Gay Taste รส(เกย์)ลองแล้วระวังติด 13-4-2018 ตอนที่34 PART2 P.31 [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Gay Taste รส(เกย์)ลองแล้วระวังติด 13-4-2018 ตอนที่34 PART2 P.31 [END]  (อ่าน 197048 ครั้ง)

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
นานจริง ๆ จ้ะ นึกว่าทิ้งกันไปซะแล้ว ยังไงก้อสู้ ๆน่ะจ้ะ ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีและมีจิตใจที่เข้มแข็ง กลับมาแต่งนิยายต่อน่ะจ้ะ  :mew1:

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
[29]

PART 1


“เออ. . .กำลังจะขึ้นเครื่อง”  ผมตอบไอ้คิมที่โทรมาตอนใกล้เวลาขึ้นเครื่องพอดี หลังจากเช็คอินอะไรเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ผม ไอ้คีน พี่แม็ค ฟาง พี่แบงค์และพี่โมก็นั่งรอเวลาเขาเรียกขึ้นเครื่องอยู่

((โอยยยยย เสียดายอ่ะ อยากไปบ้าง))  มันโอดครวญ ไอ้คิมมันอยากไปด้วยมาก บอกว่าไม่เคยไปสงขลาเลยสักครั้งในชีวิต กูอยากจะบอกมึงจริงๆ ว่า กูก็ไม่เคยไป สาดดดดดด แต่ก็ไปไม่ได้เพราะติดต้องไปเป็นเพื่อนพ่อแม่มันไปหาปู่ย่าที่ฝรั่งเศส (นางไฮโซ๊ ไฮโซ)

“เสียใจด้วยเพื่อนรัก คราวนี้เขาไปเป็นคู่ๆ”  ผมแกล้งพูด แต่จะว่าไปมันก็คือเรื่องจริงอ่ะนะ เพราะที่ไปคราวนี้ก็เป็นคู่ๆ กันจริงๆ ก็มีผมกับไอ้คีน  :o8: พี่แม็คก็พาฟางไปเปิดตัวเหมือนกัน (แต่ได้ข่าวว่าบอกครอบครัวให้รับรู้ตั้งแต่คบฟางแรกๆ แล้ว ที่พาไปคราวนี้คือพาไปให้ที่บ้านได้เห็นแบบตัวเป็นๆ ครั้งแรก) พี่แบงค์ก็พาพี่โมไป (รายนี้เขาไปมาหาสู่กับทางบ้านกันตั้งแต่คบกันแรกๆ แล้ว เพราะงั้นการไปสงขลาของพี่โมคราวนี้ไม่ใช่ครั้งแรกแน่ๆ)

((เออ ใช่สิ๊ กูมันคนไร้คู่นี่))  มันตอบกลับมาแบบเสียงสูง ประมาณว่าประชดประชัน ผมขำก๊าก

“ก็ถ้ามึงยอมใจอ่อนให้พี่ต้น ป่านนี้ก็ไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ขาดชายเคียงคู่หรอก ฮ่าๆๆๆ”

((อีกระรอก พี่ต้นจ้างมึงกี่บาท บอกกูมา))

“ก็คงเท่ากับที่ไอ้คีนจ้างมึงล่ะมั้ง” ผมตอบกลับไปทันทีเพราะแต่ก่อนมันชงไอ้คีนแรงมาก (พอๆ กับที่ผมชงพี่ต้นนั่นแหละ) ไอ้คีนที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมาเลิกคิ้วเป็นคำถามทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเอง ผมส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร ยิ้มประจบนิดๆ แล้วซบไหล่มันคุยกับไอ้คิมต่อ

((อูยยยยยย คงแพงน่าดูชม))

“แน่นอน ถึงขั้นสร้างเนื้อสร้างตัวได้อ่ะ”  ผมตอบกลับบ้าง ผมกับไอ้คิมเราคุยเล่นกันอีกสักพัก (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เรื่องไร้สาระนั่นแหละ) ไอ้คีนก็สะกิดบอกว่าได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ไอ้คิมอวยพรให้โชคดี พ่อแม่ผัวรัก พ่อแม่ผัวหลง และเดินทางปลอดภัยแล้วก็วางสายไป หลังจากนั้นผมก็ตั้งโทรศัพท์ให้เป็นโหมดเครื่องบินเตรียมตัวขึ้นเครื่อง
.
.
.
.
.
ตอนนี้อยู่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่แล้ว ลงจากเครื่องเดินออกมาไม่เท่าไหร่ ก็เห็นพี่เคนนั่งรออยู่แล้ว ไอ้คีนเดินไปกอดพี่ชายมัน ตามด้วยพี่แม็คกับพี่แบงค์ ส่วนพี่โม ผมและฟาง ก็ยกมือไหว้พี่แก พี่เคนก็รับไหว้ยิ้มๆ

“ใช้ได้นะเนี่ย น้องพี่ก็ตาถึงเหมือนกันเว้ย”  พี่เคนแซวแล้วมองผมสลับกับไอ้คีนแบบกรุ้มกริ่มๆ ไอ้คีนก็ยักคิ้วใส่พี่ชายตัวเองแบบอวดๆ  “ไอ้แม็คก็ไม่แพ้กันเลยเว้ย ไม่ไหวๆ สงสัยพี่ต้องรีบหาแฟนบ้างแล้ว”  ประโยคนี้ของพี่เคนเรียกเสียงหัวเราะจากพวกเราทุกคน

พี่เคนตัวจริงไม่ค่อยต่างจากในจอเวลาที่ผมคุยกับพ่อแม่ไอ้คีนเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เห็นชัดเวลาเจอตัวจริงก็คือสีตาที่เหมือนกับไอ้คีนมากแต่ของพี่เคนจะดูสุขุมกว่า อาจจะเพราะวัยที่เป็นผู้ใหญ่กว่าและต้องทำงานดูแลลูกน้องหลายคนจึงมีมาดของผู้นำอยู่มาก อีกอย่างคือส่วนสูง พี่เคนกับไอ้คีนถ้าไม่สังเกตดีๆ จะไม่เห็นความต่างของส่วนสูงของสองคนนี้เลย แต่เท่าที่ผมดู เหมือนว่าพี่เคนจะสูงกว่าไอ้คีนสองสามเซนต์ได้

“ถึงแล้ว”  ไอ้คีนพูด บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง หลังจากที่ไปส่งพี่แม็คกับพี่แบงค์(และแฟนๆ)แล้ว ตอนนี้รถของพี่เคนมาจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง พี่เคนบีบแตร สักพักก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาเปิดประตูรั้วให้ พี่เคนก็เอารถเข้าไปจอด พอรถจอดสนิทแล้ว พวกเราก็ลงจากรถกัน โดยไอ้คีนเป็นคนไปเอาสัมภาระที่หลังรถลงมา

“พี่คีนนนนน คิดถึง”  เด็กผู้หญิงคนเดิมที่เปิดประตูให้เมื่อกี้เดินเข้ามาโถมตัวกอดไอ้คีนอย่างแรง จนมันผงะไปด้านหลัง

“ระวังหน่อยสิตัวยุ่ง”  พี่เคนพูด

“คิคิ ขอโทษค่า ครีมคิดถึงพี่คีนนี่”  น้องพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก ดูแล้วน่ารักดี ฟังจากคำที่แทนตัวเองเมื่อกี้ น้องคนนี้ก็คือน้องครีมลูกพี่ลูกน้องตัวยุ่งของไอ้คีนนั่นแหละ  “เอ๊ะ. . .”  ดูเหมือนน้องครีมจะสังเกตเห็นผมแล้วล่ะ  “พี่ฟีฟ่า!! พี่ฟีฟ่าใช่มั้ยคะ น่ารักกกกก ตัวจริงน่ารัก!!”  น้องรีบผละออกจากกอดไอ้คีนแล้วพุ่งเข้าหาผมทันที เอ่อ. . .เด็กๆ นี่แรงดีจริงเชียว  “พี่เคนขา พี่ฟีฟ่าน่ารัก!!” 

“รู้แล้วๆ เข้าบ้านกัน พี่ฟีฟ่ากับพี่คีนจะได้พักผ่อน”  พี่เคนว่าแล้วดึงตัวน้องครีมเข้าบ้านอีกหลังที่อยู่ข้างๆ ไป เหลือผมกับไอ้คีนที่ยืนอยู่หน้าบ้านกันสองคน

“ไป. . .”  ไอ้คีนหันมาดึงมือผมเพื่อจะพาเข้าบ้าน แต่ผมขืนตัวไว้ มันหันมาเลิกคิ้วเป็นคำถาม

“คือ. . .”  ผมอึกอัก

“ตื่นเต้น?”  ผมพยักหน้า มันยิ้ม  “ไม่ต้องตื่นเต้น มึงเองก็คุยกับพ่อแม่กูบ่อยๆ นี่”

“ก็ใช่. . .แต่”  แต่นั่นมันผ่านกล้องนี่นา แต่นี่เจอตัวจริง. . .

“ฟีฟ่า. . .”

“หื้ม?”

“ไม่ต้องกังวล. . .พ่อแม่กู พี่ชายกู ทุกคนรักมึง. . .เหมือนที่กูรัก. . .”

“อื้ม”

เพราคำพูดให้กำลังใจ. . .

เพราะมืออุ่นๆ ที่กุมอยู่ตลอด. . .

ผมสู้ตาย!!

“มากันแล้วค่ะ”  พอผมกับไอ้คีนเข้ามาในตัวบ้านและเดินมาถึงห้องรับแขก ก็พบกับสามีภรรยาท่าทางใจดีคู่หนึ่งที่ผมเคยเจอแค่ผ่านกล้องสไกป์ไม่กี่ครั้ง แต่ท่านทั้งสองก็เอ็นดูผมเหมือนลูกเหมือนหลาน

พ่อแม่ของไอ้คีน. . .

“สวัสดีครับ”  ผมพูดพร้อมยกมือไหว้ท่านทั้งสอง ไอ้คีนเองก็เข้าไปกอดพ่อแล้วหอมแก้มแม่เป็นการทักทาย

“สวัสดีลูก ตัวจริงตัวเล็กน่ารักน่าเอ็นดูอะไรอย่างนี้ลูก”  แม่ไอ้คีนพูดยิ้มๆ พร้อมกับเข้ามากอดผม

อุ่นเหมือนแม่เลย. . .

อ้ออมกอดของแม่ไอ้คีนอุ่นเหมือนอ้อมกอดของแม่ผมเลย. . .


“มานั่งก่อนลูก มาๆ”  แม่ดึงผมให้ไปนั่งที่โซฟาตัวยาวข้างๆ กัน ส่วนไอ้คีนกับคุณพ่อก็ไปนั่งที่โซฟาเดียวข้างๆ กัน  “บ้านแม่ไกล เดินทางกันเหนื่อยเลยใช่มั้ยลูก”  แม่ลูบหัวผมถาม

“นิดหน่อยครับ บ้านแม่สวยมากเลย มีทะเลด้วย”  ผมบอกอย่างตื่นเต้น เพราะเมื่อกี้ตอนนั่งรถผมเห็นแล้วว่าแค่ข้ามถนนไปไม่ไกลก็จะเป็นทะเลแล้ว เหมือนกับที่ไอ้คีนเคยเล่าให้ฟังเลย

“ใช่จ๊ะ ตอนเด็กๆ คีนเล่นน้ำจนดำปี๋เลย พอแม่ส่งไปอยู่กับป้าที่กรุงเทพนั่นแหละถึงได้ขาวขึ้น ไว้แม่หารูปมาให้ดู”  แม่เล่าขำๆ ผมเองก็หันไปมองไอ้คีนอย่างแซวๆ เพราะตอนนี้มันขาวมาก จนไม่อยากจะเชื่อว่าจะเคยเป็นเด็กดำด้วย

“ก็ปกติของชาวเลแหละแม่ โธ่ ไม่ต้องให้ดูหรอก”  มันรีบแก้ตัวละล่ำละลัก เรียกเสียงหัวเราะจากผมกับแม่ได้อย่างดี

“เอาล่ะ มาเหนื่อยๆ เด็กๆ คงอยากพักผ่อน น้องฟ่าไปพักผ่อนก่อนนะลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยให้พี่เขาพาเที่ยว”  แม่พูดขึ้นมาพร้อมลูบหัวผมยิ้มๆ

“ครับ”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเอามอ’ไซค์ออกนะแม่ จะได้พาน้องกินลมด้วย”  ไอ้คีนบอกแม่ นี่ผมไม่อยากจะบอก เวลาไอ้คีนเรียกผมต่อหน้าแม่มันนะ น้องอย่างนู้น น้องอย่างนี้ ทีอยู่กับกูสองคนนี่นะ ฮึ่ยยยย

“น้องฟ่านอนห้องพี่เขาใช่มั้ยลูก หรือม่ต้องแยกห้องให้”  แม่ถามผม แต่ผมรู้ว่าท่านต้องการแกล้งลูกชายตัวเองเท่านั้นแหละ ไม่ได้จะแยกจริงๆ หรอก

“อะไรแม่ คนเป็นแฟนกันเขาต้องนอนด้วยกันสิ”  ไอ้นี่ก็หลงกลแม่ตัวเองเต็มเปา เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งพ่อและแม่ได้อย่างดี ผมเองก็ขำไปกับเขาด้วย ไอ้คีนนี่เหวอไปเลย อะไรเนี่ย ทำอย่างกับไม่รู้จักนิสัยแม่ตัวเอง

“ไปลูกไป พักผ่อนกันได้แล้ว”  พ่อพูดขึ้นมา ผมบอกราตรีสวัสดิ์ท่านทั้งสอง ก่อนไอ้คีนจะจูงมือขึ้นมาที่ชั้นสองของบ้าน แล้วหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นห้องของมันอยู่แล้ว

พอมันเปิดประตูเข้าไป ผมก็ต้องอึ้งเพราะกาตกแต่งของห้องนี้ค่อนข้างต่างกับห้องที่คอนโดมาก เหมือนเจ้าของห้องไม่ใช่คนๆ เดียวกัน ที่คอนโดจะเป็นสไตล์เรียบๆ สีพื้นโทนมืดๆ แต่ห้องนี้การตกแต่งกลับเป็นสีพาสเทลอ่อนๆ ทั้งห้องไม่เว้นแม่แต่ชุดเครื่องนอน

“แม่กูเป็นคนแต่งห้องนี้น่ะ ท่านบอกว่ากูชอบสีมืดๆ มันดูแล้วหดหู่”  ไอ้คีนอธิบาย ผมพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องอยู่ดี ห้องที่ไม่ค่อยมีอะไร ไม่มีแม้แต่ทีวี ผนังสองด้านเป็นชั้นวางหนังสือแบบบิวต์อินที่มีหนังสือแน่นขนัดทุกพื้นที่ ข้างๆ เตียงก็เป็นโต๊ะทำงานที่ยังไม่วายมีหนังสือเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมวางอยู่สองสามเล่ม (ไอ้คีนเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ค่อนข้างชอบอ่านหนังสือสถาปัตยกรรม ที่คอนโดก็มีอยู่เยอะเหมือนกัน)  “มึงไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวกูจะไปอาบอีกห้อง ง่วงว่ะ”  ผมพยักหน้ารับ ไอ้คีนเปิดตู้เอาผ้าขนหนูส่งให้ผมผืนนึง แล้วมันเองก็หยิบไปผืนนึงแล้วเดินออกจากห้องไป ผมเองก็เข้าไปอาบน้ำบ้าง

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว พอออกมาก็เห็นว่าไอ้คีนกำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่แล้ว ผมเลยเดินไปนั่งเช็ดผมที่ปลายเตียง สักพักก็รู้สึกว่าคนที่ควรนั่งอ่านหนังสืออยู่เมื่อกี้มาแย่งผ้าในมือแล้วเช็ดผมให้แทน ความสบายที่ได้รับบวกความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ทำให้ผมเผลอพิงมันไปเต็มๆ แล้วเผลอหลับไป
.
.
.
.
รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นแสงสลัวๆ ลอดมาจากผ้าม่านที่ปิดไม่สนิท คงจะเพิ่งเช้าตรู่ แล้วพอหันไปดูนาฬิกาที่ฝาผนัง อืม เพิ่งหกโมงนิดๆ เอง แต่ถ้าจะให้นอนต่อก็นอนไม่หลับแล้ว ผมเลยค่อยๆ เอาแขนที่พาดอยู่ตรงเอวออก ลุกขึ้นนั่งพอให้หายมึน ก้มลงหอมแก้มคนขี้เซาฟอดหนึ่ง แล้วจึงลงจากเตียงไปอาบน้ำ จัดการตัวเอง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ลงไปชั้นล่าง

“อ้าวน้องฟ่า ทำไมรีบตื่นล่ะลูก เมื่อคืนก็นอนดึกนี่นา”  ลงมาก็เห็นเหมือนแม่ (ต่อจากนี้ผมจะเรียกแม่ไอ้คีนว่า ‘แม่’ เฉยๆ นะครับ) กำลังใส่รองเท้าเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก

“ฟ่าตื่นเช้าประจำอยู่แล้วครับ มันชิน นี่แม่กำลังจะไปไหนหรอครับเพิ่งหกโมงครึ่งเอง” 

“ไปตลาดจ้ะ ตอนเช้าๆ แบบนี้ของสดดี แม่จะซื้อมาทำอาหารให้ลูกๆ กินกันนั่นแหละ”  แม่ตอบยิ้มๆ

“แม่ขับรถไปเองหรอครับ?”  ที่ผมถามแบบนี้เพราะว่าแม่ค่อนข้างจะเป็นผู้หญิงเก่ง ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง บ้านนี้จึงมีแม่บ้านคอยช่วยงานแม่แค่คนเดียว แม่ชอบที่จะดูแลบ้านด้วยตัวเองมากกว่า (ไอ้คีนเคยเล่าให้ฟัง) เมื่อได้ยินคำถามของผมแม่ก็พยักหน้ารับ ผมเลยคิดว่าผมควรจะอาสาขับรถไปเป็นเพื่อนแม่ดีกว่า

“งั้นเดี๋ยวฟ่าขับรถไปให้แม่ดีกว่าครับ”  แม่ยิ้มให้และส่งกุญแจรถมาให้ผม

ตอนนี้ผมกำลังเดินตามหลังแม่ที่เดินช็อปอย่างสนุกสนาน เราไม่ได้ไปห้างกันหรอกครับ แต่เรามาเดินตลาดนัดวันศุกร์ เป็นตลาดที่ตั้งแต่ในเขตที่ว่าการอำเภอเมือง อยู่ข้างๆ กับโรงเรียนมหาวชิราวุธ (ซึ่งแม่แอบโม้ให้ฟังว่าเป็นโรงเรียนที่แม่เคยเรียนตอนมัธยมด้วย ก่อนที่จะไปต่อมหาลัยที่อังกฤษจนเจอกับพ่อ) แม่เล่าให้ฟังว่าตลาดนี้จะมีเฉพาะวันศุกร์ (ก็มันชื่อตลาดนัดวันศุกร์นี่หว่า) ตลาดนี้แม่ค้าจะเริ่มตั้งของกันตั้งแต่เช้าตรู่ เช้าแบบเช้ามากๆ สิบโมงเกือบๆ สิบเอ็ดโมงตลาดก็วายแล้ว แอบเห็นว่ามีเด็กนักเรียนใส่ชุดพละสีของโรงเรียนมหาฯ มาเดินกันเยอะเหมือนกัน (ที่รู้ว่าเป็นชุดพละสีของโรงเรียนมหาฯ ก็เพราะว่าแม่บอกอีกนั่นแหละ) ทั้งๆ ที่ยังเช้าอยู่มากๆ ดูเหมือนว่าเด็กๆ จะมาหาซื้อของกินเพื่อทำเป็นอาหารเช้าก่อนเข้าเรียนกัน

ที่ตลาดมีของให้เลือกมากมายละลานตาไปหมด ทั้งของสดที่ชาวสงขลามักจะมาซื้อไปทำอาหารกัน และมีทั้งอาหารที่สุกแล้วพร้อมทาน พวกเสื้อผ้าของใช้ต่างๆ ก็มีให้เลือกมากๆ สรุปว่าเป็นตลาดที่มีของให้เลือกจับจ่ายเยอะใช้ได้ทีเดียว

บรรยากาศก็ดีมาก พ่อค้าแม่ค้าเขาลดราคาให้กับแบบแทบไม่ต้องต่อรอง แถมยังยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน ทำให้บรรยากาศตลาดนี้น่าเดินขึ้นหลายเท่า

“สวัสดีจ้าคุณนาย วันนี้เอาอะไรบ้างจ๊ะ”  แม่ค้าถามพร้อมยิ้มกว้างให้ทันทีที่แม่มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านผักร้านหนึ่ง มีผักหลายอย่างทั้งที่ผมรู้จักและไม่รู้จัก แม่บอกว่าร้านนี้เป็นร้านที่แม่มาซื้อทุกครั้งที่มาตลาดแห่งนี้ เพราะผักสดและปลอดสารพิษ

“เอาตามที่จดนี่เลยจ้ะพี่แดง”  แม่ยื่นกระดาษที่ใช้จดรายการที่จะซื้อให้ป้าแดง(ชื่อแม่ค้า) ป้าแกก็รับไปพร้อมกับรีบเอาผักใส่ถุงให้ตามรายการ

“ทั้งหมดร้อยสิบสามบาท เอาร้อยนึงก็พอจ้ะคุณนาย”  เมื่อแม่ค้าบอกราคาของพร้อมกับลดราคาให้ให้เสร็จสรรพ แม่ก็ยื่นใบร้อยให้พร้อมกล่าวขอบคุณที่มีน้ำใจ ป้าแดงก็ยิ้มๆ ก่อนจะหันมาหาผม  “เอ๊ะ? วันนี้มากับใครจ๊ะ ไม่เคยเห็นมากับคุณนายเลย”

“อ๋อคนนี้. . .”  แม่ลากเสียงยาวพร้อมหันมามองผม ผมเกร็งตัวเหงื่อซึมอัตโนมัติ ไม่รู้ว่าแม่จะตอบว่ายังไงกับคำถามนี้ จะอายหรือเปล่าที่จะบอกผมเป็นแฟนของลูกชาย. . .  “หึหึ คนนี้ชื่อน้องฟีฟ่า. . .แฟนของคีนลูกชายคนเล็กฉันไงพี่แดง”  แม่ตอบพร้อมยิ้มให้กับป้าแดง ไม่มีท่าทีอับอายเลยที่ลูกชายตัวเองมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน ถึงแม้ผมจะรู้ว่าแม่เองก็เป็นสาววาย แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าท่านจะกล้าเปิดเผยขนาดนี้. . .ผม . . .ตื้นตันชะมัด อยากร้องไห้เลยว่ะ ผมมองแม่อย่างขอบคุณก่อนจะหันไปมองปฏิกิริยาของป้าแดงแม่ค้าขายผัก หวังว่าแกคงจะไม่ช็อคไปแล้วนะ

“อ๋อน้องคีน. . .คุณนายนี่โชคดีนะ น้องคีนตาถึง ดูสิหาลูกสะใภ้มาให้แม่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเชียว”  ป้าแดงพูดยิ้มๆ

“จ้า ฉันเองก็ปลื้มมากเลย คนนี้ถูกใจที่สุด”  แล้วแม่ก็ตอบกลับไปยิ้มๆ เหมือนกัน ผมเองก็แค่สวัสดีป้าแดงไป ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้หัวใจผมมันตื้นตันแค่ไหน

การต้อนรับจากครอบครัวคนรักที่ผมไม่เคยสัมผัส ตอนนี้ผมได้รู้จักแล้ว ได้รู้จักเพราะเลือกที่จะรักผู้ชายคนหนึ่ง. . .

ผู้ชายที่ทำให้ผมรู้สึกเสมอว่า

คิดไม่ผิดเลยที่เลือกจะรัก. . .

.
.
.
มาแล้วจ้า ท่อนบนนั่นคนเขียนก็อบมาจากก่อนที่จะดองนะ อาจจะคุ้นๆ เอาให้ครบ 100% ก่อน พาร์ทหน้าเจอกันเร็วๆ นี้จ้า




ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
คิดถึงคีนกับฟีฟ่ามาก อย่าหายไปนานๆอีกนะคะ รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ Bk borz.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอน่ะอ่านรอบที่สี่พึ่งเสร็จ5555

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ ดึงดาว

  • โตขึ้นหนูอยากเปนไร
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อย่าหายไปนานๆอีกนะ คิดถึงง
เป็นกำลังใจให้เสมอ

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
ตอนที่ 30


 “ที่นี่เขาเรียกกันว่าสระบัว ประติมากรรมโค้งๆ ตรงนั้นคือส่วนของสะดือพญานาค เดี๋ยวพอไปถึงหาดสมิหลาก็จะเห็นส่วนหาง ประติมากรรมนี้เขาจำลองให้เหมือนกับพญานาคกำลังมุดดินแล้วไปโผล่พ่นน้ำอยู่ตรงสวนสองทะเล”  ไอ้คีนอธิบายให้ผมฟังขณะที่เรากำลังขี่รถช้าๆ เรื่อยๆ ไปตามทาง เพราะเวลาน้อยเราเลยไม่ได้แวะแต่ละที่นานนัก แต่จะใช้วิธีขับรถช้าๆ เพื่อถ่ายรูปซึมซับบรรยากาศมากกว่า

ไม่นานเราก็มาถึงส่วนหาง เพราะแต่ละที่ไม่ไกลกันมาก ขี่มอเตอร์ไซค์แป็บๆ ก็ถึง ไอ้คีนบอกว่าชายหาดขาวสุดลูกหูลูกตานี้เราเรียกว่าหาดสมิหลา ซึ่งเป็นที่ตั้งของนางเงือกทองที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองสงขลา เรียกได้ว่าใครมาสงขลาแล้วไม่แวะที่นี่แปลว่ามาไม่ถึงเมืองสงขลาอย่างแท้จริง

“เดี๋ยวแวะไปถ่ายรูปกับนางเงือก แล้วจะพาขึ้นเขาต่อ”  ไอ้คีนพูดขึ้นพร้อมคว้ามือผมเพื่อจูงให้เดินตรงไปยังนางเงือกด้วยกัน

“นี่ เดินไปจับนมนางเงือกเร็ว”  ไอ้คีนสะกิดบอก ผมที่กำลังยกกล้องขึ้นถ่ายนางเงือกเพลินๆ ถึงขั้นหันขวับไปมองอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“ทะลึ่ง!!”  ผมแหวเข้าให้ รู้สึกหน้าร้อนวาบๆ ไม่รู้เพราะแดดหรือเพราะอะไร

“อะไร ใครทะลึ่ง มันเป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับชาวสงขลามานานแล้วว่าถ้าใครมาสงขลาแล้วได้จับนมนางเงือก เขาว่าจะได้เนื้อคู่เป็นคนสงขลา มึงไม่อยากเป็นเนื้อคู่กับกูรึไง”  ไอ้คีนพูดยิ้มๆ กูนี่ถึงกับหน้าร้อนวาบ รีบเก็บเศษหน้าแทบไม่ทัน

“เอาน่าน้องฟ่า ไอ้คีนมันแค่อยากเป็นเนื้อคู่กับน้องฟ่าเฉยๆ”  พี่แม็คแซวขำๆ

“งั้นพี่แม็คก็ให้ฟางจับด้วยดิ จะได้เป็นเนื้อคู่กับพี่แม็คด้วย”  ผมไม่ยอมแพ้ พูดกระทบไปถึงคนที่ยืนหันกล้องถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน

“คนนี้ไม่ต้องจับนมนางเงือกพี่แม็คก็ไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปไหนหรอกคร้าบบบ รักขนาดนี้แล้ว”  น่าขำคนที่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินประโยคที่พี่แม็คพูด เพราะยังทำไม่รู้ไม่ชี้ถ่ายรูปต่อ แต่หูแดงๆ ที่เห็นก็ไม่สามารถปิดบังได้ว่าฟางได้ยินประโยคเมื่อกี้ของพี่แม็คชัดแจ๋ว

“เอาน่า ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว จับแล้วถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย เป็นการถือเคล็ดเอาฤกษ์เอาชัยเว้ย”  พี่แบงค์ว่าพร้อมกับดันตัวพี่โมไปข้างหน้าให้แกปีนโขดหอนไปจับนมนางเงือก พี่โมหันมามองพี่แบงค์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเหรอหรา

“กูเองก็ด้วยหรอ”

“เออสิ ทุกคนนี่แหละ อยากมาเป็นสะใภ้เมืองสงขลาก็ตองทำทุกคน”  พี่แบงค์ยักคิ้วตอบกวนๆ

“ไอ้ห่าแบงค์ กูมาทุกทีจับทุกทีจนจะเป็นไอ้โรคจิตอยู่แล้วมึง!!”

“เอาน่า เราจะได้เป็นเนื้อคู่กันทุกชาติไปไงที่รัก”  พี่แบงค์ตอบทะเล้น แต่ก็ไม่ยอมหยุดดันพี่โมสักที พี่โมเองก็แลดูเหมือนจะขัดขืนแต่ก็ไม่จริงจังสักเท่าไหร่

“มึงเองก็ด้วย ไปเลยหลังจากไอ้โมน่ะ”  ไอ้คีนที่ไม่รู้ไปยืนซ้อนหลังผมเมื่อไหร่กระซิบบอกเบาๆ  ผมรีบส่ายหน้าแรงๆ จนผมปลิว คือ. . .จะว่ายังไงล่ะ ถึงผมจะเป็นเกย์ ถึงนางเงือกจะเป็นรูปปั้น แต่อยู่ๆ จะให้ไปจับนมมันก็. . .  “น่านะ แค่แป็บเดียว”  ไอ้คีนทำเสียงอ้อน ง่ะ อย่าทำเสียงแบบเน้ เดี๋ยวปั๊ด. . .ยอมเลยแม่ง  “นะๆ ไม่ต้องถ่ายรูปก็ได้ แค่ไปจับสักสองวิก็ได้”  ทุกคนดู๊ ดูมัน ถ้าจะอ้อนกันขนาดนี้

“ขึ้นลิฟต์เหอะ ไม่งั้นกูว่าได้มีคนเป็นลมก่อนได้ขึ้นไปถึงข้างบนแน่”  พี่แม็คเสนอขึ้นมา ตอนนี้พวกเรามาถึงเขาตังกวนกันแล้วครับ และกำลังตกลงกันว่าจะขึ้นบันไดหรือจะขึ้นลิฟต์ดี ส่วนเรื่องราวที่แหลมสมิหลาเมื่อกี้ ให้ทายครับว่าสุดท้ายผมได้จับนมนางเงือกมั้ย คำตอบคือ. . .จับครับ ก็ใครมันจะไปทนได้ล่ะ ไอ้คีนเล่นอ้อนอยู่ข้างหูขนาดนั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก มันชี้ให้ผมดู เกาะหนูที่ใหญ่กว่าเกาะแมว พร้อมเล่าตำนานคร่าวๆ ให้ฟัง (**ใครอยากรู้เสิร์ชหาใน google เลยนะจ๊ะ ตำนานเกาะหนูเกาะแมว**)

“แต่ฟ่าอยากขึ้นบันไดอ่ะ”  เห็นไอ้คีนบอกว่าร้อยสี่สิบห้าขั้นมันคงไม่เหนื่อยอะไรมากมายหรอก

“ใช่ๆ ถ้าขึ้นลิฟต์เราก็ไม่ได้ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติระหว่างทางสิครับ”  ฟางเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับผมก่อนจะหันหน้าใสๆ ตาโตๆ ไปบอกพี่แม็ค

“จริงด้วยที่รัก พี่นี่มันแย่จริงๆ เลยเนอะ ไม่ทันคิดว่าน้องๆ คงอยากจะเดินไปถ่ายรูปไป ถ้าขึ้นลิฟต์มันจะไปเห็นได้ยังไง”  พี่แม็คที่ไม่ค่อยจะหลงเมียก็รีบกลับลำแทบไม่ทัน เรียกได้ว่าพลิกลิ้นกันเลยทีเดียว

“งั้นก็ได้ เดินขึ้นบันไดก็ได้ แต่อย่ามีใครมาบ่นเมื่อยให้ได้ยินทีหลังละกัน”  ไอ้คีนชี้หน้าคาดโทษ ผมแลบลิ้นใส่มันแล้ววิ่งนำถือกล้องขึ้นบันไดคนแรก ฟางเองก็วิ่งตามมาเหมือนกัน

“แฮ่กๆ ฟาง มีน้ำมั้ย”  เดินกันได้สักพักก็รู้สึกเหมือนจะหมดไฟ จากตอนแรกวิ่งขึ้น ก็เริ่มเดิน แล้วก็กลายเป็นเดินช้าลงๆ แล้วดูเหมือนจุดหมายก็ยังไกลลิบกว่าจะถึง

“มี แฮ่กๆ”  ฟางเองก็สภาพไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ หอบแฮ่ก แทบคลานอยู่แล้ว แต่ก็ยังอุตส่าห์หยิบน้ำขวดจากกระเป๋าสะพายใบเล็กๆ ที่สะพายมาด้วย ผมรับมาดื่ม เหลือบตามองไปด้านหลัง เห็นพี่ๆ เขาเดินกันไป คุยกันไป หัวเราะกันไปท่าทางไม่เหมือนคนที่กำลังเดินขึ้นบันไดร้อยกว่าขั้นสักนิด

“สู้ๆ อย่าให้ใครมาหัวเราะเยาะเรา!!”  ดูเหมือนฟางเองก็เห็นเหมือนที่ผมเห็น เพราะพูดประโยคนี้ขึ้นพร้อมชูกำปั้นให้กำลังใจเรียกแรงฮึด ผมเองก็ชูกำปั้นตอบไป ก่อนที่เราสองคนจะหันหน้ากลับมาลุยบันไดที่ไม่รู้เหลืออีกกี่ขั้นกว่าจะถึงบนยอดเขา

“ฮุ่ยเลฮุ้ย ฮึบ!! ถึงแล้ว”  ในที่สุด!! ตนนี้ผมก็ได้มายืนอยู่บนยอดเขาตังกวนสักที ลมเย็นๆ กับบรรยากาศโดยรอบทำให้ความเมื่อย ความเหนื่อยที่ต้องเดินขึ้นบันไดเกือบร้อยห้าสิบขั้นหายวับไปในพริบตา



“มองจากตรงนี้ก็จะเห็นทั้งทะเลสาบและทะเลอ่าวไทย”  ไอ้คีนเดินมาพูดพร้อมๆ กับหมวกสานใบโตที่ถูกครอบลงบนหัวของผม ผมหันไปยิ้มขอบคุณแล้วกดชัตเตอร์กล้องไปเรื่อยๆ

“สวยเนาะ อยู่แต่กรุงเทพฯ เที่ยวแต่ห้าง ได้มาเดินดูธรรมชาติ ชมทะเลแบบนี้ก็ดีอีกแบบ”  ผมบอกยิ้มๆ อย่างที่รู้ผมเป็นคนชอบทะเลมาก ยิ่งที่นี่เป็นทะเลที่เป็นบ้านเกิดไอ้คีนผมยิ่งชอบ

“เดี๋ยวจะพาไปเดินเล่นหาอะไรกินที่ถนนนางงาม แล้วก็กลับบ้าน คืนนี้จะพาไปค้างโฮมสเตย์เกาะยอ”  ผมพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ แล้วพวกเราก็ถ่ายรูปชมวิวกันอีกสักพัก ก็พากันลง (เดินลงบันไดเหมือนเดิม แต่เพราะมันเป็นขาลงไง เลยไม่อะไรมาก) จากนั้นก็ขับรถพากันไปถนนนางงาม
.
.
.
ตอนนี้เรามาถึงถนนางงามกันแล้ว แถวนี้เรียกได้ว่าเป็นย่านเมืองเก่าของสงขลา ตึกรามบ้านช่องต่างๆ จะคงไว้ซึ่งรูปแบบเดิม อาจจะมีการซ่อมบำรุงบ้าง แต่ก็จะพยายามรักษาเค้าเดิมไว้ให้มากที่สุด

 ก่อนจะไปหาอะไรกินกัน พี่แบงค์เขานำเสนอมากว่าอยากให้พวกเราได้ชื่นชมความงามของสตรีทอาร์ตที่ถ่ายทอดถึงวิถีชีวิตของชาวสงขลาในอดีต ซึ่งเป็นผลงานของอาจารย์และนักศึกษาจากคณะศิลปกรรมจากมหาวิทยาลัยติดทะเลแห่งหนึ่งของเมืองสงขลา

ภาแรกที่พี่ๆ พาดูคือภาพจำลองของร้านน้ำชา ‘ฟุเจา’ ที่มีชายสูงวัยสามคนกำลังนั่งดื่มน้ำชา อ่านหนังสือพิมพ์และพูดคุยกันอย่างมีความสุข
 

ภาพต่อมาคือภาพของเด็กชายที่กำลังนั่งคุยกับทหารญี่ปุ่น ซึ่งภาพนี้เกี่ยวโยงไปถึงภาพที่สามที่เป็นรูป โรงสีแดง เรียกว่า ‘หับ โห้ หิน’ เนื่องจากเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นใช้สงขลาเป็นเมืองท่าขึ้นบก ได้ยึดโรงสีแดงนี้เพื่อเก็บเสบียง
 
 

สงขลายังมีสตรีทอาร์ตอีกากมายที่อยู่ถนนสายอื่น และกำลังทยอยวาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเราชมกันแค่นี้เพราะนี่ก็บ่ายมากแล้ว

หลังจากนั้นพวกเราก็พากันไปกิน ‘ไอติมโอ่ง’ คลายร้อน เห็นพี่โมบอกว่าอยากกินไอติม ‘ไข่แข็ง’ มากกว่า ตอนแรกผมกับฟางพากันหน้าแดงกันใหญ่เพราะคิดว่าพี่แกทะลึ่ง แต่ที่ไหนได้ มันคือไอศกรีมที่ใส่ไข่เข้าไปครับ เห็นพี่โมบอกว่าตอนแรกไม่กล้ากินเพราะคิดว่าจะคาว แต่พอลองแล้วกลับติดใจซะงั้น

แต่ที่มากินไอติมโอ่งแทนนี่เพราะคะแนนโหวตครับ ฮ่าๆ คนี่โหวตให้ไอติมโอ่งมีมากกว่า คำขอของพี่โมเลยตกไป ไอติมโอ่งก็เป็นไอศกรีมกะทิทั่วไป ราดโอวันติลข้างบน คล้ายจะธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาเพราะมันใส่โอ่งไงครับ!! แต่ไม่ใช่โอ่งมังกรนะ นั่นก็เกรงว่าจะกินกันไม่ไหว โอ่งที่ใช้ใส่เนี่ย เป็นโอ่งใบเล็กๆ ขนาดประมาณแก้วไวน์น่ะครับ ที่นี่เขามีให้เลือกหลายแบบทั้งแบบธรรมดา ยกล้อ(ใส่โค้กครับผม) เรนโบว์(ก็เป็นสีรุ้ง) และอีกหลากหลายเมนูจนจำแทบไม่หมด แต่ที่ผมชอบมากก็คือเครื่องเคียงที่ใช้กินกับไอติมครับ มีทั้งกล้วยหอมทั้งยาวทั้งใหญ่ (ห้ามใครคิดทะลึ่งนะ!!) และลูกชิ้นปลาสูตรลับของทางร้านที่บอกได้เลยว่าสุดยอดครับ (คนเขียนไม่ได้ค่าโฆษณานะบอกก่อน แต่เพราะชอบ เป็นร้านประจำเลยน่ะสมัยเรียน อิอิ)

กินไอติมก็ต้องมีน้ำเปล่าแก้เลี่ยนใช่มั้ยครับ ที่นี่ก็มี ต้องบริการตัวเอง คือลุกขึ้นไปกดน้ำเอง แต่ที่น่ารักคือภาชนะที่ใช้ใส่น้ำ จะเป็นขันเล็กๆ เล็กขนาดที่ว่าวางบนฝ่ามือยังไม่ค่อยเต็มเลย ฮ่าๆ รอบๆ ขันก็มีลวดลายสวยงาม อารมณ์คล้ายๆ กับขันที่เขาใช้กันสมัยโบราณน่ะ

หลังจากอิ่มหนำสำราญและได้คลายร้อนกันแล้ว เราก็เดินเที่ยวชมกันต่อ อยากจะบอกว่าผมนี่แวะเกือบทุกร้าน จนของฝากเต็มมือ(ไอ้คีน)ไปหมด ความน่ารักของย่านนี้ก็คงจะเป็นถ้าตัดเสียงรถออกไป จะเหมือนกับว่าเราหลุดเข้าไปอีกภพหนึ่ง เว่อร์มั้ย ฮ่าๆ แต่เป็นความจริงครับ มันเหมือนเราได้ย้อนกลับไปยุคสงครามโลกเลย วันนี้ผมเลยประทับใจที่นี่ที่สุด

เดินเล่นกันสักพักก็เหมือนจะถึงเวลาอาหารเย็น เมื่อกี้แม่โทรมาถามว่าจะกลับไปกินที่บ้านมั้ย แต่พวกเราตกลงกันก่อนหน้านี้แล้วว่าจะพากันไปกินที่ชายหาด ไอ้คีนเลยบอกแม่ว่าไม่ต้องทำเผื่อ

ร้านที่พี่ๆ เขาพามากินไม่ใช่ร้านหรูอะไรหรอกครับ เป็นร้านของรุ่นพี่ ชื่อพี่ดล ตอนแรกผมก็งงว่าจะกินข้าวกันริมหาด แต่ดันพาเข้าร้านอาหารที่อยู่ห่างจากชายหาดพอสมควร แต่พอเห็นไอ้คีนสั่งอาหารแล้วหยิบเสื่อที่ทางร้านมีไว้ให้ ก็เป็นอันเข้าใจว่าทางร้านมีบริการส่งอาหารให้สำหรับลูกค้าที่ต้องการกินข้าวแบบชิลๆ ที่ริมหาด

“เป็นไงกันบ้างเด็กๆ วันนี้ โอเคกันมั้ย”  พี่แม็คถามหลังจากที่เราปูเสื่อนั่งลงกันเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องหาที่ร่มอะไรมาก เพราะตอนนี้แดดร่มลมตก อากาศกำลังดี

“โอเคมากกกกกกกก เลยต่างหากพี่แม็ค”  ผมบอกพลางยกนิ้วโป้งให้ วันนี้สนุกมากจริงๆ ถึงแม้จะรอนบ้าง แต่สิ่งที่ได้เห็น ได้กิน มันทำให้ลืมหงุดหงิดเรื่องอากาศไปเลย

“ช่ายยยย ฟางก็ชอบ”  ฟางบอกพร้อมยิ้มน้อยๆ ให้พี่แม็ค

“ถ้าชอบก็มากับพี่ทุกปีเลยนะ”  พี่แม็คบอกแฟนตัวเองอ้อนๆ ส่วนพวกเราก็นั่งมองคู่นั้นอ้อนกันแซวๆ

“ฟางอ่ะมาได้ แต่กลัวว่าพี่แม็คอ่ะดิ จะอยากเปลี่ยนคนมาด้วยรึเปล่า คนเจ้าชู้”  ฟางว่าพลางย่นจมูกใส่พี่แม็ค มือเล็กๆ นั่นก็บีบจมูกพี่เขาไปด้วย ท่าทางฟางจะหมั่นไส้พี่แม็คมากนะผมว่า

“โอ้ยยยย ที่รักคร้าบบบบ เจ้าชงเจ้าชู้อะไร พี่ไม่ใช่ไอ้โมน้าาาาาา” 

“เอ๋า ไอสัด กูอุตส่าห์นั่งเงียบๆ”  พี่โมที่จิบโค้กอยู่แทบจะสำลักออกมา ก่อนจะหันไปหาพี่แบงค์  “กูเลิกแล้วนะเว้ย”  พี่แบงค์ไม่ตอบอะไร พี่แกแค่ส่ายหน้า หัวเราะน้อยๆ พร้อมลูบหัวพี่โมอย่างอ่อนโยน ประมาณว่าพี่แกยังไม่ได้ว่าอะไร

“ไม่ต้องไปโยนให้เพื่อนเลยพี่แม็ค ตอนเข้าห้องน้ำเมื่อกี้ฟางเห็นนะ ไลน์น่ะ”  เอาแล้วครับ เรื่องของครอบครัวคนอื่นเราจะไม่ยุ่ง แต่เราจะเก็บข้อมูลอย่างเงียบๆ แทน อิอิ

“เจ้ย! เห็นได้ไงวะ”  ยิ่งพี่แม็คพูด ฟางยิ่งถลึงตาใส่  “ไม่มีอะไรครับที่รัก ก็ไม่รู้พี่หญิงที่ไหนไลน์มา แต่พี่แม็คไม่ได้สนใจอะไรเลยนะ พอเห็นปุ๊บก็รีบบล็อกเลย ไม่ได้ตอบ ไม่ได้เปิดอ่านด้วย ถ้าที่รักไม่เชื่อจะเช็คก็ได้นะ”  พี่แม็คทำตาใส กระพริบตาอ้อนๆ แก้ตัวเป็นพัลวัน ตบกระเป๋ากางเกงแปะๆ เพื่อหาโทรศัพท์

“ไม่ต้องหรอกครับ ฟางเชื่อพี่แม็ค ฟางคิดว่าพี่แม็คน่าจะรู้ดีที่สุดว่าควรทำตัวยังไง”  ฟางบอกพร้อมยิ้มให้ แต่ไม่รู้ทำไม ผมกลับรู้สึกเสียวสันหลัง เยือกเย็นแปลกๆ กับร้อยยิ้มนั้นแทนพี่แม็คไม่ได้

“คร้าบบบบบบ เมียพี่น่ารักขนาดนี้ใครจะกล้าล่ะ”  แล้วพี่แม็คก็อ้อนฟางต่อ งุ้งงิ้งๆ กันอยู่สองคน จนอาหารมาถึงในที่สุด พวกเราช่วยเด็กส่งอาหารเรียงของกินไว้บนเสื่อ

“ทานเสร็จแล้วโทรเข้าเบอร์ร้านได้เลยนะครับ จะมีเด็กมาเคลียร์ที่ให้”  เด็กส่งอาหารบอกก่อนจะกลับร้านไป

“อ่ะ”  ผมแกะกุ้งใส่จานให้ไอ้คีน มันเองก็แกะปูให้ผม ได้กนอาหารทะเลสดๆ กับบรรยากาศเย็นๆ ริมทะเลแบบนี้ อยากจะบอกว่ามันดีมากเลยอ่ะ

หลังจากกินเสร็จ เด็กมาเก็บจานเคลียร์ที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็พากันกลับ เพราะเมฆฝนเริ่มตั้งเค้า ที่จะไปโฮมสเตย์ก็เป็นอันยกเลิกเพราะถึงไป ถ้าฝนตกมันก็ไม่สนุกอยู่ดี
.
.
.
“ว้าย เปียกมอล่อกมอแล่กมากันเชียวลูก ตาคีนนี่น่าตีจริง พาน้องตากฝนทำไมลูก ทำไมไม่พากันหลบฝนก่อน”  แม่ร้องขึ้นทันทีที่เห็นพวกเราเยี่ยมหน้าเข้าไปในบ้าน เพราะทั้งผมทั้งไอ้คีนเปียกกันกลับมาทั้งคู่ เนื่องจากพอเราแยกย้ายกันปุ๊บขับมาได้ไม่ถึงครึ่งทางฝนก็เทลงมา ตอนแรกไอ้คีนจะจอด แต่ผมไม่ยอม อยากถึงบ้านเร็วๆ มาอาบน้ำดีกว่า   “รีบขึ้นไปอาบน้ำอาบท่ากันลูกจะได้พักผ่อน เดี๋ยวแม่เอายาขึ้นไปให้”  ผมกับไอ้คีนรีบทำตามคำสั่งของแม่เพราะตอนนี้ก็ชักจะหนาวๆ ขึ้นมาแล้ว

“เอ้านี่ รีบเข้าไปอาบ เดี๋ยวกูไปอาบอีกห้อง”  มันส่งผ้าขนหนูสีขาวผืนหนาให้ผม พร้อมกับเอาอีกผืนพาดไหล่ทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง แต่ผมไวกว่ารั้งแขนมันไว้ก่อน

“ไม่อาบด้วยกันที่นี่เลยล่ะ”

มันยิ้มทำตากรุ้มกริ่มใส่ผม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับกระซิบประโยคที่ทำให้ผมอยากจะทุบหลังให้หักกันไปข้าง 

“อยากหรอ? ไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวแม่มา”

“ทะลึ่ง!!”  ผมรีบสวนกลับไปแต่หน้านี่ร้อนผ่าวไปหมด ตัดกันอุณหภูมิในห้องที่หนาวเย็นเพราะฝนและเครื่องปรับอากาศ  “รีบไปเลย จะไปอาบห้องไหนก็ไปเลยนะ”  ผมดันหลังมันไปทางประตูห้อง มันก็หัวเราะอารมณ์ดี ยอมออกไปง่ายๆ

แม่ง. . .

คนเขาหวังดีเลยชวนอาบน้ำด้วยกันจะได้ช่วยกันถูหลัง(?) แต่ดันมาทะลึ่งคิดลามกซะได้

คนบ้า -/ / /-

หลังจากอาบน้ำเสร็จออกมาก็เห็นไอ้คีนนั่งอยู่บนเตียงก่อนแล้ว ผมเช็ดหัวตัวเองไปด้วย หาเสื้อผ้าไปด้วย ได้เชิ้ตตัวใหญ่มาตัวหนึ่ง การแต่งชุดนอนแบบนี้เป็นสไตล์ของผมไปแล้วเพราะแฟนชอบเลยใส่ตลอด เขินจุง ฮิฮิ

“แม่เอายามาให้แล้ว”  ผมสะดุ้งเพราะติดกระดุมเสื้ออยู่ดีๆ มันก็มายืนซ้อนด้านหลัง ก่อนจะเอื้อมมือมาช่วยติดกระดุมให้ ท่านี้นี่มัน. . .-/ / /-

พอเรียบร้อยมันก็เดินไปที่โต๊ะข้างเตียงหยิบยาพร้อมน้ำส่งมาให้ผม ผมก็รับมากินง่ายๆ ไม่อิดออดเพราะกลัวตัวเองจะป่วยเหมือนกัน

“นอนเลยมั้ย”  มันถาม ผมพยักหน้า เพราะอากาศเย็นๆ แบบนี้มันทำให้ผมอยากซุกตัวอยู่แต่ในผ้าห่มแล้วเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปซะ

ไอ้คีนขึ้นไปบนเตียงก่อน มันเลิกผ้าห่มขึ้น ล้มตัวลงนอนแล้วตบอกตัวเองปุๆ เป็นเชิงให้ผมขึ้นไปนอนซบ ผมยิ้มและรีบขึ้นตามไปทันที

ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้ผมหลับไปในเวลาไม่นาน. . .


ได้โปรดอ่านทอล์ก

สวัสดีค่ะทุกคน รอบนี้ก็หายไปเป็นเดือนอีกแล้ว เล่นเอาไม่กล้ากลับมาอ่านคอมเม้นเลย กลัวโดนด่า 555555
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่เราหายไปเราก็มีเหตุผลนั่นแหละค่ะ
เหตุผลไม่ใช่อะไร มันก็คือสภาพจิตใจเราเองนี่แหละ ช่วงปีที่ผ่านมา ชีวิตเรามีแต่มรสุมเข้ามาไม่หยุดหย่อน เครียดจนฟุ้งซ่าน ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีกะจิตกะใจ ไม่ได้เปิดแม้แต่หน้าเวิร์ดเพื่อแต่งนิยาย
จนปีใหม่ที่ผ่านมา มีโอกาสได้คุยกับเพื่อน เราก็ระบายให้มันฟังถึงปัญหาทุกๆ อย่าง (เพื่อนเราคนนี้คือคนที่ช่วยตรวจทานนิยายเรื่องนี้ให้เรา) ที่ได้คุยกันเพราะมันมาทวงแทนคนอ่าน (มันไม่ใช่สาววายนะ แต่ยอมอ่านของเรา 55555) ตามบทสนทนาดังนี้
เรา : มึง กูไม่ไหวแล้วว่ะ อยากจะบ้า
เพื่อน : ถ้ามึงเครียดขนาดนี้ทำไมไม่ทำอะไรที่มันทำให้มึงมีความสุขล่ะ
เรา : อะไรล่ะวะ
เพื่อน : สิ่งที่มึงทำแล้วมึงมีความสุข คนอื่นก็มีความสุข
เรา : เอ๋า ก็มันอะไรล่ะ (ยังไม่เก็ท55555)
เพื่อน : มึงลองไปเปิดคอมดูสิ เปิดดูว่ามึงลืมความสุขอะไรไป

ถึงตรงนี้เราร้องไห้เลย ยอมรับว่าคิดถึงมากๆ อยากแต่งมากๆ แต่เพราะสภาพจิตใจเราไม่พร้อม เรากลัวว่าแต่งไปแล้วมันออกมาไม่ดี คนอ่านจะเสียใจ แต่เพราะคุยกับเพื่อนมันทำให้เรารู้ว่าการที่ทิ้งให้คนอ่านรอมันทำลายความรู้สึกกันมากกว่า เราก็เลยกลับมาจับคอมแต่งนิยายอีกครั้ง และจะทำออกมาให้ดีที่สุด ถ้าไม่สนุกก็ได้แต่หวังว่าคนอ่านทุกคนจะให้อภัย

ต่อไปนี้เราก็ไม่รับปากว่าจะมาได้บ่อยแค่ไหน แต่เราจะพยายามให้ถึงที่สุด เพื่อความสุขของเรา ความสุขของคนอ่าน

หวังว่าจอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ นะคะ

ปล. ที่จริงมีรูป แต่เราแปะไม่เป็นจริงๆ  :z3: :z3:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ดีใจที่กลับมา

ออฟไลน์ tear0313

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
กลับมาแล้ว~

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
[ 31]

PART 1


Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrr

          “อื้ม. . .”  เสียงโทรศัพท์ที่ไม่แน่ใจว่าของผมหรือของไอ้คีนดังขึ้น ทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมา สะลึมสะลือหรี่ตาเพื่อปรับแสงสักพัก มองไปที่โต๊ะหัวเตียง ปรากฏว่าโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอยู่นั้นของผมเอง

          แม็กซ์

          ไอ้แม็คมันจะโทรมาทำอะไรตอนนี้วะ แอบชำเลืองมองนาฬิกา ยังไม่ถึงตีสองดีด้วยซ้ำ โอยยยย คอยดูนะถ้าไม่มีอะไรด่วนแม่จะด่าให้

          ฮึ่ยยย

          “ฮัลโหล เวล่ำเวลาอ่ะรู้จักมั้ยห้ะ? ดูนาฬิกาบ้าง. . .”  ผมกรอกเสียงงัวเงียแหบพร่าลงไป ปลายสายจะได้รู้ว่าเนี่ย กูนอนอยู่!! สาดดดดดดด

          ((มึง. . .))  แต่น้ำเสียงของปลายสายต่างหากที่ทำให้ผมชะงัก ไอ้แม็กซ์เสียงสั่นอย่างที่ผมได้ยินไม่บ่อยนัก มันจะมีน้ำเสียงแบบนี้เฉพาะเวลาเจอเหตุการณ์หนักๆ เท่านั้น

          “ไอ้แม็กซ์. . .มึงเป็นอะไร. . .เกิดอะไรขึ้น”  ผมรีบลุกขึ้นนั่ง เปิดโคมไฟหัวเตียงทำให้ไอ้คีนรู้สึกตัวขึ้นมาด้วย มันขมวดคิ้วสงสัย ผมเลยทำปากแบบไม่มีเสียงว่า คุย-กับ-ไอ้-แม็กซ์ มันพยักหน้ารับรู้ นอนตะแคงมองผมอยู่อย่างนั้น ไม่ได้หลับต่อแต่อย่างใด

          ((มึง. . .เกิดเรื่องใหญ่ว่ะ.))

          “อะไร. . .เกิดอะไรขึ้น”

          ((ไอ้ฟ่า มึงทำใจดีๆ นะเว้ย. . .))

          “ว่าอะไรวะ!! มึงรีบๆ พูดดิ”  ผมอดขึ้นเสียงไม่ได้ มันใจคอไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก ไอ้แม็กซ์บอกให้ผมทำใจดีๆ ทั้งๆ ที่มันเสียงสั่นอย่างกับคนร้องไห้  ไอ้คีนที่เห็นอาการของผม มันเลยลุกขึ้นนั่งลูบไหล่ปลอบให้ใจเย็นๆ ผมพยักหน้าให้มัน พยายามสงบสติอารมณ์ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้. . .

          ต้องไม่มีอะไร. . .

          ((ไอ้ไอซ์. . .รถคว่ำ))

          “มะ. . .มึงว่าไงนะ”  ผมถามกลับอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

          ((ไอ้ไอซ์รถคว่ำ))

          “ ไอ้สัด มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะเว้ย มึงอย่ามาเล่นบ้าๆ”  ผมตะคอกด่ากลับไปอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ไอ้แม็กซ์พูด แต่ใจผมรู้ดี ว่าไอ้แม็กซ์ไม่เอาเรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้มาล้อเล่นหรอก แต่ผมแค่อยากจะเถียงเผื่อว่ามันจะกลายเป็นแค่ตลกร้ายที่ไอ้แม็กซ์เอามาล้อผมเล่น

          ((มึง. . .มันเป็นเรื่องจริง ไอ้ไอซ์ทะเลาะกับแฟนมัน แล้วขับรถออกมา พอดีฝนตก ถนนลื่นมาก รถมันเสียหลักพลิกคว่ำ ตอนนี้อยู่ห้องไอซียู หมอบอกโอกาสรอดแค่ยี่สิบเปอร์เซ็น. . .)) 

          “ฮึก. . .”

          ((ไอ้ฟ่า. . .))

          “ฮึกก. . .”  ไอ้คีนเห็นท่าไม่ดี มันรีบเอาโทรศัพท์ของผมไปคุยเอง มืออีกข้างก็ดึงผมไปนั่งตัก กอดปลอบลูบหลังลูบไหล่ไปเรื่อย เมื่อยิ่งมีคนปลอบผมเลยยิ่งไปกันใหญ่ซบหน้ากับไหล่มันแล้วร้องไห้อยู่อย่างนั้น

          “ฮัลโหล. . .ว่าไง. . .เกิดอะไรขึ้น. . .อืม. . .เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพามันไป. . .อืม. . .เข้มแข็งไว้นะ. . .อืมๆ”  พอมันวางสายผมก็ปล่อยโฮออกมาทันที

          “พากูกลับ. . .ฮึก. . .กรุงเทพเดี๋ยวนี้เลย กูจะไปหาไอ้ไอซ์”

          “ฟ่า. . .ใจเย็นๆ ตอนนี้กลับไม่ได้ ไม่มีไฟลท์บินแล้ว”

          “ฮือออออ”

          “เราจะกลับพรุ่งนี้ไฟลท์แรกเลยโอเคมั้ย กูจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้เลย. . .นะ. . .มึงใจเย็นๆ ก่อน ไอ้ไอซ์จะไม่เป็นไร พี่โฟร์ทดูแลเคสนี้ด้วยตัวเอง”

          “จริงนะ”

          “อืม. . .นอนต่อมั้ย”  ผมส่ายหน้า ถึงจะข่มตายังไงก็คงไม่หลับแล้ว เป็นห่วงเพื่อน  “งั้นไปล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวเลย เดี๋ยวกูจะจองตั๋ว หกโมงเช้าเราจะออกจากบ้านทันที”  ผมพยักหน้า เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาอย่างที่ไอ้คีนบอก พอออกมาก็เห็นว่ามันเพิ่งวางสายจากใครสักคน

          “คิมน่ะ. . .เห็นว่าจะบินกลับจากฝรั่งเศสทันที”  ผมพยักหน้ารับ ช่วยไอ้คีนจัดกระเป๋าไปเงียบๆ


หกโมงเช้า

          “ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูกนะ”  แม่ไอ้คีนลูบหัวผมแล้วปลอบขวัญให้เมื่อรู้สาเหตุที่ผมกับไอ้คีนต้องรีบกลับกรุงเทพฯกะทันหัน ผมน้ำตาไหลออกมาอีกครั้งทั้งๆ ที่เพิ่งหยุดร้องไปไม่นาน  “โอ๋ๆ เข้มแข็งไว้นะลูก เพื่อนจะต้องไม่เป็นอะไร”  พูดกับผมเสร็จก็หันไปทางพี่เคนที่ยืนรอไปส่งเราที่สนามบิน  “เคนเองก็ขับรถระวังๆ นะลูก”

          “ผมลานะครับแม่ ฮึก. . .ขอโทษที่ทำให้แม่ต้องตื่นเช้ามาส่ง”  ผมบอก

          “ไม่เป็นไรลูก มาๆ ให้แม่กอดหน่อยทั้งสองคน”  ท่านกางแขนออก ผมกับไอ้คีนเข้าไปกอดท่าน  “คราวหน้าค่อยมาใหม่นะลูก เดินทางปลอดภัยนะลูกนะ ทั้งสองคน”

          “ขอบคุณมากครับ”  ผมกับไอ้คีนไหว้ท่าน ก่อนจะขึ้นไปบนรถเพื่อไปสนามบิน

>>>>><<<<<

กรุงเทพฯ

          ตอนนี้เราสองคนอยู่บนรถแท็กซี่กันแล้ว เราไม่ได้กลับไปที่คอนโดก่อน แต่รีบไปที่โรงพยาบาลกันเลย เมื่อมาถึงก็ตรงไปยังห้องไอซีอยู่ที่ไอ้ไอซ์อยู่ทันที หน้าห้องก็มีไอ้มิกซ์ นั่งอยู่ ส่วนไอ้แม็กซ์ก็นอนยาวไปกับเก้าอี้ข้างๆ กัน คงจะเพลียเพราะอยู่เฝ้าทั้งคืน  ด้านไอ้คิมกับไอ้ออมยังมาไม่ถึง ผมวิ่งไปหามันสองคน

          “มึง ไอ้ไอซ์เป็นไงบ้าง”

          “ตอนเช้าอาการทรุด พี่โฟร์ทเข้าไปดูยังไม่ออกมาเลย”  ไอ้มิกซ์ตอบ มันดูนิ่งมาก แต่ตาบวมลึกนั้นก็บอกเป็นอย่างดีว่าผ่านการร้องไห้มาพอสมควร

          “มันเกิดอะไรขึ้น เล่าให้กูฟังเดี๋ยวนี้ ทำไมมันถึงทะเลาะกับแฟน แล้วนี่แฟนมันอยู่ไหน ไม่ได้มาดูเลยหรอ เพื่อนเราอาการหนักขนาดนี้แท้ๆ”  อย่างที่บอก พวกเราไม่มีใครรู้ว่าแฟนไอ้ไอซ์เป็นใคร มันบอกว่าแฟนมันไม่พร้อมจะบอกใคร พวกเรารู้แค่ว่ามันรักแฟนมันมาก และแน่นอนการที่เพื่อนผมอาการโคม่าขนาดนี้ แต่คนที่มันรักไม่ยอมมาดูเลยทำให้ผมโกรธมาก

          “ใจเย็นๆ”  ไอ้คีนลูบไหล่ปลอบ พอดีกับที่ประตูห้องไอซียูเปิดออกมา พี่หมอโฟร์ทเดินมาหาพวกเราด้วยท่าทางอิดโรย

          “มันเป็นยังไงบ้างพี่”  ไอ้มิกซ์ลุกขึ้นถาม

          “ตอนนี้อาการทรงตัว แต่ต้องซีทีแสกนอีกทีว่ามีเลือดคั่งในสมองรึเปล่า ระหว่างนี้ต้องดูอย่างใกล้ชิด กลัวว่าจะมีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่นด้วย”

          “ครับ. . .”  ไอ้มิกซ์ตอบรับ

          “ถ้ามีเลือดคั่งคงต้องผ่า. . .”

          “โอกาสรอดล่ะครับ”  ไอ้แม็กซ์ที่ตื่นแล้วถามบ้าง  พี่โฟร์ทเม้มปากแน่นก่อนจะตอบ

          “ไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็น”  สิ้นสุดคำตอบของพี่โฟร์ท ทำนบน้ำตาของผมก็กลั้นไม่อยู่ ไอ้มิกซ์กับไอ้แม็กซ์เบือนหน้าไปคนละทางแล้วร้องไห้เงียบๆ  ใครไม่เคยอยู่เหตุการณ์แบบนี้ คงจะไม่มีวันเข้าใจ ชีวิตของคนสำคัญที่มีโอกาสยื้อไว้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นเท่านั้น

          “ทุกคนไม่ต้องห่วงนะ ต่อให้มีโอกาสรอดแค่เปอร์เซ็นเดียวพี่ก็จะช่วยไอซ์ให้ได้”  พี่โฟร์ทพูดเสียงสั่น

          “นั่นเป็นสิ่งที่พี่ควรทำอยู่แล้วล่ะครับ. . .”  ไอ้แม็กซ์พูดเสียงนิ่ง

          “. . .พี่. . .ขอโทษ. . .”  พี่โฟร์ทก้มหน้าลง บีบมือตัวเองแน่น ตัวสั่นเทาแต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา ผมได้แต่นิ่ง เพราะไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรกัน

          “เดี๋ยวนะ ไอ้แม็กซ์ทำไมมึงพูดแบบนั้น แล้วพี่โฟร์ทจะขอโทษทำไม ผมสิต้องขอบคุณพี่เพราะพี่ช่วยเพื่อนผม”  ผมพูด

          “หึ. . .” 

          “ไอ้แม็กซ์”  ผมเรียกมันเสียงแข็ง เพราะเสียมารยาทกับพี่โฟร์ทเกินไปแล้ว

          “มึงสงสัยใช่มั้ยฟ่าว่าแฟนไอ้ไอซ์ไปไหน ทำไมถึงไม่มา”  ผมเงียบ ไอ้แม็กซ์สบตาผม แล้วเบือนหน้าไปมองพี่โฟร์ท  สายตามันที่มองพี่เขาดูโกรธมากๆ  “นั่นไง คนที่มึงอยากเจอ คนที่ทำให้เพื่อนเราเกือบตาย!! คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามึงนั่นไง!!”

          “หมายความว่าไง. . .”

          “ก็หมายความว่าไอ้ไอซ์กับพี่โฟร์ทเป็นแฟนกัน.  . .”  ไอ้มิกซ์พูดบ้าง

          “ที่ว่าไอ้ไอซ์ทะเลาะกับแฟนจนรถคว่ำนี่หมายถึง. . .”  ผมพูดไม่จบ ได้แต่หันไปมองพี่โฟร์ทอึ้งๆ

          “พี่ขอโทษ. . .”

          “โฟร์ท!!”  เสียงเรียกดังจากไกลๆ ผมหันไปมองตาม พอดีกับที่คนมาใหม่มาถึงพอดี

          “เฮอะ!!”  ไอ้แม็กซ์พ่นลมหายใจ ดูหงุดหงิดกว่าเดิม แล้วลุกขึ้นเดินหนีไปเลย ผมหันไปมองคนมาใหม่ เป็นผู้ชายตัวสูง เท่าๆ ไอ้ไอซ์ แต่ไม่ใช่แค่ส่วนสูง แต่รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้ชายคนนี้เหมือนไอ้ไอซ์มาก หากจะต่างก็คงแค่อายุ

          “ไอซ์เป็นไงบ้าง”  ผู้ชายคนนั้นถาม พี่โฟร์ทไม่ตอบอะไร ได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินหนีไปอีกทาง ผู้ชายคนนั้นก็รีบวิ่งตามไปทันที

          “ผู้ชายคนนั้น. . .แฟนเก่าพี่โฟร์ท”  ไอ้มิกซ์คงสงสารเมื่อเห็นว่าผมงงเป็นไก่ตาแตก เลยเฉลยให้ฟัง  “เขาเหมือนไอ้ไอซ์ใช่มั้ยล่ะ นั่นแหละที่เป็นสาเหตุให้พี่โฟร์ทกับไอ้ไอซ์ทะเลาะกันจนมันต้องเป็นแบบนี้”

          หลังจากนั้นไอ้มิกซ์ก็เล่าให้ผมฟังว่าผู้ชายที่เป็นแฟนเก่าพี่โฟร์ทเขาเลิกกับพี่โฟร์ทตอนที่อยู่อเมริกาด้วยกัน ตอนนั้นพี่โฟร์ทเป็นตัวแทนนักศึกษาคณะแพทย์มหา’ลัยเราไปศึกษาดูงานที่นั่นหนึ่งปี พอดีกับที่ไอ้ไอซ์ก็ไปแลกเปลี่ยนเหมือนกัน ไอ้ไอซ์เจอพี่โฟร์ทตอนพี่เขากำลังอกหัก มันชอบพี่เขาเลยอาสาดามใจ มันรักพี่เขามาก และถึงแม้พี่โฟร์ทจะไม่รักมันมันก็ไม่เคยว่าอะไร ทั้งสองคนคบกันตามประสาแฟนจนแฟนเก่าพี่โฟร์ทกลับมาวอแวอีกครั้ง แล้วพี่โฟร์ทก็ดันยังรักแฟนเก่าอยู่ หลายๆ อย่างมันสะสม ทำให้ระเบิดออกมาสุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้น

          “แสดงว่ามันคบกับพี่โฟร์ทมาสี่ปีแล้ว?”  เพราะมันไปแลกเปลี่ยนตอนขึ้นม.สี่  ไอ้มิกซ์พยักหน้ารับ

          “กูเองก็เพิ่งรู้ไม่นาน บังเอิญไปเห็นรูปในโทรศัพท์มัน”

          “นี่มัน. . .เรื่องบ้าอะไรวะ. . .”


TBC.


TALK :

รู้ตัวดีว่ามาช้าแค่ไหน ถ้าคนอ่านจะหายไปก็ขอน้อมรับ
  :pig4: :pig4:




ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
พออ่านจบก็อยากรู้ต่อเลย

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มึนไปหมดต้องค่อยๆลำดับเหตุการณ์ใหม่ หายไปจนลืม :serius2:

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1



[31]

PART 2



ผ่านไปกว่าหนึ่งอาทิตย์อาการไอ้ไอซ์ก็ดีขึ้น สามารถทำการซีทีแสกนได้ ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจว่าไม่มีอาการเลือดคั่งในสมอง บาดแผลตามร่างกายเริ่มดีขึ้น ภายในก็ตอบสนองการรักษาฟื้นฟูเร็ว แต่ที่น่าแปลกคือไอ้ไอซ์ยังไม่ฟื้น และยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นเร็วๆ นี้ พี่โฟร์ทให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาดูให้ก็ไม่สามารถบอกอะไรได้มาก สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะร่างกายบอบช้ำมาก เลยต้องการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟู หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะสภาพจิตใจที่ทำให้ยังไม่อยากตื่นขึ้นมา. . .

พี่โฟร์ทเองก็ดูแลไอ้ไอซ์ไม่ห่าง แต่ก็ยังพ่วงด้วยแฟนเก่าคนนั้นตลอด ทำให้ไอ้แม็กซ์ไม่สบอารมณ์จนต้องหนีไปสงบสติอยู่บ่อยๆ สุดท้ายไม่รู้ใครจัดการยังไงพี่คนนั้นถึงได้ยอมถอยทัพกลับอเมริกาไป

“ตั้งใจเรียนนะ”  ผมบอกไอ้คีนตอนที่ยืนส่งมันที่หน้าประตูห้อง วันนี้มันต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะมีราวน์วอร์ดแต่เช้า ไหนยังจะต้องเข้าเวรต่ออีก มันอยู่ปีสี่แล้ว พวกหมอเขาถือว่าเป็นพวกน้องเล็กชั้นคลินิก ต้องอยู่โรงพยาบาล เข้าเวร เริ่มรักษาคนไข้ ใกล้จะเป็นหมออีกก้าวหนึ่งแล้วแฟนผม

“ไปดูไอ้ไอซ์มั้ยวันนี้”  มันถามไปใส่รองเท้าไป

“ไป เดี๋ยวจะแวะเอาข้าวเที่ยงไปให้ด้วยนะ”  ผมบอก อาการไอ้ไอซ์นอกจากที่มันยังไม่ฟื้นนั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว แต่ผมก็ยังคงไปเฝ้ามันทุกวันอยู่ดี พรุ่งนี้เริ่มเรียนวันแรก ก็คงจะสลับๆ กันกับคนอื่นๆ ไปดูแล อีกอย่างพี่โฟร์ทเองก็ถึงขั้นลางานมาอยู่ดูแลไอ้ไอซ์คนเดียวด้วย

พี่เขาคงจะรู้ใจตัวเองแล้ว. . .

ที่น่าห่วงคือไอ้คีนนี่แหละที่ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีเวลาได้กินข้าวบ้างมั้ย. . .

“โอเค”  มันพยักหน้า รับเสื้อกาวน์จากผมไปถือไว้เอง ผมยิ้มยืดตัวไปหอมแก้มสากให้กำลังใจเพื่อรับมือกับงานหนักในวันนี้ มันเองก็ยิ้มให้แล้วก้มลงจุ๊บหน้าผากผมเบาๆ แล้วเดินออกไป

ผมไม่ได้นอนต่อ แต่เลือกที่จะเก็บทำความสะอาดห้องแทน ใช้เวลาเกือบค่อนเช้าจึงเสร็จเรียบร้อย ผมถึงได้เข้าครัวทำอาหารเตรียมไว้ใส่กล่องให้ไอ้คีน เผื่อพวกเพื่อนผมและพี่โฟร์ทที่เฝ้าไอ้ไอซ์อยู่ด้วย

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวฝ่ารถติดจนมาถึงโรงพยาบาลแล้ว ผมเลือกที่จะไปที่ห้องพักของไอ้ไอซ์ก่อน เอาข้าวมาให้คนอื่นก่อน แล้วตัวเองค่อยไปกินกับไอ้คีนเพราะไอ้ไอซ์มันรักษาตัวที่โรงพยาบาลของพี่โฟร์ทซึ่งอยู่คนละทางกับมหาวิทยาลัย

เมื่อมาถึงพอเปิดประตูเข้าไปข้างใน ปรากฏว่าในห้องมีแค่พี่โฟร์ทที่เฝ้าไอ้ไอซ์อยู่ พี่เขานั่งหันหลัง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้มีคนเข้ามาในห้อง แล้วดูจากแผ่นหลังอันสั่นเทานั้นแล้ว ไม่ต้องมีใครบอก ไม่ต้องได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าพี่โฟร์ทคงกำลังร้องไห้อยู่

อันที่จริงพี่เขาคงไม่รู้ว่าผมเห็นเขาแอบร้องไห้เงียบๆ บ่อยแค่ไหน. . .

จากที่กำลังจะเข้าไป ผมจึงทำได้แค่เพียงปิดประตูกลับเหมือนเดิม และยืนอยู่เงียบๆ

“อ้าว”  ไอ้คิมร้องทักเมื่อเห็นผม มันมาพร้อมกับไอ้ออม

“มานานแล้วหรอมึง”  ไอ้ออมถาม

“เพิ่งถึง แวะเอาข้าวมาให้ กูจะไปหาไอ้คีนก่อนเดี๋ยวมาอยู่ด้วย”  ผมบอก ไอ้คิมกับไอ้ออมพยักหน้ารับ

แกร๊ก

เสียงประตูเปิด พวกผมหันไปมองพร้อมกันก็เห็นว่าเป็นพี่โฟร์ทที่เดินออกมาจากห้องพักไอ้ไอซ์ พี่เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพวกผมยืนอยู่หน้าประตู

“เอ่อ. . .”

“สวัสดีครับ/ค่ะ พี่โฟร์ท”  พวกเรายกมือไหว้พี่แกพร้อมกัน

“สวัสดี มาเยี่ยมไอซ์กันหรอ เข้าไปสิ แต่ยังไม่ฟื้นหรอกนะ”  พี่โฟร์ทบอกพร้อมกับฝืนยิ้มให้พวกเรา

“ครับ พี่โฟร์ทเองก็. . .พักผ่อนด้วยนะครับ”  ผมบอก เพราะตอนนี้พี่โฟร์ทโทรมมาก หน้าตาซีดเซียว ผอมลง ขอบตาคล้ำ เหมือนว่าเป็นคนป่วยเสียเอง

“ขอบใจ”  พี่แกยิ้มให้พวกเราอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป แต่ผมรั้งแขนพี่แกไว้ก่อน

“เอ่อ. . พี่โฟร์ทครับ มาทานข้าวด้วยกันนะครับ ฟ่าทำมาเผื่อ”

“อื้ม”  พี่แกยิ้มแล้วเดินจากไป. . .

“น่าสงสารว่ะ”  ไอ้ออมพูดขึ้นเมื่อพวกเราเข้ามาในห้องไอ้ไอซ์เรียบร้อยแล้ว

“ไอ้ไอซ์หรอ?”  ไอ้คิมถาม ส่วนผมตอนนี้กำลังจัดเตรียมของกินให้คนเฝ้าอยู่

“พี่โฟร์ทต่างหาก. . .คนที่มันหลับอยู่มันไม่รู้สึกอะไรหรอกนะเว้ย แต่คนที่รู้สึกตัวนี่แหละที่น่าห่วง การที่ต้องเห็นคนที่รักป่วยไม่ยอมฟื้นแบบนี้มันเจ็บขนาดไหนกูเดาไม่ออกเลยว่ะ”  ไอ้ออมว่าต่อ อันนี้ผมแอบเห็นด้วย. . .

“ใครว่ากูไม่รู้สึกอะไร. . .”  เสียงแหบพร่าของใครบางคนทะลุขึ้นมากลางปล้อง

>>>>>>>>>><<<<<<<<<<

‘อยู่ไหน’

ผมส่งข้อความไปหาไอ้คีนเมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ไม่กี่อึดใจก็ได้รับข้อความตอบกลับมา

‘รอที่ซุ้ม เดี๋ยวไป’

ซุ้มที่ว่าคือซุ้มคณะแพทย์ที่พวกพี่มันชอบไปนั่งกันเวลาว่างๆ เป็นสถานที่โปรดที่ถ้าผมมาคณะแพทย์เมื่อไหร่ต้องมานั่งที่นี่ทุกครั้ง เพราะทั้งร่มรื่น อากาศก็ถ่ายเทดี

“รอนานมั้ย”  เสียงทุ้มที่ดูจะอ่อนแรงไม่น้อยเอ่ยทักมาจากด้านหลัง ไม่ใช่แค่เสียง แต่หน้าตาท่าทางก็ดูเหมือนจะหมดแรงแล้ว

“เพิ่งมาถึง มานั่งตรงนี้มา”  ผมดึงมันให้มานั่งข้างๆ กัน พอเรียบร้อยแล้วก็จัดการเปิดปิ่นโตใส่อาหารที่เตรียมไว้ ทุกอย่างล้วนแต่เป็นของโปรดเสริมพลังงานเอาใจคนเรียนหนักทั้งนั้น

ฟอด

“หอม. . .”  มันพูดขึ้นหลังจากที่ฉวยหอมแก้มผมที่มัวแต่สาละวนกับการจัดอาหารตรงหน้า

“เดี๋ยวเถอะ คนเยอะแยะ”  ผมเอ็ด แต่ที่ได้รับตอบกลับมามีเพียงแค่เสียงหัวเราะในลำคอเท่านั้น  “อ่ะ. . .กินซะ พี่ๆ คนอื่นไปไหนไม่มากินด้วยกันหรอ”  ผมถามเมื่อไม่เห็นว่าเพื่อนมันจะมาด้วย

คนก้มหน้าก้มตากินเงยหน้าขึ้นตอบ  “พวกมันไปกินโรงอาหาร เดี๋ยวไปหาข้อมูลรายงานในห้องสมุด แต่กูต้องเข้าสังเกตการณ์ที่ห้องผ่าตัด คืนนี้ก็เข้าเวรต่อ”  พอฟังที่มันพูดแล้วก็สงสารขึ้นมา ยิ่งขึ้นปีสูงการเรียนก็ยิ่งหนักหน่วง

“สู้ๆ นะ”  ผมยิ้มให้กำลังใจ คนตัวสูงชะงักมือที่กำลังกินข้าวอยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองผมพร้อมมือใหญ่ที่ยกขึ้นขยี้หัวอย่างเอ็นดู

“แค่มึงเป็นเด็กดีกูก็หายเหนื่อยแล้ว”  ผมหน้าร้อนฉ่ากับคำพูดและรอยยิ้มนั้น เลยต้องแก้เขินด้วยการฟาดมือที่ต้นแขนแกร่งเบาๆ

“รู้แล้วน่า!!”

กว่าสองสัปดาห์เข้าไปแล้วที่ชีวิตผมดำเนินไปแบบ ตอนเช้าไปเรียน กลางวันกินข้าวกับเพื่อนเพราะเปิดเทอมแล้วผมเองก็ไม่มีเวลาไปส่งข้าวที่คณะแพทย์ ตอนเย็นบางวันกลับห้องอยู่คนเดียว บางวันก็มีไอ้คีน เราเข้านอนพร้อมกัน แต่ตอนเช้าผมตื่นมาเราแทบไม่ได้พูดคุยอะไรกันเท่าไหร่เลย มันเรียนหนักมาก อิดโรยจนผมสงสาร พยายามเอาใจมันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่งอแง ไม่วุ่นวาย ที่สำคัญ. . .พยายามไม่หึงรุ่นพี่พยาบาลที่ขยันโทรหากันเหลือเกิน. . .

“ไงมึง ทำหน้าทำตา คิดถึงผัวมากไง๊?”  ไอ้ออมถามเสียงสูง

“เออ”  ผมตอบกลับไปแบบไม่อ้อมค้อม  “เดี๋ยววันนี้ก็เข้าเวรอีกแล้ว. . .”  ผมพูดเสียงเบา แต่ไอ้พวกเพื่อนเวรก็ดันหูดี

“งั้นวันนี้เราไปชอปปิงกัน”  ไอ้คิมชวน

“ไม่อะ”  ผมปฏิเสธ รู้สึกไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น

“นี่ คุณฟ่าคะ พวกเราจะชวนคุณไปชอปซื้ออะไรมาให้คุณทำให้สามีรับประทานน่ะค่ะ”

อืม. . .ถ้ามันออกเวรแล้วก็คงจะหิวน่าดู

“งั้นไปก็ได้. . .”  ได้รับเป็นรอยยิ้มล้อๆ ของพวกมันตอบแทนมา

ก็ทำไมอ่ะ กูห่วงผัวกู





ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หายไปนานมาก~

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เป็นกำลังใจให้นะ  มีปัญหาก็ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะครับ แล้วรีบกลับมานะครับ  เราจะรออ่านนะ  :mew6:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ห่วงผัวเว่อๆๆไปอี้ก

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :mew1:ดีใจมากจ้ะที่กลับมา ๆ ทีก้อสะใจไปเลย ยังไงหายไปได้จ้ะแต่อย่าทิ้งกันน้า เข้าใจจ้ะชีวิตต้องมีอุปสรรคมีวันที่ดีและไม่ดียังไงให้พยายามมองโลกในแง่บวกแล้วมันจะดีขึ้นจ้ะลองหันไปมองคนที่เขาแย่กว่าเราๆจะรู้สึกว่าชีวิตเราก้อไม่ได้แย่อะไรนัก รอจ้ะ

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1



[32]

PART 1



          เวลาผ่านไปไวยิ่งกว่าโกหก

          สำหรับหลายๆ คนคงคิดแบบนี้ ผมเพิ่งสอบมิดเทอมเสร็จเมื่อสามวันก่อน และไอ้คีนเองก็เพิ่งสอบตัวสุดท้ายเสร็จไปวันนี้ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด เรามีเวลาพักสองวันเต็มๆ หลังจากอ่านหนังสือกันมาอย่างหนัก และไอ้คีนเองที่ทั้งเรียนหนัก อ่านหนังสือแทบจะไมได้พักผ่อนก็มีเวลาพักบ้าง คืนนี้พวกพี่ๆ เขาเลยนัดกันมาดื่มคลายเครียดกัน รวมถึงพวกเพื่อนๆ ผมที่ติดสอยห้อยตามกันมาด้วย ยกเว้นก็ไอ้ไอซ์ที่ยังต้องพักฟื้นอยู่โดยมีพี่โฟร์ทดูแลไม่ห่างเช่นเคย ส่วนพรุ่งนี้ผมกับไอ้คีนเรากะกันว่าจะนอนโง่ๆ อยู่ที่ห้อง ดูหนัง ฟังเพลง หาอะไรกินไปตามเรื่อง

          “ไงไอ้น้อง ได้ข่าวเรียนหนักหรอวะ”  พี่โจถามรุ่นน้องร่วมคณะขึ้นยิ้มๆ วันนี้แกยอมควักตังค์เลี้ยงน้องๆ อีกตามเคย

          “นิดหน่อยพี่แค่ไม่มีเวลานอนเอ๊ง”  พี่แบงค์ตอบเสียงสูง

          “แหมไอ้แบงค์วันนี้บอกไม่มีมีเวลานอน ตอนอยู่กับพวกกูบอกไม่มีเวลาเอาเมียไงวะ”  พี่แม็คแซวขึ้นมากลางปล้อง เพื่อนๆ หัวเราะกันครืน ยกเว้นพี่โมที่ทำหน้าเหวอๆ ที่อยู่ๆ ก็วกเข้าแก

          “สัด”  พี่แบงค์หันไปด่าพี่แม็คที่แฉตัวเอง

          “ฮ่าๆ ไอ้แม็คมึงอย่าไปว่ามัน กูเข้าใจๆ ต่อหน้าเมียต้องทำให้ตายใจ พอถึงเวลาค่อยตะครุบเว้ย”  พี่โจพูดขำๆ เหมือนพี่โมจะหมั่นไส้พี่แบงค์เลยฟาดเข้าที่ไหล่หนาไปที พี่แบงค์ก็ซบไหล่กะพริบตาปริบๆ ออเซาะ

          “ต้องเงียบๆ แต่ฟาดเรียบแบบไอ้คีนใช่มั้ย”  พี่รีมพูดแต่สายตานั้นหันมาผมล้อๆ จนแอบสะดุ้งเบาๆ ไหงอยู่ๆ ก็เข้าตัวเฉยเลยอ่ะ

          “หึ”  ไอ้แฟนตัวดีมันก็ตอบรับที่พี่มันแซวแค่นี้แหละ ผมได้แต่ขำ สงสัยไม่กล้าพูดว่าแม่งเรียนหนักจนไม่มีเวลากอดผมตั้งหลายวันแล้ว ผมเลยซบไหล่อ้อนคุณเขาไปที ก่อนจะรับเด้งตัวกลับไม่ทันเมื่อมีเสียงหลอนกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู  “หึ คืนนี้ไม่รอดแน่”  พูดจบก็ดึงผมกลับไปซบไหล่เหมือนเดิม

          “เอ้อ ว่าจะบอกตั้งแต่มาถึงแล้วลืมเลยสัด นี่พวกมึงรู้ยังว่าไอ้รบมันกลับมาแล้วนะเว้ย”

          หืม?

          ใครนะ?


          “ใครนะ?”  พี่โจถามคำถามเดียวกับผม

          “ไอ้รบไงพี่โจ เรือรบเพื่อนพวกผมที่ย้ายไปเรียนอเมริกาตั้งแต่จบม.ปลาย นี่ก็นัดมันด้วยนะ แต่แม่งทำไมยังไม่มาก็ไม่รู้”  จบประโยคนี้จากพี่แม็คผมรู้สึกได้ว่าไอ้คิมที่นั่งอยู่ข้างผมอีกฝั่งกระตุกขึ้นมาเบาๆ ผมหันไปมองก็เห็นว่าเพื่อนรักหน้าซีดเผือดเหมือนจะเป็นลม

          “เป็นไรวะ?”  ผมขมวดคิ้วถาม

          “มะ. . . ไม่มีอะไร เอ่อ กู. . .ปวดหัวว่ะ กลับก่อนนะ”  พูดจบก็ลุกขึ้นค้อมหัวลาพี่ๆ แล้วเดินไปเลย

          “คิม. . .ไอ้คิม!!”  ขนาดผมเรียกยังไม่สนใจจะหันมา เดินลิ่วๆ ไปที่ทางออก พี่ๆ คนอื่น รวมถึงไอ้มิกซ์ไอ้แม็กซ์ก็เลิกคิ้วเชิงถาม ผมส่ายหัวไม่รู้ แล้วต่อสายหาเพื่อนทันทีด้วยความเป็นห่วง ไม่นานมันก็กดรับ

          “มึงเป็นไรวะ”  ผมถาม

          ((“กูปวดหัวไง ขอกลับก่อน”))  เสียงที่ตอบกลับมาสั่นเครือจนผมเป็นห่วงกว่าเดิม

          “แล้วขับรถไหวหรอวะ ให้กูไปส่งมั้ย”  ผมถาหันไปมองไอ้คีนมันก็ไม่ได้ว่าอะไร

          ((“ไม่ต้องๆ กูกลับเองได้ ไหวๆ”))  มันยืนยัน ไอ้คิมเป็นคนดื้อเงียบแค่ไหนผมรู้ดี ถ้ามันยืนยันขนาดนี้ การตื๊อมันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ

          “โอเคๆ งั้นถ้าถึงบ้านแล้วไลน์หรือโทรหากูด้วยนะเว้ย”

          ((“อืม”))  แล้วมันก็วางสายไป

          “มันปวดหัวนิดหน่อยครับ”  ผมบอกพี่ๆ เพื่อนๆ ที่มองมาอย่างตั้งคำถาม ทุกคนรับรู้และนั่งคุยนั่งดื่มกันต่ออย่างไม่คิดอะไรอีก. . .

          “ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”  ผมกระซิบไอ้คีนเมื่อนั่งมาได้สักพักและรู้สึกปวดเบาขึ้นมา ผมลุกขึ้นยืน ไอ้คีนก็ลุกขึ้นด้วย  “ไม่ต้องๆ ห้องน้ำใกล้แค่นี้เอง ไปเองได้”  ผมรีบบอก เพราะห้องน้ำอยู่ไม่ไกล ผมไม่ได้เมาด้วย เพิ่งดื่มไปแค่สองแก้วจางๆ เอง มันก็พยักหน้าไม่ได้ว่าอะไร ยอมลงไปนั่งดีๆ

          ทำธุระเสร็จก็ออกมาล้างมือ เรียบร้อย ตอนที่เดินออกจากห้องน้ำสร้อยข้อมือดันหลุด ผมก้มลงจะเก็บ แต่ดันมีมือหนึ่งช่วยเก็บให้ซะก่อน

          “ขอบคุณครับ”  ผมบอกเมื่อคนๆ นั้นยื่นสร้อยกลับให้ผม ตอนนี้เองที่ผมเพิ่งได้เห็นเขาชัดๆ

          ผู้ชายรูปร่างสูง ตัวหนาแต่ไม่มาก เท่าๆ กับไอ้คีน ผมหยักศกสีดำสนิท หน้าตาคมเข้ม รวมๆ แล้วหล่อแบบหาตัวจับยาก ท่าทางจะเป็นคนไทยแท้ๆ แต่มีจุดเด่นตรงตาสีเปลือกไม้นั้น สะกดให้คนมองหลงใหลดุจต้องมนต์

          เขายิ้มกว้างให้ผมเหมือนดีใจอะไรสักอย่าง ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของผมดันสั่นขึ้นมาซะก่อน รู้เลยว่าไอ้คีนคงจะโทรตามคงเพราะเห็นว่าผมออกมาได้สักพักแล้ว

          “ขอบคุณอีกครั้งครับ”  ผมบอกอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาทันทีโดยไม่รอฟังว่าผู้ชายคนนั้นต้องการจะพูดอะไร. . .

          ถึงกลับมานั่งแล้ว แต่เหมือนมีบางอย่างคอยรบกวนจิตใจอยู่ตลอด

          ผู้ชายคนนั้น ทำไมรู้สึกคุ้นขนาดนี้นะ. . .

          “นึกว่าตกส้วมไปแล้ว”  กลับมานั่งที่เดิมก็โดนแขวะทันที จากไอ้แฟนปากเสียของผมนี่แหละ
         
          “นี่แหน่ะ ปากเสีย”  ผมตีปากมันไปเบาๆ ไม่กล้าตีแรงไง กลัวแฟนเจ็บ มันก็ทำท่าจะเอาคืนด้วยการก้มลงมางับปากผม แต่เผอิญว่าเสียงของพี่แม็คดังขึ้นมาเสียก่อน อดไปเถอะมึ๊ง

          “ไอ้รบ!! ทางนี้เว้ยเพื่อน!! ทางนี้ๆ ยู้ฮู้ววว”

          “วู้วววว มาแล้วเว้ย ไอ้เพื่อนยาก”  พวกพี่ๆ เขาแซวต้อนรับเพื่อนเสียงดัง ผมหันไปมองตามสายตาพี่ๆ

          “อ๊ะ!” 

          คนๆ นี้. . . ที่เจอหน้าห้องน้ำนี่นา

          “เออๆ ไม่ต้องเสียงดังเว้ย หน้าด้านตลอดพวกมึง”  เขาตอบเพื่อนขำๆ ก่อนจะโดนพี่แม็คลากไปนั่งข้างๆ แล้วกอดแสดงความคิดถึงเต็มที่

          “มึงไปเรียนเมืองนอกมาตั้งนาน มากูจะแนะนำพี่ๆ น้องๆ ให้รู้จัก เริ่มจากนี่ พี่นอร์ท พี่โจ รุ่นพี่ที่มหาลัยพวกกู”  พี่รบค้อมหัวนิดๆ ทักทายพี่ๆ พี่ๆ ก็โบกมือรับ  “สองคนนี้ไอ้แม็กซ์ไอ้มิกซ์ รุ่นน้อง”  พวกเพื่อนๆ ผมก็ผงกหัวทักทายไป พี่มันก็ผงกหัวตอบรับ “นี่ๆ เด็ดสุดต้องคนนี้ น้องฟีฟ่า แฟนไอ้คีน”

          พี่มันหันมาหาผมยิ้มๆ ก่อนจะชะงักและรอยยิ้มสวยหายไปจากริมฝีปากเมื่อเห็นหน้าผมชัดๆ

          “แฟนใครนะ”

          “แฟนไอ้คีนไง คนนี้รักมากกก คบกันมานานมากกก”  พี่แม็คยังคงนำเสนอต่อไป เลยโดนไอ้คีนปาถั่วใส่ แต่พี่แม็คก็รับไว้ได้ แถมยังเอาเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆ กวนตีนอีก ผมยิ้ม ผงกหัวนิดๆ ทักพี่มัน พี่มันก็ผงกหัวตอบผมอึ้งๆ

          “อึ้งไรวะ จ้องน้องตาไม่กระพริบเลยมึง ของเพื่อนเว้ย ของเพื่อน”  พี่แบงค์ทักขึ้นมาขำๆ พี่รบสะดุ้ง หันไปตอบเพื่อนอึกอัก

          “กู. . .แค่แปลกใจที่ไอ้คีนมีแฟน. . .เป็นผู้ชาย”

          “เออ ไม่ต้องอึ้งสัด เพื่อนมึงเปลี่ยนรสนิยมแล้ว คนนี้รักมากกก พาไปเปิดตัวกับแม่เรียบร้อย ฮ่าๆ รักจริงหวังแต่งเว้ย”  พี่แม็คยังคงนำเสนอเรื่องผมกับไอ้คีนอย่างต่อเนื่อง ไอ้คีนก็ไม่ได้แย้งอะไร พี่รบพยักหน้ารับ แต่สายตาคมยังจ้องผมอยู่อย่างนั้น พี่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปแล้ว จนพี่แม็คเรียกพี่รบไปถามเรื่องที่อยู่เมืองนอกนั่นแหละ พี่มันถึงได้ละสายตาจากผมไป

          สายตาพี่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ต้องการจะบอกผม

          ผมหันไปหาไอ้คีนเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงบีบที่มือ หันไปมองก็เห็นว่ามันมองพี่รบอยู่เหมือนกัน มันอาจจะเห็นสายตาที่พี่เขามองผม หรืออาจะไม่เห็นก็ได้ แต่ผมไม่ชอบที่เห็นมันเป็นแบบนี้ ผมบีบมือตอบมันให้พอรู้สึก ได้ผล มันหันมาทางผมแต่แววตาคู่สวยที่ผมชอบไม่ได้เป็นประกายเช่นเคย

          ผม. . .ไม่ชอบสายตาแบบนี้เลย. . .

          มือข้างซ้ายที่ว่างอยู่ถูกใช้เพื่อประคองใบหน้าคม ผมยืดตัวขึ้นไปจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากบาง ชั่วพริบตาเดียวก็ผละออก พร้อมยิ้มหวานให้ เหมือนมันจะโอเคขึ้น ทำท่าจะก้มลงมาย้ำอีกครั้ง แต่ก็มีเสียงขัดจากพี่แม็คเช่นเคย

          “โว้วๆ ไม่ไหวกลับก่อนได้คร้าบบบบ ไม่เอาตรงนี้”

          เสียงของพี่แม็คเรียกทุกสายตารอบโต๊ะมาสนใจเราสองคนอีกครั้ง รวมถึงพี่รบด้วย

          ทำไม. . .

          เขาต้องใช้สายตาแบบนั้นมองผมด้วย



TBC.




ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
:mew1:ดีใจมากจ้ะที่กลับมา ๆ ทีก้อสะใจไปเลย ยังไงหายไปได้จ้ะแต่อย่าทิ้งกันน้า เข้าใจจ้ะชีวิตต้องมีอุปสรรคมีวันที่ดีและไม่ดียังไงให้พยายามมองโลกในแง่บวกแล้วมันจะดีขึ้นจ้ะลองหันไปมองคนที่เขาแย่กว่าเราๆจะรู้สึกว่าชีวิตเราก้อไม่ได้แย่อะไรนัก รอจ้ะ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ บางครั้งเราก็ขาดกำลังใจจะทำสิ่งที่รัก เพราะเราต้องทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำก่อน หน้าที่มาก่อนความสุข บางครั้งมันก็ท้อจริงๆ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาให้กำลังใจกันเสมอๆ

รวมถึงคนอ่านทุกคนที่เข้ามาเม้นให้กำลังใจกันตลอด แม้เราจะเป็นนักเขียนที่ไร้ความผิดชอบสุดๆ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

 :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด