม่ได้  ผมอมยิ้มและลุกขึ้น

"ฝีมือไม่เบาเลย ตัวแน่นอย่างกับหิน" พี่ธานพูดชมถึงคนที่หายตัวไปแล้ว

"ผมคิดว่าเค้าเป็นลูกไม้ที่พยายามหล่นให้ไกลต้นน่ะ" ผมพูดอย่างมั่นใจ

"นั่นน่ะสิครับ" พี่ธานเห็นด้วย

"ไม่แน่ อาจเก่งกว่าคุณก็ได้นะครับ..ก็ลูกลุงยอดนี่นะ" พี่ธานทำหน้ากวน

"โอ้..พูดได้ดีนี่ครับพี่ใหญ่ โบนัสสิบเปอร์เซ็นต์ปีนี้น่ะ หักยกให้ไอ้เด่นเอาไปกินขนมแล้วกันนะ" ผมย้อนตอบทันที  พี่ธานหัวเราะ

"ให้ไอ้เข้มแทนได้ไหม ผมจะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บใจเท่าไหร่" พี่ธานว่า

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะชอบใจ

"แล้วเดินไปไหนละนั่น" ผมบ่นถึงสมุทร

"ให้ผมไปตามไหมครับ" พี่ธานถาม  ผมพยักหน้าอนุญาต

"อยู่นี่ก็อย่าเล่นสนุกอะไรอีกล่ะครับ" พี่ธานที่กำลังจะเดินไป  หยุดเดินแล้วหันหน้ากลับมาว่าปราม

"นี่ยังมีอะไรน่าสนุกมากกว่าทำให้หมอนั่นโมโหได้อีกเหรอ" ผมย้อนอย่างไม่แคร์  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ คล้ายอ่อนใจก่อนเดินไป
ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าบ้านของสมุทร  ประตูบ้านของเขาปิดเงียบสนิท  พี่ธานเดินตามไปทางซอยเข้าไปด้านใน  ผมนั่งเช็ดเลือด  ขณะนี้เงียบมาก  ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นบ้างแล้วทำให้มองเห็นบริเวณรอบ ๆ นี้ได้ชัดเจนมากขึ้น  ผมมองนาฬิกาและเริ่มจับเวลา  ถ้าจะบอกว่าผมเป็นคนชอบจับเวลาก็คงอย่างนั้น  พี่ธานหายไปประมาณครึ่งชั่วโมง  ถ้านานเกินกว่านี้ผมกะว่าผมจะออกไปตามเอง  สุดท้ายพี่เขาก็เดินกลับมาพร้อมกับสมุทรที่หน้าแดงด้วยรอยช้ำ  เลือดของเขาก็หายสนิทเช่นเดียวกันกับผม 

สมุทรเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า  อีกฝ่ายมองผมด้วยสายตาที่ดูจะสำนึกผิด  ใบหน้าเรียบนิ่งตามเคย  สงสัยพี่ธานคงจะเล่าอะไร ๆ ให้ฟังแล้วอย่างแน่นอน  มันน่าแปลกใจตรงที่  ไม่ว่าใครจะไปว่าแดกดันหรือยั่วอารมณ์เขาเกี่ยวกับข้อด้อยที่เขามีมากเท่าไหร่  เขากลับไม่โมโหหรือโกรธเคืองอยากเอาความ  แต่พอเป็นเรื่องของคนอื่นกลับปล่อยธาตุแท้ออกมาซะอย่างนั้น

"ฉันก็เคยแอบคิดว่านายน่าจะฉลาดเหมือนพ่อ แต่กลับโง่เง่าสิ้นดี" ผมฉีกยิ้มพูด  สมุทรนิ่งเงียบ  ไม่มีสีหน้าตอบโต้กลับใด ๆ ไม่มีแม้แต่สีหน้าที่โมโหเดือดแค้นอย่างก่อนหน้า  ปฏิกิริยาแบบนี้  สีหน้าแบบเดิมกลับมาอีกแล้ว 

"คิดว่าตัวเองเป็นใคร.." ผมเหลือกตามองและอมยิ้มอย่างดูหมิ่น

"นายคิดว่าตัวเองเป็นสาวบริสุทธิ์ที่ฉันต้องลงแรงทำเพื่อให้ได้ตัวนายมาครอบครองงั้นเหรอ..ขนาดนั้นเลย หึหึ..ถ้าเป็นน้องสาวนายก็ว่าไปอย่าง" ผมหัวเราะ

"นี่คุณ!" สมุทรขึ้นเสียง  คิ้วขมวดมองผมอย่างมีอารมณ์อีกครั้ง

"อย่ายุ่งกับน้องสาวผม" เขาพูดเสียงเข้มด้วยใบหน้าเอาจริง

"ครับ ๆ" ผมยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ทั้งสองมือ  น้องสาวสมุทรจะจัดว่าเป็นเด็กสาวที่มีเสน่ห์คนหนึ่งเลยก็ว่าได้  แต่ไม่ได้ตรงสเปกผมเลยแม้แต่น้อย  ผิดกับอีกคนที่กำลังสามารถต้อนอารมณ์ผมไปซ้ายทีขวาทีได้อย่างที่เจ้าตัวเองก็เหมือนจะไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ 

"........." เพียงครู่หนึ่งสมุทรก็นิ่งไปอย่างกับเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าผมจะไม่ยุ่งกับน้องสาวของเขาจริง ๆ ตามที่ผมพูด  สมุทรมองหน้าผมก่อนเหลือบไปมองพี่ธาน

"เดี๋ยวผมไปเอากล่องยามาทำแผลให้" สมุทรพูดแล้วเดินไปที่ประตูบ้านทันที  ผมปิดปากนั่งลงหัวเราะแบบไม่มีสาเหตุ  พี่ธานส่ายหัวมอง  ผมเอี้ยวตัวหันกลับไปมองตามสมุทรที่ยืนไขกุญแจบ้านก่อนเดินเข้าบ้านไป  คาดว่าคนในบ้านคงยังไม่ตื่นเพราะในบ้านยังเงียบสนิทอยู่  พี่ธานนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวที่วางอยู่ห่างจากผมประมาณหนึ่งเมตรได้

"คุณไฟชอบสมุทรเหรอ" พี่ธานอมยิ้มเจ้าเล่ห์

"เป็นการเดาที่ดีนี่ครับ..พี่ใหญ่" ผมย้ำเสียงพูดประชดแต่ยังคงอดยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ด้วยไม่ได้  พี่ธานหัวเราะในลำคอ  เราทั้งสองมองตากันยิ้ม ๆ และก็เงียบปากลงทันทีเมื่อสมุทรเดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับกล่องยาสามัญประจำบ้าน

"พี่สมุทร~" เสียงเรียกงัวเงียดังมาจากด้านใน  สมุทรที่กำลังจะใส่รองเท้าชะงักหันไปมอง

"อ่าว รีบตื่นมาทำไม" สมุทรทักแล้วรีบเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้งเพื่อไปหาน้องชายตน  เมฆเดินขยี้ตาออกมา 

"จะไปไหน" เมฆถามเสียงเครือ  น้องมันเหลือบสายตามาเห็นผมเข้าพอดี  อีกฝ่ายชะงักตาโตอย่างกับเห็นผี  สมุทรเข้าไปอุ้มน้องชายตัวเองขึ้นทั้งที่มือก็ยังไม่วางกล่องยาเลย  ผมเลยทำหน้านิ่งยักคิ้วกวนไปทีหนึ่ง  เมฆก้มหน้าซุกเข้าที่ไหล่ของพี่ชายตัวเองอย่างต้องการหลบหน้าผมทันที 

"ไม่ได้ไปไหน พี่ก็อยู่หน้าบ้านนี่แหละ กลับขึ้นไปนอนก่อน..เดี๋ยวต้องไปวัดแต่เช้าเดี๋ยวก็ตื่นไม่ไหวหรอก" สมุทรพูดแกมบ่น  อุ้มเมฆกลับเข้าบ้านไป

"ว่าไปว่ามา..เราก็ไม่ได้เข้าวัดกันเลยนะครับ ตั้งแต่ที่คุณท่านเสีย" พี่ธานหันมาพูด  เราต่างมองหน้ากันนิ่ง  ความจริงก็อย่างที่พี่ธานว่านั่นละ

