ตอนที่ 25
(Part 2)
อยากจะกลอกตามองบนสักล้านรอบให้ตายเถอะ!! เรื่องของเรื่องคือวันนี้ผมต้องทำงานอยู่คณะจนดึกดื่นเที่ยงคืน แล้วทีนี้ไอ้คีนมันก็ต้องเข้าเวรแทนเพิ่อนสักคนนี่แหละ ผมก็เลยรอให้มันออกเวรก่อนแล้วมารับเลยทีเดียว แต่!! แต่ครับแต่ เรื่องกลับดึกไม่ทำให้ผมเซ็งอะไร เพราะเพื่อนๆ ก็อยู่กันเต็มคณะ สิ่งที่ทำให้ผมเซ็งจนอยากจะกลอกตาให้มันหลุดออกจากเบ้าจริงๆ ก็คือ แม่ดาวคณะแพทย์คนสวยที่เดินตามหลังมานั่นต่างหาก อ๊ะๆ จะหาว่าผมใจแคบแค่เขามาขออาศัยรถกลับบ้านด้วยระหว่างที่รถเขาซ่อมอยู่ก็ไม่ได้เลยหรอ อย่าครับท่านผู้ชม ผมจะไม่เซ็งโลกเท่านี้เลยถ้านี่ไม่ใช่สัปดาห์ที่สองแล้วที่เจ้าหล่อนมาขอติดรถกลับด้วย!! สองสัปดาห์!! จอร์จ รถพี่โดนชนประสานงาพังยับทั้งคันหรือไงครับ!! ถึงได้ซ่อมนานเกือบครึ่งเดือนขนาดนี้
เอาจริงๆ ผมก็อยากให้ไอ้คีนเอามอเตอร์ไซค์มาซะให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่มีใครมาขอติดรถด้วยได้ (แลดูเลว) แต่ดูท่าว่าฟีฟ่าคนนี้จะทำเลวไม่ขึ้น เพราะช่วงนี้อากาศแปรปรวนเดี๋ยวแดดจ้า เดี๋ยวฝนตกจนไม่กล้าเสี่ยงที่จะตากฝนเลยเอารถยนต์ออกมาทุกวัน สรุปว่าทุกอย่างช่างเป็นใจให้คุณพี่แก้วเขาเหลือเกิน รถเราเลยมีคนสวยดาวคณะแพทย์นั่งกลับบ้านไปด้วยกันทุกวัน
“นี่รถเจ๊แกยังซ่อมไม่เสร็จอีกหรอวะ” ไอ้คิมที่นั่งรถคนขับรถบ้านมันมารับอยู่ข้างๆ ผมกระซิบถาม เออ มึงคิดเหมือนกูเลยอีคิม รถซ่อมนานละเกิน
“หึ” ผมไม่ตอบอะไร
“นี่กูว่าบอกเจ๊ซื้อคันใหม่แม่งเหอะ ซ่อมนานขนาดนี้คงเกินเยียวยาละกูว่า” ไอ้ออมแสดงความคิดเห็น มึงก็คิดเหมือนกูเลยอีออม สมแล้วที่เป็นเพื่อนกู คือผมเล่าให้มันฟังตั้งแต่วันแรกๆ ที่พี่แก้วเขามาขอติดรถด้วยแล้ว เพราะวันนั้นไอ้คีนมารับผมที่คณะ ไอ้ออมมันเห็นเจ๊แกเดินตามหลังมาเหมือนวันนี้นี่แหละ แล้วเพื่อนออมมนุษย์เพื่อนที่รู้จักคนทั้งมหาลัยเกิดสงสัยขึ้นมาว่าคุณดาวคณะแพทย์คนนี้เนี่ยเดินตามหลังแฟนผมมาได้เยี่ยงไร ผมเลยเล่าให้มันฟังแบบหมดเปลือก ไอ้ออมมันก็รับรู้ แถมมีการเตือนผมด้วยว่าเจ๊แกจะมาอ่อยแฟนผมหรือเปล่า ตอนแรกผมก็ไม่คิดหรอก พอรถเจ๊แกเสียนานเกิน พร้อมกับเพื่อนๆ ของเจ๊แกที่กลับไปหมดแล้วตลอดดดดดดด ผมก็เริ่มคิดและ
ไม่นานไอ้คีนก็เดินมาถึงตัวผม มันขยี้หัวผมเบาๆ แล้วนั่งลงข้างๆ เสื้อกาวน์ยังไม่ถอดเลยอ่ะ อ่อยกูใช่มั้ย รู้ว่ากูชอบล่ะสิ ผมหันไปยิ้มให้มันอ้อนๆ ซบเข้าที่ไหล่กว้าง มันยิ้ม เอามือผมไปจับแล้วคลึงเล่น
“พอดีวันนี้แก้วเขาเข้าเวรพร้อมกัน เพื่อนคนอื่นๆ กลับกันแล้วเลยขอติดรถมาด้วยน่ะ” มันบอก เห็นมะ เพื่อนกลับหมดอีกแล้ว
“สวัสดีจ๊ะน้องฟีฟ่า” เจ๊แก้วทักทายเสียงใส ผมผงกหัวขึ้นมองแล้วยิ้มให้เจ๊แกแบบผ่านๆ แล้วกลับมาซบไหล่ไอ้แฟนตัวดีที่โดนชะนีอ่อยแล้วยังไม่รู้ตัวใหม่อีกครั้ง
“กลับกันเลยมั้ย ดูเหนื่อยๆ” ไอ้คีนถามผมเสียงนุ่ม ผมพยักหน้าอยู่กับไหล่มันนั่นแหละ “งั้นไป” มันลุกขึ้นยืน ผมยื่นมือทั้งสองข้างไปให้ ไอ้คีนขำในลำคอแต่ก็ยอมยื่นมือมาดึงผมให้ลุกขึ้นอยู่ดี
“กูกลับก่อนนะเว้ย พวกมึงถึงบ้านแล้วโทรบอกกูด้วยล่ะ” ผมสั่งเพื่อนทั้งสองคน พวกมันรับคำ พร้อมกับทำไม้ทำมือประมาณว่าสู้ๆ กลับมาให้ผม ผมเลยส่งกลับไปให้พวกมันเหมือนกัน หึหึ
เรามาส่งพี่แก้วที่คอนโดพี่แกซึ่งเลยจากคอนโดไอ้คีนไปอีกนิดหน่อย ผมเองเหนื่อยๆ เลยหลับไปตั้งแต่ตูดถึงเบาะ รู้ตัวอีกทีไอ้คีนก็ปลุกผมให้ขึ้นคอนโดไปด้วยกัน จากนั้นก็อาบน้ำ นอน หมดวัน. . .
.
.
.
.
.
“โอยยยย กูหิวข้าววววว” เสียงบ่นของไอ้คิมดังขึ้นมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่อยากจะนับ แต่ที่รู้ๆ คือผมได้ยินมันบ่นว่าหิวข้าวบ่อยพอๆ กับเมื่อย ร้อน และบลาๆ ทั้งๆ ที่ไอ้ออมผู้หญิงแท้ๆ ยังไม่บ่นสักคำ
“มึงอย่าบ่นมาก รีบๆ ทำให้เสร็จจะได้รีบไป” ไอ้ออมพูด ผมพยักหน้าเห็นด้วย ไอ้คิมหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมเดินตามมาอยู่ดี ตอนนี้เที่ยง แต่เราเราสามคนเดินกันอยู่ที่ตึกคณะแพทย์ไม่ได้ไปกินข้าวอย่างคนอื่น ถามว่ามาทำไม คำตอบก็คืออาจารย์ที่คณะผมให้มาเดินส่งเอกสารให้อาจารย์ที่คณะแพทย์ ไม่ใช่คนเดียวด้วยนะ แต่อาจารย์คณะแพทย์ที่ต้องรับเอกสารพวกนี้มีตั้งสิบคน!! ตอนนี้ส่งได้เก้าคนแล้ว เหลือแค่อาจารย์ท่านสุดท้าย ถามพวกพี่ๆ ที่ยังอยู่ที่คณะ พี่ๆ ก็บอกมาว่าอาจารย์ท่านนี้ตอนนี้คงอยู่แถวๆ ห้องแล็ปชั้นสาม พวกผมมันคนรักโลก เลยเลือกที่จะใช้บันไดหนีไฟมากกว่าลิฟต์ ตอนนี้เดินเกือบถึงแล้ว
“หือ?” ผมส่งเสียงถามในลำคอ เมื่ออยู่ดีๆ ไอ้ออมที่เดินนำอยู่ก็หยุดเดินซะอย่างงั้น
“ชู่วววว” ไอ้ออมยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเป็นเชิงให้เงียบ ผมกับไอ้คิมมองหน้ากันงงๆ แต่ก็ยอมเงียบตามที่มันบอก พอเห็นไอ้ออมทำท่าเงี่ยหูฟัง พวกผมก็ทำตามด้วย
“เธอจะทำแบบนี้อีกนานแค่ไหนแก้ว นี่มันก็ครึ่งเดือนแล้วนะ ไม่เห็นว่าคีนจะใจอ่อน” เสียงผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักคนหนึ่งพูด แก้ว? คีน? หวังว่าคงไม่ใช่เจ๊แก้ว กับไอ้คีนแฟนกูหรอกนะ
“นี่เกดเธออย่ามาขัดได้มั้ย อีกหน่อยคีนก็จะใจอ่อนกับฉันแล้ว” ชัดเลย. . .เสียงยัยพี่แก้วจริงๆ ด้วย ว่าแต่มาพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับแฟนกูวะ
“ตรงไหนที่เธอเห็นว่าเขาใจอ่อน อ่อยมาครึ่งเดือนอยู่แล้ว ที่ฉันเห็นก็มีแต่เธอที่เข้าหาเขาก่อนตลอด คีนไม่เห็นจะมีทีท่าสนใจอะไรเธอเลย อีกอย่างฉันก็เห็นว่าคีนกับน้องฟีฟ่าก็รักกันดี เธอจะเข้าไปแทรกทำไม” ผู้หญิงคนเดิมพูด
“นี่เกด!! เธอเป็นเพื่อนฉันนะ แทนที่จะเข้าข้างเพื่อน แล้วไง รักกันมากแล้วไง ก็แค่เกย์ล่ะวะ จะมาสู้ผู้หญิงสวยๆ อย่างฉันได้ไง เชื่อเถอะ ฉันจะเข้าไปแทรกเรื่อยๆ อีกไม่นาน ที่ตรงนั้นก็ต้องเป็นของฉัน เธอคอยดู!!”
“ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนไงเลยเตือน ที่คีนทำดีกับเธอช่วยเธอก็เพราะเขาเห็นว่าเป็นเพื่อน ถ้าเธอลองสังเกตดีๆ จะรู้ว่าเธอไม่ได้พิเศษอะไรกว่าคนอื่นเลย คุยเขายังคุยแทบนับคำได้ เธอจะเอาอะไรมามั่นใจ”
“ผู้ชายยังไงก็ไม่ทิ้งสันดานหรอก ก็ให้มันรู้ไปว่าฉันอ่อยทุกวันแล้วจะไม่หวั่นไหว”
“เฮ้อ. . .แล้วแต่เธอล่ะกัน ถ้าได้ก็ยินดีด้วย แต่ถ้าไม่ เธอก็อาจจะเสียเพื่อนดีๆ ไปคนนึงเลย ฉันเตือนด้วยความหวังดี”
“เธอก็คอยดูแล้วกันยัยเกด ให้มันรู้ไปว่าผู้หญิงเพียบพร้อมอย่างฉันจะสู้ไอ้เด็กเกย์คนนึงไม่ได้!!”“ไอ้ฟ่า ใจเย็นเว้ยมึง เอกสารอาจารย์ยับหมดแล้ว” เสียงกับมือของไอ้คิมที่บีบมาที่ไหล่ทำให้ผมได้สติ ก้มลงมองมือตัวเองที่บีบกันแน่นจนเอกสารยับไปหมด แต่อารมณ์นี้ผมไม่มัวแต่สนใจเอกสารนี่หรอก ที่ผมสนใจคือสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้มากกว่า
“มึงได้ยินมั้ยไอ้คิม ผู้หญิงคนนั้นจ้องจะงาบแฟนกู” ผมพูด รู้สึกเลยว่าตัวเองโมโหแค่ไหน
“เออ กูได้ยิน ไอ้ออมก็ได้ยิน แต่มึงก็ได้ยินที่พี่ผู้หญิงอีกคนพูดไม่ใช่หรอวะ พี่คีนไม่ได้สนใจยัยเจ๊นั่นเลยนะเว้ย” ไอ้คิมพูดอีก
“กูรู้. . .กูรู้ดีว่าไอ้คีนเป็นคนยังไง แต่กู. . .”
“พวกกูเข้าใจมึง แต่ตอนนี้มึงใจเย็นๆ ก่อน” ไอ้คิมพูดอีก
“เออ ไอ้ฟ่า มึงน่ะชอบใจร้อน ห้ามเลยนะเว้ย แล้วอย่าไปพาลลงกับพี่คีนด้วย เดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่าๆ” ไอ้ออมพูดเสริม พร้อมกับมือที่คอยลูบหลังลูบไหล่ให้ผมใจเย็น ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับอารมณ์ ก่อจะพยักหน้าให้มันสองคน
“ดีมาก. . .”
.
.
.
.
.
ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว ผมกำลังรอให้ไอ้คีนมารับที่คณะเพราะวันนี้เราสองคนเลิกพร้อมกัน มันไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัด แต่ต้องเข้าเวร มันเลยจะมารับผมไปส่งบ้านก่อน ค่อยไปเข้าเวร ถึงจะอารมณ์ดีที่จะได้เจอมัน แต่ก็อดอารมณ์เสียไม่ได้เมื่อคิดว่ามันจะมาพร้อมกับใครอีกคน
“ฟ่า. . .” ผมสะดุ้งเมื่อมีคนมาตะโกนเรียก เงยหน้าขึ้นมอง ไอ้คีน. . . อดไม่ได้ที่จะมองเลยไปด้านหลังของมันว่ามีใครตามมาด้วยหรือเปล่า แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะวันนี้มันมาคนเดียว หรือว่ายัยเจ๊แก้วจะยอมถอยแล้ววะ? “คิดอะไรอยู่ กูเรียกตั้งนาน” มันถาม ส่งนิ้วโป้งมาคลึงหัวคิ้วของผมที่ไม่รู้ว่าขมวดแน่นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“เปล่า. . .กลับเหอะ” ผมตอบเสียงเบาเพราะรู้สึกเซ็งในอารมณ์ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำไปที่รถอย่างรู้ดีอยู่แล้วว่ามันเอาไปจอดไว้ที่ไหน เฮ้อ. . . ผมเดินเฉื่อยๆ มาเรื่อยๆ ก็ถึงรถ
เอ๊ะ ทำไมไอ้คีนถึงไม่ดับเครื่องรถ?
หัวใจผมเริ่มเต้นแรงขึ้น ผมรีบเปิดประตูรถด้านที่นั่งข้างคนขับทันที
“สวัสดีจ๊ะ. . .น้องฟีฟ่า”
!!!ผมหันไปมองไอ้คีนอย่างขอคำตอบ มันขมวดคิ้ว เดินมาทางผม “ทำไมแก้วมานั่งตรงนี้ล่ะ” มันถาม ผมดร็อปอารมณ์ตัวเองลงได้นิดหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ใช่ไอ้คีนที่เป็นคนบอกให้เจ๊แกนั่ง (คือทุกทีไอ้คีนจะให้เจ๊แกนั่งเบาะหลัง ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้นั่งอยู่ด้วยก็ตาม)
“คือคีน แก้วขอโทษนะ พอดีว่าที่แก้วเจ็บเท้าอ่ะ พอไปนั่งข้างหลังมันไม่สบายเหมือนข้างหน้า มันเจ็บกว่าเดิม แก้วเลยถือวิสาสะ ขอโทษน้องฟีฟ่าด้วยน๊ะจ๊ะ แต่วันนี้พี่ขอนั่งตรงนี้ได้มั้ย” ยัยพี่แก้วทำหน้าตาใสซื่อส่งไปให้ไอ้คีน แต่ผมเห็นนางแอบยกยิ้มมุมปากมาทางผมโดยที่ไอ้คีนไม่เห็น ผมกำมือตัวเองแน่น ทั้งโกรธทั้งโมโห แต่พยายามข่มไว้ไม่ให้ระเบิดออกไป ตั้งแต่เรื่องที่กูได้ยินมาตอนเที่ยงแล้วนะมึง เย็นก็เอาเลยหรอ
“ผมคงให้พี่นั่งตรงนี้ไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน เพราะตรงนี้
มันที่ของผม” ผมเน้นตรงคำสุดท้ายให้ได้ยินกันชัดๆ ที่ผมพูดไม่ได้หมายถึงที่นั่งบนรถอย่างเดียว แต่หมายถึง
ที่ข้างกายไอ้คีนด้วย ไม่ว่าจะตรงไหนตำแหน่งไหนมันก็เป็นของผม
“ฟ่า. . .” ไอ้คีนปราม ผมรู้ดีว่ามันไม่ได้เข้าข้างยัยเจ๊แก้วนี่หรอก แต่มันไม่ชอบให้ผมทำตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิง มันบอกตลอดว่าต้องให้เกียรติผู้หญิง เคารพรุ่นพี่ แต่ขอโทษเถอะ กูเลือกปฏิบัติเป็นคนๆ ไปเว้ย
“มึงเงียบไปเลย” ผมหันไปพูดกับมัน ก่อนจะหันมาหายัยพี่แก้วอีกครั้ง “ยังไงพี่ สิบห้าวันแล้วนะเว้ย รถยังซ่อมไม่เสร็จอีกหรอ ซื้อใหม่ได้แล้วมั้ง ส่วนเพื่อนก็เลิกๆ คบไปเหอะ ทิ้งเพื่อนให้เป็นภาระคนอื่นอยู่แบบนี้ ส่วนพี่ก็รบกวนคนอื่นเขาอยู่ได้ตั้งครึ่งเดือนละอายบ้างป่าววะ”
“ฟ่า!” ไอ้คีนเสียงเข้มขึ้น แต่ผมยังไม่ยอมหยุด
“หรือว่าที่จริงแล้วรถไม่ได้เสีย แต่โกหกเพราะอยากอ่อยผู้ชาย” ผมไม่ได้ตะคอก ไม่ได้เสียงดัง แต่ทำหน้ากวนตีน ยัยพี่แก้วทำหน้าเหมือนว่าเสียใจนักหนาที่โดนผมด่า
“ทำไมน้องฟ่าพูดแบบนี้ล่ะ พี่ไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นเลยนะ”
“ถ้าไม่ได้คิดก็ออกมา อย่าให้ผมต้องแฉความตอแหลของพี่ไปมากกว่านี้เลย” ผมเรียกให้เจ้าหล่อนลงจากรถ รู้ตัวว่าพูดแรง แต่กูไม่แคร์ แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนแคร์
“ฟีฟ่า!” ไอ้คีนเรียกเสียงเข้มกว่าเดิม แต่ผมไม่สนใจ ผมสนแค่ว่าวันนี้ผมจะทำให้ผู้หญิงคนนี้ออกจากชีวิตผมกับไอ้คีนให้ได้
“ออกมา!!” ผมตะคอก พี่แก้วสะดุ้ง น้ำตาคลอมองไอ้คีน แถมยังนั่งนิ่ง ไม่ยอมออกมาจากรถ “กูบอกให้ออกมาไงวะ!!” เมื่อบอกดีๆ ไม่ฟัง ผมก็เดินปรี่เข้าไปหายัยเจ๊แอ๊บแบ๊ว แล้วดึงออกมาจากในรถ ยัยพี่แก้วก็อ่อนปวกเปียกซะเหลือเกิน ทรุดลงไปกับพื้นทันที เหอะ!!
“โอ๊ยยย” ขนาดเสียงร้องยังฟังดูสตรอว์เบอร์รี่เลยเหอะ
“หยุดนะ!! ทำไมทำแบบนี้วะ” ไอ้คีนรวบเอวผมไว้ ไม่ให้เดินเข้าไปใส่ยัยพี่แก้วอีกครั้ง ผมเองก็ดิ้นๆ กูไม่ยอมหรอกเว้ย!!
“ต้องหน้าด้านขนาดไหนกันถึงมาอ่อยผู้ชายที่เขามีแฟนอยู่แล้วได้!!”
“น้องฟ่าเอาอะไรมาพูดคะ พี่ไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นสักหน่อย”
“อย่ามาตอแหล!! ตอนเที่ยงกูได้ยินมึงพูดกับเพื่อนมากับหูว่าจะอ่อยแฟนกู!! จะแย่งมันไปจากกู!!”
“ไม่จริงนะคีน แก้วไม่ได้จะทำไรแบบนั้น” มันพูดน้ำหูน้ำตาไหล โถถถถถถถถ น่าสงสารเหลือเกิน!!
“เก็บน้ำตาของมึงเอาไว้หลอกควายเถอะ!! กูได้ยินกับหู มึงมันตอแหล กูขอสักทีเหอะ เผื่อว่าโรคตอแหลชอบยุ่งกับแฟนชาวบ้านมันจะหายขาด!!” พูดเสร็จผมก็ทำท่าจะเดินไปเอาเรื่องอย่างที่ปากพูด อย่าลืมว่าผมเป็นเกย์ ถึงจะไม่ออกสาวเท่าไอ้คิม แต่ผมก็สามารถทำร้ายร่างกายผู้หญิงได้โดยที่ไม่รู้สึกผิด(เท่าไหร่) แต่ไม่ทันไปถึงก็ถูกรวบแน่นกว่าเดิม
“ไอ้ฟ่า ใจเย็นก่อนเหอะ นั่นผู้หญิงนะเว้ย!!” ไอ้คีนตะคอกเสียงดัง นั่นทำให้ผมโมโหมากกว่าเดิม
“ทำไม!! มึงไม่เชื่อกูรึไง เบื่อเกย์อย่างกูแล้วใช่มั้ย!! ชอบมันงั้นสิ!! หรือว่าได้กับมันแล้ว!!” ผมหันกลับไปพาลใส่มัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คิดอย่างปากพูด แต่มันก็ยั้งปากตัวเองไม่ทันแล้ว
“ฟีฟ่า!!” ไอ้คีนขึ้นเสียง ดังกว่าเมื่อกี้มาก ผมสะดุ้งตกใจ น้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นี่มันขึ้นเสียงใส่ผมต่อหน้าผู้หญิงคนนี้งั้นหรอ. . . “ขอโทษ. . .แต่มึง. . .” มันจะรวบตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง แต่ผมไม่ยอม ดิ้นออกมาจนหลุด
“ไม่ต้องมายุ่งกับกู!! ถ้าชอบมันมากก็ไปเอามันเลย ไม่ต้องมาสนใจกู!!” ผมมองมันอย่างตัดพ้อ หันหลังจะเดินออกจากตรงนั้น แต่ไอ้คีนมาดึงมือผมไปก่อน
“จะไปไหน” มันถามเสียงอ่อนลงกว่าเดิมมาก
“ไปให้พ้นจากตรงนี้ไง ส่วนมึง!!” ผมหันไปทางยัยพี่แก้ว “อยากนั่งนักใช่มั้ยข้างหน้าน่ะ นั่งไปเลย
กูยกให้!!” แล้วผมก็วิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที ผมรู้ว่าไอ้คีนวิ่งตาม แต่ขอโทษเถอะ มีพี่วินมอไซค์ขับผ่านมาพอดี ผมกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้มึงบินตามมา มึงก็ตามมาไม่ทันหรอกเว้ย
ฮึกกก ไอ้บ้า กูโกรธ กูโมโห กูเสียใจ กูน้อยใจ ไอ้เหี้ย!!.
.
.
.
.
ตอนนี้แต่งไม่ดีเลยอ่ะ รู้ตัวเลย ขอโทษจริงๆ ค่ะ เราเป็นคนเขียนที่ไม่ถนัดฉากทะเลาะกันเท่าไหร่ (อันที่จริงไม่ถนัดสักฉาก ) ยังไงก็ขอให้สนุกกับการอ่าน
เจอกันตอนหน้าค่าาาา