The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 444363 ครั้ง)

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ



ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด  การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐานในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น  ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม  เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
    7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
    7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
    7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2021 17:59:41 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
«ตอบ #1 เมื่อ01-10-2015 00:11:09 »


แจ้งข่าว : 10 พฤษภาคม 2564 - แจ้งข่าวไฟสมุทร


ขอบคุณค่ะ | เบบี้

.
.


ตอนที่ 1 
..ไฟ..




18 ปีก่อน
ท่าเรือ จังหวัดระนอง..

"หนีไปลูก.."
"ฮึก..ไม่~"
"พ่อบอกให้หนีไป!"
"พาแม่กับน้อง ..หนี ไป"
"พ่อ~"
"เฮ้ย! มันอยู่นี่!!"
"ฮื่อ พ่อออออ!"



ปัง!  ....ผมจำได้ดีว่า  เสียงปืนยิงดังสนั่น  ลูกของผู้ชายคนนั้นวิ่งหนีออกไปทั้งน้ำตา 

"อึก" ผมได้แต่นั่งแอบเฝ้ามองอยู่ด้วยความกลัว  เสียงปืนดังขึ้นอีกนัดหลังจากนั้น  ทั้งพ่อและผมสะดุ้ง  เราต่างตัวสั่นเทา  แม้แต่สิ่งที่จะช่วยเหลือชีวิตเราตอนนี้ก็ไม่มี  ไร้อาวุธแล้ว  ถ้ามันเจอตัวพวกเราคงเป็นตายเท่ากัน 

"พ่อ!!!" เสียงของเด็กผู้ชายคนนั้นร้องลั่นเมื่อหันกลับมาเห็นพ่อของตนที่นอนสิ้นลมทั้งที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ตนเอง  "ลุงยอด"...พ่อของเด็กคนนั้นก็เสียชีวิตลงคาที่  สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลูกชายตัวเองคล้ายกับว่าจะดูให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายนั้นไปแล้ว  และปลอดภัยดี

"ไปตามจับมันมาให้ได้!" ทันทีที่คนของเสี่ยย้งหันกลับไปมองเขาพร้อมกับตะโกนหมายหัว  อีกฝ่ายก็วิ่งหนีไปพร้อมกับกระเป๋าของลุงยอดที่กอดไว้ในอก  รองเท้าแตะหูคีบไร้ราคาที่ดูจะใช้งานมาหนักมาก  เสื้อผ้ามอมแมม  เข่าเปื้อนเลือดคงเพราะหกล้มมาหรืออะไรสักอย่าง  ใบหน้าคมเข้มตั้งแต่ยังเด็กเหมือนคนเป็นพ่อไม่มีผิด  โตไปก็คงจะหน้าตาไม่ผิดเพี้ยนจากพ่อเขาเป็นแน่  เด็กคนที่ชื่อ.."สมุทร"  ชื่อที่พ่อของผมบอกกับผมว่าพ่อเป็นคนตั้งให้อย่างตั้งใจ  คนที่พ่อของผมบอกว่าเขาเองก็เกิดมาไล่เลี่ยกันกับผม  ทั้งที่ควรจะได้เจอกันเร็วกว่านี้  ได้เจอกันแบบคนปกติทั่วไปแต่มันก็สายไปแล้ว 
 
"ไอ้ยอด" พ่อร้องพึมพำด้วยอาการช็อกไม่ต่างจากผม  แต่คงช็อกคนละความรู้สึก  มือของพ่อที่กอดผมอยู่นั้นสั่นเทา  น้ำตาของพ่อเหมือนจะไหลออกมาแต่ก็ไม่  พ่อจ้องไปที่ศพของลูกน้องที่จงรักภักดีไม่วางตา   

"ระยำเอ๊ย" เขากัดฟันสบถอย่างเคียดแค้นแต่เสียงกลับสั่นไปหมด  ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นผมจำได้เป็นอย่างดี  ลูกน้องที่ยอมเสี่ยงตัวเองไปเป็นสายให้พ่อผมกลับถูกยิงตาย  ลูกชายของเขาและครอบครัวก็หายตัวไป...


- - - - - - - - - - - - - - -


7 ปีก่อน 
กรุงเทพ..


"มันอยู่ข้างหลัง เบี่ยงซ้ายเลยครับ" เสียงคู่หูของผมบอกตำแหน่งที่ตั้งของเป้าหมายที่เราต้องการจับในตอนนี้  อันที่จริงจะใช้คำว่าจับมันก็คงจะไม่ถูกนัก  ดูเหมือนตอนนี้ผมจะเป็นฝ่ายที่กำลังถูกจับมากกว่า  เหมือนกับว่าพวกมันได้กลิ่นแปลก ๆ ว่าผมอาจเป็นสายให้ตำรวจ  ที่จริงอยากบอกให้พวกมันรู้ว่าผมไม่ใช่สายตำรวจสักหน่อย  เพียงแค่อยากหาอะไรสนุก ๆ เล่นฆ่าเวลา  แต่ที่สำคัญในตอนนี้คือ  ผมกำลังถูกต้อนเป็นหมูเลยทีเดียว

"เฮ้ย! จับมันให้ได้ กูจะเอากระดูกมันไปให้กัปตัน..ลูกกูกิน!" เสียงโวยดังขึ้นอย่างเหนือกว่า  ผมแสยะยิ้มดุนลิ้นออกมาอย่างเคยชินเมื่อไหร่ที่ชอบใจปนหมันไส้ในการกระทำหรือคำพูดของใคร  มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อนอกแล้วหยิบลูกอมโอเล่ออกมาแกะกินอย่างใจเย็น

"คำเตือน โอเล่ทำให้ลิ้นแดง" ผมพูดยิ้ม ๆ พี่ธานไม่ได้ว่าอะไรแต่คิดว่าคงกำลังยิ้มพลางส่ายหัวอีกตามเคย
"ฮึ.." ผมหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดูหวาดระแวง  ผมที่ไร้แม้อาวุธในตอนนี้  กระทั้งไร้ความกลัวหรือกังวลโดยสิ้นเชิง  การที่ผมล่อมันให้มาที่นี่ได้ก็เพราะรู้ว่าคนของผมต้องอยู่รอผมอยู่ที่นี่แน่นอนอยู่แล้ว

"ให้ผมเดา ไอ้เหี้ยนี่..ขนตูดมันต้องเยอะแน่ ๆ ลามไปทั้งตัว" ผมเบะปากพูดบอกคู่หูที่ปลายสายเมื่อเห็นเงาศัตรูที่สะท้อนให้เห็นทางตู้อีกฝั่งหนึ่งของห้อง  ขนหน้าอกมันเยอะลามขึ้นไปจนแทบจะถึงคอ "พี่ธาน"..คู่หูที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึกร้างพร้อมกับสไนเปอร์คู่ใจนอนอยู่บนหลังคาฝั่งตรงข้ามหัวเราะในลำคอเบา ๆ คล้ายกับเห็นด้วยกับผม

"พุงมันปิดไข่แทบมิดเลยพี่เห็นไหม..เกิดมานี่มันแดกควายเข้าไปแล้วกี่ตัว ถ้ามันโดนยิง ไขมันคงจะกระเด็นไปถึงโลกหน้าแน่..อุบาทว์ฉิบ" ผมว่าอย่างรู้สึกขยะแขยงความทุเรศทุรังของหน้าตามัน

"หึหึ" ปลายสายหัวเราะชอบใจอย่างไม่มีปากเสียงตามเคย
"เข้าซอกตึกขวามือครับ" พี่เขาบอกที่หลบซ่อน  ผมรีบทำตามในทันที  สิ่งที่จะช่วยป้องกันชีวิตตัวเองในตอนนี้ไม่มีเลยแม้สักอย่างเดียว  ในมือมีเพียงของสำคัญที่ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมตายง่าย ๆ แน่ถ้าสิ่งนี้ยังไม่ถึงมือตำรวจ  เอามายากลำบากขนาดนี้  ใครจะไปยอมตายง่าย ๆ กัน

"พร้อม..รึยังครับนายน้อย" ปลายสายถามความพร้อมและยังทิ้งท้ายด้วยคำพูดไม่รื่นหูต่อผม  ผมเหลือบมองไป  เห็นพี่ธานที่ซุ่มอยู่พร้อมกับสไนเปอร์ที่สังหารมาแล้วหลายต่อหลายชีวิต  ดูท่าเขาจะพร้อมเต็มทีแล้ว  ผมพลิกนาฬิกาข้อมือดูเวลา  ใกล้เวลาที่ผมจะต้องไปรับน้องชายที่สนามบินเต็มแก่  ถ้าผิดนัดคราวนี้อีกผมคงไม่มีความเชื่อใจอะไรเหลือให้น้องผมอีก

"หวังว่าสไนเปอร์ของพี่คงจะไม่ทำให้ผมผิดหวังหรอกนะ" ผมพูดแกล้งกลับบ้าง  ปลายสายยังคงหัวเราะในลำคอที่ถูกผมประชดเอาได้

"ชู่ Barrett คุณไฟเค้าล้อเล่นน่ะ ไม่คำรามสิ" อีกฝ่ายเย้าหยอกกับสไนเปอร์เหมือนย้อนผมกลับจนผมอดอมยิ้มไม่ได้  สไนเปอร์ Barrett M82 หนึ่งในสไนเปอร์ขึ้นแท่นว่าดีที่สุดในโลกคือของสำคัญของพี่ธานที่น่าจะได้วางมือเร็ว ๆ นี้

"เจอกันข้างล่าง" ผมสั่งเสียงเย็นเพราะเลือดสูบฉีดเต็มที่เตรียมพร้อมหนี  ตอนนี้เพียงหนีให้ได้ไวที่สุดโดยไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งจับได้ว่าผมเป็นลูกเต้าเหล่าใครมาจากไหน  ไม่ให้ใครเดือดร้อนแม้กระทั่งคู่หูของผมในวันนี้ที่ต้องเข้ามาเสี่ยงชีวิตด้วยทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้  เราทั้งสองที่ขัดคำสั่งเด็ดขาดของพ่อของผมว่าห้ามมายุ่งเกี่ยวกับวงการนี้อีก  สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือการรักษาชีวิตตัวผมเองให้กลับออกไปเพื่อนำหลักฐานที่รับปากเพื่อนสนิทไว้นี้ไปให้พี่ชายของมัน  และไปรับน้องชายที่สนามบินให้เร็วที่สุดด้วยก็เท่านั้น 


ฟิว!  ...เสียงยิงเป้าหมายเบาอย่างกับลมเพียงกระทบผ่านหู  เร็วและแรงจนเป้าหมายแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นตายแล้ว  เสียงกระจกแตก  พวกมันยืนอึ้งตาค้างที่เห็นคนของตัวเองตายเพียงเสี้ยววินาที  หลังจากนั้นเสียงปืนดังกระหน่ำไม่ยั้งจนตึกแทบสั่นไหว  เสียงคนเริ่มโหวกเหวกโวยวายจากทางด้านล่าง  ทำให้ผมคาดการณ์ได้ว่ามันคงยกพวกมาเยอะเป็นแน่  พวกมันยิ่งกระวนกระวายที่ยังหาผมไม่พบแต่เพื่อนพวกมันกลับตายไปทีละคน
 
"หึหึหึหึหึ" ผมหัวเราะขึ้นเสียงดังลั่น  เสียงปืนเงียบลงทันที

"จุดห้าศูนย์ แม่นยำระดับพระกาฬ" ผมบ่นพึมพำยิ้ม ๆ แล้วก้าวเท้าเดินออกไปอย่างช้า ๆ เพราะพวกมันไม่ทันสังเกตเห็นผมเสียด้วยซ้ำ 

"ไอ้.." พวกมันมามองผมอึ้ง ๆ  ผมนำซีดีข้อมูลของพวกมันปิดไว้ที่หน้าของผมเพื่อไม่ให้พวกมันได้เห็นว่าผมเป็นใคร

"โอ้โฮ..กลางกระบาลเพื่อนมึงทีเดียวสองคนเลย คนของกูเจ๋งโคตรเลยใช่ไหมล่ะ มึงหาคนฝีมือแบบนี้ในประเทศไทยไม่ได้อีกแล้วนะ..ดูเอาไว้เป็นบุญตาซะ" ผมพูดพลางหัวเราะเยาะ

"มึงเป็นใครวะ!" 

