ตอนที่ 28
(Part 1)
สอบเสร็จแล้วววววว(โว้ย) เย้ๆ วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย ซึ่งผมเพิ่งทำข้อสอบตัวสุดท้ายเสร็จเมื่อยี่สิบนาทีก่อนนี่เอง ตอนนี้นั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวเดิมรอไอ้คีนมารับ (ซึ่งมันสอบเสร็จตั้งแต่สี่วันที่แล้ว เซ็งมาก ณ จุดๆ นี้ หมั่นไส้มัน)
“คึคึ” เสียงหัวเราะจากคนข้างๆ ทำให้ผมที่กำลังดูดชาเย็นแก้วละยี่สิบบาทที่พวกนักศึกษาทำขายกันเองหันไปมอง ไอ้คิมนั่นเอง สองสามวันมานี่มันชอบนั่งมองผมแล้วหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ตอนนี้ชักเริ่มไม่ไหวละ ต้องเคลียร์ๆ
“ไม่ทราบว่าหัวเราะอะไรครับ มีปัญหาไร เคลียร์เลยมา ตัวๆ” ผมแกล้งดึงแขนเสื้อขึ้นเหมือนที่พวกนักเลงเขาทำกัน พวกไอ้ไอซ์ ไอ้มิกซ์ไอ้แม็กซ์ที่มันเพิ่งสอบเสร็จเหมือนกันก็นั่งขำดูพวกผมสองคน ส่วนไอ้ออม เดี๋ยวนี้นางติดโทรศัพท์เพราะมีไฮโซนักธุรกิจหนุ่มหล่อมาตามขายขนมจีบ หมั่นไส้ๆ ชิส์ๆ
“ก็ไม่มีอะไร๊ แค่รู้สึกว่าช่วงนี้เพื่อนกูดูมีน้ำมีนวล สวยวันสวยคืน คิกคิก” มันตอบแบบเสียงสูง แถมยังทำหน้าเจ้าเล่ห์แบบแซวผมเต็มที่
“แล้วไง ก็กูบำรุงดี” ผมยักไหล่
“ก็นี่ไง กูถึงสงสัยว่า
‘น้ำ’ ที่มึงใช้บำรุงนี่คงมาจากธรรมชาติของแท้ ถึงได้สวยขนาดนี้ หน้างี้ใสกิ๊งเชียว”
“แค่กๆ น้ำเหี้ยไรของมึง” ผมถามเสียงอ้อมแอ้ม เพราะเมื่อกี้ไอ้คิมดันเน้นเสียงตรงคำว่า
‘น้ำ’ ซะ
ตอนแรกกูว่าจะไม่คิด พอคิดเท่านั้นแหละ คิดเลย!!
“โถฟีฟ่า งั้นมึงฟังกูดีๆ นะ” ไอ้แม็กซ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ส่ายหน้าแบบระอาผมเต็มที่ ก่อนที่มันจะพูดประโยคต่อไปด้วยเสียงกระซิบ ซึ่งเรียกเลือดจากทั้งตัวให้มารวมอยู่ตรงหน้าผม จนรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด “ก็. . .
‘น้ำพี่คีน’ ไง”
“ไอ้สัด!! น้ำเนิ้มอะไร ทะลึ่ง!!” ผมรีบเถียงเสียงดัง ก่อนจะรีบตะครุบปิดปากตัวเองเมื่อเห็นว่านักศึกษาที่ยังอยู่แถวนี้หันมามองเป็นตาเดียว แต่อายสายตาคนอื่นได้ไม่นานผมก็ได้โอกาสหนีเมื่อเห็นไอ้คีนเดินมาทางนี้พอดี “นั่นไง!! ไอ้คีนมาแล้ว กูไปก่อนนะ แบร่ๆ” ผมแลบลิ้นใส่เพื่อนแล้ววิ่งไปคว้าแขนไอ้คีนให้เดินกลับไปทางเดิมก่อนที่มันจะมาถึงโต๊ะ มันทำหน้างงๆ แต่ไม่ได้ถามอะไร
“หนีอะไร” มันถามเมื่อตอนนี้ผมมานั่งหอบอยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว แฮ่กๆ วิ่งมาด้วยกันทำไมมันไม่หอบ กูหอบอยู่คนเดียววะ ไม่แฟร์ ไอ้ขายาวเอ้ย!!
“ก็ไอ้พวกนั้นดิ มันแซวกู” ผมพูดแบบเคืองๆ
“มันแซวเรื่องอะไรล่ะ” มันถามพร้อมๆ กับออกรถ
“มันบอกว่ากูมีน้ำมีนวล สวยขึ้น”
“แล้ว?”
“ก็มันบอกว่าเป็นเพราะน้ำมึงไงเล่า แม่ง!! ไอ้พวกเวร”
“หึหึ”
“ขำไร” ผมตวัดสายตาไปถามแบบหาเรื่อง
“จะไปเคืองเพื่อนทำไม”
“ก็มันแซว”
“ก็เขาพูดความจริง หรือมึงจะเถียง”
“เถียงสิ แม่ง กูอายอ่ะ” ผมพูดเสียงอ้อมแอ้ม ไอ้ว่ามันเป็นเรื่องจริงก็เรื่องจริงนั่นแหละ ก็ในเมื่อหลังจากวันนั้น เอ่อ. . .วันที่ครบรอบหกเดือนนั่นแหละ. . .นั่นแหละ!! เราสองคนก็เอ่อ. . .มีอะไรกันแทบทุกวัน มีเว้นบ้างตอนผมจะอ่านหนังสือสอบ ไม่งั้นเวลาเพื่อนแซวผมไม่อายขนาดนี้หรอก แง่งๆๆๆๆ “เฮ้ยๆ เลยคอนโดแล้ววววว” ผมบอกเมื่อเห็นว่ามันกำลังขับรถเลยคอนโด
“ใครบอกว่ากูจะกลับคอนโดล่ะ” มันพูดเรียบๆ
“แล้วจะไปไหน” ผมถามงงๆ
“เดียวก็รู้. . .”
กูเคยบอกหรือยังว่าเกลียดประโยคนี้ของมึงที่สุด!! ไอ้สาดดดดด
.
.
.
.
.
“มะ. . .มาที่นี่ทำไม!!” ผมหันไปถามมันเมื่อเห็นว่ามันพาผมมาที่ไหน เมื่อกี้ระหว่างทางผมเผลอหลับไปเพราะอดหลับอดนอนอ่านหนังสือ แอร์รถก็เย็น รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันปลุกบอกว่ามาถึงที่หมายแล้ว ผมปรับโฟกัสสายตาได้ไม่นานก็ต้องสะดุ้งเฮือกจนต้องแผดเสียงถามมันอย่างเมื่อกี้ ก็จะไม่ให้ผมตกใจได้ไง ในเมื่อที่นี่คือ. . .
บ้านผมเอง. . .. . .ไม่ใช่บ้านข้างมอ
แต่ที่นี่คือบ้านพ่อแม่ผม. . .ผมจะไม่ถามว่ามันมีที่นี่ถูกได้ไง เพราะขนาดมันรู้จักกับผมแรกๆ มันยังไปบ้านข้างมอของผมถูกเลย และผมจะไม่ถามว่ามันพาผมมาที่นี่ทำไม เพราะผมคิดว่า. . .ผมรู้
ตะ. . .แต่. . .ผม. . .
“ฟ่า. . .” มันหันมาหาผม มองหน้าผมแบบจริงจัง เอื้อมมือมาจับมือผมไว้แน่น ก่อนจะพูด
“มึงเป็นเมียกูแล้วนะ เราคบกันมาครึ่งปีแล้ว กูต้องมาคุยกับพ่อแม่มึงอย่างเป็นทางการ”“แต่ว่า. . .” ผมพยายามจะพูด แต่มันพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร มันตื้อไปหมด งงๆ ทุกอย่างมันกะทันหัน ผมไม่ทันตั้งตัวอะไรเลย ไอ้คีนคงเห็นอาการของผม มันปล่อยมือข้างหนึ่งจากมือผมมานวดๆ ให้ตรงท้ายทอยคลายอาการให้ผมแทน
“ทุกอย่างจะโอเค” มันว่า
“กูไม่แน่ใจ ถ้าเกิดว่าพ่อแม่กูไม่ยอมล่ะ ถ้าสั่งให้เราเลิกกัน ถ้าเขาไม่ให้เราติดต่อกันอีก ให้กูย้ายมหาลัย ส่งไปเมืองนอก ถ้า. . .”
“ชู่ววว” มันเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากเป็นเชิงให้ผมเลิกฟ้งซ่าน “เชื่อใจกูนะ. . .ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี” พอเห็นความจริงจังในแววตาของมันแล้ว ผมเองก็พลอยฮึดไปด้วย ผมสูดหายใจแรงๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้มันอย่างหนักแน่น ไอ้คีนยิ้มก่อนจะยื่นหน้ามาจูบแก้มผม “คนเก่ง. . .”
เราสองคนลงจากรถ คือ. . .ตอนแรกผมก็ฮึดแล้วนะ แต่พอเห็นว่ารถพ่อรถแม่อยู่กันครบ มันก็อดฝ่อขึ้นมาไม่ได้ ที่ผมกลัว ไม่ใช่ว่ากลัวพ่อแม่จะรู้ว่าผมเป็นเกย์ เพราะท่านรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ที่ผมกลัวคือผมกลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่ให้ผมคบกับไอ้คีนเพราะสภาพที่น่าทุเรศของผมเมื่อเกือบสองปีก่อน พ่อกับแม่คือคนที่ใจสลายไม่แพ้ผมในตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าท่านจะทำใจได้หรือเปล่าถ้าผมจะมีแฟนอีกครั้ง ถ้าสมมตว่าเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก. . .
แต่ความคิดในแง่ร้ายของผมต้องหยุดลงเมื่อไอ้คีนกุมมือผมไว้ให้เดินไปด้วยกัน สายตาและสีหน้าที่มุ่งมั่นของมันทำให้ผมมีกำลังใจมากขึ้น เอาล่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องผ่านมันไปให้ได้!!
ตอนนี้มือผมที่ถูกไอ้คีนกุมให้เดินด้วยกันทั้งเย็นและชื้นเหงื่อไปหมด เพราะความตื่นเต้น ไอ้คีนเองก็เหมือนกัน. . .
มือมันทั้งเย็นทั้งชื้นเหงื่อไปหมด. . .
มันเองก็คงจะตื่นเต้นไม่แพ้ผม. . ..
.
.
“ว่าไงนะลูก” ตอนนี้เราสองคนนั่งอยู่บนพื้นเผชิญหน้ากับพ่อแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟา และประโยคนี้เป็นประโยคแรกที่หลุดออกจากปากของแม่หลังจากที่ไอ้คีนแนะนำตัวและไม่รอช้ามันก็บอกถึงความสัมพันธ์ของผมกับมัน ส่วนพ่อยังนั่งเงียบเหมือนเดิม
“ผมจะมาขออนุญาตคุณลุงคุณป้าคบกับฟีฟ่าครับ” ไอ้คีนเองก็บอกเสียงหนักแน่นไม่แพ้ตอนแรก
“แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะลูก เพราะแม่เองก็รู้ว่าฟีฟ่าเป็นยังไง แต่คีน. . .ลูกรู้ใช่มั้ยว่าน้องเคยเจอกับอะไร เคยเสียใจแค่ไหน. . .” ถึงประโยคนี้ของแม่ ผมก็ได้แต่ก้มหน้ากัดปากมองมือตัวเองที่อยู่บนตัก เคยคิดว่าลืมไปแล้ว แต่พอได้ยินอีกครั้งมันก็อดรู้สึกร้อนๆ กระบอกตาไม่ได้ ไหนจะน้ำเสียงที่แม่ใช้พูด มันฉายชัดถึงความเจ็บปวด แม่เองก็คงจะลืมช่วงเวลานั้นไม่ได้. . .เหมือนผม
“ทราบครับ” ไอ้คีนตอบย่างหนักแน่นเหมือนเดิม
“แล้วแบบนี้แม่จะกล้าไว้ใจคีนให้ดูแลน้องได้หรอลูก ตอนนั้นหัวใจแม่เหมือนจะแตกสลาย แล้วแม่จะแน่ใจได้ไงว่าคีนจะไม่ทำน้องต้องเป็นแบบนั้น. . .”
“ผมจะไม่สัญญากับคุณลุงคุณป้านะครับว่าผมกับน้องจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ ถึงวันนั้นอาจจะเป็นน้องเองที่อยากไปจากผม แต่ผมขอสัญญา. . .สัญญาจากลูกผู้ชายคนหนึ่งว่าตราบที่เราสองคนยังอยู่ด้วยกัน ผมจะรักและดูแลน้องให้ดีที่สุด จะไม่ให้น้องต้องเสียใจซ้ำเด็ดขาดครับ” มันพูดโดยที่มองสบตากับพ่อแม่ผมตลอดเวลา
“แค่คำพูดใครๆ ก็พูดได้” คราวนี้เป็นพ่อบ้างที่ออกปาก
“ครับ. . .คำพูดใครก็พูดได้ แต่การกระทำโกหกกันไม่ได้แน่นอนครับ วันนี้ผมถึงมาขอโอกาสจากคุณลุงคุณป้าให้ได้คบ ได้ดูแลน้อง ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเองเถอะนะครับ” “คีนรักน้องจริงๆ ใช่มั้ยลูก” แม่ถาม
“ครับ. . .รักครับ”“แล้วฟ่าล่ะลูก รักพี่เขารึเปล่า. . .” ผมสะดุ้งเมื่อคราวนี้แม่หันมาถามผมแทน ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแม่ ก่อนจะหันมามองไอ้คีนซึ่งมันมองผมอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นแววตาของมัน เห็นถึงความจริงใจของมัน เห็นถึงความกล้าที่มันเข้ามาหาพ่อแม่ผม มันทำเพื่อผมขนาดนี้ ทำไมผมจะทำให้มันบ้างไม่ได้ ผมหันไปมองพ่อกับแม่แล้วบอกท่านอย่างจริงจัง
“รักครับ”“เฮ้อ. . .” ผมเงยหน้าขึ้นมองพ่อกับแม่งงๆ เมื่ออยู่ๆ ท่านทั้งสองก็ถอนหายใจออกมา ไอ้คีนเองก็เหมือนกัน มันคงจะงง เพราะเมื่อกี้พ่อกับแม่ยังทำท่ากดดันกันอยู่เลย
“อ้าว ดูสิคะคุณ ทำหน้างงกันใหญ่ ฟีฟ่า. . .ลูกเห็นพ่อกับแม่เป็นยักษ์เป็นมารรึไง ในเมื่อลูกสองคนรักกันพ่อกับแม่จะไปห้ามอะไรล่ะ ลูกรักใคร แม่ก็รักด้วยไงจ๊ะ” แม่พูดกับผมยิ้มๆ พ่อเองก็ยิ้มมุมปากน้อยๆ ลูบหัวผมเบาๆ
“ลูกมีความสุข พ่อกับแม่ก็มีความสุข ส่วนเรา. . .” พ่อหันไปหาไอ้คีน ตบไหล่มันปุๆ “ถ้าน้องร้องไห้เสียใจกลับมาบ้านเมื่อไหร่ จะหาว่าพ่อใจร้ายไม่ได้นะ”
“ครับ. . .ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากครับ” มันพูดพร้อมๆ กับยกมือไหว้พ่อแม่ผม
“ป่านนี้แล้วยังจะคุณลุงคุณป้าอีก เอ้อ เจ้าเด็กคนนี้นี่ เรียกพ่อกับแม่เหมือนน้องนั่นแหละ” พ่อผมพูดเหมือนดุๆ ทำเอาไอ้คีนรับคำแทบไม่ทัน ส่วนผมกับแม่ก็หัวเราะออกมาขำๆ
เฮ้อ. . .ผมดีใจจัง
ดีใจที่พ่อแม่ให้โอกาส. . .
เพราะผมไม่รู้ว่าถ้าพ่อแม่ห้ามผมคบกับมันขึ้นมา
แล้วผมจะอยู่ได้ยังไง“ฟ่า. . .คีนเขาดูฝรั๊งฝรั่ง เขาจะกินข้าวที่เราทำได้รึเปล่าเนี่ยลูก” แม่ผมพูดอย่างกังวลๆ ขณะที่ผมกำลังหั่นพริกชี้ฟ้าให้เป็นเส้นๆ ใช่แล้วล่ะครับ. . .ตอนนี้ผมอยู่ในครัว กำลังช่วยแม่ทำอาหารเย็นต้อนรับลูก(เขย) ส่วนมันก็นั่งเล่นหมากรุกกับพ่ออยู่หน้าบ้านนู่นแน่ะ ตลอดเวลาทำอาหารแม่ก็ถามตลอดว่านู่นคีนจะกินได้มั้ย นี่คีนจะกินได้รึเปล่า ผมก็ไม่แปลกใจกับคำถามของแม่ เพราะเผื่อทุกคนจะลืมว่าไอ้คีนนี่เป็นลูกครึ่งที่ดูฝรั่งมาก คือผิวขาวเว่อร์ๆ จมูกโด่งเป็นสันเขื่อน แล้วไฮไลท์อยู่นี่ ตาพี่แกไงครับ สีฟ้าสะท้อนแสงเชียว แม่จะกังวลก็ไม่แปลก
“กินได้ครับแม่ ไอ้คีนมันชอบอาหารไทย” ยิ่งเผ็ดๆ ยิ่งชอบ ถึงหน้าตาจะไม่ให้ก็เถอะ ตอนผมเห็นมันตักพริกใส่ก๋วยเตี๋ยวตอนแรกนะ ผมยังอึ้งเลย (แต่ประทานโทษครับ ผมกินเผ็ดเก่งกว่ามันอีก ลิ้นฝรั่งยังไงมันก็คือลิ้นฝรั่งนั่นแหละว้า จะมาสู้ลิ้นคนไทยอย่างเราได้ไง//ยักคิ้ว)
เพี๊ยะ!!
“โอ๊ยแม่ ตีฟ่าทำไมคร้าบบบบ” ผมโอดครวญ ก็แม่น่ะสิ อยู่ๆ ก็ตีไหล่ผมดังเพี๊ยะเลย
“ก็มันน่าตีมั้ยล่ะ พี่เขาอายุมากกว่าเราตั้งสองสามปี ไม่เรียกพี่แล้วยังมีอ้งมีไอ้อีก ตีอีกสักทีดีมั้ยเนี่ย” ไม่พูดเปล่า แม่ยังง้างมือทำท่าจะตีผมอีก ผมนี่รีบเบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทัน
“โหยแม่อ่ะ!!” ผมโอด
“ไม่เอานะลูก ถึงจะเป็นแฟนกันแต่พี่เขาก็อายุมากกว่าเรา ต้องเรียกพี่เข้าใจมั้ย” แม่พูดหน้าตาจริงจัง
“ครับๆ” ผมรับปาก แม่ยิ้มเมื่อเมื่อเห็นว่าผมยอม หลังจากนั้นแม่ก็ใช้ให้ผมล้างผัก หั่นผัก ตำน้ำพริกนู่นนี่นั่น เราสองคนช่วยกันทำอาหารได้ไม่นานก็เสร็จ แม่บอกให้ผมไปเรียกพ่อกับไอ้คีนที่ยังนั่งเล่นหมากรุกกันอย่างออกรสให้เข้ามากินข้าว ส่วนแม่จะตั้งโต๊ะรอ
“พ่อ. . .พี่. . .เอ่อ. . .พี่คีน แม่ให้เรียกไปกินข้าวครับ” แม่ง!! ถ้าไม่ได้ทำความผิดมานี่ เวลาเรียกมันว่าพี่คีนแล้วมันจั้กจี้พิกล มันเองก็เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ เหมือนงงๆ ที่จู่ๆ ผมก็เรียกมันแบบนั้น สักพักมันก็หัวเราะออกมาเบาๆ “แม่บอกให้เรียกหรอก!!” ผมรีบแก้ตัวเมื่อพ่อเข้าไปในบ้านแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ผมกับมันสองคน
“หึหึ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” มันพูด เหมือนจะดี แต่หน้าตากวนตีนโคตรรรรรร แถมยังหัวเราะไม่หยุดอีก
“ก็แล้วมึงหัวเราะทำไมล่ะ!!” ผมแหว
“หึหึ น่ารัก” มันพูดเสร็จก็เดินเข้าบ้านไปเลย ทิ้งให้ผม. . .
แปร๊ดดดดดดดดแม่งเอ๊ย ทำให้กูเขินแล้วไม่รับผิดชอบได้ไง!! กลับมารับผิดชอบกูเดี๋ยวนี้นะ!!.
.
.
.
.
คิคิ ตอนนี้คนเขียนไม่สบายค่ะ เป็นหวัดแล้วก็ไอ นี่ก็ยังไม่หาย แต่ก็ต่อแบบแปลกๆ ถ้าอ่านแล้วแปลกก็ เดี๋ยวตอนหน้าเราไปเที่ยวสงขลากันนะคะ หลังจากที่ให้พี่คีนมาเซอเวย์เมื่อคราวก่อน