"อ่าว ผมก็คิดว่าเค้าเอาไว้เข้ากันเฉพาะตอนตายซะอีก" ผมกวนตอบไปงั้น  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ อย่างอ่อนใจ  รอบตัวคนที่ผมสัมผัสได้และรู้จักก็เห็นเป็นอย่างนั้น  คนส่วนใหญ่ถ้าไม่เข้าเฉพาะตอนที่มีใครตาย  ก็เข้าไปพึ่งพาเฉพาะตอนที่ตัวเองเดือนเนื้อร้อนใจอยากขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์  บางคนก็ไม่เคยเข้าไปเหยียบเลยจนตัวเองตายห่าจากโลกนี้ไปนั่นแหละ  คงมีเพียงคนส่วนน้อยในอีกมุมที่เข้าเป็นประจำ  ซึ่งมันจะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์บนโลกนี้กันที่เข้าไปอย่างเต็มใจด้วยจิตที่เปี่ยมไปด้วยการให้และปฏิบัติดีอย่างเต็มร้อยน่ะนะ

สมุทรเดินกลับออกมาอีกครั้ง  เขานำกล่องยามาวางลงโต๊ะตรงหน้าผมแล้วเปิดกล่องออก  กล่องยาดูสะอาดสะอ้านดี  ด้านในก็เป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างไม่น่าเชื่อ  ผมนั่งมองก่อนจะเหล่สายตาไปทางพี่ธานเล็กน้อย  อยู่ ๆก็รู้สึกแปลก ๆ กับความเงียบแบบนี้ยังไงบอกไม่ถูก  พี่ธานอมยิ้มตอบให้ผม  เป็นรอยยิ้มแบบที่พี่ธานเคยเตือนให้ผมเลิกยิ้มในลักษณะแบบนี้  ยิ้มแบบที่ถ้าไม่ได้ผุดบนใบหน้าของคนที่ชื่อว่าพี่ธานละก็  คนตรงหน้าคนนี้คงโดนผมถีบตกเก้าอี้ไปแล้ว  ผมผงกหน้าใส่พี่ธานอย่างต้องการความหมายในรอยยิ้ม  พี่ธานเบะปากผงกหน้าตอบด้วยท่าทีแบบเดียวกัน

"ผมไปรอที่รถแล้วกันนะครับ" พี่ธานลุกขึ้นพูดโต้ง ๆ

"เดี๋ยว" ผมเรียกไว้

"แล้วอย่าทะเลาะกันอีกล่ะ" พี่ธานสั่งเสียโดยไม่ฟังเสียงท้วงจากผมเลย 

"ครับ" สมุทรหันไปยิ้มตอบซะงั้น  ผมมองอย่างไม่เข้าใจว่าไอ้นี่มันครับอะไรของมัน 

"ฝากนายผมด้วย" พี่ธานผงกหัวยิ้มให้สมุทรอย่างเป็นมิตรก่อนเดินออกไปหน้าตาเฉยทั้งที่ปกติไม่ค่อยห่างจากตัวผมไปไหนถ้าไม่ได้สั่งแท้ ๆ ผมส่ายหัว  หันหน้าไปทางอื่น  สมุทรเปิดกล่อง  เริ่มนำยาต่าง ๆ ออกมาตั้งเรียงบนโต๊ะ  ผมหันหน้ากลับไปมองเขาตรง ๆ อีกฝ่ายเลื่อนเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าผม  เรานั่งใกล้กันเพียงคืบเดียวเท่านั้น 

"เดี๋ยวผมทำให้แล้วกัน" สมุทรพูดขึ้น  ผมพยักหน้ารับเท่านั้น  เมื่อไม่มีพี่ธานความเงียบที่ก่อตัวขึ้นทีละนิด ๆ จึงเริ่มมีกลิ่นแปลกผิดปกติไปมากกว่าเดิม  สิ่งผิดปกตินี้ที่ผมคงรับรู้ได้อยู่เพียงคนเดียวรึเปล่าไม่ทราบ  จู่ ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าผมทำตัวไม่ถูกขึ้นมาอย่างไรพิกล  ทั้งที่ปกติอาการแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ยากมากสุดขีดทะลุฟ้าเลยด้วยซ้ำ 

ผมเหลือบมองไปที่มือของสมุทรที่ช้ำไปด้วยแผลยังคงหยิบจับสิ่งต่าง ๆ อย่างใจเย็น  เขาหยิบสำลีนำไปชุบน้ำสะอาดในแก้วที่เตรียมมา  ก่อนนำมาเช็ดคราบเลือดที่ปากและจมูกให้ผมอย่างเบามือ  ผมนั่งเฉย  ตามองต่ำลงไปที่พื้นไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็เมื่อรู้สึกเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจ้องหน้าผมอยู่  ผมจึงเหลือบตาขึ้นมอง  สมุทรหลบตาผมในทันที  ผมมองหน้าเขาอยู่อย่างนั้นพลางอมยิ้มในใจ  สายตาขอเขาจับจ้องมาที่แผลบนใบหน้าผมหน้าตาเฉย  ทั้งที่เจ้าตัวก็น่าจะรู้ว่าระหว่างนั้นผมนั่งจ้องหน้าเขาแทบไม่ละสายตาเลยทีเดียว

เราทั้งคู่ยังคงนั่งประชันหน้ากันโดยไร้บทสนทนาใด ๆ ความเงียบดูเหมือนจะไม่ใช่อุปสรรคทั้งผมและเขา  อีกทั้งสมุทรดูจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสายตาของผม  ทั้งที่ผมก็นั่งจ้องไม่กะพริบจนผิดปกติเสียขนาดนี้  เมื่อสมุทรจัดการเช็ดเลือดให้ผมเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับนำแอลกอฮอล์ล้างแผลให้ด้วย  เสร็จจากนี้เขาก็ลุกกลับเข้าไปในบ้าน  เดินออกมาอีกทีพร้อมกับกระติกน้ำใบเล็กที่น่าจะใส่น้ำแข็งมาด้วย  สมุทรนำกระติกมาวางไว้บนโต๊ะก่อนนำผ้าขาวสะอาดออกมา  หยิบน้ำแข็งวางลงบนผ้าก่อนยื่นมาให้ผมเหมือนบอกให้ผมทำด้วยตัวเอง  ผมรับมาแล้วประคบไปที่แผลที่ฟกช้ำอย่างเบามือ  รู้สึกเจ็บและปวดเหมือนกันแต่ก็ทนได้

"นายอยากให้ฉันทำแผลให้นายด้วยไหม" ผมมองเจ้าเล่ห์

"ไม่ต้องละ ผมทำเองถนัดกว่า..ขอบคุณ" สมุทรตอบเสียงเรียบ

"ก็ดี" ผมเบะปากผงกหัวรับอย่างไม่แคร์อะไรนัก  สมุทรนั่งลงพร้อมกับที่ประคบของตัวเอง  เราต่างฝ่ายต่างนั่งประคบแผลตัวเองไปเงียบ ๆ ฟ้าเริ่มสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ชาวบ้านบางบ้านเริ่มตื่นออกมาเปิดประตูบ้านกันบ้างแล้ว 

"คุณทำแบบนี้ทำไม" สมุทรถามขึ้นโต้ง ๆ สายตามองไปทางอื่นเหมือนเป็นคำถามลอย ๆ ที่คล้ายอยากเปิดประเด็น

"ทำอะไร" ผมย้อนถาม  ตาจับจ้องอีกฝ่ายไม่ไปไหน

"ก็ทำในสิ่งที่มีแต่จะสร้างปัญหามากขึ้นกว่าเดิมไงครับ" เขาหันมาพูดตอบ 

"โฮะ..ซาบซึ้งจริง ๆ" ผมแสยะปากแล้วเมินหน้าหนีไปทาง  เราเงียบลงอีกครั้ง

"ทำไม.." ผมถาม  น้ำเสียงเริ่มห้วนเพราะรู้สึกอึดอัดที่ประเด็นยังคงไม่จบ  ความรู้สึกไม่เข้าใจมันยังคงเต้นอยู่ในอกเหมือนรอคอยคำตอบที่เหมาะสมแล้วจะทำให้ผมเงียบปากลงไปได้

"นายจะบอกฉันว่า สักวัน..ความดีจะเอาชนะไอ้เหี้ยพวกนั้น อดทนให้มันรุกรานไปเรื่อย ๆ จนมันสมใจอยาก แล้วมันก็จะเหนื่อยหายหัวไปจากชีวิตนายเองในที่สุดน่ะเหรอ..ถ้าคิดงั้นคงปัญญาอ่อนสิ้นดี คนบนโลกนี้มันไม่ได้พอใจในการใช้ชีวิตเหมือนนายกันหมดทุกคนหรอกนะ" ผมพูดแกมประชด

"หรือยังไง..หรือนายวาดฝันว่า สักวันชีวิตฉันจะดีขึ้น ทำงานหนัก เก็บเงิน..แล้วซื้อบ้านใหม่ออกไปจากที่สับปะรังเคนี่"

"ก็ถ้าใช่ แล้วไง" สมุทรหันมาว่าด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์  เราหยุดมองหน้ากัน

"หึ..ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้นอีกเหมือนกัน ถ้ามันง่าย..นายก็คงยังไม่ต้องสิงสถิตอยู่ที่นี่ต่อ ดูเหมือนจะไร้จุดหมายซะด้วย" ผมว่า  มองอีกฝ่ายกลับเขม็ง   

"มือมันจะเปื้อนเลือดหรือไม่เปื้อนคุณก็เลือกเองทั้งนั้น ชีวิตก็ไม่ได้ยากอะไรมากมาย..ปากจะแก้ตัวอะไรก็ได้" อีกฝ่ายว่าจ้องผมกลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน  ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนถอนหายออกอย่างแรง  วางน้ำแข็งที่ประคบลงบนโต๊ะ  เราสงบกันอยู่ครู่เดียว   

"ตอนแรกฉันก็ว่ามันสนุกดีอะนะ..แต่ตอนนี้ฉันเบื่อที่จะต้องมาต่อปากต่อคำกับนายเต็มทนแล้ว"

"แล้วคุณนึกว่าผมสนุกด้วยงั้นรึไง ผมดูสนุกอยู่กับคุณงั้นเหรอครับ" สมุทรเริ่มขึ้นเสียงย้ำ  ผมเงียบ

"น้องผมที่ป่วยออด ๆ แอด ๆ ต้องตกอยู่ในอันตราย ถ้าไฟมันลามมาถึงบ้านผม..พวกเราจะอยู่ยังไง ยายผมก็แก่แล้ว ค่ายมวยที่แทบไม่เหลืออะไร ทั้งลุง..ทั้งเด็กในค่ายไม่มีที่ซุกหัวนอน เด็กพวกนั้นที่อาศัยข้าวในค่ายกินไปวัน ๆ แล้วผมก็ต้องมานั่งเถียงอะไรไม่เข้าท่ากับคุณ ชีวิตผมนี่มันน่าสนุกสำหรับคุณมากงั้นสินะ" สมุทรหันกลับมากระแทกเสียงว่า  เขากัดฟันแน่นคล้ายกับใกล้สุดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว  เราจ้องตากันไม่กะพริบ  ผมยอมหลบตาก่อนเพราะผมก็พูดกวนเขาจริง ๆ หนึ่งสิ่งที่ผมสังเกตเห็นและแน่ใจในความสามารถในตัวของผู้ชายคนนี้คือ บุคลิกและการพูดของเขา  ถ้าต้องให้เปรียบเทียบระดับการศึกษาที่เขาจบมา  กับการรู้จักใช้คำพูดและมีน้ำเสียงที่ฉะฉานเฉพาะตนแบบนี้ก็คงจะไม่น่าเชื่อว่าคน ๆ นี้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างแย่ทีเดียว  สภาพแวดล้อมที่ไม่น่าจะสอนให้เขารู้จักพูดให้ฉลาดได้เป็น  เพราะถ้าต้องให้เปรียบเทียบขนาดเด็กในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงบางคนก็ยังไม่กล้าคิดกล้าพูด หรือ มีบุคลิกที่น่ามองเวลาที่พูดได้เท่ากับเขาเลยเสียด้วยซ้ำ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2015 14:34:50 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
"ฉันจะเตือนสตินาย..ไว้อย่าง" ผมพูดขึ้น

"ตอนนี้..ทั้งลุง ทั้งคนในค่ายจะเป็นยังไง..นายก็เลือกได้" ผมพูดบอกอย่างเตือนสติ  ผมมองเขาและคิดว่าอีกฝ่ายก็คงรู้ว่าผมหมายความว่าอย่างไร  สมุทรเหสายตาไปทางอื่น

"แต่นายไม่เลือก เพราะว่านายน่ะ..เลือกในสิ่งที่เป็นความต้องการของตัวนายเองต่างหากล่ะ" ผมยิ้มมุมปาก  อีกฝ่ายตาเบิกโตแน่นิ่งไปแล้ว  ผมหัวเราะขึ้นจมูกอย่างสะใจ  สนุกดีเป็นบ้า..คนแบบนี้นี่มันอะไรกันครับ

"คนดีเหรอ ชีวิตสงบสุขงั้นเหรอ" ผมเบะปก  ลุกขึ้นยืนพร้อมทำท่าเย้ยหยันยิ้ม ๆ

"เฉพาะนายคนเดียวน่ะสิ" ผมต้อนไม่หยุด

"คุณหุบปากนะ!" สมุทรกระแทกเสียงว่า

"หึ..พูดความจริงก็ทนไม่ได้ซะแล้ว" ผมแสยะยิ้มกว้างแล้วหัวเราะออกมาเสียงค่อนข้างดัง

"ตกต่ำ แย่กว่านี้ผมก็เคยผ่านมาแล้ว..รู้ไว้ซะด้วย" สมุทรแสยะปากยิ้มย้อน

"อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องสูญเสีย" สมุทรถลึงตาใส่อย่างโมโห

"แต่นายควบคุมมันไม่ได้ทุกอย่างหรอกสมุทร ทุกอย่าง..ไม่มีคำว่าตลอดไป" ผมย้ำเตือนสติ  สมุทรนิ่งไป

"ครอบครัวคุณน่ะ มีแต่จะนำความเดือดร้อนมาให้ครอบครัวผม" สมุทรว่ากลับ  คำพูดนี้ที่คงอยู่ในใจของเขามานานแล้วละมัง  ผมนิ่งมองไปที่เขาอย่างใช้สติคิด  สมุทรไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผมอีก  คำพูดที่เหมือนจะต้องการต่อว่าผมให้เจ็บแสบ  แต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าที่ดูเหมือนกำลังรู้สึกผิดซะอย่างนั้น

"เรื่องง่ายแค่นี้ ทำไมคุณทำให้มันยากเย็นไปหมด" 

"เฮ้อ!" ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  เอื้อมนำมือไปบีบหน้าสมุทรที่นั่งก้มหน้าอยู่ให้หันกลับขึ้นมามองผมตรง ๆ อย่างแรง  อีกฝ่ายร้องหน้านิ่วคงเพราะเจ็บแผลที่มุมปากที่ผมบีบเข้าอย่างจัง  แรงของนิ้วมือเน้นหนักกว่าเดิม 

"ไม่เข้าใจ" ผมพูดใส่หน้าเขาเสียงเรียบเย็น  สมุทรขมวดคิ้วมองกลับอย่างโกรธ ๆ เขานำมือปัดมือผมออกอย่างแรงทำท่าไม่พอใจเตรียมพร้อมตั้งตัวรบอีกครั้ง

"หึหึหึ" ผมก้มหน้าหัวเราะชอบใจและปล่อยมือออก  พอหันกลับมามองเขาอีกครั้งยังคงเห็นสายตาเกรี้ยวโกรธอย่างที่อยากจะเห็น  ทั้งที่ก่อนหน้ากว่าจะได้เห็นก็ยากเย็นแท้ ๆ

"หนึ่ง..ไปทำงานกับฉัน" ผมเข้าไปใกล้สมุทรที่นั่งนิ่งไป  พร้อมกับเท้าแขนลงบนโต๊ะและพูดบอกอย่างต้องการยุติสงครามนี้ลง
 
"สอง..ไปทำงานกับฉัน" ผมย้ำพร้อมกับอมยิ้มออกมาทีละนิด  สมุทรถอนหายใจเบา ๆ มันเบามากแต่ผมก็ยังสังเกตเห็นได้

"สาม.. ไปทำงาน..กับ ฉัน" ผมทิ้งน้ำเสียงเบาลงอีกครั้ง  สายตาจับจ้องมองอย่างทะลึ่ง  เขาส่ายหัวนิดหน่อยคล้ายกับเซ็งกับการกระทำของผมและดูเหมือนจะหาทางออกไม่เจออีกด้วย

