V
v
v
ช่วงเวลาที่เราเดินซื้อของด้วยกัน เราลืมสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราไปชั่วขณะ เราช่วยกันเลือกของ หยิบนั่นจับนี่มาโชว์ให้ดูว่าใครชอบไม่ชอบอะไร คงจะมีช่วงเวลาแบบนี้ ช่วงเวลาลักษณะนี้นั่นแหละที่เขาจะตามใจผมบ้าง ไม่รู้ว่าเพราะมันเป็นงานวันเกิดของผม หรือเขาไม่ถนัดการจัดงานอะไรอย่างนี้สักเท่าไหร่
“Actually, I want a real pine tree. I mean that we can find in Thailand. But it’s not easy to find, though. (จริงๆ ผมอยากได้ต้นสนของจริงนะ หมายถึงต้นสนที่มีในประเทศไทยน่ะ แต่ก็คงหายากอยู่ดี)” ผมพูดไปด้วยพลางจับๆ ต้นสนวันคริสมาสต์ของปลอมไปด้วย
“Austin. (ออสติน)” ผมได้ยินเสียงวิคเตอร์เรียกบอดี้การ์ดคู่ใจ แต่ก็ไม่ได้หันไปสนใจอะไร ยังคงมองหาของประดับต้นคริสมาสต์ต่อไป
“Tell the Thai man to find pine three for him. (ลองให้การ์ดคนไทยไปหาให้หน่อยว่าต้นสนหาได้ที่ไหนบ้าง)” ผมหันกลับไปมองวิคเตอร์ที่กำลังยืนคุยกับออสตินแล้วก็พี่บอดี้การ์ดคนไทยร่างสูงผิวคล้ำที่ติดตามเรามาด้วยอยู่
“Get it with a flowerpot. It may not die before his birthday. (เอาใส่กระถางมาแล้วกัน มันคงไม่ตายก่อนวันเกิดแมทหรอก)” พี่บอดี้การ์ดคนไทยตอบรับกลับมา เห็นแบบนั้นพี่ๆ ทั้งสามคนพูดภาษาอังกฤษเก่งมากเลยนะ แต่ไม่ใช่เพราะเรียนมา เป็นเพราะพวกพี่เขามีประสบการณ์เยอะมากกว่า
“I will call them. (เดี๋ยวผมโทรบอกสองคนนั้นแล้วกันครับ)” พี่การ์ดคนไทยบอกแล้วล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาโทร คาดว่าคงโทรหาพี่การ์ดอีกสองคนที่ไม่ได้มาด้วย
“How many do you want? (เอากี่ต้นแมท)” วิคเตอร์หันมาถาม ผมยิ้มเก้อหน่อยๆ แล้วก็บอกเขาไปว่าขอแค่ต้นเดียว แต่ต้นตัวสูงประมาณไหล่ผมก็ได้
“You don’t need to do that. (จริงๆ ไม่ต้องก็ได้นะครับ)” ผมพูดกับเขาสองคนหลังจากที่เดินแยกออกมาดูของสำหรับในงานปาร์ตี้
“You said you want it. (ก็นายอยากได้)” เขาว่าหน้าเฉย น้ำเสียงทื่อๆ ง่ายๆ ผมยกยิ้มมุมปากทั้งสองข้าง แล้วก็รับน้ำใจของเขาเอาไว้ เพราะผมก็อยากได้จริงๆ นั่นแหละ แต่อย่าดั้นด้นไปหาไกลนักเลยนะ
“Thanks. (ขอบคุณครับ)”
“And you sure about not invite your parents? (แล้วแน่ใจนะว่าจะไม่ชวนพ่อกับแม่นายมาด้วย)” ผมทำหน้าหนักใจ แต่ก็ส่ายหัวกลับไป
“I want, but I know what are going to happen. So, I think I should not. I will stay with them in the morning until evening like every year. After that I will come to you. (ใช่ว่าผมอยากกีดกันพวกเขานะ แต่ผมรู้สถานการณ์ระหว่างผมกับพ่อและแม่ดี เลยคิดว่าอย่าจะดีกว่า ตอนเช้าผมจะอยู่กับพวกท่านเหมือนทุกปี ตกเย็นผมค่อยมาอยู่กับคุณ)”
“I will go with you. (ฉันจะไปด้วย)” ผมมองวิคเตอร์ที่ทำหน้ามึนด้วยความลำบากใจ
“Victor. You can’t. They wondering about you and me. You know that. (วิคเตอร์คุณไปไม่ได้ คุณก็รู้ว่าพ่อกับแม่ผมยิ่งสงสัยคุณอยู่ด้วย)”
“Yes. I’ll go. (ไม่ ฉันจะไป)” เขายืนกรานหน้าตาย แล้วหันไปหยิบลูกบอลสีๆ มาใส่ในตะกร้าที่ผมเอาคล้องข้อมือขวาอยู่ ผมเม้มปากอย่างหนักใจ ครั้นจะเถียงกันตรงนี้ก็คิดว่าเขาต้องอารมณ์ขึ้นมากแน่ๆ เลยเลือกที่จะเงียบเอาไว้ก่อน ค่อยกลับไปคุยกันที่อพาร์ทเม้นต์
“The quite can’t change my mind. (เงียบกดดันฉันยังไง ฉันก็จะไป)” เขาพูดเสริมขึ้นมาอีก ผมมองเขาด้วยความเอือมระอา แต่ไม่ได้นึกระอาจริงจังหรอก เห็นหน้าดื้อดึงแบบเด็กๆ แล้วก็แอบมันเขี้ยวไม่ได้ เลยยื่นมือซ้ายไปดึงแก้มเขา วิคเตอร์ยังคงหน้าบูด เขายกมือขวามาจับมือผมแล้วดึงไปหอมหลังมือ ก่อนจะจูงมือผมไม่ยอมปล่อยจนซื้อของเสร็จ
เราเดินอยู่ในห้างประมาณหนึ่งชั่วโมง ไม่ต้องถามเลยว่าคนไม่มองวิคเตอร์เหรอ จะเหลือเหรอครับ เขาใส่หมวกก็จริง แต่งตัวชุดธรรมดามากก็จริง แต่ยังไงเขาก็ดูเด่นอยู่ดี ยิ่งเดินจูงมือผมด้วยแล้ว คนก็ยิ่งมองกันใหญ่ แถมยังมีผู้ชายตัวสูงร่างใหญ่สองคนเดินถือของตามอีก คือถึงไม่เห็นหน้า แต่มันก็โดดเด่นด้วยบุคลิกภาพของผู้ชายตัวสูงๆ พวกนี้ไง
“ซื้อขนมอะไรหรือเปล่า” วิคเตอร์ถามตอนเดินมาถึงโซนของกิน ตอนแรกผมจะปฏิเสธ แต่พอเห็นร้านไอติมก็เลยขอแวบเข้าไปต่อแถวซื้อก่อนกลับสักถ้วย
ตอนยืนรออยู่ วิคเตอร์ก็เอาแต่ก้มหน้ามองผมไม่ยอมเงยหน้ามองไปทางอื่น ไม่รู้ว่าเพราะไม่อยากสบสายตากับใครหรือว่ายังไง ผมที่เป็นฝ่ายโดนจ้องเลยต้องแก้เขินด้วยการไปยืนซ้อนด้านหน้ากับเขาไว้ เพื่อจะได้ไม่เขินต่อสายตาคู่นั้น เขายกแขนขวาโอบเอวผมไว้หลวมๆ
“แมท!” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นมาจากจุดใดจุดหนึ่ง ผมมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่เห็น จนกระทั่งสายตาไปหยุดตรงบริเวณโต๊ะกลมๆ สำหรับนั่งทานไอติม วินาทีที่ผมเห็นว่าใครเรียก ใจผมก็กระตุกไปวูบใหญ่ ริมฝีปากอ้าค้างขึ้นน้อยๆ
“พี่เอก…” ผมเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นเสียงแผ่ว เขาส่งยิ้มกว้างมาให้ ข้างกายเขามีผู้หญิงคนเดิมที่ผมเคยเจอก่อนไปอเมริกา ผมเหมือนโดนกระชากสติออกไปจากหัวพักใหญ่ แต่เสียงพนักงานร้านไอติมเรียกให้ผมออเดอร์ ผมเลยละสายตาจากพี่เอกกับผู้หญิงคนนั้นไปที่หน้าเค้าน์เตอร์
“ขอช็อกโกแล็ตชิพครับ” ผมสั่งเสร็จก็หันไปมองพี่เอกอีกรอบแล้วรีบปั้นยิ้มให้ ผมพยายามสำรวจอาการของหัวใจ มันกลับมาเต้นตามปกติดี ไม่ได้มีจังหวะไหนแปลกไป
“พี่เอกมาทำอะไร” ผมถามตามปกติ ดีใจมากที่เสียงไม่ได้สั่นหรือออกอาการไหวหวั่นใดๆ
“มาดูหนัง รอเข้าโรงหนังอยู่” พี่เอกยิ้มตอบกลับมา ยังคงเป็นรอยยิ้มที่ดูดีเช่นเคย ผมคลี่ยิ้ม แล้วพยักหน้าตอบรับ หันกลับไปมองแฟนพี่เอกอีกครั้งแล้วก็ยกมือไหว้ เพราะคิดว่าเธอน่าจะเป็นรุ่นพี่ เธอยกมือรับไหว้พร้อมกับยิ้มอ่อนๆ มาให้
“แล้วแมทมาทำอะไรเหรอ” พี่เอกถาม ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองวิคเตอร์ที่มองพี่เอกกลับไปนิ่งๆ แต่ไม่ได้มองจ้องกดดันน่ากลัวอะไร
“มาซื้อของไปฉลองวันคริสมาสต์ วันเกิด แล้วก็ลากยาวไปถึงปีใหม่เลยอ่ะ”
“โห คิวยาวนะ” ผมยิ้มกริ่ม พี่เอกยิ้มตอบกลับมาก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาขึ้นไปมองวิคเตอร์ที่ทำหน้าไร้อารมณ์
“ใครอะแมท” อีกครั้งที่ผมไม่แปลกใจ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่รู้จักวิคเตอร์ และอีกครั้งที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเมื่อภาพยนตร์ของเขาออกฉายเมื่อไหร่ จะต้องมีคนเก็ทหน้าวิคเตอร์เร็วมากขึ้น
“เอ่อ แฟนแมทเอง” พี่เอกอ้าปากค้าง สีหน้ามีแววอึ้งนิดๆ ผมยิ้มแหะๆ แล้วหันไปรับไอติมจากพนักงาน สะกิดวิคเตอร์แล้วแบมือขอเงิน
“How much?” ผมชูนิ้วห้านิ้วเป็นสัญญาณบอกว่าห้าสิบบาท แต่ไอ้ยักษ์กลับยื่นแบงค์สีม่วงที่มีราคาห้าร้อยบาทมาให้ผมแทน
“No. Fifty baht.” เขาขมวดคิ้วงง คงไม่เข้าใจว่าแบงค์ห้าสิบคืออันไหน วิคเตอร์ยังไม่คุ้นกับเงินบาทไทยทุกแบงค์ ทุกเหรียญ เขาจำแค่แบงค์ร้อยขึ้นไปเท่านั้น ผมเลยต้องล้วงหยิบกระเป๋าตังค์ตัวเองที่เขาเก็บเอาไว้ให้ออกมา หาแบงค์ห้าสิบหรือไม่ก็แบงค์ยี่สิบกับเหรียญสิบเอง แต่ท้ายที่สุดผมเจอเหรียญสิบห้าเหรียญเลยใช้อันนั้นจ่ายพนักงานไป แล้วรับถ้วยไอติมมาถือไว้ในมือ
“กลับก่อนนะพี่เอก” ผมหันไปยิ้มให้กับพี่เอกที่หายอึ้งทึ่งแล้ว เมื่อกี้คงทึ่งสินะที่ผมหาแฟนหล่อได้เกินหนังหน้าตัวเอง เขายิ้มกลับมาให้แล้วผงกหัวมาให้ทั้งผมและวิคเตอร์ แต่ไอ้ยักษ์กลับทำเฉย จนผมต้องรีบผงกหัวรับแทน ส่วนพี่ผู้หญิงมองวิคเตอร์แล้วขมวดคิ้วนิดหน่อย
“หน้าแฟนน้องเขาเหมือนดาราที่เขาชอบเลยอ่ะเอก” ผมได้ยินเสียงพูดของพี่ผู้หญิงแว่วๆ ตอนที่เรากำลังเดินผ่านเขาทั้งสองคนไป
ถ้าพี่ชอบซีรีส์ The Secret Of Darkness ที่มีพระเอกชื่อวิคเตอร์ เรย์มอนด์แสดงนำ ก็นั่นแหละพี่ คนเดียวกับที่พี่ชอบ
ไอ้ยักษ์เตรียมพบหมอเร็วๆ นี้แล้วละค่าาา อารมณ์ลุ่มๆ ดอนๆ ทั้งผัวทั้งเมียเลยช่วงนี้ เป็นช่วงเวลายุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน แต่แน่นอนว่ามันต้องค่อยๆ คลี่คลายกันไป มันไม่อยู่ในสภาพนี้ยาวนานหรอกแน้คะ แมทเองก็ยังสับสนว่าตัวเองทนอยู่หรืออยู่ทน คือทั้งสองคนเพิ่งเริ่มต้นความสัมพันธ์มันเลยอาจจะยังงึกๆ งักๆ เดินๆ อยู่ก็สะดุดเกือบหน้าทิ่ม ใช่ว่าคบกันแล้วมันจะราบรื่นไปหมดเนาะ -.,- สุขทุกข์สลับกันไป เพียงแต่ตอนนี้ทุกข์มันยังลอยอบอวลรอบๆ ตัวเขาสองคนอยู่ รอแสงอาทิตย์มาสาดส่องให้หมอกควันสีเทาของพวกเขาสองคนหายไปปปป
อ้อ แจ้งไว้ เผื่อมีใครสนใจ หนังสือ พี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน รอบรีปริ้นครั้งที่ 2 รอบเก็บตกตอนนี้เหลือ 12 ชุดค่ะ 12 ชุดนี่คือใครโอนเงินมาก่อน ตอมก็จัดส่งให้เลยค่ะ ไม่ได้มีการจองใดๆ ก่อน หากใครสนใจก็ติดต่อตอมได้ที่ข้อความเพจหรือทวิตเตอร์ สำหรับรอบโอนเงินตอมจัดส่งให้ไปหมดแล้วนะคะ มีอยู่สองชุดที่ยังไม่ได้ส่ง เพราะยังไม่ได้แจ้งชื่อกับที่อยู่และยังโอนเงินค่าจัดส่งมาค่า สำหรับหนังสือพาร์ท Only You ตอนแรกจะให้ลงชื่อสองสามวันนี้ แต่ตอมคิดว่ารอให้รายละเอียดหนังสือมันนิ่งก่อนดีกว่าค่ะ จะได้แจ้งชัดเจนว่ามีจำนวนกี่หน้า ตอนพิเศษไม่ลงเว็บกี่ตอนชัวร์ๆ ตอนหลักจบตอนที่เท่าไหร่ อะไรแบบนี้ค่ะ ขอเวลาอีกสักแปบบบ สำหรับใครที่บอกตอมว่ากำเงินไว้เพื่อรอซื้อหนังสือพาร์ทสองของพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน กำไว้ก่อนๆ อย่าเพิ่งปล่อย แต่ตอนพิเศษที่จะมีในเล่มแบบคร่าวๆ นะคะ ก็จะมีตอนที่ เขยฝรั่งปะทะกับพ่อตา, มีหนุ่มใหม่มาเป็นคู่แข่งไอ้ยักษ์, ไอ้ยักษ์อ้อนเมียตอนเมา มีอีกนะคะ มีราวๆ แปดตอน เดี๋ยวพอต้นฉบับปิดจริงๆ แล้ว จะแจ้งให้ทราบจ้า
ใครเจอคำผิดแจ้งได้เลยนะค้าาา (ตอนที่แล้วยังไม่ได้แก้เลย 55555) เดี๋ยวตามแก้ให้ถูกต้องจ้าาา