Chapter 4 : ประธานรุ่น“ปีหนึ่ง ฟังเรียกแถว! เข้าแถวเช็คชื่อ!”
“ทั้งหมด! จัดแถว!”
น้ำหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยดังแว่วออกมาจากบริเวณที่รุ่นน้องวิศวะปีหนึ่งยืนรวมกันอยู่ แม้ตอนที่ฝึกซ้อมว้ากเขาจะเคยหัวเราะจนท้องแข็งอยู่หลายครั้ง หากในสถานการณ์จริงนั้น เพื่อนๆ ของเขาทำได้ดีมากเลยทีเดียว ท่าทางดูดุดันและเข้มงวดจนน่ากลัว
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พวกมึงสมควรได้ออสการ์ปีนี้จริงๆ ว่ะ” เขาพึมพำกับตัวเอง
ชายหนุ่มปรับสีหน้าให้เป็นปกติ วันนี้เขามีคิวถ่ายรูปให้กับคณะวิศวกรรมศาตร์ เมื่อกระชับกล้องพร้อมไว้ในมือแล้วก็เดินเข้าไปในบริเวณที่นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์กำลังประชุมเชียร์กันอยู่ พวกพี่ว้ากชั้นปีสี่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพื่อนรักของเขากำลังออกคำสั่งกับรุ่นน้องปีหนึ่งพอดี
“พวกคุณรู้จักกันมาอาทิตย์นึงแล้ว ทุกคนถอดป้ายชื่อเก็บ!” เฮดว้ากออกคำสั่งอีกครั้ง หลังจากที่ปีหนึ่งเข้าแถวเรียงตามรหัสเรียบร้อย
น้ำเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบ ยกกล้องในมือขึ้นแล้วกดถ่ายรูปเป็นระยะ ในใจก็อดทึ่งกับการฝึกซ้อมของปีหนึ่งคณะนี้ไม่ได้ เพียงแค่สัปดาห์เดียวก็มีวินัยราวกับทหาร เคลื่อนไหวพร้อมเพรียงราวกับหุ่นยนต์
“079 ก้าวออกมาข้างหน้า!”
“ผมให้เวลาพวกคุณทำความรู้จักกับเพื่อนในรุ่นของคุณนานแล้ว เพราะงั้นคุณจะต้องตอบได้ว่าเพื่อนคุณชื่ออะไร”
“436 ก้าวออกมาข้างหน้า! 079 เพื่อนของคุณชื่ออะไร!”
กิจกรรมง่ายๆ หากเวลาผ่านเลยไปอย่างเชื่องช้า สามสี่คนแรกๆ ตอบชื่อของเพื่อนในคณะได้อย่างหวุดหวิด หากคนถัดมาตอบผิด จึงต้องไปวิดพื้นตามคำสั่งของรุ่นพี่ เมื่อวิดพื้นเสร็จแล้วเดินกลับเข้ามาในแถว รุ่นพี่จึงถามเขาอีกครั้ง แต่ก็ตอบผิดอีก ผิดซ้ำไปซ้ำมาถึงสามหน ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดเผือด
น้ำขมวดคิ้ว ลดกล้องในมือลง รุ่นน้องที่มีปัญหาคนนั้นดูท่าทางก็ไม่ใช่คนดื้อรั้นอะไร แต่ทำไมจึงไม่พยายามทำความรู้จักกับเพื่อนในคณะกัน เขาเหลือบมองเพื่อนตนที่ทำหน้าที่พี่ว้าก ซึ่งสีหน้ายังเข้มงวดไม่เปลี่ยน
“ขออนุญาตครับ” จู่ๆ ก็มีเสียงของรุ่นน้องปีหนึ่งอีกคนแทรกขึ้น
รุ่นพี่ตอบ “ผมอนุญาต”
เด็กหนุ่มก้าวออกมาจากในแถว “ขออนุญาตตอบแทนเพื่อนครับ”
หือ... เด็กนี่... คนที่เล่นเกมคลึงไข่เมื่อตอนนั้น
ดูเหมือนสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ชายหนุ่มจึงยกกล้องในมือขึ้นเล็ง ซูมเข้าไปที่สีหน้าจริงจังและดวงตาที่ฉายแววแน่วแน่ของรุ่นน้องที่ยืนนิ่งอยู่หน้าแถว ดวงตาแบบนั้น เหมือนกับที่จ้องเขาเมื่อตอนรับน้องรวมไม่มีผิด
“อนุญาต! แต่ถ้าคุณตอบผิด เพื่อนคุณทุกคนจะต้องรับโทษเท่าๆ กัน”
เมฆหันกลับไปมองเพื่อนที่อยู่ทางด้านหลัง ก่อนทุกคนจะตอบโดยพร้อมเพรียงกัน “ครับ!/ค่ะ!”
“014”
“อารัณย์ครับ”
“775”
“วิวัฒน์ครับ”
พี่ว้ากเรียกถามชื่อไปเรื่อยๆ จากห้าคนกลายเป็นสิบคน จากสิบคนกลายเป็นยี่สิบคน ช่างน่าประหลาดเหลือเกินที่รุ่นน้องคนนี้ตอบได้ทั้งหมด เขามีความตั้งใจมากอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้คนที่ยืนมองอยู่รู้สึกลุ้นไปด้วย
น้ำรู้สึกว่านัยน์ตาสีดำขลับนั่นดูมีพลังเปี่ยมล้น เขาไม่เคยพบเจอใครแบบนี้มาก่อน ปลายนิ้วกดรัวชัตเตอร์ไปเองโดยอัตโนมัติ
รุ่นพี่ไล่ถามชื่อต่อไปจนถึงสามสิบกว่าคน เป็นการแนะนำตัวให้คนอื่นๆ จำได้อีกทาง จากนั้นจึงปล่อยให้รุ่นน้องกลับเข้าไปในแถว แล้วออกคำสั่งใหม่
“อย่าให้มีครั้งต่อไป พวกคุณต้องให้ความสำคัญกับเพื่อนทุกคน” เมื่อสั่งสอนแล้ว ก็ให้รุ่นน้องลุกขึ้นพูดชื่อตัวเองทีละคน โดยให้ทุกคนที่เหลือพูดตาม เสร็จแล้วจึงสั่งให้พักได้
กลุ่มพี่ว้ากชั้นปีสี่เคลื่อนย้ายไปประชุมกันอยู่ตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่ไกลจากสถานที่ประชุมเชียร์นัก
น้ำเดินไปนั่งลงกับกลุ่มเพื่อนของตนอย่างเงียบๆ เขาไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าก้มตาเช็กเลนส์กล้องกับดูรูปที่ถ่ายมาได้ แล้วหยิบขาตั้งกล้องออกมากาง
“ไอ้เด็กนั่นแม่งเก่งว่ะ กูว่ามันได้เป็นประธานรุ่นแน่ แต่ต่อไปคงจะเป็นตัวปัญหา ต้องหาวิธีรับมือกับมันก่อน”
พอได้ยินเพื่อนๆ พูดถึงเด็กหนุ่มคนที่ว่า น้ำก็เงยหน้าขึ้นพรวด “หือ?”
“ที่มันเล่นคลึงไข่กับมึงตอนรับน้องรวมไง มึงเห็นมันตอนประชุมเชียร์ใช่ป่ะ” ไข่ย้อยอธิบายให้เพื่อนรักต่างคณะฟัง
“อือ” น้ำตอบเสียงเรียบ “แล้วมันจะเป็นปัญหายังไงวะ”
“ปัญหาเหมือนตอนรับน้องรวมนั่นแหละไอ้น้ำ ถ้ามันเอาแต่เสนอตัวเข้าช่วยเพื่อน เพื่อนมันก็จะได้ใจ ไม่พยายามอะไรเลยน่ะสิ”
“แล้วมันต่างกับพวกมึงตอนปีหนึ่งยังไงวะ”
“เพราะมันคล้ายกับพวกกูนี่แหละ ยิ่งน่าห่วงเลย”
น้ำขมวดคิ้ว “เอ้า! ถ้างั้นแล้วทำไมเมื่อกี้มึงไม่จัดการลงโทษไปวะ”
ไข่ย้อยหัวเราะแหะแหะ “ก็พวกกูยังไม่ได้เตรียมรับมือมันไว้ว่ะ แม่งเสือกตอบได้หมด จะลงโทษมันก็ดูไร้เหตุผลเกิน เด๋วไอ้พวกพี่ว้ากปีสามมันจะค่อนแคะว่าแกล้งน้อง เอาไว้รอบหน้าดีกว่า” ขณะที่พูดไป เขาก็โน้มใบหน้าลงไปดูรูปถ่ายบนจอกล้องในมือของน้ำ
“โอ้โห สวยว่ะ ไอ้น้ำแม่งฝีมือจริงๆ รูปนี้กูหล่อฉิบหาย มึงส่งไฟล์ให้กูด้วย”
“อือ แต่กูต้องเอาไปปรับแสงกับสีอีกหน่อยก่อน มึงรอก่อนละกัน”
ตั้งใจขยับเข้ามาสมทบ “ไอ้น้ำพวกกูจะกลับแล้วว่ะ จะไปซ้อมว้ากไว้พรุ่งนี้หน่อย แต่มึงยังไม่กลับใช่มั้ย”
ชายหนุ่มพยักหน้า “อือ กูต้องอยู่ถ่ายรูปจนจบว่ะ พวกมึงไปเถอะ”
“โอเค เดี๋ยวพวกปีสามจะเข้าไปคุมแล้วเริ่มซ้อมเชียร์ละ มึงเข้าไปก่อนสิ จะได้ถ่ายรูปตอนตั้งแถวไง”
“เออ ดีเหมือนกัน” น้ำตอบรับ ก่อนจะยกขาตั้งกล้องเดินกลับเข้าไปในลานกว้างที่ใช้ในการประชุมเชียร์อีกครั้ง
ชายหนุ่มเดินหามุมเหมาะๆ ที่คิดว่าน่าจะได้รูปที่แสงกำลังสวย ในยามที่มีแบ็คกราวน์เป็นดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำจรดขุนเขาเบื้องหลังเช่นนี้ เมื่อได้มุมที่พอใจก็จัดวางตั้งขากล้องแล้วหมุนกล้องหามุมถ่ายภาพ เขาเงยหน้าขึ้นลงตรวจเช็กเสาไฟกับทิศทางของแสงที่อาจจะตกกระทบหรือรบกวนภาพถ่าย โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของรุ่นน้องปีหนึ่งที่ลอบมองมาทางตน ไม่มีใครกล้าเข้ามารุมล้อมหรือรบกวนการทำงานของเขา เนื่องจากมีพี่ว้ากและพี่สตาฟฟ์เชียร์ยืนคุมอยู่หลายคน
หากเพราะได้ยินเสียงของใครบางคน น้ำจึงเงยหน้าขึ้น
รุ่นน้องคนนั้น...
“กูขอโทษ กูจำได้แต่ในภาคจริงๆ” รุ่นน้องปีหนึ่งคนที่ไม่สามารถบอกชื่อเพื่อนๆ ในชั้นปีได้ยกมือไหว้ปลกๆ พลางก้มศีรษะให้กับเพื่อนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้น และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้น ก็มีเด็กหนุ่มที่เคยเล่นคลึงไข่กับน้ำด้วย
“มึงเป็นหวัดเพิ่งหายดี ก่อนหน้าก็มาเข้าประชุมเชียร์เพื่อให้พวกเราอยู่ครบทุกคนจะได้ไม่ถูกทำโทษ กูเข้าใจ มึงเองก็เสียสละเพื่อพวกเราเหมือนกัน”
“ขอบใจโว้ยไอ้เมฆ”
เด็กหนุ่มหัวเราะ “ยังดีนะที่มึงจำชื่อกูได้”
...อ้อ... ชื่อเมฆ
ริมฝีปากบางกระตุกยิ้ม... อือ... เขาก็คิดว่าไอ้หมอนี่ต้องได้เป็นประธานรุ่นแน่ๆ ได้ยินว่าจะต้องส่งชื่อเร็วๆ นี้แล้วด้วยนี่นะ
...ก็ดูเป็นคนที่น่าสนใจดี
น้ำหมุนกล้องไปทางที่เด็กหนุ่มยืนอยู่ แล้วเริ่มกดรัวชัตเตอร์อีกครั้ง
ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มพี่ว้ากปีสามและพี่สตาฟฟ์เชียร์ก็กลับเข้ามาในพื้นที่ พวกรุ่นน้องวิ่งหาที่เตรียมจัดแถวกันเป็นพัลวัน ใช้เวลาเพียงแค่แป๊บเดียวทุกคนก็เข้าประจำที่ของตนเรียบร้อย
น้ำอมยิ้ม เมื่อนึกเปรียบเทียบกับรุ่นน้องปีหนึ่งในคณะตนที่เขาไปถ่ายรูปมาเมื่อวาน พอได้ยินเสียงเรียกให้จัดแถว ก็วิ่งวนชนกันราวกับมดเมายาอี... แต่ถึงจะมึนไปสักหน่อย ก็จัดแถวได้สำเร็จในที่สุดล่ะนะ
...น่าจะยืมพี่ว้ากคณะนี้ไปเทรนพี่ว้ากคณะเขาสักหน่อยจริงๆ
ชายหนุ่มเปลี่ยนมุมถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ต่อจากซ้อมเชียร์แล้วยังมีการสันทนาการเล็กน้อยปิดท้ายอีก ที่เขาเลือกมาถ่ายรูปในวันนี้ก็เพราะอย่างนี้นี่ล่ะ ได้ภาพครบทุกอารมณ์ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาอีกหลายๆ รอบ
แต่พอยืนนานๆ เข้าก็ชักเมื่อย ระหว่างที่รุ่นน้องปีหนึ่งซ้อมเชียร์ เขาจึงเดินไปนั่งลงบนม้านั่งแทน
อยู่องค์การนักศึกษาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ได้เห็นการซ้อมเชียร์ของทุกคณะ ถ้าเขาเข้าร่วมเป็นพี่ว้ากที่คณะตัวเองละก็ คงไม่มีโอกาสดีๆ แบบนี้
น้ำลุกขึ้นหามุมถ่ายภาพอีกครั้งเมื่อการสันทนาการเริ่มขึ้น บางครั้งก็อดหัวเราะไปกับมุกตลกที่พี่สันฯ ส่งต่อกันไปด้วยไม่ได้ บรรยากาศช่างแตกต่างกับการซ้อมเชียร์แบบฟ้ากับเหวเลยเชียว
เมื่อการสันทนาการเสร็จสิ้นลง กลุ่มพี่ว้ากปีสามก็เข้ามาปิดท้ายอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยให้รุ่นน้องกลับหอพักได้ ทว่าวันนี้ทุกคนยังคงอยู่กับที่จนรุ่นพี่ถอยออกไป เหลือแต่พี่สวัสดิการปีสองที่ทำหน้าที่คอยดูแล ปีหนึ่งกลุ่มหนึ่งยืนขึ้น แน่นอนว่าในกลุ่มนั้นมีกลุ่มของเมฆกับเพื่อนในคณะจากแต่ละภาควิชาอีกหลายคน ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มหัวโจกของปีหนึ่งจากแต่ละภาค เพราะคนอื่นๆ ในคณะดูเชื่อฟังกันดี พวกเขาเริ่มต้นประชุมกันเรื่องสมุดลายเซ็นพร้อมกับเลือกตั้งประธานรุ่นไปด้วยอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งสองอย่างมีกำหนดส่งในการประชุมเชียร์วันพรุ่งนี้
“สมุดลายเซ็นตามที่พวกเราตกลงกันไว้ต้องเสร็จวันนี้ อย่าลืมว่ากำหนดการขอลายเซ็นเริ่มอาทิตย์หน้าเป็นต้นไป จะต้องได้ลายเซ็นของพี่ปีสองกับปีสามเจ็ดร้อยชื่อ พี่ปีสี่สามร้อย และจะต้องได้ลายเซ็นของพี่ปีสี่ในภาคครบทุกคน พวกเรามีเวลาสองเดือนก่อนจะถึงวันรับเกียร์”
...วันรับเกียร์งั้นหรือ ฟังดูน่าสนใจดีนะ วิศวะมีประเพณีเฉพาะของคณะ เขาเคยได้ยินจากพวกเพื่อนๆ เหมือนกัน จำได้ว่าตอนปีหนึ่งไอ้พวกนั้นก็คลานกลับหอทุกวัน ตั้งแต่เปิดเทอมยันรับเกียร์นี่แหละ
“พวกเราถ่ายเอกสารตารางรายชื่อมาแล้ว เหลือตัดกระดาษกับตัดปกแล้วเย็บเล่ม ระหว่างที่ลงมือทำก็ขอให้ทุกคนส่งชื่อโหวตประธานรุ่นด้วย”
...อืม... ดูท่าคืนนี้จะอีกยาวไกล แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ถ่ายรูปกิจกรรมของปีหนึ่งไว้ด้วยเลยดีกว่า
ชายหนุ่มซึ่งในตอนแรกเตรียมจะเก็บกล้อง เปิดฝาเลนส์ออกมาอีกครั้ง หากพอเขาจะยกกล้องในมือขึ้นถ่าย ก็เห็นว่าตัวแทนปีหนึ่งคนหนึ่งที่ยืนอยู่หันมองมาทางตนแล้วเบิกตาโพลง
น้ำขมวดคิ้ว ลดกล้องในมือลงแล้วถาม “มีอะไรรึเปล่า”
“อะ... เอ่อ เปล่าครับพี่... พอเห็นพี่ถือกล้องมาทางนี้ ผมเลยเขินๆ นิดหน่อย” ตำลึงยกมือขึ้นลูบท้ายทอย คือว่าเขาว่ามันแปลกๆ ตรงที่ ปกติคนที่ถูกถ่ายรูปน่าจะเป็นคนหล่อๆ อย่างรุ่นพี่มากกว่าที่จะเป็นเขา
“ขออนุญาตครับ” แหนมหันมาสะกิดเพื่อน “ไอ้ตำลึง ไปช่วยกันยกที่ถ่ายเอกสารไว้ก่อน”
ตำลึงยกมือไหว้ชายหนุ่ม “ขออนุญาตครับ” แล้ววิ่งตามหลังเพื่อนออกไป ปล่อยให้น้ำยืนงงๆ ว่าขออนุญาตเขาทำไมวะ เขาไม่ใช่พี่ว้ากสักหน่อย
พอสองหนุ่มวิ่งออกไป ก็เหลืออีกคนที่หันมาสบสายตากันพอดี เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น ทำสีหน้าบอกไม่ถูก คงเพราะไม่คิดว่าจะประจันหน้ากับเขาเข้าจังๆ แบบนี้
น้ำยิ้มมุมปาก รู้สึกขันกับท่าทางอีกฝ่าย เมื่อกี้อยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ ยังทำเก่ง พูดจาฉะฉานอยู่เลย “จะไม่ทักทายผมหน่อยรึไง”
เมฆขมวดคิ้ว พลางยกมือไหว้อย่างไม่เต็มใจนัก “สวัสดีครับ”
“จำผมได้รึเปล่า”
“ใครจะลืมลงล่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบทันควัน
“งั้นก็ดี”
...ดีตรงไหนวะ เมฆนึกในใจ เขายังแค้นทั้งเรื่องรถสาดโคลนจนชวดยำวุ้นเส้นกับหมูทอดและเรื่องไข่แตกเมื่อตอนรับน้องรวมไม่หาย รู้สึกไม่ถูกชะตากับรุ่นพี่คนนี้อย่างแรง
“เออ จริงสิ” เด็กหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดึงกระเป๋าที่มัดหนังยางไว้ออกมาแล้วแกะออก ภายในนั้นมีธนบัตรใบละห้าร้อยอยู่หนึ่งใบ เขาหยิบออกมาส่งคืนให้อีกฝ่าย “เงินพี่ที่ให้มาวันก่อนน่ะ เอาคืนไป”
นัยน์ตารูปเมล็ดอัลมอนด์เคลื่อนลงมองธนบัตร หากไม่ยอมรับคืน “คืนทำไม เป็นค่าที่ทำเสื้อผ้าคุณเลอะกับอาหารนั่นแล้วไงล่ะ”
“ผมไม่อยากได้เงินของพี่หรอก” เมฆยัดธนบัตรใส่มือชายหนุ่ม “ทีหลังขับรถให้มันดีๆ ระวังหน่อย อยู่ตั้งปีสี่แล้วนะพี่ ทำตัวให้เป็นตัวอย่างรุ่นน้องซะบ้าง”
“คืนนั้นเพื่อนที่คณะผมหกล้มคางแตก ต้องรีบไปโรงพยาบาล ขอโทษด้วยละกัน”
พอได้ยินแบบนั้น เด็กหนุ่มก็ไปต่อไม่ถูก จะด่าต่อก็ใช่ที่ รู้สึกหน้าแตกเบาๆ อย่างไรก็ไม่รู้ “....” ...แต่ไม่ใช่สิ ถึงจะเคลียร์เรื่องนี้แล้ว แต่ยังมีเรื่องคลึงไข่อยู่นะเว้ย
น้ำเห็นว่ารุ่นน้องไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไรอีก เขาจึงจะเดินไปหามุมสวยๆ ถ่ายรูปต่อ หากพอก้าวออกไปสองสามก้าว...
เมฆพึมพำอย่างตั้งใจให้คนตรงหน้าได้ยิน “แล้วมาถ่ายรูปคณะอื่นทำไม คณะตัวเองมีทำไมไม่ถ่าย ไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง”
ชายหนุ่มหันขวับ “คุณพูดกับผมเหรอ”
“เปล่านี่พี่ ผมก็พูดไปเรื่อยๆ ไม่ได้เจาะจง ใครคิดว่าใช่ตัวเองจะรับไปก็ได้” เมฆตอบ นัยน์ตาที่จับจ้องรุ่นพี่ต่างคณะฉายแววขุ่นมัว
น่าแปลกใจที่น้ำไม่นึกโกรธ แต่จะว่าไปก็ไม่เคยมีใครกล้าพูดจาแบบนี้กับเขามาก่อน และตอนนี้เขาก็กำลังเหงาปาก เพราะพวกเพื่อนสนิทแยกกลับไปก่อนแล้ว เล่นกับเจ้าเด็กนี่แก้เบื่อสักหน่อยก็คงดี “งั้นคุณคงไม่ได้พูดกับผม เพราะนี่เป็นหน้าที่ของสมาชิกองค์การนักศึกษา ผมถึงได้มาถ่ายรูปที่คณะวิศวะนี่ ส่วนคณะของผม มีสมาชิกสโมฯ รับผิดชอบแล้ว ทุกคนรู้จักหน้าที่ของตัวเองดี” ชายหนุ่มหยิบป้ายชื่อบอกตำแหน่งที่ห้อยคอไว้ขึ้นให้อีกฝ่ายดู ตามมาด้วยรอยยิ้มเย็นที่จุดขึ้นตรงมุมปาก “...หวังว่าคุณก็คงจะรู้จักหน้าที่ของตัวเองดีเช่นกัน”
เมฆตอบกลับไปเสียงขรึม “ของมันแน่อยู่แล้ว” เขาไม่อยากเสวนากับรุ่นพี่ต่างคณะคนนี้อีกต่อไปแล้ว จึงกล่าวตัดบทขอตัว “ผมขอตัวไปทำหน้าที่ของผมก่อน” แล้วเด็กหนุ่มก็ก้าวฉับๆ จากไปทันที
น้ำไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่นึกขำที่อีกฝ่ายดูจะไม่ชอบขี้หน้าเขาเอามากๆ ถึงขนาดกล้าต่อปากต่อคำกับรุ่นพี่ปีสี่ ที่อยู่กลุ่มเดียวกันกับกลุ่มพี่ว้ากของตัวเอง
ชายหนุ่มเดินถ่ายรูปต่อไปเรื่อยๆ ใจนึกชมว่ารุ่นน้องปีหนึ่งคณะนี้นี่ช่างขยันขันแข็งดีจริง มีการจัดแบ่งกลุ่มกันไว้เรียบร้อย กลุ่มหนึ่งตัดกระดาษเอกสารที่ตีเป็นตารางรายชื่อไว้สำหรับขอลายเซ็น อีกกลุ่มตัดกระดาษแข็งสีแดงไว้ทำปกสมุด จากนั้นก็ส่งต่อให้ไปให้กลุ่มสุดท้ายเจาะรูแล้วเย็บเล่ม ทำงานกันอย่างกับเครื่องจักรในโรงงาน คงเพราะมีการวางแผนมาเป็นอย่างดีด้วย ใช้เวลาไม่นานก็ได้สมุดมาแล้วกองโต
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายภาพไว้สองสามภาพ แล้วจัดการส่งไปให้กลุ่มเพื่อนสนิทของตน
“รุ่นน้องพวกมึงเจ๋งฉิบหายเลยว่ะ”
ในขณะเดียวกัน กลุ่มตัวแทนคณะก็จัดการนับคะแนนโหวตจากกระดาษที่เพื่อนในคณะนำมาใส่ในกล่องไว้ไปด้วย พร้อมพูดคุยกันไปพลาง
“เมฆ มึงจำชื่อทุกคนในคณะได้หมดเลยเหรอวะ”
เจ้าของชื่อเรียกส่ายหน้าไปมา “จะบ้าเรอะ ไม่หมดหรอก แต่ก็เกือบๆ มันไม่ได้ยากตรงไหนนี่วะ”
“เหี้ย! ยากมากเลยแหละ”
“กูว่าท่องตารางธาตุกับพันธะเคมียังยากกว่าอีก” แล้วยังตอบกลับไปเสียงเรียบ
“ทั้งคณะนี่แปดร้อยกว่าคนเลยนะมึง”
แหนมหันไปตอบแทนเพื่อนรัก “ไอ้เมฆมันความจำดี สมัยอยู่โรงเรียน มันจำชื่อได้ทั้งชั้นม.ปลายเลยนะมึง”
“มึงนี่น่ากลัวจริง” เพื่อนร่วมรุ่นเบิกตาโพลง “อย่างนี้ไม่เรียกความจำดีธรรมดาแล้วแหละ”
“คะแนนแอดมิชชั่นของมันสูงสุดในคณะนะเว้ย” ตำลึงพูดเสริม
“โอ้โห! ไอ้เหี้ย!” กลุ่มนักศึกษาที่กำลังนับคะแนนโหวตกันอยู่หันขวับไปมองเมฆเป็นตาเดียว
ในเวลาเดียวกันนั่นเอง กลุ่มเพื่อนของน้ำก็ส่งข้อความกลับมาหา บอกว่าให้เขาไปแอบดูผลการเลือกตั้งประธานรุ่นให้หน่อย พวกเขาอยากรู้ว่าหวยจะออกที่คนที่คาดการณ์กันไว้หรือเปล่า
น้ำย่นคิ้วเข้าหากัน แล้วกดส่งข้อความกลับไป “ยังนับคะแนนกันอยู่ พวกมึงรอก่อนสิวะ” หากอีกฝั่งตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“เอาผลตอนนี้ก็ได้ ใครนำ”
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปใกล้ๆ แล้วแอบมองผลการโหวตที่รุ่นน้องจดไว้
นภนต์? คะแนนนำลิ่วเลย คนนี้คงได้เป็นประธานรุ่นแน่แล้ว
จากนั้นจึงส่งข้อความกลับไป “นภนต์ คนนี้คะแนนนำไปหลายร้อยแล้ว”
“กูว่าแล้ว!” กลุ่มเพื่อนของน้ำตอบกลับมาแค่นั้น แต่ก็เดาได้ไม่ยากแล้วล่ะ ว่านภนต์คนที่ว่านั่นคือใคร
แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิด ไม่นานตัวแทนภาคก็ได้ผลสรุป แม้ไม่ได้นับคะแนนทั้งหมด หากเพราะคะแนนโหวตให้กับ นภนต์ มีมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนนักศึกษาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลานับคะแนนต่อ
เสียงประกาศตำแหน่งต่างๆ ในชั้นปีดังก้อง แต่ดูเหมือนทุกคนจะไม่แปลกใจกันสักเท่าไหร่... ก็นะ... เขาเองก็คิดว่าไม่ได้คาดเดายากอะไร
น้ำยกข้อมือขึ้นดูเวลา เขาเห็นว่าได้รูปมามากพอแล้ว ถ้างั้นวันนี้ก็คงจะพอแค่นี้ล่ะ ชายหนุ่มเดินไปเก็บเสาตั้งกล้อง จัดเก็บกล้องลงในกระเป๋ากล้องให้เรียบร้อย หากพอจะกลับ เขาเหลือบไปเห็นว่ามีเด็กสาวชั้นปีหนึ่งหอบกองสมุดลายเซ็นกองใหญ่เดินผ่านมาทางตนพอดี จึงลุกขึ้นถาม “จะยกไปไหนครับ ผมช่วย”
เด็กสาวสะดุ้ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันที เธอยิ้มกว้าง แสดงท่าทางดีใจประหนึ่งว่าถูกหวย “จะเอาไปเก็บที่หอน่ะค่ะ”
ทว่าจู่ๆ ก็มีใครบางคนยื่นมือเข้ามารับกองสมุดต่อจากเธอไปเสียก่อน “เดี๋ยวผมยกเอง” พร้อมกับหันไปจ้องชายหนุ่มด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก “นี่เป็นหน้าที่ของผม ไม่ใช่คนนอกคณะอย่างพี่ ถ้าจะกลับแล้วก็รีบไปเถอะครับ” จากนั้นจึงสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษค่ะ” เด็กสาวหันรีหันขวาง ไม่นึกว่าประธานรุ่นหมาดๆ แสนเพอร์เฝ็กต์คนนี้จะกล้าพูดจาแบบนี้กับรุ่นพี่ปีสี่ด้วยซ้ำ แต่ที่สำคัญดันมาขัดลาภของเธอไปเสียได้ “เอ่อ...” หากพอหันไปพบกับรอยยิ้มแบบแปลกๆ ของรุ่นพี่คนดัง ที่แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ชอบกล กลับทำให้เธอต้องแปลกใจยิ่งกว่า
“งั้นผมกลับล่ะ” น้ำยิ้มบาง แล้วเดินจากไปโดยที่ยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้าเช่นนั้น ระหว่างทางก็นึกถึงกลุ่มเพื่อนพ้องที่เป็นพี่ว้ากของตนไปด้วย
...พวกมึงแย่แน่ เตรียมรับมือกับประธานรุ่นคนใหม่ไว้ให้ดีๆ เลย
TBC~*สุขสันต์วันเปิดเทอมสำหรับน้องๆ ที่ยังเรียนอยู่นะคะ ได้ยินว่าหลายคนเปิดเรียนวันนี้ใช่ม้อย ถ้าไปรับน้องกัน ก็อย่าลืมมองหาพี่น้ำกับน้องเมฆมาฝากฮัสกี้ด้วยน้า
กิจกรรมของปีหนึ่งในตอนนี้ ฮัสกี้ฟังเพื่อนเล่ามา ประกอบกับนำมโนของตัวเองใส่เข้าไปรัวๆ #มหาลัยนี้อิฉันบริหารเองข่ะ 5555555
ตอนนี้อาจจะยังไม่มีอะไรระหว่างตัวละครหลักทั้งสองมากนักนะคะ แต่ตอนหน้ามีแน่ๆ อดใจรออีกนิดดดด ฮัสกี้สโลว์ไลฟ์ค่ะ กร๊าก
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาอ่านนะค้า