"บอกตามตรง ฉันชอบด้านมืดนายแฮะ" ผมแสยะยิ้ม  สมุทรหันมามองผมตาขวางที่ผมดันรู้ไต๋เขาทั้งที่เราเจอกันได้ไม่เท่าไหร่

"..มีใช่ไหมล่ะ ด้านมืดที่พยายามปิดหลอกตาคนอื่นเอาไว้น่ะ" ผมส่งสายตาสำรวจต้อนมองอย่างกะล่อน  พอสมใจแล้วก็เลยเลิกทัพ

"เก่งแฮะ ฉันทำไม่ค่อยได้เท่าไหร่" ผมนั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้ง  ครั้งนี้ขยับเข้าไปใกล้สมุทรมากขึ้นและเท้าแขนด้วยอย่างสบายอารมณ์

"มีแฟนรึยัง" ผมถามโต้ง ๆ สมุทรเบนหน้าไปทางอย่างไม่ขอตอบ 

"ฉันถามว่ามีแฟนรึยัง" ผมย้ำถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงคาดคั้นเพราะเขาทำท่าเมินเฉย
 
"ถามทำไม" สมุทรหันหน้ากลับมาถามกลับด้วยใบหน้าเรียบขรึมตามเคย

"แสดงว่ายังไม่มี" ผมอมยิ้มกวน

"หึ..ก็ดีแล้ว ง่ายดี!" ผมสบถด้วยน้ำเสียงสำรอก ๆ

"ฉันไม่ค่อยชอบพวกที่จนแต่ไม่เจียมกะลาหัวน่ะ อยากมีเมียมีลูกจนตัวสั่นทั้งที่ตัวเองก็กระเสือกกระสนอดอยากใกล้ตาย" ผมพูดเสียงเย็นอย่างดูถูก  สมุทรเหล่มองมาที่ผม  ผมจ้องตากลับและไม่ยิ้มให้  อีกฝ่ายก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมเช่นเดียวกัน  ผมเท้าแขนลงบนโต๊ะและเท้าคางตัวเองเอาไว้ทำให้หน้าของเราเสมอใกล้กันมากขึ้น  สมุทรถอนหายใจ  เหล่มองต่ำลงเหมือนเอือมผมเต็มทน  ท่าทางและใบหน้าแบบนี้ก็ดูตลกดีนะครับ  ผมว่าผมน่าจะชอบดูน่ะ

"แต่ที่จริง..คนเราก็คงอยากจับใครสักคนแหกขาออกแล้วแสดงความเป็นชาย ปล่อยสิ่งที่มีอยู่ในตัวสาดเข้าอีกฝ่ายทั้งนั้นแหละนะ..จะสัตว์กี่ขามันก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นก็คงอึดอัดน่าดู" ผมเบะปากว่า

"คุณนี่มัน ..ต่ำจริง ๆ" สมุทรกัดกรามพูดว่าด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ  สายตาดูเหยียดผมพอสมควร

"ฮี่ ๆ ๆ ๆ" ผมเอนตัวหัวเราะชอบใจ  เสียงหัวเราะที่น่าจะทำให้อีกฝ่ายคงกระโดดถีบผมอยู่ในใจไปแล้วแน่ 

"หึ..เอาเป็นว่า สาย ๆ วันนี้ ฉันจะให้คนมารับแล้วกัน" ผมลุกขึ้น  ถอนหายใจตัดบทสรุปเองเอาดื้อ ๆ สมุทรหันควับมามองด้วยความตกใจ

"ไม่ต้องไปเสียเวลาลาออกที่ทำงานเก่าล่ะ..ฉันจะให้คนไปลาออกให้นายเอง" ผมพูด

"คุณจะบ้ารึไง" สมุทรขึ้นเสียงว่า  รีบลุกขึ้นยืนเสมอผม

"งั้นขอคำตอบหน่อยสิ" ผมพูด

"นายคิดว่า..ลุงเสือของนาย จะเอาเงินที่ไหนไปซ่อมแซมค่ายมวยในระหว่างที่ตัวเองก็เป็นหนี้อยู่สามแสน" ผมเม้มปากพูด  เบิกตาโตมองเขาอย่างเหนือกว่าทำเอาสมุทรเงียบลงทันที

"นายอยากจะเริ่มปรับปรุงค่ายมวยนั่นใหม่เมื่อไหร่เลยก็ได้ จะเอาให้มันดีกว่าเดิมแค่ไหนก็ได้..ตามที่นายต้องการ เอาแผนงานมา ฉันจะรับผิดชอบจ่ายให้ทั้งหมด..แต่ก็ไม่ได้จะให้เงินก้อนไปทีเดียวหรอกนะ ฉันคงไม่ได้ไว้ใจอะไรนายขนาดนั้น" ผมเบะปากพูดบอก 

"ส่วนเรื่องหนี้สินของเจ้าของค่าย ฉันจะใช้ให้ทั้งหมด..ค่าเทอมของน้องนายทั้งสองคนก็ด้วย" อีกอย่างหนึ่งที่ผมติดใจผู้ชายคนนี้ คือ..น้องสาวของตัวเองหัวดีจนสอบติดมหาวิทยาลัยดี ๆ ได้และดูท่าว่าเขาก็ยังพร้อมที่จะส่งเสียทั้งที่ค่าเทอมน่าจะแพงเกินกำลัง

"แต่ผมไม่.." สมุทรทำท่าจะเอ่ยท้วงอะไรสักอย่าง

"ฉันจะให้น้องชายนายเปลี่ยนที่เรียน" ผมพูดแทรก

"..นายคิดว่านั่นเป็นที่ ๆ ดีเหรอ เห็นว่าตอนที่แม่นายยังมีชีวิตอยู่ น้องนายได้เรียนที่ ๆ ดีกว่านี่ ๆ นา" ผมย้อนถามและอดไม่ได้ที่จะสะกิดต่อม  สมุทรหลบสายตาเหมือนยอมรับความจริง  โรงเรียนที่น้องชายตัวเองเรียนอยู่นั้นมันทั้งห่วยและอยู่ในพื้นที่เสี่ยงบรม

"ค่ารักษาพยาบาลของคนในครอบครัวนายทั้งหมด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..ฉันจะดูแลเอง แค่นี้..พอรึยังล่ะ" ผมถาม  สมุทรที่นิ่งไปคล้ายกับกำลังใช้สมองต้านกับความรู้สึกของตัวเองอย่างหนัก  ผมบอกปัดไม่ได้ว่า  ถ้าเกิดในกรณีที่ว่าสมุทรจะไม่ใช่ลูกของลุงยอด  และถ้าผมได้รู้จักกับเขานอกเหนือจากในกรณีที่เกิดขึ้นนี้  สมุทรยังคงจะเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกท้าทายความสามารถที่จะนำตัวเขานี้ให้ไปทำงานอยู่ด้วยได้ไม่น้อยทีเดียว

"ถือว่าตกลงตามนี้แล้วกัน" ผมสรุป

"ค่าตัวแพงเอาเรื่องเลยนะ" ผมอมยิ้มแซว  ความเงียบของเขาดูแล้วความคิดน่าจะเอนเอียงมาทางฝั่งผมซะมาก  ผมชิงเดินออกมาเลย

"แล้วคุณจะให้ผมไปทำงานอะไร" สมุทรรั้งถามด้วยเสียงค่อนข้างดัง  คำถามที่เหมือนกลัวว่าผมจะหนีจนเขาไม่ได้คำตอบ  ผมหันกลับไปมอง  สีหน้าของเขาดูลังเล  ไม่แน่ว่าถ้าผมตอบเขาไปดี ๆ เขาอาจหายกังวลและเต็มใจมาทำงานกับผมอย่างเต็มที่ก็ได้

"คู่นอนมั้ง" ผมยิ้มกวนตอบ  สมุทรเหสายตาไปทางอื่นอย่างเหนื่อยใจ  ผมยืนมองอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายหันกลับมามองผมด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับคำพูดหยอกล้อแปลก ๆ แบบนี้จากผม

"ฮึ..คุณจะเป็นฝ่ายแหกขางั้นเหรอครับ" อีกฝ่ายย้อนว่าด้วยทีท่านิ่ง ๆ ผมแสยะยิ้มมุมปากออกมาในทันทีอย่างเหลือเชื่อกับคำพูดทำนองนี้ที่หลุดออกมาจากปากของเขา  ซึ่งแน่นอนว่ามันเหนือคาดกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก

"อืม..ยังไม่เคยลองเหมือนกันแฮะ แต่ถ้านายพูดถึงขนาดนี้ สงสัยคงจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่น่าดู" ผมตอบอย่างเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายเงียบปากไปสนิท  ผมเบะปากยิ้ม ๆ ยักคิ้วให้เป็นการส่งท้ายก่อนเดินจากมา  ระหว่างทางก็อดหัวเราะไม่ได้กับปฏิกิริยาที่พยายามตั้งรับผมเมื่อครู่นี้

"มีความสุขพอดูเลยนะครับ" พี่ธานแซวทันทีที่ผมเดินมาถึง  พี่เขาเปิดประตูรถให้

"สุด ๆ ไปเลย" ผมยักคิ้วตอบ  พี่ธานหัวเราะ  พวกเราเดินทางกลับมาที่บ้าน  ผมบอกให้พี่ธานกับไอ้เด่นไปพักผ่อนได้ตามสบาย  สงสัยรุ่งเช้าวันนี้คงจะต้องงดการฝึก  หรือไม่คงจะต้องบอกให้พายุมันเบา ๆ มือกับลูกน้องผมหน่อยเพราะทุกคนคงเพิ่งได้หลับสนิทกันไปเมื่อครู่  ผมกลับขึ้นห้องไปล้างเนื้อล้างตัวและเข้านอนต่อ  ตื่นมาอีกทีก็ปาไปเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว

"อ่าว เฮีย! ไปเล่นมวยปล้ำกับใครมาน่ะ" พายุทักเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น  รอยช้ำบนใบหน้าคงจะชัดกว่าเมื่อตอนเช้ามืดแน่ ๆ 

"นายใหญ่อีกคนของบ้านน่ะครับ" พี่ธานที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่กับพายุชิงตอบยิ้ม ๆ ก่อนที่ผมจะนั่งลงจึงหยิบหมอนขว้างใส่พี่ธานปราม ๆ พี่เขาหันมาหัวเราะ  พายุมองหน้าผมอย่างจับผิดทันที 

"ดูโคนันอีกละ นี่มึงเป็นเมียคนเขียนเหรอ" ผมว่าทำท่าจะเอื้อมมือหยิบรีโมทโทรทัศน์เพื่อเปลี่ยนเป็นช่องกีฬาแต่พายุเข้ามาตะครุบไปครอบครองไว้ก่อนอย่างหวง ๆ ผมถอนหายใจยอมแพ้มัน

"ใคร" พายุยังไม่ลืมเรื่องเมื่อครู่  มันจ้องหน้าผมอย่างต้องการคำตอบยิ้ม ๆ

"พี่ธานก็ปากมากไปเรื่อย" ผมว่า

"หึ..ทำแผลไหมครับ" พี่ธานหันมาถาม

"ยังอ่ะ..ช่างมันเถอะ" ผมบอกปัด  ปล่อยมันไว้อย่างนี้นี่แหละ..ชอบ

"ซ้อมกันเสร็จแล้วเหรอ" ผมเปลี่ยนเรื่องถามพายุ

"ยุให้พักน่ะ เห็นว่าเมื่อคืนกลับดึกกัน" พายุตอบ  ผมพยักหน้าเข้าใจเพราะขนาดผมยังตื่นไม่ทันเลย  พวกมันจะตื่นทันกันก็แปลก  หรือไม่พวกมันอาจจะตื่นก่อนผมแบบจำใจลากสังขารเพราะกลัวโดนผมด่าอะไรทำนองนั้นก็ได้

"ตกลงใคร" พายุวกกลับมาเรื่องเดิมจนได้

"ใครอะไร ก็แค่มีเรื่องนิดหน่อยเมื่อคืน" ผมตอบปัดไปที

"อ่าว" พายุอุทานเซ็ง ๆ เหมือนกับหมดเรื่องตื่นเต้นแล้วอย่างนั้น

"ยุก็นึกว่าจะมีใครมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับย่าแทนเราซะอีก หึหึ" พายุทำหน้าเจ้าเล่ห์บอก  พี่ธานยิ้ม

"ไอ้ดินล่ะ" ผมถาม

"ซ้อม BMX อยู่ข้างนอก" พายุตอบ  ผมพยักหน้า

"คุณไฟคะ จะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ" ป้าอิ่มเดินเข้ามา

"ผมขอซีเรียลกับกล้วยแล้วกัน" ผมหันไป

"ได้ค่ะ" ป้ายิ้มรับ

"เอ๊ะ แล้วนั่น.." ป้าอิ่มมองหน้าผมตาโตด้วยสีหน้าเป็นห่วง

"ไม่เป็นไรหรอกครับ" ผมยิ้มบอกเธอ

"เดี๋ยวป้าเอายามาให้นะคะ" เธอบอกก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบไม่ทันให้ผมได้พูดห้าม

"วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ" ผมถามพายุ

"มีสอนตอนบ่ายสาม แล้วก็มีซ้อมปิงปองที่มหาลัยตอนเย็นน่ะ..มีแข่งใหญ่เดือนหน้า โคตรเหนื่อย" มันเริ่มบ่น 

"ก็มึงเลือกเอง" ผมว่าประชด

"ไม่ได้ให้กำลังใจกันบ้างเลย" มันว่าค้อน

"ทำไมกูต้องให้อะไรอีก แปดหมื่นที่เพิ่งให้ไปมันไม่พอรึไง" ผมย้อนมัน  พายุทำปากจู๋เข้าหากันหน้าตายอย่างเถียงไม่ออกและเลือกที่จะเป็นฝ่ายเงียบไปก่อน

"พี่ธาน..เดี๋ยวให้คนไปรับหมอนั่นด้วยนะ สักสิบเอ็ดโมงครึ่ง" ผมสั่ง  พี่ธานชะงักไปด้วยสีหน้าสงสัยเพราะผมยังไม่ได้เล่าเรื่องที่ตกลงกับสมุทรเรียบร้อยให้พี่ธานได้ฟัง

"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้า

"ใครเหรอ" พายุหันมาถาม  มองหน้าผมกับพี่ธานเหมือนอยากรู้  พี่ธานอมยิ้มก่อนลุกออกจากห้องไป  ผมหันไปมองหน้าพายุ  สงสัยคงได้เวลาที่จะต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟังซะแล้วละมั้งครับ..

"กูว่าจะคุยเรื่องนี้กับมึงอยู่พอดี" ผมเกริ่น  พายุหันมามองอย่างตั้งใจ 

"คือว่านะ..." ผมเอ่ยและเริ่มเล่าเรื่องอย่างคร่าว ๆ ให้พายุฟัง  แม้บางเรื่องอย่างเรื่องของลุงยอดพายุจะรู้ข้อมูลมาบ้างเมื่อนานมานานแล้วแต่มันก็ไม่รู้รายละเอียดลงลึกว่าที่ผ่านมาผมตกลงกับพ่อไว้อย่างไร  กำลังทำอะไรและจัดการใครอยู่บ้าง  ผมไม่ค่อยบอกถ้าบางเรื่องผมยังไม่แน่ใจ  ซึ่งตอนนี้ผมแน่ใจแล้วผมจึงอยากให้พายุรับรู้ไว้  อีกอย่างทั้งคนในบ้านของสมุทรและคนในบ้านของผมคงจะได้พบเจอกันอีกเรื่อย ๆ แน่  ผมคิดว่าน่ะนะ

เมื่อพายุได้ฟังเรื่องทั้งหมด  ถึงแม้จะไม่ลงรายละเอียดในการที่ผมได้ไปนำตัวสมุทรมาอย่างไรก็เถอะ  พายุยังคงมีสีหน้าเข้าใจและดูเหมือนไม่ได้ตกใจอะไรอย่างที่ควรเท่าไหร่  ใบหน้าที่ไม่ตกใจมากของมันแสดงว่าเนื้อเรื่องนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ

"เฮียคิดดีแล้วเหรอ ให้เงินเยอะง่าย ๆ ขนาดนั้น แล้วเอาเข้ามาในบ้านอีก" พายุถามด้วยสีหน้าค่อนข้างวิตก  มันเองก็คงระแวงเหมือนผมก่อนหน้านี้

"อืม ถ้ากูจะมองคนไม่ผิดน่ะนะ..คงต้องลองเสี่ยงดู" ผมตอบ

"งั้นก็แล้วแต่เฮีย ก็ป๋าสั่งไว้แบบนั้นนี่" พายุพูดด้วยสีหน้าเรียบ ๆ ตามเคย  ไม่นานแม่บ้านก็นำอาหารและยาแก้อักเสบมาให้ผมที่ห้องนั่งเล่น  พายุขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกจากบ้าน  ส่วนผมก็ทำตัวเอื่อยเฉื่อย  กินไปดูโทรทัศน์ไป

"คุณไฟครับ" พี่ธานเดินกลับเข้ามา

"ใบโทรมาบอกว่า ถ้าคืนนี้คุณว่างป๋าจงจะนัดเจอที่ผับของป๋าน่ะครับ" พี่ธานบอก  ผมพยักหน้าตอบ

"สามทุ่ม" ผมพูดแกมสั่ง  ตาไม่ได้มองหน้าพี่ธานเพราะกำลังดูโปรแกรมแข่งสนุกเกอร์อยู่   

"ครับ" พี่ธานรับปากก่อนเดินออกจากห้องไปอีกครั้ง 

"หึ" ผมคิดว่าผมกำลังนึกอะไรสนุก ๆ ออก  รู้สึกเหมือนกับว่ามีเรื่องตื่นเต้นมาให้ทำอีกแล้ว  เมื่อผมกินเสร็จผมจึงกลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว  ทำตัวสบาย ๆ ออกไปพูดคุยกับพวกลูกน้องที่โรงฝึก  พวกมันมักจะรวมตัวกันอยู่ที่นั่นถึงแม้ว่าจะไม่ได้ฝึกก็ตาม  นั่งคุยกันบ้าง  ดูโทรทัศน์บ้าง  เล่นสนุกเกอร์บ้าง  ระหว่างที่ผมอยู่ที่นั่นก็มองนาฬิกาอยู่ตลอดเวลา  สงสัยว่าพี่ธานคงจะออกไปรับสมุทรด้วยตัวเองเพราะไม่เห็นเงาตั้งแต่เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ๆ 

"โอ๊ะ โกงฉิบหาย" ไอ้เด่นส่ายหัวบ่นถึงมวยที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่  ผมอมยิ้มเพราะก็เห็นแบบเดียวกันกับไอ้เด่นแต่ขี้เกียจพูด

"กรรมการบอกว่า ศักดิ์ศรีจ่ายแทนเงินไม่ได้" ไอ้เข้มพูดเสียงเบาอย่างสอดเสียด  การชกมวยไทยในระดับเวทีใหญ่สากลที่จัดขึ้นโดยชาวไทย  โดยให้นักมวยไทยเป็นฝ่ายชนะทั้งที่ต่อยอย่างกับมวยปาหี่  ค้านสายตาคนดู  แม้กระทั่งเด็กน้อยก็คงจะดูออก  นอกจากจะน่าอับอายขายขี้หน้าต่อประเทศแล้ว  ดูเหมือนจะหมิ่นศักดิ์ศรีวงการกีฬามวยอย่างเรา ๆ พวกผมอีกด้วย  แต่จะทำอะไรได้นอกจากบ่นด่าไปทีอย่างที่เห็น..



ปี๊ม! ...ผมหันไปมองเห็นรถยนต์ของพายุกำลังจะเคลื่อนตัวออกจากบ้าน  มันบีบแตรรถให้ผมเหมือนเป็นการบอกลา 

"มึงตะโกนซิ..บอกว่า เดินทางปลอดภัยนะครับคุณหนู" ผมเข้าไปกระซิบสั่งไอ้หินที่เป็นลูกรักของพายุมากที่สุดในบรรดาลูกน้องของผม  เนื่องจากว่าคุยกันถูกคอ  อีกทั้งไอ้หินยังรู้จักทางหลบหลีกที่จะใช้ชีวิตร่วมกับพายุอีกด้วย

"แต่ว่า.." ไอ้หินยิ้มแหยเหมือนไม่อยากทำตามคำสั่ง
 
"เร็ว" ผมขู่ใส่ด้วยสายตาและน้ำเสียง  พวกลูกน้องผมอมยิ้มมองอย่างสนใจ  พวกมันคงอยากจะดูว่าไอ้หินจะกล้าทำไหมเพราะปกติไม่มีใครกล้าเรียกพายุแบบนี้นอกจากพี่ธานคนเดียว  ไอ้หินหลบสายตาผมด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม

"เดินทางปลอดภัยนะครับคุณหนู!" ไอ้หินตะโกนบอกออกไปเสียงดังลั่น  ลูกน้องผมพากันโบกมือให้พายุเพื่อเป็นแบ็คอัพให้ไอ้หินอีกแรง  ผมยิ้มกว้างยืนมองพายุที่เลื่อนกระจกรถทันทีพร้อมกับชูนิ้วกลางขึ้นมาให้พวกเรากลางอากาศ

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมหัวเราะอย่างพอใจ  ยกมือขึ้นโบกกลับให้น้องชายจนมันขับรถออกไปจากบ้าน 

"ไอ้หิน มึงเจ๋งว่ะ" ไอ้เด่นหัวเราะชมใหญ่

"ฝึกรอบหน้ามึงโดนเล่นแน่ ฮ่า ๆ ๆ" พวกมันว่า  ไอ้หินยืนหน้าเสียที่ทุกคนในที่นี้ดันพากันพูดเป็นเสียงเดียวกัน  ผมตบไหล่ให้กำลังใจมันเบา ๆ อย่างไม่รู้จะช่วยเหลือยังไงเพราะพายุเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครไปจี้จุดในส่วนที่มันไม่ชอบ  ขณะเดียวกันที่ประตูรั้วไฟฟ้ากำลังจะปิด  รถของพี่ธานก็สวนกลับเข้ามาพอดี

"พี่ใหญ่พาใครมา" ไอ้รุ่งเงยหน้าจากโต๊ะสนุ๊กถาม  ไม่มีใครตอบคำถามได้  ทุกคนเงียบมองกันเป็นตาเดียวอย่างสนใจ  สมุทรเดินลงมาจากรถพร้อมกับพี่ธาน  อีกฝ่ายมองมาทางโรงฝึกนี้เป็นอันดับแรก

"อ่าว" ไอ้เด่นอุทานงง ๆ เมื่อเห็นสมุทร

"เด็กใหม่พี่ธานเหรอ รอบนี้แมนแปลกตาดีนะ" ไอ้หินวิเคราะห์คิ้วขมวดคล้ายไม่เชื่อสายตา

"นั่นดิ พี่ใหญ่แกเปลี่ยนแนวตั้งแต่เมื่อไหร่" ไอ้รุ่งบ่นด้วยสีหน้าจริงจัง

"หึหึ" ผมหลุดหัวเราะเพราะหน้าตาพวกมันดูเดากันได้จริงจังอย่างกับไม่ใช่เรื่องล้อเล่น  ผมเดินตรงออกไปหาพี่ธานที่ยืนอยู่กับสมุทร  สมุทรมองมาที่ผมไม่วางตาเหมือนทำตัวไม่ถูก 

"เชิญ" ผมบอกห้วน ๆ แล้วเดินนำมาก่อน  สมุทรกับพี่ธานเดินตามหลังเข้าบ้านมาด้วยกัน 

"ถอดรองเท้าตรงไหนครับ" น้ำเสียงสุภาพนั่นถามขึ้นเบา ๆ 

"ถอดไว้ตรงนี้เลยครับ" พี่ธานตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพกลับเช่นกัน  ผมหันกลับไปมองพี่ธานกับสมุทรที่ดูจะสนิทกันดีแบบคาดไม่ถึง  ทั้งสองคนหันมามองผมที่ยืนมองอยู่

"คลานเข่าเข้ามาก็ได้นะ" ผมจ้องหน้าสมุทร  อีกฝ่ายนิ่งไปอย่างกับถูกสต๊าฟ  ผมหัวเราะแล้วเดินต่อไปที่ห้องรับแขก 

"คุณไฟแค่ล้อเล่นน่ะครับ" ผมได้ยินเสียงพี่ธานพูดปลอบแว่ว ๆ 

"ปกติเค้าก็ไม่ใช่คนพูดอะไรน่าฟังอยู่แล้วนะครับ อย่าถือสาเลย" พี่ธานรีบแก้ตัวเหมือนกลัวว่าสมุทรจะคิดมาก  ผมแอบอมยิ้ม  แม่บ้านที่เห็นว่ามีแขกเข้ามาในบ้าน  เธอรีบเดินไปรินน้ำเปล่ามาเตรียมไว้ในทันที  พอหมดหน้าที่แล้วจึงออกไป  ผมนั่งลงที่โซฟาตัวกลาง  พี่ธานยืนอยู่ข้าง ๆ ส่วนสมุทรก็ยืนมองไม่ยอมนั่ง

"จะยืนคุยกันรึไง" ผมพูดไม่ได้มองหน้าเขา  สมุทรเดินมานั่งที่โซฟาช้า ๆ 

"คนที่ทำงานกับฉัน ต้องย้ายมาอยู่บ้านฉัน" ผมพูดก่อนจะนิ่งอยู่กับตัวเองเพราะนี่ไม่น่าจะใช่คำพูดและความคิดที่ตระเตรียมไว้  พอพูดออกไปแบบนั้นก็อดหันไปมองไปที่คนที่กำลังนั่งอยู่ด้วยไม่ได้  แล้วแอบคิดว่า..กูพูดไปทำไมเนี้ย

"ไม่ครับ" สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

"ทำไม" ผมถาม

"ผมปล่อยให้น้องกับยายอยู่กันเองไม่ได้" สมุทรตอบ  ผมเงียบและไม่คิดจะพูดอะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้อีก 

"ขอสมุดเช็คให้ผมหน่อย" ผมบอกพี่ธาน  พี่ธานเดินไปที่ชั้นเก็บเอกสารก่อนเดินกลับมาพร้อมกับวางเช็คและปากกาให้บนโต๊ะตรงหน้าผม  ผมเซ็นเช็คหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทยื่นให้สมุทร  เขานั่งนิ่งมอง  ท่าทีเหมือนไม่พร้อมรับถ้าไม่ได้ข้อมูลเสียก่อน

"อันนี้เป็นส่วนที่ฉันให้นายเอาไปให้เจ้าของค่าย ให้เค้าไปใช้หนี้ซะ..ฉันจะให้อีกครึ่งนึง ถ้าปรับปรุงค่ายเสร็จ และนั่นก็หมายถึงว่า..นายทำงานคุ้มค่าจ้าง" ผมบอก  ถ้าไม่เสนอเรื่องการทำงานให้กับเขา  ดูท่าแล้วสมุทรคงจะไม่ยอมรับไปง่าย ๆ สมุทรพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรับเช็คไปไม่พูดอะไร  ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน  ก้มลงกดตู้เซฟที่อยู่ในห้องนี้  ซึ่งเป็นตู้เซฟที่นำไว้เก็บของมีค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ส่วนหนึ่งเท่านั้น  เผื่อให้หยิบจับใช้ได้ง่ายสะดวก  ไม่ต้องลำบากเดินถ่อไปถึงที่ห้องทำงาน  ผมหยิบเงินออกมาห้าหมื่นบาทแล้วนำใส่ซองสีน้ำตาลให้ก่อนจะนำซองเงินนั่นไปวางไว้ตรงหน้าสมุทร

"ห้าหมื่นนี่..ฉันให้นายเอาไปบริหารเอาเอง เป็นค่าอยู่ค่ากินของคนในค่ายระหว่างนี้ไปก่อน นายก็พิจารณาเอาเองแล้วกันว่าเบื้องต้นควรจะช่วยเหลือคนพวกนั้นยังไง บริหารดี ๆ แล้วกันเพราะฉันยังไม่แน่ใจว่าจะให้อีกครั้งเมื่อไหร่" ผมพูดไม่มองหน้าเขา

"..ฉลาดแบ่งหน่อยล่ะ ดูพฤติกรรมคนที่ถูกช่วยซะด้วย" ผมเตือนอย่างอดไม่ได้  สมุทรนั่งเงียบไม่พูดไม่จา  เขาจ้องซองสีน้ำตาลนั่นไม่วางตาก่อนเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมตรง ๆ 

"นายจะไปบอกคนพวกนั้นว่าเงินนี่มาจากไหนก็ได้ แต่ห้ามบอกว่ามาจากฉัน" ผมพูด

"ทำไม" สมุทรถาม

"ฉันสั่ง..ไม่ได้เสนอนาย" ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งอย่างเอาเรื่อง  สมุทรเหลือบสายตาหนีต่ำลง

"แล้วเรื่องซ่อมแซมค่ายล่ะ งบเท่าไหร่" ผมเปลี่ยนเรื่อง  สมุทรไม่ตอบแต่เปิดกระเป๋าเป้ที่สะพายมาออกแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งนำมาวางตรงหน้าผม  เหมือนว่าเขาไม่ต้องการตอบผมด้วยปากเขาตรง ๆ ผมหยิบกระดาษมาอ่านก็พบรายละเอียดต่าง ๆ ในนั้น  ในห้องเงียบลง  ผมอ่านมันทีละบรรทัดอย่างรอบคอบ

"หึ..อุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด" ผมพูดขึ้น  น้ำเสียงขึ้นจมูก

"ซ่อมส่วนของค่ายใหม่ทั้งหมด" ผมอ่าน  เลิกคิ้วเบะปากไปมา

"ต่อเติมส่วนของบ้าน รั้วใหม่..ปูพื้น กระสอบทราย ห้องน้ำ"

"สรุปคือใหม่หมด" ผมเหลือบเฉพาะหางตาไปมอง  อีกฝ่ายอมยิ้มด้วยท่าทางยโสไม่แพ้กัน

"ก็ต้องให้คุ้มหน่อยละมั้งครับ" สมุทรกวนตอบ

"หึ..ก็ดี" ผมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์  ดี..แบบนี้ละ  โคตรรู้สึกดีมากเลยจริง ๆ 

"ถ้านายจะจัดการเอง ก็เอาค่าใช้จ่ายมา..หรือว่าจะให้ฉันติดต่อบริษัทให้" ผมถาม

"คุณจัดการเองแล้วกัน จะได้ไม่หาว่าผมโกงด้วย" สมุทรตอบ 

"ส่วนเรื่องปรับปรุงที่ค่ายน่ะ ผมจะบอกกับลุงเองว่าจะมีคนงานมาทำให้ แต่ถ้าคุณอยากจะดูว่างานไปถึงไหนยังไง.." สมุทรพูด

"ฉันดูแน่" ผมพูดแทรกทันที  สมุทรเงียบลง

"เงินไม่ใช่น้อย ๆ" ผมยิ้มกวน 

"เอาเป็นว่า เดี๋ยวเรื่องติดต่อบริษัทฉันจะจัดการเอง..นายก็ไปบอกคนของนายไว้แล้วกันจะได้ไม่ตกใจ" ผมบอก  สมุทรพยักหน้ารับ

"ส่วนนี่" ผมเอื้อมไปหยิบเอกสารที่พอมีอยู่คร่าว ๆ แล้วโยนไปตรงหน้าเขา

"อะไร" สมุทรก้มลงมองคิ้วขมวด

"เรียนต่อซะ เลือกเอาว่าที่ไหน..ของน้องชายนายก็ด้วย" ผมพูดแกมสั่ง

"แต่ว่าผมต้องทำงานให้คุณ" สมุทรเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้างุนงง

"นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน" ผมบอก

"..แต่ว่า"

"ลูกน้องฉันทุกคน จบอย่างต่ำก็เท่ากับนายตอนนี้"

"นายคิดว่าพี่ธานจบอะไรล่ะ" ผมมองหน้าเขา  สมุทรเงยหน้ามองพี่ธานเล็กน้อย  พี่ธานก้มหน้ายิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนที่สมุทรจะนิ่งไปคล้ายใช้ความคิดอย่างหนัก

"ฉันก็ไม่ได้จะดูถูกอะไรหรอกนะ ดูนายก็ไม่ใช่คนโง่ แต่ถ้านายไม่คิดว่ามันสำคัญ..ก็คงต้องแล้วแต่นาย" ผมลองใจ  ผมมองดูคนอย่างสมุทรแล้ว  ถ้าเขาไม่ได้เรียนจบสูง ๆ ในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรแย่ ๆ ขึ้นก็ตาม  ผมคิดว่าคนที่มีลักษณะอย่างเขาน่าจะเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดีไม่ต้องห่วงอะไร  แต่ถ้ามองอีกนัยหนึ่งแล้ว  มีวุฒิเพิ่มไว้ก็คงไม่เสียหาย  ส่วนถ้าเขาเรียนจบแล้วจะเอายังไงก็แล้วแต่เขา

"..ก็ถ้าอยากได้งานที่มันฉลาดกว่าพวกมัน ก็ไปเรียนต่อซะ" ผมว่าเพราะเขาใช้เวลาคิดนานเกินไปแล้ว

"แล้วผมจะมาทำงานให้คุณยังไง" สมุทรขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

"อย่าไปคิดอะไรน่ารำคาญ แค่เลือกมาก่อนว่าจะเรียนที่ไหนก็พอ..เอาตามที่อยาก แล้วค่อยมาคุยกัน" ผมตัดบทอย่างรำคาญใจ  สมุทรนั่งเฉยมองเอกสารอีกครั้ง  การที่เขาไม่เอ่ยปากปฏิเสธทันทีทันใดอย่างทุกครั้งผมคิดว่าเขาก็สองจิตสองใจอยากจะเรียนอยู่บ้างเหมือนกัน

"แต่..เอาที่เรียนที่มันใกล้ ๆ บ้านฉันหน่อยก็ดี" ผมดักคอพร้อมเมินหน้าหนีไปอีกทาง  ครั้งนี้สมุทรนั่งเงียบไปเลย  เหมือนกับว่ามีอะไรที่เขากำลังคิดอยู่มากมาย  ผมเองก็เงียบมองปฏิกิริยาของเขาที่ก่อนหน้านี้ผมคาดเอาไว้ว่าเขาควรจะดีใจกว่านี้ซะอีก

"ไม่อยากเรียนต่อรึไง" ผมพูดเชิงถามและไม่ได้มองหน้าเขาเพื่อรอคำตอบ  แค่..พูดไปงั้น

"เปล่า" สมุทรตอบทันที

"ผมแค่ไม่เข้าใจ.." สมุทรพูด  เราเงียบมองหน้ากัน  สมุทรมองหน้าผมเหมือนกับกำลังอ่านหาอะไรในตัวผมสักอย่างอย่างไม่วางตา

"ใช่สิ" ผมเอ่ยขึ้น  กะเปลี่ยนเรื่อง

"..ลืมบอกกฎสำคัญไปอย่าง" ผมว่าและทิ้งน้ำเสียงลงพร้อมกับยิ้มให้เขา 

"ตั้งแต่นี้ต่อไป..นาย ไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งของฉัน" ผมแสยะยิ้มมุมปากขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาสมุทรนั่งจ้องหน้าผมและนิ่งไปสนิท  เขาคงไม่สงสัยอะไรในตัวของผมแล้วละมัง  ผมเองก็ไม่ใช่คนดีอย่างที่เขาฉงนและควานหาอะไรในตัวของผมด้วยน่ะนะ 


............ไฟ............

ปล. จากผู้เขียน
การลงนิยายของเบบี้ตั้งแต่ตอนที่ 1 - 10 ที่ผ่านมา  เป็นการลงในระยะเวลาที่สามารถสะดวกมาลงให้ได้  ตามข้อมูลของการทำงานที่ได้เคยชี้แจงไว้ก่อนหน้าที่ลงนิยาย-ในหน้าที่ 1 ของกระทู้นี้นั้นยังคงดำรงอยู่  จึงขอความเข้าใจต่อผู้รอ  เนื่องจากคนอ่านเองก็คงไม่ทราบได้ว่าผู้เขียนมีชีวิตอย่างไรบ้าง  เข้าใจค่ะ..ไม่ได้ว่าอะไร  ผู้เขียนเองก็รู้สึกดีที่ติดตาม  สามารถทวงถามกันได้แต่ขอความกรุณาให้การทวงอยู่ในความเข้าใจการทำงานซึ่งกันและกันนะคะ  (ตอนต่อ ๆ ไป คงจะลงให้ได้อ่านแต่ละตอนช้าแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่ง จึงขอย้ำให้ทราบไว้ก่อนล่วงหน้า ขอโทษด้วยค่ะ)

ขอบคุณมากค่ะ
เบบี้
 :L2: 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2015 14:54:40 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ข้อเสนอของไฟแต่ละอย่างเหมือนซื้อสมุทรมาทำเมีย 5555555555555555

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
ว้ายยยสมุทรกำลังจะมาอยู่กับไฟแล้ว  :really2:
ว่าแต่มาอยู่กับไฟต้องใจเย็นๆนะสมุทรเพราะไฟกวนเวอร์วังมาก

 :pig4:  ค่ะ

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
ต่ออาทิตย์ละสามตอนได้มิคะ แบบรู้สึกยังไม่พอ TwT

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
อ่านถึงตอน6 แล้ว ทำไมนี่อยากให้ไฟกะโปรดได้กันล่ั :katai2-1: :katai2-1:  เคมี้เคมี

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
อยากให้คนกวนตรีนอย่างไฟ โดนสมุทรจับแหกขาแล้วเสียบๆๆแบบไม่ยั้งเลย 555

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
เข้าใจและรอได้ ทุกคนต่างมีหน้าที่แตกต่างกันเนอะ  o13 o13

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
สมุทรมาอยู่กะพี่ไฟแหละดีแล้ว มาทำให้พี่ไฟใจเย็นหน่อย โหดเหลือเกิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
ปากหนอปาก คุณไฟนี่น้าา กวนฝ่าเท้ามากเลย
แกล้งเค้าไปทั่ว มีสมุทรเป็นคู่คิด เอ้ย คู่ปรับนี่เหมาะแล้ว
ปล. สงสารพี่ธาร เหมือนพี่เลี้ยงเด็กต้องคอยปรามคุณไฟ 555555
 :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ น้ำแข็งใส

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-1
 :z2: ตอนนี้ไฟน่ารัก ยิ่งตอนที่สมุทรทำแผลให้  คือนายตื่นเต้นใช่ไหมไฟ ชอบสมุทรมากขึ้นเรื่อยๆละซิ

ขอยคุณเบบี้  :L2:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
เดี๋ยวนะทำไมอ่านจบนึกถึงบ้านทรายทองเลยอ่ะ
นี้สมุทร หรือพจมาน สว่างวงศ์5555

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ยาวมากกกกกกกกก แล้วเปิดเรื่องมากเรางงเลยทำไมถึงต่อยกัน คุณไฟนี่ร้ายจริงๆถึงกับเผากับเลยหรา ร้ายร้อนแรง 5555
ขอบคุณค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0

ออฟไลน์ lookfa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
รอติดตามจ้าา :mew1:


ออฟไลน์ Moonwish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ไฟนี่อย่างโหด ดูเผด็จการมาก มัดมือชกสุดๆ กวนตีนด้วย
สมุทรก็ใจเย็น สงบ แต่ลึกๆ เป็นคนเย่อหยิ่ง ดื้อด้านไม่น้อยเลยนะ แบบเคมีเข้ากันมาก
อ่านไปก็ลุ้นไปคิดไปว่าสมุทรจะมาทำงานกับไฟเมื่อไหร่ ใครจะกดใคร ส่วนตัวอยากให้สมุทรเคะ แต่
แล้วแต่คนเขียนล่ะกัน
ว่าแต่ไฟอยากได้สมุทรเป็นคู่ซ้อมหรือคู่รักกันแน่จ้ะ  :hao3:


ออฟไลน์ Madness69

  • Love@Sickness
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +235/-0
    • Madness69 Fanpage
จุใจสมกับที่รอตอนนี้มาทั้งอาทิตย์บทไฟกะสมุทเยอะมาก แต่ก็ยังไม่พออออออออ๊ะ เอาอีกกกก
พี่ไฟนี่นอกจากโหด เท่ แล้วยังค่อนข้างมาโซด้วยนิ มีความสุขกับความเจ็บปวด 555+
จีบกันแบบเจ็บๆ คิดว่าต้อนสมุทรจนยอมมาทำงานด้วยแล้วจะข่มกันได้ง่ายๆ รึ ยากกกกกกกกส์ ขอบอก ((ตอนนี้ถือป้ายไฟ#ทีมสมุร ^^ ))
คู่นี้กว่าจะลงเอยคงอีกหลายเหนื่อย

 :mew1:
ขอบคุณเบบี้จ้า

ป.ล. พักผ่อนดูแลสุขภาพตัวเองด้วยจ้า ช้านิดช้าหน่อยไม่เป็นไรเค้ารอได้ แต่เร็วๆ หน่อยก็ดี  ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
จะรักกันยังไงนะ

555555555

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
โอ้ยเกลียดอิพี่ไฟ พูดดีดีกับน้องหน่อยก็ไม่ได้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด