Only You EP.41 :: Give up. [50%]หลังจากเหตุการณ์อันแสนระทึกและงงงวยว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ ใช่มั้ยผ่านไป ผมก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนอีกเด็ดขาด ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจ วิคเตอร์ไม่ได้วี้ดบึ้มใส่ในวันนั้นเพราะเขาติดงานอยู่ แต่พอตกดึกของวันถัดมาหลังจากไอ้ฌอณมาบุกถึงหน้าบ้าน วิคเตอร์ก็โทรบอกผมว่าเขาจะบินกลับมาถึงเย็นวันพรุ่งนี้ ซึ่งก็คือวันนี้ ผมกำลังจะถามว่าแล้วงานพรีเมียร์ล่ะ เหมือนมันจะยังไม่เสร็จ แต่วิคเตอร์ก็บอกแค่ว่าค่อยกลับมาคุยกันที่บ้านอีกที ผมก็สมมุติฐานได้ว่าเขาคงหนีงานมาอีกแล้วแน่ๆ
เนี่ย แล้วก็ทำให้ผมกังวลถึงขั้นวิกลจริตอีกแล้ว เขาจะกลับมาพร้อมอารมณ์ไหน จะเหวี่ยงวีนใส่ผมแค่ไหนก็ไม่อาจคาดเดาได้ เพราะที่คุยในโทรศัพท์เขาก็ปกติดี ไม่ได้มีน้ำเสียงเคืองใดๆ แต่อย่างนี้แหละน่ากลัวกว่า พวกคลื่นลมสงบมักจะพกความวิบัติมาด้วย
“ออสติน วันนี้ช่วยผมด้วยนะ” ผมว่าเสียงอ่อยพร้อมกับยิ้มแห้งประจบพ่อบอดี้การ์ดที่นั่งทานข้าวกลางวันบนโต๊ะหินอ่อนในครัวด้วยกัน อีกฝ่ายเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นแต่ไม่แสดงสีหน้าแตกต่างนอกจากหน้านิ่ง แบบว่าถ้าเขาไส้ติ่งแตกก็คงไม่รู้ว่าเจ็บหรือไม่เจ็บ
“ให้ช่วยอะไรครับ”
“ก็… ช่วยพูดให้วิคเตอร์เข้าใจว่าผมไม่เป็นไรจริงๆ ไง แบบว่าผมปลอดภัยแล้ว”
“เขาก็ต้องเห็นอยู่แล้วละครับว่าคุณปลอดภัย เพราะไม่งั้นคุณคงอยู่โรงพยาบาลไม่ก็โบสถ์ไปแล้ว” ผมหน้างอแล้วจิ๊ปาก อันที่จริงออสตินพูดไปมันก็เท่านั้น ก็อย่างที่เขาว่านั่นแหละ สภาพผมปกติดี ไม่ได้เสียหายหรือชำรุด แต่คือผมแค่อยากให้เขาเป็นแบ็คอัพให้หน่อยถ้าเกิดว่าวิคเตอร์หงุดหงิดหรือพร้อมจะเหวี่ยงระเนระนาด
“คุณดูแลผมยังไง ทำไมถึงไม่คิดจะช่วยปกป้องผมเวลาโดนวิคเตอร์ดุเลย” ผมแหวหน้าตาหมั่นไส้ มองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อในระดับเบื้องต้น (แบบเบาๆ) ออสตินไหวไหล่ทั้งสองข้างด้วยท่าทีสบายๆ
“ผมดูแลคุณ แต่คุณเรย์มอนด์ให้เงินผม” ผมมองเขาด้วยสายตาเข่นเขี้ยว ไอ้บอดี้ปอดทำเพียงยิ้มอ่อนเท่านั้น
“เห็นแก่เงินจริงๆ” เขาไม่โต้ตอบ แถมยังทำหน้าภาคภูมิใจว่าเป็นคนเห็นแก่เงินอีก
“อ้อ อย่าลืมนะครับว่าเดี๋ยวเพื่อนผมจะมาหาคุณแมทที่บ้าน คุณเรย์มอนด์อนุญาตแล้ว” ผมทำหน้าบูดเมื่อนึกถึงเพื่อนออสตินที่เป็นตำรวจ ผมไม่เคยเจอเขามาก่อนนะ แต่ที่บูดเพราะเขาจะมาสอบปากคำผมกับเรื่องที่เกิดขึ้น คราวก่อนผมบอกไม่ให้แจ้ง เพราะไม่อยากวุ่นวาย มันทำร้ายร่างกายผมก็จริง แต่ผมคิดว่ามันอยู่ในเคสทะเลาะวิวาททั่วไปมากกว่า เลยไม่อยากต่อความให้มันยาวยืดเยื้อ แต่พอฌอณมันย้อนกลับมารอบที่สอง ออสตินก็เล็งเห็นแล้วว่าแค่ลำพังตัวเขามันไม่เพียงพอต่อการดูแลผม เขาคิดว่าฌอณคงไม่ยอมจบง่ายๆ เลยปรึกษากับวิคเตอร์ว่าให้แจ้งตำรวจไว้ดีกว่า จะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาอีกแรง
“จริงๆ ไม่ต้องแจ้งก็ได้” ผมว่าเสียงอ่อยพลางเล็มๆ เลียๆ ทูน่า
“กระบวนการต่างๆ มันวุ่นวายพอๆ กับนิสัยคุณแมท คุณแมทคิดว่าผมรักคุณแมทมากจนอยากแจ้งเหรอครับ” เอ๊ะ! บักห่านี่มันเป็นคนยังไงนะ ผมกัดฟันแน่นแล้วถลึงตามองไอ้บอดี้ปอดอย่างหมั่นไส้ เจ้าตัวทำหน้าเฉยเมย ไม่รู้สึกรู้สารู้ห่าอะไรทั้งนั้น
“ก็ถ้ามันยุ่งยากมาก ก็ไม่ต้องแจ้งไง!” ผมแว้ดเสียง แต่ยังไม่ถึงขั้นเหวี่ยง
“ผมไม่อยากโดนเลิกจ้างเพียงเพราะว่าปล่อยให้เด็กสติเสียคนนึงโดนทำร้ายร่างกายซ้ำซ้อนนะครับ” โว้ย! บักห่ากิ๋น!
“เอ๊ะ?! นี่ผมเป็นแฟนของเจ้านายคุณนะ!”
“เพราะแบบนั้นผมถึงต้องให้ตำรวจเข้ามาช่วยดูแลคุณแมทไง ลองถ้าคุณแมทเป็นคนอื่น คิดว่าผมจะทำมั้ยล่ะครับ คุณแมทจบปริญญาแล้วนะ ผมว่าควรจะคิดได้” โอ๊ยยยย! ปวดหัว เถียงกับอีบอดี้ศพนี่ทีไรเป็นอันต้องงึดแล้วงึดอีก อยากจะยกเก้าอี้ฟาดหัวเกรียดให้เลือดอาบจริงๆ
ผมกำหมัดแน่นแล้วถลึงตามองไอ้บอดี้การ์ดปากกรรไกร ส่วนเขาลอยหน้าลอยตากินข้าวต่อไปจนหมด ผมหลับตาสะกดกั้นอารมณ์ตัวเองแล้วเอาถ้วยไปล้าง หยิบสตรอว์เบอร์รี่กับพริกเกลือที่ทำเองออกมาจากตู้เย็น แล้วถือเข้าไปในห้องนั่งเล่นหลบหน้าไอ้บอดี้ปอดปากหมาดีกว่า
นั่งกินไปได้เกือบสิบลูกพร้อมกับซีรีส์วิคเตอร์ฉายไปได้สองเบรก ผมก็ได้ยินเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ออสตินเดินไปเปิดประตู ได้ยินเสียงทักทายของชายหนุ่มสองคน แล้วสักพักออสตินก็เดินนำหนุ่มผิวสีตัวใหญ่ หน้าตาคมคายด้วยรูปหน้าชัดเจน แล้วยิ่งผิวเข้มเลยทำให้หน้าคมเข้าไปอีก หัวเกรียนไม่ต่างจากตัวเขาเข้ามาในห้อง ผมหันไปมองพลางขยับตัวให้นั่งตรงๆ
“คุณแมทครับ นี่โจชัว (Joshua) เรียกจอชก็ได้” ผมยิ้มกริ่มให้เพื่อนออสตินในชุดเครื่องแบบตำรวจสีน้ำเงินเข้มอันปริเปรี๊ยะจนตะเข็บจะแตกเพราะกล้ามเนื้อแน่นๆ เขายิ้มเพียงนิดแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กตามคำบอกของออสติน
“ออสตินติดต่อให้ผมมาช่วยดูแลคุณอีกแรง แต่ก่อนอื่นผมขอถามเรื่องราวระหว่างคุณกับนายฌอณหน่อยครับ” ผมเคี้ยวสตรอว์เบอร์รี่ในปากจนหมดแล้วเปิดปากเล่าที่ไปที่มากับการที่ไอ้ฌอณจงเกลียดจงชังผมเพียงเพราะผมเป็นเพศที่สาม ผมเล่าตั้งแต่เริ่มเจอมันในกองถ่ายเมื่อปีก่อน แล้วก็การกลับมาเจอกันอีกครั้งในกองถ่ายในปีนี้จนเกิดเรื่องขึ้น
“มันง่ายตรงที่อย่างน้อยเขาก็เป็นคนมีชื่อเสียง ถ้าจะจับเขาก็สืบไม่ยาก คุณจะให้เราดำเนินคดีกับเขามั้ย” ผมกะพริบตาปริ๊บๆ แล้วนึกในใจว่า โอ้ ชีวิตเก้งสาว มีเรื่องราวเป็นคดีความเป็นทางการ
“ตะ… ต้อง ดำเนินคดีด้วยเหรอ” ผมอ้าปากหวอ ออสตินทำหน้าหน่าย ส่วนเพื่อนเขายิ้มขำเล็กน้อย
“คุณควรจะทำตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาทำร้ายร่างกายคุณแล้วครับ” ผมมองใบหน้าหล่อคมเข้มแบบฉบับหนุ่มผิวสีของเพื่อนออสตินแล้วคิดหนัก แต่เอาเข้าจริง มันไม่ต้องคิดอะไรหนักเลย มันควรต้องแจ้งตำรวจไงแมท เธอคิดว่าเธอจะต้องแจ้งมือปราบมารในโลกเวทมนตร์เหรอ
“งั้นก็ฝากด้วยนะครับ ถ้าจับเขาได้ ก็ฝากหาห้องขังให้เขาสักห้องก็แล้วกัน” จอชยิ้มเท่ ผมยิ้มเพลียๆ หยิบสตรอว์เบอร์รี่จิ้มพริกเกลืออีกลูกแล้วเอาเข้าปาก
“คุณมีรูปถ่ายตอนโดนทำร้ายร่างกายเก็บไว้มั้ย” ยังไม่ทันได้อ้าปากตอบ ก็มีคนตอบให้ก่อน
“ฉันมี แต่นายอาจแยกไม่ออกว่าอันไหนหน้าจริง อันไหนหน้าเละตอนโดนทำร้ายร่างกาย” ด้วยความงึดแรง ผมขว้างสตรอว์เบอร์รี่ในมือใส่ออสติน แต่เขาก็ตวัดมือขวาขึ้นมารับมันไว้ได้ทันด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จอชหัวเราะเบาๆ ในมือถือปากกาจดยิกๆ ลงบนกระดาษสีขาวที่อยู่บนแผ่นคลิปบอร์ดสีดำ
“งั้นเดี๋ยวผมจะปล่อยให้คุณทานสตรอว์เบอร์รี่ต่อ ส่วนผมขอตัวออสตินไปคุยสักแปบนะครับ” ผมเคี้ยวสตรอว์เบอร์รี่แจ๊บๆ แล้วกลืนลงคอ
“เอาไปเลยครับ ถ้าจับฌอณไม่ได้ ผมขอเสนอให้จับเขาแทน” ออสตินยิ้มหึ ผมเบ้ปากแล้วหันไปมองทีวีต่อ ออสตินพาเพื่อนเขาออกไปจากห้องโถง ได้ยินเสียงคุยกันแว่วๆ ในห้องครัว แต่เสียงทีวีกลบจนฟังไม่รู้เรื่อง แต่ผมก็ไม่คิดหรี่เสียงทีวี เพราะเรื่องกฎหมายเผือกไปก็ไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี เอาเป็นว่าตอนนี้ไอ้ฌอณโดนออกหมายจับแล้ว
ไปนอนในคุกซะนะไอ้ชอนไชไส้หมาเน่า ถึงพื้นเพชีวิตแกจะน่าสงสาร แต่มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างทำเลวกับคนอื่น
หลังจากกินสตรอว์เบอร์รี่จนหมด ซีรีส์วิคเตอร์จบและเพื่อนออสตินก็กลับไปแล้ว ผมก็เปิดคอมนั่งเล่นโซเชียลกับเพื่อนๆ ที่เมืองไทย แต่ไม่ได้แชทกับมันทุกคน ตอนนี้ผมกำลังออนสไกป์คุยกับไอ้แชมป์แล้วก็แคท ที่ไทยตีหนึ่งแล้ว มันสองคนก็ยังคงทรหดไม่นอน ไอ้แชมป์มันทำงานที่บ้าน เลยไม่จำเป็นต้องรีบนอนรีบตื่น ส่วนแคทมันยังไม่ทำงาน แต่ก็รอเรียกสัมภาษณ์จากหลายๆ ที่อยู่ ช่วงที่ผมหน้าเละจากการโดนทำร้ายร่างกาย ผมเก็บตัวเงียบจากโซเชียล หน้าวอลเฟซบุ๊คมีอีพวกนี้แหละมาจิกกัดว่าผมกกผัวจนไม่ยอมโงหัวขึ้นมา
“เออ สรุปว่าแบมมันทำงานที่นั่นต่อมั้ย” ผมถามพลางดูดน้ำส้มจ๊วบๆ
“ทำค่ะ เงินดีขนาดนั้นมันก็เลยว่าจะอดทนทำสักสามเดือนก่อน นางบอกว่าเวลาผ่านไป หัวหน้ามนุษย์ป้าของนางอาจจะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น” ผมพยักหน้าหงึกๆ หันไปมองไอ้แชมป์ที่กำลังนั่งจิ้มมือถือยิกๆ
“ทำอะไรอะ มีเมียใหม่แล้วเหรอไอ้แชมป์”
“เมียใหม่ห่าอะไรล่ะ ไอ้วอร์มกำลังจะแต่งงานโว้ย” น้ำส้มแทบจะพุ่งออกจากปากจนเกือบเปรอะหน้าจอแม็คบุ๊ค แต่ดีที่หุบปากไว้ได้มันเลยไหลย้อยเต็มปากผมแทน
“กรี๊ดดด ไม่เห็นมันพิมพ์ในกรุ๊ปไลน์เลย อะไรยังไง อีวอร์มอำรึเปล่า มันไม่มีวี่แววเลยนะ!” แคทสีหน้าตื่นแล้วคว้ามือถือมาไว้ในมือ ผมเองก็เช่นกัน รีบกดเข้าไปดูในกรุ๊ปไลน์ว่าตัวเองพลาดอะไรไปหรือเปล่า แต่ไอ้วอร์มก็ไม่เห็นพิมพ์อะไรเลย
“กูเค้นมันหลายรอบแล้ว มันบอกว่าเรื่องจริง มันส่งภาพเจ้าสาวมันมาให้ดูด้วย” ไอ้แชมป์ยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้ดูรูปผู้หญิงคนหนึ่ง ผมขมวดคิ้วฉับเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น คือไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับอาชีพพริตตี้นะ แต่เธอคนนี้ดูเป็นแนวนั้น หน้าฉ่ำๆ ตัวขาวๆ อย่างกับแสงนีออน คอนแท็คเลนส์สีๆ
“ทำไมไม่เคยเห็น แล้วทำไมมันไม่บอกพวกเรา” แคทบอกเสียงตื่น ไอ้แชมป์ดันตัวเองลุกขึ้นแล้วเอาคอมวางไว้บนตัก เผยให้เห็นแผงอกกับซิกส์แพ็คขาวล่ำ แหม เพื่อนเราก็งานดีมากเลยนะเนี่ย
“เดี๋ยวมันกำลังจะบอก และที่พวกมึงไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้ เพราะมันยังไม่ทันได้เป็นแฟนกัน แต่ผู้หญิงท้องก่อน เลยต้องแต่ง” ผมเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง อีวอร์มผู้ใสซื่อแต่ไม่ซื่อเรื่องบนเตียงกำลังจะมีลูก อ้ากกก! มันยังไม่เบญจเพสเลยนะ!
“มันพิมพ์มาในไลน์กลุ่มแล้ว กูต้องรีบเผือกก่อน” แคทเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วพิมพ์ยิกๆ ผมกำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาอ่าน แต่นึกได้ว่าถามไอ้แชมป์เอาก็ได้
“ลูกมันจริงเหรอแชมป์ เกิดขึ้นตอนไหน ได้ไงอะ” ไอ้แชมป์ขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วส่ายหัวงงๆ
“มันบอกก็ไม่แน่ใจ แต่ช่วงระยะเวลาที่มันมีอะไรกับเขาแล้วเขาท้องมันลงตัวพอดี มันเลยรับ” ผมขมวดคิ้วบ้าง นึกสงสัยในใจว่าไอ้วอร์มมันรับเด็กในท้องเป็นลูกตัวเองง่ายจัง
“แล้วที่บ้านมันไม่ว่าอะไรเหรอ”
“มันบอกว่าเขาก็ตึงๆ ไปเหมือนกัน เพราะเขาอยากให้มันทำงานไปสักพักก่อน”
“มันแน่ใจได้ยังไงว่านั่นลูกมัน กูไม่ได้จะบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ดี แต่บางทีมันก็รับง่ายไปอะ”
“ไม่ต้องคิดมากหรอก เขาก็ไม่ได้นิสัยดีจริงๆ นั่นแหละ” ผมมองหน้าไอ้แชมป์งงๆ มันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะว่าต่อ
“กูกับเขาเกือบเคยนอนด้วยกัน แต่กูจับได้ก่อนว่าเขามีแฟนแล้ว ไม่ดิ ผัวเลยดีกว่า กูเลยไม่เอา ทีนี้เขาเจอไอ้วอร์ม มึงก็รู้ว่าไอ้วอร์มมันไม่คิดเหี้ยไรมาก ให้เอามันก็เอา เหมือนกูแหละ แค่กูมีศีลธรรมมากกว่ามันหน่อย…” ผมโก่งคอทำท่าอ้วก ไอ้แชมป์ยกนิ้วกลางข้างขวาขึ้นด่าแล้วพูดต่อ
“…แต่พอผู้หญิงรู้ว่าไอ้วอร์มมีตังค์ คราวนี้เกาะไอ้วอร์มหนึบ แล้วก็ท้องด้วยกันนี่แหละ” ผมอ้าปากหวอแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ นึกถึงหน้าเพื่อนตัวเองแล้วก็อยากจะตบกะโหลกสักที ไอ้จะไปมีใครที่ไหนกับใครก็เป็นสิทธิ์ของมัน ตราบใดที่มันไม่นอกกายนอกใจแฟนตัวเอง
“มีอะไรกับใครก็จู๋มันนะ แต่ทำไมมันไม่ป้องกันอะ เกิดมันติดโรคขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย มึงก็เหมือนกันไอ้แชมป์ จะหงี่จะอยากขนาดไหน จะเอากับใครก็ป้องกันด้วย ชีวิตนี้กะไม่ใช้ควx อีกทั้งชีวิตแล้วใช่มั้ย” ผมบ่นยาวเหยียด ไอ้แชมป์นั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ผมเลยถลึงตามองมันแล้วยกมือทำท่าจะตบ
“มาๆ บินมาตบกูที่ไทยนี่ คิดถึงมึงจริงๆ”
“เออ ฉันก็คิดถึงแกด้วยอีแมท…” แคทตะโกนแทรกขึ้นมา แต่สายตาก็ยังจ้องมือถือไว้ตลอด แล้วสักพักมันก็ทำหน้าเหวอ
“…อีดอก งานแต่งฟ้าแล่บเวอร์ อีกสองเดือนแต่งค่ะคุณพี่!” ผมทำปากรูปตัวโอตาโตด้วยความตกใจ อันที่จริงการแต่งงานมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมตื่นเต้นเพราะมันเป็นงานแต่งงานของคนใกล้ตัวมากๆ แล้วดันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จริงๆ ถ้าเธอคนนั้นจะท้องลูกแฝดสองแฝดสามแฝดสยามแฝดเอกมัย หรือท้องตอนไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องของผม แต่ผมเคลือบแคลงใจกับวิถีการท้องของเธอมากกว่า ไม่ใช่เรื่องของผมก็จริง แต่วอร์มก็เป็นเพื่อนสนิทของผม
“ถ้ามันเลือกเขาแล้วก็ตามนั้น แต่บอกตรงๆ กูยังแอบตงิดใจเรื่องท้อง”
“ไม่ใช่แค่แกคนเดียวอีแมท ทั้งกลุ่มค่ะ ยกเว้นอีวอร์ม อีนี่มันจะซื่อมากไปละ ไม่ได้การค่ะ ต้องเรียกระดมเพื่อนสาวมาสืบเรื่องนี้!” แคททำหน้าตามุ่งมั่นจริงจัง มือก็กดยิกๆ ไม่หยุด
“เฮ้ยๆ อยากไปร่วมขบวนการด้วยอะ” ผมร้องบอกพลางกัดหลอดสีขาวเล่นเพลินๆ
“โถ่ ผัวมึงหวงชิบหายวายวอดขนาดนั้น มึงคงมาได้หรอกนะ” ไอ้แชมป์กัดผมด้วยสีหน้าหมั่นไส้ซะเต็มประดา แคทลุกเดินออกไปโทรศัพท์กับใครสักคน เดาว่าเป็นชะนีในแก๊งค์ อาจจะเป็นเหมียว
“คิดถึงพวกมึงจัง” ผมว่าหน้าตาเหงาหงอย ถึงพวกมันจะเริ่มทำการทำงานแล้ว แต่ถ้าผมยังอยู่ไทย ผมคงได้ไปเที่ยวเล่นกับพวกมันบ้างอยู่ดี
“ล่าสุดพวกกูเพิ่งนัดไปกินโออิชิมา ขาดมึงตัวเดียว” ผมเบะปาก นึกถึงบรรยากาศเสียงดังกับพวกมันแล้วก็ใจหวิวๆ
“มึงจะกลับไทยบ้างป่ะเนี่ย” ผมพยักหน้าหงึกๆ
“กลับๆ อาจจะกลางปีนี้แหละ”
“แล้วมึงจะบอกพ่อกับแม่มึงเรื่องผัวมึงเมื่อไหร่ พ่อมึงแอบโทรมาถามกูด้วยนะ” ผมอ้าปากหวอ รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง เอื้อมแขนไปวางแก้วน้ำส้มไว้บนโต๊ะ
“จริงอ้ะ?! แล้วมึงบอกเขาไปว่าอะไร” ไอ้แชมป์ยิ้มขำกับสีหน้าแตกตื่นของผม
“กูบอกว่า ผมไม่รู้เหมือนกันครับพ่อว่ามันมีแฟนจริงมั้ย แต่ผมอะผัวมัน”
“แอร๊ย อีแชมป์!!” ไอ้ตี๋ตาไม่ตี่หัวเราะดังลั่น นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆ จะตีหัวแรงๆ เลยคอยดู มันทำหน้าลิงหลอกเจ้า ผมแยกเขี้ยวใส่มันไปทีแล้วถามด้วยความร้อนใจ
“เอาดีๆ มึงบอกพ่อกูว่าอะไร” มันพยายามหยุดหัวเราะให้ตัวเองนิ่งก่อนจะตอบ
“บอกว่ากูไม่รู้ แต่มึงอะไปทำงานกับวิคเตอร์จริงๆ ไอ้เรื่องความสัมพันธ์พ่อคงต้องรอถามแมทนะครับ แต่เขาบอกว่าถ้ามึงกลับมาไทยเมื่อไหร่ เขามีเรื่องให้กูช่วย” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“ช่วยเรื่องอะไรอะ”
“มึงนี่ถามโง่ๆ ถ้ากูรู้ว่าช่วยเรื่องอะไร กูก็บอกมึงไปแล้วสิ”
“เอ๊ะ?! ไอ้แชมป์ เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งเหรอ!” มันหัวเราะอารมณ์ดีอีกรอบ เห็นแล้วหมั่นไส้จริงๆ แต่ก็คิดถึงพวกมันด้วยเช่นกัน ผมหันไปมองตรงหน้าต่างวีดีโอของแคท มันหายไปจากหน้าจอแล้ว สงสัยคงกำลังเม้าท์ได้ที่เลย
ติ๊งหน่อง!
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ผมหันไปมองตามสัญชาตญาณทั้งที่มองจากตรงนี้ก็ไม่เห็นหรอกว่าใครมา แต่ผมเดาว่าน่าจะเป็นวิคเตอร์ สักพักก็เห็นออสตินเดินผ่านซุ้มประตูห้องโถงไปทางประตูบ้านพร้อมกับไมเคิล
“แชมป์ เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ วิคเตอร์มาแล้ว”
“โห่ ผัวมาแล้วทิ้งเพื่อน มึงมันเหี้ย” ผมถลึงตาใส่มันที่ยิ้มทะเล้นอยู่
“มึงโกรธกูอะไรลายใหญ่ปานนั้น แค่นี้นะ ไอ้เหี้ยกว่า!”
“เฮ้ย...!” ผมไม่รอให้มันตอบกลับแต่รีบปิดหน้าต่างสไกป์แล้วพับหน้าจอแม็คบุ๊ค วางไว้บนโซฟาแล้วลุกขึ้นยืน แต่ก้าวได้สองก้าวผมก็หยุดอยู่กับที่เมื่อวิคเตอร์ในชุดเสื้อยืดสีเทา เสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำ กางเกงยีนขาเดฟสีน้ำเงินเข้มกำลังยืนอยู่ตรงหน้า ผมมองเขาตาค้างแวบหนึ่ง เพราะรู้สึกเหมือนเขาจะหล่อขึ้น หรือเพราะผมไม่เจอเขาเกือบสองอาทิตย์แล้วก็ไม่รู้
“Hi.” ผมลองทักเสียงเบาๆ ต้องหยั่งเชิงก่อนว่าเขามีท่าทียังไง ไอ้ยักษ์ก็หน้านิ่งตามปกติ แต่ไม่ได้มีแววเครียดหรือโกรธเกรี้ยวร้ายแรง เขาเดินเข้ามาหาผมช้าๆ ผมเองก็ก้าวเข้าไปหาเขาสองก้าวแล้วเราก็ถึงตัวกัน เขาโอบสองแขนรอบเอวผม ส่วนผมโอบสองแขนรอบคอของเขา วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาสำรวจอย่างอ่อนโยน หนวดเคราของเขาบางลงกว่าปกติ
“Giant.” ผมเรียกเขาเสียงเบา ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นของวิคเตอร์มองหน้าผมนิ่งๆ อีกสักพักก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ ผมยกมือขวาขึ้นไปลูบแก้มซ้ายของเขา วิคเตอร์ยกมือซ้ายขึ้นมาจับมือผมไว้แล้วดึงไปจูบทั้งหน้ามือและหลังมือ
“เด็กดื้อ” เขาคำรามเบาๆ แล้วก็ยกสองมือมาล็อคหน้าผมไว้แล้วก็ก้มลงจูบริมฝีปาก เขาบดขยี้รุนแรง ทำเอาผมเริ่มหายใจหอบ สองมือเลื่อนลงไปจับเสื้อแจ๊คเก็ตหนังสีดำของเขาไว้แน่น พยายามตั้งรับจูบให้มั่นคงที่สุด
วิคเตอร์ส่งลิ้นเข้ามาในปากแล้วเริ่มกวาดลิ้นไปรอบโพรงปากอย่างมูมมาม ผมส่งลิ้นไปตอบรับ แม้ว่าจะจูบกันบ่อย แต่ผมก็จะรู้สึกขาดใจตายให้ได้เวลาเขาจูบตอนหงุดหงิด ตอนมันเขี้ยว หรือตอนรู้สึกโกรธ
แล้วตอนนี้ล่ะเขาจูบผมด้วยอารมณ์ไหนอยู่
“อือ… อ๊ะ…” เท้าผมค่อยๆ เดินถอยหลังไปตามแรงดันของคนตัวโตทั้งที่ปากเรายังไม่ขาดออกจากกัน แล้วไม่นานเราก็ล้มลงไปนอนบนโซฟาตัวใหญ่ที่เอาไว้นอนได้ด้วย เขาจับสองมือผมขึ้นมากดลงบนโซฟาแน่น ใช้เข่าแยกขาผมออกจากกันแล้วแทรกตัวตรงกลางระหว่างขาผม ก่อนที่จะหยุดจูบแล้วเปลี่ยนเป็นไซ้คอแทน
“อื้อ… อา… อ่า…” ผมแหงนคอให้เขาไซ้ได้เต็มที่ เปลือกตาผมปรือเพราะแรงอารมณ์วาบหวิวที่วิคเตอร์มอบให้ ขนผมลุกซู่ไปทั้งร่าง รู้สึกตัวเริ่มร้อนรุมๆ สมองโล่งๆ เบลอๆ
จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ~
วิคเตอร์กดจูบแรงๆ ลงบนต้นคอ ไล่จูบไปเรื่อยไม่มีพัก จูบแล้วจูบอีก จูบซ้ำๆ ย้ำๆ และบางครั้งก็ฝังเขี้ยวไว้สักพักจนผมร้องครางฮือออกมาเขาถึงจะยอมหยุด ผมปล่อยให้เขาไซ้ ให้เขาจูบ ให้เขากัดจนอารมณ์ร้อนรุ่มสุมไปทั้งตัว ก่อนหน้านี้ผมอารมณ์ค้างเพราะโดนเขาแกล้งไว้ พอเขาทำแบบนี้มันเลยไปกระตุ้นอารมณ์นั้นให้ตื่นขึ้นมา และพอมันตื่นขึ้นมาสติผมก็เริ่มจะขาวโพลน ร่างกายเริ่มอ่อนระทวยไปกับความสยิว
“ดมนี่สิ” เขายื่นขวดสีชาเล็กๆ มาตรงจมูก ผมเผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอดหนึ่งทีเพราะกำลังเบลอกับอารมณ์วาบหวิว มันคืออะไรไม่รู้ แต่มันไม่มีกลิ่น หมายถึงว่ากลิ่นมันสะอาดจนแทบไม่รู้ว่ามันคือกลิ่นอะไร ผมดึงหน้าตัวเองออกห่างจากขวดเล็กๆ แล้วหันไปมองหน้าวิคเตอร์ทั้งที่สายตายังปรือๆ
“อะไรเหรอ” ผมถามเสียงเบาหวิว วิคเตอร์ไม่ตอบแต่ก้มลงไซ้คอฝั่งซ้ายต่อ มือขวายังคงถือขวดเล็กนั้นไว้ ผมยกสองมือขึ้นขยุ้มเส้นผมเขาไว้แน่น ปวดหนึบตรงแมทน้อย อยากจะปลดปล่อยออกมาให้โล่งตัวหลังจากอึดอัดมาหลายวัน
วิคเตอร์หยุดซุกไซ้ซอกคอในขณะที่ผมเริ่มรู้สึกต้องการมากขึ้น ข้างในมันร้อนระอุ สมองเริ่มตื้อๆ วิ้งๆ ไม่ได้ถึงขั้นสติหาย จังหวะลมหายใจของผมแรงขึ้นนิดหนึ่ง วิคเตอร์มองหน้าผมเหมือนกำลังสำรวจ ริมฝีปากผมเผยอขึ้น สองมือกำแล้วปล่อยช้าๆ เนื้อตัวภายนอกร้อนแผ่วๆ วิคเตอร์เลิกเสื้อผมขึ้นจนเห็นหน้าอกแล้วก็ก้มลงไปดูดยอดอกซ้ายแรงๆ หนึ่งทีจนผมแอ่นตัวกระตุกวูบ แล้วเหมือนที่เขาทำมันกระตุกอารมณ์ในตัวผมเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อทั้งตัวเริ่มอ่อนระทวย พอเขาผละออกไปผมก็ตัวสั่นเทิ้มเบาๆ เริ่มอยากให้เขาทำกับผมมากขึ้นๆ ไปอีก
“วิคเตอร์…” ผมครางเรียกชื่อเขา กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก มือเริ่มกำแน่นขึ้น เอื้อมมือไปจะดึงวิคเตอร์ให้มาสัมผัสตัวผมต่อ
“ทำต่อสิ ผม… ต้องการ…” วิคเตอร์คลี่ยิ้มร้ายกาจบนหน้าหล่อๆ สายตาผมเลื่อนไปมองขวดสีชาเล็กๆ ในมือเขาพร้อมกับหอบหายใจรุนแรง และตอนนั้นเองที่ผมรู้ว่าเขาให้ผมดมป็อปเปอร์ (ยาปลุกเซ็กส์)
ออสติน ไม่เบานะเลาอะ ปากคอเราะร้าย เธอแอบชอบแมทใช่มั้ย แต่แบบว่าทำเป็นร้ายใส่กลบเกลื่อนงี้ จิกกัดเอเลี่ยนจนตัวพรุนหมดละ 55555
เอาล่ะ ฝากความหวังไว้ที่คุณพี่จอชผู้ล่ำสันจนเสื้อจะแตกว่าให้หาตัวไอ้ฌอณให้เจอแล้วเอามันไปเข้าคุกซะ คุณพี่จอชไม่ใช่หนุ่มในสต๊อกของน้องแมทนะคะ พี่จอชมาช่วยเหลือเรื่องไอ้ฌอณโดยเฉพาะ เอาจริงๆ หนุ่มในสต๊อกนังแมทมีสองคนเองนะ คือผัวนางกับเอิร์ท นอกนั้น นางก็นก 55555
แล้วเนี่ย ผัวนางจะเล่นอะไรอีกคะ เอายาปลุกให้เมียดม คือยังไงคะพี่ยักษ์ กลัวเมียไม่มีอารมณ์กับตัวเองเหรอ อิชั้นต้องแจ้งหมวดมั้ยคะว่า มีเรื่องแล้วค่ะหมวดดด
อีกสองตอนก็จิจบพาร์ท Only You แล้นนะคะ ใกล้ปิดพาร์ทล้าว
ลงจบแล้ว ตอมจะขอเบรกเรื่องนี้ไว้สักพัก ขอไปโฟกัสที่แม่เรียวกับพี่เขี้ยวก่อน ขอไปปั่นสต็อกบทเรื่องนั้นให้ได้เยอะๆ ก่อนค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังมีคนรออ่านอยู่อะน้อออ ยังไงก็ขออัพให้คนที่ติดตามอยู่ได้อ่านเนาะะ ขอเขียนเรื่องนั้นเก็บไว้เยอะๆ ก่อนนะคะ จะได้อัพบ่อยๆ ไม่หายไปเป็นเดือนๆ แบบนี้อีก คือฝืนสมองตัวเองมากจริงๆ ค่ะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมๆ กัน เลยจะขอโฟกัสแม่เรียวสักพัก พอได้ตอนเยอะๆ แล้วแล้วจะกลับมาเขียนเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่หนีหายค่ะ เพราะพาร์ทหน้าก็ไฟนอลแล้ว เรื่องราวของยักษ์กับเอเลี่ยนจะสะดุดนานมิด้ายยย
แล้วก็ขอเบรกไปพรูพต้นฉบับ Only You เพื่อทำเป็นรูปเล่มแปบ คือต้นฉบับเขียนเสร็จแล้ว เหลือพรูพ รีไรท์บางฉาก แจ้งในเพจไปแล้ว ลองไปตามอ่านได้นะค้าาา
ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่ะ