...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 744087 ครั้ง)

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ความรักของคู่นี้ต้องขอบคุณคุณพงศ์มากๆ

จันทร์โชคดีจริงๆ ที่มีเพื่อนแบบคุณพงศ์

ออฟไลน์ nonnon04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จันทร์เจ้าเมาแบบนี้หมอต้องลงโทษนะคะ  :hao7:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
หมอกับจันทร์หายไปไหนอ่ะ น่าคิดจังเลย รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ

ออฟไลน์ PPink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โอ้ยยยยย น่ารักมาก พี่อาทิตย์คือสุดยอดพี่ชายจริงๆ ถ้ามีพี่ชายแบบนี้คงดีไม่น้อย

ความเป็นห่วงกันและกันของจันทร์กับหมอนี่ดีกับใจจริงๆ โอ้ย น่ารัก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เส้ดแน่ๆ 555

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
อ่านรวดเดียวจบเลยสนุกมากมาย

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ค่อยๆผ่านไปทีล่ะคน

ให้พักหายใจหายคอหน่อย

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
พากันหายไป/หนจ้ะ

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
หายไปไหนๆๆ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
พี่น้องเข้าใจกัน คนอ่านก็สบายใจค่ะ
แต่พอพี่น้องเข้าใจ จันทร์ก็ร่าเริงเชียว
หมั่นไส้เล็กๆ 555


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
จันทร์มีเพื่อนที่ดีมากทุกคน มีพี่ชายที่รักน้องมาก มีน้องสาวทีีรักแล้วก็เข้าใจพี่ชาย จันทร์โคตรอบอุ่นเลย :L1: :L1:

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
พี่อาทิตย์น่าร้ากที่ซู้ดดดดดด :hao7:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
รอวันคืนความสุขให้หมออออออ ขอบคุณพี่น้องรักษพิพัฒน์ที่เข้าใจ ปอลิง คิดถึงถ้วยฟูจังค่าคุณบัว

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
คืนความสุขให้คุณหมอออ
แอร๊ยยยย
ยินดีด้วยนะคะหมอขอ ขอให้หมอโชคดี
คริคริ อาฮิอาฮิ
พี่อาทิตย์ดีมาก ฮืออ คุณพี่รักน้องมาก
พี่น้องรักกันดีมากอ่ะ ปลื้มมมม

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คุณหมอกับคุณจัยทร์หายไปไหนกันนนนน
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
เรื่องนี้สีลูกกวาด

พี่อาทิตย์ใจอ่อนแล้ว

ออฟไลน์ lucifermafis

  • ชีวิตไม่มีไรทำ นั่งชิปนั่งจิ้นไปวันๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอาจริงๆเหมือนจันทร์เอาถ้วยฟูกับจอมมาผสมกันเลยอ่ะ  :hao3:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


ยินดีกับทุก ๆ คนอย่างที่สุด แต่ที่ปลื้มใจและเตรียมยินดีล่วงหน้าคือคุณหมอนี่แหละที่จะได้ชื่นชมดวงจันทร์ใกล้ ๆ เสียที
หมดทุกข์หมดโศกกันแล้วนะคะทุก ๆ คน ขอให้หลังจากนี้ คู่รักทุก ๆ คู่ รวมทั้งคุณพงศ์ มีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาทำให้สุขสันต์ไปเรื่อย ๆ

รออ่านตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อเลยค่ะ
อยากคืนความสุขให้คุณหมอเร็ว ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า  :กอด1:


ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
มาปูเสื่อรอ

คุณหมอ กับ คุณจันทร์

อิอิ  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

คุณจันทร์ จะคืนความสุข ให้คุณหมอ(?)  :hao7:
อ๊ายคุณจันทร์เมาแล้ว... :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาจองที่นั่งค่ะ เดี๋ยวถ้าคนเบียดกันเยอะ
จะมุดไปใต้เตียงหมอเลยค่ะ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
บทที่ ๒๒


   ที่ระเบียงด้านนอกนั้นปราศจากผู้คน แสงไฟจากหน้าต่างกระจกห้องจัดเลี้ยงส่องสว่างมาอย่างสลัว ส่วนที่สวนถัดออกไปจากระเบียงก็มีไฟประดับระยิบระยับ เสียงเพลงบรรเลงจากด้านในดังลอดออกมาพอให้ได้ยินเบาๆ แต่กระนั้นตรงนี้ก็ยังสงบมากนัก


   จันทร์จ้าววางแขนลงกับรั้วระเบียงแล้วสูดลมหายใจลึกๆอย่างปลอดโปร่ง เขากวาดตามองสวนภายนอกที่มืดสลัวขับแสงระยิบของไฟประดับให้โดดเด่นแล้วจึงเอ่ยขึ้นมากับคนข้างกายที่ออกจากห้องจัดเลี้ยงมายืนเคียงกัน


   “นึกยังไรไปตามผมจากกลุ่มเพื่อนพี่อาทิตย์ออกมาตรงนี้ล่ะหมอ” คนถามเหลือบมองเล็กน้อยแล้วยกยิ้มที่มุมปากราวกับจะหยอกเย้า


   “ข้างนอกอากาศปลอดโปร่งน่ะครับ” คำตอบดูเหมือนจะไม่ตรงคำถาม แต่จันทร์จ้าวทำเป็นเออออเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดที่มีแสงจันทร์และดวงดาวระยิบ


   “ก็จริง อากาศดีเหมือนวันนั้น...” เขาพูดทิ้งไว้เพียงเท่านั้นก็เหลือบตาลงมองสวนของวัง


   “แต่วันนี้วังฉัตรแต่งไฟสวยกว่าเมื่อครั้งงานเลี้ยงต้อนรับผมแยะ” ภวัตหันมามองเสี้ยวหน้าของคนพูดที่ยังจับจ้องสวน


   “วันนั้นเราก็ออกมาที่นี่เหมือนวันนี้ จำได้ไหมครับ” จันทร์จ้าวหันมามองคนถามแล้วหัวเราะเบาๆจนเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย


   “จำได้ซี วันนั้นหมอโกรธผมด้วย”

   “คุณทำตัวน่าโกรธ ไม่โกรธจะไหวหรือ”


   “ก็หมอไม่ตามใจผม ดุผม ทำเสียงแข็งใส่ผม บังคับผมออกมาตรงนี้เหมือนวันนี้เลย” จันทร์จ้าวรำลึกความหลังพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ถึงแม้ครั้งแรกที่พวกเขายืนด้วยกันตรงนี้ เขาจะทั้งเจ็บใจและเสียใจไหนจะเจ็บแผลหกล้มที่หัวเข่าอีก ส่วนภวัตก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน เพราะทั้งดุทั้งขรึมใส่เขาเป็นคนละคนกับวันนี้


   “ที่ผมบังคับคุณวันนั้นเพราะคุณจะดื่มเหล้าทั้งๆที่แผลยังไม่หายดี ส่วนที่บังคับคุณวันนี้ก็เพราะเห็นว่าคุณดื่มมามากแล้ว” ภวัตพูดด้วยความห่วงใยซึ่งคนฟังรับรู้ได้ ดวงตากลมใหญ่ที่ทอดมองคนพูดจึงเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและขอบคุณ แต่อึดใจต่อมาก็ทำเป็นยักไหล่ต่อรอง


   “แต่วันนี้วันดี งานแต่งพี่ชายผม ก็ให้ผมดื่มมากหน่อยไม่ได้หรือ ผมรับรองว่าเมาแล้วจะไม่เป็นภาระใคร จะไม่ก่อความวุ่นวาย จะไม่ทำให้หมอเดือดร้อน”


   “นี่ขนาดไม่ก่อความวุ่นวาย ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คุณพงศ์ยังต้องมาบอกให้ผมมาดูคุณ เพราะคุณดื่มมากจนเธอเป็นห่วง” คำพูดของนายแพทย์ภวัต ทำเอาคนฟังเหลือบตามองกลับเข้าไปในงานเลี้ยงผ่านทางหน้าต่างกระจก เห็นหม่อมหลวงพงศ์ภราธรมองตรงมาทางนี้ก็ถลึงตาใส่ทีหนึ่ง แต่ฝ่ายนั้นทำเป็นหัวเราะไม่รู้สึกรู้สา


   “คุณพงศ์นี่ชักจะจุ้นจ้าน ไว้สักวันผมจะหาคู่ให้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปเสียเลย คุณผู้หญิงที่นั่งร่วมโต๊ะกับคุณชายฉัตรก็รูปงาม หมอว่าเหมาะกับคุณพงศ์ไหม” ภวัตขมวดคิ้วน้อยๆเพื่อใคร่ครวญว่าใครร่วมโต๊ะกับหม่อมราชวงศ์ฉัตร โต๊ะนั้นดูจะเป็นราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์ ล้วนมีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ที่เห็นจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขาก็มีอยู่เพียงแค่คนเดียว ชายหนุ่มทำตาดุใส่คนข้างกายแล้วส่ายหน้าปราม


   “พูดอะไรอย่างนี้ นั่นน่ะหม่อมเจ้าอินทิรานะครับ”


   “แล้วอย่างไรล่ะหมอ คุณพงศ์ก็หม่อมหลวง” นายแพทย์หนุ่มส่ายหน้าอีกหน จันทร์จ้าวนั้นมีเพื่อนเป็นราชนิกูลก็จริง แต่ดูเจ้าตัวจะไม่รู้เรื่องการเรียงลำดับชั้นเลยแม้แต่นิด แต่จะให้เขามาสอนกันตรงนี้ก็เห็นจะไม่เหมาะ ดีไม่ดีคนข้างกายที่กำลังอารมณ์ดีกับงานมงคลของพี่ชายคนใหญ่อาจจะอารมณ์เสียตะพึดตะพือเพราะหาว่าเขาจ้องจับผิดก็เป็นได้


   “เลิกพูดเรื่องคนอื่น แล้วก็เลิกพูดเรื่องจับคู่ให้คุณพงศ์ด้วย ที่คุณพงศ์เธอไหว้วานให้ผมมาดูคุณเพราะเธอเป็นห่วงคุณ...” นายแพทย์หนุ่มเอ่ย และเพียงเท่านั้นคนหัวไวก็ย้อนเสียทันควัน


   “แล้วหมอห่วงผมไหม” คนถูกถามนิ่งไปอึดใจ พวกเขาคบหากันมาได้พักหนึ่งแล้ว แต่กระนั้นภวัตก็ไม่ใคร่จะพูดความรู้สึกอันหวามไหวออกมาให้ได้ยินเอาเสียเลย เรื่องคำว่า ‘รัก’ ไม่ต้องพูดถึง จันทร์จ้าวคิดว่าจนชั่วชีวิตเขาก็คงไม่มีวันได้ยิน แต่กระนั้น ทุกการกระทำที่อีกฝ่ายมีต่อเขา ก็เป็นการแสดงชั้นดีที่บอกให้ทราบว่ารู้สึกต่อกันเช่นไร แต่...จันทร์จ้าวคนโลภ พักหลังมานี่ชักอยากได้ยินด้วยหูบ้างเสียแล้ว


   “บอกให้ผมชื่นใจหน่อยซี ผมได้ยินมาแยะแล้ว ว่าใครห่วงผมบ้าง มีแต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมนี่ล่ะ เคยพูดกับผมบ้างไหม ว่าห่วงกันเท่าไร” คนช่างประจบอย่างจันทร์จ้าวย่อมมีวิธีพูดให้คนฟังทั้งเห็นใจ ทั้งเอ็นดูไปในคราวเดียวกัน และหมอภวัตเองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่ไม่อาจต้านทานการเรียกร้องนี้ได้เช่นกัน


   เขาได้แต่ก้มหน้าลงต่ำ รู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมานอกอก การอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดไม่ใช่งานถนัดของเขาเลย แต่...ถ้าจันทร์จ้าวยืนยันว่าอยากได้ยินคำนี้จากเขา...เขาก็...


   “ถ้า...ไม่ห่วง...คงไม่ไปตามคุณออกจากกลุ่มหรอกครับ กลุ่มเพื่อนของคุณอาทิตย์กลุ่มนั้น ดื่มเก่ง บางคนดื่มหนักจนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลก็มี...” ช่างเป็นการส่งผ่านความห่วงใยด้วยเหตุผลข้างท้ายที่เรียกเสียงหัวเราะเหลือเกิน ดวงหน้าขาวหัวเราะเบาๆแต่ก็ยังเห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้าย ดวงตากลมใหญ่พราวระยิบ


   “กลัวผมดื่มหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเหมือนกันหรือ? ไม่รู้หรือไรว่าผมมีหมอประจำตัว รู้จักไหม หมอที่ชื่อภวัตน่ะ” ดวงตาของเขาจับจ้องดวงหน้าของนายแพทย์หนุ่มจนคนถูกจ้องนึกเขิน ภวัตได้แต่เม้มปากสะกดกลั้นอารมณ์ในอกที่อยากจะรั้งเจ้าของสายตากรุ้มกริ่มเข้ามากอดด้วยความรักและหวงแหน แต่เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่รโหฐาน สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการหมุนตัวจะเดินหนี แต่มือขาวกระตุกชายเสื้อสูทเอาไว้


   “จะไปไหน ผมเมานะหมอ จะทิ้งผมไว้ตรงนี้คนเดียว เกิดผมเป็นลมเป็นแล้งล้มลงกับพื้น ใครจะมาช่วย หมอเคยทิ้งผมไว้ตรงนี้แล้วทีหนึ่ง ผมไม่ให้หมอทิ้งผมที่เดิมเป็นครั้งที่ ๒ หรอกนะ” ฟื้นฟอยหาตะเข็บด้วยสีหน้ายียวน ภวัตเหลือบตากลับมามองแล้วถอนหายใจอย่างระอาใจกับคนเอาแต่ใจ


   “คุณนี่จริงๆเลย...” เขาบ่นเบาๆ แต่ก็ยอมกลับมายืนริมระเบียงเคียงข้างจันทร์จ้าวที่เดิม หูได้ยินเสียงหัวเราะสมใจของคนข้างกาย นึกอยากจะรั้งมากอดแล้วจูบหนักๆที่ข้างขมับ แต่สิ่งเดียวที่ทำได้ในเวลานี้คือวางมือลงบนราวระเบียงให้ปลายนิ้วสัมผัสกับมือของจันทร์จ้าวเบาๆ แล้วเพียงเท่านั้น คนข้างกายของเขาก็ไม่มีเสียงหัวเราะให้ได้ยิน แต่ก็ยอมวางมือเอาไว้เช่นนั้นให้ปลายนิ้วของเขาสัมผัสอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน

.............................................


   หลังพิธีส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอีกพักใหญ่ๆ ก่อนที่แขกเหรื่อจะเริ่มทยอยกลับ ท่านนายพลศักดิ์ และคุณหญิงจิตต์ วิชาญโยธินกลับไปโดยที่ไม่มีบุตรชายคนใหญ่กลับไปด้วย จันทร์จ้าวก็เพิ่งทราบเดี๋ยวนั้นว่าภวัตไม่ได้มาพร้อมบิดามารดา แต่มาจากโรงพยาบาลดังนั้นจึงใช้รถคนละคัน หรืออีกนัยหนึ่งคือภวัตไม่ได้กลับไปเหยียบบ้านวิชาญโยธินอีก นับจากที่ไปประกาศกับบิดาเรื่องจะไม่แต่งงานนั่นเอง วันนี้แม้นายพลศักดิ์จะยังมึนตึงใส่บุตรชายคนใหญ่อยู่ แต่ก็ไม่ทำให้พิธีมงคลต้องหม่นหมอง เพียงแต่แทบจะไม่มองหน้าบุตรชายของตนก็เท่านั้นเอง



หลังจากแขกชุดสุดท้ายที่กลับไป บ้านรักษพิพัฒน์ก็ถึงเวลากลับเช่นกัน ทั้งท่านนายพลเดช คุณหญิงผกา ดารารัษมี นภาสรวงและจันทร์จ้าวมายืนกันอยู่ที่ข้างรถ ใกล้ๆกันนั้นมีหม่อมหลวงพงศ์ภราธรและหมอภวัตยืนอยู่ด้วย ท่านนายพลร่ำลาเรียบร้อยก็ขึ้นนั่งที่ตำแหน่งคนขับ คุณหญิงผกาจึงหันมาทางบุตรชายคนรองที่หล่อนเข้าใจว่าจะกลับไปนอนที่บ้านเช่า


“พ่อจันทร์ก็กลับพร้อมแม่เสียเลย อย่างไรก็ต้องผ่านหน้าบ้านเช่าอยู่แล้ว”


จันทร์จ้าวเหลือบตามองนายแพทย์หนุ่มที่ทำทีไม่ยอมกลับไปพร้อมบิดามารดา ถึงแม้ภวัตจะนำรถมาเอง แต่จะกลับไปพร้อมกับท่านนายพลศักดิ์และคุณหญิงจิตต์ก็ได้ แต่ก็ยังทำเป็นรั้งรอ เขาเข้าใจหัวอกอีกฝ่ายดี เพราะก่อนหน้านี้มัวแต่วิ่งวุ่นกับการช่วยงานแต่งของพี่ชายจนไม่ได้พบหน้ากันเป็นเวลานาน ตอนนี้พองานทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว ก็อยากจะอยู่ใกล้ชิดกันเพื่อชดเชยเวลาที่ผ่านมาเสียหน่อย


“ผมว่า...จะช่วยคุณพงศ์ดูแลเก็บกวาดให้เรียบร้อยก่อนครับคุณแม่”


“อ้าว แล้วจะกลับอย่างไร” คุณหญิงผการ้องถามด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้วังฉัตรและบ้านเช่าสีเขียวอ่อนที่บุตรชายอาศัยจะอยู่ห่างกันไม่มาก แต่คืนนี้จันทร์จ้าวดื่มไปไม่น้อย คนเป็นแม่ก็เกรงว่าจะไปไม่ถึงบ้าน


“ผมไปส่งเองครับ” หมอภวัตที่ยืนอยู่ใกล้ๆเสนอตัวขึ้นมา


“รบกวนคุณหมอแย่ แม่ว่าพ่อจันทร์กลับพร้อมแม่เถอะ แล้วถ้าพรุ่งนี้จะมาช่วยเก็บกวาดก็ค่อยมาตอนเช้า คุณพงศ์เห็นด้วยไหมคะ” คุณหญิงออกจะไม่เห็นด้วยกับการที่บุตรชายคนรองจะอยู่ที่นี่ต่อเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว และทุกคนก็เหนื่อยกับงานแต่งงานมาตั้งแต่เช้า หม่อมหลวงพงศ์ภราธรกำลังจะหาคำพูดมาแก้ต่างเพื่อให้เพื่อนรักได้อยู่ต่ออีกสักหน่อย แต่ใครบางคนไวกว่าเขา


“ไม่รบกวนหรอกค่ะคุณแม่ คุณหมอก็คนกันเอง แล้วถ้าเธอจะกลับบ้านเธอ อย่างไรก็ต้องผ่านบ้านเช่าอยู่แล้ว” ดารารัษมีนั่นเองที่เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมา


“...ดาราว่าเรากลับกันเถอะค่ะ คุณพ่อคุณแม่จะได้กลับไปพักผ่อนนะคะ ดูนภาก็เพลียจะแย่แล้ว พรุ่งนี้จะแวะมาเยี่ยมพี่อาทิตย์ด้วยไม่ใช่หรือคะ หากคืนนี้นอนดึกอีกคืน นภาคงตื่นไม่ไหว” หล่อนสำทับเพิ่ม


คุณหญิงผกาหันไปมองธิดาอีกคน นภาสรวงเองก็ดูเพลียจริงอย่างที่ว่า เพราะหล่อนตื่นก่อนทุกๆคนในบ้านมาหลายวัน หนำซ้ำพรุ่งนี้คุณหญิงก็ขออนุญาตหม่อมราชวงศ์ฉัตรมาเยี่ยมเยียนบุตรชายคนใหญ่ที่นี่ด้วย และหากหล่อนจะมาที่นี่กับสามีเพียงลำพัง ก็ดูเหมือนพ่อแม่สามีเจ้ากี้เจ้าการสอดรู้สอดเห็นครอบครัวใหม่ตั้งแต่วันแรก อย่างน้อยมีนภาสรวงมาด้วย ก็คงจะดีกว่า



“ถ้าอย่างนั้น...ดิฉันฝากพ่อจันทร์ด้วยนะคะคุณหมอ” หล่อนพูด ก่อนจะพากันขึ้นรถ ดารารัษมีรั้งเป็นคนสุดท้าย แล้วจึงหันมาพูดกับพี่ชายคนรองเสียงเบา


“ที่ดาราช่วยพูด ไม่ใช่ว่าดาราสนับสนุนนะคะ วันนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” หล่อนว่าอย่างนั้น ก่อนจะหันไปยกมือพนมไหว้หม่อมหลวงพงศ์ภราธรและหมอภวัต ก่อนจะขึ้นรถตามบิดามารดาและพี่สาวแฝดไป


   รถยนต์ของครอบครัวรักษพิพัฒน์แล่นลับหายออกไปจากวังแล้ว เสียงของจันทร์จ้าวก็ดังขึ้น


   “ถ้าอย่างนั้นผมกับหมอก็ขอตัวก่อนแล้วกันคุณพงศ์” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรทำเป็นตกใจแล้วหันมาถาม


   “อ้าว ไหนว่าจะช่วยกันเก็บกวาด” จันทร์จ้าวทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอที่เพื่อนรักทำเป็นไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริง แล้วดุใส่


   “ผมยังไม่ได้คิดบัญชีที่คุณพงศ์ไปบอกหมอว่าผมเมาหรอกนะ! อย่าคิดหาเรื่องเพิ่ม!” คนถูกดุหัวเราะก่อนจะหันไปทางหมอภวัต


   “คุณหมอครับ รบกวนพาเพื่อนผมกลับทีเถอะ ปล่อยเอาไว้นานกว่านี้เห็นทีจะกินหัวผม” ภวัตหัวเราะเบาๆ พวกเขาทั้งคู่ร่ำลากับเจ้าบ้านอย่างหม่อมหลวงพงศ์ภราธรที่ยืนรอส่ง แล้วจึงเป็นแขกคู่สุดท้ายของงานในค่ำคืนนี้ที่กลับออกไป


ราชนิกูลหนุ่มมองส่งจนประตูใหญ่ของวังปิดลงแล้ว จึงหมุนตัวเดินกลับขึ้นตึก แต่สายตาเหลือบไปยังเรือนหอของคู่แต่งงานใหม่ที่อยู่ไม่ไกล แล้วจู่ๆก็เหมือนอะไรบางอย่างจะดลใจให้เขาหันกลับไปมองยังประตูใหญ่อีกครั้งราวกับจะส่งความรู้สึกไปยังคนคู่สุดท้ายที่ออกจากวังนี้


   ...อาทิตย์กับพิมพัชราเข้าเรือนหอกันแล้ว แล้วภวัตกับจันทร์จ้าวล่ะ...เมื่อไรจะถึงเวลานั้น...

.....................................


   บ้านเช่าสีเขียวอ่อนอยู่ใกล้วังฉัตรมาก จันทร์จ้าวเตรียมตัวจะลงเมื่อรถยนต์ของหมอภวัตขับพ้นวังฉัตรมาได้เพียงนิดเดียว แต่กระนั้นเมื่อใกล้จะถึง รถกลับไม่ชะลอลงเลยแม้แต่น้อย และในที่สุด รถยนต์ของภวัตก็ขับเลยไป


   “อ้าว...หมอ...เลยบ้านผมมาแล้ว” คนนั่งข้างหันไปร้องบอก แต่ภวัตกลับเหลือบตามามองวูบหนึ่งพร้อมรอยยิ้ม


   “ไหนตอนอยู่ที่ระเบียง คุณบอกว่าคุณเมา ไม่ควรปล่อยคุณไว้คนเดียวเพราะเกิดคุณเป็นลมเป็นแล้งมา ใครจะมาช่วยอย่างไรล่ะครับ ผมก็เลยจะพาคุณกลับไปนอนที่บ้านผมน่ะสิครับ”


   “แผนสูงจริงนะหมอ” 


คบหากันมานาน บ้านพักแพทย์ในเขตโรงพยาบาล จันทร์จ้าวแวะเวียนไปเที่ยวเล่นและค้างคืนหลายครั้งหลายหน หากครั้งนี้จะเป็นเหมือนครั้งก่อนๆ เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเท่าไร ขึ้นอยู่กับสารถีจะพาไป


   “แผนสูงที่ไหนครับ ผมไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียวทั้งๆที่ดื่มไปตั้งมาก เมื่อเช้าก็ตื่นแต่เช้าด้วยใช่ไหม”


   “ใช่ ไม่คิดว่าแต่งงานทีหนึ่งจะเหนื่อยขนาดนี้เลย ขนาดไม่ใช่คนแต่งเอง ยังเหนื่อยไปหมด หัวถึงหมอนคงหลับเป็นตาย” พอพูดถึงเรื่องแต่งงาน ภวัตก็นิ่งไปอึดใจหนึ่ง แต่กระนั้นก็ยังมีสมาธิตั้งอกตั้งใจขับรถ


   “คุณ...อยากแต่งงานไหมครับ” คำถามของนายแพทย์หนุ่มทำเอาจันทร์จ้าวต้องหันมอง


   “ผมคิดเสมอว่าจะแต่งงานกับคนที่ผมรักเท่านั้น แต่ถ้าผมมีคนรักแล้ว ผมก็ไม่ต้องแต่งงานก็ได้” เป็นคำพูดของคนฉลาดที่ทำให้คนฟังต้องไตร่ตรองประโยคสั้นๆในใจอยู่หลายครั้ง แต่ในการไตร่ตรองครั้งที่ ๒ อย่างถี่ถ้วน ภวัตก็เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายต้องการหมายความเช่นไร


   ...จะแต่งงานกับคนที่รักเท่านั้น แต่ถ้ามีคนรัก งานแต่งงานก็ไม่จำเป็นต้องจัดก็ได้...


   “คุณ...ไม่คิดว่าพิธีแต่งงานสำคัญสำหรับคุณหรือครับ”


   “สำคัญสิหมอ อย่างน้อยงานแต่งงานก็เป็นหน้าเป็นตาให้คุณพ่อคุณแม่ของผม ให้ท่านได้บอกใครต่อใครว่าลูกของท่านมีคู่รักเป็นใคร คู่รักของลูกของท่านเป็นคนดีเพียงใด แต่...ผมว่าคุณพ่อคุณแม่ของผมก็มีหน้ามีตามากแล้ว ถ้าจะไม่มีงานแต่งงานของผมสักคนก็ไม่เห็นว่าหน้าตาของพวกท่านจะลดลงสักกี่มากน้อย อีกไม่นานคุณวินิตก็จะให้เถ้าแก่มาสู่ขอดารา คราวนี้ลูกของคุณพ่อคุณแม่อีกคนหนึ่งจะได้แต่งงานกับเจ้าของโฮเต็ลที่นิสัยดีที่สุดคนหนึ่งเชียวนะ ผมว่าแค่นี้คนก็พูดกันทั้งกรุงเทพฯแล้วกระมังว่าบ้านรักษพิพัฒน์มีแต่งานแต่งใหญ่โต ประเดี๋ยวจะหาว่าพวกเราโก้หรู โดนเพ่งเล็งอีก จะอยู่ไม่สุขนะหมอ” 


หมอภวัตฟังคำพูดของคนข้างกายแล้วก็หัวเราะเบาๆ จันทร์จ้าวช่างมีความคิดเป็นของตัวเองเสียจนอะไรก็ไม่มีอิทธิพลต่อความคิดแสนแปลกเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เขายิ้มออกมาอย่างสบายใจ การได้จันทร์จ้าวเป็นคู่รัก ถึงแม้จะต้องหลบซ่อนจากสายตาคนนอก แต่เพราะความเข้มแข็งและแข็งแกร่งของคนที่ดูเหมือนจะโลเลและหลักลอย กลับเป็นไม้พยุงให้เขาเป็นอย่างดี


   “แล้วเรือนหอล่ะครับ สำคัญสำหรับคุณไหม”


คราวนี้คนถูกถามผู้มีความคิดเปิ่นๆมากมายถึงกับขมวดคิ้วฉับ แล้วหันมอง


   “หมอหมายความว่าอย่างไร”


   “ก็หมายความว่า ถ้าคู่รักของคุณจะซื้อตึกแถวเป็นเรือนหอ ให้เป็นที่ของคุณและเขา อาจจะไม่ต้องมาอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในช่วงเวลาที่พอจะมีให้แก่กัน คุณจะว่าอย่างไรครับ” 


จันทร์จ้าวหันมองคนพูดด้วยความตกตะลึงพรึงเพริศ ดวงตากลมใหญ่จับจ้องคนพูดที่ยังคงมีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้า และเอาแต่จับจ้องอยู่เช่นนั้นจนไม่รับรู้แม้แต่น้อยว่าหมอภวัตขับรถพาเขาไปยังจุดหมายปลายทางอื่น


ที่นับจากนี้...จะเป็นเรือนหอของพวกเขา ๒ คน...

.......................................................

   รถยนต์ของครอบครัวรักษพิพัฒน์จอดสนิทที่หน้าเรือนไทย คุณหญิงผกาลงจากรถมองไปโดยรอบแล้วก็ใจหายจนต้องยกมือขึ้นแตะอก นภาสรวงลงจากรถมาพอดีเห็นท่าทางเศร้าสร้อยของมารดาจึงตั้งคำถามด้วยความเป็นห่วง


   “คุณแม่ เป็นอะไรไปคะ”


   “บ้านเงียบอย่างไรไม่รู้ แม่นภา เวลาพ่ออาทิตย์อยู่ ก็ไม่ค่อยพูดหรอก แต่...ก็ยังไม่คิดว่าจะเงียบเท่านี้เลย เหงาเหมือนกันนะ พ่ออาทิตย์ย้ายออกไปแล้ว พ่อจันทร์ก็จะกลับมาแค่เสาร์อาทิตย์ อีกหน่อยแม่นภากับแม่ดาราแต่งงานออกเรือนไปอีก ที่นี่คงเหลือแต่คนเฒ่าคนแก่” คุณหญิงผกาอดไม่ได้ที่จะว้าเหว่ นภาสรวงยิ้มจางแล้วลูบแขนมารดาด้วยความรัก


   “นภาไม่แต่งงานหรอกค่ะ จะอยู่ดูแลคุณพ่อคุณแม่อย่างนี้”


   “ให้มันจริงเถอะย่ะ! วันหนึ่งเจอคนรักจริงขึ้นมา จะรีบออกเรือนแต่ไวน่ะซี!”


“ถึงใครจะรักนภาจริง แต่นภาก็ไม่เคยคิดรักใครเท่าคุณพ่อคุณแม่” คุณหญิงหันมองธิดาแล้วน้ำตาก็รื้นด้วยความตื้นตัน แม้นภาสรวงจะไม่ขยันเอาอกเอาใจเหมือนจันทร์จ้าว ไม่ฉอเลาะเหมือนดารารัษมี ไม่ได้เป็นหน้าเป็นตาอย่างอาทิตย์ แต่นภาสรวงคือสายน้ำเย็นฉ่ำที่หล่อเลี้ยงคนทั้งบ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์เอาไว้ ให้เย็นใจ เย็นกายและสุขสบาย



“จ้ะ!” คุณหญิงไม่นึกเถียง หนำซ้ำยังเหลือบตามองไปทางอื่นด้วยเกรงว่าหากมองดวงหน้าธิดาจะยิ่งอดใจให้ร้องไห้ไม่ได้ “...ไม่เอาล่ะ แม่ไม่คุยด้วยแล้ว วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน แม่นภากับแม่ดาราก็ไปพักผ่อนเสียเถอะ พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไปเยี่ยมพ่ออาทิตย์เสียหน่อย แล้วจะได้แวะหาพ่อจันทร์ด้วย วันนี้แม่เห็นดื่มไปแยะอยู่ พรุ่งนี้อาจจะตื่นมาแล้วไม่สบายตัวก็เป็นได้”


   “พี่จันทร์เธอคอแข็งออกค่ะ” ดารารัษมีพูด แต่คุณหญิงผกานั้นห่วงใยบุตรชายคนรองเหนือใครเลยรีบร้องแหวว


   “คอแข็งแต่พรุ่งนี้ก็อาจจะไม่สบายก็ได้นี่จ้ะ! แม่ไม่น่าตามใจพ่อจันทร์เลย น่าจะพากลับมานอนที่นี่ด้วยกัน มีอะไร แม่จะได้ดูแลได้” พอหันมาพูดเรื่องบุตรชายคนรองที่คุณหญิงทั้งรักทั้งห่วง น้ำตาที่รื้นอยู่ที่ขอบตาก็หายวับแล้วกลายเป็นสีหน้ากังวล เพราะเห็นว่าจันทร์จ้าวดื่มไปมาก และเป็นห่วงว่าจะป่วย


   “พ่อจันทร์กลับพร้อมคุณหมอภวัตไม่ใช่หรือ ไม่ต้องห่วงหรอก คุณหมอก็อยู่ทั้งคน” ท่านนายพลเดชหันมาปรามภรรยา


   “แต่คุณหมอเธอก็คนอื่น จะดูแลเหมือนพวกเราคนในครอบครัวได้อย่างไรคะ!”


   “แต่ก็สนิทกันไม่ใช่หรือ เห็นคุณพงศ์ก็พูดอยู่ ว่าพ่อจันทร์กับคุณหมอไปตีเทนนิสด้วยกันเรื่อย” ท่านนายพลสำทับเพิ่มเพื่อให้ภรรยาสบายใจ แม้สีหน้าของคุณหญิงผกาจะยังไม่คลายกังวล แต่ก็ไม่รู้จะเถียงอย่างไร สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก


   “ไม่รู้สนิทกันได้อย่างไรนะคะ นิสัยไม่ยักจะคล้ายกันเลย” หล่อนบ่นเบาๆ แต่นั่นก็ทำเอาธิดาแฝดทั้ง ๒ ผู้รู้ตื้นลึกหนาบางของความสัมพันธ์ของพี่ชายและนายแพทย์หนุ่มนิ่งไปเช่นเดียวกัน ก่อนที่ดารารัษมีผู้หัวไวจะพูดขึ้นมา


   “ก็เพราะทั้งพี่จันทร์ ทั้งคุณหมอ ตีเทนนิสเก่งทั้งคู่น่ะซีคะ จับคู่ตีกันแล้ว ไม่มีใครอยากจะเข้าไปร่วมวงด้วยสักคน คุณวินิตยังพูด ว่าถ้าให้ทั้ง ๒ คนจับคู่กันเอง คุณวินิตจะไม่อยู่ฝ่ายตรงข้ามเป็นอันขาด แต่ถ้าให้เธอเข้าไปจับคู่กับคนใดคนหนึ่ง แล้วแข่งกับอีกฝั่งที่มีอีกคนหนึ่งเป็นผู้เล่นล่ะก็ คุณวินิตเธอว่าสนุกอย่าบอกใครเชียวค่ะ” คุณหญิงผกาหยักหน้าหงึกหงักรับรู้


   “ได้ยินอย่างนี้ว่าคบหากันแล้วพากันไปตีเทนนิสแม่ก็สบายใจ ไม่ใช่คบหากันพากันเดินลงเหว แบบนั้นแม่คงอกแตกตาย” ท่านนายพลส่ายหัวไปมากับความเป็นห่วงของภรรยา


   “คุณหมอเธอเป็นคนดี จะมาพาพ่อจันทร์เดินลงเหวได้อย่างไร คิดอะไรไม่เข้าท่า ไป ขึ้นบ้านนอนได้แล้ว วันนี้เหนื่อยกันมาทั้งวัน” ท่านว่าอย่างนั้นก่อนจะประคองภรรยาขึ้นบันไดเรือน ๒ สาวแฝดมองตามหลังบิดามารดาจนหายลับขึ้นเรือนไปแล้ว ก่อนจะหันมองหน้ากัน แล้วนภาสรวงก็พูดขึ้นมา


“หากวันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ทราบ นภาจะยืนยันกับคุณพ่อคุณแม่ ว่าคุณหมอไม่เคยพาพี่จันทร์เดินลงเหว ความรู้สึกของพวกเธอไม่ใช่เรื่องชั่วแต่ประการใด”


จันทร์จ้าวและภวัตคบหากันอย่างเงียบเชียบ มีเพียงพวกหล่อนและคนใกล้ชิดที่ทราบ ส่วนพวกผู้ใหญ่ล้วนไม่มีใครระแคะระคาย ระยะเวลาที่ผ่านมา จะว่าสั้นก็สั้น จะว่ายาวก็ยาว แต่คนทั้งคู่ก็คบหากันมาตลอดรอดฝั่ง จะมีใครที่ทั้งตามใจและขัดใจจันทร์จ้าวได้เท่าหมอภวัต และจะมีใครให้ความมั่นคงและจริงจังกับหมอภวัตได้เท่าจันทร์จ้าว


ดารารัษมีสบตาพี่สาว แล้วยิ้มจาง


“ดาราเองก็จะช่วยยืนยันเช่นนั้นอีกแรง”


   .......................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2016 20:15:44 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


อีกมุมหนึ่งของกรุงเทพฯ รถยนต์ของหมอภวัตก็ถึงที่หมายแล้วเช่นกัน เขาเลี้ยวรถเข้าจอดเลียบฟุตบาธหน้าตึกแถวที่เรียงกันเป็นพืด เสาไฟจากริมถนนให้ความสว่างเป็นหย่อมๆ แม้จะเป็นบริเวณกลางใจเมือง แต่ดึกดื่นค่อนคืนอย่างนี้ แถวนี้ก็แทบจะไม่มีผู้คนเดินผ่าน รถยนต์จอดสนิทและดับเครื่องแล้ว คนทั้งคู่จึงพากันลงจากรถ



   “ตึกนี้ครับ” ภวัตพาเดินนำไปยังตึกแถวประตูบานเฟี้ยมที่ปิดสนิท จันทร์จ้าวหยุดยืนอยู่ข้างหลังอึดใจหนึ่ง บานประตูก็แง้มออกเล็กน้อย และพอพวกเขาทั้งคู่เดินเข้าไปภายในที่มืดสนิท ภวัตก็จัดแจงดึงประตูมาปิดสนิทตามเดิม



   ตึกแถวหลังนี้เป็นตึกแถวขนาด ๒ ชั้น ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนน้อยชิ้นเพราะภวัตเพิ่งซื้อมาหมาดๆ ชั้นล่างมีเก้าอี้นั่งเล่น และโต๊ะรับประทานอาหาร เปิดประตูหลังออกไปเป็นครัวเล็กๆและห้องน้ำ จันทร์จ้าวเดินไปสอดส่องมองที่ด้านหลังตึกซึ่งเป็นที่โล่ง แต่ก็มีรั้วรอบมิดชิด



   “เป็นอย่างไรครับ” ภวัตเดินตามมาถามเสียใกล้ จนคนถูกถามรู้สึกใจสั่นอย่างประหลาด



   “ก็...ก็สวยดี...แล้วหมอจะได้มาอยู่ที่นี่หรือ ไหนว่างานที่โรงพยาบาลยุ่ง...” จันทร์จ้าวพูด แต่ไม่ยอมหันกลับไปมองคนที่ยืนซ้อนหลังเขาเลยแม้แต่น้อย แต่กระนั้นก็ยังรับรู้ว่าไออุ่นของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังชักจะใกล้เขามากขึ้นทุกที ร่างโปร่งสะดุ้งน้อยๆ เมื่อรู้สึกว่าคนที่ยืนซ้อนหลัง ไม่ได้ยืนเฉยๆเสียแล้ว แต่กลับสอดมือเข้ามารั้งเอวเขาไปกอดแนบชิด



   “ถ้าคุณมา ผมก็จะมา...ไม่ต้องมาทุกวัน แต่ขอแค่ให้คุณทราบว่าที่นี่คือที่ของเรา”



คำว่า ‘ที่ของเรา’ ยิ่งทำให้คนฟังอุ่นซ่านไปทั้งอก ไม่คิดว่าภวัตจะทำให้เขาถึงเพียงนี้ เขาหันกลับไปมอง ทั้งๆที่ยังถูกกอดอยู่เช่นนั้น ร่างยังจมอยู่ในอกของนายแพทย์หนุ่ม ใบหน้าใกล้กันจนแทบจะใช้ลมหายใจร่วมกัน ระหว่างพวกเขา มีเพียงความเงียบและเสียงหัวใจที่สะท้อนให้กันและกันได้รับรู้



   ภวัตแตะริมฝีปากของตนลงกับริมฝีปากสีสดเบาๆ มันขยับพลิ้วเกาะเกี่ยวหัวใจของคนในอ้อมแขนเขาอย่างนุ่มนวล ฝ่ามือที่โอบเอวอยู่ขยับเคลื่อนไปตามแผ่นหลัง ลูบไล้อย่างอ่อนโยนและอ่อนหวาน หัวใจของจันทร์จ้าวไกวแกว่งเพราะอารมณ์เพริศพลิ้วที่อีกฝ่ายมอบให้ รสสัมผัสเพิ่มเป็นหนักขึ้นอีกเล็กน้อย แต่กระนั้นมันก็ยังขยับอย่างเชื่องช้า จูบเล็มไล้ไปตามเรียวปาก ดูดซับที่ริมฝีปากล่างให้เผยอออกแล้วสอดปลายลิ้นเข้าเกี่ยวกวัดกับลิ้นนุ่มภายใน เสียงครางฮืออย่างพึงใจดังขึ้นเบาๆ รสจูบยังคงดำเนินต่อไปอย่างช้าๆ ก่อนที่ทั้ง ๒ จะผละออกจากกันทั้งที่ความรู้สึกยังหมุนวนอยู่ในใจ



   จันทร์จ้าวซบหน้าลงกับบ่าแข็ง หายใจถี่เล็กน้อยเพื่อรับอากาศเข้าปอด เขายังคงถูกโอบกอดอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่ภวัตมอบให้ ไม่ต้องแสดงเป็นคำพูด เขาก็เข้าใจดี



   “หมอ...” เขาเรียกเบาๆ คนที่พิงศีรษะลงกับศีรษะของเขาขานรับกลับมาด้วยน้ำเสียงเบาไม่แพ้กัน


   “ครับ...”


   “หมอ...” จันทร์จ้าวรู้สึกเก้อเขินอย่างประหลาด แต่เมื่อพวกเขารู้สึกต่อกันเช่นนี้ จะปล่อยเวลาให้เดินผ่านไปเพื่ออะไร ในเมื่อวันนี้ต่างมีกันและกันอยู่ในอ้อมแขน ในเมื่อวันนี้ยังมีคนที่รักอยู่เคียงข้าง ไม่มีเหตุผลอะไรอีกแล้วที่จะหลบหนีความสัมพันธ์ที่ควรจะพัฒนาเสียที



   “...หมอ...ศึกษามาแล้วหรือ...” คำถามของจันทร์จ้าวเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน แต่ภวัตก็อยู่ใกล้พอที่จะจับใจความประโยคอันแสนตะกุกตะกักนั้นได้ เขาช้อนใบหน้าของคนที่ซบไหล่เขาให้เงยขึ้นมามองสบเข้าไปในดวงตากลมใหญ่


   “ศึกษาแล้วครับ”



และคำตอบของเขาก็ทำเอาดวงตากลมใหญ่ถึงกับชะงักงัน ภวัตเห็นความตะลึงในดวงตาคู่นี้แล้วก็ทั้งสงสารทั้งเอ็นดู จันทร์จ้าวกำลังกลัวและกังวลเรื่องนี้อยู่จริงๆ


   “ผมจะไม่โกหกคุณ เท่าที่ผมลองหาข้อมูลดู...มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เจ็บ แต่ว่า...ผมพอจะมีตัวช่วย...”



   “ตัวช่วย?...ตัวช่วยยังไร?” เจ้าของดวงตากลมใหญ่ถามด้วยความหวั่นวิตก มือหนาข้างหนึ่งของภวัตยกขึ้นแตะแก้มขาวแผ่วเบา นิ้วโป้งไล้ผิวอย่างอ่อนโยนราวกับจะปลอบประโลมในขณะที่ดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานและรักใคร่ยังคงจับจ้องเข้าไปในดวงตากลมที่มีแต่ความกังวล



   “ไว้รอคุณพร้อมเถอะครับ” ภวัตพูด ดวงตากลมของคนรักที่ยังคงอัดแน่นด้วยความวิตกทำให้อดใจไม่ไหวนึกอยากปลอบเสียจนต้องก้มลงมอบรสสัมผัสหวานละมุนให้แก่ริมฝีปากสีจัดที่อยู่ตรงหน้า เขาจูบเบาอย่างอ่อนหวาน ทำเอาหัวใจของจันทร์จ้าวสั่นไหวเสียจนแทบยืนไม่อยู่



   “...ผมขอมัดจำเอาไว้ก่อน เท่านี้ก็พอ” เขากระซิบ แล้วไล้ปลายจมูกของตัวเองให้เกลี่ยกับปลายจมูกของจันทร์จ้าวไปมาอย่างเบาๆ ยิ่งทำเอาอีกฝ่ายหวั่นไหวกับอารมณ์หวามที่เริ่มเคลื่อนทะยานเข้ามาสู่หัวใจ



“หมอ...” จันทร์จ้าวกระซิบเรียก เมื่อพวกเขายังคลอเคลียกันและกันด้วยปลายจมูกและริมฝีปากที่ใกล้เสียจนแทบแนบชิดเป็นเนื้อเดียว



“...ที่หมอบอกว่า...มีตัวช่วย...ตัวช่วยของหมอ...จะทำให้ผมเจ็บน้อยที่สุดใช่ไหม”



“ทั้งผม...และตัวช่วยของผม...จะทำให้คุณเจ็บน้อยที่สุด”



“แล้ว...ถ้าผมเจ็บมากล่ะ” ภวัตยิ้มจางอย่างเอ็นดู จันทร์จ้าวดูจะหวั่นกับเรื่องเจ็บเสียจนเขาต้องโน้มศีรษะคนถามลงซบกับบ่าแล้วลูบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ



“กลัวอะไร ผมเป็นหมอ ถ้าคุณเจ็บมาก...ผมก็จะรักษาคุณเอง” คนกลัวเจ็บหลับตาลงราวกับจะตัดสินใจ จริงอย่างที่ภวัตว่า อีกฝ่ายเป็นหมอ ถ้าหากทำให้เขาเจ็บหนัก อย่างไรเสียภวัตก็ย่อมรักษาเขาได้อยู่แล้ว ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว ในเมื่อภวัตเป็นหมอ หมออย่างภวัตคงไม่อยากเพิ่มคนไข้ให้กับตัวเองด้วยการทำให้เขาเจ็บหนักหรอก



จันทร์จ้าวไม่พูดกระไร ระหว่างพวกเขามีเพียงความเงียบ ภวัตยังคงลูบศีรษะเขาไปมา และจันทร์จ้าวก็ยังคงยืนซบบ่าอยู่เช่นนั้น การโอบกอดและความอ่อนโยนที่ภวัตมอบให้ในเวลานี้ดูจะเป็นการปลอบโยนชั้นดีที่ทำให้หัวใจของคนถูกกอดไม่เต้นโครมครามด้วยความหวาดหวั่นเหมือนเมื่อครู่ และเมื่อเวลาผ่านไป ก็ดูเหมือนมันจะเริ่มสงบพอที่จะทำให้เจ้าของสามารถตัดสินใจเรื่องที่คาใจอยู่ได้



“ถ้าหมอสัญญา...ผมก็...” ไม่มีคำพูดต่อจากประโยคที่ทิ้งค้างเอาไว้แค่นั้น นอกเสียจากจันทร์จ้าวเอียงหน้าเล็กน้อยให้หันเข้าหาซอกคอของนายแพทย์หนุ่ม จากนั้นจึงกดจูบลงกับต้นคอของภวัตเบาๆ



นายแพทย์หนุ่มรับรู้ความยินยอมจากร่างในอ้อมแขนที่ซุกซบใบหน้าลงกับซอกคอของเขา ชายหนุ่มยิ้มจางกับตนเองแล้วกอดรัดร่างในอ้อมแขนให้แน่นยิ่งขึ้นพลางกระซิบตอบกลับไปเสียงเบา



“เชื่อใจผมนะครับ ผมจะทำให้คุณเจ็บน้อยที่สุด ผมสัญญา”


...................................................


ห้องน้ำของตึกแถวถึงแม้จะอยู่ติดกับตัวบ้าน แต่ก็อยู่ทางด้านหลัง ต้องเดินออกจากประตูหลังบ้านก่อนจึงจะถึงประตูห้องน้ำ แต่กระนั้น ก็ล้อมรั้วมิดชิด ยิ่งในเวลากลางคืนเช่นนี้ บริเวณนั้นไม่มีไฟฟ้าจึงมีเพียงแค่แสงจันทร์สลัวในคืนเดือนหงายคอยให้ความสว่างภายนอก ส่วนภายในได้แสงวูบวาบจากตะเกียงที่วางอยู่บนชั้นไม้ริมห้องเท่านั้น



แสงนวลอ่อนสาดกระทบร่างสูงโปร่งเปลือยเปล่าที่กำมือทั้ง ๒ ข้างลงปากโอ่งมังกรใบใหญ่ ริมฝีปากสีสดครางผะแผ่วยามที่ร่างกายถูกเตรียมพร้อมด้วยปลายนิ้วของนายแพทย์หนุ่มซึ่งยืนซ้อนหลัง คราแรกมันทั้งเจ็บเสียดและอึดอัด แต่เมื่อภวัตยังคงสร้างความคุ้นเคยด้วยนิ้วที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างช้าๆ ก็พอจะทำให้จันทร์จ้าวพอจะปรับตัวได้อยู่บ้าง และเวลานี้ดูเหมือนจะเริ่มคุ้นชินกับจำนวนนิ้วที่อีกฝ่ายกดแทรกเข้ามาในร่างกายเขาได้แล้ว นายแพทย์หนุ่มมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่กำลังถูกเล่นงานด้วยความปั่นป่วน แม้จะรู้ดีเขาควรเป็นฝ่ายอดทน แต่กระนั้นก็ยังอดใจไม่ไหวต้องกดจูบลงกับหัวไหล่ขาวแล้วกระซิบเสียงแผ่วเป็นการปลอบประโลม



“ไม่เป็นไรนะครับ อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”


จันทร์จ้าวไม่ทันได้หันกลับไปถามว่า ‘อีกเดี๋ยว’ ที่หมอภวัตว่า หมายความถึงสิ่งใด เขาก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อปลายนิ้วที่แทรกสอดในร่างกายของขถูกถอนออกไป และอึดใจต่อมามันก็แทรกกลับเข้ามาพร้อมด้วยความรู้สึกแฉะชื้น


“ม...หมอ!...หมอ!...อะ...อะไรน่ะ?!” เขาร้องถามด้วยความตื่นตระหนก อารมณ์ที่โหมกระพือมาตั้งแต่เมื่อครู่ดูหายวับไปกับตาเมื่อรู้สึกว่าความแฉะชื้นนั้นกำลังทำให้เขาเปียกลื่นไปหมดทั้งช่วงล่าง


“น้ำมันมะพร้าวครับ”



“น้ำมันมะพร้าว?!” จันทร์จ้าวหันขวับไปร้องถามหน้าตาเบิกโพลง แต่ภวัตไม่ตอบกระไรนอกจากหมุนปลายนิ้วไปมาเบาๆ ทำเอาร่างโปร่งเกร็งเฮือกขนลุกซ่านไปหมดทั้งตัว



“อ๊ะ!...หมอ!...ไม่...ไม่...” เมื่อครู่ที่เพียงแค่สอดนิ้วเข้ามาในร่างกายของเขาก็ยังพอทำเนา แต่ตอนนี้ที่ขยับเขยื้อนไปมาด้วยเริ่มทำให้จันทร์จ้าวทนไม่ไหว เขาได้แต่ก้มหน้าครางเกร็งสะท้านตอดรัดปลายนิ้วของภวัตอย่างไม่รู้ตัว


“ไม่เกร็งนะครับ หายใจลึกๆ”



“ต...แต่...หมอ...มัน...” จันทร์จ้าวอธิบายความรู้สึกในเวลานี้ไม่ถูก สติสมาธิทั้งหมดพุ่งตรงลงไปที่เบื้องล่าง ยิ่งนิ้วของภวัตแทรกลึกพร้อมกับหมุนไปมามากเท่าไร การสัมผัสและความลื่นแฉะชื้นจากน้ำมันที่ชโลมนิ้วเอาไว้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเสียวกระสันต์มากขึ้นทุกที



“ไม่เป็นไร แค่น้ำมันเท่านั้นเองครับ คุณจะได้ไม่เจ็บ...นิดเดียวนะครับ นิดเดียว...” คำว่านิดเดียวของหมอภวัตทำให้คนถูกกระทำแทบขาดใจ นิ้วยาวชำแรกลึกจนสุดแล้วถอนออก น้ำมันลื่นอาบชโลมเสียจนจันทร์จ้าวยืนแทบไม่อยู่



“เอาล่ะครับ เรียบร้อยแล้ว” นายแพทย์หนุ่มพูดแล้วหันไปตักน้ำจากโอ่งมังกรมาล้างไม้ล้างมือ แล้วจึงเดินไปหยิบเสื้อคลุมผ้าขนหนูมาสวมให้กับร่างเปล่าเปลือย น่าแปลกที่จันทร์จ้าวถูกลอกคราบทั้งตัว แต่ฝ่ายหมอภวัตยังคงเสื้อผ้าชุดเดิมยกชุด ถึงแม้จะเปียกน้ำเป็นหย่อมๆจากที่เมื่อครู่ช่วยชำระล้างร่างกายให้คู่รักของเขาก็ตามที



“ร...เรียบร้อย?...หมอ...หมอหมายถึง...”


“หมายถึงเราจะกลับไปที่ห้องกันครับ คุณเดินไหวไหม” ดวงตากลมใหญ่ทั้งตระหนกทั้งเต็มไปด้วยความต้องการ แต่พอก้าวเท้าจะเดิน ความลื่นจากน้ำมันที่ชโลมเอาไว้ก็ทำให้เขาก้าวขาไม่ออก จำต้องหันไปมองภวัตที่ยืนอยู่ใกล้ๆ


“หมอ...ผม...ผมเดินไม่ได้...” ภวัตยิ้มจางอย่างอ่อนโยน แล้วเดินเข้ามากอบกุมมือขาว


“เดินกับผมนะครับ ค่อยๆเดิน”


“หมอ! อื้อ!...มันลื่น...” ส่วนที่ลื่นนั้นทั้งแฉะชื้นและเปียกฉ่ำ จันทร์จ้าวได้แต่กัดปาก รู้สึกอับอายกับร่างกายของตนเองยิ่งนัก แต่เมื่อมองไปยังภวัตที่ยืนอยู่เคียงข้าง และยังคงมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน ร่างโปร่งก็ได้แต่ก้าวเท้าเดินอย่างช้าๆ


พวกเขาเดินกลับเข้าไปในตึกแถวอย่างเชื่องช้า และกว่าจะขึ้นมายังชั้น ๒ อันเป็นห้องนอนได้ คนที่ถูกชโลมด้วยน้ำมันมะพร้าวจนเหนอะหนะก็เกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความอับอาย


“ไม่เป็นไร ชู่ว์...” ภวัตกดจูบลงกับขมับอย่างปลอบประโลม แล้วพาร่างโปร่งข้างกายไปยังเตียงกว้างกลางห้อง เขาดันร่างนั้นลงนอนกับเตียง ตามมาด้วยการปลดมุ้งทั้ง ๔ ด้านลง จันทร์จ้าวได้แต่นอนมองคนที่อยู่ในมุ้งกับเขาด้วยหัวใจเต้นถี่ ภวัตถอยออกห่างเล็กน้อยแล้วปลดกระดุมเสื้อที่สวมอยู่ แสงจันทร์จากภายนอกสาดส่องเข้ามาภายในมุ้งอย่างสลัว แต่กระนั้นก็สว่างมากพอที่จะทำให้ดวงตากลมโตของคนที่นอนออยู่เบื้องล่างได้กวาดมองร่างสูงที่คร่อมทับเขาอยู่ครึ่งตัวและกำลังถอดเสื้อออก



“มองผมตาแป๋วเชียว...” นายแพทย์หนุ่มเหลือเพียงกางเกงตัวเดียว แต่ก็ไม่เรียบร้อนจะจัดการมากนัก เขาก้มลงคร่อมทับจันทร์จ้าวแล้วกระซิบหยอกเย้าอย่างเอ็นดู ปลายจมูกเกลี่ยไล้กันและกันอย่างอ่อนโยน



“ก็...ผมไม่เคยเห็นนี่...” จันทร์จ้าวตอบเสียงเบา คนฟังยิ้มก่อนจะจับมือขาวให้ขึ้นมาแตะที่อกเขา



“ลองสัมผัสดูสิครับ...อือ...” แม้จะเป็นฝ่ายบอกให้สัมผัส แต่เมื่อถูกมือขาวลูบไล้ที่แผ่นอกอย่างเบามือ ภวัตก็อดไม่ได้ที่จะครางเครือกับการปลุกเร้าอย่างเนิบนาบ ดวงตากลมใหญ่จับจ้องมองใบหน้าของนายแพทย์หนุ่มที่กำลังแสดงอารมณ์พิศวาสราวกับถูกตรึงด้วยมนตร์ เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้เห็นอีกฝ่ายในอารมณ์เช่นนี้ มันละสายตาแทบไม่ได้ อยากเห็น อยากมอง และอยากทำให้ภวัตด่ำดิ่งกับอารมณ์มากกว่านี้อีก



จันทร์จ้าวเผยอริมฝีปากขึ้นมอบจูบให้แก่คนที่ทาบทับอยู่เบื้องบน มอบรสจูบเร่งเร้าผสานกับการลูบไล้ที่แผ่นอกกว้างลงไปยังหน้าท้องแบนราบ และลงไปยังกางเกงแล้วจึงช่วยปลดกระดุมให้อย่างช้าๆ



“อือ!...” นายแพทย์หนุ่มถึงกับครางในคอเมื่อมือขาวเย็นแตะสัมผัสลงกับความเป็นชายของเขาอย่างแผ่วเบา เขาผละจูบออก แล้วจับจ้องเข้าไปในดวงตากลมใหญ่ที่มองเขาอย่างซุกซน


“มือไวนักนะ” เขาคาดโทษอย่างไม่เอาจริงเอาจังนัก และนั่นเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคนมือไวได้เป็นอย่างดี


“ก็หมอไม่ทำอะไรสักที ผมก็ทำเองน่ะซี” นอกจากจะมือไวแล้วยังปากเก่งอีกด้วย ดวงตากลมพราวระยับจับจ้องมาที่นายแพทย์หนุ่ม และนั่นคือการท้าทายชั้นดีให้ภวัตปลดเสื้อคลุมผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มร่างขาวออก เขากวาดตามองตั้งแต่ช่วงคอลงมาที่ลาดไหล่ แผ่นอกแบนราบและหน้าท้อง ก่อนจะลงมายังจุดกึ่งกลางลำตัว และจับจ้องมันนานเป็นพิเศษจนเจ้าของชักจะหน้าร้อนเห่อ