"อยากรู้..ก็ขยับไขมันจับกูให้ได้สิ ไอ้หมีแพนด้า" ผมพูดเสียงทุ้มต่ำพร้อมเลื่อนแผ่นซีดีลงให้เหลือเห็นเพียงระดับคิ้วก่อนยักคิ้วกวนตอบให้  ไม่ทันให้พวกมันได้คิดทัน  เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด  เพื่อนมันร้องโหยหวน  ผมใช้จังหวะที่กำลังชุลมุนนี้วิ่งหลบหนีออกมาในทันที

"ไอ้สัตว์ ยืนเซ่ออะไร! ตามมันไปสิวะ!" เสียงโวยดังมาจากด้านใน

"ตามมันไป!!!" สิ้นเสียงนี้เองผมก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกนอกจากเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด  ผมวิ่งผลัดกระโดดลงบันไดมาจากตึกสูงสิบกว่าชั้นอย่างรวดเร็ว  เมื่อก้มลงมองสำรวจไปที่ชั้นล่างก็เห็นคนของพวกมันเต็มพื้นที่ไปหมด

"ฉิบ"

"คุณไฟ!" ผมหันไปมอง  พี่ธานที่อยู่อีกตึกหนึ่งโยนกระบอกปืนมาอย่างแรงจนมันกระเด็ดมาทางฝั่งผม  ผมเข้าไปคว้ามาถือไว้   

"รถจอดอยู่ซ้ายมือข้างตึกฝั่งผมครับ" พี่ธานบอก  ผมพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งหนีต่อเพราะได้ยินว่ามีเสียงฝีเท้าวิ่งตามลงมา  เสียงปืนยิงต่อสู้กันดังสนั่น  พี่ธานคงยิงสกัดไว้ให้ผมแล้ว  คนด้านล่างร้องดังระงมไปหมด

"ว่าไงพี่!" ผมกดรับ  เมื่อเห็นสายเข้าเป็นนายตำรวจที่รับคดีนี้อยู่  พี่เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิทของผมเอง

"ลื้ออยู่ไหนวะ ใครบอกให้ลื้อลงมือ!" เสียงเหวี่ยงจากปลายสาย  ฟังดูไม่ชอบใจอีกตามเคย  ทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจสักอย่าง  เป็นผู้ชายที่โคตรเรื่องมากไปอีก

"ถ้ารอพี่ ผมคงไม่มีชีวิตมาวิ่งหนีกระสุนพวกมันอยู่อย่างนี้" ผมว่ากลับ  ปลายสายจิจ๊ะเสียงให้ได้ยิน

"ตึกร้างนาร่า นี่พี่คิดว่าผมอยากทำนักรึไง..ถ้าพ่อรู้เอาผมตายแน่ พี่ก็ด้วย" ผมย้อนถึงสิ่งสำคัญ  เรื่องบางเรื่องทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของเรา  สุดท้ายก็เข้ามาพันแข้งพันขาจนจะสะบัดออกไปก็ไม่ทันซะแล้ว 

"เออ ๆ"

"มาเก็บศพพวกมันด้วยล่ะ..ผมต้องไปรับพายุ ไม่มีเวลาคุย..ที่แน่ ๆ ผมได้ของแล้ว เตรียมตัวเลื่อนยศได้เลยครับคุณสารวัตรฐานทัพ" ผมแสยะยิ้มบอก  เสียงสบถให้ได้ยินยังคงดูไม่พอใจ  เมื่อถึงชั้นล่างได้ก็วิ่งตรงไปที่รถยนต์ที่ใกล้ที่สุดเพื่อเป็นที่หลบลูกกระสุน  มองสำรวจไปรอบ ๆ ก็พบรถยนต์ของผมจอดอยู่อย่างที่อีกฝ่ายบอกไว้  การยิงต่อสู้ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง  ผมไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหันไปมอง  รู้เพียงว่าศพคงตายเกลื่อนถนน  ผมยิงตอบกลับช่วยพี่ธานคู่หูของผมเพียงเพื่อหลบเลี่ยงแค่นั้น


ปึก! 
"อะ" ผมร้อง  ฝีเท้าถีบเข้ามาเต็มหลังไม่ทันตั้งตัว  เมื่อตั้งหลักได้จึงหันกลับไปชกเข้าเต็มแรงทำให้อีกฝ่ายสลบคาที่ไปในทันที

"เวรเอ๊ย" ผมสบถเสียงอย่างเลือกไม่ได้  แม้จะเพียงไม่กี่วินาทีแต่อีกฝ่ายก็เห็นหน้าผมแล้ว  มือจึงเหนี่ยวไกปืนยิงไปที่จุดที่คิดว่าอีกฝ่ายจะตายคาที่อย่างแน่นอนเพื่อกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า  เสียงรถตำรวจดังมาใกล้ ๆ พวกมันเริ่มแตกตื่น  ผมวิ่งจ้ำไปที่รถ  พี่ธานวิ่งสวนออกมาจากตึกพอดี  เราต่างฝ่ายต่างกระโดดขึ้นรถกันอย่างรวดเร็ว

"เร็วดีนี่" ผมอมยิ้มชมพี่ธาน  อีกฝ่ายอมยิ้มไม่ได้ว่าอะไรและโยนสไนเปอร์ไปที่เบาะหลัง

"พี่ทัพกำลังมา ใช้ทางลัด..ไปสนามบิน" ผมสั่ง  สิ้นคำสั่งผม  เสียงล้อรถปัดกับพื้นถนนดังระงม  เสียงลูกปืนยิงกระทบถูกรถตามมาไม่หยุดอีกสี่ห้านัด

"ระยำเอ๊ย" ผมหันหลังกลับไปกัดฟันสบถที่พวกมันยิงลูกรัก

"ทำสีใหม่อีกแล้ว!" ผมบ่นอย่างหงุดหงิด  พี่ธานฉีกยิ้ม

"จบกันที" ผมพูดแกมบ่น 

"เอาเป็นว่า..วันนี้ผมคงกินเคเอฟซีได้แล้วสินะ อืม..ไก่ทอดน้ำปลาก็อยากกิน" ผมหันไปบอกคู่หูที่ตอนนี้กลายเป็นคนขับรถไปเสียแล้ว  เมนูสิ้นคิดที่ผมชอบมากทีเดียว

"หึ ถ้าไม่โดนใครบ่น..ผมก็ห้ามคุณไม่ได้อยู่แล้วนี่ครับ" อีกฝ่ายตอบทำให้ผมถึงกับอมยิ้มอย่างพอใจ


- - - - - - - - - - - - - - -


ปัจจุบัน
กรุงเทพ..



ก๊อก  ๆ ๆ
"เข้ามา" ผมอนุญาต 

"คุณไฟครับ ได้เรื่องแล้วครับ" พี่ธานเดินเข้ามา  "อาธาน"..เป็นมือขวาอันสงบนิ่งของผม  แต่ก่อนก็เปรียบเสมือนคู่หูที่เป็นตายร้ายดีมาด้วยกัน  ซื่อสัตย์ เป็นงาน ตรงไปตรงมาและเป็นคนที่ผมไว้ใจเหมือนกับพี่ชายแท้ ๆ เหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

"ว่า.." ผมถามกลับไปด้วยรู้สึกตื่นเต้นลึก ๆ กับข่าวคราวที่สืบหามานาน  และคาดว่าวันนี้น่าจะได้เรื่องสักที

"ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่สุโขทัยครับ โยกย้ายระหว่างสุโขทัย ลำพูน..เชียงใหม่ ตอนนี้ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แล้วครับ หลังจากที่แม่กับพ่อเลี้ยงเสียไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อน..ตอนนี้กลับมาอยู่กับยาย แล้วก็น้องชายกับน้องสาว" พี่ธานเล่า

"น้องชายกับน้องสาว" ผมย้ำเสียงคิ้วขมวด 

"ครับ" พี่ธานพยักหน้า

"น้องสาว..เป็นน้องสาวแท้ ๆ ที่เกิดจากลุงยอด ส่วนน้องชาย..เป็นลูกที่เกิดจากพ่อเลี้ยง ประมาณน่าจะเจ็ดแปดปีให้หลัง ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่" พี่ธานอธิบายด้วยสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจ  ผมพยักหน้ารับ  เราต่างเงียบลงครู่หนึ่ง  พี่ธานมองหน้าผมเหมือนรอการตัดสินใจ

"แล้ว..ชีวิตเป็นไง" ผมถามถึง  พี่ธานหลบสายตาเล็กน้อยก่อนเหลือบมาสบตาผมอีกครั้ง

"ตอนที่มีพ่อใหม่ชีวิตก็ดีขึ้นบ้างนะครับ แต่ว่าแม่ก็มาป่วยลง..เห็นว่าสมุทรต้องออกไปทำงานมาช่วยแบ่งเบาภาระอยู่พักใหญ่ จนพ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุระหว่างทางกลับจากต่างจังหวัด เอ่อ..สืบมาว่าหลังจากกลับจากโรงพยาบาลน่ะครับ" พี่ธานเล่า  ผมพยักหน้ารับ

"..หลังจากทั้งสองคนเสีย สมุทรได้เงินส่วนหนึ่งจากประกันของพ่อกับแม่..ก็เลยขายบ้านที่อยู่ที่นั่น เป็นของพ่อเลี้ยงน่ะครับ นำไปใช้หนี้ที่แม่กู้เพื่อส่งสมุทรกับน้องเรียนไป..แล้วย้ายกลับมาอยู่ที่นี่กับยาย"

"เอ่อ เห็นว่ายายนำบ้านไปจำนองไว้กับเจ๊หยก..เอาเงินไปช่วยลูกชายคนโตที่อยู่ต่างจังหวัดน่ะครับ แต่สมุทรใช้หนี้ให้หมดเรียบร้อยแล้ว" พี่ธานเล่าถึง  "เจ๊หยก"..ผมไม่เคยเห็นหน้าค่าตาสักที  แต่กิติศัพท์ที่ได้ยินมาถึงความโหดนั้นก็ไม่เบาทีเดียว

"อายุเท่าคุณ..จบปวส.ช่างก่อสร้าง เป็นนักกีฬาโรงเรียนมาตลอด ตั้งใจเรียนดี ตอนนี้ทำงานเป็นพนักงานควบคุมงานก่อสร้างอยู่ที่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง THE TRUST Company ครับ ทำมาได้หลายปีแล้ว" พี่ธานบอก

"ไม่เรียนต่อเหรอ" ผมขมวดคิ้ว

"ไม่ครับ" พี่ธานผงกหัวเล็กน้อย  ผมพยักหน้าเข้าใจ

"แค่นี้.." ผมเลิกคิ้วเชิงถามอีกครั้งถึงข้อมูลที่หามาได้

"แล้วก็..หลังจากกลับจากทำงาน ต้องกลับมาช่วยยายขายขนมที่บ้าน แล้วก็อยู่ค่ายมวยด้วย"

"อยู่ค่ายมวย" ผมย้ำเสียงอย่างสนใจ

"ครับ..เจ้าของค่ายมวยที่เป็นเพื่อนเก่าของลุงยอดไงครับ สมุทรเป็นนักมวยอาชีพของค่ายศรไกร"

"ศรไกร..ศรไกร" ผมพึมพำ  มือขยับปากกาคล้ายกับให้ช่วยคิด  พยายามนึกเพราะคุ้นหู

"อ้อ..ค่ายมวยชื่อดังสมัยก่อนที่ใกล้เจ๋งแล้วน่ะนะ" ผมแสยะหัวเราะ  น่าขำ..เป็นนักมวยอยู่ในค่ายแบบนั้นแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร

"ครับ" พี่ธานพยักหน้า 

"งั้นก็ห่วยน่ะสิ" ผมเดาอย่างอดดูถูกไม่ได้  แม้พ่อของเขาจะฝีมือดีขึ้นชื่อแต่ลูกไม้หล่นไกลต้นก็มีนี่ครับ

"จากที่เห็น ก็ไม่นะครับ" พี่ธานอมยิ้มเล็กน้อย  ผมเท้าคางแสยะยิ้มตอบให้ด้วยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา  เพราะถ้าพี่ธานพูดขนาดนี้ก็คงอย่างที่พูดละมัง  พี่ธานเองก็ถูกพ่อผมและอาจารย์ที่ฝึกผมได้ฝึกพี่เขามาเป็นอย่างดี  ถ้าพี่ธานยอมรับ  มันก็คงต้องได้เห็นของจริงกันสักหน่อย   

"แล้วน้องสาวกับน้องชายที่ว่าล่ะ ใครเลี้ยง" ผมพยายามเก็บข้อมูลเข้าหัวให้ได้มากที่สุดทีเดียว

"สมุทรเลี้ยงครับ" พี่ธานตอบ

"คนเดียว" ผมถาม

"ครับ" พี่ธานพยักหน้า

"อายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหน" ผมซัก

"ผู้หญิงชื่อดาวครับ เรียนอยู่ปีหนึ่ง มหาวิทยาลัย U สาขานาฏศิลป์..ได้ข่าวว่าเป็นเด็กเรียนดีนะครับ เลยสอบเข้าได้ ส่วนคนเล็กเพิ่งจะเก้าขวบครับ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง"

"หะ!" ผมอุทานพร้อมเบะปาก

"ครับ" พี่ธานอมยิ้มเล็กน้อยเหมือนรู้ว่าผมอุทานทำไม

"เยอะแยะยั้วเยี้ยไปหมด" ผมบ่นอย่างนึกรำคาญแทน

"ค่อนข้างมีปัญหาทางด้านการเงินน่ะครับ" พี่ธานบอกอีก 

"หึ..พอจะทราบ" ผมหัวเราะปัดไปทีก่อนเงียบลงอย่างใช้ความคิด 

"คุณไฟจะเอายังไงต่อดีครับ" พี่ธานถาม  ผมหันกลับไปมอง

"ผมว่า เค้าไม่น่าจะมาง่าย ๆ"

"ทำไม" ผมถามกลับเสียงเข้ม

"ผมว่าเค้า.. คล้ายลุงยอด" พี่ธานตอบด้วยคำตอบเฉียบคมแบบที่ผมไม่สามารถย้อนอะไรกลับไปได้อีก  ผมแสยะยิ้มอย่างพอใจในคำตอบที่ได้รับ  ก่อนพยักหน้าและปัดมือส่ง ๆ เพื่อบอกให้พี่ธานออกจากห้อง  เขาก้มหัวให้เล็กน้อยรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไป  ผมได้แต่นั่งนิ่ง  สมองโล่งเพราะคิดอะไรไม่ทันเสียด้วยซ้ำ

"มีแต่เรื่องยุ่งยาก" ผมอดบ่นไม่ได้  ได้แต่ถอนหายใจเซ็ง ๆ เพราะตอนนี้ยังไม่อยากคิดมากอะไร  บอกปัดไม่ได้ว่านี่คือเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่พ่อสั่งเสียผมไว้ก่อนจากโลกนี้ไป  ซึ่งผมไม่สามารถผิดคำพูดได้อย่างแน่นอน  และคนอย่างผมจะต้องทำให้เรื่องมันหมดหน้าที่ไปเสียด้วย

ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างของตัวบ้าน  กะเวลาไว้แล้วว่าจะออกจากนอกบ้านกี่โมงเพราะมีนัดกับเพื่อนสนิท  พอเดินลงมาก็เห็นว่าน้องชายตัวดีนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับถุงของแบรนด์เนมเต็มไปหมด 

"ไงมึง" ผมทัก

"อะ..ซื้อมาให้" น้องชายหันมายื่นถุงใบหนึ่งให้ส่ง ๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะสนใจผมเท่าไหร่นัก  ผมรับมาดู  ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสองสามตัวและเป็นสีที่ผมชอบ  เห็นอย่างนั้นก็เลยวางลงข้าง ๆ เพราะไม่มีอารมณ์จะใส่ใจ   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2021 13:37:54 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
«ตอบ #2 เมื่อ01-10-2015 00:12:19 »


นี่คือ "พายุ"..น้องชายคนเดียวของผม  เป็นเด็กไม่ค่อยพูดมาแต่ไหนแต่ไร  เป็นคนในครอบครัวที่ผมสนิทและไว้ใจได้มากที่สุดในตอนนี้  เราสองคนไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ กันโดยสายเลือดทั้งหมด  พายุเกิดจากภรรยาคนใหม่ของพ่อ  ส่วนแม่ของผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก  เราโตมาด้วยกัน  อยู่ด้วยกันตั้งแต่เล็กจนโต  เจอเหตุการณ์ทั้งร้ายทั้งดีมาด้วยกัน  เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาด้วยกัน  ช่วยเหลือกัน  เราสนิทกันมากเพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่พายุเองก็เหมือนไม่มีที่พึ่ง  เราจึงต้องพึ่งพากันและกันบ่อยครั้ง

แม่ของพายุหย่ากับพ่อผมหลังจากพายุได้ประมาณมัธยมต้นเข้ามัธยมปลายเห็นจะได้  เธอเดินทางไปอยู่ต่างประเทศกับสามีใหม่นานแล้ว  พายุเลือกที่จะอยู่ที่นี่กับผมและพ่อ  เราเรียนรู้งานของพ่อมาด้วยกันเสมอจนพ่อได้จากพวกเราไปอีกคน  พ่อเสียด้วยโรคหัวใจเมื่อสามปีให้หลังนี้นี่เอง  ตอนนี้ที่พึ่งทางใจของเราทั้งสองคนที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวคือ..คุณย่าและกันและกัน  แน่นอนว่าเราไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับท่านหรอก  เพราะถ้าจะให้ผมอยู่บ้านกับคุณย่าละก็  ผมขอไปอยู่กินกับวัดดีกว่าน่ะนะ

"ใช้เงินเบา ๆ หน่อย" ผมบ่นครั้งที่ล้านได้เกี่ยวกับเรื่องชอบช็อปปิ้งของมัน  และก็เบื่อที่จะบ่นซ้ำ ๆ แล้วด้วย  สุดท้ายคนที่ให้เงินมันใช้ก็คือผมอยู่ดี

"ซื้ออะไรให้ก็ใส่ ๆ ไปเถอะ" มันว่าผมกลับซะงั้น

"เออ แล้วนี่..เรื่องเพิ่มค่าเช่าที่ตลาดน่ะ" พายุหันมามองหน้าผมเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ 

"เอาไว้ก่อน เดี๋ยวพี่จัดการเอง" ผมบอก

"ได้" พายุพยักหน้าแล้วหันกลับไปสนใจในการจัดเสื้อผ้าของตัวเองต่อ  ผมอมยิ้มมอง  มันเป็นคนระเบียบเรียบร้อย  รักความสะอาด  เกลียดคนสกปรกและคนทำอะไรชุ่ย ๆ เป็นอย่างมาก  ตอนนี้มันจึงกำลังนำเสื้อผ้าที่ซื้อมาออกมาพับเรียงเป็นระเบียบ  ตัดแบรนด์ที่ติดเสื้อผ้ามาด้วยออกแล้วนำแผ่นกระดาษพวกนั้นไปเรียงกองรวมกันเพื่อเตรียมทิ้ง  พับถุงกระดาษทั้งหมดวางซ้อนกัน  เป็นระเบียบทุกขั้นตอน 

แม่บ้านนำน้ำมาเสิร์ฟให้เราทั้งสอง  ผมชี้มือไปที่ถุงของผมเหมือนบอกให้เธอนำขึ้นไปเก็บบนห้องให้ผมด้วย  เธอพยักหน้ารับ  หยิบถุงและเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ

"โรงฝึกเป็นไง" ผมถามถึงกิจการของน้องชายตัวดี  แม้ว่าพายุเพิ่งจะอายุยี่สิบสองและเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยปีสาม  แต่มันก็เป็นคนที่มีความสามารถที่โดดเด่นและเป็นคนที่เก่งมากทีเดียว

"ก็ดี" มันตอบส่ง ๆ

"รายได้เพิ่มขึ้นห้าเปอร์เซ็นต์" พายุพูดเสริม  ผมพยักหน้า

"เฮียมีเรื่องไรรึเปล่า" พายุถามไม่ได้มองหน้าผม  อันที่จริงผมเป็นคนไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่พายุเรียกผมว่า "เฮีย" มาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กแล้ว  คงเพราะว่าแม่ของมันมีเชื้อจีนแทบจะเต็มตัว  เวลาที่แม่พายุเรียกแทนตัวผมกับพายุ  แม่มักจะเรียกว่า "เอานั่นไปให้เฮียสิ" "ลื้อเป็นน้องต้องเชื่อฟังเฮียนะรู้ไหม" อะไรทำนองนี้เสมอ  พายุเลยติดเรียกผมว่าเฮียตามแม่มาตั้งแต่เล็ก  เลยพลอยให้พี่น้องคนอื่น ๆ ติดเรียกผมแบบนี้ไปด้วยก็มี

"คืออะไร" ผมถามกลับอย่างไม่เข้าใจ

"ก็เห็นช่วงนี้ดูมีอะไร" มันยิ้มมุมปากพูดเหมือนกับรู้อะไรสักอย่างแต่ก็ไม่อยากจะพูดออกมาตรง ๆ

"มีมั้ง" ผมตอบเพราะตัวเองก็ยังงงอยู่ว่ามีหรือไม่มีดี

"เรื่องดีหรือไม่ดีอ่ะ" มันพูดแกมหัวเราะ

"ก็..ค่อนข้างไปในทางที่ดี" ผมยักคิ้วตอบ  พายุส่ายหัวยิ้ม ๆ เราจบบทสนทนาลง 

"ช่วงจะขึ้นค่าเช่าตลาดน่ะ กูว่าจะให้คนไปอยู่กับมึงสักคน" ผมพูดขึ้นหลังจากที่นั่งจ้องตากันมาสักครู่หนึ่ง

"ไม่จำเป็น" มันตอบกลับเสียงห้วนแทบจะทันที  ผมถอนหายใจเบา ๆ เพราะคาดไว้แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้

"ผมดูแลตัวเองได้" มันดักคอด้วยน้ำเสียงเรียบลงก่อนที่จะได้เห็นผมหงุดหงิด  เมื่อไหร่ที่เราสองคนรู้ว่าเรากำลังจะพูดผิดใจและเป็นเหตุทำให้ทะเลาะกัน  เราจะนิ่งลงทันทีและพยายามปรับรูปประโยคให้เข้าที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แย่ ๆ เกิดขึ้น  ผมไม่รู้ว่าวิธีการแบบนี้มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่แต่เราเริ่มทำมันจนเป็นธรรมชาติตั้งแต่พ่อป่วย  นั่นคงเพราะผมเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าควรควบคุมน้องชายของผมคนนี้อย่างไรละมังครับ

"เมื่อไหร่มึงจะเลิกเอาแต่ใจแล้วฟังกูสักที" ผมพูดพลางถอนหายใจโดยไม่มองหน้ามัน  อยากจะพูดออกไปว่า.."ถ้ากูไม่เป็นห่วงมึง กูจะพูดไหม" แต่กลับพูดไม่ออก

"เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ผมไม่ฟัง" พายุย้อนแล้วลุกขึ้นเหมือนไม่ต้องการฟังผมบ่นต่อ  มันเก็บรวบรวมถุงเสื้อผ้าที่ซื้อมาและยังแกะไม่เสร็จไปถือไว้ก่อนหันกลับมามองหน้าผมอีกครั้งหนึ่ง  ผมที่นั่งอยู่จึงเงยหน้ามองมัน  เราจ้องหน้ากันนิ่ง 

"มึงเหมือนแม่" ผมพูดขึ้นแล้วหันหน้าลงมา

"มีแค่สองอย่างที่มึงไม่เหมือนแม่" ผมทิ้งจังหวะลง

"คือหนึ่ง..มึงเอาแต่ใจแม้กระทั่งกับกู" ผมว่าเพราะแม่ของพายุตามใจผมทุกอย่าง  เธอรักและเชื่อใจผมมาก  ไม่ว่าผมจะพูดอะไรเธอก็มักจะยอมไปหมด  ซึ่งที่ผมว่าพายุก็ว่าไปอย่างนั้นเองเพราะคนที่พายุเลือกที่จะพูดคุยด้วย  ยอมอ้อนด้วยและเอาแต่ใจก็มีเพียงแค่ผมกับพี่ธานเท่านั้น  ดังนั้น..ผมไม่เคยรำคาญมันหรอกนะครับที่มันเอาแต่ใจ  แต่บางทีแค่อยากให้มันเชื่อฟังผมมากกว่านี้

"สอง..คือมึงก็เป็นเกย์" ผมเสริมด้วยสีหน้ากวนตีนมันเล่นเพราะก็ไม่อยากให้ใครเครียด

"สักวัน ถ้ายุจะชกปากเฮีย มันก็คงสุดจะทนแหละนะ" มันว่าหน้างอแล้วเดินออกจากห้องไปเลย

"หึ" ผมหัวเราะออกมา  รู้สึกสนุกเล็ก ๆ ที่ได้แกล้งให้มันว่าผมได้แบบนี้

พายุ.. เป็นน้องชายที่หน้าตาติดไปทางแม่  อาจจะมีส่วนที่คล้ายพ่อบ้างแต่ก็ไม่มากเท่ากับผม  มันเป็นคนหน้าตาดี  มีส่วนของโครงหน้าที่คล้ายกับพ่อบ้างแต่องค์ประกอบบนใบหน้าและผิวพรรณมันเหมือนแม่ไม่มีผิด  หน้าตาหล่อเหลาและค่อนข้างหวานผู้ดีแบบที่ผู้หญิงหลาย ๆ คนชอบคิดว่ามันคงจะเป็นผู้ชายที่เรียบร้อยและผู้ดีมาก  แต่คงต้องขอโทษด้วยถ้าผมต้องพูดว่า.."มันเป็นเกย์"

เราต่างรู้เรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยที่มันเรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนต้น  พายุเป็นคนเข้ามาสารภาพและปรึกษากับผมเอง  เราปิดเรื่องนี้กับพ่อและแม่มาตลอดจนพ่อเสีย  หลังจากนั้นพายุก็ตัดสินใจสารภาพเรื่องนี้กับแม่เพราะมันไม่อยากมีความลับกับเธอ  ผมเองก็ไม่ใช่รับไม่ได้หรอก  แน่นอนว่ามันคือน้องชายที่ผมรัก  มันเป็นคนเดียวที่ผมปกป้องมากับมือตั้งแต่เล็ก  แรก ๆ มันก็ต้องมีช็อกบ้างเป็นธรรมดา  หลายครั้งที่เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันคนมักจะทักว่าเราเป็นเพื่อนกันบ้างละ  เราเป็นแฟนกันบ้างละเพราะเราค่อนข้างดูแลกัน  และที่สำคัญผมมีผิวสีเหลืองแต่พายุผิวขาวมาก  ยิ่งไปกว่านั้นหน้าเราแทบไม่คล้ายกันเลย  แต่ผมคิดว่านิสัยของเราคล้ายกันมากทีเดียว

เราถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวของการต่อสู้ แย่งชิงและธุรกิจ  ก็ไม่เชิงถึงกับว่าเป็นมาเฟีย  ครอบครัวของเราค่อนข้างรักสงบแต่ก็ต้องคลุกคลีกับคนสายเจ้าพ่อมากพอสมควร  ถ้าให้ถามว่าครอบครัวผมมีอิทธิพลไหม  ถ้าให้ตอบตรง ๆ ว่าไม่คงกระดากปากผมแต่ก็คงมีละมัง 

พายุเป็นคุณครูสอนศิลปะป้องกันตัวมาได้ประมาณเกือบสองปีแล้ว  โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ผมสนับสนุนทุนให้และให้มันจัดการบริหารเอาเองหลังจากที่มันเชี่ยวชาญทางด้านนี้มาพอสมควร  ผู้จัดการโรงเรียนและเป็นลูกน้องคนสนิทของพายุคือ.."ไอ้เป็ด"  ซึ่งก็เป็นลูกน้องของผมมาก่อน  ผมโยนหน้าที่นี้ให้ไอ้เป็ดรับไปทำเป็นตัวหลัก  หน้าที่การงานที่มีอนาคตมั่นคงและไม่ต้องมาทำงานติดตามผมแจอีก  พายุเป็นคนเรียนเก่งและไม่นอกลู่นอกทาง  ติดไปที่เป็นคนหัวดื้อสักหน่อยและมีใบหน้าไม่แสดงอารมณ์จึงติดต่อกับลูกค้าปกติได้ยาก  แต่มันก็เชื่อฟังผมเป็นอย่างดี  ตรงนี้ผมจึงค่อนข้างไว้ใจให้มันทำโดยผมไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวก้าวก่าย

พายุเริ่มฝึกคาราเต้มาตั้งแต่อยู่ประถม  ก่อนหน้านั้นผมเรียนคาราเต้เป็นพื้นฐานทุกวันอยู่แล้ว  พายุคอยไปเฝ้าดูผมกับพี่ธานซ้อมเสมอจนมันพร้อมและสนใจที่จะเริ่มอยากเรียนด้วยความต้องการของตัวมันเอง  หลังจากที่เรียนคาราเต้อยู่ประมาณสองปี  พายุก็หันเหไปทางด้านกังฟู  มันมีพรสวรรค์ทางด้านนี้มาก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะสายเลือดของมันหรือเปล่า  เราเดินทางไปฝึกกังฟูที่เซี่ยงไฮ้เป็นประจำทุกช่วงปิดเทอม  พายุเริ่มคลั่งกังฟูมากขึ้นจนอย่างกับเสพติด  ส่วนผมเมื่อเต็มอิ่มกับเรื่องพวกนี้แล้ว  ได้เรียนรู้อย่างเต็มที่แล้วก็เริ่มหันเหไปทางด้านการชกมวยและเริ่มเอาจริงเอาจังมากขึ้นจนตั้งใจว่าจะต้องสืบทอดกิจการงานต่อจากพ่อให้ได้  พายุเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองผิดเด็กปกติ  เมื่อเราสนใจคนละด้านพายุก็เริ่มไม่ติดผมอีก  มันขอพ่อกับแม่ไปเรียนมัธยมต้นที่ประเทศไต้หวัน  ซึ่งทั้งสองคนก็อนุญาตแต่แน่นอนว่าพ่อส่งคนไปคอยดูแลช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง  พอจบมัธยมต้นพายุก็กลับมาเรียนต่อมัธยมปลายที่ประเทศไทย  มันยังคงฝึกและเข้าร่วมแข่งขันทางด้านนี้อยู่อย่างสม่ำเสมอ  คล้ายกับว่าการศึกษาที่มันเรียนอยู่นั้นคืองานอดิเรก  แต่งานหลักของมันคือการฝึกกังฟู

พอเข้ามหาวิทยาลัยพายุก็ได้อิสระมากขึ้นจากผม  ผมปล่อยมันเต็มที่เลย  และแน่นอนว่าน้องชายผมมักไม่ค่อยอยู่กับที่เช่นกัน  มันบินไปขลุกอยู่ที่ประเทศจีน ไต้หวัน  เกาหลีและญี่ปุ่น  สลับไปมาอยู่อย่างนี้ระหว่างปิดเทอมบ้าง  ระหว่างวันหยุดระยะสั้นบ้าง  เรียกได้ว่าหายศีรษะจากประเทศไทยไปเป็นพัก ๆ มันจะผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่สี่ประเทศนี้ไม่ไปไหนโดยที่ผมจับตัวมันแทบไม่ได้เลย  ผมรู้ดีว่ามันไม่ได้มีจุดประสงค์ไปเที่ยวเล่นหรอก  พายุไม่ใช่คนรักสนุกแบบนั้น  แต่มันต้องการหาประสบการณ์ทางด้านศิลปะการต่อสู้พวกนี้มากกว่า  การที่น้องชายผมเป็นแบบนี้คือผมชินแล้ว  ไม่เชิงว่าเราขาดการติดต่อกัน  แต่ก็นั่นละ..ผมเคารพในการตัดสินใจของน้องผมเสมอ 

ใครเห็นใบหน้าหล่อหวานแบบนั้นของพายุแล้วคิดว่ามันเป็นคนปราณีคงต้องคิดผิดถนัด  เห็นอย่างนั้นแต่แรงมันเยอะมาก  สำหรับผม..ใบหน้าใส ๆ หล่อ ๆ ของมันไว้ใจอะไรไม่ได้เลย  คู่ต่อสู้มักประเมินน้องชายผมไว้ต่ำเสมอ  และบางครั้งก็น่าสะใจดีเวลาที่ผมขี้เกียจจะลงไม้ลงมือด้วยตนเอง  การนำพายุไปเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดระหว่างมีเรื่องมีราว  มันเป็นเสมือนการ์ดชั้นเลิศของผมเลยละ  การที่ได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของศัตรูนั้นก็เหมือนกัน  นั่นก็เป็นเป้าหมายที่ผมหวังว่าจะได้เห็นในหลาย ๆ ครั้งน่ะนะ   
เราสองพี่น้องแตกต่างกันตรงที่  ผมรักการชกมวยมากเป็นชีวิตจิตใจแต่พายุไม่ใช่  หนึ่งในสิ่งที่พายุเป็นคือมันเป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์รุนแรงลึก ๆ ในบางครั้ง  มันต้องการความสงบ  ในขณะเดียวกันมันก็ต้องการปล่อยตัวตนที่แท้จริงของมันออกมา  นี่คือสิ่งที่ผมสัมผัสได้ในตัวมันในหลาย ๆ ครั้ง  ก็ไม่เชิงว่าเป็นคนขี้หงุดหงิดอารมณ์ร้อนง่าย ๆ คล้ายกับผม  แต่จะจัดว่าเป็นคนโมโหเงียบและค่อนข้างขี้งอนกับผมเป็นพิเศษ  สำหรับผม..ถ้าเมื่อไหร่ที่มันเงียบ  แสดงว่าผมคงไปทำอะไรให้มันโกรธอยู่แน่ ๆ

สำหรับเพศสภาพของน้องชายผมคนนี้..ผมแปลกใจอยู่อย่างเดียว  มันไม่เคยพาแฟนมาให้ผมเห็นหน้าค่าตาเลยสักครั้ง  ตั้งแต่ที่มันสารภาพกับผมว่ามันชอบผู้ชาย  ปัจจุบันนี้ผมยังสงสัยอยู่เลยว่ามันเป็นฝ่ายไหนกันแน่  มันชอบผู้ชายจริงรึเปล่า  ตอนนี้เปลี่ยนใจเป็นอื่นไปแล้วหรือยัง  ทุกครั้งที่จินตนาการเองก็อดขนลุกไม่ได้  ทั้งที่น้องชายของผมแข็งแกร่งมากแต่ผมกลับมองภาพไม่ออกว่าถ้ามันจะต้องไปรุกใครที่เป็นฝ่ายชายก่อน  แต่ก็นั่นละครับ..เพื่อนสนิทของผมบอกกับผมว่า "ของแบบนี้มันดูกันที่ภายนอกไม่ได้ บางคนเห็นหน้าหวาน ๆ..ปุ๊บปั๊บบนเตียง เสือกรุกกูซะงั้น" ดังนั้น..โลกของพวกมันจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ  ผมเลยต้องหยุดคิด  เพราะก็คงไม่มีใครอยากจินตนาการว่ามีอะไรกับน้องชายตัวเองหรอก  ผมเองก็เคยถามพายุอยู่ครั้งหนึ่งว่ามันฝ่ายไหนกันแน่  แต่ก็โดนมันโกรธไม่คุยด้วยไปเป็นวัน  จากนั้นก็เลยเลิกถาม  คิดไปคิดมาแล้ว  ถ้ามีผู้ชายสักคนจะมาเอาความดื้อรั้นของมันอยู่ได้บ้างก็คงจะดีไม่น้อยทีเดียว  ผมรอวันสะใจลึก ๆ อยู่น่ะนะ

ปัจจุบัน  หลัก ๆ แล้ว..ผมดูแลธุรกิจคนเดียวหลังจากพ่อเสีย  ก่อนหน้านี้ผมเรียนรู้และคลุกคลีเรื่องงานของพ่อมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก  พ่อไม่เคยบังคับแต่ผมเลือกที่จะเดินตามท่านไปดูงานแต่ละงานด้วยตัวของผมเอง  ผมชอบวิถีการทำงานของพ่อ  ชอบที่ได้เห็นลูกน้องรักพ่อมาก ๆ แม้ว่าพ่อจะไม่ใช่พ่อที่สมบูรณ์แบบนักแต่เขาคือตัวอย่างที่ดีที่ทำให้ผมเป็นอยู่ในทุกวันนี้  หลังจากพ่อเสียไป  ย่าเป็นคนหนึ่งที่ช่วยประคับประคองเราสองพี่น้อง  ย่าเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในปีสองปีแรกที่ยื่นมือมาช่วยงานผมเสมอ  แม้ว่าท่านจะไม่อยากทำมาก ๆ ก็ตาม

เจ้าของค่ายมวยชัยโรจน์  หนึ่งในค่ายมวยชื่อดังในกรุงเทพและต่างประเทศ  ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์  เจ้าของตลาดชโนทัยที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยรุ่นทวด  ขยายกว้างและพัฒนาออกไปมากในสมัยของปู่และสืบต่อมาที่รุ่นของพ่อผมจนปัจจุบันคือผมเป็นผู้ดูแล  เจ้าของที่ดินย่านเศรษฐกิจในแถบชลบุรีบางส่วนตกทอดมาตั้งแต่สมัยปู่ที่จะเป็นเงินกินนอนไปได้จนตาย  ออกเงินกู้ลับ ๆ ให้คนใหญ่คนโตบ้างตามโอกาส  หุ้นส่วนสนามแข่งรถที่ทำร่วมกับเพื่อนสนิทและลูกพี่ลูกน้องของมัน 

ส่วนงานที่ผมได้เริ่มลงมือเองใหม่กับมือตั้งแต่เมื่อสมัยที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ก็คือปล่อยให้เช่าอาคารพาณิชย์และในส่วนนั้นต้องบริหารทางด้านศูนย์การค้าขนาดกลางไปด้วย  และก่อนที่พ่อจะเสียไปไม่กี่ปี  พ่อลงทุนสร้างคอนโด  ห้างสรรพสินค้าและอาคารพาณิชย์ให้เช่าในจังหวัดเชียงใหม่  ทั้งหมดนี้อยู่ในบริเวณเดียวกันที่สร้างเพื่อเจาะลูกค้าระดับสูงขึ้นไป  ซึ่งแทบทั้งหมดในโครงการนี้นั้นผมเป็นคนคิดริเริ่มและบินไปดูงานพร้อมกับพ่อเสมอจนงานเสร็จ  เมื่อไหร่ที่พ่อไม่สามารถไปได้  ผมจะไปด้วยตนเอง  ที่กล่าวมานี้เป็นธุรกิจที่ผมบริหารเองทั้งหมดได้อย่างเต็มตัวและทุกอย่างตอนนี้ลงตัวดีมาก  แน่นอนว่ามันเป็นผลพลอยได้มาตั้งแต่ต้นตระกูลที่สั่งสมมานาน  งานส่วนใหญ่ผมเพียงแค่มาสานต่อเท่านั้น  จะเรียกว่าผมโชคดีมากที่เกิดมาบนกองเงินกองทองก็ได้ละมัง  แต่ก็ไม่ได้โชคดีขนาดที่สามารถนอนกระดิกตีนกินเงินบุญเก่าไปวัน ๆ ได้หรอก  งานที่มีอยู่ก็ต้องทำสืบสานดูแลลูกน้องต่อไปจนกว่าจะตายจากกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2015 14:03:12 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
«ตอบ #3 เมื่อ01-10-2015 00:13:06 »

"เฮียไฟ!" ผมหันกลับไปที่หน้าประตู  เสียงห้วนทะเล้นแบบนี้ไม่มีใคร  "ดิน"..ลูกพี่ลูกน้องของผมเอง  มันเป็นลูกของน้องสาวพ่อคนเล็กสุด  พ่อของผมเลี้ยงดูแม่มันและมันมาตั้งแต่มันยังเด็ก  พอแม่มันเสียพ่อของผมก็เป็นคนดูแลมันต่อ  หลังจากที่พ่อของผมเสีย  ผมก็ต้องแตะมือต่อพ่อไปโดยปริยาย  ตอนนี้ไอ้ดินเหลือแต่พ่อที่ขี้เหล้าที่อาศัยอยู่ที่โคราชแต่ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไหร่นัก  ที่จริงก็เคยติดต่อมาบ้างเรื่องขอเงินแต่ผมได้ให้พี่ธานจัดการขั้นเด็ดขาดจนเงียบปากไปได้บ้างแล้ว
 
"ดินไปเรียนพิเศษแล้วนะ" มันพูดแล้วเดินยิ้มแป้นเข้ามาในห้อง

"อืม" ผมพยักหน้าตอบส่ง ๆ มันยังคงยืนยิ้มมอง

"วันนี้วันจันทร์ เมื่อเช้าเฮียลืมให้เงินด้วย" มันพูด  ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ เพราะที่จริงตั้งใจต่างหาก  ผมหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา

"อย่าให้รู้ว่ามึงไปก่อเรื่องอีกล่ะ" ผมดักคอไว้ก่อนเพราะมันชอบเอาแต่สร้างปัญหา

"แต่ถ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไรใช่ป่ะ" มันพูดทะเล้นไม่เลิก  ผมที่กำลังจะยื่นเงินให้มันไปสองพันสำหรับอาทิตย์นี้  เลยยึดแบงก์ห้าร้อยออกมาหนึ่งใบในทันที  และทำจริง..ซึ่งถ้ามันไม่พอใช้จะไม่มีการให้เพิ่มอย่างเด็ดขาดจนหมดอาทิตย์  ซึ่งมันเองก็รู้ดีอยู่แล้ว

"โอ๊ย! เฮีย!" มันร้องเสียงหลง  ผมมองตาขวาง

"พันห้ามันจะไปพออะไรเล่า" ไอ้ดินโวยวายหน้างอเสียงหงอยลง

"มึงก็ไม่ต้องซื้อถุงยาง เดี๋ยวมันก็พอเองนั่นแหละ" ผมว่าปัดแล้วลุกขึ้นเพราะจะหนีมัน..รำคาญ

"โธ่เฮีย..ถ้าไม่ซื้อถุงยาง คนที่จะเดือดร้อนที่สุดก็เฮียนะ" มันยักคิ้วยิ้มกวนตีนผมไม่เลิก


เพี้ย!  ....ผมฟาดมือลงที่หัวมันไม่ให้มันได้หลบทัน  ไอ้ดินตาหยีหน้าหันไปอีกทาง

"มึงอยู่ม.ปลายนะไอ้ดิน ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อย" ผมว่าเสียงเข้มเพราะไม่ตลกด้วย  ไอ้ดินหน้าสลด

"อะไรที่กูไม่ชอบ อย่าทำ" ผมย้ำชี้หน้าคาดโทษมัน

"ค้าบ" มันตอบเสียงหงอย

"ไปเรียนได้แล้ว" ผมไล่

"ครับ" ไอ้ดินพยักหน้า

"เดี๋ยว" ผมเรียกไว้ก่อนที่มันจะเดินออกไป  ผมหันกลับไปกดโทรศัพท์ในบ้านโทรออก

"ครับ" ไอ้เด่นกดรับสายทันที  "เด่น"..คือหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของผม  หน้าที่หลักสำคัญคือคนขับรถประจำตัวผม  มันจะไม่มีสิทธิ์ไปไหนกับใครอย่างเด็ดขาดถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผมก่อน  เรียกได้ว่า  ถ้าผมขี้อยู่แต่น้องชายผมกำลังป่วยใกล้ตาย  และถ้าผมไม่สั่งอะไร..มันก็ต้องรอ

"เตรียมรถ ให้ลุงทองไปส่งไอ้ดินหน่อย..เอาให้ถึงที่นะ รอรับกลับด้วย" ผมสั่ง

"ได้ครับ" ไอ้เด่นรับปากก่อนที่ผมจะตัดสายไป  ไอ้ดินทำตาเลิ่กลั่กเหมือนรู้ชะตากรรมว่าตัวเองหนีไม่รอดแน่แล้ว  ลุงทอง..ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้ว  แต่ก็เคยเป็นถึงอดีตนักมวยชื่อดังตัวเก่งของค่ายผมมาก่อน  หลังจากจบชีวิตนักมวย  พ่อผมก็เลยย้ายให้ลุงทองมาเป็นคนดูแลตนเองและขณะเดียวกันก็เป็นครูสอนที่ค่ายมวยของเราไปด้วย  เมื่อพ่อผมเสียผมจึงให้ลุงแกเข้ามาทำงานในบ้านผมเต็มตัวและอยู่กินด้วยกัน  เป็นหัวหน้ายาม  ดูแลความเรียบร้อยทั่วไปภายในบ้านและประกอบกับมีหน้าที่ไปสอนที่ค่ายมวยด้วยตามตารางที่จัดวางไว้ให้

"มึงไม่ชอบให้กูพูดไม่ดีกับมึง ก็ช่วยอย่าทำให้กูปวดหัวไปมากกว่านี้" ผมส่ายหัวบ่น  เหลือบหันไปเห็นพายุเดินกลับเข้ามาพร้อมกับแม่บ้านพอดี  ป้าจ้อนเดินไปหยิบถุงกับเศษกระดาษที่พายุทิ้งไว้เมื่อกี้นี้แล้วนำออกจากห้องไป

"อ่าว..ไปไหน" พายุถามไอ้ดิน

"เรียนพิเศษ" ไอ้ดินตอบ  พายุพยักหน้ารับส่ง ๆ

"หวัดดีครับ..หวัดดีครับ" มันยกมือไหว้ผมกับพายุหน้าหงอย ๆ เพราะตอนนี้ในห้องเงียบมาก  พายุก็คงรู้ดีว่าไอ้ดินกำลังถูกผมเทศน์อยู่ 

"สองทุ่ม..ถ้ามันไม่ถึงบ้าน มึงจัดการได้เลย" ผมหันไปสั่งพายุหลังจากที่ไอ้ดินเดินออกไปแล้ว  พายุพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในความหมาย

"เฮียจะไปไหน" พายุถาม

"ไปหาไอ้โปรด" ผมตอบ  พายุพยักหน้าปัดอีกครั้งเหมือนไม่อยากจะรับรู้เกินกว่านี้  ผมเดินทางไปหาไอ้โปรดโดยขับรถไปเองเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว 

"โปรด"..เป็นเพื่อนรักของผมมาตั้งแต่สมัยเด็ก  เราค่อนข้างสนิทกันมากและมากขึ้นไปอีกหลังจากที่เพื่อนสนิทของเราทั้งสองคนต้องจากประเทศไทยไป  เพื่อนสมัยเด็กของเราอีกคนคือ.."โช" หรือเรียกโดยปกติคือ "ไอ้เหี้ยโช" ซึ่งเป็นบุคคลที่ตอนนี้ผมยังหาตัวไม่เจอ

"มาคนเดียวเหรอ" ไอ้โปรดถามทันทีที่เห็นหน้าผม  ไอ้โปรดยังอยู่บ้านกับพ่อและแม่  เนื่องจากครอบครัวมันมีอายุที่ยืนยาวเป็นอย่างยิ่ง  ผมคิดว่าบางคนอาจสามารถอยู่ได้ยาวถึงร้อยยี่สิบปีก็เป็นได้  ไอ้โปรดเห็นอย่างนั้น  มันจึงตัดสินใจแยกออกมาอยู่หลังของตนเองในพื้นที่บริเวณที่เป็นส่วนตัว  บ้านของไอ้โปรดแยกหลังออกมาอยู่ต่างหากโดยสร้างรั้วกั้นอาณาเขตของมันเรียบร้อย  ซึ่งเวลาที่ผมมาก็จะจอดรถของผมไว้ในบริเวณของบ้านใหญ่  เนื่องจากเป็นครอบครัวค่อนข้างใหญ่และไอ้โปรดพิจารณาดูท่าแล้วว่าญาติของมันทั้งหลายคงจะยังไม่มีใครด่วนจากมันไปในเร็ววันเหมือนกับครอบครัวของผมเป็นแน่  มันก็ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียวเป็นประจำ  ไอ้โปรด ผมและไอ้โชได้ซื้อคอนโดไว้คนละห้องซึ่งเป็นคอนโดที่ผมเองก็ถือหุ้นอยู่ในเครือของ PEACE BANGKOK COMPANY ด้วย  ซื้อไว้เป็นชั้นเดียวกันเผื่ออุบัติเหตุในวันข้างหน้า  ซึ่งคอนโดนี้สะดวกสำหรับอาชีพของไอ้โปรดเพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าพอดิบพอดี

"อืม" ผมพยักหน้าตอบ

"เย็นนี้ไปค่ายกับกูเปล่า" ผมชวน  ปกติผมจะเข้าไปซ้อมมวยที่ค่ายเป็นประจำ  ถ้าช่วงไหนไม่มีแข่งก็จะเข้าไปซ้อมประมาณสามถึงสี่วันต่อหนึ่งอาทิตย์  ส่วนช่วงไหนที่ใกล้ขึ้นชกจะเก็บตัวและซ้อมหนักเป็นพิเศษ  ไอ้โปรดก็ชอบออกกำลังกายเหมือนกัน  แต่มันชอบไปเข้า Fitness Centre เทรนส่วนนู้นส่วนนี้นู่นนี่มากกว่า  ซึ่งแบบนี้ไม่ค่อยถูกจริตผมเท่าไหร่นัก  ส่วนใหญ่เราจึงแยก ๆ กันไป  ไอ้โปรดเคยเป็นนักว่ายน้ำของโรงเรียนและระดับมหาวิทยาลัย  มันรักการว่ายน้ำมาก  อะไรที่มันไม่ชอบผมก็ไม่อยากจะบังคับหรอกครับเพราะไอ้โปรดเป็นคนขี้เบื่อ  อ่านหนังสือสองบรรทัดก็หลับแล้ว  เล่นเกมก็หลับ  ดูบอลไม่ถึงสิบนาทีก็หลับ  ขนาดดูหนังโป๊มันยังหลับเลย..

"ไม่อ่ะ..กูเบื่อซิกแพคนักมวยค่ายมึงละ" มันตอบเสียงเนือยจนผมหัวเราะ

"ข่าวไอ้โชว่าไง" ผมถามแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตรงห้องนั่งเล่น

"กูยังติดต่อมันไม่ได้เลย" ไอ้โปรดตอบด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ไอ้โปรดเป็นลูกเจ้าของบริษัทออกแบบภายในและรับเหมาก่อสร้างชื่อดังอย่าง Branding Company ผมเองได้ใช้บริการอยู่เป็นประจำ  แต่เพื่อนผมดันทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน  อยู่สายการบิน LTa AIRLINE แต่ในขณะเดียวกันทั้งผมและมันต่างก็ถือหุ้นอยู่ในสนามแข่งรถของพี่สน  ลูกพี่ลูกน้องของไอ้โปรดและเป็นนักแข่งรถอาชีพอีกด้วย

ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว  ผมเคยคิดว่าไอ้โปรดไม่น่าจะทำงานนี้ได้นานหรอกเพราะมันเป็นคนที่ไม่ทนกับความเป็นคนขี้เบื่อของตัวเอง  ขนาดมันที่เคยจะหัดทำอาหาร  อ่านหนังสือทำอาหารไปได้แค่สองบรรทัดก็บ่นว่า "ซื้อกินง่ายกว่าป่ะวะ!" แล้วก็ล้มเลิกไปในที่สุด  มันเคยอยากหัดเล่นโยคะก็เลยชวนให้พายุไปเป็นเพื่อนเพราะเห็นว่าพายุชอบทำสมาธิก่อนฝึกกังฟู  พอไปเรียนโยคะได้ไม่ถึงยี่สิบนาที  มันก็หลับคาเบาะโยคะไปเสียดื้อ ๆ จนทำเอาครูสอนโยคะถึงกับอึ้งเพราะไม่เคยเจอมาก่อน  หลับไปแบบปลุกไม่ตื่น  งานต้อนรับนี้ก็เหมือนกัน  ผมคิดว่างานนี้ไม่ใช่เพื่อนผมเลย  ก็ใช่ว่า..มันจะทำได้ดีแน่  แต่มันไม่น่าจะทนงานได้นานขนาดนี้  ขนาดการแข่งรถที่มันฝึกมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น  เป็นสิ่งที่มันหลงใหลมากแทบจะที่สุด  ทั้งที่มันรักขนาดนั้นและเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไอ้โปรดทำแล้ว "ไม่หลับ" มันยังไม่คิดจะทนที่จะสานงานทางด้านนี้ต่อเลย  ซึ่งตอนนี้ก็คือ..ผิดวิสัยมาก ๆ เลยละครับ
   
"........." ผมนั่งเงียบเพราะสมองค่อนข้างว่างเปล่าและกำลังคิดว่าถ้าเพื่อนรักอยู่ใกล้ ๆ มือก็คงจะซัดมันสักทีนึงด้วยความหมันไส้

"แม่มันว่าไง" ผมถาม 

"เค้าก็ร้อนใจอยู่เหมือนกัน แต่..กูไม่ได้บอกแม่มันหรอกนะว่าก่อนหน้านี้มันบอกกูว่า อีกเดือนสองเดือนมันถึงจะกลับไทยได้" ไอ้โปรดตอบ

"ถาวร" ผมพูดเชิงถาม

"อืมฮึ" ไอ้โปรดพยักหน้าตอบ

"มึงไม่บอกแม่มันอ่ะดีแล้ว เผลอ ๆ ถ้ามันกลับมา..คนที่บ้านมันก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ" ผมพูด  ไอ้โปรดหัวเราะเบา ๆ   

"มันคิดจะทำเหี้ยไรของมันวะ" ผมลูบหน้าตัวเองอย่างคิดไม่ออก

"ก็มันไม่ได้อยากทำธุรกิจ..มึงก็รู้ว่ามันบ้า" ไอ้โปรดบ่นหน้าขยาด  มันลุกขึ้นเดินไปที่เคาร์เตอร์แล้วจัดการหยิบบรั่นดีออกมาหนึ่งขวด  ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมแก้วอีกสองใบ  มันวางลงบนโต๊ะแล้วรินบรั่นดีให้ผมกับมันคนละแก้ว  ผมรับมาเงียบ ๆ นำมือจับแก้วไว้อย่างนั้นยังไม่ยกขึ้นดื่ม

"ไอ้น้ำไม่อยู่เหรอ" ผมถามถึงเพราะเห็นบ้านเงียบ ๆ ปกติมันจะต้องมาต้อนรับขับสู้แล้ว

"กูใช้ให้ออกไปซื้อของให้" ไอ้โปรดตอบ  "ไอ้น้ำ"..คือลูกของคนใช้เก่าแก่ในครอบครัวของไอ้โช  สมัยเราเป็นเด็ก  ไอ้น้ำก็เหมือนเป็นเบ้ของไอ้โชมันนั่นละ  พอครอบครัวของไอ้โชล้มละลาย  คนใช้ก็แยกย้ายกันไป  แม่ของไอ้น้ำได้จังหวะหนีไปกับผัวใหม่  แม่ของไอ้โชเองช่วงที่บ้านล้มละลายนั้นก็ลำบากมากทีเดียวจะให้มาเลี้ยงดูไอ้น้ำด้วยก็คงไม่ไหว  คล้ายกับมืดแปดด้าน  เธอก็เลยมาขอให้พ่อแม่ของไอ้โปรดช่วยรับไอ้น้ำไว้ดูแล  ตอนนี้ไอ้น้ำเลยกลายเป็นเบ้ของไอ้โปรดแทน   

"เชื่อกูเหอะว่า ถึงโชกลับมา..มันก็ยังเล่นสนุกไม่เลิก" ไอ้โปรดคาดการณ์กลับมาที่เรื่องก่อนหน้า

"หึ" ผมอดหัวเราะไม่ได้เพราะก็คงเป็นอย่างที่ไอ้โปรดว่าเป็นแน่

ผม  ไอ้โปรดและไอ้โช  เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถม  ครอบครัวของไอ้โปรดกับครอบครัวของผมรู้จักกันมานานมากแล้วตั้งแต่สมัยผมอนุบาลนู่นละ  แถมยังเรียนโรงเรียนอนุบาลเดียวกันอีกต่างหาก  เรามาสนิทกันมากขึ้นก็ตอนที่ได้เรียนห้องเดียวกันสมัยประถม  ส่วนไอ้โช..ผมกับไอ้โปรดได้รู้จักกับมันสมัยที่เรียนประถม  เรามาสนิทกันขึ้นไปอีกเมื่อพ่อแม่ของเราทั้งสามคนได้มารู้จักกัน  แต่ก่อนที่บ้านของไอ้โชเคยประกอบธุรกิจใหญ่โตและเป็นมาเฟียมาตั้งแต่รุ่นทวด  แต่ทุกอย่างก็มาดับลงง่าย ๆ ธุรกิจของครอบครัวมันถูกฟ้องล้มละลาย  คนในบ้านหักหลังกันเองให้มั่วไปหมด  ตอนนั้นพวกเราน่าจะอายุประมาณเก้าขวบเศษ  ช่วงนั้นเป็นช่วงวิกฤตของทุกคนเลยก็ว่าได้  ครอบครัวของพวกเราต้องตกอยู่ในหลุมดำปัญหาใหญ่  โดยที่ไม่สามารถที่ใครจะยื่นมือไปช่วยใครได้เลย  ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยตัวเอง  ยืนด้วยขาของตัวเองทั้งนั้น 

ไอ้โช..จำเป็นต้องเดินทางไปอยู่กับแม่บุญธรรมที่แคลิฟอร์เนียตั้งแต่ที่บริษัทของครอบครัวมันเริ่มสั่นคลอนและมีคนจ้องจะตามเก็บลูกหลานในตระกูล  ทั้งถูกโกงและขาดทุนอื่น ๆ อีกมากมาย  เรายังคงติดต่อกันอยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่สมัยที่ต้องส่งจดหมายถึงกัน  ส่งโปสการ์ด  มีอีเมลติดต่อกัน  และปัจจุบันก็มีโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกอย่างที่ควรจะสะดวกสบาย  ครอบครัวของไอ้โชกลับมาประกอบธุรกิจขึ้นอีกครั้งหนึ่งและวางมือทางด้านวงการมาเฟียลง  หลังจากนั้นก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะมีข่าวแย่ ๆ มาให้ได้ยินบ้างเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่เสียหายอย่างแต่ก่อนนัก  เทียบกันแล้วตอนนี้ผมดูเสียหายกว่าซะอีก 

แม่ของมันประกอบธุรกิจนำเข้าสุราจากต่างประเทศ  ส่วนพ่อของไอ้โชก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ของธุรกิจนำเข้าส่งออกเครื่องนุ่งห่ม  มันอาจจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าทั้งพ่อและแม่ของมันไม่ต้องการให้มันกลับมาเพื่อมาจัดการสานต่องานของพวกท่าน  ซึ่งแน่นอนว่า..ผมไม่คิดว่าไอ้โชจะมีนิสัยเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนนัก  คือ.."มันกวนตีน"

ผม  ไอ้โปรดและไอ้โช  ได้เจอกันบ่อย ๆ ที่ต่างประเทศ  เราไม่เคยเจอกันในประเทศไทยเลยสักครั้งเพราะไอ้โชไม่เคยกลับมาประเทศไทยเลยตั้งแต่จากที่นี่ไป  ภายในหนึ่งปีอย่างน้อยเราจะได้เจอกันสักครั้งหนึ่ง  หรือสองปีต่อหนึ่งครั้ง  ไอ้โปรดจะได้เจอไอ้โชบ่อยกว่าผม  ผมและไอ้โปรดจะเดินทางไปเชียร์ไอ้โชแข่ง Jet Ski ที่สหรัฐอเมริกาบ้างเป็นครั้งคราว  มันกลายเป็นนักแข่ง Jet Ski ชื่อดังรุ่นใหม่ที่เป็นที่จับตามองของชาวต่างชาติ  ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าไอ้โชที่แท้แล้วเป็นคนไทยแท้  ที่จริงก็มีเชื้อลูกผสมบ้างนิดหน่อยแต่แทบไม่มีใครรู้เลยว่าจริง ๆ แล้วต้นตระกูลมันคือใคร  ไอ้โชเปลี่ยนนามสกุลเป็นนามสกุลของพ่อบุญธรรมไปนานแล้ว  ส่วนชื่อจริงมันก็เปลี่ยนจากชื่อ "ชัชชน" ที่ได้มาตั้งแต่เล็ก  โดยเปลี่ยนไปตามชื่อเล่นของมันว่า "โช" สั้น ๆ เท่านั้น  มันจึงลงแข่ง Jet Ski ด้วยชื่อและในนามของพลเมืองชาวอเมริกันนี้มาตลอด  เรียกว่ามันไปแข่งมาแล้วเกือบทั่วโลก  ซึ่งการที่เราได้เจอกันนาน ๆ ทีและเรายังเข้าใจกันและกันอยู่  เป็นคำตอบให้กับเราสามคนได้ว่า  มันคือ.."สหาย" อย่างแท้จริง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2015 14:04:27 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
«ตอบ #4 เมื่อ01-10-2015 00:13:52 »

"กูก็ไม่เข้าใจนะว่าจะอยากให้ไอ้โชมารับงานต่อทำไม ในเมื่อมีคนรอกันเป็นแห..ไอ้โชกลับมา ก็ต้องมาต่อสู้กับพวกนั้นอีก เออ..ถ้าไอ้โชมาเพราะทุกคนเต็มใจก็ว่าไปอีกเรื่อง" ไอ้โปรดส่ายหัวบ่นพร้อมกับยกบรั่นดีดื่มเสียหมดแก้ว  ผมนั่งเงียบก่อนเอนหลังพิงโซฟาและยกแก้วขึ้นดื่มบ้าง 

"อีกอย่าง มันก็ชินที่จะอยู่เมกาแล้วด้วย แล้วการที่มันเลือกจะเปลี่ยนนามสกุล..กูว่ามันคิดไว้แล้วว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้" 

"แต่กูว่ามันอยากกลับ" ผมพูดขึ้น  ไอ้โปรดหันมามองหน้าผมทันที

"มึงก็รู้ ว่ายังไงเดี๋ยวมันก็ต้องโผล่หัวมา" ผมแสยะยิ้ม  ไอ้โปรดส่ายหัวยิ้ม ๆ เหมือนมันเองก็เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดอยู่ 

"เพี้ยนฉิบหาย" ไอ้โปรดพูดแกมหัวเราะ

"มึงมีบินอีกวันไหน" ผมถาม

"วันมะรืน..ไปโตเกียว"

"แล้วมึงอ่ะ มีอะไรเด็ด ๆ นอกจากนี้ไหม" ไอ้โปรดถามกลับ  ผมเบะปากและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

"เฮ้อ~" จู่ ๆ ไอ้โปรดก็ถอนหายใจแล้วเอนตัวนอนลงบนโซฟาไม่มีปี่มีขลุ่ย  พร้อมกับนำแก้วเหล้าที่เพิ่งรินไปใหม่นำไปเทินไว้บนท้องด้วย

"..ไม คงไม่ได้ถอนหายใจเรื่องไอ้โชหรอกมั้ง" ผมแซว  ไอ้โปรดนอนเงียบนิ่ง

"ตกหลุมรักใครรึไง" ผมเดา

"ครับ ผมอยากมีผัว" มันพูดด้วยน้ำเสียงแมน ๆ จนผมแทบสำลักบรั่นดีที่เพิ่มซัดเข้าปากไปเมื่อครู่

"หึหึ สัตว์" ผมกัดฟันสบถ

"หึหึหึ" ไอ้โปรดนอนหัวเราะชอบใจที่มันเห็นว่ามันสามารถทำให้ผมเป็นอย่างนี้ได้  ผมส่ายหัวก่อนซดบรั่นดีจนหมดแก้วทีเดียวอีกครั้งแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะก่อนถอนหายใจออกอย่างแรง

"ฉิบหายเอ๊ย แต่ละคน" ผมบ่นพร้อมกับนำมือขึ้นลูบหน้าตัวเองทั้งสองมือ  บางครั้งมันก็อัดอั้นตันใจในบางเรื่อง  ผมไม่มีปัญหาอะไรกับการที่ผู้ชายจะชอบผู้ชาย  และไม่เคยต่อว่าอะไรที่เพื่อนรักจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงด้วย  ถ้าต้องให้พูดอย่างเปิดเผยโลกของผมมันก็กึ่งชั่วกึ่งดี  จะให้บอกว่า.."ผมมันโคตรคนดีครับ มีเซ็กส์เฉพาะกับคนที่รักเท่านั้น" รึก็ไม่ใช่อยู่แล้ว  เซ็กส์ของผมที่เคยลิ้มลองมันก็ผสมปนเปกันไปทั้งหญิง  ชายหรือกะเทย  บางครั้งมันจำเป็นต้องลอง  หรือถ้าให้พูดแบบไม่อายปากก็คง.."อดไม่ได้ที่อยากจะลอง" ในบางสถานการณ์ 

สำหรับผมไม่ใช่ว่าใครจะมาอ้าขาเพราะผลประโยชน์จากผม  การอ้าขาที่ตรงหน้าหน้าผมแล้วผมจำเป็นต้องแสดงความเป็นชายออกไปในทุกกรณี  ใช่..ผมชอบเซ็กส์แต่ผมคิดว่าผมไม่ใช่คนที่หน้ามืดตามัวขนาดนั้น  ดังนั้น..กรณีอ้าขาต่อหน้าผม  ถ้ามาอ้าขาด้วยความคิดโง่ ๆ ที่ว่าคิดว่าผมโง่  สำหรับผมมันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย  ไม่จำเป็นด้วยว่านั่นเพศไหน 

แต่บางครั้งที่เกิดคำถามที่หาคำตอบไม่ได้คือ  ทำไมคนรอบตัวที่ผมสนิทสนมถึงได้ออกปากมาตรง ๆ ได้ว่า "ชอบผู้ชาย" ทั้งพายุเองก็สารภาพกับผมว่ามันชอบผู้ชายและคงไม่สามารถจะรักผู้หญิงได้  มันพูดทั้งที่ยังไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน  ส่วนไอ้โปรดเองแม้จะดูเป็นผู้ชายที่จัดว่าดูเป็นคนดี  ดูเป็นคนที่ถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลที่ดี  การแต่งตัวและมารยาทในสังคมที่มันสร้างขึ้นบังหน้านับว่าเป็นผู้ชายสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว  แต่มันก็แสดงให้ผมเห็นว่ามันกึ่งหญิงกึ่งชายมานานแล้ว  ผมเองก็ไม่มีปัญหาอะไรที่มันจะบอกว่ามันเป็นเสือไบ  แต่ก็อดสำลักทุกครั้งไม่ได้  ที่ได้ยินเพื่อนรักเอ่ยปากตรง ๆ ว่า "อยากมีผัว" อะไรทำนองนี้ 

ในมุมของผม  เหมือนกับพวกมันมีขอบเขตและกำลังรออะไรบางสิ่งบางอย่าง  แต่สำหรับผม  ผมคิดง่าย ๆ เพียงว่า..ความรักไม่มีขอบเขต  จะเพศไหนก็แล้วแต่แค่ทำให้ผมหลงรักให้ได้สิ..แค่นั้น  แต่ตอนนี้ผมก็แค่ยังไม่เจอใครที่จะมาเป็นขอบเขตให้ตัวผมได้ก็เท่านั้น

"หึ..เอาบุหรี่ให้หน่อย" มันพูดขึ้นแกมสั่ง  ผมถอนหายใจแรงเพราะขี้เกียจแต่ก็ต้องลุก  คิดว่าเป็นฝ่ายลุกไปง่ายกว่าให้ไอ้โปรดที่นอนด้วยท่าทางขี้เกียจนี้ลุกไปเอง  ผมลุกขึ้นไปหยิบบุหรี่ที่วางอยู่ตรงเคาร์เตอร์นำกลับมาให้ก่อนก้มลงเสียบเข้าไปที่ปากไอ้โปรดให้หนึ่งมวน  มันเหลือบตามองผมแล้วนอนนิ่งคาบบุหรี่ไว้อย่างนั้น

"เมื่อไหร่มึงจะเลิกสักที" ผมบ่นแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิมตรงเหนือหัวไอ้โปรด

"หึ..คนอย่างมึงเตือนกูได้ด้วยเหรอ" มันพูดแกมหัวเราะ

"ไฟ!" ไอ้โปรดสั่งเสียงดังเหมือนมันย้ำว่าผมยังทำหน้าที่ไม่เสร็จและมันขี้เกียจจะขยับตัวด้วย

"ไฟจากกู หรือไฟจากไหน" ผมกวนกลับ

"หึ..สัตว์" ไอ้โปรดกัดฟันด่า  มันยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว 

"ไฟจากมึงได้ก็ดีนะ แต่มึงต้องรูดซิบออกก่อน ไม่งั้นมันจุดไม่ถนัด" มันยิ้มเจ้าเล่ห์
 
"เหี้ย" ผมได้แต่ส่ายหัวยิ้มว่าอย่างหน่ายกับนิสัยแบบนี้ของมัน  ก่อนเอื้อมมือไปหยิบไฟแช็คแล้วโน้มตัวเข้าไปหาเพื่อจุดไฟให้  ไอ้โปรดเงียบไป  มันเหลือบสายตาขึ้นมามองหน้าผม  เราต่างฝ่ายต่างเงียบลง  ผมอมยิ้มมุมปากมองหน้ามัน  หน้าเราอยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียวแบบนี้มาหลายครั้งต่อหลายครั้งแล้ว  แต่ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรจะลึกซึ้งไปมากกว่านี้

"ไหม้แล้วไหมครับคุณไฟ" ไอ้โปรดพูดทั้งที่คาบบุหรี่อยู่  ผมแสยะหัวเราะเบา ๆ ก่อนปิดไฟแช็ค

"จูบกูหน่อย" มันพูดไม่ถนัดเพราะบุหรี่อยู่ในปาก  พร้อมส่งสายตามองผมอย่างยั่วอารมณ์

"มึงกล้าสั่งกูเหรอ" ผมแสยะปากถามกลับ  ไอ้โปรดอมยิ้มไม่ตอบ  มันมีสายตาเศร้า ๆ ลงในทันที  บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันกำลังคิดหรือวิตกกังวลอะไรอยู่  แต่ผมก็ไม่เคยถามหรอก  ผมคิดว่า..สักวันถ้ามันอยากให้ผมรู้  ผมก็คงจะรู้เอง

ผมถอนหายใจก่อนหยิบบุหรี่ออกจากปากไอ้โปรดช้า ๆ แล้วก้มหน้าลงไปใกล้  อีกฝ่ายเริ่มเหลือบตาลงทีละน้อย  ผมก้มหน้าลงก่อนจะประกบปากจูบไอ้โปรดไปเบา ๆ  มันเผยปากรับจูบผมในทันที  หลายครั้งที่อดคิดไม่ได้ว่าปากมันนุ่มดีฉิบ  แต่ก็ไม่เคยคิดอะไรไปมากกว่านี้  ไม่เคยมีความรู้สึกที่มากกว่าเพื่อนเลย  ผมรักมันมาก  ห่วงและหวงมันในแบบเดียวกันกับที่มีให้ไอ้โช  ถึงสักวันผมจะได้มันทำเมีย  ผมคิดว่าความรู้สึกของผมก็คงจะยังเหมือนเดิม  และผมเองก็รู้ว่าไอ้โปรดก็ไม่ได้คิดอะไรพิเศษกับผมไปมากกว่าเพื่อนรักเช่นเดียวกัน  ถ้ามันจะเปลี่ยนไป  ผมคิดว่า..ผมที่คบมันมานานจะต้องรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นได้อย่างแน่นอน

เราเริ่มจูบกันหนักขึ้น  ลิ้นเริ่มสอดแทรกลุกล้ำเข้าไปจนได้ยินเสียงครางออกมาจากอีกฝ่าย  มือของไอ้โปรดจับประคองคอผมไว้น้อย ๆ หลายครั้งที่ผมเองก็อดใจไม่ให้จูบมันไม่ได้เวลาที่ถูกมันสั่ง  เพราะต้องยอมรับว่าผมชอบจูบกับมัน  มันรู้หลักว่าควรเป็นผู้ตามเมื่อไหร่  ควรจะนิ่มนวลตรงไหนและควรจะรุนแรงตรงไหนในแบบทำนองเดียวกันกับผม  ดูท่ามันจะรู้ดีว่าผู้ชายแบบไหนชอบรุกจูบอย่างไรก็ด้วย 

ผมย้ำจูบหนักขึ้นกว่าเก่าและแกล้งหยอกล้อมันโดยการสอดลิ้นเข้าไปโดนจุดอ่อนของมันจนไอ้โปรดสะดุ้งและครางดังออกมา  เราต่างเผยปากออกช้า ๆ และลืมตามองหน้ากัน  ผมแสยะยิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจที่เห็นลิ้นไอ้โปรดเพิ่งชักกลับเข้าไปในปากอย่างยั่วอารมณ์  เราจ้องหน้ากันนิ่ง ๆ ไอ้โปรดแก้มเริ่มแดง  มันแสยะยิ้มออกมาคล้ายพอใจ

"เงี่ยนหนักเลยสินะมึงน่ะ ไปเอาออกบ้างก็ดีนะ" ผมแซวแล้วลุกขึ้นกลับมานั่งที่เดิม  ไอ้โปรดพลิกตัวตะแคงหันหน้ากลับมาทางผม  มันดึงบุหรี่กลับไปสูบทันที  บุหรี่ก็ไม่ยอมปล่อย  แก้วเหล้าก็ไม่ยอมวาง

"กูว่า..มึงกับกูลองมาได้กันจริง ๆ ดูไหม" มันพูดคิ้วขมวดด้วยท่าทางจริงจังพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกมาเหมือนกับคิดไม่ตกกับปัญหาโลกแตก  ผมนั่งนิ่งพยายามไม่ขำท่าทางของมันที่กำลังกวนตีนผมอยู่

"เคมีน่าจะเข้ากันอยู่นะ เมื่อกี้นี้..เล่นเอาซะท่อนล่างกูร้อนวูบวาบเลย" ไอ้โปรดบ่น

"หึหึหึ" ผมอดหัวเราะไม่ได้จริง ๆ มันบอกว่าไอ้โชเพี้ยน  ผมว่ามันน่ะขั้นสูงกว่าไอ้โชซะอีก

"กล้าให้กูเอาจริง ๆ ไหมล่ะ" ผมหุบยิ้มพูดย้อนไปงั้นแล้วหยิบขวดบรั่นดีมารินเพิ่ม 

"No, thanks! I don't wanna get burnt.. บาย~" มันเบะปากด้วยท่าทางขยาดพร้อมปัดมือทำหน้าใส่ผมแล้วหันกลับไปนอนในท่าเดิมอีกครั้ง  ผมหัวเราะขึ้นจมูกเล็กน้อยกับท่าทางของมัน  ไอ้โปรดเงียบไป  ผมแอบมองและรู้ทันทีว่ามันคงกำลังคิดอะไรอยู่แน่  ไอ้โปรดทอดสายตาไปบนเพดานอีกครั้งแล้วนอนสูบบุหรี่โดยมีแก้วเหล้าอยู่บนตัวอยู่อย่างนั้น  เราต่างฝ่ายต่างเงียบลงไปครู่หนึ่ง  ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเมื่อยปากจะพูดแล้ว

"ถ้าคนที่กูรักบอกให้กูเลิก..กูก็คงจะเลิกอยู่ล่ะน้า~" ไอ้โปรดพึมพำขึ้นคล้ายกับบ่นกับตัวเองเท่านั้น  หรือที่จริงมันอาจจะอยากบ่นบอกใครสักคนก็ได้ละมัง

"ไม่ใช่กูหรอกใช่ไหม" ผมชักเริ่มระแวง 

"แหม..หลงตัวเองไปแล้วครับไอ้คุณไฟ มึงไม่ได้เห็นง่ามขาสวย ๆ ของกูหรอก" มันย้อนทันควันด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส  ผมนี่ถึงกับกลั้นหัวเราะ

"งั้นสมัยเรียนรด.ที่กูเห็นไปชักว่าวกับไอ้ตั้มในห้องน้ำนั่นก็ไม่ใช่ง่ามขามึงสินะ" ผมย้อนซะเลย

"หึ..ไอ้สัตว์!" ไอ้โปรดสบถด่าเสียงดังแต่ปากเสือกยิ้มกว้างเหมือนเขิน ๆ วันนั้นเป็นวันหลังจากที่ผมรู้แล้วว่าไอ้โปรดสามารถชอบผู้ชายได้ด้วย  ที่จริงผมควรจะช็อกที่เพื่อนสนิทผมชอบผู้ชายน่ะนะ  แต่กลับกลายเป็นว่าผมดันไปช็อกที่ไอ้โปรดเข้าไปมีอะไรกับไอ้ตั้มในห้องน้ำ  ซึ่งไอ้ตั้มเป็นคนที่ดูเป็นผู้ชายปกติทั่วไป  แถมยังเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วย  ในสายตาของผมแล้วมันก็คือผู้ชายแมน ๆ คนหนึ่งที่ไม่น่าจะหวนเหเรรวนอะไรได้  ผู้ชายที่ดูจะใช้ชีวิตปกติธรรมดาไปวัน ๆ ผมคงจะไม่ช็อกอะไรเท่าไหร่นักถ้าระหว่างที่พวกมันทำกันอยู่  ไอ้โปรดที่เป็นฝ่ายอ้าขาชันขึ้นและดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเชิญชวนให้อีกฝ่ายกระทำมันซะ  กลับกลายเป็นว่าตอนที่ไอ้ตั้มจัดการว่าวของตัวเองจนเสร็จกิจแล้ว  ไอ้โปรดดันเป็นฝ่ายจับไอ้ห่าตั้มแล้วเสียบซะอย่างนั้น  ฟีโรโมนของไอ้โปรดที่ดูท่าจะอยากได้ไอ้ตั้มทำเมียในวันนั้นฟุ้งทั่วห้องน้ำไปหมด  คือผมคงจะไม่ขาอ่อนหรอกถ้าสองคนมันมีท่าทีที่แมนเสมอกัน  แต่เปล่าเลย..ถ้าเทียบระหว่างไอ้โปรดกับไอ้ตั้มละก็  ไอ้โปรดดูเรียบร้อยกว่ามากทีเดียว

"มึงอย่าพลาดนะไอ้ไฟ..มึงอย่าพลาด" ไอ้โปรดหมายหัวทันที

"หึหึ" ผมหัวเราะในลำคอ 

"งั้น..ถ้าอีกฝ่ายบอกให้มึงเลิก มึงก็จะเลิกเลย" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อเพราะมันค่อนข้างดื้อไม่เบา

"...ก็ถ้าเค้า ....รักกูน่ะนะ" มันเอียงตัวก้มหน้าลงเหมือนคิดหนักอะไรสักอย่าง  ผมสังเกตเห็นว่าเพื่อนผมมันมีอาการแบบนี้ได้สักพักใหญ่แล้ว  มีอะไรสักอย่างที่ดูเป็นความลับในใจแต่กลับไม่พูดระบายออกมาตรง ๆ ทั้งที่ปกติมันมีอะไรอึดอัดนิดเดียวมันจะรีบระบายออกมาเลยแท้ ๆ เราสามคนเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเวลาที่รวมตัวกัน  เรามีอะไรเราก็จะปรึกษากันเพราะเหมือนชีวิตที่โตมานั้นคล้ายกันจึงมีความเข้าอกเข้าใจกันโดยพื้นฐาน  แต่มีสิ่งนี้สิ่งเดียวที่ผมสังเกตมาได้พักหนึ่งและไอ้โปรดยังคงเลือกที่จะบ่ายเบี่ยงทุกครั้งไป

"กูก็พร้อมจะเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ เลย เหมียว~" มันยิ้มทำเสียงพูดเปล่า  เสือกขยิบตาแล้วทำมือเหมือนแมวข่วนประกอบให้ดูอีก

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะ  ไอ้โปรดยิ้มกว้าง 

"คน ๆ นั้น ที่มึงอยากให้เห็นง่ามขามึงอะนะ" ผมอมยิ้มพูดให้หายเครียด

"หึ..หึหึ" ไอ้โปรดกลั้นหัวเราะตัวสั่นเลยทีเดียว 

ไอ้โปรดจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ได้หล่อเหลาอะไรมาก  ถ้าเทียบระหว่างพายุกับมันผมว่าพายุหล่อกว่ามาก  หน้าของพายุถ้าจะไม่เข้าข้างน้องจนเกินไปมันก็จัดว่าเป็นดาราได้เลย  สมบูรณ์แบบทุกอย่างจนหลายครั้งมีคนมาติดต่อให้มันไปแคสติ้ง  แน่นอนว่าปฏิเสธอยู่แล้ว  ปกติน้องชายผมมันคุยกับใครแปลกหน้าที่ไหน  ซึ่งถ้าให้เทียบรูปลักษณ์ดูดีภูมิฐาน  ไอ้โปรดมีมากกว่าพายุ  มันเป็นคนที่ดูแลตัวเองเนี้ยบมาก  ทั้งเรื่องผิวพรรณรูปร่างทั้งหมด  ทรงผม  แฟชั่นก็บ้าพอ ๆ กันกับพายุ  มันสูงเท่า ๆ กับพายุ  พายุสูงกว่าไอ้โปรดหน่อยแต่ก็เตี้ยกว่าผมอยู่ดี  หุ่นไอ้โปรดไม่ได้สมส่วนสวยสง่าเหมือนพายุแต่ก็ต้องยอมรับว่าหุ่นมันก็ดีไม่เบามาตั้งแต่สมัยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำแล้ว  มันได้แดกทั้งตุ๊ดและเกย์ในโรงเรียนก็เพราะการเป็นนักว่ายน้ำของมันนี่ละ  หุ่นมันกำลังพอดีมือ  หน้าอกก็เป็นกล้ามที่สวยมาก  ร่างของมันไม่ใหญ่จนเกินไปแต่ก็ไม่เล็กและไม่กลางจนดูไม่มีอะไร  คือเกินขนาดกลางที่สมส่วนพอดี  ก็ถ้ามันยอมจริงจังว่าอยากนอนกับผมแล้วละก็  ผมก็คงจะสำรวจร่างกายมันทั้งคืนเลยละมั้ง

ด้วยความที่มันเป็นคนช่างบริการ  พูดเก่ง  หูตาแพรวพราว  ทันคนและรู้จักพูดก็เลยยิ่งเป็นคนมีเสน่ห์และน่าหลงใหลไปใหญ่  ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ถ้าไม่สนิทด้วย  แต่ถ้าอยู่กับไอ้โปรดจะพูดมากเป็นพิเศษเพราะอยู่กับมันแล้วสบายใจดี  มากไปกว่าที่กล่าวมา  มันรู้เล่ห์เหลี่ยมในการหลอกคนอื่นโดยปกปิดตัวตนที่แท้จริงของมันในบางครั้งทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย  บางครั้งการปกปิดรสนิยมของมันก็สามารถควงผู้หญิงไปนอนที่โรงแรมได้อยู่หลายครั้ง  ผู้หญิงบางคนถึงแม้รู้ว่าไอ้โปรดเป็นแบบนี้แต่ก็เต็มใจอยากนอนด้วย  มันก็มีเมียเป็นผู้ชายบ้าง  มีผัวบ้างซึ่งผมก็หายช็อกไปตั้งแต่ได้เห็นมันแดกไอ้ตั้มในสมัยมัธยมแล้ว  แต่ทั้งหมดที่ว่ามา..ผมรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเพื่อนผมต้องการอะไร  ที่ผ่านมามีไม่กี่คนเท่านั้นที่มันคบได้นานถึงห้าหกเดือน  มันเคยพูดกับผมและไอ้โชว่า.."ทั้งที่กูว่ากูน่าจะชอบคนนี้มาก ๆ ทำไมกูยังอดแอบไปมีคนอื่นไม่ได้อีกนะ ทำไมถึงได้เบื่อวะ" ผมว่านี่มันไม่ใช่เรื่องตลก  สำหรับผมที่สังเกตใบหน้าของไอ้โปรดตอนที่พูดเรื่องนี้ในตอนนั้น  บอกได้เลยว่ามันไม่ใช่คนมักง่ายขนาดที่จะไม่วิตกกังวลในเรื่องนี้  ดูมันเครียดและไม่เป็นตัวของตัวเองเลย  หลังจากที่มันเลิกกับแฟน  พอเลิกไปมันก็ไม่มีใครอีก  เว้นไปสักระยะก็เที่ยวไปเรื่อย ๆ จนคบกับคนใหม่ได้สักประมาณห้าหกเดือนก็เลิกอีก  วนไปวนมาอยู่อย่างนี้จนผมเองยังชินแทน  ผมไม่เคยพูดบอกมันหรอกว่า.."ผมก็หวังว่าสักวันมันจะเจอคนที่ใช่"  มันจะได้เลิกบินกลับมาไทยแล้วร้องไห้ให้ผมเห็นสักที

"ระหว่างที่ยังหาไม่ได้ มึงก็ให้เทรนเนอร์บริหารง่ามขาดี ๆ แล้วกัน..ถึงวันนั้นจะได้มั่นใจแหกให้เค้าดู" ผมพูดเสียงเรียบ

"ไอ้ไฟ!..จังไรวะแม่ง!!" ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้นด่าเสียงหลงเลยทีเดียว  มันอมยิ้มเขิน  ผมยักคิ้วตอบให้

"ถ้ากูเดาไม่ผิด อีกฝ่าย..ชายแท้แน่ ๆ" ผมแสยะยิ้มอย่างรู้ทัน  ไอ้โปรดเงียบไปเลย

"ก็ไม่เชิง" ไอ้โปรดพูด  ถ้ามันพูดขนาดนี้แสดงว่าคงมีเป้าหมายแล้ว  ผมไม่ถามข้อมูลต่อ  เราต่างเงียบลงทั้งคู่  นี่บอกเป็นนัยว่าที่ผมเดานั้นไม่ผิดแน่

"และก็..มึงอยากโดนเค้าฟันจนขาอ่อน เดินลงจากเตียงไม่ได้" ผมเหลือบมองเพื่อนผมด้วยสายตารู้ทัน  ไอ้โปรดบ้าเซ็กส์  มันเองก็ไม่เคยปิดบังเรื่องนี้ทั้งกับผมหรือใคร  ไอ้โปรดนิ่งไป  เราต่างจ้องหน้ากันเงียบ ๆ 

"....มึงว่า...." มันพึมพำขึ้น  ผมนั่งฟังอย่างตั้งใจว่ามันจะพูดอะไร

"....เค้าจะชอบง่ามขากูไหม" มันพูดขึ้นเหมือนไม่ลดละที่จะกวนอารมณ์ผมและก็ทำให้เรื่องนี้เป็นหัวข้อที่ไม่ซีเรียสไปโดยปริยาย  เราหัวเราะกันดังลั่นหลังจากนั้น  เหมือนต่างคนต่างควบคุมความคิดเอาไว้ไม่อยู่แล้ว...   



........ (ไฟ) .........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2015 14:05:58 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
«ตอบ #5 เมื่อ01-10-2015 00:14:32 »

...
คนอ่านท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านการชี้แจงจากเบบี้ รบกวนอ่านก่อนด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
...

ในการลงตอนที่ 1 นี้ค่อนข้างยาวมากเพราะเป็นการเล่าตัวละครสำคัญเบื้องต้น  ตอนต่อ ๆ ไปคงไม่ยาวเท่านี้ค่ะ  ส่วนตอนที่ 2 อาจจะมาลงให้ภายในไม่เกิน 7-8 วันนะคะ  ถ้าผิดพลาดยังไงจะมาบอกล่วงหน้าอีกทีค่ะ


ฝันดีผีรอบเตียง  :katai3: (คนเขียนร่างพังขอไปนอนบ้าง)
เบบี้ ^ - ^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2015 01:09:38 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
Re: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก
«ตอบ #6 เมื่อ01-10-2015 00:53:02 »

เวลคั่มแบคคคคค
ยินดีต้อนรับการกลับมานะเบบี้
หายไปนานมากจริงๆ
กรอเรื่องเก่าอ่านหลายรอบแล้ว ^^
ไฟท์ติ้ง

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
มาแล้ววววววววว
ยินดีต้อนรับการกลับมาค่าา

ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Welcome Back!!! kaaaa ^^

อ่านแล้วเดาทางกันไม่ถูกเลย XD

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ขอต้อนรับกลับสู่เล้านะจ๊ะเบบี้  :mc4: :mc4: :mc4:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig2: เรื่องใหม่ลงยาวจุใจมาก

ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยาวมากจริงๆ แต่ละครมาให้พรึบ เดี๋ยวคงจำได้เอง

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ NOPKAN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-1
กรี๊ดดดดดดดดดด เรื่องใหม่

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
ดีใจได้เห็นเบบี้ในเล้าอีกครั้งหลังหายไปนาน @^^@ รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
 :z13: :z13: :z13: เจิมเรื่องใหม่ของเบบี้เลยค่ะ
เรารู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างจากสมุทร!!! ง่อววววววววว
มันต้องมีอะไรแน่ๆ พี่สมุทรเราคงจะเป็นพระเอก  :-[

ออฟไลน์ โซดาหวาน

  • ชอบเกาหลี , คลั่ง วาย ~ , ♥ รักประเทศไทย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-1
กรี้สสสร้องไปแปดตลบ เบบี้เปิดเรื่องใหม่
ดีใจอ่ะ รอมานาน 55555

ออฟไลน์ bvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เบบี้กลับมาแล้วววว :mew1:

ออฟไลน์ PiiNaffe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
กรี๊ดดดด กลีบมาแล้วหายหน้าหายตาไปนานเลยนะคะ นี่จัดอยู่นักอ่านหน้าเก่า คือตามตั้งแต่เรื่องแรกยันเรื่องสุดท้าย แอบคิดถึงเบาๆ  :hao7:

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องใหม่ค่ะ.. :กอด1:

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
เบบี้กลับมาแล้ววว เย้เย้

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
วิ่งมาอ่านช้าไปหน่อย ..เรื่องเริ่มน่าติดตามแล้วค่ะ ว่าแต่เปิดจองวันไหนคะเบบี้ 55555

ออฟไลน์ Tiamo_jamsai

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 961
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +126/-9
พี่บี้กลับมาแล้วววววกรี๊ดค่าาาาคิดถึงมากกกกกด :z2: :hao7:

ออฟไลน์ eddiam

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
คิดถึงนิยายเบบี้ที่สุดเลยยยย❤️❤️

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ pukpra

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-0
เบบี้คัมแบ็ค เย้ ฉลองๆ

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
ดีใจที่เห็นคุณเบบี้มาแล้วววววววว  กรี๊ดดดดดดด
รอตอนต่อไปรัวๆเลยค่ะ เดาไม่ถูกเลย  ไฟกับโปรดนี่อันตรายยยยยย

ออฟไลน์ michiko_love

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-3
กี๊สสสสสส ดีใจ คิดถึงมากจ้า  :mew1:

ออฟไลน์ mayuree

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 443
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-4
จุดพลุฉลองเลยจ้า ดีใจที่เจอกันสักทีนะเบบี้   :กอด1: :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด