ตอนที่ 24
(Part 1)
ผมจะทำยังไงดี. . .ไอ้เราก็นึกว่าคุณแฟนสุดที่รักอารมณ์ดีแล้วถึงยอมพูดด้วย แถมจะกลับไปทำกับข้าวให้กินอีกต่างหาก แต่ผมมารู้ว่าตัวเองคิดผิดถนัดก็เมื่อขึ้นมาซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วเนี่ยแหละ ก็พี่แกเล่นซิ่งจนผมต้องกอดเอวมันแน่นด้วยความหวาดเสียว ไหนจะอาการขับรถฉวัดเฉวียนปาดนู่นปาดนี่ เล่นเอาผมแทบอ้วกแตก กลัวก็กลัว เวียนหัวด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็กลับมาถึงคอนโดได้อย่างปลอดภัย ผมลงจากรถได้นี่แทบทรุด ขาสั่นผับๆ มันก็ไม่ได้สนใจอะไรเดินฉิวขึ้นคอนโดไปเลย ผมก็ได้แต่คอตกเดินตามไปเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ เป็นคนที่โกรธแล้วน่ากลัวชิบ
เรื่องวันนี้ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ควรจะโทษความบังเอิญดีมั้ย เพราะทุกครั้งที่ไอ้คีนอยู่หรือโทรหาผมไอ้กรีซมันต้องอยู่ด้วยตลอด เริ่มจากตอนเช้าที่ผมไม่รู้ว่าไอ้คีนมันเห็นมั้ยเพราะตอนนั้นมันออกรถไปแล้ว ไอ้กรีซมันมาหาพวกผมที่โต๊ะเพื่อถามหาอาจารย์ที่สอนฟิสิกส์ให้เซคมัน เพราะมันอยากปรึกษาเรื่องรายงานที่มีตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทอม มันเดินมาแป็บเดียว(ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ)ก็ออกไปหาอาจารย์ จากนั้นก็ตอนเที่ยงไอ้ออมกับไอ้คิมมันแยกออกไปหาอาจารย์เพื่อคุยเรื่องค่ายอาสาอะไรสักอย่างที่มันสองคนจะไปเลยให้ผมมาจองโต๊ะที่โรงอาหารคณะก่อน แล้วทีนี้บังเอิญว่าผมเห็นไอ้กรีซมันยืนถือจานข้าวหมุนไปหมุนมาอยู่คนเดียว ผมก็เห็นว่าเป็นน้องที่รู้จัก เรียนก็คณะเดียวกันเลยชวนให้มาร่วมโต๊ะด้วย แต่มันดันพูดจาให้ผมโดนไอ้คีนโกรธ ตอนนั้นพอวางสายไปผมก็ว่ามันไปไม่น้อย มันก็ทำหน้าหงอยๆ บอกขอโทษ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะไอ้ออมกับไอ้คิมมาพอดี ช็อตสุดท้ายก็ตอนเย็นมันมาที่โต๊ะผมเพราะว่ามาล่าลายเซ็นรุ่นพี่ตามธรรมเนียมปกติ ยังไม่ทันที่ผมจะเซ็นต์ให้ไอ้คีนก็มาพอดี เป็นเรื่องเลยทีนี้ ทุกอย่างมันช่างเหมาะเจาะให้ผมโดนโกรธซะจริง
แต่ผมก็ไม่คิดเลยว่ามันจะโกรธขนาดนี้. . .“ไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวกูทำกับข้าวรอ” พอเข้ามาในห้องมันก็ถอดเสื้อใส่กางเกงนักศึกษาตัวเดียวเข้าไปในครัวเพื่อทำข้าวเย็น เสียงที่มันพูดกับผมกลับมาราบเรียบเหมือนเดิม ตอนพูดก็ไม่หันมามองหน้าผมสักนิด อ่า. . .รู้สึกขอบตามันร้อนๆ ชะมัด โกรธจนไม่อยากจะมองหน้ากันเลยหรอ. . .
มันเดินไปล้างมือที่ซิงค์ล้างจาน ผมเลยเดินไปกอดมันจากด้านหลัง ประสานมือไว้ที่หน้าท้องแกร่ง หน้าผากซบลงที่แผ่นหลัง แต่พระเจ้าช่วย!! มันชะงักไปแค่แป็บเดียวแถมยังแกะมือผมออกและเดินไปเปิดตู้เย็น ไม่สนใจใยดีอาการง้อของผมแม้แต่น้อย
เมื่อเป็นแบบนั้นผมก็ไม่กล้าพูดอะไรได้แต่เม้มปากแน่นดวงตาสั่นระริกยืนมองมันอยู่อย่างนั้น ยืนอยู่สักพักเมื่อไม่มีปฏิกิริยาอะไรจากคนโกรธ ผมก็เลยเดินเข้าไปอาบน้ำอย่างที่มันบอก รู้สึกไม่มีแรงซะดื้อๆ ไอ้คีนที่ปกติทั้งใจดี แพ้ลูกอ้อนสารพัดของผม แต่พอมันเมินผมแบบนี้ ใจมันแกว่งๆ วูบๆ เหมือนใจหายยังไงไม่รู้
ผมอาบน้ำจนเสร็จแต่งตัวในแบบที่มันชอบเสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้นเพื่อเอาใจเต็มที่ ออกมาที่ห้องครัวก็เห็นเหมือนมันกำลังผัดอะไรสักอย่างในกระทะ ผมรู้ว่ามันรู้สึกว่าผมออกมาแล้ว แต่มันไม่หันมาสนใจเลยสักนิด
ขอพูดประโยคเดิมอีกครั้ง
ผมจะทำยังไงดี. . .พอไอ้คีนผัดในสิ่งที่ผมเพิ่งจะเห็นว่ามันคือผัดผักเสร็จ ผมก็รู้ว่ามันคืออาหารอย่างสุดท้ายพอดี เพราะบนโต๊ะมีทั้งแกงจืดเต้าหู้ ปลาทับทิมทอด ปลาหมึกยัดไส้ และอย่างสุดท้ายที่มันเพิ่งวางบนโต๊ะ. . .ผัดผัก เราสองคนกินข้าวเย็นกันไม่เยอะ ของบนโต๊ะนี่บางทีอาจจะเหลือให้อุ่นกินถึงพรุ่งนี้เช้าด้วยซ้ำ
เราสองคนนั่งกินข้าวกันเงียบๆ มันไม่พูด ผมเองก็ไม่กล้าพูด บรรยากาศมันอึดอัด จนผมรู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนจะอ้วกออกมา สุดท้ายเลยรวบช้อน ดื่มน้ำทั้งๆ ที่กินข้าวไปได้แค่ไม่กี่คำ ไอ้คีนก็มองนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา (ซึ่งถ้าเป็นปกติมันจะบอกให้ผมกินข้าวให้หมดจานก่อน) ผมเก็บจานของตัวเองไปล้างเรียบร้อย เดินเข้ามาในห้องนอน นั่งลงกอดหมอนพิงหัวเตียง ไม่รู้ว่ามันมองตามมารึเปล่า ผมไม่กล้าหันไปมอง จากใจเลยนะผมไม่ได้โกรธอะไรมันหรอก เพียงแต่ผมไม่อยากอยู่ในที่ที่มีบรรยากาศแบบนั้น ผมไม่ชอบเลยจริงๆ มันเงียบ มันอึดอัด บรรยากาศมันชวนให้อยากร้องไห้ตะโกนระบายความอึดอัดให้รู้แล้วรู้รอด
อยากจะบอก อยากจะอธิบายให้เข้าใจว่ากับไอ้กรีซหรือคนไหนๆ นอกจากมันผมก็ไม่รู้สึกอะไรด้วยทั้งนั้น ไม่หวั่นไหวให้มันต้องไหวหวั่นแม้แต่นิด สักนิดเดียวที่ผมจะชายตาแลคนอื่นก็ไม่มี
ผมเป็นคนที่มั่นคงกับคนรักมากพอ ถึงจะไม่เคยบอกรัก แต่ระยะเวลาที่เป็นแฟนกันมากว่าสามเดือน รู้จักกันมาห้าเดือน มันก็มากพอที่ผมจะรักมันจนไม่เหลือสายตาไปมองใครอีก ผมรู้ว่ามันไว้ใจผมแต่ที่มันโกรธก็เพราะว่ามันหึง มันไม่อยากให้ผมเข้าใกล้คนที่คิดอะไรกับผม นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่โกรธมัน ผมเกลียดคนประเภทไม่เชื่อใจคนที่ตัวเองเรียกว่าแฟนที่สุด และมันเชื่อใจผมแค่มันห้ามอารมณ์หึงของตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้น ผมเข้าใจดี. . .
แกร็ก
เสียงเปิดประตูห้องนอนปลุกให้ผมหลุดออกจากความคิด ผมมองตามทุกย่างก้าวของมัน ไอ้คีนถอดกางเกงออก จนไม่เหลืออะไรห่อหุ้มร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ได้มีอาการเขินอายที่ต้องเห็นอะไรต่อมิอะไรของมัน เรียกว่าชินก็คงไม่แปลก เพราะมันทำแบบนี้มาตลอด คงจะชินกับวัฒนธรรมฝรั่งของมัน มันคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ อ่า. . .จากที่แค่ขอบตาร้อนๆ ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีน้ำมาปริ่มๆ ขอบตาแล้วว่ะ ผมเงยหน้าขึ้นกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา พยายามอยู่นิ่งๆ ใจเย็นๆ ทั้งๆ ที่ใจอยากเข้าไปกระชากมันแล้วเขย่าๆ บอกว่าอย่าเมินกันได้มั้ย!! กูจะร้องไห้แล้วนะ!! ก็ได้แค่คิดนั่นแหละ เพราะมันเข้าไปในห้องน้ำแล้ว
เอาวะ!! รอมันออกมาก่อน จะเคลียร์ให้เรียบร้อย ข้องใจอะไรก็จะอธิบายให้กระจ่างไปเลย!!
แต่รอแล้วรอเล่า มันก็ยังไม่ออกมา ผมนั่งรอมันออกมาจากห้องน้ำจนไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับจนน้ำตาเหือดแห้งไปตอนไหน. . .
หลับทั้งๆ ที่ยังนั่งพิงหัวเตียงอยู่นั่นแหละ. . .
“อือออ. . .” รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนตัวเองถูกอุ้ม ปรือตาดูเห็นไอ้คีนนั่นแหละที่อุ้มผมให้นอนลงบนเตียงดีๆ พอมันวางผมลงแล้วทำท่าจะผละออก แต่ผมไม่ยอมให้มันทำอย่างนั้น ผมรีบโอบรอบคอมันไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้จนมันเสียหลักคร่อมทับผมไว้โดยไม่ทันตั้งตัว หน้ามันกับหน้าผมห่างกันแค่คืบ แต่นอกจากหน้าเหวอเพราะความตกใจตอนแรก หน้ามันตอนนี้ก็ไม่ได้แสดงออกว่ามันกำลังอยู่ไหนสภาวะอารมณ์ไหน มันนิ่งจนผมใจเสีย ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
ผมเม้มปากแน่นมองตามันอยู่อย่างนั้น นานแค่ไหนไม่รู้ จนมันทำท่าจะผละออกจากผมอีกครั้งนั่นแหละ ผมถึงผวาเฮือกคว้าคอมันซุกหน้าเข้ากับอกแล้วปล่อยโฮออกมา ไม่ไหวแล้วกับความเงียบน่าอึดอัด ผมทนมันไม่ไหวแล้ว. . .
“ฮึก. . .ทำไมไม่พูดด้วยล่ะ ฮือออ เงียบทำไม” ผมร้องไห้ถามมันออกมา มันนิ่ง ไม่ได้กอดปลอบผมเหมือนปกติที่เวลาผมร้องไห้ “พูดอะไรหน่อยสิ อย่าเงียบแบบนี้ ไม่ชอบ ฮึกก ไม่ชอบเลย” ผมยังกอดซุกมันอยู่แบบนั้น พูดนั่นพูดนี่มั่วไปหมด “ขอโทษ. . .ฮึกกก กับไอ้กรีซมันไม่ได้มีอะไร วันนี้มันก็แค่บังเอิญ เชื่อนะ. . .เชื่อฟ่านะ. . .เชื่อมั้ย” ผมอธิบายไปเสียงอู้อี้ ไม่รู้ว่ามันรู้เรื่องที่ผมพยายามจะบอกหรือเปล่า แต่ผมก็ยังพูดต่อจนได้ยินเสียงถอนหายใจยาวจากมันแถมด้วยแกะมือผมออกจากคอให้ใจเสียกว่าเดิม “ฮือออ. . .” ผมก็ยิ่งแหกปากกว่าเดิม มันไม่สนใจผมแล้วใช่มั้ยแบบนี้ มันไม่รักผมแล้วใช่มั้ย แม้มันจะไม่เคยบอกรักแต่ผมก็คิดว่ามันรักผม แต่พอเป็นแบบนี้. . .
“เฮ้อ. . .เงียบก่อน ชู่ว อย่าร้อง” มันนั่งลงบนเตียงรวบผมขึ้นนั่งบนตัก ลูบหน้าลูบหลังปลอบ “นิ่งก่อน โอเคมั้ย” ผมพยักหน้ารับแต่มันยังหยุดร้องไห้ไม่ได้อยู่ดี จนมันใช้สองมือประกบแก้มผมไว้ ค่อยๆ จูบซับน้ำตาที่แก้มผมแผ่วเบาทั้งสองข้าง ความอ่อนโยนที่ได้รับค่อยๆ เยียวยาให้ผมสงบ คลายสะอื้นลงจนเกือบเป็นปกติ มันประคองหน้าผมไว้ให้สบตากัน ตอนนี้ในดวงตาสีฟ้าของมันไม่ได้นิ่งเหมือนเมื่อกี้ มันกลับมาอ่อนโยน ใจดีเหมือนเดิมแล้ว “ไม่ชอบใช่มั้ยที่กูเงียบใส่เมื่อกี้” มันถาม ผมพยักหน้า น้ำตาไหลที่เอ่ออยู่ในกระบอกตาหยดลงบนท่อนแขนของมัน
“ไม่ชอบ. . .ไม่ชอบเลย ถ้าโกรธ จะด่าจะว่าก็ได้ อย่าเงียบเลยนะ. . .” ผมบอกเสียงสั่น มือที่โอบรอบคอมันอยู่กระชับแน่นกว่าเดิม มันยิ้มให้ จูบแก้มผมทั้งสองข้าง
“เวลาที่กูทำสิ่งที่มึงไม่ชอบ มึงรู้สึกไม่ดีใช่มั้ย เหมือนกัน. . .เวลาที่มึงทำในสิ่งที่กูไม่ชอบ. . .กูก็รู้สึกไม่ดี. . .เข้าใจรึเปล่า” มันพูดเบาๆ ชิดริมฝีปากผม ผมพยักหน้าให้ เข้าใจแล้ว. . .เข้าใจความรู้สึกมันแล้ว
“กูไม่ได้คิดอะไรกับไอ้กรีซหรือใครทั้งนั้น มึงต้องเชื่อกูนะ. . .” พอเห็นมันเงียบผมก็เล่าเรื่องที่มันเห็นไอ้กรีซวันนี้ให้มันฟัง มันก็พยักหน้ารับบ้าง ปากจมูกก็คลอเคลียอยู่กับหูกับปากผมไม่ห่าง เอาเถอะ ถึงจะรุ่มร่ามก็ยังดีกว่ามันเมินไม่สนใจกันเหมือนเมื่อกี้ “กูเห็นมันเป็นแค่น้องร่วมคณะร่วมสถาบัน สักนิดนึงก็ไม่คิดจะหวั่นไหวไปกับมันหรือกับใครทั้งนั้น. . .เชื่อกูนะ” เชื่อกูเถอะ. . .กูขอร้อง
พอผมพูดจบมันไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมาแต่ประกบปากจูบเข้ามาทันที ผมหลับตาเผยอปากรับลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปากตัวเองอย่างยินยอม ไอ้คีนค่อยๆ เลาะเล็มช่วงชิงลมหายใจผมช้าๆ ไม่ได้เร่าร้อนแต่หอมหวานคล้ายกับจะปลอบใจที่ทำให้ผมขวัญเสียจนร้องไห้ออกมา ผมก็เต็มใจตอบรับสัมผัสของมัน เต็มใจให้มันปลอบได้เต็มที่ ตอบกลับไปบ้างตามโอกาส แต่ความช่ำชองของมันมีมากกว่า ถึงผมจะตอบกลับได้แต่ถ้าหวังจะเป็นฝ่ายนำเกมส์คงยาก มันค่อยๆ ผลักผมลงนอนราบไปกับเตียง มือร้อนๆ เริ่มปลดกระดุมเสื้อนอนผมทีละเม็ด. . .ทีละเม็ด. . .
Rrrrrrrr Rrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะตอนที่กำลังปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายพอดี เสียงเรียกเข้านี้ไม่ใช่ของผม มันถอนหายใจซุกหน้าลงที่ซอกคอผมอย่างระงับอารมณ์ที่กำลังประทุ ฝ่ายนู้นยังไม่วางจนสายตัดไป และโทรเข้ามาใหม่อีกครั้ง
“รับโทรศัพท์ก่อนนะ มันดังอีกรอบแล้ว” ผมลูบหัวปลอบมันเบาๆ ผมเองก็ผู้ชาย ถึงจะเป็นเกย์แต่ก็เข้าใจดีว่าอารมณ์ผู้ชายเมื่อมันประทุแล้วก็ยากที่จะดับให้มอด มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้น รวบเสื้อผมให้เข้าที่(แต่ไม่ได้ติดกระดุมคืน)แล้วเดินไปที่โต๊ะอ่านหนังสือตรงที่มันวางโทรศัพท์ไว้ หยิบโทรศัพท์แล้วเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ ที่ผมนั่งอยู่ (ผมลุกขึ้นนั่งแล้วครับ ติดกระดุมเรียบร้อย) กดรับสาย แถมด้วยเปิดลำโพง
“เออ” มันรับสายเสียงเข้ม สงสัยจะหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะ ผมก็เลยลุกขึ้นนั่งตักแม่งเลย อะไรเล่า!! ไม่ได้อ่อยนะ อยากให้มันอารมณ์ดีๆ ต่างหาก
((เหยดดดดด รับสายเสียงโหด กูไปขัดจังหวะอาบาราฮึ่มเมียรึไงคร้าบบบบบ)) ไอ้พี่แม็ค แม่งอย่างกับนกรู้
“เออ” ห่านี่ก็รับหน้าตายอีก
((ไอ้บร้าาาาา พูดอะไรไม่รู้ เขาเขินนะตะเอง)) พี่แม็คทำเสียงดัดจริตเขินอายเหมือนกะเทยควาย
“มีอะไรรีบๆ พูดมา” ไอ้นี่ก็ทำเสียงแบบ กูเซ็งเต็มที่แล้ว
((จะรีบไปต่อหรอจ๊ะ))
“ถ้ามึงยังไม่เข้าเรื่องกูจะวางเดี๋ยวนี้เลย” ไม่พูดเปล่านิ้วมันจ่ออยู่ที่ปุ่มวางสายเรียบร้อยแล้ว
((เฮ้ยๆ!! กูขอโทษคร้าบบบบ ก็แค่จะโทรมาเตือนว่าอย่าลืมนัดของเราคืนนี้นะที่รัก))
“ที่รักพ่อง กูไม่ลืม แต่ไม่ไป” ไอ้คีนพูดเสียงเรียบ แอบได้ยินเสียงฟางดังมาจากฝั่งพี่แม็คด้วย ว่าแต่เพื่อนตัวเองก็อยู่กับเมียเหมือนกัน เชอะ!!
((เฮ้ยๆๆๆๆ ไม่ได้เว้ย ต้องไป มึงก็รู้นี่หว่าว่ากว่าพวกเราจะว่างมานัดดริ้งกันอีกทีก็ไม่รู้แม่งเมื่อไหร่ เพื่อนๆ ก็มากันครบ จะขาดมึงไปสักคนไม่ได้นะเว้ย)) แม่งไอ้พี่แม็คชักแม่น้ำหมดโลกแล้วมั้งน่ะ
“เป็นเด็กติดเพื่อนรึไงมึง”
((เออสิคร้าบบบบ ถ้าขาดมึงไปเดี๋ยวสาวๆ ไม่มองโต๊ะเรา โอ๊ย ฟางงงงง พี่เจ็บคร้าบบบบ พี่ล้อเล่นเองที่รัก)) กร๊ากกกก ไอ้พี่แม็ค จะม่อสาว สงสัยเจอฤทธิ์ฟางเข้าให้ คือผมนี่เจอฟางหลายครั้งแล้วนะ จะเป็นคนค่อนข้างเงียบๆ เรียบร้อยๆ ขี้อายหน่อยๆ แต่เวลาหึงพี่แม็คทีหนึ่ง อื้อหือออออ พี่แม็คนี่หงอเป็นลูกแมวเลย
“หึหึ”
((สาดดด หัวเราะกู ตกลงไปนะเว้ย)) พี่แม็คถามย้ำอีกครั้งหลังจากเสียงฟางเงียบไปแล้ว
“อยากไปรึเปล่า” ไอ้คีนไม่ตอบพี่แม็คแต่หันมาถามผมแทน
“พี่แม็คแล้วฟางไปด้วยกันเปล่า” ผมไม่ตอบมันแต่ถามพี่แม็คก่อน
((ไม่ไปอ่ะ เห็นว่าจะปล่อยพี่ให้ปล่อยผีเต็มที่คืนนึงว่ะ ใช่มั้ยจ๊ะที่รัก ฟอดดดด))
“งั้นกูก็ไม่ไปหรอก มึงไปกับเพื่อนเถอะ” ผมพูดพร้อมหอมแก้มมันไปที นัดครั้งนี้เขานัดกันในกลุ่มเพื่อน ผมไม่อยากไปขัดขวางเวลาที่เพื่อนเขาจะได้อยู่ด้วยกัน คืนนี้ให้เต็มที่ไปคืนหนึ่งละกัน
“แน่นะ” มันถามย้ำ
“คร้าบบบบ อย่าเมามากละกัน”
((โอเคตกลงกันได้แล้วใช่ป่ะ งั้นเชิญพวกมึงต่อเลยแต่ให้ทันสามทุ่มนะเว้ยไอ้. . .ติ๊ด)) พี่แม็คยังพูดไม่จบไอ้คีนก็นิสัยเสียกดวางไปก่อน มันวางโทรศัพท์ไว้ที่หัวเตียง หันมามองผมตากรุ้มกริ่ม
“ต่อมั้ย?”
เหยดดดดด นี่มึงจริงจังมั้ยยยยย กูติดกระดุมเสื้อแล้วนะเว้ย. . .
แต่. . .
. . .ถอดอีกรอบคงไม่เสียเวลาเท่าไหร่มั้ง >/ / / /<.
.
.
.
.
ฝั่งนี้เขาเข้าใจกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคู่กรณีจะเข้าใจด้วย กร๊ากกกกกก
ความจริงต้องลงตั้งแต่เมื่อวานละ แต่ว่าพอกลับมาจากลั้ลลากับเพื่อนสาวแม่ก็มาลากไปต่างจังหวัดทันที แทบไม่ได้พัก ฉวยโน้ตบุ้คไปไม่ทันอีกต่างหาก เลยมาวันนี้แทนจ้า
ปล. สำหรับเรื่อง รักหมดใจนายขี้เหร่ น่าจะได้อัพอีกทีจันทร์หน้าเลย เพราะไฟล์นิยายเรื่องนี้ติดไปกับเพื่อนอ่ะค่ะ กว่าจะได้คคืนก็นู่นแหละ สำหรับพี่คีนกับฟีฟ่าเราก็รีบเร่งปั่นกันต่อไป ส่วนคู่ที่สามที่จะแยกเรื่องออกไปเป็นของตัวเองนั้น ตอนนี้กำลัง สุดชีวิตเลยจ้า รอหน่อยเด้อค่ะ จุ้บๆ
ขอให้สนุกกับการอ่าน
เจอกันตอนหน้าค่า