ตอนพิเศษครบรอบ 2 ปี [75%]หน้าไอ้ยักษ์ลอยไปลอยมา และผมก็นึกภาพว่าระหว่างสภาพผมกับศพที่ตายครบเจ็ดวัน อันไหนจะเละกว่ากันหากไอ้ยักษ์รู้ว่าผมออกมาแรดอย่างที่เขาด่า
“โว้วว! มะ… ไม่เป็นไร ผมอยู่ข้างล่างก็ได้” ผมพยายามใช้สติอันพร่าเบลอฝืนตัวเองไว้ไม่ให้หนุ่มนักเต้นลากผมขึ้นไปบนเวทีได้ มีเสียงกรี๊ดและเสียงอังกอร์สนับสนุนให้ผมขึ้นไปบนเวทีเต็มที่
“มาเถอะน่าหนุ่มน้อย ผมอยากสนุกกับคุณนะ” รอยยิ้มนั้นช่างดูมีเล่ห์กลให้ดลใจ แล้วก็พูดปกติก็ได้พ่อแพททริก ไม่ต้องเบียดเป้าเข้าหาเรามาก แค่หุ่นของนายก็ทำเอาเรากลืนน้ำลายแล้ว
ไม๊! หุ่นไอ้ยักษ์แซ่บกว่า แม้จะไม่หนาน่าดูดดมเท่าพ่อคนนี้ก็เถอะ
หูย แต่หัวนมใหญ่น่าดูดกว่าของไอ้ยักษ์อีกอะ
“It’s fine. I can stand here—whoah! (ไม่เป็นไรครับ ผมยืนตรงนี้ก็ได้ เฮ้ย!)” เขาคงเห็นว่าผมพูดมากเกินไป เลยก้มตัวลงอุ้มตัวผมไว้ในอ้อมแขน ด้วยความกลัวตกผมเลยรีบยกแขนขวาคล้องคอเขาไว้ พอได้เสียดสีเนื้อของเขา ร่างกายผมก็วูบวาบ รู้สึกร้อนรุมๆ แถวหูกับลำคอ ผมกลืนน้ำลายลงคอ มองซ้ายมองขวาอย่างตื่นตระหนกท่ามกลางเสียงโห่แซว ผมพยายามหันไปมองเอม่อน เขาเอามือป้องปากและส่งเสียงร้องวู้วๆ แข่งกับคนอื่น ท่าทางสนับสนุนผมเต็มที่ ผมหันกลับมามองหน้าพ่อหนุ่มนักเต้นที่ยิ้มกว้าง
“เอ่อ…” ผมอ้าปากหวอ กะพริบตาปริ๊บๆ
“You look like a puppy and I love puppy! (คุณเหมือนลูกหมาเลย และผมก็รักลูกหมาซะด้วย!)” เขาก้มลงพูดให้ผมได้ยินจนปากเขาแทบจะแตะปากหวอๆ ตัวเอง ผมยิ้มแห้งแล้วก็หน้าเหวอเมื่อเขาก้าวเท้าฉับๆ กลับไปทางเวที หูผมอื้ออึงไปด้วยเสียงเพลงและเสียงกรี๊ด
แพทริกปล่อยผมลงบนเก้าอี้สีเงินตัวหนึ่ง ชวนให้นึกถึงเก้าอี้สีเงินโยกของไอ้ยักษ์ในห้องมหาสนุก ผมพยายามคุมสติและบอกตัวเองว่า แค่ขึ้นมาสนุกเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้ พอคิดได้แบบนี้ผมก็เริ่มผ่อนคลายจากอาการเกร็งมากขึ้น หันไปมองแพทริกที่เดินกลับมาพร้อมกับแก้วไวน์ที่ใส่ไวน์แดงไว้ครึ่งแก้ว ผมกลืนน้ำลายลงคอ ไม่ใช่เพราะอยากไวน์นะ แต่เพราะเป้าเขาต่างหาก เป็นผู้ชายที่ตัวสูงกว่าผมสักสิบเซ็นต์เองมั้ง แต่ตัวล่ำหนา และท่าทางแซ่บปรี๊ดจริงๆ
“Sip it before we are going to have fun together, puppy-boy.(ดื่มย้อมใจก่อนสิเจ้าหมาน้อย)” ผมทำท่าจะปฏิเสธ แต่เขาส่งสายตาอ้อน ไม่ใช่แค่แพทริกนะ ทีมนักเต้นเปลือยอีกเก้าคนยืนรุมผมไว้ และพยายามคะยั้นคะยอให้ผมดื่ม และยังมีเสียงเชียร์จากด้านล่างอีก
โอ๊ย รู้สึกเหมือนเป็นเจ๊ที่ชอบเปย์หนุ่มๆ เลย
แพทริกเอาแก้วไวน์มาจ่อที่ปาก ผมแหงนหน้าขึ้นนิดเพื่อรับไวน์เข้าปาก ตอนแรกกะจิบตามที่เขาบอกจริงๆ แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยให้ผมหนี จัดการเทไวน์ในแก้วใส่ปากให้ผมจนเกลี้ยง พอเขาดึงแก้วออกจากปาก ทุกคนก็ส่งเสียงเฮ แล้วดนตรีก็เพิ่มความสนุกและเร้าใจมากขึ้น และแพทริกก็เร้าใจเช่นกัน
เหลือนักเต้นเปลือยกายอยู่บนเวทีกับผมสามคน ซึ่งรวมแพทริกด้วย ที่เหลือไปเอ็นเตอร์เทนลูกค้ากันต่อ ผมนั่งมึนๆ บนเก้าอี้สักแปบ แพทริกก็จับใต้รักแร้ผมทั้งสองข้าง ยกผมขึ้นจนตัวลอยหวือ
“โอ๊ะ โว้ว” ผมอุทานหน้าตาตื่น สองมือจับไหล่หนาของเขาไว้แน่น
“เกี่ยวขาไว้ที่เอวผมสิ” ผมทำตาโตงงๆ แต่ยังไม่ทันได้อธิบายเพิ่ม เขาก็จับผมนอนหงายกลางอากาศ ผมรีบตวัดขาเข้ากับเอวหนาของเขา
“ว้ากกก!” เสียงกรี๊ดพร้อมเสียงผิวปากดังไปทั่ว ตอนนี้ผมอยู่ในท่านอนหงายกลางอากาศ สองขาเกี่ยวเอวพ่อหนุ่มเนื้อแน่น มีสองมือของเขาจับเอวผมไว้แน่นเพื่อกันผมตก และก่อนที่ผมจะหายเบลอกับการเหวี่ยงเมื่อกี้ เขาก็จับผมหมุนไปรอบ
“โอ้วววว” ผมร้องเสียงหลงหน้าเหวอ รู้สึกเสียวหลังหัว ตรงต้นคอวูบๆ เพราะกลัวหัวตัวเองหล่นกระแทก สองมือผมจับข้อมือแพทริกเอาไว้เพื่อเซฟตัวเอง สองขาเกี่ยวเอวหนาแน่นไม่ยอมปล่อย
โชคดีว่าเกาะเอวสามีตัวเองด้วยสองขาบ่อยๆ เลยพอจะชินกับท่านี้บ้าง
“สุดยอดมากเจ้าหมาน้อย!” แพทริกเอ่ยชมหลังจากผมเกาะเอวเขาไว้ไม่หล่นหายไปไหน ผมหอบแฮกเบาๆ แล้วสักพักก็เสียวท้องวาบ เมื่อเขาทิ้งก้นลงบนเก้าอี้อย่างแรงและใช้เท้าหมุนเก้าอี้ให้ผมหันไปด้านหน้าเวที ส่วนเขาหันหลังให้คนดูที่กำลังส่งเสียงโห่ร้องชอบใจ
“ยืนขึ้นนิดนึงสิ” เขาตะโกนบอก ผมทำตามงงๆ กำลังจะยืนเต็มตัวและก้าวถอยหลังออกไป แต่แพทริกจับเอวผมไว้แน่น และพอจังหวะเพลงเปลี่ยนเป็นตนตรีหนัก ดังตึ้บๆ ผมก็ต้องอ้าปากค้าง เอาสองมือยกขึ้นปกป้องและร้องเสียงเพี้ยน เมื่อพ่อหนุ่มหุ่นแน่นกระแทกเป้าเข้าหาผม
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!
“ว้าวววว! วิ้ววว! วู้ฮู้ววว!” ข้างล่างก็เชียร์กันมันส์เลยจ้ะ ส่วนอีข้างบนน่ะเหรอ
“อื้อ! โอ้ว! อู้ว! เอ้อ! มายก็อดดด!!” เก้าอี้เริ่มไถลไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายแพทริกก็หล่นลงจากเก้าอี้ แต่พ่อหนุ่มก็สตรองเหลือเกิน เขาหล่นลงไปบนเวที แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยผมไปไหน จับเอวผมแน่นให้นั่งลงตรงเป้าเขา เด้งสะโพกกระแทกใส่ไม่หยุดดังปักๆๆ จนตัวผมสั่นตามแรงกระแทก
“อ้า! อ้า! อ้า! อ้า!” อันนี้ผมไม่ได้ร้องนะ คนดูข้างล่างมีน้ำใจทำเอ็ฟเฟ็กต์ให้ ส่วนผมนี่หลับตาปี๋สองมือปิดปากแน่น หัวโยกคลอนไปตามแรงกระแทก สักพักแพทริกก็หยุดใช้เป้ากระแทกก้นผม กำลังจะโล่งใจก็โดนเขาพลิกตัวให้นอนหงาย จับขาผมเกี่ยวเอวเขา ผมตาโตทันที อีกนิดคือจะเยกันบนนี้แล้วนะ
“ไม่! พอแล้ว! ไม่เอาแล้ว พอๆ!” ผมใช้สองมือดันอกแน่นหนาของเขา สั่นหัวว่าไม่เอา เพราะท่าทางมันเริ่มจะส่อเข้าไปมากทุกที แต่ด้วยความที่แพทริกคงเป็นนักเต้น นักสนุก เขาเลยทำเพียงยิ้มกว้าง และเลื้อยไปเลื้อยมาบนตัวผม ใช้เป้าถูกับตัวผมไปเรื่อยๆ คราวนี้ผมสัมผัสความตุงแน่นของเขาได้เต็มที่ และพอรับรู้ว่าของเขาแข็งผมเลยรีบผลักเขาออกไปข้างๆ พลิกตัวหนีและคลานลงจากเวทีอย่างรวดเร็วด้วยอาการใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
“Hey! I like you, puppy-boy! (นี่! ฉันชอบนายนะ เจ้าหมาน้อย!)” ผมหันกลับไปมองแพทริกที่ยืนยิ้มกว้าง และมีน้ำใจเด้งเป้าตุงๆ สีแดงของตัวเองให้ผมด้วย ผมยิ้มหน้าตื่น รีบเดินกลับไปหาเอม่อนที่ยืนหัวเราะชอบอกชอบใจ
“เป็นไง สุดเหวี่ยงมั้ย?!” โดนเหวี่ยงจนสุดน่ะสิ เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนมึน ผมกลืนน้ำลายลงคอ มึนๆ กับไวน์นิดหน่อย แต่ไม่ได้มากมาย นึกอยากกลับบ้านแล้ว ผมยกแขนขึ้นดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือกับแสงไฟแว้บๆ ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าๆ แล้ว
“ฉันถ่ายวีดีโอไว้ด้วย เดี๋ยวส่งให้นะ!” เอม่อนยังคงยิ้มเริงร่าอารมณ์ดี ผมยิ้มแบบขอไปที รู้สึกเป็นกังวลว่าวิคเตอร์จะรู้สึกยังไงหากเห็นผมใจแตกแบบนี้ ผมหยิบมือถือขึ้นมากดดูว่ามีสายจากเขา หรือข้อความใดๆ จากเขาหรือเปล่า แต่ทุกอย่างนิ่งเงียบจนผมนึกแปลกใจและขมวดคิ้วงง
“เดี๋ยวฉันมานะ ออกไปโทรศัพท์ก่อน” ผมตะโกนบอกเอเม่อน เขาพยักหน้าและหันกลับไปดูโชว์ต่อ ผมหันไปมองทางเวทีแว้บหนึ่ง แพทริกหายไปจากตรงนั้นแล้ว แต่เพื่อนๆ นักเต้นของเขายังอยู่
ผมเดินออกมาด้านหน้าคลับ ระหว่างนั้นวีดีโอที่แพทริกส่งมาก็อัพโหลดเสร็จในโปรแกรมวอทสแอพพอดี ผมกดเข้าไปดูเพื่อให้มันหายขึ้นแจ้งเตือน กดเข้าไปดูโปรแกรมแชทวอทสแอพของวิคเตอร์ ขึ้นออนไลน์ครั้งล่าสุดคือตอนเกือบหนึ่งทุ่ม ผมย่นคิ้ว กดโทรหาวิคเตอร์ผ่านโปรแกรมวอทสแอพ
สัญญาณตัดไปหนึ่งครั้งเขาก็ยังไม่รับ ผมเลยลองกดโทรอีกรอบแต่เขาก็ยังไม่รับ เลยกดโทรหาเบอร์เขาที่ต่างประเทศที่เขาจะใช้ชั่วคราวเวลาไปถ่ายหนังในแต่ละที่แทน รอสัญญาณอยู่หนึ่งครั้งก็ยังไม่รับ จนผมเริ่มใจคอไม่ดี ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือโกรธอะไรผมหรือเปล่า เพราะเอาจริงๆ นี่เขาก็หายไปนานนะ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไทม์โซนของเราตอนนี้ต่างกัน ผมเลยเข้าไปดูเวลาประเทศที่เขาอยู่ ตอนนี้ที่นั่นน่าจะหกโมงหรือเจ็ดโมงเช้าแล้ว หรือเขาจะยังไม่ตื่น
ผมกดโทรหาเขาอีกรอบ คราวนี้รอสัญญาณได้ประมาณเสียงตู๊ดที่หก ก็มีคนรับสาย แต่ไม่ใช่วิคเตอร์
“สวัสดีค่ะ” ผมยืนนิ่งค้างสักแปบ นึกสงสัยว่าตัวเองโทรผิดหรือเปล่า แต่พอเช็กเบอร์ที่หน้าจอและทวนตัวเลขที่เขาเคยให้ มันก็ถูกต้องแล้ว
“คุณแมท ได้ยินมั้ยคะ” ผมกะพริบตาปริบๆ เธอเรียกชื่อผมแสดงว่าน่าจะเป็นทีมงานหรือคนใกล้ชิด ผมพยายามเค้นความจำว่าเสียงนี้คือเสียงใคร
“เอ่อ ได้ยินครับ ไม่ทราบว่านี้ใครกำลังพูดสายอยู่” ผมถามโดยที่ไม่ได้คิดมากไปในทางอื่น
“สเตฟานี่เองค่ะ” ผมอ้าปากหวอเล็กน้อย ใจกระตุกไปนิดหนึ่งเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังพูดสายกับผมคือทีมพีอาร์คนนั้นที่เธอชอบวิคเตอร์
ไหนไอ้ยักษ์บอกว่าเธอไม่ได้ไปด้วยไง
“แล้ววิคเตอร์อยู่ไหน” ผมถามเสียงเรียบ พยายามไม่โกรธ ไม่ขุ่นเคืองใดๆ
“เขายังไม่ตื่นเลยค่ะ เมื่อคืนมีปาร์ตี้เปิดกอง เขาดื่มหนักไปหน่อย พวกเราเลยพาเขากลับห้อง แต่พอกลับมาห้องเขาก็ชวนพวกเราดื่มต่อ คราวนี้เมาหนักเลย” เธอหัวเราะน้อยๆ แต่ผมไม่หัวเราะด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้คำว่าเรานั่นมีกี่คน เพราะที่ผมสนตอนนี้คือไอ้ยักษ์มันโกหกว่าเธอคนนี้ไม่ได้ไปด้วย
“อ๋อ ครับ ถ้างั้นบอกเขานะครับว่าผมโทรมา และให้เช็กข้อความในวอทสแอพด้วย” ผมกัดฟันกรอดๆ
“ได้ค่ะ ถ้าเขาตื่นแล้ว ฉันจะบอกเขานะคะ” ผมกล่าวขอบคุณ กดวางสายด้วยความหงุดหงิด แทบจะกระแทกหน้าจอโทรศัพท์บุบ ใจร้อนรุมๆ ด้วยความร้อนใจ
หน็อย! ไอ้ยักษ์ ปิดบังกันแบบนี้ หมายความว่ายังไง?!
“ได้!!” ผมสบถคนเดียว บอกตัวเองให้นิ่งและกดเข้าไปในวอทสแอพของเอม่อน กดดาวน์โหลดวีดีโอที่เขาส่งมาให้ก่อนหน้านี้ พอโหลดเสร็จผมก็กดไปในหน้าห้องแชทของวิคเตอร์ กดส่งวีดีโอนั้นไปให้เขา พร้อมกับข้อความว่า
‘It’s really fun to be here! I love it!’
พอส่งไปแล้วผมก็ยิ้มเหี้ยมคนเดียว หึๆ ไอ้ยักษ์ อกแตกตายไปเลย! กินเหล้าด้วยกันจนดึกดื่นงั้นเหรอ แหม๊!! ได้ใช้เวลาด้วยกันสินะ กะว่าห้าวันที่ไป คงจะสำเริงสำราญเลยละสิ
“เฮ้!” ในขณะที่ผมกำลังยืนทำปากขมุบขมิบราวกับท่องมนตร์ก็มีเสียงใครสักคนดังขึ้นด้านหลัง ผมหมุนตัวไปมองก็เจอกับแพทริก พ่อยอดล่ำสันที่ตอนนี้อยู่ในเสื้อกันหนาวมีฮู้ทสีเทาและกางเกงยีนสีดำ
“ฮะ… ฮาย” ผมตอบและยิ้มแกนๆ ก่อนจะรีบก้มหน้าพิมพ์วอทสแอพไปหาออสติน บอกให้เขามารับ
“นายเป็นคนเอเชียใช่มั้ย หน้าตาดูจะใช่นะ” ผมยัดโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋ากางเกงและปั้นยิ้มให้ดีกว่าเก่า
“ใช่ครับ ผมมาจากประเทศไทย” เขาย่นคิ้ว ทำหน้าตาไม่เข้าใจ
“ใต้หวันเหรอ?” มาอีกหนึ่งคนที่คิดว่าประเทศไทยคือใต้หวัน มักจะเป็นแบบนี้บ่อยๆ สำหรับคนต่างชาติที่ไม่เคยได้ยินเรื่องของประเทศไทยมาก่อน
“ไม่ใช่ครับ แต่ก็ใกล้ๆ กัน” ผมเพิ่งสังเกตว่าเขามีรอยสักตรงต้นคอด้านขวาด้วย แพทริกตัดผมสั้นคล้ายทรงทหาร ตัวเขาสูงเลยผมไปไม่มากจริงๆ ด้วย เตี้ยกว่าวิคเตอร์กับออสตินอีก แต่อย่างที่บอกคือ หุ่นเขาแซ่บเน้นๆ แน่นๆ กว่าสองคนนั้นเยอะ (ผมยังไม่เคยเห็นออสตินถอดเสื้อนะ)
“อืม ไว้ฉันจะกูเกิ้ลหาประเทศนั้นแล้วกัน…” เขายิ้มแพรวพราว ไม่แน่ใจว่าติดจากการเป็นนักเต้นเอ็นเตอร์เทนแบบนี้หรือเปล่า
“…ที่ฉันบอกบนเวที ฉันพูดจริงนะ” ผมทำหน้างงแปบหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เขาตะโกนบอกชอบผมพร้อมกับเด้งเป้าให้ ผมยิ้มแหะ แล้วค่อยๆ ชูมือซ้ายที่มีแหวนแต่งงานอยู่บนนิ้วนาง แพทริกเลื่อนสายตามามองแล้วก็เบิกตากว้างขึ้นนิดหนึ่ง
“แต่งงานแล้วเหรอ??!!” เขาถามเสียงตกใจนิดหน่อย
“ยังหรอกครับ หมั้นกันไว้เฉยๆ” รีบแสดงตัวก่อนดีกว่าว่ามีเจ้าของแล้ว บนเวทีเขาทำแบบนั้นเพราะมันคืองาน คือช่วงเวลาโชว์ของเขา แต่นอกงานผมก็ไม่ได้คิดอยากให้เขามาทำแบบนั้นกับผมนะ
แพทริกมองผมด้วยความเสียดายที่ฉายชัดในดวงตาและสีหน้ามาก วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองมีมงกุฎมิกิโมโต้ มงกุฎมิสยูนิเวิร์สที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในบรรดาเวทีนางงามทุกเวที
“แต่ฉันยังคุยกับนายได้…” เขาหรี่ตามองผมพร้อมยิ้มน้อยๆ “…ใช่มั้ย?”
ผมยิ้มตอบและพยักหน้าหงึกๆ แพทริกยิ้มมีเสน่ห์มาก ไม่แปลกใจถ้าเขาจะฮ็อตที่สุดในบรรดาทีมเต้นอย่างที่เอม่อนว่า ไม่รู้ว่าเขามีรสนิยมทางเพศที่ชอบแบบผมอย่างเดียว หรือสามารถเอ็นจอยกับเพศหญิงได้ด้วย เพราะนักเต้นพวกนี้ส่วนมากก็เป็นชายแท้ๆ กันนี่แหละจากที่ผมเคยดูในหนังเรื่องนึงที่เกี่ยวกับนักเต้นชายเปลืองผ้า
“นายดูตื่นๆ เวที เพิ่งเคยมาดูโชว์แบบนี้หรือเปล่า”
“ใช่ครับ เคยดูในหนัง แต่ของจริงตื่นตาตื่นใจกว่าเยอะเลย” ผมหัวเราะแหะๆ
แพทริกยิ้มกว้าง เดินเข้ามาใกล้ผมอีกนิดด้วยท่าทีเป็นมิตร เขาแค่ขยับเข้ามาใกล้ผมเท่านั้น ไม่ได้ทำเกินเลยไปมากกว่านี้ เหมือนเขาเขยิบมามองหน้าผมให้ชัดขึ้นอะไรแบบนั้น
“นายน่ารักดี” ผมอมยิ้มเขินๆ รู้สึกหัวใจพองโตนิดหน่อยที่มีคนชม ไม่บ่อยหรอกนะที่จะมีคนชมผม นึกถึงคำพูดไอ้แชมป์เลย
ผัวมันคงปล่อยน้ำแตกใส่หน้าบ่อย มันเลยเปล่งปลั่งจนตัวผู้มองมันมากขึ้นแหละกูว่า! ไอ้เวร
“ขอบคุณครับ” ด้วยความเคยชินตามนิสัยคนไทย ผมยกมือไหว้ขอบคุณเขา แพทริกทำหน้างงๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้ม
“ทำอะไรเหรอ”
“เป็นธรรมเนียมของบ้านผมน่ะ” เขาพยักหน้า แต่คิดว่าคงไม่เข้าใจหรอก
“ถ่ายรูปกันมั้ย ปกติฉันไม่ได้ให้ถ่ายรูปง่ายๆ นะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น มองเขาแล้วยิ้มขำ แหม่ะ อยากถ่ายรูปกับเราก็บอกกันดีๆ ก็ได้
“ถ่ายก็ได้” ผมรับมุกเขา หยิบมือถือขึ้นมาปลดล็อก แพทริกหยิบไปจากมือผม กดเข้ากล้องเองเสร็จสรรพ เดินเข้ามาแนบชิดกับผมกดถ่าย รูปแรกเขาเอาแขนขวาโอบไหล่ผม รูปสองเขาเอียงหัวซบกับหัวผม รูปสามไปยืนซ้อนหลังและเอาแก้มแนบผมไว้
