...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 743489 ครั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คุณบัว

พักผ่อนให้พอนะ ถึงมีเรื่องให้คิด ให้กังวล ก็ต้องพักใจพักกายบ้าง
ทุก ๆ อย่างมีเวลาของมันเอง ขอให้สิ่งที่คุณกำลังเผชิญคลี่คลายไปในทางที่ดีนะ

คุณพ่อหล่อมาก ดีงามที่สุดในจักรวาล
#พระเอกตัวจริง

ออฟไลน์ PPink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อ่านแล้วอินกับความรู้สึกคุณพ่อชะมัด
สุดท้ายพ่อ(แม่)ก็ยังเป็นคนที่เข้าใจลูกที่สุดนั่นเอง
ถือว่าเป็นคุณพ่อที่ใจกว้างมากในสมัยนั้น ขนาดพี่อาทิตย์ยังแอนตี้เลย
ไม่ทราบว่าท่านไปได้ยินข่าวคราวมาจากไหน นานเท่าใดแล้ว แต่ยอมรับได้นี่นับถือน้ำใจ

ถ้าตอนหน้าจบเราว่าเร็วจัง รู้สึกปมคุณแม่กับเปิดตัวบ้านหมอยังเป็นเรื่องติดค้างในใจอยู่เลย 555
เรื่องนี้ซื้อแน่ ไม่พลาด! 555555555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ท่านนายพล เเลี้ยงลูกได้ดีมากๆ. ยอมตามใจลูกทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีความสุข สุดยอดดดดดด 

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
โล่งใจท่านนายพลรู้แล้ว เหลือคุณหญิงอีกด่านจะเป็นไงหนอ  :mew2: :mew2:
จันทร์มีคนรอบข้างที่รักมากมาก :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
รักคุณพ่อจังเลย อ่านแล้วน้ำตาคลอ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาจะไหล ความรักของคนเป็นพ่อช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน จันทร์จ้าวโชคดีจริงๆที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ เป็นครอบครัวที่มีความรักให้กันและอบอุ่นมาก กระซิก กระซิก ..

ปล.ตอนหน้าจะจบแล้ว เร็วจุง

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
รักพ่อค่ะ

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
กรี๊ด เค้าได้เข้าหอกันครั้งแรก ตอนหน้าก็จะจบเลยแล้วหรือคะ ขอตอนพิเศษเพิมความหวานด่วนๆเลยนะคะ อิอิ

ปล. จันทร์โชคดีมากที่คุณพ่อใจกว้างและรักลูกมากๆ ส่วนปัญหาตอนนี้คงเป็นคุณแม่สินะ สู้ๆ

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
คุณพ่อดีที่สุดเลย

จันทร์มีครอบครัวที่ดีมาก^^

ออฟไลน์ popuri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอย จะหาคุณพ่อแบบท่านนายพลได้จากไหนอีกบ้างคะเนี่ย น่ารักจริงๆ
แต่จะจบแล้วจริงๆเหรอคะเนี่ย ใจหายจริงๆ  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ท่านนายพลสุดยอดมากๆๆ คุณพ่อที่รักลูกโดยไมมีเงื่อนไขใดๆเลย o13

 :กอด1: :pig4: :L1:


ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
กราบที่อกคุณพ่อ แล้วกอดแน่นๆๆๆๆ คุณพ่อคนดีที่หนึ่งเลย






โถ๋...คุณจันทร์ของป้า เป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะพ่อคุณ (ยกผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยความปิติ)

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อ้างถึง
   “พ่ออาทิตย์จำเอาไว้...เมื่อไรที่มีลูก จงรักลูกทั้งตัวและหัวใจ ไม่ว่าจะแข็งแรงหรือพิการ ลูกก็คือลูก ไม่ว่าจะผิดถูกชั่วดี ลูกก็คือลูก แต่...จงอย่าใช้ความรักที่มีต่อลูกไปเป็นบ่วงรัดขาเขา เมื่อถึงวันหนึ่งที่เขาต้องเลือก ก็จงให้เขาเลือกตัวเขาเอง เพราะคนเป็นพ่อเป็นแม่ ย่อมสละได้ทุกอย่างเพื่อลูก แม้สิ่งที่สละนั้นจะเป็นความสุขของตนเองก็ตาม..."

คุณพ่อเป็นพ่อที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ค่ะ


 :hao5:

ออฟไลน์ urmein

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 871
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
คูณพ่อท่านประเสริฐมากๆเลยค่ะ
ความรักของพี่น้องบ้านนี้ คงจะทำให้คุณพ่อมีความสุขนะคะ

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ชอบมาก ไม่อยากให้จบเลย

 :กอด1:


ถ้ามีรวมเล่มนี่ขอจองเลยครับ

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
ท่านนายพลทำเอาน้ำตาคลอเลยค่ะ
พ่อท่านเข้าใจก็แล้ว คุณหญิงแม่คงไม่ยากอะไร(เหรอ)
 :sad4:

ออฟไลน์ monkey_saru

  • ทำไมหัวใจถึงเอียงซ้าย...*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนแรกก็สงสัยอยู่ว่าพ่อต้องรู้แน่ๆ แต่ยังไม่พูดอะไร
แต่นึกไม่ออกเลยว่าคนเขียนจะเขียนออกมาแบบไหน
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกดีมากจริงๆ  ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้นะคะ

ถ้าเราเป็นจันทร์จ้าว เราจะรู้สึกขอบคุณพ่อมากจริงๆที่พยายามเข้าใจ  แต่ก็เสียใจที่ไม่อาจเป็นได้อย่างที่หวัง

แต่กังวลคุณหญิงแม่มากเลย จะเป็นยังไงเนี่ยถ้ารู้ความจริง ฮ่าๆ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
จะจบแล้วจริงๆเหรอคะคุณบัว อึ้งมากไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ ถ้ามีแรงเมื่อไหร่ก็ขอตอนพิเศษด้วยนะคะ ส่วนตอนนี้ดีใจที่คุณพ่อไม่คิดจะขัดขวางแต่ทางคุณแม่นี่สิไม่รู้จะว่าไงบ้างคงต้องลุ้นเอาตอนจบแล้วล่ะ
ปอลิง ดูแลสุขภาพด้วยนะคะคุณบัว

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 :pig4: :pig4:
ซึ่งกับความรักของพ่อที่มีต่อจันทร์

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คุณบัวสู้ๆนะคะ พักผ่อนเยอะๆนะ
ดีใจที่คุณพ่อของจันทร์เข้าใจ ก็เหลือแต่คุณแม่แล้วก็ฝั่งคุณพ่อคุณแม่ของคุณหมอสินะ สู้ๆค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
ไม่อยากให้จบเลย กะลังฟินเลยยยยย :-[

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
คุณพ่อใจดีมากๆ เปิดวจและตาแหลมคมจริงๆเลยอ่ะ จันทร์โแชคดีจังที่มีพ่อที่ดีอย่างนี้ จะจบแล้วใจหายค่ะ คุณหมอกับจันทร์ยังไม่ค่อยได้สวีตหวานกันเท่าไรเลยค่ะ

ออฟไลน์ pinkypromise

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณพ่อเสียสละให้ลูกได้ทุกอย่างจริงๆ

จันทร์จ้าว เอาจริงๆก็เป็ยนตัวละครที่โชคดีมากๆ รอบตัวมีแต่คนช่วย

อาทิตย์หน้า จะจบซะแล้ว เงอออ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
สะอื้นกับคำสอนของพ่อ. ท่านนายพล เป็นลูกของแม่ลำดับท้ายๆ แต่หัวใจแข็งแกร่งมาก ขอบคุณน้องบัว ที่สร้างสรรค์ผลงานให้ยล (ของขวัญ กับจันทร์เจ้า เกี่ยวข้องกันทางใดรึ น้องบัว อยากรู้)

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
คุณพ่อ ความคิดดีงามล้ำสมัยมาก

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
คุณพ่อคนดีที่หนึ่ง

ออฟไลน์ numin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คือ รักคุณพ่อเลยอ่ะ แบบซึ้งแทนคุณจันทร์ คุณพ่อท่านน่ารักที่สุด เข้าใจลูกทุกคน
คุณจันทร์ก็รีบแจ้งความสัมพันธ์ให้คุณพ่อท่านรับทราบเถอะ อย่าปล่อยไว้นานเลย
คุณพ่อท่านคงอยากได้ยินเรื่องราวต่างๆจากปากคุณจันทร์
เง้อ หมดปัญหาเรื่องคุณพ่อ ก็เหลือคุณแม่กับทางบ้านหมอสินะ
ตอนหน้าจะจบแล้วจริงหรออออ ไม่เอา ไม่อยากให้จบเลย อยากฟินกับคุณหมอไปนานๆ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
บทที่ ๒๔

แม้วาจาของท่านนายพลเดช รักษพิพัฒน์จะฟังราวกับรู้เห็นและยินยอมกับเรื่องของเขาและจันทร์จ้าว แต่กระนั้น นายแพทย์หนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล


เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยความกังวลที่ยังคงล้นปรี่ เขาลอบถอนหายใจซ้ำๆตลอดทั้งวันด้วยเพราะไม่ทราบว่าชายสูงวัยผู้นั้นทราบเรื่องของเขาและจันทร์จ้าวได้อย่างไร จะว่าพวกเขาทำตัวเอิกเกริกก็เห็นจะไม่ใช่ ถึงแม้จะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย แต่ทุกที่ที่ไปด้วยกัน พวกเขาก็ไม่เคยประพฤติตัวให้เป็นที่ติฉินนิทาเลยแม้แต่น้อย แล้วเหตุใด…เหตุใดท่านนายพลจึงทราบเรื่องนี้


อาการใจคอเลื่อนลอยของหมอภวัต ไม่เพียงแต่จะเป็นที่สังเกตของนางพยาบาลสมฤดีผู้ทำงานใกล้ชิดทั้งวัน ยังเป็นที่สงสัยของจันทร์จ้าวที่พบปะเขาในตอนเย็นด้วย หลังจากเกมเทนนิสที่สโมสร คนทั้งคู่ก็กลับมาที่บ้านเช่าสีเขียวอ่อน โดยไม่ลืมแวะซื้อข้าวผัดมาคนละห่อกลับมารับประทานที่บ้านด้วย


ภวัตถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวคิ้วคอยแต่จะขมวดย่นอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุด ก็เป็นฝ่ายจันทร์จ้าวที่ทนไม่ไหวจนต้องตั้งคำถาม


“เป็นอะไรไปหมอ ผมเห็นถอนหายใจตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว หรือวันนี้ตีเทนนิสแพ้ผมจนปลงหรือ” เสียงของคนที่นั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะในบ้านเช่าสีเขียวอ่อนทำเอาภวัตเพิ่งจะรู้สึกตัว เขาเงยหน้ามองเจ้าของรอยยิ้มบางที่มีลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้าย ทว่าความไม่สบายใจก็ยังเกาะกุมจนดวงหน้าขาวไม่อาจยิ้มต่อไปได้อีก


“หมอเป็นอะไร บอกผมได้ไหม” เพราะภวัตไม่ใคร่จะเหมือนทุกที จันทร์จ้าวจึงเริ่มตั้งคำถามอย่างจริงจังและเป็นห่วง เขาวางช้อนส้อมลงกับจานแล้วจับจ้องใบหน้าของนายแพทย์หนุ่มราวกับต้องการคำตอบ


ภวัตรู้สึกอึดอัดไปทั้งอก คำพูดของท่านนายพลเดชยังดังก้องอยู่ในหูของเขา ยิ่งดังเท่าไร เขาก็ยิ่งกังวลมากเท่านั้น แม้ว่าท่านจะไม่ได้กีดกันขัดขวางแต่ประการใดก็ตาม



“คุณจันทร์…คิดว่า…มีโอกาสที่ทางบ้านคุณจะทราบเรื่องของเราไหมครับ”


“ทางบ้านผม? พี่น้องผมก็ทราบกันหมดแล้วไม่ใช่หรือ คงไม่มีโอกาสอื่นแล้วกระมัง”


“ไม่ครับ ผมหมายถึง…คุณพ่อคุณแม่ของคุณ” ดวงตากลมใหญ่เบิกโตขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบส่ายมือเป็นพัลวัน


“ไม่มีทางหรอกหมอ คุณพ่อคุณแม่ผมจะทราบได้อย่างไร คุณพ่อผมน่ะวันๆอยู่แต่ที่กรมตำรวจ งานท่านแยะออกปานนั้น ไม่มีทางจะมาสนใจเรื่องของผมหรอก ส่วนคุณแม่…ยิ่งแล้วใหญ่ ท่านกังวลแค่ว่าผมจะพาสะใภ้ไม่ดีเข้าบ้าน หารู้ไม่ สะใภ้คนเล็กของคุณแม่น่ะ…เป็นถึงนายแพทย์เชียว” ประโยคท้ายนั้น เจ้าตัวส่งสายตากรุ้มกริ่มราวกับจะบอกให้ภวัตรู้ตัวว่าถูกเขาโมเมให้กลายเป็นสะใภ้บ้านรักษพิพัฒน์ไปเสียแล้ว ทว่านายแพทย์หนุ่มกลับส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงดุ


“พูดอะไรอย่างนั้นครับคุณจันทร์”


“ก็ผมพูดจริงนี่ หมอต้องมาเป็นสะใภ้บ้านผม อะไรกัน คิดกับผมเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจังถึงขั้นเข้ามาเป็นสะใภ้บ้านนี้หรือ ผมน่ะลูกชายบ้านรักษพิพัฒน์ จะให้ใครมาล้อเล่นกับหัวใจได้อย่างไรกัน หมอไม่มีทางปฏิเสธแล้วล่ะ อย่างไรก็ต้องเข้ามาเป็นสะใภ้บ้านรักษพิพัฒน์ แต่คงต้องทำใจสักหน่อย เพราะสะใภ้ใหญ่น่ะคือคุณพิม ถึงคุณพิมจะอายุน้อยกว่าหมอก็จริง แต่ถ้านับตามศักดิ์แล้ว หมอต้องให้ความเคารพเธอนะ” ภวัตได้แต่อมยิ้มกับความคิดแสนแปลกของคนรัก ดูจันทร์จ้าวจะมุ่งมั่นกับการให้เขาเข้าไปเป็นสะใภ้เล็กของบ้านรักษพิพัฒน์มากทีเดียว เพราะเรียงลำดับอาวุโสให้แล้วเรียบร้อย


“มัดมือชกนี่ครับ”


“มัดมือชกอะไรกัน ตำแหน่งนี้ใครๆก็อยากได้ทั้งนั้น หมอไม่เห็นพวกคุณหญิงทั้งหลายมองผมเมื่อตอนงานแต่งของพี่อาทิตย์หรือ? มีแต่คนอยากเกี่ยวดองกับรักษพิพัฒน์ ผมอุตส่าห์ยกตำแหน่งนี้ให้หมอ กลับมาหาว่าเรามัดมือชกเสียได้” ฟังดูเหมือนจะน้อยใจ แต่คนอย่างจันทร์จ้าวนั้นประโยคเหล่านี้มีไว้เพื่อบังคับล้วนๆโดยไม่ถามความสมัครใจ ภวัตอมยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วจึงย้อนถาม


“แล้วคุณล่ะครับ คุณก็ต้องมาเป็นสะใภ้ใหญ่ให้บ้านวิชาญโยธินเช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ” พอถูกนายแพทย์หนุ่มย้อนเข้าให้ คนถูกแต่งตั้งให้เป็นสะใภ้ใหญ่ก็ถึงกับชะงักไปโดยพลัน นี่อย่างไร ถึงได้บอกว่าหมอภวัตเป็นคนฉลาด มักจะต้อนเขาให้จนมุมได้ทุกทีไป


“แต่…แต่…แต่ที่บ้านหมอก็ยังไม่ทราบไม่ใช่หรือ ถ้ายังไม่ทราบ ผมก็ไม่นับ”


“ถ้าอย่างนั้นไปทำให้ทราบเดี๋ยวนี้เลยครับ” ภวัตไม่พูดเพียงอย่างเดียว แต่ลุกขึ้นเดินไปคว้าแขนคนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารให้ลุกขึ้นด้วย คนถูกฉุดให้ลุกขึ้นถึงกับตาโตรั้งตัวไว้มั่น


“หมอจะบ้าหรือ?!! อยู่ดีไม่ว่าดีจะให้บ้านหมอทราบ!!”


“ก็คุณบอกเองว่าถ้าทราบ คุณจะยอมเป็นสะใภ้ใหญ่นี่ครับ ไปครับ ไปกัน” ยิ่งเห็นจันทร์จ้าวค้านหัวชนฝา ภวัตก็ยิ่งสนุก เขาหัวเราะพลางฉุดแขนคู่รักของตนให้ลุกจากโต๊ะ แต่จันทร์จ้าวก็ยังไม่ยอมอยู่เช่นนั้น ยิ่งเห็นหน้าตาดื้อดึงก็ยิ่งสมใจ ชายหนุ่มนึกไม่ออกว่าทำไมคนรอบข้างถึงพากันตามใจ ในเมื่อยามถูกขัดใจนั้น จันทร์จ้าวน่าเอ็นดูกว่าแยะ


“หมอ! ผมบอกว่าผมไม่ไปอย่างไรล่ะ! เอ๊ะ! หมอ! ผมทานข้าวอยู่นะ! เฮ้ย!!” จันทร์จ้าวผู้แข็งแรงถูกกระชากวูบสุดท้ายด้วยแรงทั้งหมดที่ภวัตมี ร่างโปร่งก็ถลาจากเก้าอี้เข้าไปประชิดกับร่างของนายแพทย์หนุ่ม ดวงตากลมใหญ่ตวัดจะเอาเรื่องที่อีกฝ่ายบังคับเขาจนถึงขั้นกระชาก แต่พอสบเข้ากับดวงตาคมของร่างสูง เขาก็ได้แต่เงียบ


มือหนาแตะเข้าที่เอวเบาๆแล้วเลื่อนโอบขึ้นมาที่แผ่นหลัง รั้งกายของจันทร์จ้าวให้เข้าแนบชิด มืออีกข้างเชยคางให้เงยมองแต่โดยดี ดวงตาสองคู่สบกันราวกับสื่อความในของหัวใจ



“วันนี้ผมกังวลทั้งวัน ตรวจคนไข้ไปก็เอาแต่คิดเรื่องนี้ คุณสมฤดียังดุ แต่ก็อดไม่ได้ ผมกังวลไปร้อยแปด คิดไม่ออกว่าหากท่านนายพลเดชกับคุณหญิงผกาทราบเรื่องของเรา ผมจะต้องทำอย่างไร แต่พอได้พบคุณ ได้คุยกับคุณ ความกังวลไม่ได้ลดลงก็จริง แต่ผมกลับมีกำลังใจเพิ่มขึ้น…โดยเฉพาะกำลังใจจากรอยยิ้มนี้…” ปลายนิ้วที่เชยปลายคางเลื่อนขึ้นมาแตะที่มุมปากแล้วไล้เรื่อยไปยังตำแหน่งของลักยิ้มที่เขาเห็นบ่อยๆ


“ยิ้มให้ผมนานๆนะครับคุณจันทร์…” ช่างเป็นคำขอที่เจียมเนื้อเจียมตัวเสียเหลือเกิน จันทร์จ้าวมองนายแพทย์หนุ่มผู้นี้แล้วจึงยิ้มให้ตามคำขอนั้น รอยยิ้มจางที่แสนอ่อนโยนนี้ มอบให้ภวัตเพียงผู้เดียว


“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอแค่หมอมองมาที่ผม ขอแค่หมอบอกกับผมว่าอยากเห็นผมยิ้ม ผมก็จะยิ้มให้หมออย่างนี้…ตลอดไป” จันทร์จ้าวผู้มุ่งมั่นและเถรตรงกับความรู้สึก กล้าหาญและเข้มแข็ง ให้อย่างไรภวัตก็ไม่อาจสู้ได้ แต่เพราะอย่างนี้ เพราะจันทร์จ้าวเป็นคนเช่นนี้ พวกเขาจึงสามารถประคับประคองความรู้สึกนี้มาได้


ภวัตมองคนในอ้อมแขนด้วยสายตาซาบซึ้ง หากไม่ใช่เพราะจันทร์จ้าว เขาก็คงไม่อาจก้าวข้ามทุกสิ่งอย่างแล้วได้เคียงข้างกับความรักของตนเองเช่นนี้ เพราะจันทร์จ้าวทั้งนั้น…เพราะจันทร์จ้าวผู้เดียว


นายแพทย์หนุ่มก้มลงเล็กน้อยแล้วแตะริมฝีปากของตนลงกับริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ รสจูบนุ่มละมุนเล็มไล้ไปตามเรียวปาก ครู่หนึ่งก็ถอนออกไป


ดวงตากลมใหญ่มองสบเข้าไปในดวงตาของภวัต ประกายแห่งความสุขฉายชัดอยู่ในดวงตาของคนทั้งคู่


“ไหนว่า…อยากได้แค่รอยยิ้มของผมไม่ใช่หรือ แล้วจูบผมทำไมล่ะหมอ” จันทร์จ้าวตั้งคำถามอย่างกรุ้มกริ่ม ทำเอาคนถูกถามถึงกับหัวเราะเบาๆ


“อยากได้แค่รอยยิ้มน่ะใช่ครับ แต่พอได้แล้วก็เลยอยากให้รางวัลเป็นของตอบแทนรอยยิ้ม” คำตอบของคนฉลาดกว่านั้น ทำเอาจันทร์จ้าวถึงกับหรี่ตามองอย่างคาดโทษ


“หมอขี้โกง” ภวัตไม่ตอบกระไร เพียงแค่หัวเราะแล้วก้มลงมาหมายจะจูบอีกหน แต่คราวนี้เจ้าของริมฝีปากไม่ยอมให้แตะต้องแต่โดยง่ายเพราะยื้อตัวไปเบื้องหลังเล็กน้อยก่อนจะถามเบาๆ


“จูบเมื่อครู่เป็นรางวัลไปแล้วนี่ แล้วนี่จะจูบผมทำไมอีก” ดวงตาคมของนายแพทย์หนุ่มมีแววระยิบ ก่อนจะยอมตอบคำถาม


“จูบปิดปากเพื่อไม่ให้คุณถามอะไรอีกน่ะซีครับ” แล้วหลังจากนั้น ก็ไม่มีคำถามของจันทร์จ้าวอีกเลย

...............................


   เพราะบุตรชายคนใหญ่ย้ายออกจากบ้านรักษพิพัฒน์ คนที่น่าจะตกที่นั่งลำบากเห็นจะเป็นจันทร์จ้าว ที่จะต้องกลับไปนอนที่บ้านเรือนไทยในเย็นวันศุกร์ แต่กระนั้นคนวาสนาดีอย่างเขาก็ไม่เคยตกที่นั่งลำบากโดยแท้จริง เพราะมีคนอุปถัมภ์มากมายนั่นเอง


   เย็นวันศุกร์ คุณหญิงผกาชะเง้อชะแง้ด้วยความห่วงใยว่าบุตรชายคนรองจะกลับมาที่บ้านรักษพิพัฒน์อย่างไร และหวั่นใจว่าเขาอาจจะอ้างความยากลำบากในการเดินทางแล้วไม่กลับมาให้หล่อนเห็นหน้าอย่างชื่นใจ


“ไม่มีรถไปรับสะดวก ก็ไม่รู้จะเกเรไม่กลับบ้านไหมนะคะ” หล่อนเปรยกับสามีที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ท่านนายพลถอนหายใจเบา


“ลูกมันโตแล้ว จะกังวลอะไรนักหนานะคุณหญิง”


“แหม! ก็ลูกทั้งคนนี่คะ! จะไม่ให้กังวลได้อย่างไร” พูดไม่ทันขาดคำเสียงรถยนต์กลับดังขึ้นมาบนเรือน ทำเอาคุณหญิงต้องรีบสั่งให้คนรับใช้ลงไปดูต้นเสียง ครู่หนึ่งจึงกลับขึ้นมารายงาน


   “คุณหมอภวัตกับคุณจันทร์มาเจ้าค่ะ” คราแรก คุณหญิงแปลกใจเล็กน้อยที่นายแพทย์หนุ่มเป็นเจ้าของรถที่บุตรชายของหล่อนพึ่งพาอาศัย แต่เมื่อได้เห็นดวงหน้าของบุตรชายอันเป็นที่รัก คุณหญิงก็พลอยลืมความแปลกใจไปหมด


   “แม่กำลังคิดอยู่เชียวว่าพ่อจันทร์จะมาอย่างไร นี่ติดรถคุณหมอมาหรือ” คุณหญิงผกาชวนคุย หลังจากรับไหว้แล้วกอดหอมจันทร์จ้าวด้วยความคิดถึง บุตรชายคนรองยิ้มจาง


   “ครับ ต่อจากนี้คงจะอาศัยรถหมอกลับมาที่นี่ทุกเย็นวันศุกร์ เพราะหมอต้องไปเยี่ยมคุณชายฉัตรที่วังทุกสัปดาห์ แล้วต้องกลับมาโรงพยาบาล ผมก็จะติดรถเธอมาเสียเลย แล้วเย็นวันอาทิตย์ก็ค่อยติดรถเธอกลับไปนอนที่บ้านเช่า” บุตรชายคนรองของคุณหญิงยังคงเป็นผู้ตอบ ในขณะที่ภวัตเพียงยิ้มน้อยๆ และหลีกเลี่ยงการหันไปสบตากับท่านนายพล ไม่ทราบเพราะอะไร แต่เขารู้สึกเสียวสันหลังชอบกลที่ต้องมาพบหน้าชายสูงวัยในวันนี้ เมื่อครู่ก็เพียงแค่ยกมือไหว้เท่านั้น ไม่ได้ถามไถ่เรื่องอื่นใด ท่านนายพลเองก็เป็นคนเงียบ จึงไม่ได้ชวนพูดคุยแต่ประการใดเช่นกัน ปล่อยให้ภรรยาเป็นผู้ชวนจันทร์จ้าวคุยแต่เพียงลำพัง


   “ฟังดูลำบากอย่างไรชอบกล พ่อจันทร์ซื้อรถดีไหม นี่ตอนนี้ทั้งบ้านก็เหลือรถคันเดียวแล้ว แม่ว่าพ่อจันทร์ซื้อเถอะ ไม่ต้องรอรุ่นที่ชอบสีที่ใช่นั่นแล้ว”


นายแพทย์หนุ่มได้ยินคุณหญิงพูดก็ยิ้มน้อยๆ ด้วยเพราะคบหากับจันทร์จ้าวมาระยะหนึ่ง เขาก็พอจะทราบดีว่าอีกฝ่ายช่างเลือกและเรื่องมากเพียงใด การที่ทุกวันนี้ยังไม่ซื้อรถเสียที เพราะไม่มีรุ่นที่ชอบสีที่ใช่ก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากนิสัยของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย


   “ถ้าผมซื้อ ที่นี่ก็เหลือรถคันเดียวอยู่ดีนี่ครับคุณแม่ ผมว่าคุณแม่ซื้ออีกคันแล้วไว้ที่นี่เสียเลยจะดีกว่า ยายดาราขับรถเป็นแล้วไม่ใช่หรือ ไว้ที่นี่ให้น้องได้ใช้ จะได้ไม่ลำบาก” จันทร์จ้าวอ้างถึงน้องสาว แต่คุณหญิงโบกมือให้ว่อน


   “จะไปห่วงแม่ดาราทำไม?! ทุกวันนี้คุณวินิตเธอก็เทียวรับเทียวส่งอยู่ตลอด แล้วนี่ก็จะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอแล้ว อีกหน่อยน้องก็ต้องแต่งงานออกเรือน ก็ไม่ได้ใช้กันพอดี แม่ว่าพ่อจันทร์ต่างหากที่ควรซื้อ! จะไปอาศัยรถคนนั้นคนนี้อยู่ตลอดได้อย่างไร”



   “แต่ผมยังไม่อยากได้นี่ครับคุณแม่ รถรุ่นที่ผมอยากได้ก็ไม่นำเข้าเมืองไทยเสียที ไม่ทราบเมื่อไรจะนำเข้ามา เกิดซื้อคันที่มีขายตอนนี้แล้วคันที่ผมอยากได้นำเข้ามาพอดี จะทำอย่างไร”


   “ก็ซื้ออีกคัน” คุณหญิงผู้มีมรดกพัสถานมากมายตอบเสียงดังฟังชัดจนแม้แต่ภวัตยังอดอมยิ้มไม่ได้


   “มันสิ้นเปลืองนะครับคุณแม่ บ้านเรามีรถหลายคัน คนนั้นคนนี้ก็จะอิจฉา สู้ให้ผมทำตัวพึ่งพาอาศัยหมอบ้าง คุณพงศ์บ้าง คนอื่นๆจะได้มองว่าเราอดอยากบ้างอย่างไรล่ะครับ” คุณหญิงผกามองบุตรชายผู้ยังยืนยันหนักแน่นว่าให้อย่างไรก็จะไม่ซื้อรถแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ


   “พูดอะไรอย่างนั้น คนที่ไหนจะอยากให้คนอื่นคิดว่าตัวเองอดอยาก คุณหมอดูลูกชายดิฉันเถอะค่ะ! เรื่องความคิดพิลึกพิลั่นต้องยกให้แก” ว่าแล้วก็หันไปฟ้องนายแพทย์หนุ่ม จันทร์จ้าวหัวเราะเบาๆหน้าตาสดใส


   “หมอเธอชินเสียแล้วล่ะครับคุณแม่ เธอว่าผมอยู่บ่อยๆว่าเปิ่นบ้าง แปลกบ้าง ถ้าไม่เปิ่นไม่แปลก ก็เห็นจะไม่ใช่นายจันทร์จ้าวคนนี้หรอกครับ” คุณหญิงผกาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมากับคำพูดของบุตรชายคนโปรด เสียงรถยนต์ดังขึ้นอีกหน คราวนี้คุณหญิงจำได้ดีว่าเป็นเสียงรถของนายวินิตว่าที่ลูกเขยนั่นเอง


   “สงสัยคุณวินิตจะพาแม่ดารากลับมาแล้ว” หล่อนว่าอย่างนั้นแล้วอึดใจต่อมานายวินิตและดารารัษมีก็เดินขึ้นเรือน แล้วยกมือไหว้สตรีสูงวัย ก่อนจะหันมาทักทายนายแพทย์หนุ่มและจันทร์จ้าว


   “คุณหมอมาได้อย่างไรคะนี่”


   “ผมแวะไปเยี่ยมคุณชายฉัตรแล้วก็เลยรับคุณจันทร์มาพร้อมกันน่ะครับ”


   “แม่กำลังบอกให้พ่อจันทร์ซื้อรถเสียทีก็โยกโย้ไม่ซื้อท่าเดียว เห็นว่าพึ่งพิงคุณหมอได้ก็เอาใหญ่” คุณหญิงบ่นบ้าง ดารารัษมีกวาดตามองพี่ชายและหมอภวัตแล้วก็นึกรู้ว่าจันทร์จ้าวผู้ท่ามากไม่ยอมซื้อรถคงจะมีเหตุผลส่วนตัวบางประการที่ทำให้เขาไม่ยอมซื้อเสียที หล่อนเองที่อาศัยรถของนายวินิตไปกลับทุกเช้าเย็นก็ยังมองว่าการได้นั่งรถคันเดียวกันออกจะเป็นความคิดที่เข้าทีที่จะได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างส่วนตัว


   “คุณแม่เคยบอกดาราไม่ใช่หรือคะ ว่าถ้าพี่จันทร์ลำบาก เธอไม่ทน นี่เพราะเธอไม่ลำบาก เธอก็เลยอยู่ได้อย่างไม่มีรถยนต์ส่วนตัวน่ะซีค่ะ” ดารารัษมีพูดต่อหน้าจันทร์จ้าว ดวงตา ๒ คู่ของ ๒ พี่น้องสบกัน สายตาของจันทร์จ้าวนั้นเต็มไปด้วยความขอบคุณที่ในที่สุด น้องสาวคนเล็กก็เข้าอกเข้าใจเขาเสียที


   “ดาราขอไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวสักครู่นะคะ เอ?...จริงด้วย วันนี้นภาจะกลับค่ำหน่อยนะคะ คุณแม่ เห็นว่าคุณเรย์อยากจะเรียนวิธีเขียนภาษาไทยอย่างถูกต้อง นภาก็เลยสอนให้ เดี๋ยวเธอจะพากลับมาส่งเอง” หล่อนว่าอย่างนั้นแล้วทิ้งนายวินิตเอาไว้กับเหล่าหนุ่มๆ และบิดามารดา ก่อนจะเดินหายลับเข้าห้องพักผ่อนของตนเองไป คุณหญิงผกาเห็นว่าลับหลังธิดาคนเล็กแล้ว ก็หันมาพูดกับบุตรชายคนรอง



   “นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่านายฝรั่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อจันทร์ล่ะก็ แม่ไม่มีวันยอมให้รับส่งอย่างนี้หรอกนะ ชาวบ้านเขาจะเอาไปพูดกันว่ามาจีบแม่นภา!” จันทร์จ้าวนิ่งไปชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะแสร้งยิ้มอย่างรวดเร็ว


   “คนสมัยนี้ ใครๆก็เป็นเพื่อนกันได้ครับคุณแม่ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง หรือชาติใดภาษาใด” คุณหญิงผู้เติบโตมากับสังคมยุคเก่าโบกมือพัลวัน


   “สมัยนี้สมัยไหนแม่สนหรอกจ้ะ! เป็นว่าถ้านายฝรั่งไม่ใช่เพื่อนพ่อจันทร์ แม่ไม่ยอมจริงๆ นี่เห็นว่าเป็นเพื่อนพ่อจันทร์กับคุณพงศ์หรอก ถึงได้ยอมให้ไปมาหาสู่กันอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าแม่ไม่วางใจ แต่เขาเกิดเขาเติบโตที่อื่น วันหนึ่งเขาก็คงกลับบ้านเขา เกิดมาจีบแม่นภาแล้วพาแม่นภาไปอยู่ด้วยจะทำอย่างไร ไม่เหมือนคุณวินิต ถึงจะเป็นคนจีนแต่ก็เกิดและเติบโตในเมืองไทย อย่างไรก็จะไม่ทิ้งแผ่นดินนี้ใช่ไหมคะ” ว่าแล้วก็หันมาถามว่าที่ลูกเขยอย่างนายวินิต ที่ถึงกับยิ้มเขิน



   “จริงครับคุณหญิง” แล้วคุณหญิงผกาก็หันไปคุยกระจุกกระจิกกับนายวินิต ในขณะที่ท่านนายพลผู้ซึ่งนั่งเงียบๆมานานหันมามองบุตรชายและนายแพทย์ภวัต สายตาของท่านนายพลแห่งกรมตำรวจผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวและมีสายตาอย่างลูกผู้ชาย มีหรือจะดูไม่ออกว่านายฝรั่งนามว่าเรย์มอนด์ อดัมส์ไม่ใช่แค่มาเที่ยวเล่นที่บ้านหลังนี้เพราะเป็นเพื่อนของจันทร์จ้าว


   “คุณพ่อมีอะไรหรือครับ”


   “ไว้นายฝรั่งว่างๆ ก็ให้มาคุยกับพ่อบ้าง แกพูดภาษาไทยได้ใช่ไหม พ่ออยากจะสนทนาด้วยสักหน่อย”


   “สนทนา?...เรื่องอะไรหรือครับ”


   “เรื่องแม่นภา...” คำพูดของท่านนายพล ทำเอาคุณหญิงผกาหูผึ่งหันมามอง จันทร์จ้าวเห็นสายตาสงสัยของมารดา ก็เกรงว่าบิดาจะพูดในสิ่งที่สายตาของบุรุษด้วยกันมองออก กำลังจะหาเรื่องหลบเลี่ยงแต่นายพลเดชเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน


   “จะฝากฝังให้ช่วยดูแล แม่นภาขับรถไม่เป็น ถ้ามีคนคอยรับส่งก็สะดวกไปอย่าง ตอนนี้จะหวังพึ่งพ่ออาทิตย์ก็ไม่ได้แล้ว ทางนั้นก็มีครอบครัวต้องดูแล ได้เพื่อนของพ่อจันทร์มาคอยอำนวยความสะดวกอย่างนี้ก็ดีไป”


   “อ้อ...ครับ...ผมคิดว่าเรย์ยินดีอยู่แล้วครับ” จันทร์จ้าวพอจะเบาใจไปเปลาะที่บิดาช่วยปกปิดให้ แม้จากสายตาที่บิดาใช้มองเขาจะบอกได้เป็นอย่างดีว่ารู้เห็นความรู้สึกที่เรย์มอนด์ อดัมส์มีต่อน้องสาวของเขา ซึ่งหากบิดาจะดูไม่ออกก็คงจะเกินไป เพราะเรย์มอนด์ อดัมส์ทำทุกอย่างที่บุรุษพึงกระทำต่อสตรีอันเป็นที่รัก ทั้งมาเยี่ยมเยียน มีของมาฝาก คอยดูแลรับส่ง คุณหญิงผกาอาจไม่ทันสังเกตเพราะเป็นสตรีและฝังใจกับค่านิยมเดิมในใจของตน แต่ย่อมไม่พ้นสายตาอันคมกริบของท่านนายพลเดช หนำซ้ำท่านยังทำงานอยู่ในกรมตำรวจ มีหูตามากมายรอบตัว ต่อให้ไม่เห็นเอง ก็มีคนนำความมาเล่าให้ฟังเป็นทางลับอยู่เนืองๆ


   “อย่างไรก็พาพ่อฝรั่งมาคุยกับพ่อบ้างแล้วกัน”


   “ได้ครับ คุณพ่อ...” การเปิดทางให้เรียกเรย์มอนด์มาพูดคุย ถือว่าเป็นสัญญาณอันดี จันทร์จ้าวพอจะสบายใจจนกระทั่งเสียงของบิดาดังขึ้นอีกหน


   “ส่วนเรื่องของพ่อจันทร์...” คำพูดประโยคต่อมาของท่านนายพลทำเอาคนกำลังสบายใจถึงกับเงยหน้าขึ้นมองทันควัน สายตาของท่านนายพลจับจ้องบุตรชายคนรองทีหนึ่ง แล้วจึงเหลือบมองนายแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ๆทีหนึ่ง จากนั้นก็เหลือบกลับมามองจันทร์จ้าวอีกครั้ง


   “...ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน” ราวกับหัวใจของจันทร์จ้าวและหมอภวัตหล่นตุบลงกองกับพื้นอย่างคาดไม่ถึง คุณหญิงผกาได้ยินแว่วๆว่าสามีพูดเรื่องบุตรชายคนรองก็หันมองด้วยความสงสัย


   “เรื่องพ่อจันทร์ทำไมหรือคะ คุณพี่” จันทร์จ้าวหายใจไม่ทั่วท้อง ภวัตเองก็รู้สึกถึงเหงื่อกาฬซึมเต็มหลัง เขาได้แต่จับจ้องใบหน้าของท่านนายพลที่ยังคงมองตรงมาที่เขา ที่เฝ้าถามตนเองและเป็นกังวลว่าท่านนายพลเดชจะทราบเรื่องของพวกเขาหรือไม่ วันนี้กระจ่างชัดแล้วว่าท่านทราบจริง แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือท่านไม่คัดค้านแต่ประการใด


   “ไม่มีอะไร แค่บอกให้พ่อจันทร์ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”


   “พิสูจน์เรื่องอะไรคะ” คุณหญิงยังถามด้วยความฉงน


   “ก็...ทุกๆเรื่อง...” ท่านตอบ แล้วกวาดตามองไปรอบๆตัว “เริ่มหิวแล้วสิ ให้ใครตั้งโต๊ะเสียเลยดีไหม วันนี้เรามีกันเท่านี้ แม่ดาราออกจากห้องเมื่อไร จะได้เริ่มมื้อค่ำกันเลย” พอพูดถึงเรื่องปากท้อง คุณหญิงผกาก็รับหน้าที่ภรรยาที่ดี หันไปขอตัวกับนายวินิตและหมอภวัตผู้เป็นแขก ก่อนจะเรียกหาคนรับใช้เก่าแก่อย่างจรวยให้จัดของขึ้นโต๊ะตามความต้องการของสามี


   เมื่อเหลือกันเพียงแต่หนุ่มๆ ท่านนายพลก็ลุกขึ้นบ้าง จันทร์จ้าวเห็นบิดาลุกขึ้นก็หมายจะลุกตามทั้งๆที่ยังไม่ทราบว่าหากตามไปแล้วจะมีเรื่องใดให้เอื้อนเอ่ยออกมา ในเมื่อเวลานี้เขารู้สึกตีบตันไปทั้งลำคอ


   “พ่อจันทร์นั่งอยู่ตรงนี้เถอะ จะได้อยู่คุยเป็นเพื่อนคุณหมอกับคุณวินิต พ่อจะไปล้างไม้ล้างมือเสียหน่อย” ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินจากไป จันทร์จ้าวจึงทรุดตัวลงนั่งที่เดิมแล้วเหลือบมองคนข้างกายด้วยไม่รู้จะพูดคำใด เหมือนทั้งกังวลในสิ่งที่บิดาพูด แต่ก็เหมือนจะคลายกังวลราวกับยกภูเขาออกจากอก บิดาพูดเหมือนรับรู้เรื่องของเขาและหมอภวัต แต่กระนั้นก็ไม่โวยวายคันค้าน ซ้ำยังแนะนำให้ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์


   นายวินิตเห็นสีหน้าเดี๋ยวซีดเดี๋ยวแดงของนายแพทย์หนุ่มและเจ้าบ้านก็อยากจะร้องถาม พอดีกับที่ดารารัษมีเดินออกจากห้องพักผ่อน เขาจึงหันไปขอคำปรึกษา


   “คุณจันทร์กับคุณหมอทำท่าแปลกๆนะครับ คุณดารา”


   “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ แล้วคุณพ่อคุณแม่...” ดารารัษมีถามหาบิดามารดาก่อนจะกวาดตามองไปทั่ว


   “คุณหญิงกำลังจะให้คนจัดโต๊ะครับ ส่วนท่านนายพลว่าจะไปล้างมือ ส่วนคุณจันทร์กับคุณหมอ จู่ๆก็เป็นอย่างนั้นไปเสียแล้ว ไม่ทราบเป็นอะไร เมื่อครู่ยังดีๆอยู่เลย”


   “เมื่อครู่ยังดีๆ แล้วทำไมตอนนี้ถึงเป็นเช่นนี้ล่ะคะ” หล่อนย้อนถามแล้วหันกลับมาจับจ้องพี่ชายและนายแพทย์หนุ่ม ที่ดูเหมือนจะพากันตกอยู่ในภวังค์เสียแล้ว


   “ผมก็ไม่ทราบครับ เมื่อครู่ ก็เห็นยังพูดคุยกับท่านนายพลอยู่เลย ท่านนายพลยังบอกว่าให้คุณจันทร์พามิสเตอร์อดัมส์มาคุยกับท่านบ้าง แล้วยังว่าให้คุณจันทร์ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”


   “ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์? พิสูจน์อะไรคะ?”


   “ท่านนายพลย้ำแค่ว่า พิสูจน์ทุกเรื่องของคุณจันทร์ แล้วหลังจากนั้นทั้งคุณจันทร์ ทั้งคุณหมอก็เป็นอย่างนี้เสียแล้ว” ดารารัษมีนิ่งไปเล็กน้อย หล่อนมองชายหนุ่มทั้ง ๒ แล้วทบทวนสิ่งที่นายวินิตเล่าอีกหน แล้วอะไรบางอย่างในใจก็บอกหล่อนว่าบิดาเองก็มองเห็นความรู้สึกที่จันทร์จ้าวและหมอภวัตมีต่อกัน หนำซ้ำไปกว่านั้น...ท่านไม่คัดค้านห้ามปรามอีกด้วย


   รอยยิ้มจางวาดบนใบหน้าของหญิงสาว ก่อนที่ธิดาคนเล็กของท่านนายพลเดชจะหันมามองคู่รักของตน


   “คุณพ่อท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุมีผล ท่านมักจะมีคำคมให้นำไปคิดต่อเรื่อยค่ะ คุณวินิตก็ระวังไว้นะคะ สักวันคงจะได้คำคมสักประโยค ๒ ประโยคให้นำกลับไปท่อง” นายวินิตยิ้มกว้างจนตาหยีอย่างยินดี


   “สัก ๑๐ ประโยคยังไหวเลยครับ” ดารารัษมีหัวเราะเบาๆ


   “คุณแม่ลงไปที่ครัวแล้วใช่ไหมคะ ถ้าเช่นนั้น เราลงไปช่วยคุณแม่กันเถอะค่ะ ปล่อยพี่จันทร์กับคุณหมอไว้ตรงนี้เถอะ” นายวินิตไม่มีหืออือ เดินเคียงคู่คุยกับกระจุ๋งกระจิ๋งกับดารารัษมีลงจากเรือนไป แล้วทิ้งให้บนเรือนเหลือเพียงชายหนุ่มคู่หนึ่งที่ไม่มีคำพูดใดๆต่อกัน มีเพียงสายตา ๒ คู่ที่ทอดมองกันและกัน ภวัตไม่พูดคำใด เหมือนที่จันทร์จ้าวเองก็ไม่เอ่ยคำใด แล้วต่างฝ่ายต่างก็ถอนหายใจเบาออกมาราวกับปลดปล่อยความอึดอัดในหัวอก จันทร์จ้าววาง ๒ มือเท้าไปด้านหลังแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสียามค่ำ ลมเย็นพัดเอื่อยให้ความสุขใจ ก่อนที่จะเอ่ยออกมาเบาๆให้ได้ยินกันเพียง ๒ คน



   “ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์นะหมอ”


   นายแพทย์หนุ่มเหลือบมองคนข้างกายแล้วยิ้มจาง ก่อนจะรับคำ


   “ครับ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”


...........................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2016 20:36:56 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


หลังจากบุตรชายคนใหญ่แต่งงานและย้ายออกจากบ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ไปอยู่ที่ตึกเล็กในเขตวังฉัตรไม่นานนัก นายวินิตผู้เป็นเจ้าของโฮเต็ลในเยาวราชก็ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอดารารัษมี คุณหญิงผกาเห็นบุตรธิดาแยกย้ายออกเรือนไปทีละคนแล้วก็อดใจหายไม่ได้ จึงไม่คิดจะหาคู่ครองให้จันทร์จ้าวต้องแยกออกไปมีครอบครัวอีกเป็นคนที่ ๓



   บุตรชายคนรองของท่านนายพลเดชและคุณหญิงผกาจึงครองตัวเป็นโสดเรื่อยมาได้อย่างสบายใจ



   ทว่าการครองตัวเป็นโสดของเขา หาใช่ครองเพียงลำพัง เพราะใครบางคนก็ครองตัวโสดเช่นเดียวกับเขาเหมือนกัน



   รถยนต์คุ้นตาแล่นผ่านความร้อนจัดยามบ่ายคล้อยมาเลียบจอดที่ฟุตบาธหน้าสำนักงานค้าหนังสือนำเข้าจากต่างประเทศ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของคนที่ยืนหลบแดดอยู่ใต้กันสาดจะก้าวเท้าอย่างรวดเร็วตรงไปที่รถแล้วเปิดประตูขึ้นนั่งด้วยความเคยชิน



   “วันนี้มาไวเชียวหมอ ออกจากโรงพยาบาลเร็วหรือ” จันทร์จ้าวทักทายด้วยน้ำเสียงสดใสและรอยยิ้มที่เห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้าย สารถีหนุ่มหันมองรอยยิ้มนั้นแล้วมอบรอยยิ้มกลับไป



   “วันนี้คนไข้มีไม่มากเท่าไร คุณล่ะครับ วันนี้ไม่ต้องกลับไปนอนที่บ้านเรือนไทยหรือ วันอาทิตย์จะมีงานคุณดาราแล้ว คุณน่าจะกลับบ้านไปช่วยเรื่องพิธี” ภวัตถาม ก่อนจะเบี่ยงรถยนต์ของตนกลับเข้าสู่ถนนที่จอแจอีกครั้งหนึ่ง



วันนี้เป็นศุกร์ ซึ่งหากทุกทีแล้ว ถึงแม้จะได้พบหน้ากันทุกวัน แต่ก็รู้กันดีว่าคืนวันศุกร์และคืนวันเสาร์ จันทร์จ้าวต้องกลับไปนอนที่บ้านเรือนไทยตามที่ให้สัญญาเอาไว้กับคุณหญิงผกา ทว่าวันนี้ซึ่งเป็นวันศุกร์ บุตรชายคนรองของบ้านรักษพิพัฒน์กลับจะนอนค้างที่บ้านเช่าเสียอย่างนั้น หนำซ้ำอีก ๒ วันก็จะถึงวันเข้าพิธีมงคลของดารารัษมีและนายวินิตอยู่แล้ว พี่ชายแท้ๆอย่างเขาควรจะกลับไปช่วยเหลือเรื่องจัดงานเท่าที่จะทำได้ 



   “คนอย่างผมน่ะช่วยจัดอะไรได้ที่ไหน ให้ช่วยรับแขกเหมือนคราวงานพี่อาทิตย์กับคุณพิมก็พอว่า แต่ถ้าจะให้ไปชี้ซ้ายชี้ขวาเห็นจะทำไม่เป็น แล้วอีกอย่าง คุณแม่ก็ไม่ให้กลับ เห็นว่าวันนี้จะมีคนมาช่วยเรื่องงานแต่งที่เรือน ก็เลยไม่อยากให้ผมกลับ สงสัยคนที่มาช่วยจะพาลูกสาวมาด้วยกระมัง คุณแม่เลยไม่อยากให้ผมไปพบเข้า” จันทร์จ้าวพูดแล้วหัวเราะอย่างนึกสนุก เขารู้ดีว่าคุณหญิงผกาหวงแหนเขาเพียงใด แต่ก็อดมองอย่างขำขันไม่ได้ ว่ามารดาช่างหาวิธีมาขัดขวางไม่ให้เขาได้พบหญิงสาวคนใดที่มีแววว่าจะต้องตาเขาทั้งนั้น


   “คงจะกลัวว่าคุณจะไปขวางทางมากกว่ากระมังครับ” ภวัตหันมาพูดพลางยิ้ม 


   “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ปล่อยให้คนรู้งานเขาทำกันไปจะดีกว่า แต่ผมว่าพรุ่งนี้จะกลับไปค้างที่บ้านอยู่หรอกนะ นัดกับพี่อาทิตย์แล้ว เพราะวันมะรืนดาราก็จะแต่งงาน คุณพ่อคุณแม่คงใจหายน่าดู ก็เลยอยากจะกลับไปทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเสียหน่อย” นายแพทย์หนุ่มได้แต่อมยิ้ม ยิ่งรู้จัก ยิ่งคบหา ก็ยิ่งรับรู้ว่าครอบครัวรักษพิพัฒน์รักกันมากเพียงใด ต่อให้อาทิตย์จะแต่งงาน หรือในภายภาคหน้าดารารัษมีจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลอื่น แต่ทุกๆคนก็ยังยึดมั่นในครอบครัวเดิมของตนเองอย่างแน่นแฟ้น


   “ดีแล้วครับ”


   “หมอก็ไปด้วยกันสิ” ประโยคชวนประโยคต่อมาทำเอาสารถีชะงักไปชั่วอึดใจ ก่อนจะหันกลับมามองคนชวนอย่างคาดไม่ถึง



“ไปกันเยอะๆจะได้สนุก ทั้งคุณพิม คุณพงศ์ แล้วก็เรย์ คุณพ่อคุณแม่ของผมคงชอบ มีคนร่วมโต๊ะเยอะๆอย่างนี้”


เป็นว่าไม่ได้ชวนแค่ภวัตเพียงคนเดียว นายแพทย์หนุ่มโล่งอกอยู่บ้างแต่กระนั้นก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ ถึงแม้จะทราบดีว่าจันทร์จ้าวมอบสถานะคู่รักให้กับเขาเพียงคนเดียว แต่ก็ไม่อาจเปิดเผยให้ใครต่อใครทราบได้อย่างเต็มปาก ยามชวนไปรับประทานอาหารที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์จึงมักจะมีคนอื่นๆนอกเหนือจากเขาติดตามไปด้วยเสมอ ที่เห็นจะบ่อยๆก็คือหม่อมหลวงพงศ์ภราธรนั่นเอง


“หมออยากไปไหม” คำถามของจันทร์จ้าวฉุดความคิดของนายแพทย์หนุ่มให้กลับมาสนใจคนข้างกาย เขาเหลือบตาไปมองคนถามวูบหนึ่ง ก่อนจะหันมาสนใจถนนเบื้องหน้าต่อ


“อยากสิครับ”


“ผมหมายถึงไปแล้วค้างกับผมที่นั่นนะ” ประโยคต่อมาของจันทร์จ้าวทำเอาภวัตหันมองโดยพลัน ทว่าคนพูดกลับไม่ยอมหันมองเขาแม้แต่น้อย เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถอยู่เช่นนั้น


“ผมไม่ได้ให้หมอไปทานข้าวในฐานะแขก แต่ผมจะให้หมอค้างในฐานะคนของรักษพิพัฒน์ หรืออย่างน้อยๆก็ค้างในฐานะคนสำคัญของลูกชายบ้านรักษพิพัฒน์ หมอจะว่าอย่างไร”


“แล้วคุณพ่อคุณแม่ของคุณ...”


“ผมเรียนพวกท่านแล้ว ไม่เห็นจะมีใครว่าอะไร คุณแม่ยังบอกว่าจะให้ป้าจรวยเตรียมเครื่องใช้ให้ ส่วนคุณพ่อก็ไม่คัดค้าน ผมก็ถือว่าทุกคนยินดีให้คุณหมอค้าง”


ช่างเป็นคำพูดของบุตรชายคนรองผู้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ เจ้าตัวจึงกระทำทุกอย่างด้วยความเอาแต่ใจ หนำซ้ำยังบรรลุผลเสียด้วย ภวัตหันมองคู่รักของตนด้วยสายตารักใคร่ อยากดึงรั้งมือขาวขึ้นมาจูบเบาๆให้สมกับความกล้าหาญบ้าบิ่นที่เจ้าตัวไปขออนุญาตให้เขาได้ค้างที่บ้านรักษพิพัฒน์ แต่ติดที่อยู่กลางถนนของกรุงเทพฯ เขาจึงทำได้เพียงเอื้อมมือไปจับมือของจันทร์จ้าวที่วางอยู่บนเบาะเท่านั้นเอง


“ผมทำได้เท่านี้ล่ะหมอ...” เจ้าของมือที่ถูกภวัตกุมเอาไว้เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ดวงหน้าขาวขึ้นสีเรื่อด้วยเพราะเจ้าของนึกเขินกับสิ่งที่กำลังจะพูดต่อไปนี้ “...ผมไม่ได้มีเงินทองมากมาย เงินเก็บส่วนหนึ่งก็ลงไปกับสำนักงาน จะให้ผมซื้อเรือนหอเหมือนหมอทำ ผมก็ทำไม่ได้ สิ่งเดียวที่ผมทำได้ คือพาหมอเข้าบ้านผม และทำให้ทุกคนยอมรับหมอ ไม่ใช่ยอมรับเพราะหมอคือหมอภวัต แต่ยอมรับเพราะหมอคือคนสำคัญของผม...” ภวัตยิ้มจาง หัวใจอิ่มเอิบกับความตั้งใจจริงที่จันทร์จ้าวมีต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา


“ขอบคุณนะครับคุณจันทร์ ขอบคุณเหลือเกินที่ทำเพื่อผมถึงเพียงนี้”


...............................................


   เย็นวันเดียวกันนี้ นอกจากจันทร์จ้าวและหมอภวัตกำลังพูดคุยถึงเรื่องกลับไปค้างที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์แล้ว ที่ตึกเล็กในเขตวังฉัตรก็กำลังมีเรื่องนี้เป็นหัวข้อบทสนทนาเช่นกัน



   “พิมให้คนเตรียมของสำหรับไปค้างที่เรือนไทยแล้วนะคะ นอกจากเสื้อผ้าที่จะใส่ในวันงาน ก็มีของฝากให้คุณพ่อคุณแม่ของคุณด้วยค่ะ คุณอยากให้พิมเตรียมอะไรเพิ่มไหมคะ” พิมพัชราเดินเข้ามานั่งเคียงข้างสามีที่นั่งเงียบๆอยู่บนเก้าอี้ยาวในห้องทำงานขนาดย่อม นายทหารหนุ่มหันมองแล้วยิ้มจาง



   “ไม่แล้วครับ ขอบคุณ” ท่าทางของเขาดูทั้งสุขทั้งเศร้าอย่างไรชอบกล หญิงคนรักไม่พูดกระไรนอกจากเอื้อมมือไปกอบกุมมือของเขาเอาไว้ และเพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็มอบรอยยิ้มให้หล่อนอีกหน



   “ผมรู้สึกว่าเพิ่งจะไม่นานมานี้เองที่ดารายังร้องไห้กระจองอแงอยู่เลย แต่มะรืนนี้น้องก็จะแต่งงานออกเรือนแล้ว”



   “แต่ไม่ว่าคุณดาราจะเป็นอย่างไร เธอก็ยังเป็นน้องของคุณตลอดไปนะคะ ต่อให้เธอจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช่สกุลอื่น แต่ครึ่งหนึ่งของเธอก็ยังคงเป็นรักษิพัฒน์เหมือนคุณ” พิมพัชรายังคงเป็นทั้งกำลังใจและเพื่อนคู่คิด อาทิตย์มองหญิงสาวด้วยความรักและศรัทธา การได้ครองคู่กับหล่อนคือความดีและความงามสูงสุดสิ่งหนึ่งในชีวิตของเขา



   “ขอบคุณนะครับคุณพิม...ทั้งเรื่องที่ปลอบใจผม...และเรื่องของจันทร์” เพราะมีหล่อนอยู่เคียงข้าง เขาถึงก้าวผ่านทิฐิและความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายทั้งปวงมาได้ วันนี้เมื่อมองย้อนกลับไป ยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าเหตุใดคนที่อยู่ในกรอบแห่งกฎเกณฑ์อย่างเขาจึงยอมรับและปล่อยวางเรื่องทั้งหมด แต่พอลองหันมองข้างกายก็ได้คำตอบชัดเจน คนที่ทำให้เขายอมละทิ้งเรื่องเหล่านั้นลงจากบ่าคือพิมพัชราคนนี้



   “เพราะคุณกล้าหาญที่จะยอมรับต่างหากละคะ คุณทั้งกล้าหาญและเข้มแข็ง จะมีสักกี่คนที่ยอมรับเรื่องนี้ จะมีสักกี่คนที่ยินดีและยึดมั่นกับความสุขของคนที่เรารักแม้ว่าเราจะเจ็บปวดเพียงใด แต่เพื่อความสุขของคุณจันทร์ คุณยอมได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น...คุณคือคนที่กล้าหาญ คุณคือความภาคภูมิใจของพิมนะคะ” อาทิตย์มองสบเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว พวกเขายิ้มให้กันอย่างบางเบา


   “ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ พิมให้คนตั้งโต๊ะแล้ว” หล่อนเอ่ยชวน นายทหารจึงลุกจากเก้าอี้ยาวอย่างว่าง่าย เสียงคุยกระจุ๋งกระจิ๋งของคนทั้งคู่ดังเบาๆยามเดินเคียงกันออกจากห้องทำงาน


   “...คุณพิมเตรียมอะไปฝากคุณพ่อคุณแม่หรือครับ”


   “มีขนมกับผลไม้อบแห้งค่ะ”


   “เห็นจันทร์ว่าจะชวนคุณหมอภวัตไปด้วย คุณพิมพอจะมีเผื่อให้คุณหมอบ้างไหมครับ” พิมพัชราหันมองคนถามอย่างคาดไม่ถึง แต่ชั่วพริบตาเมื่อตระหนักได้ว่านี่คือการแสดงออกว่าเขายอมรับเรื่องของจันทร์จ้าวและภวัตโดยสมบูรณ์แล้วก็แย้มยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน


   “มีค่ะ แล้วพิมจะให้คนเตรียมให้นะคะ”


   พวกเขายิ้มให้กันอีกครั้ง หัวใจสุขสงบและเป็นสุขยิ่งกว่าครั้งใด...


.................................................


   บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์สร้างขึ้นด้วยความปรารถนาที่ท่านนายพลเดชต้องการมีบุตรธิดาจำนวนมาก แต่อย่างไรเสีย วันหนึ่ง บุตรธิดาทั้งหลายก็ล้วนต้องออกจากบ้านหลังนี้ไปเพื่อไปมีชีวิตเป็นของตนเอง อาทิตย์ย้ายออกไปเมื่อแต่งงานกับพิมพัชรา จันทร์จ้าวเองก็รักสันโดษเกินกว่าจะอยู่ที่นี่ ดารารัษมีก็กำลังจะมีพิธีในวันพรุ่งนี้แล้ว และจะย้ายออกจากที่นี่ไปใช้สกุลของนายวินิต ที่เหลือก็มีเพียงนภาสรวงที่ยังคงอาศัยอยู่ที่นี่กับบิดามารดาเท่านั้นเอง



   ท่านนายพลและคุณหญิงออกจะใจหายไม่น้อย และดูเหมือนบุตรชายทั้ง ๒ จะเข้าอกเข้าใจความรู้สึกเป็นอย่างดี วันนี้อาทิตย์จึงพาพิมพัชรากลับมาค้างที่บ้านเรือนไทยหลังนี้ พร้อมๆกับที่จันทร์จ้าวก็ชวนหมอภวัต หม่อมหลวงพงศ์ภราธร และเรย์มอนด์ อดัมส์มารับประทานอาหารร่วมกันที่นี่



   “วันนี้เรามาฉลองให้แด่นางสาวดารารัษมี รักษพิพัฒน์ แล้วพรุ่งนี้ เราจะฉลองให้นางดารารัษมี วิมลกิตติ” จันทร์จ้าวพูดขึ้นมากลางโต๊ะรับประทานอาหารที่ออกจะแน่นขนัดเป็นพิเศษ เพราะมีผู้ร่วมรับประทานอาหารจำนวนมากกว่าเคย



   “สกุลเก่าเพราะกว่าแยะนะคะพี่จันทร์” คนต้องเปลี่ยนนนามสกุลในวันพรุ่งนี้เอ่ยขึ้นมา ทำเอานภาสรวงที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับตีแขนเพี๊ยะ


   “พูดอะไรน่ะดารา คุณวินิตได้ยินเข้าจะเสียใจเอา”


   “นั่นซีคะ คุณดารา พิมก็ว่าสกุลของคุณวินิตเธอออกจะเพราะ” พิมพัชราผู้กลายมาเป็นพี่สะใภ้เอ่ยขึ้นมาบ้าง แต่กระนั้นสีหน้าของดารารัษมีก็ยังดูเหมือนจะไม่ยอมเปลี่ยนความคิดที่ว่านามสกุลเดิมของตนนั้นเพราะดีอยู่แล้ว และนามสกุลใหม่เห็นจะไม่สู้


   “คุณพิมพูดอย่างนี้ พี่อาทิตย์จะเสียใจแย่นะครับ ชมนามสกุลคุณวินิต ไม่เห็นจะชมนามสกุลพวกผมสักคำ” จันทร์จ้าวหันมาพูดกับหญิงสาวผู้แต่งเข้าสกุลของตน


   “ฮะแฮ่ม! จันทร์ แกพูดให้ดีเชียว จะให้ยายพิมชมสกุลไหนก็ได้ แต่อันดับหนึ่งของยายพิมต้องเป็นฉัตราภาส” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรรีบขัดคอเพื่อนรัก พาเอาคนทั้งโต๊ะหัวเราะขำขันกับความมุ่งมั่นของเขา


   “เห็นไหมล่ะคะ คุณพงศ์ยังเห็นด้วยเลยว่าสกุลเดิมของแต่ละคนย่อมเพราะที่สุดเป็นไหนๆ” ดารารัษมีโมเมเอาว่าราชนิกูลหนุ่มเข้าข้างตนไปทั้งอย่างนั้น ทำเอาจันทร์จ้าวต้องหยอกเอินเสียหน่อย


   “หรือดาราที่รักไม่อยากจะเปลี่ยนแล้วล่ะจ้ะ พี่จะได้ไปบอกคุณวินิตว่าให้ยกเลิกงานแต่งพรุ่งนี้เสียเลย”


   “ได้ที่ไหนกันคะ?! ดารากับคุณวินิตช่วยกันตั้งชื่อลูกแล้ว เกิดยกเลิกงานแต่ง แล้วจะเอาชื่อไปทำอะไรล่ะ” คำพูดแสนเซี้ยวของธิดาคนเล็ก ทำเอาคุณหญิงผกาถึงกับยกมือแตะอกราวกับลมจะจับ


   “ตายแล้วแม่ดารา! เป็นสาวเป็นแส้ไปคุยเรื่องลูกกับผู้ชายได้อย่างไรกัน!! คุณวินิตมิมองหล่อนเสียๆหายๆหรือยะ?!”


   “แหม ก็ต้องคุยไว้ก่อนสิคะคุณแม่ ไม่คุยแล้วจะทราบได้อย่างไรว่าคิดชื่อตรงกันไหม”


   “แล้วเป็นว่าคิดชื่อตรงกันไหมล่ะ” จันทร์จ้าวถามอย่างนึกสนุก ดารารัษมีส่ายหน้าพัลวัน


   “ตรงกันก็แปลกล่ะค่ะ บ้านนั้นเขาคนจีน ชื่อต้องสั้น ง่าย ความหมายดี อ้ายเราหรืออยากให้ลูกชื่อยาวๆ โก้เก๋ออกจะตายไป คิดเอาไว้แล้วว่าถ้าเป็นลูกชายจะให้ชื่อชัยนเรศกับโชคบดินทร์ ลูกสาวก็ต้องชิดชนกหรือไม่ก็ชบากรอง คุณวินิตตัดเรียบเหลือแค่ชัยกับโชค ถ้าเป็นลูกสาวให้ชื่อชิดกับชบา แต่อย่าคิดว่าดาราจะยอมนะคะ ดาราเป็นคนอุ้มท้อง ดาราต้องเป็นคนตัดสินใจเรื่องชื่อค่ะ! อุ๊ย! นภา!!” คุณหญิงผกาทำหน้าปะหลำปะเหลือกับคำพูดของธิดา นภาสรวงเห็นสีหน้าของมารดาเลยต้องรีบหันมาหยิกน้องสาวแฝดจนคนพูดจ้อยๆถึงกับสะดุ้งหันไปมอง


   “พูดอะไรน่ะ คนอยู่กันทั้งโต๊ะ ดารานี่ก็…” ดารารัษมีไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเลยทำได้แต่สงบปากสงบคำ คุณหญิงเหลือบมองธิดาคนเล็กที่จะออกเรือนในวันพรุ่งแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ


   “ก็ดาราพูดเรื่องจริงนี่…”


   “จะเรื่องจริงเรื่องเล่นก็ไม่ควรพูด พี่จันทร์ก็ด้วยนะคะ ให้ท้ายดาราอย่างกับเรื่องสนุก” นภาสรวงหันมาดุพี่ชายคนรองด้วยอีกคน จันทร์จ้าวทำเป็นยักไหล่ไม่ใคร่จะสนใจนัก


   “เป็นว่าคุณพ่อคุณแม่จะมีหลานชื่อชัย โชค ชิด ชบานะครับ”


   “ชัยนเรศ โชคบดินทร์ ชิดชนกและชบากรองค่ะ!! ไม่ใช่ชัย โชค ชิด ชบา น่าเกลียด” ดารารัษมีแหวว ทำท่าจะเอาเรื่องพี่ชาย แต่หมอภวัตที่นั่งข้างๆจันทร์จ้าวกระแอมไอขึ้นมาเสียก่อน และดูเหมือนพี่ชายของหล่อนจะรู้จักสัญญาณนี้เป็นอย่างดี เลยสงบปากสงบคำโดยพลัน



   พอคนพี่ไม่หาเรื่องกวนโทโส คนน้องที่ทำท่าจะหงุดหงิดก็พลอยเป็นไม่มีคนชวนทะเลาะด้วย เรื่องทะเลาะจึงมลายหายไปแต่เพียงเท่านั้น


   คุณหญิงผกาเห็นพี่น้องไม่ทะเลาะกันเหมือนที่แล้วๆมาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หล่อนไม่ได้รับรู้ว่าคนที่ทำให้จันทร์จ้าวไม่หาเรื่องดารารัษมีต่อคือหมอภวัตที่นั่งเงียบ สายตาชื่นชมจึงตกที่บุตรชายคนรองแต่เพียงผู้เดียว ด้วยคิดว่าเขารู้จักเงียบด้วยตนเองเป็นแล้ว


   ทว่าสำหรับคนอื่นๆที่รู้เห็นความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ย่อมมองเห็นอิทธิพลของหมอภวัตที่มีต่อจันทร์จ้าวเป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่ท่านนายพลเดชที่ลอบมองนายแพทย์หนุ่มผู้ยังคงเอาแต่ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร และพูดเพียงน้อยคำเท่านั้น ทว่าอาการสงบปากสงบคำของเขา กลับสามารถทำให้จันทร์จ้าวอยู่กับร่องกับรอยได้อย่างไม่น่าเชื่อ


   ท่านนายพลเดชเหลือบไปมองยังนายฝรั่งอีกคนที่อยู่ในบททดสอบของกาลเวลาด้วยเช่นกัน เรย์มอนด์ อดัมส์เข้ากับคนที่บ้านนี้ได้เป็นอย่างดี หลังจากร่วมรับประทานอาหารกันมาหลายครั้ง อาหารไทยรสจัดกลายเป็นถูกปากถูกลิ้นไปแล้วโดยปริยาย  นอกเหนือไปกว่านั้นคือความสม่ำเสมอที่ชายชาวต่างชาติผู้นี้มีให้ธิดาของท่าน หากวันหนึ่งคนทั้งคู่มีความกล้าหาญพอที่จะบอกกล่าวโดยตรง วันนั้นท่านนายพลก็คงไม่มีข้อแม้ใดๆอีกแล้ว


   “คุณพ่อเป็นอะไรไปหรือครับ” อาทิตย์เห็นบิดานั่งเงียบๆก็เอ่ยถามเบาๆด้วยความห่วงใย และดูเหมือนคุณหญิงผกาเองก็เพิ่งหันมาสังเกตสามีว่าวันนี้ท่านเงียบผิดปกติ


   “นั่นซีคะ วันนี้ไม่ค่อยพูดเอาเสียเลย หรือหวงลูกสาว ไม่อยากจะให้แต่งงานแล้ว” เดิมทีท่านก็ไม่ใช่คนช่างพูด แต่วันนี้เห็นจะเงียบกว่าทุกที หรือเพราะวันนี้มีคนร่วมโต๊ะรับประทานอาหารมากโข แค่พวกหนุ่มๆสาวๆก็คุยกันเจี๊ยวจ๊าวจนฟังเสียเพลินก็ไม่ทราบ


   “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เห็นมีแต่ลูกหลานมาพร้อมหน้าพร้อมตาก็มีความสุขแล้ว” ท่านนายพลเอ่ยแล้วกวาดตามองไปรอบๆ บางคนเป็นบุตรธิดาโดยแท้ แต่บางคนก็ไม่ แต่กระนั้น ทุกๆคนที่รายล้อมโต๊ะอาหารในมื้อนี้ล้วนมาที่นี่เพราะความรักที่มีต่อสกุลรักษพิพัฒน์และคนในครอบครัวรักษพิพัฒน์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะรักอย่างพี่ รักอย่างน้อง รักอย่างเพื่อน หรือรักอย่างคู่รัก ความรักนั้นมีหลากหลาย วันนี้ท่านเข้าใจแจ่มชัด ไม่ว่าจะชาติใด ภาษาใด จะชายหรือหญิงก็ล้วนรักกันได้ทั้งนั้น


   “ขอบใจทุกๆคนที่มาที่นี่ ขอบใจ...” ชายสูงวัยผู้นั่งหัวโต๊ะเอ่ยแล้วยิ้มจาง


ถึงแม้พรุ่งนี้ สมาชิกในบ้านเรือนไทยหลังนี้จะลดลงไปอีกหนึ่ง แต่ท่านเชื่อ...บ้านเรือนไทยหลังนี้จะยังคงเป็นที่แวะเวียนให้ทุกๆคนกลับมาพร้อมหน้ากันเสมอ เพราะท่านปลูกเรือนหลังนี้ด้วยความรัก สร้างเรือนหลังนี้ด้วยความหวัง ทั้งรักและหวังให้เรือนรักษพิพัฒน์เป็นสถานที่ของพี่น้อง ให้เป็นสถานที่ของครอบครัว



ที่แห่งนี้...จะเป็นของรักษพิพัฒน์และผู้ปรารถนาดีต่อเชื้อสายรักษพิพัฒน์...ตลอดไป


   จบ

สวัสดีค่ะ


เรื่องนี้เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว ทั้งใจหายทั้งโล่งใจไปพร้อมๆกันเลยค่ะ ใจหายเพราะเรื่องนี้บัวเขียนมานานมาก และลงต่อเนื่องตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ขอบคุณคนอ่านทุกๆคน ทั้งคนที่ติดตามมาตั้งแต่แรก หรือเพิ่งจะมาติดตามตอนหลัง ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านงานของบัว ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณที่เป็นกำลังใจ คนเขียนอย่างบัวจะเขียนไม่ได้เลย ถ้าไม่มีคนอ่านทุกๆคนค่ะ

ส่วนที่โล่งใจ เพราะว่าเขียนจนจบนั่นเองค่ะ ฮาฮา อย่างที่เคยบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่บัวคิดว่าเขียนยากมากๆ ทั้งภาษา ทั้งหาแหล่งอ้างอิง กว่าจะเขียนออกมาได้แต่ละตอน ใช้เวลาค่อนข้างนาน พอเขียนจบแล้วก็เหมือนยกภูเขาออกไปจากอกเลย (แต่เนื่องจากบัวอยากจะทำเล่มเรื่องนี้ ก็เลยมีส่วนที่เขียนต่อจากตอนจบของเรื่องนี้ค่ะ เป็นอีกภาคหนึ่ง จะว่าไปแล้วก็เลยเหมือนยกภูเขาออกแค่ลูกเดียว เหลืออีกลูกนึงอ่ะ ฮา)


ส่วนใครที่ค้างว่าทำไมคุณหญิงแม่ถึงไม่รู้ อันนี้เป็นความตั้งใจของบัวเองค่ะ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว คนสมัยนั้นไม่ได้มองการสนิทกันของผู้ชาย ๒ คน เป็นเรื่องของความรักแบบคนรัก อีกอย่างนึง ถ้าหากคุณหญิงแม่รู้และคุณหญิงแม่รับได้ จันทร์จะเป็นตัวละครที่โชคดีเกินไปแล้วค่ะ ฮาฮา (แต่จริงๆแล้ว ถ้าหากจันทร์ไม่ช่วยให้อาทิตย์กับคุณพิมสมหวังในตอนแรก คุณพิมก็อาจจะไม่มีพาวเวอร์มากล่อมพี่อาทิตย์ให้ยอมรับจันทร์กับหมอในตอนหลัง เพราะงั้นจันทร์ไม่ได้โชคดี แต่เขาทำความดีเอาไว้ด้วยการเป็นคิวปิดนั่นเอง)

เอาล่ะ เดี๋ยวต้องไปปั่นภาคต่อให้จบ แล้วถ้าหากว่าพอมีเวลา จะเข็นตอนพิเศษมาลงให้อ่านกันต่อค่ะ ส่วนเรื่องต่อไป ขอเวลาหน่อยนะคะ พิมพ์เอาไว้แล้วหน่อยเดียว อยากพิมพ์ให้ได้มากๆก่อนแล้วค่อยมาลงให้ได้อ่านกันค่ะ


เจอกันใหม่กับตอนพิเศษของเรื่องนี้


ขอบคุณทุกการติดตาม ทุกการอ่าน ทุกการเม้นท์ และทุกกำลังใจ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ


ป.ล. ส่วนคำถามยอดฮิต "จันทร์จ้าวกับจอมขวัญเป็นอะไรกัน" คำตอบคือ "จอมขวัญเป็นหลานย่าของดารารัษมีค่ะ"


ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :mew1: ว่าแต่คุณพงศ์คู่ใครค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด