ตอนที่ 25
ลมหายใจค่อยๆถูกผ่อนออกมาจากอกเพื่อลดความรู้สึกที่อยู่ข้างในในขณะที่ร่างกายก็ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟากลางห้องทำงาน
วินกลับไปแล้ว...
ผมพึ่งกลับมาจากการส่งเขาขึ้นเครื่องเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ในตอนที่กำลังจะจากกันร่างเล็กขยับเข้ามากอดแล้วบอกเพียงแค่ว่าจะรออยู่ที่ไทยพร้อมรอยยิ้มหวานที่ผมหลงรัก เราไม่ได้เอ่ยลาอะไรกันมากมายราวกับต่างคนต่างรู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง การต้องห่างกันไม่ใช่เรื่องที่จะแฮปปี้อยู่แล้วแต่เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมัน
โทรศัพท์มือถือที่วางนิ่งอยู่ข้างมือถูกหยิบขึ้นมากดดูภาพที่หน้าจอ ไล้ข้อมือลูบเบาๆราวกับจะส่งสัมผัสไปยังใครอีกคนที่กำลังเดินทางแล้วกระซิบออกมาแผ่วเบา
คิดถึง....
.
.
.
.
.
.
.
“พัตอยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ” คนพูดหันมาถามอย่างเอาใจแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรขึ้นมาเลยซักนิด
“ตามใจคุณเถอะ” พยายามบอกตัวเองในใจว่าอีกไม่นานมันก็จะจบลง จะไม่ต้องมาทนลำบากใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป แค่วันนี้...แค่วันนี้เท่านั้น
“งั้นเอาร้านนั้นนะคะ เป็นร้านอาหารประจำของมิกะเอง” พยักหน้าตอบรับคนพูดอย่างส่งๆ แล้วแต่เลยว่าเธอจะทำอะไร อยากทานอะไรหรือไปที่ไหนเพื่อเป็นการลดเวลาที่จะต้องอยู่ด้วยกันให้น้อยลงอีกนิด
“พัตจะเอาอะไรเพิ่มรึเปล่าคะ” มิกะสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อยซึ่งอาหารที่เธอสั่งก็เผื่อแผ่มาถึงผมด้วยเนื่องจากผมใช้เหตุผลอ้างว่าร้านนี้เป็นร้านประจำของเธอ เมนูของทางร้านอะไรที่อร่อยเธอคงจะรู้ดี อีกอย่างอาหารอิตาเลียนแบบนี้ผมไม่ค่อยจะถนัด ถ้ามาทานข้าวกับวินอาหารแบบนี้คงจะไม่ได้แอ้มเงินในกระเป๋า
“ไม่ครับ แค่นั้นแหละ” หันไปเอ่ยกับพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์ก่อนที่เขาจะเดินออกไปเมื่อผมไม่ได้ต้องการอะไรเพิ่ม
“ดูสีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลยนะคะ การทานข้าวกับมิกะมันน่าอึดอัดใจขนาดนั้นเลยเหรอ” คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้ากึ่งตัดพ้อ
“คุณก็น่าจะรู้คำตอบดีมิกะ แล้วเหตุผลที่สำคัญมากคือผมมีแฟนแล้ว การที่ต้องมาทานข้าวกับคนอื่นคงไม่ใช่เรื่องที่ดีซักเท่าไหร่” ผมสบตาเธอด้วยความแน่วแน่ ตอกย้ำคำพูดที่พูดออกไปให้มั่นคงขึ้นไปอีก
“น่าอิจฉาแฟนคุณจังเลยนะคะ...มันไม่มีทางที่มิกะจะอยู่ตรงนั้นได้เลยเหรอ”
“ไม่มีทาง...ไม่เลยซักนิดมิกะ” คำพูดอาจจะดูร้ายกาจแต่ถ้าเพื่อผมและวินผมก็ต้องทำ ให้มิกะได้รู้ว่ามันไม่มีโอกาสเลยซักนิดไม่ว่าจะทางใด ถ้าเป็นเพียงแค่เพื่อนกันผมยินดีเสมอแต่ถ้ามากว่านั้นผมให้ไม่ได้ ไม่ใช่แค่มิกะ...ไม่ว่าจะเป็นใครมันก็ไม่มีทางเลย
“พัตคะ...” มิกะกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมาอีกแต่ก็ต้องหยุดไว้เพียงเท่านั้นเมื่อพนักงานเดินเอาน้ำที่สั่งไปมาเสิร์ฟ ผมแสร้งเป็นมองไปทางอื่นเพื่อตัดบทสนทนานั้น ยิ่งพูดคนที่จะเสียใจก็เป็นเธอเองเพราะผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้รู้ว่าความพยายามของเธอมันไม่มีค่าอะไรสำหรับผมเลย
หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกัน ต่างฝ่ายต่างเงียบนั่งทานอาหารไปเรื่อยๆ ใจผมก็เอาแต่คิดถึงคนที่อยู่เมืองไทยตลอด คนที่ปฏิเสธไม่ขอรับรู้ความเคลื่อนไหวของวันนี้ไม่ว่าจะทางใดทั้งนั้น วินไม่ยอมรับโทรศัพท์อยางที่เจ้าตัวพูดไว้ เขาบอกว่าจะคุยกันก็ต่อเมื่อผมไม่ได้อยู่กับมิกะแล้วเท่านั้น
และนั่นยิ่งเป็นการที่ทำให้ผมอยากกดสคริปต์เวลาให้ผ่านไปเร็วๆเพราะอยากกลับไปคอลหาอีกคนใจจะขาด
“คุณอยากจะดูหนังเรื่องอะไร” หันไปถามคนข้างตัวเมื่อเราเดินออกมาจากร้านอาหารไปทางโรงหนังตามโปรแกรมที่มิกะวางไว้
“ฉันให้คุณเลือกแล้วกันค่ะ เดี๋ยวฉันเลือกเรื่องที่ไม่ถูกใจคุณจะเบื่อเอา”
“ไม่เป็นไร แล้วแต่คุณเถอะ” แรงสั่นจากกระเป๋ากางเกงทำให้ผมรีบล้วงออกมาดูอย่างคาดหวังว่าจะเป็นคนที่เฝ้ารอ
“วันนี้คุณให้เวลากับฉันแล้ว งดการติดต่อกับคนอื่นซักครู่นะคะ” แต่แล้วมือบางกลับเอื้อมมาฉวยโทรศัพท์ในมือผมไปโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ทันแม้กระทั่งจะดูด้วยซ้ำว่าใช่วินหรือเปล่าที่ติดต่อมา
“มิกะ!” เจ้าของชื่อไม่ฟังเสียงเรียกที่ผมเอ่ยเรียกเลยซักนิด ร่างเพรียวในชุดเย้ายวนเดินหนีไปทันทีจนผมได้แต่สาวเท้ายาวๆตามไป
“เอาโทรศัพท์ผมคืนมาเดี๋ยวนี้” ในที่สุดก็ตามมาคว้าข้อมือของอีกคนได้ทัน เห็นเป็นผู้หญิงบอบบางอย่างนั้นการเคลื่อนที่ของเธอก็รวดเร็วไม่น้อย กว่าจะตามทันก็ตอนที่มิกะเดินมาจนถึงหน้าโรงหนังเสียแล้ว
“เสียใจด้วยค่ะพัต เวลานี้เป็นเวลาของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์ติดต่อกับใครทั้งนั้น”
“แต่ผมมีเรื่องงาน ถ้าเกิดมันเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับธุรกิจของผมคุณจะให้ผมทำยังไง” เอาเรื่องงานมาอ้างก่อนทั้งที่สิ่งที่สำคัญกว่าเรื่องงานก็คือเรื่องของวิน เผื่อว่าเขาจะติดต่อมา ยิ่งถ้าเห็นว่าผมเงียบไปทั้งวันแบบนี้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดไปถึงไหนต่อไหน
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามันสำคัญมากจริงๆผู้ช่วยคุณคงกระหน่ำโทรมาแล้วฉันจะยอมคืนโทรศัพท์ให้คุณ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีอะไรก็เก็บไว้กับฉันแล้วกันนะคะ”
“มัน....” กำลังจะพูดว่ามันชักจะเกินไปแล้วนะ แต่ยังไม่ทันจะพูดจบมิกะก็พูดสวนขึ้นมาก่อน
“คุณจะผิดคำพูดหรือคะ คุณมากับฉันแต่เอาแต่สนใจเรื่องโทรศัพท์นี่มันไม่แฟร์กับฉันนะ คำพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้นไม่ใช่เหรอ หรือนักธุรกิจอย่างคุณไม่เห็นว่าเรื่องคำพูดเป็นสิ่งสำคัญคะ” คำพูดของมิกะทำเอาผมต้องถอนหายใจออกมายาวๆอย่างข่มอารมณ์เพราะพูดอะไรไม่ได้ เธอฉลาดที่จะพูดให้ผมเถียงไม่ออก
“ทันทีที่เวลาของคุณหมดลง หลังจากดินเนอร์มื้อค่ำผมจะเอามันคืนทันที” พูดเสร็จก็เดินผ่านเธอมาโดยไม่สนใจอะไรอีกทั้งนั้น ผมเดินไปซื้อตั๋วหนังสองใบที่เคาท์เตอร์โดยไม่ได้ดูชื่อเรื่องเลยด้วยซ้ำขอแค่ให้มีรอบในตอนนี้ก็พอ ในเมื่อก่อนหน้ามิกะเป็นคนบอกให้ผมเลือกผมก็จะเลือกให้ ถ้าอยากดูหนังมากนักผมก็จะให้ดู มันจะได้จบๆลงซักที
“คุณเลือกร้านได้ดีนะคะ ฉันชอบมาก” หลังจากดูหนังเรียบร้อยก็ต้องทนเดินตามมิกะช็อปปิ้งอีกเป็นชั่วโมงๆถึงจะมาที่ที่ผมจองไว้สำหรับมื้อค่ำนี้ได้ ตอนที่ผมไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อนวินไม่เห็นว่ามันจะน่าเบื่อขนาดนี้ ทุกวินาทีที่ต้องอยู่กับผู้หญิงคนนี้ราวกับเวลาช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน
“รีบทานเถอะ” เพราะผมไม่อยากจะต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว
“รีบไปไหนล่ะคะ ฉันอยากนั่งดูวิวที่นี่นานๆหน่อย” มิกะไม่ได้มีท่าทางสนใจอาหารตรงหน้าเลยซักนิด ร่างบางเอื่อยเฉื่อยกับการมองวิวรอบกรุงโตเกียวทั้งที่ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจสำหรับเธอที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดเลยซักนิด แค่นั่งดินเนอน์บนชั้นบนสุดของโรงแรมใจกลางเมืองคงจะเคยมาไม่รู้กี่สิบรอบแล้ว
“งั้นก็ตามใจคุณแล้วกัน” ไม่มีอะไรที่จะพูดไปมากกว่านั้น ผมรู้ว่าที่เธอทำอยู่มันเป็นการถ่วงเวลา อยากทำอะไรก็ปล่อยไปผมไม่สิทธิ์อยู่แล้วในเมื่อเธอจะทำ ปล่อยให้มิกะชื่นชมวิวไปส่วนตัวเองก็เบนสายตาขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้า นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้มีโอกาสมานั่งมองดาวอยู่แบบนี้ ตอนอยู่ที่กรุงเทพก็ไม่ค่อยได้เห็นเพราะแสงไฟบดบังความสวยงามของท้องฟ้าไปซะหมด คิดถึงคนที่อยู่ทางนู้นไม่รู้ว่าตอนนี้วินจะทำอะไรอยู่ อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง
“คิดถึงแฟนอยู่เหรอคะ” เสียงคนที่นั่งตรงข้ามเรียกสติที่ล่องลอยไปไกลให้กลับมา
“ครับ”
“น่าอิจฉาจังเลยนะคะ ฉันพึ่งรู้นะว่าคุณมีแฟนแล้ว”
“ก็ไม่แปลกที่คุณจะไม่รู้ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม”
“คำพูดใจร้ายจังเลยนะคะ ไม่ว่าฉันจะพยายามมากี่ปีก็เอาชนะใจคุณไม่ได้เลยสินะ”
“คุณเป็นเพื่อนผมได้มิกะ ผมยินดีเสมอ แต่มากกว่านั้นมันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
“...”
“...”
“โอเคค่ะ ยังไงฉันก็คงต้องยอมรับ...ไม่เอาดีกว่า ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บยังไงก็ไม่รู้ ทานข้าวเลยแล้วกันนะคะ” ผมไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่านี้ การมีคนมารู้สึกดีด้วยมันย่อมไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเพียงแต่ผมยอมรับความรู้สึกดีๆในแบบของเธอมาไม่ได้
เราสองคนลงมือทานข้าวกันไปเรื่อยๆ มีบ้างที่มิกะตักอาหารให้แม้ผมจะไม่ต้องการแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขั้นปฏิเสธความหวังดีที่เธอมีให้ ถือว่าเป็นการทดแทนที่ผมตอบรับความรู้สึกของเธอไม่ได้
เสียงดนตรีคลอแผ่วๆทำให้บรรยากาศดูเหมือนจะโรแมนติกแต่นั่นไม่ใช่ในความรู้สึกผม กว่าที่มื้ออาหารมื้อนี้จะจบลงก็กินเวลาไปมากจนค่อนข้างดึก
“ว้าว ของหวานน่าทานมากๆเลยนะคะ น่าเสียดายจังที่ฉันไดเอทอยู่” ถ้าเป็นวินไม่มีหรอกแบบนี้ ทุกอย่างจะหายเข้าปากเล็กๆไปอยู่ในท้องของเขาอย่างรวดเร็วแน่นอน ท่าทีที่มันดูน่ารักมากสำหรับผม วินดูมีความสุขเวลากิน เห็นเขามีความสุขเวลากินอิ่มนอนหลับแล้วผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย ไม่ต้องมาห่วงเรื่องรูปร่างอะไรมากมายเพราะอ้วนแค่ไหนผมก็รักอยู่ดี
“ถ้าคุณไม่ทานงั้นผมเรียกพนักงานเลยแล้วกัน”
“เดี๋ยวสิคะ ถ้าคุณไม่ทานแล้วสั่งมาทำไมตั้งเยอะแยะ ฉันนึกว่าคุณจะทานเสียอีก”
“ผมสั่งเพราะเคยตัว แฟนผมชอบทาน” ผมไม่รู้ว่าคนอื่นชอบทานหรือไม่ชอบทานของหวานหลังจากที่ทานอาหารเสร็จแต่เพราะวินชอบพูดตลอดว่าต้องทานมันเลยเป็นความเคยชินที่ต้องสั่งมาเผื่อ ผมใช้บรรทัดฐานของเขามาใช้ ถ้าไม่ทานก็ไม่เป็นไร เกินดีกว่าขาดอยู่แล้ว
“อะไรก็แฟนตลอด ดูคุณรักเขามากเลยนะคะ”
“มากที่สุด”
“มันไม่มีทางเลยจริงๆเหรอคะพัต...” มือบางที่วางอยู่ฝั่งตรงข้ามเลื่อนมากุมมือผมจนต้องรีบขยับออกราวกับโดนของร้อน
“ถ้าคุณอยากจะฟังผมก็จะพูดอีกที...ไม่มีทางเลย ไม่มีทางไหนเลยจริงๆ ไม่ใช่แค่คุณ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามผมก็ให้มากกว่าความเป็นเพื่อนไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ ทำไมถึงเป็นมิกะไม่ได้ ตอนนั้นที่เราเจอกันคุณยังไมมีใครไม่ใช่เหรอ”
“มันไม่ใช่เรื่องของระยะเวลา แต่มันเป็นเพราะเขา ไม่ว่าจะตอนไหนเวลาไหนแต่สุดท้ายเขาจะเป็นคนที่ผมเลือก ต้องเป็นแค่เขาเท่านั้นมิกะ ต่อให้ที่ผ่านมาผมจะเจอใครก็ไม่มีทางใช่ถ้าคนๆนั้นไม่เป็นเขา”
“....” เราทั้งสองสบตากันท่ามกลางความเงียบและเสียงดนตรีที่ยังบรรเลงด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง ดวงตาเฉี่ยวคมของอีกฝ่ายเริ่มมีน้ำตาคลออยู่ในนั้นในขณะที่ผมมีแต่ความแน่วแน่ในคำพูดส่งให้
“ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ผมยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับคุณเสมอ...สำหรับวันนี้หมดเวลาแล้ว ผมขอโทรศัพท์ผมคืน”
“พัตคะ....”
“ขอโทรศัพท์ผมคืนด้วยมิกะ” เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปตรงหน้าของคนที่นั่งอยู่จนในที่สุดมิกะก็ยอมเปิดกระเป๋าของเธอแล้วส่งโทรศัพท์คืนมาให้ ผมรับมันมาแล้วเก็บเข้าในกระเป๋ากางเกงทันที
“สำหรับวันนี้...ราตรีสวัสดิ์ล่วงหน้าครับ” ผมเอ่ยบอกเธอเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องอาหารไป แต่ก้าวเท้าไปได้เพียงไม่กี่ก้าว...
หมับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทันและไม่ทันจะได้ปัดป้อง คนที่นั่งอยู่วิ่งมาตัดหน้าก่อนที่จะคว้าคอผมลงไปหา
แล้วริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกอย่างดีก็ทาบทับลงมา...
TBC.
Talkอะไรคือการที่บอกว่าจะมายาวขึ้นแต่กลับสั้นลง555555555 ขอโทษค่ะ แต่มันได้จังหวะตรงนี้จีจี
(สั้นมากกกก ถือว่าฉากมิกะจะได้หมดไปเร็วๆเนอะ><)
#ย้ำอีกทีว่าไม่ดราม่าน๊าาา กิกิ
ปล.ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นมากๆนะคะ
https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/?fref=nf ฝากแท็กพูดคุยผ่านทางทวิตเตอร์ด้วยนะคะ #เริ่มต้นจากการแอบรัก