ผมรู้สึกว่ามากเกินไปเลยดึงหน้าตัวเองออกห่าง เริ่มรู้สึกอึดอัดที่เขาแนบชิดมากไปนิด พอกดรูปสุดท้ายเสร็จ ผมก็ถอยห่างออกจากเขาทันที แพทริกมองหน้าผมแล้วยิ้มบาง
“ไม่หวั่นไว้สักนิดเลยสินะ” ผมกะพริบตาปริบๆ เสมองไปทางอื่นแว้บหนึ่งแล้วก็กลับไปมองเขา ผมยื่นมือไปขอโทรศัพท์คืน กะว่าถึงบ้านแล้วจะลบรูปเขาทิ้ง เพราะเก็บไว้ก็ไม่ได้ทำอะไร
“ส่งรูปให้ฉันหน่อยสิ” ผมทำหน้างง
“ส่งยังไงครับ” เขายิ้ม ก้มลงกดมือถือผมสักแปบแล้วมือถืออีกเครื่องก็ดังขึ้น เขาหยิบของตัวเองขึ้นมากดจิ้มจึ้กๆ สักพัก
“ฉันมีวอทสแอพนายแล้ว นายไม่ต้องเมมฉันไว้ก็ได้ แค่ส่งรูปให้ก็พอ” เขายื่นมือถือคืนให้ ผมรับมาแบบเอ๋อๆ นิดหน่อยกับความรวดเร็วในการจัดการต่างๆ ของเขา ทำให้ผมนึกไปว่า เรื่องอย่างว่าเขาน่าจะเป็นพวกไวไฟ ได้เร็วและเลิกเร็วด้วยหรือเปล่า
มีข้อความวอทสแอพเด้ง แต่ไม่ใช่ของวิคเตอร์หรอก ของแพทริกนั่นแหละ เขาพิมพ์มาว่า ‘เจ้าหมาน้อย’ ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลามีหนวดเคราจางๆ กำลังคลี่ยิ้ม
“เดี๋ยวผมส่งให้เลยแล้วกันครับ” ผมกดส่งรูปให้เขาในวอทสแอพ ระหว่างนั้นหูก็ได้ยินเสียงรถกระทิงดุอันคุ้นเคย ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นรถของวิคเตอร์เข้ามาจอดเทียบท่าตรงริมฟุตบาทหน้าร้าน แพทริกหันไปมองรถคันหรูและหันกลับมามองผม ก่อนที่จะชี้ไปที่รถและสลับกับชี้มาที่ผมเป็นเชิงว่าเขามารับผมหรือเปล่า ผมเลยพยักหน้าแทนคำตอบ
“ผมส่งรูปให้หมดแล้วนะครับ” ผมตอบและก้มลงไปพิมพ์บอกเอม่อนในวอทสแอพว่ากำลังจะกลับแล้ว และถามว่าเขาจะเอายังไงต่อ
“นายชื่ออะไรเหรอลูกหมา”
“แมทครับ”
“หืม แมทเหรอ คล้องจองกับแพทริกดีนะ” หูย รุกแรงรุกดียิ่งกว่าเอิร์ท ในชีวิตผมมีคนมาแอ๊ว มาจีบโต้งๆ แบบนี้แค่สองคนเท่านั้นแหละ นับว่าเป็นบุญดีๆ บุญหนึ่งในชีวิต
เหงาหงอยมายี่สิบสี่ปี พอมีสามี ผู้ชายก็แวะเวียนมาหาตั้งสองคนแน่ะ เอาละ อีแมทพูดได้ละว่าชีวิตนี้ตัวเองก็ไม่ได้ขี้เหร่จนเกินไป
‘นายกลับก่อนเลย ฉันจะอยู่ดูโชว์เด็ดรอบดึก’ เอม่อนพิมพ์ตอบกลับ ผมพิมพ์กลับไปแค่ว่าโอเค เป็นอันรู้เรื่อง ผมหันไปเอ่ยลาแพทริก เดินอ้อมไปขึ้นรถที่ออสตินยังคงจอดนิ่งไว้โดยไม่ได้ออกมาโวยวายอะไร
“ใครเหรอครับ” ออสตินถามตอนที่รถออกตัวจากหน้าคลับ ผมเลื่อนสายตามองกระจกหลังเห็นแพทริกยืนล้วงกระเป่าเสื้อกันหนาวมองตามรถนิ่ง
“นักเต้นในคลับน่ะ” ออสตินเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง
“นี่คุณแมทมาดู ระบำเปลืองผ้างั้นเหรอ ถ้าเจ้านายรู้…” ผมเบ้ปากและชิงตอบทันที
“…เดี๋ยวเขาได้รู้แน่ เพราะผมส่งคลิปเด็ดไปให้เขาดูแล้ว!” ออสตินกะพริบตางงๆ ผมย่นจมูกใส่เขาและหันหน้าหนีไปอีกทาง
หึ! ทำให้ผมจิตตก พะว้าพะวงว่าจะหึงหรือไม่หึงดีนัก งั้นก็รู้สึกไปด้วยกันนี่แหละ
ยังไม่จบบบ ตอมยังติดงานอยู่เลยค่ะ แว้บมาเขียนให้ มีเวลาว่างจากงานก็ดึกมากกก สมองทำงานมาทั้งวันก็จะเบลอๆ เหนื่อยๆ อยากจะเพิ่มความจุในสมองให้ตัวเองมากจริงๆ T__T
จริงๆ พี่ยักษ์อาจจะไม่รู้ แต่น้องแมทจัดการเองด้วยความหึงงึดๆ
อย่างที่บอกค่ะว่ามันคือตอนพิเศษ ถ้าเป็นตอนตามปกติ ออสตินไม่ปล่อยให้แมทอยู่นานขนาดนี้แน่นอน มาตามกลับตั้งแต่ยังไม่ทันซื้อตั๋วแล้วมั้ง -.,-
พี่แพทริกชอบน้องจริงเหรอออ *O* อ่อยน้องนะเนี่ยยย คริๆ
หากมีคนถามว่า แพทริกจะไปโผล่ในพาร์ทสามมั้ย อันนี้ต้องติดตามอย่าได้พลาดค่ะ หุๆ จะมีหรือไม่น้านนน มาลุ้นกันอีกที
เนื้อเรื่องของตอนพิเศษตอนนี้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องหลักของพาร์ทสามนะคะ มีที่เกี่ยวข้องบ้าง แต่จะไม่ทั้งหมดทั้งมวล มีแค่บางจุดสองจุดอะไรแบบนี้มากกว่า แต่โดยรวมแล้วคือจะไม่ไปข้องแวะกับเรื่องหลักเลย เอ๊ะ พูดเองงงเอง 55555 เอาเป็นว่า มีที่จะเจอในเรื่องหลักด้วยค่า แต่มิใช่ทั้งโหมดดด
เอม่อนไม่ใช่แฟนออสตินนะคะ 55555 อย่าโยงงง อย่าจับคู่ให้พ่อบอดี้การ์ดของเรา เขายังโสดอยู่ดีมีสุข ถ้ามีจังหวะ เอม่อนอาจจะได้เข้าไปอยู่ในเรื่องหลักด้วย แต่จากเส้นเรื่องที่มีตอนนี้ น้องหนูเอม่อนมาแทรกไม่ได้เลย 55555
ขอบคุณหลายๆ คนที่ยังคงคิดถึงสองผัวเมียคู่นี้เสมอๆ วันนี้พาเขาทั้งสองคนมาเจอแก้คิดถึงก่อนค่ะ เพราะเนื้อหาพาร์ท Yours and Mine อีกนานกว่าจะมา ขอทุ่มให้แม่เรียวจันทร์ก่อนนะค้าาา