“หมอ...จะมองอีกนานไหม” ภวัตเหลือบตาขึ้นไปมองคนประท้วง



“อ้อ คุณไม่อยากให้ผมมอง แต่อยากให้ผมลงมือเสียทีซีนะครับ ถ้าอย่างนั้น...ผมขอโทษ...ที่ปล่อยให้คุณรอนาน...” และสิ้นประโยคนั้น ภวัตก็ก้มลงมอบความรัญจวนให้แก่ความเป็นชายของจันทร์จ้าวด้วยริมฝีปากร้อนระอุ


“อ๊ะ!...หมอ...หมอ...” ทั้งความเปียกชื้นของปลายลิ้น ความนุ่มนวลของการครอบครอง ทำให้ร่างขาวบิดเร้าไปมาอย่างอดไม่ไหว ฝ่ามือจิกเกร็งลงกับฟูกเตียง ริมฝีปากเม้มแน่นด้วยไม่กล้าส่งเสียงออกมา ทำได้เพียงให้เสียงครางกระหึ่มอยู่ในคอเท่านั้น



ภวัตครอบครองความเป็นชายที่เริ่มแข็งขืนขึ้นทุกทีด้วยริมฝีปากและปลายลิ้น เขาโอบกระชับรัดรึงมันช้าๆ ก่อนจะเพิ่มระดับความเร็วขึ้นเรื่อยๆ รู้ตัวอีกที เจ้าของร่างที่เพียรพยายามปิดกลั้นเสียงครางมาตลอดก็เผยเสียงผะแผ่วให้เขาได้ยินเพราะอดไม่ไหวเสียแล้ว



“อ๊ะ...หมอ...อื้อ...อื้อ...อย่า...อื้อ...ตรงนั้น...อ๊ะ!...” พอรู้ตัวว่ากำลังทำให้อีกฝ่ายล่องลอยอยู่บนเมฆนุ่มของความรัญจวน ภวัตก็ถอนริมฝีปากออกมาจากการครอบครอง เขาขยับขึ้นประสานสายตากับจันทร์จ้าวอีกครั้ง มือข้างหนึ่งรั้งต้นขาขาวให้แยกออกจากกัน เปิดทางให้ความร้อนรุ่มของเขาแตะสัมผัสกับปากทางลื่นแฉะด้วยน้ำมัน ดวงตากลมใหญ่เบิกโพลงราวกับรู้ชะตา แต่ภวัตเพียงแค่ยิ้มจาง แล้วก่อนที่จันทร์จ้าวจะได้ประท้วงสิ่งใด เขาก็ก้มลงปิดริมฝีปากสีสดนั้นแล้วชำแรกช่องทางคับแคบด้วยร่างกายของเขา



“อื้อ!!!!!!!...” ร่างขาวเกร็งแอ่นด้วยความตระหนก แต่ไม่อาจร้องสบถออกมาได้เต็มปากเพราะถูกจูบปิดปากเอาไว้เสียหมด แม้จะพยายามเบี่ยงหน้าหนีรสจูบนั้น แต่ภวัตก็ยังตามไปครอบครองเอาไว้แล้วดูดกลืนเสียงของอีกฝ่ายลงคอตนเอง เบื้องล่างของเขายังคงเดินทางอย่างอ้อยอิ่งเข้าไปสู่ความคับแน่นที่ดูเหมือนจะไม่ต้อนรับเอาเสียเลย



“อื้อ! อื้อ!!” เพราะความอึดอัดราวกับถูกฉีกเป็น ๒ ร่าง ทำให้จันทร์จ้าวทนไม่ไหว ประทุษร้ายร่างเบื้องบนด้วยกำหมัดที่ทุบลงกับต้นแขนของนายแพทย์หนุ่ม ซึ่งภวัตก็ยินดีให้ทำตามที่พอใจ ทว่าเขาไม่หยุดการเคลื่อนไหวใดๆ ความแข็งขืนของชายหนุ่มยังคงเดินทางเข้าไปช้าๆ พร้อมๆที่จูบของเขายังคงเล็มไล้ให้แก่ริมฝีปากสีสดของจันทร์จ้าวไม่ห่าง



จวบจนการเดินทางสิ้นสุดลง ความลื่นของน้ำมันที่ชโลมเอาไว้ทำให้แม้จะยากเย็นเพียงใด แต่สุดท้ายภวัตก็พาร่างกายของตนเองเข้าไปฝากฝังลงในช่องทางอุ่นรัดได้จนหมด



“อ่า...” จันทร์จ้าวได้แต่ครางอย่างหมดแรงเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ยามนี้เขารับภวัตเข้ามาได้ทั้งหมดแล้ว และกว่าจะเข้ามาได้ทั้งหมด ก็เหมือนจะตายเสียให้ได้ ดีว่าอีกฝ่ายมีน้ำอดน้ำทนไม่พรวดพราดเข้ามาสร้างความเจ็บปวดให้แก่เขา มิเช่นนั้นแล้วคงได้มีเลือดตกยางออกเป็นแน่แท้



“คุณจันทร์...อ่า...อื้อ...” ในขณะที่จันทร์จ้าวกำลังปรับความรู้สึกให้คุ้นชินกับความอึดอัด คนที่อดทนมาตลอดการเดินทางที่ยาวนานก็เริ่มจะหมดความอดทนลงทุกที ภายในทั้งรัดทั้งตอดจนทำให้ความต้องการพุ่งพล่านจนหยุดแทบไม่อยู่ แต่เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บ เขาจึงต้องอดทนดำเนินทุกอย่างอย่างเชื่องช้า และเวลานี้...ความอดทนของเขาเริ่มมอดไหม้ลงแล้ว



จันทร์จ้าวมองสีหน้าแดงก่ำของคนที่ทาบทับอยู่เบื้องบน ดูอย่างไรก็รู้ว่าภวัตอดทนอย่างมาก ลมหายใจกระชั้นและอาการหอบฮักบอกให้ทราบว่าอีกฝ่ายเริ่มจะหยุดความต้องการไม่ไหวอีกแล้ว ๒ มือขาวเลื่อนขึ้นไปประคองดวงหน้าของนายแพทย์หนุ่ม ดวงตากลมใหญ่จับจ้องดวงตาดุเข้มที่เต็มไปด้วยความต้องการ ก่อนที่ริมฝีปากฉ่ำจะเผยอขึ้นจูบเบาๆ



“ผมไม่ไหวแล้วหมอ...หมอทำให้ผมมีความสุขทีเถอะ...” ถึงแม้ว่าอยากจะพักอีกสักหน่อยเพื่อให้ร่างกายคุ้นเคยมากกว่านี้ แต่เพราะเห็นสีหน้าภวัตเหมือนจะทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาก็พลอยจะทนไม่ไหวเช่นกัน นายแพทย์หนุ่มจับจ้องเข้าไปในดวงตากลมใหญ่คู่นั้น แล้วจึงวางหน้าผากลงกับหน้าผากของจันทร์จ้าว



“ผมขอโทษนะครับคุณจันทร์...ผมขอโทษ...” หลังประโยคขอโทษ ส่วนที่ฝังเข้ามาในร่างกายของจันทร์จ้าวก็เริ่มเคลื่อนไหว มันถูกดึงออกไป แต่ไม่ทันสุดก็กระแทกกระทั้นกลับเข้ามาอีก ร่างขาวเกร็งเฮือกกับความแสบซ่านของการเสียดสีและความลื่นฉ่ำของน้ำมันที่ชโลมเอาไว้ ก่อเป็นความต้องการและเสียวกระสันต์เสียจนแทบทนไม่ไหว



เสียงครางดังประสานยามร่างกายหลอมรวม ต่างฝ่ายต่างผสานเป็นร่างเดียวกัน เร่งเร้าความเคลื่อนไหวให้รุนแรงและรวดเร็วเพื่อไขว่คว้าไปสู่อีกฝั่งของปุยเมฆขาว ความกระสันต์แตกซ่านไปทั้งร่าง ไอร้อนระอุของอุณหภูมิร่างกายกลั่นเป็นเหงื่อผุดซึมไปทั่วทั้งร่าง แต่กระนั้นก็ราวกับไม่รับรู้ถึงความร้อนผ่าวนั้นเลย ๒ ร่างกอดตระกอง เกี่ยวพันรัดกันเอาไว้แน่น ยามภวัตไหวโยกร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของจันทร์จ้าวก็เขยื้อนจนแทบสิ้นสติ ยามจันทร์จ้าวตอดรัดเกร็งแน่น ภวัตก็ยิ่งครางกระหึ่มในคอด้วยความพึงใจ ต่างคนต่างมอบความสุขให้กันและกันไม่รู้จักจบจักสิ้น ความรู้สึกทะลักทะลายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ดูเหมือนกี่ครั้งก็ไม่เพียงพอกับความหฤหรรษ์ที่ก่อตัวขึ้นได้ทุกวินาที เพียงแค่ฝังจมูกลงกับซอกคอและสูดกลิ่นอายเฉพาะตัวของกันและกันก็เหมือนจะเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดีราวกับอรุณรุ่งจะไม่มีวันมาเยือน


“หมอ...หมอ...ผม...อ๊า...ผม...อื้อ...” จันทร์จ้าวถูกพลิกร่างให้ลงนอนคว่ำเป็นครั้งที่เท่าไรก็สุดจำนับ แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ดูเหมือนเขาจะยังสามารถหยัดกายรับแรงแทรกสอดจากคนที่อยู่เบื้องบนได้เป็นอย่างดี



“ครับ คุณจันทร์...ดีไหม...หืม...” ภวัตก้มลงถามกระซิบอยู่ที่ข้างหู เร่งกายกระแทกเข้าสู่ช่องทางฉ่ำที่ยังคงตอดรัดไม่ว่าจะถูกเขาชำแรกเข้าไปสักกี่ครั้ง ร่างกายของจันทร์จ้าวก็ยังมอบความอัศจรรย์ใจให้แก่เขาเสมอ



“ดี...อ๊ะ! หมอ...หมอ...ผม...ผมไม่ไหวแล้ว อื้อ!!” ยิ่งการเกร็งสะท้านเพราะความรู้สึกแตกกระซ่านกรเซ็นก็ยิ่งทำให้ช่องทางร้อนรุ่มบีบรัดหนักหน่วง ภวัตขยับกระแทกหนักขึ้นกว่าเดิม กระชั้นความรู้สึกและอารมณ์ให้ตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว เขาได้ยินเสียงร่างที่นอนคว่ำครางระโหยอีกครู่หนึ่ง ภวัตก็อัดกระแทกเข้าไปหยุดนิ่ง ความเสียวซ่านแตกพล่านไปทั้งกายจนต้องทรุดฮวบลงแพะพิงกับแผ่นหลังขาวของจันทร์จ้าวเพื่อหอบหายใจ



“อื้อ...” คนถูกทาบทับครางเบา แต่ไม่มีแรงประท้วงนอกเสียจากนอนนิ่งๆเพื่อหายใจให้เต็มปอด ภวัตมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่นอนอยู่ใต้ร่างเขา จันทร์จ้าวหลับตาหอบหายใจอย่างอ่อนระโหย ดวงหน้าแดงระเรื่อด้วยสีเลือด เขาอดใจไม่ไหวต้องกดจูบลงกับผิวแก้มนั้นอย่างรักใคร่



“หมอ...ดีไหม...” ไม่มีเสียงตอบจากภวัต นอกจากกระทำของเขาอันได้แก่การสอดแขนเข้าไปโอบรัดร่างโปร่งมากอดแนบแน่น ร่างกายยังเกี่ยวพันเหนียวเหนอะ ผิวเนื้อยังอังด้วยไอร้อนระอุของอุณหภูมิและชื้นเหงื่อ แต่กระนั้น...ภวัตก็ยังมีเพียงคำตอบเดียวที่จะมอบให้แก่คนถาม



“ดีครับ...ดีที่สุดเลย...”

........................................


   ต่อให้คนทั้งกรุงเทพฯพร้อมใจกันบอกให้คุณหญิงผกาไม่ต้องห่วงจันทร์จ้าว แต่คุณหญิงผกาก็ย่อมเป็นคุณหญิงผกา


 เช้าตรู่วันต่อมา หล่อนจึงรีบตื่นแต่ไวเพื่อเตรียมตัวไปเยี่ยมเยียนบุตรชายคนใหญ่ที่เพิ่งจะแต่งงานหมาดๆเมื่อวาน และบุตรชายคนรองที่ดูไม่น่าเป็นห่วงอะไร แต่หล่อนนึกห่วงเขายิ่งกว่าใคร


   “ดารา ให้พ่อขับดีไหม” ท่านนายพลเดชตั้งคำถามเมื่อธิดาคนเล็กก้าวเท้าขึ้นนั่งที่ตำแหน่งคนขับ ดารารัษมีหันมายิ้ม


   “ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ ดาราขับเอง คุณพ่อนั่งให้สบายเถอะค่ะ”
   

“แม่ดาราขับรถได้แน่นะ! ไม่ใช่ว่ายังไม่ทันออกถนนใหญ่ก็ไถลลงข้างทาง อย่างนั้นแม่ไม่ให้ขับ ให้คุณพ่อขับจะดีกว่า แม่อยากไปให้ถึงบ้านเช่ากับวังฉัตร ยังไม่อยากถึงที่!” คุณหญิงผกาขึ้นนั่งบนเบาะหลังแล้วแต่ก็ไม่วายถามธิดาทั้ง ๒ ที่คนหนึ่งประจำที่นั่งตำแหน่งคนขับ อีกหนึ่งประจำที่นั่งข้างคนขับ


   ดารารัษมีผู้รับหน้าที่สารถีในวันนี้ แม้จะง่วงงงุนเพราะนอนดึกตื่นเช้า แต่ก็จำเป็นต้องลุกขึ้นมาขับรถให้ เพราะวันนี้คนที่จะไปเยี่ยมอาทิตย์และจันทร์จ้าวมีทั้งบิดามารดา หล่อนเกรงว่าหากปล่อยนภาสรวงไปเพียงคนเดียว แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา พี่สาวแฝดของหล่อนจะไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้ หรือจะให้คนอื่นไปด้วย ก็ไม่อาจไว้ใจได้ เกิดไปพบไปเห็นอะไรเข้าแล้วนำความไปพูดกันปากต่อปากก็จะกลายเป็นเสียหายกันไปใหญ่ ธิดาคนเล็กของท่านนายพลและคุณหญิงผู้มีอุปนิสัยเจ้ากี้เจ้าการจึงต้องลุกจากเตียงมาขับรถให้เอง


   “คุณแม่เชื่อใจดาราเถอะค่ะ คุณพ่อกับพี่อาทิตย์ช่วยกันสอนตั้งหลายวัน หากขับไม่เป็น คุณครูทั้ง ๒ ท่านคงเสียใจแย่” หล่อนว่าอย่างนั้นแล้วยิ้มอีกหน บิดามารดาขึ้นนั่งที่เบาะหลังเรียบร้อย หล่อนจึงพารถยนต์คันใหญ่ของท่านนายพลออกจากบ้าน ตรงไปยังบ้านเช่าสีเขียวอ่อนที่อยู่ใกล้วังฉัตร


รถยนต์ยังไม่ทันจอดสนิทดี แต่สายตาคุณหญิงผกาที่นั่งอยู่เบาะหลังก็สอดส่องออกไปยังบ้านเช่าสีเขียวอ่อนแล้ว


“บ้านปิดเงียบเชียว หน้าต่างประตูปิดหมดอย่างนี้อย่างกับไม่มีคนอยู่บ้านแหน่ะค่ะคุณพี่” เสียงของมารดาที่หันไปพูดคุยกับบิดาที่เบาะหลัง ทำเอาดารารัษมีและนภาสรวงต้องหันมองไปยังบ้านเช่าสีเขียวอ่อนโดยพร้อมเพรียง


บ้านปิดเงียบทั้งหลัง ประตูและหน้าต่างปิดทั้งหมด ดูเหมือนไม่มีคนอยู่บ้านจริง...หรือบางที...อาจจะเป็นเหมือนวันนั้น...ที่จันทร์จ้าวและหมอภวัต...


“บางทีพี่จันทร์อาจจะไปที่วังฉัตรแล้วก็ได้นะคะ! เมื่อวานพี่จันทร์ก็พูดว่าจะไปช่วยคุณพงศ์ดูแลเรื่องทำความสะอาด” ดารารัษมีชิงพูดอย่างรวดเร็ว คุณหญิงผกานิ่งคิดตาม อ้าปากอยากจะค้านเพราะไม่คิดว่าบุตรชายคนรองจะตื่นไปวังฉัตรแต่เช้า แต่เสียงของสามีที่นั่งข้างๆกลับดังขึ้นเสียก่อน


“นั่นซีนะ คงจะไปที่วังฉัตรแล้ว ดาราขับรถเลยไปวังฉัตรเลยก็แล้วกัน”


“ค่ะ” หล่อนรับคำบิดาเสียงแผ่ว ด้วยหวั่นใจว่าอาจจะไม่พบจันทร์จ้าวที่วังฉัตรตามที่กล่าวอ้าง และหากเป็นเช่นนั้น หล่อนจะทำเช่นไรดี?!


๒ แฝดเหลือบมองกันด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ แล้วต่างก็ภาวนาด้วยความหวังอันน้อยนิดให้จันทร์จ้าวปรากฏกายที่วังฉัตรเดี๋ยวนี้เถิด!!!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้า)

ทำตามสัญญาแล้ว คืนความสุขให้หมอเรียบร้อย คุ้มมั้ยไม่รู้ แต่ดูเหมือนหมอจะพอใจอยู่นะคะ ฮาฮา

แต่พ่อจันทร์จะเจ็บน้อยเจ็บมาก เดี๋ยวตอนหน้ามาเฉลย ว่าที่หมอไปศึกษามาอย่างดีนี่ช่วยได้มากแค่ไหน แต่หมอบอกแล้ว “จะกลัวอะไร ผมเป็นหมอ” เอาจริงๆ คุณหมอเกรียนกว่าพ่อจันทร์อีกนะคะ มาไม้นี้คนฟังไปไม่ถูก

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์และทุกกำลังใจเช่นเคยค่ะ

ป.ล. ถ้วยฟูมาตอนทอล์คนิดเดียว มีแต่คนพูดถึงถ้วยฟู อิทธิฤทธิ์มันเยอะจริงๆ ฮาฮา

เจอกันพฤหัสหน้า

ออฟไลน์ ï_Kiss_U♥

  • รักไม่ได้
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2

ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :mc4: :mc4: :mc4:

คุ้มค่าการรอคอยมากกกกกก

อ๊าคคค ตอนหน้าคุณหญิงแม่จะทราบเรื่องไหมเนี้ยยย

อุตสาห์ฝ่ากระแสพี่น้องได้แล้ว ต้องฝ่ากระแสดราม่าพ่อ แม่ อีก

โอ๊ยยย สงสารคุณหมอ กะ พี่จันทร์ มากกก

 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :pighaun:  :katai2-1:  :hao6:  :katai2-1:  :ling1:  :katai2-1:  :katai1:  :katai2-1:

เลือดหมดตัวแล้วว

ออฟไลน์ Petalkiss

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
น้ำมันมะพร้าวววววววว  :pighaun: :hao6:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เป็นห่วงจันทร์จ้าวจัง  งื้อ  คุณหญิงแม่ต้องให้อภัยจันทร์จ้าวนะ  ไม่ว่าจะเกิอะไรขึ้น
เลิฟซีนละเมียดละไมจังค่ะ  คืนความสุขให้หมอภวัต  ฮิ้วววววววววววววว

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ถ้ายังตื่นไปทำงานไหว บอกเลย..คืนถัดไป หมอจัดหนักกว่าเดิมแน่

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เข้าหอแล้วววว อร๊ายยยย แล้วทีนี้คุณหญิงแม่จะตับได้ไมั้ยนี่ ลุ้นยาวๆไปถึงพฤหัสหน้า ลงแดงแน่เลยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด