Only You EP.42 [70%]ผมนั่งรอนิ่งๆ อยู่ที่โซฟามาหลายชั่วโมง ตอนนี้หกโมงเย็น ฟ้ามืดแล้ว แมทก็ยังไม่กลับมา ภายนอกผมนิ่ง แต่ข้างในผมใจจะขาดแล้ว ผมรู้ว่าไม่ควรคิดอะไรในแง่ร้าย แต่ความคิดผมมันไปไกลแล้ว ผมทรมาน ทรมานเหมือนตอนที่อยู่สเปนแล้วรับรู้ว่าแมทถูกบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายถึงในบ้าน ตอนนั้นสติผมเตลิด จะกลับนิวยอร์กอย่างเดียว ผมโยนงานทิ้งแล้วสั่งบอดี้การ์ดจองตั๋วเครื่องบินโดยด่วน ผมไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น ผมทะเลาะกับเซล่ารุนแรง ทะเลาะกับทีมงานอย่างหนัก ผมไม่แคร์ใครจะด่าจะว่ายังไง ผมรู้แค่ว่าผมจะกลับไปหาแมท ทั้งเป็นห่วง ทั้งโกรธที่เขาไม่ระวังตัวเอง
“คุณเรย์มอนด์ครับ เพื่อนของเพื่อนตำรวจของผมพบคุณแมทอยู่ที่เซ็นทรัลปาร์คเมื่อยี่สิบนาทีก่อน” ผมมองหน้าออสตินอย่างมีความหวัง อย่างน้อยผมก็รู้แล้วว่าแมทยังอยู่ที่นิวยอร์กจริงๆ หัวใจผมที่เต้นเนิบนาบพลิกเป็นเต้นตุบตับกับสิ่งที่ได้ยินทันที
“เขาเป็นยังไงบ้าง” ผมถามเสียงแผ่วด้วยท่าทีกระตือรือร้นเท่าที่ร่างกายอันอ่อนล้าและจิตใจอันห่อเหี่ยวจะแสดงออกได้
“ไม่แน่ใจครับ แต่ท่าทางปกติดีเท่าที่เพื่อนผมสังเกตได้” เขาคงไม่โดนทำร้ายร่างกายใช่มั้ย ขอให้เขาปกติจริงๆ อย่างที่เพื่อนออสตินว่าเถอะ
“ให้ผมออกไปตามเขากลับมาเลยมั้ยครับ” ผมกำลังจะตอบรับกับคำถามนั้น แต่ก็นึกอะไรแทรกขึ้นมาได้ก่อนเลยโพล่งถามไปอย่างร้อนใจ
“แมทอยู่กับใคร”
“คนเดียวครับ” ผมรู้สึกโล่งอกที่เขาไม่ได้อยู่กับคนอื่น ทั้งที่จริงผมไม่ควรจะกังวลเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่าผมกลัวเขาออกไปใช้เวลาอยู่กับไอ้อดัมหรือใครสักคน
“ไปรับเขากลับมาเลย” ออสตินพยักหน้านิดหนึ่งแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องโถง ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างหลังจากได้ยินข่าวคราวของแมท ผมอยากไปรับเขาด้วยตัวเอง แต่ก็เผื่อว่าถ้าแมทกลับมาบ้านก่อน เขากับผมจะได้ไม่คลาดกัน
“คุณเรย์มอนด์” เสียงออสตินดังมาจากประตูบ้าน ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทันที พอเลี้ยวออกจากห้องโถงไปทางประตูผมก็ยืนนิ่ง เนื้อตัวเย็นเฉียบแล้วก็กลับมาอุ่นวาบอีกครั้ง แมทยืนนิ่งสงบอยู่ตรงประตูบ้าน ผมน้ำตาไหลด้วยความดีใจและโล่งใจ ก้าวเท้าเข้าไปหาเขาช้าๆ สำรวจร่างกายของเขาว่ามีร่องรอยบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า แต่แมทปกติดี เขาไม่ได้โดนใครทำร้าย เขามองหน้าผมด้วยสายตาเศร้าๆ ใบหน้าเขาติดจะหมองเล็กน้อย ผมทั้งดีใจและโกรธเขาปนกันไปหมดในเวลานี้
“I’m sorry. (ผมขอโทษ)” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว น้ำตาคลอเบ้าตาทั้งสองข้างพร้อมกับก้าวเท้าเดินเข้ามาในบ้านสามสี่ก้าว ผมขบกรามแน่น มองเขาด้วยสายตาดุๆ ครู่หนึ่งก่อนจะยกหลังมือขวาขึ้นป้ายน้ำตาบนแก้มลวกๆ ออสตินผงกหัวให้ผมแล้วเดินเลี่ยงออกไปจากบริเวณนั้นพร้อมเจ้าไมเคิล
“Where have you been? I’m fucking worry about you. (หายไปไหนมา ฉันเป็นห่วงนายมากนะแมท)” ผมกัดฟันพูดเพราะพยายามระงับความโกรธ ยืนจ้องหน้าเขาด้วยสายตาเจ็บปวด แมทก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด
“Do you really want to break up with me, huh? (นายอยากเลิกกับฉันจริงๆ เหรอ)” เขาเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาตระหนกเล็กๆ ทันที เขาส่ายหน้าพร้อมกับน้ำตา แล้วพูดเสียงสั่นเครือ
“No. No, I don’t. (ไม่ ไม่เลยครับ ผมไม่ได้อยากเลิกกับคุณเลย)”
“And why did you run away from me? (แล้วนายหนีฉันทำไม)” เขาเม้มปาก มองผมน้ำตาคลอ สีหน้ารู้สึกผิดปรากฏบนใบหน้าหม่นๆ ของเขา สองมือเขาซุกอยู่ในกระเป๋าข้างเสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีแดงเลือดหมู เขามองผมด้วยสายตาเหนื่อยล้า ผมมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ
“I just need my own space and my own time to think about us. (ผมแค่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวกับเวลาให้ตัวเองได้คิดเรื่องของเรา)” ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด หรืออาจจะเข้าใจ แต่เชื่อเถอะว่าผมเข้าใจไม่หมด
“What about us? (คิดอะไร)” ผมถามทั้งที่คิ้วยังขมวดไม่คลาย แมทยกสองมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มแล้วกระแอมเบาๆ เขาคลี่ยิ้มบางๆ จนผมแอบงงว่าเขายิ้มทำไม
“We are a mental disorder. I think the way you show you love me is the way of psychosis; and I have a problem with my mental, because I love the way you love me. (เราสองคนเป็นโรคจิต ผมว่าการแสดงความรักของคุณมันดูจิตๆ แต่ผมก็ดันจิตตามคุณ เพราะผมชอบมากเลย)” แมทหัวเราะโดยที่มีน้ำตาคลอเบ้าตาด้วย ผมมองเขาอย่างงงๆ แต่ก็แอบยิ้มตามเขาไปด้วยนิดหนึ่ง เพราะอย่างน้อยเขาก็กลับมาแล้วมีรอยยิ้มมากกว่าความเศร้า
“Your love that you give me it’s more than the world can defined it. Many times it make me feel uncomfortable. (ความรักของคุณที่มีให้กับผมมันมากมายเหลือเกินวิคเตอร์ จนหลายครั้งผมคิดว่ามันมากเกินไปจนทำให้ผมอึดอัด)” แมทเหมือนจะยิ้มแต่ริมฝีปากเขาก็บิดเป็นเบะปากน้อยๆ ก่อนที่จะเม้มปาก เขามองผมด้วยสายตารู้สึกผิด คล้ายว่าจะรู้สึกผิดที่พูดออกมาแบบนั้น ผมมองเขาอย่างมึนๆ เอ๋อๆ ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกแบบไหนดี เลยถามออกไปอย่างงงๆ
“You don’t like it? (นายไม่ชอบเหรอ)” เขาส่ายหัวรัวๆ ผมไม่แน่ใจว่านั่นส่ายไม่ชอบหรือไม่ใช่กันแน่ แมทถอนหายใจเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะพูดต่อ
“That’s why I said I am a psychosis because I love the way you do. I have never had boyfriend. I have never been in relationship before. When you act you jealous me, you are passionate about me and care about me more. It was so good for me, even sometimes I act like I am so annoyed, but I actually like it. (ผมถึงได้บอกว่าผมเป็นโรคจิตไง เพราะผมชอบการแสดงความรักของคุณที่มีต่อผมมาก ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบกับใครมาก่อน ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่คุณหึง คุณหวง คุณห่วงใยผม ถึงบางทีผมจะแสดงออกว่าเบื่อ แต่จริงๆ ผมชอบมากเลยนะ)” เขายิ้มขำน้อยๆ สีหน้าที่หม่นหมองของเขาในตอนแรกเริ่มดีขึ้น ผมบิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มขำนิดหนึ่ง
“But at the same time I think it’s too much. It make me feel unfree. So, sometimes I want to stay away from your love, but you’ve never let me free. You took my own space and my own time. And you are going to take my life to your life. It can’t be like that, Victor. (แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็รู้สึกว่ามันเยอะไป มันอัดแน่นจนผมอึดอัด จนบางครั้งอยากห่างจากความรักของคุณบ้าง แต่คุณก็ไม่เคยให้ผมได้พัก คุณเอาพื้นที่ส่วนตัวของผมไป คุณเอาเวลาส่วนตัวของผมไป คุณแทบจะเอาชีวิตของผมไปรวมกับคุณ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้วิคเตอร์)”
“Because you are my life. (เพราะนายคือชีวิตฉันนะแมท)” เขายิ้มอ่อนโยน แล้วก็มองผมด้วยสายตาอ่อนโยนมากเช่นกัน แต่ในแววตาคู่นั้นมีความสงสารปนอยู่ด้วย ผมไม่ชอบให้ใครมองผมด้วยสายตาอย่างนั้น เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตตัวเองด้อยค่าลงไปอีกจากที่ตัวเองรู้สึกอยู่แล้ว แต่เพราะเป็นสายตาจากแมท ผมเลยคิดว่ามันคือด้านดีมากกว่าด้านลบ
“You make me worthy so much, but you also make me feel worthless. (คุณทำให้ผมมีค่ามากจริงๆ วิคเตอร์ แต่บางครั้งคุณก็ทำลายคุณค่าในตัวผมด้วยเหมือนกัน)” หัวใจผมกระตุกวูบเมื่อได้ยินแบบนั้น ถ้าผมมองไม่ผิดเหมือนแมทจะน้อยใจอยู่
“I’m tired of our relationship, Victor. I have been telling myself to break with you because I’m afraid it will be terrible. But—I can’t. Because I love you. (ผมเหนื่อยกับความสัมพันธ์ของเราวิคเตอร์ ผมเคยบอกตัวเองหลายครั้งว่าให้เลิกกับคุณ เพราะผมกลัวว่ามันจะยิ่งแย่ แต่ผมก็ทำไม่ได้ เพราะผมรักคุณมาก)” ผมเดินก้าวเท้าอีกสามก้าวก็ถึงตัวแมท ผมก้มมองหน้าเขาครู่หนึ่งแล้วก้มลงจูบริมฝีปากเขาแผ่วเบา แมทตอบรับจูบนั้นช้าๆ เรายืนบดเบียดริมฝีปากกันครู่หนึ่งแล้วก็ผละออกจากกัน
“We have only love for each other which it is not enough. We should have understanding to each other which it is rare item in our relationship. I don’t want to break up with you. I want to live with you for long time—very longtime. (แต่แค่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอหรอกวิคเตอร์ เราต้องมีความเข้าใจให้กันด้วย ซึ่งเรามีให้กันน้อยมาก ผมไม่อยากเลิกกับคุณเลย ผมอยากจะอยู่กับคุณไปนานๆ อยากให้เรารักกันไปนานๆ)” แมทมองผมด้วยความรัก ผมเองก็มองเขาแบบนั้น เพราะผมก็รู้สึกไม่ต่างจากเขา
“Me, too. (ฉันก็เหมือนกัน)” ผมตอบพลางยกมือซ้ายขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ
“I am sorry for being a self-fish person. Thinking over. Distrustful. Believe other people than you. Sometimes I love myself than I love you. I’m scared of hurting from you and then I’m ignored your love that you give me more. (ผมขอโทษนะครับที่เห็นแก่ตัว ผมคิดมาก ขี้ระแวง เชื่อคนอื่นมากกว่า จนบางครั้งผมก็รักตัวเองมากกว่าคุณ ผมกลัวคุณจะทำผมเจ็บ จนบางทีผมละเลยความรักที่คุณมีให้ผมอย่างมากมายไป)” เขายิ้มเศร้าแล้วยกมือขวาขึ้นมาวางตรงหน้าอกซ้าย บริเวณที่มีรอยสักชื่อเขา
“You love me too much. Sometimes it make me fear. (ความรักที่คุณมีให้ผมมันมากไปจนบางทีทำให้ผมกลัว)” ผมกลืนน้ำลายลงคอ มองดวงตาสุกใสของเขาที่มองผมอย่างหวาดๆ เล็กน้อย
“I’m sorry. I know you heard it often, but I am really sorry. (ฉันขอโทษ มันซ้ำซากฉันรู้ แต่ฉันขอโทษ)”
“Like I said, we are a psychosis. (เหมือนที่ผมบอกแหละ เรามันโรคจิตทั้งคู่)” เขายิ้มบางเบา สีหน้าดีขึ้นมาอีกนิด ผมยิ้มตามเขา เอาสองแขนโอบรอบเอวเขาไว้หลวมๆ
“Then we are the perfect match. (งั้นเราก็เหมาะกันแล้ว)” ผมก้มลงหอมหน้าผากเขาด้วยความชื่นใจ รู้สึกหัวใจสงบลงเมื่อได้เจอหน้าเขา รู้สึกอุ่นใจที่ได้โอบกอดเขาไว้แบบนี้ รู้สึกโล่งใจเมื่อได้รับรู้ว่าเขาปลอดภัยดีไม่มีอันตรายใดๆ
“I know after this we will fight again. We can’t change some temperaments of us. But what I am going to do is I will truly trust you. (ผมรู้ว่าหลังจากนี้เราจะต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกันอีกแน่นอน คุณคงเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ผมก็คงเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมจะทำคือจะเชื่อใจคุณอย่างแท้จริง)” ผมยิ้ม ถึงจะเป็นเพียงคำพูด เป็นการเริ่มต้นที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า แต่นี่แหละคือสิ่งที่ผมต้องการจากแมทที่สุด อย่างน้อยเขาก็คิดจะทำ ผมอยากให้เขาเชื่อใจผมมากกว่าเชื่อคนอื่น
“Could you share this relationship to me? (แบ่งความสัมพันธ์นี้ให้ผมบ้างได้มั้ย)” ผมค่อยๆ หุบยิ้มแล้วขมวดคิ้วงงไม่เข้าใจ แมทก้มหน้าลงนิดหนึ่งพร้อมถอนหายใจก่อนจะเงยหน้ามองผมอีกครั้ง มองผมด้วยสายตาจริงจัง แต่ก็ไม่ได้เคร่งเครียด
“It seems it is
only you who taking care of our relationship. It is
only you who hold the relationship. You want me in the way you want. Why don’t you let me be myself? Let me love you in the way I am. (ผมรู้สึกว่าเป็นคุณคนเดียวที่ดูแลความสัมพันธ์นี้ เป็นคุณคนเดียวที่ถือความสัมพันธ์นี้ไว้ในมือ คุณพยายามทำให้ผมเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ ทำไมไม่ปล่อยให้ผมเป็นตัวของตัวเองแล้วรักคุณในแบบที่คุณเป็นและเป็นตัวผม)” ผมกะพริบตาปริบๆ รู้สึกมึนงงกับคำพูดของเขา หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“I did not try to change you. I love you because you are my Matt, my little-alien. (ฉันไม่ได้พยายามจะเปลี่ยนนายนะ ฉันรักนายเพราะนายเป็นแมท เป็นเอเลี่ยนน้อยของฉัน)” แมทส่ายหัวน้อยๆ พร้อมยิ้มบางๆ แล้วว่าต่อ
“Why don’t we shared? Let it be our relationship. It should be
yours and mine. You and me hold hand of each other and walk together. It should not be only you to hold my hand tightly and walk a head of me. (ทำไมเราไม่แบ่งปันความสัมพันธ์กันละครับ ให้มันเป็นความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคน ก้าวไปพร้อมกัน ไม่ใช่แค่คุณที่จับมือผมไว้ซะแน่นและก้าวนำผม)” เอาตรงๆ ผมไม่ค่อยจะเข้าใจที่เขาพูด คือเข้าใจในบางส่วน เข้าใจในความต้องการของเขาอยู่แหละ แต่ก็ไม่ได้เข้าใจละเอียดทะลุปรุโปร่ง แต่ผมก็ทำท่าว่าตัวเองเก็ทกับสิ่งที่เขาพูด ผมไม่อยากขัด ไม่อยากแทรก ผมกลัวเขาหนีไปอีก
“Is it really bad when you are with me? (มันแย่มากเลยเหรอเวลาอยู่กับฉัน)” เขามองหน้าผมนิ่งๆ ไม่ได้ตอบทันที ผมรู้สึกลุ้นนิดๆ ว่าเขาจะตอบว่าอะไร สายตาของแมทครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบเสียงเอื่อย
“A little bit. But it’s not more than I want to be with you. Where I like to live now is in your hug. But sometimes you hug me tightly. (มันก็มีบ้าง แต่ไม่ได้มากกว่าการที่ผมอยากอยู่ใกล้คุณเลย ที่ๆ ผมชอบที่สุดในตอนนี้คืออ้อมกอดของคุณ แต่บางทีคุณก็กอดผมแน่นเกินไป)” ผมทำหน้ามึน กะพริบตามึนๆ เข้าใจได้ว่าเขาคงหมายถึงตอนที่ผมกอดเขาบนเตียงก่อนที่เขาจะหายไป ที่เขาบอกว่าอึดอัดจนผมต้องคลายอ้อมกอดออก แมทมองผมแล้วยิ้มเพลีย แววตาของเขาแลจะหน่ายใจหน่อยๆ เขายกมือขวาขึ้นมาบีบจมูกผมเบาๆ หนึ่งที
“Numb-giant. (ไอ้ยักษ์หน้ามึน)” ผมยกมือซ้ายมาจับมือขวาของเขาไว้แล้วเอามาหอมทั้งหน้ามือหลังมือ แมทยิ้มละมุน ยกมือขวาขึ้นลูบหัวผมเบาๆ นอกจากแม่และย่าก็มีเขาเท่านั้นแหละที่ทำแบบนี้กับผมได้
“ความรักของฉันที่มีให้นายมันแย่มากเลยเหรอ” แมทเลื่อนมือขวาลงมาลูบแก้มซ้ายผมเบาๆ
“ไม่แย่ครับ แค่บางครั้งมันมากไป แต่ผมก็ดันชอบมากกว่าไม่ชอบ รักผมมากไปดีกว่ารักผมน้อยไปนะ…” เขายิ้มอ่อนโยน ผมยิ้มบางๆ ตามเขา
“…แต่บางทีผมกลัว ผมกลัวว่าความรักมากมายที่คุณมีให้กับผม ถ้าวันนึงมันลดลง ผมคงเสียใจมาก คุณทำให้ผมเคยตัว จนบางทีผมก็เห็นแก่ตัวว่าไม่อยากให้มันลดลง แต่ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“มันอาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ”
“ใช่ แต่มันก็ยาก ยิ่งคบกันนานวัน เราอาจจะลืมอะไรไปจากใจของกันและกัน มันอาจจะมีบางอย่างที่ทำให้เรามองข้ามกันไป” แมทยิ้มเศร้าๆ แววตาเขาดูออกเลยว่ากำลังคิดเยอะ
“นี่ไง คิดมากอีกแล้ว ไม่ไว้ใจฉันอีกแล้วเหรอ” แมทสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วระบายออกช้าๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ
“ผมขอโทษนะครับที่เกิดมาเป็นคนคิดมาก หวาดระแวง จนมันทำร้ายเราสองคน”
“ฉันมีส่วนให้นายเป็นแบบนั้น ฉันรู้” ผมยิ้มละมุนบ้าง แมทคลี่ยิ้ม เขาพยักหน้าน้อยๆ เป็นการตอบรับว่าที่ผมพูดนั้นจริง ผมหัวเราะหน่อยๆ
“เราลองรักกันแบบ น้อยๆ แต่นานๆ ดูมั้ย”
“ฉันรักแบบมากๆ และนานๆ ก็ได้นะ” แมทยิ้มน่ารักแล้วเอียงคอมองผมตาแป๋ว เห็นแล้วก็รู้สึกกระตุกวูบๆ ที่ท้องน้อย ผมเลยก้มลงไปหอมแกมเขาหนึ่งที
“สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือเราอยู่ด้วยกันนะเอเลี่ยน” แมทยิ้มขำ เหมือนเขาคงนึกอะไรสักอย่างที่มันตลกอยู่ในใจเลยขำออกมา ผมมองเขาอย่างงงวย
“ไม่มีอะไรครับ คุณแค่พูดเหมือนเนื้อเพลงไทยที่ผมเคยฟัง” ผมไม่รู้จักเพลงไทยเพลงนั้นที่เขาว่า แต่มันคงเป็นเพลงดีๆ ไม่งั้นเขาคงไม่ยิ้ม ผมก้มมองหน้าเขาแล้วคิดอะไรบางอย่าง
“นายหายไปไหนมา พอกลับมาก็พูดอะไรเยอะแยะเลย”
“ผมหายไปคิดทบทวนเรื่องของเราอย่างที่บอกไงครับ…” ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง จริงๆ อยากรู้ว่าเขาหายไปอยู่ไหนในนิวยอร์กมาบ้าง แต่ก็ไม่อยากคาดคั้นเขา เดี๋ยวจะเป็นประเด็นให้ทะเลาะกันอีก ฟีลดีๆ กำลังกลับมาได้ที่ ผมพยักหน้าแบบเงอะงะรับๆ คำเขาไปก่อน
“…ตอนในห้องเซ็กส์ทอย ผมช็อกมาก คุณทำเหมือนไม่รักผมเลย คุณทำเหมือนผมเป็นเครื่องระบายความโกรธ” แมทพูดอย่างตัดพ้อ น้ำเสียงน้อยใจ ผมสั่นหัวแรงๆ ทันที
“ฉันขอโทษที่ทำให้นายคิดแบบนั้น แต่อย่าคิดว่าฉันไม่รักนาย ฉันรักนายมาก…” ผมสะดุดกึก คิ้วขมวดฉับ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาสะกิดใจ ผมมองตาแป๋วๆ ของแมทแล้วก็ยักคิ้วหนึ่งที
“…เพราะมันมากไปสินะ” แมทพยักหน้าหนึ่งครั้ง
“อะไรที่มันมากไป บางครั้งมันก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดีอีก…” เขาสวมกอดผม เอาหน้าซุกกับอกผมไว้แล้วถูแก้มบนอกผมเบาๆ คล้ายว่าจะอ้อน ผมโอบสองแขนรอบตัวเขาตอบกลับไปและก้มลงสูดดมกลางกระหม่อมของเขา
“…เราค่อยๆ ปรับไปพร้อมกันนะ มันอาจต้องใช้เวลานาน แต่อย่าให้ผมเหนื่อยกับการที่ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับคุณอยู่ฝ่ายเดียวอีกเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเพลียๆ ท่าทางเขาคงเหนื่อยมากจริงๆ กับการที่ต้องรับฟังคำสั่งต่างๆ มากมายของผม ผมเหมือนจะรู้ตัวนะ แต่แมทตามใจผมจนบางทีผมเองก็ลืมตัวและเคยตัวไปในที่สุด
“ถ้าฉันทำไม่ได้ล่ะ ถ้าฉันยังคงรักนายเยอะๆ แบบนี้อยู่” แมทเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วอมยิ้ม
“ทำให้ได้จริงๆ เถอะ เราเพิ่งคบกันยังไม่ทันครบปีเลย ปีที่สิบคุณอาจจะเบื่อผมก็ได้” ผมบิดริมฝีปากแล้วยักคิ้วสองข้างแวบหนึ่ง
“ช่างอนาคตมันเถอะ…” ผมจ้องตาเขา จ้องมองด้วยความรักเท่าที่ผมจะส่งไปให้เขาได้ ผมรักเขา แม้ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ความรักที่มีให้กับเขานั้นมันเกิดขึ้นในใจผมจริงๆ
“…อย่าหนีฉันไปอีกนะ”
“อย่าทำให้ผมกลัวสิ” ผมยิ้มน้อยๆ แล้วแกล้งเบ้ปากเหมือนว่าไม่อยากรับปากเขา แมทจิ๊ปากแล้วมองผมเซ็งๆ ผมเลยยิ้มกว้างชอบใจ
ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนมาบ้าง แต่ดูท่าทางเขาคงได้ไปคิดอะไรมาเยอะแยะตามที่เขาบอกจริงๆ ผมไม่คิดอะไรเยอะแบบเขาเลยนะ ผมไม่คิดจะคิดด้วย ผมรู้แค่ว่าผมต้องการเขา ให้เขาอยู่ข้างๆ ผม อยู่ในชีวิตผมตลอดไป แต่ผมรู้ว่าคำว่า
ตลอดไปมันไม่ได้มีกันง่ายๆ
และนี่ก็คือความหมายของคำว่า Only You ค่ะ เรื่องนี้เล่าความสัมพันธ์ของผู้ชายสองคน มันเป็นความสัมพันธ์ที่วิคเตอร์ถือไว้คนเดียวไม่แบ่งให้แมท มีแค่วิคเตอร์ที่ดูแลแมท แต่ดูแลแบบในวิธีของเขา คือ ต้องเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์นั่นสิทธิ์นี่ในตัวแมททุกอย่าง แมทห้ามทำแบบนั้น ห้ามทำแบบนี้ที่เขาไม่ชอบ แต่เขาเองอยากทำอะไรก็ทำตามใจฉัน มันเป็นความสัมพันธ์ที่วิคเตอร์ต้องการควบคุมแมทไว้ในความสัมพันธ์ในรูปแบบของตัวเอง
และพาร์ทต่อไป เราก็ลิงก์ไว้ละเนอะว่า Yours and Mine ของเธอและของฉัน เขาทั้งสองจะแชร์ความสัมพันธ์กันละ แต่ไม่รู้ไอ้ยักษืจะแชร์ให้มากน้อยแค่ไหนนะ 55555 ค่อยๆ ปรับกันไปตามที่พี่แกว่า บอกตัวเองสินะวิคเตอร์
จริงๆ ตอนนี้ไม่ได้คิดให้แมทหนีไปไหนไกลอยู่แล้ว เหมือนที่เบนเนดิคท์บอกแหละค่ะว่าวิคเตอร์ต้องให้พื้นที่ส่วนตัวกับแมทบ้าง หลายๆ ครั้งที่ผ่านมา แมทมีเวลาอยู่กับตัวเองก็จริง แต่อย่าลืมว่าแมทอยู่ในอาณาเขตวิคเตอร์อยู่ดี แต่คราวนี้แมทออกไปคนเดียว เหมือนนกที่ได้กางปีกเต็มที่เนอะ พบได้ใช้เวลาคิดหลายสิ่งกับตัวเองเงียบๆ นางก็กลับมา นางรักสามีนางพอๆ กะที่สามีนางรักนางแหละค่าาา
อีกตอนเดียวจะจบละอะ 55555 พาร์ทสองใกล้ดิเอ็นนนนละ พาร์ทสามอย่างที่เคยแจ้งไว้ เบรกสักแปบนะคะ ขอไปโฟกัสที่แม่เรียวกับพี่เขี้ยวก่อน ขอไปปั่นสต็อกบทเรื่องนั้นให้ได้เยอะๆ ก่อนค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังมีคนรออ่านอยู่อะน้อออ ยังไงก็ขออัพให้คนที่ติดตามอยู่ได้อ่านเนาะะ ขอเขียนเรื่องนั้นเก็บไว้เยอะๆ ก่อนนะคะ จะได้อัพบ่อยๆ ไม่หายไปเป็นเดือนๆ แบบนี้อีก คือฝืนสมองตัวเองมากจริงๆ ค่ะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมๆ กัน เลยจะขอโฟกัสแม่เรียวสักพัก พอได้ตอนเยอะๆ แล้วแล้วจะกลับมาเขียนเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่หนีหายค่ะ เพราะพาร์ทหน้าก็ไฟนอลแล้ว เรื่องราวของยักษ์กับเอเลี่ยนจะสะดุดนานมิด้ายยย