Only You EP.27 :: Special Earthquake [50%]Special: Earthquake
“พวกมึง เด็กมนุษย์ฯ มาจ้างทำฉากละครเวทีว่ะ” ผมไม่ได้สนใจเสียงของไอ้แว่นไนน์ ก้มหน้าก้มตาร่างแบบห้องรับแขกที่ต้องส่งอาจารย์ต่อไปด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ละงานก็เร่งวันเร่งคืน แต่ละอาจารย์ก็แข่งกันให้งานเหลือเกิน
“เอกอะไรมาจ้าง” ใครสักคนเอ่ยถามขึ้น ผมหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดูดแก้กระหายไปสามอึก
“เอกอิ๊ง” ไอ้ไนน์ตอบพลางนั่งลงตรงข้ามผม มีการหยิบขนมของผมไปแดกหน้าตาเฉยด้วย
“เอกอิ๊งมีทำละครเวทีด้วยเหรอวะ”
“เห็นว่าเป็นวิชาเรียนเนี่ยแหละ แล้วเขาก็ต้องมีฉากขึ้นเวทีอ่ะ เขาคิดงานมาแล้ว เหลือแค่ให้เราช่วยทำให้มันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง”
“เดี๋ยวนะมึง เขาเข้าใจอะไรผิดป้ะวะ เราออกแบบนะ ไม่ได้ทำ ทำไมเขาไม่ไปจ้างพวกเด็กศิลปกรรมอ่ะ”
“กูบอกเองอ่ะว่าพอจะทำได้อยู่บ้าง” ไอ้ไนน์บอกเสียงไม่สะทกสะท้าน ผมที่ก้มหน้าอยู่นานพอได้ยินมันพูดแบบนั้นก็อดจะหมั่นไส้มันไม่ได้
“ไอ้เหี้ย มึงเอาใจสาวใหม่ใช่มั้ย” ไอ้ไนน์ขมวดคิ้วแน่น
“สาวใหม่เหี้ยอะไร หนุ่มออกสาวอะดิ” เป็นผมบ้างที่ขมวดคิ้วมองไอ้แว่นกลับไป เพื่อนในกลุ่มอ้าปากค้างหวอ
“ไอ้ไนน์ นี่มึงชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่?!” ไอ้เปาถามน้ำเสียงตะลึงพอๆ กับสีหน้าของมัน ไอ้แว่นไนน์ทำหน้าเซ็งใส่พวกผม
“ที่กูหมายถึงคือผู้กำกับละครเวทีของเอกนั้น คือเพื่อนกูที่อยู่เอกนั้นอ่ะติดต่อกูมาว่าให้ไปช่วย เขาลองไปถามสินกำแล้วแต่ทางนั้นเขาไม่รับงาน เลยหวังพึ่งเรา กูก็เลยลองไปคุยๆ งานดู มันก็ไม่ได้ยากอะไร เลยบอกว่าพอจะทำได้ แต่ไม่รับปาก”
“อ้าว ถ้าไม่รับปาก งั้นก็ไม่ต้องไปทำดิ” ผมยักไหล่ ก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไป
“กูปฏิเสธไปแล้ว แต่ผู้กำกับแม่งตื๊อชิบหาย นางบอกว่าเราเป็นเสมือนโอเอซิสในทะเลทรายโปรดช่วยพวกนางที” ทั้งกลุ่มหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับความพรรณนาของคนที่ไอ้ไนน์เอ่ยถึง ผมยังร่วมหัวเราะไปด้วย แม่งภาษาสวยเชียว
“ไปช่วยพวกนั้น แล้วงานพวกเราอ่ะ เยอะไม่พอเหรอวะ” ไอ้เจ๋งหนุ่มผิวเข้มเหมือนคนใต้แต่จริงๆ มันเป็นคนกรุงเทพฯแต่กำเนิดเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีแววหดหู่นิดๆ
“แต่ได้ค่าจ้างนะเว้ย”
“ค่าจ้างเยอะขนาดไหนเชียววะไอ้ไนน์ มึงถึงดูอยากทำจัง” ไอ้เปาถามคำถามที่ผมนึกอยากจะถามมันพอดี
“ค่าจ้างไม่เยอะหรอก แต่กูว่ามันเป็นพอร์ทฟอลิโอ้ให้เรานะมึง ผู้กำกับแม่งชักแม่น้ำยิ่งกว่าห้าสาย นางบอกกูว่า อาจารย์ที่สอนพวกเราจะต้องยินดีเป็นอย่างมากที่ลูกศิษย์ได้แสดงฝีมือ นางบอกว่าละครเวทีเอกนางไม่ใช่ขี้ๆ ถ้าฉากของพวกเราได้ขึ้นเวทีมีแต่ได้กับได้”
“โอ้โห…” แทบจะทุกคนในกลุ่มโห่เสียงร้องออกมาอีกครั้ง ผมย่นคิ้วกับความพร่ำเพ้อของไอ้ผู้กำกับคนนี้ซะจริง
“แต่กูว่าก็ท่าจะดีนะ อาจารย์ก็ยังเคยบอกนี่หว่าว่าถ้ามีโอกาสได้ลองใช้วิชาที่เรียนมาก็ใช้ดูไม่เสียหายอะไร ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งผลงานไว้อวดตอนไปสมัครงาน” ไอ้จ๊อบหนุ่มเหนือเสนอขึ้นมาบ้าง หลายๆ คนเริ่มดูจะคล้อยตามกับความคิดนี้
“แต่มึง งานเราเยอะชิบหายเลยนะ” ผมลองขัดพวกมัน แต่ก็ไม่ได้ขัดเอาเป็นเอาตาย
“ก็ไม่ได้รีบส่งป้ะวะ แล้วงานทำฉากแม่งก็คงไม่ได้ใช้เวลาเป็นเดือนๆ อ่ะ เพราะจะแสดงเดือนหน้าแล้ว”
“โห ไอ้ห่า งานเร่งนี่หว่า” ไอ้เปาบ่น
“แต่มันทำไม่เยอะมึง ทำอยู่สี่ฉากเอง กูว่าไหวอยู่นะ เมื่อกี้ก่อนมากูเจออาจารย์ที แกก็บอกว่าเอาเลย เป็นโอกาสที่ดี” มันอ้างถึงอาจารย์ที่สอนวิชาออกแบบของพวกเรา ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของการสั่งงานที่ผมกำลังหน้าดำคร่ำเครียดคิดหัวจะแตกอยู่
“ถ้าแกเลื่อนเวลาส่งงานไปอีก กูจะไปทำฉากให้เด็กเอกอิ๊ง” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ แต่ไอ้ไนน์กลับยิ้มกริ่ม
“งั้นมึงก็คงต้องไปทำแล้วแหละ” เป็นอันว่าพวกเรารับงานนี้ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเราเต็มใจรับงานนี้กันหรือเปล่า
.
.
.
“เอ้า! สนุกจ้า สนุก ไม่ใช่งานศพ นี่มันงานเลี้ยงเต้นรำ ชาวบ้านแฮปปี้หน่อย ยิ้มเยอะๆ ผู้หญิงยิ้มมากๆ ยิ้มให้เหมือนเวลาช้อยชายหน่อย!!” เสียงแว้ดๆ แจ้วๆ ดังไปลั่นห้องซ้อมละครเวที ผมขมวดคิ้วมองใครสักคนที่ยืนหันหลังมาทางพวกผม เจ้าตัวกำลังยืนเท้าเอวแล้วตะเบ็งเสียงด่าคนอื่นเขาไปทั่ว
“นั่นแหละพวกมึง ผู้กำกับที่กูบอก” ทุกคนทำหน้าว่าอ้อ แล้วอมยิ้มขำกันน้อยๆ
“เน่!! ไอ้มี่ มึงเป็นพระเอกนะเว้ย เดินให้มันสมกับเป็นเจ้าชายหน่อย เดินไหล่กระตุกอยู่ได้ ถ้ายังเดินกระตุกอยู่นะ เดี๋ยวต่อไปกูจะเอาไม้ฟาดหัวมึงแล้วนะ ฮ่วย!” ไอ้คนโดนด่าแทนที่จะโกรธ แต่มันกลับหัวเราะเสียงดัง รวมทั้งคนอื่นๆ ก็ขำไปกับเสียงแว้ดๆ นั่นเช่นกัน
“โห เสียงดีชิบหาย ดังกว่าผู้ใหญ่บ้านประกาศเรื่องกู้เงินล้านอีก” พวกเราหัวเราะดังลั่นกับมุกตลกกากๆ ของไอ้เจ๋ง นั่นเลยทำให้คนที่กำลังส่งเสียงอยู่หน้าเวทีหันมามองตาลุกวาว
“เสียงดังอะไร?! กินโทรโข่งเป็นอาหารเย็นกันมารึไงห๊า…” เจ้าตัวกำลังจะอ้าปากด่าพวกผมที่ยืนตะลึงไปแล้วต่อ แต่มีใครคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างกับเจ้าตัว แม่เสียงใสหน้าเหวอไปนิด ก่อนที่จะหันมายิ้มกว้างให้กับพวกผม จนพวกผมงง
“ตามสบายเลยจ้าหนุ่มๆ จะประชุม จะพูดคุย จะเสียงดังยังไงก็เต็มที่เลย!” พอส่งยิ้มให้พวกผมเสร็จแล้ว เขาก็หันไปดุพวกนักแสดงบนเวทีต่อ พวกผมหันมามองหน้ากันเอ๋อๆ สักพักก่อนที่จะขำพรืดออกมากับความเพี้ยนของคนๆ นี้
“เฮ้ย ไนน์ เดี๋ยวไปคุยงานก่อน เสร็จแล้วจะได้เอาไปเสนอไอ้แมทมัน” เพื่อนผู้หญิงของไอ้ไนน์บอกแล้วชี้ไปที่คนตัวเล็กที่ตอนนี้ขึ้นไปบนเวทีแล้วกำลังเอาบทตีหัวใครสักคนอยู่ด้วยหน้าตาหมั่นไส้เต็มแรง
“เขาจะแดกหัวพวกกูป้ะวะ” เออ ผมสงสัยแบบเดียวกับไอ้ไนน์ แม่งดุยิ่งกว่าหมา
“โอ๊ย ไม่หรอก มันเป็นแบบนี้แค่ในเวลางานเท่านั้นแหละ นอกงานมันบ้าจะตาย” ดูไม่น่าเป็นไปได้ ผมว่าเขาดูทรงพลังอยู่ตลอดเวลา
พวกเรามานั่งคุยรายละเอียดงานกันตรงมุมหนึ่งของห้องซ้อมโดยมีเสียงอันกึกก้องของแมทผู้กำกับละครเวทีเรื่องนี้กับเสียงดนตรีประกอบฉากดังเป็นระยะๆ ผมเหลือบไปมองอยู่หลายครั้งก็เห็นว่าเขาคึกมาก เขาดูมีพลังงานเหลือเฟือ ดูกระปรี้กระเปร่าอย่างกับกินเอ็มร้อยห้าสิบเข้าไปหลายขวด
“อันนี้มันจะทำได้เหรอ ไม่น่าทำได้นะ เวทีเล็กอะ” ไอ้ไนน์ขมวดคิ้วมองแบบร่างของอะไรบางอย่างบนกระดาษเอสี่
“แมทมันอยากได้อะ มันรีเควสอันนี้สุด” เพื่อนไนน์พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“แต่มันทำยากนะเว่ย ไฟหาไม่ยากก็จริง ฉากทำไม่ยากก็จริง แต่ไอ้ที่เขาจะเล่นบนเวทีอะ ไม่สะดวกหรอก”
“งั้นเดี๋ยวรอมันซ้อมนักแสดงเสร็จค่อยเรียกมันมาคุย แต่ทำใจไว้หน่อยนะ” พวกผมหันไปมองเพื่อนไอ้ไนน์ รายนั้นทำแค่ยิ้มเพลียแล้วยักคิ้วหนึ่งที ผมหันไปมองหน้าเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนต่างมีสีหน้างง แต่ไม่ถึงกับไม่เข้าใจ เพราะดูได้จากการคุมนักแสดงแล้วนั้น ท่าทางจะเคี่ยวใช่ย่อย
“อะ พักก่อน!” เสียงตะโกนจากผู้กำกับร่างจ้อยดังขึ้น ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปหาอะไรกินระหว่างเบรก ผมเห็นคนชื่อแมทวิ่งดุ๊กๆ ไปที่กลุ่มหนึ่ง หยิบกล่องข้าวออกมาได้ก็นั่งลงแล้วโซ้ยข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
“แมท! ว่างมั้ย มาคุยตรงนี้แปบนึงสิ!” เพื่อนไนน์ตะโกนเรียก เจ้าตัวเบิกตากว้าง แก้มเขาป่องเพราะเคี้ยวข้าวยังไม่หมด แต่แมทก็พยักหน้ารับพลางลุกขึ้นแล้วเดินลงมาจากเวทีอย่างเร็ว ในมือถือกล่องข้าวมาด้วย
“ว่างายกุ๊กกก” เขาตักข้าวเข้าปากอีกคำแล้วเคี้ยวแก้มยุ้ย ผมขมวดคิ้วนิดหน่อย นึกสงสัยว่าเมื่อกี้ยังดุๆ อยู่เลยตอนนี้เหมือนเด็กเลยแฮะ
“คือเราลองคุยกับคนที่เขาจะมาช่วยเราทำฉากอะ เขาบอกว่าฉากผ้าของแมทมันทำไม่ได้” เขาไม่ได้มองหน้าพวกผมเลยแม้แต่นิด แต่คิ้วเขาขมวดเข้าหากันทันที
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ มันยากตรงไหน ไม่ยากเลยนะ” เขาหยุดตักข้าวเข้าปาก สีหน้าเริ่มมีความจริงจังเหมือนตอนคุมนักแสดงบนเวที
“คือพื้นที่มันไม่พออะ แค่ฉากหลัง ของประกอบฉากก็แน่นแล้ว ถ้าเพิ่มอันนี้เข้าไปมันจะลำบากนะ” ไอ้ไนน์พยายามอธิบาย เขาเหลือบมองไอ้ไนน์แวบหนึ่งก่อนที่สายตาจะเลื่อนไปมองเอสี่ในมือไอ้แว่น เขายื่นมือมาขอไปดู แล้วก็ส่ายหัวอย่างดื้อดึง
“ไม่ลำบาก ทำได้” เขาพูดเสียงเฉียบขาด
“คือผมกลัวมันจะเปลืองงบโดยเปล่าประโยชน์” ไอ้ไนน์ยังคงเจรจาด้วยน้ำเสียงสุภาพต่อไป อีกฝ่ายส่ายหัวอีกครั้ง
“ไม่เปลืองแน่นอน เราเชื่อว่ามันทำได้ ถ้าไม่สะดวกทำ บอก เดี๋ยวเราตอกไม้เอง เย็บผ้าเอง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงไม่ยอมแพ้ แววตาเขามุ่งมั่นมากว่าที่เขาคิดนั้นเป็นไปได้อย่างที่เขาคิดแน่นอน
“โอเค ก็ถ้าคุณจะเอา ผมก็ทำให้ได้ครับ” ไอ้ไนน์ว่าอย่างจำยอม
“เยี่ยม ในส่วนอื่นๆ ไม่มีปัญหาใช่มั้ย” เพื่อนของไอ้ไนน์หันไปโบกมือว่าไม่มี เจ้าตัวยิ้มกริ่มแล้วหมุนตัวกลับไปทางเวทีตามเดิม
“หัวรั้นเหมือนกันนะเนี่ย แม่งไม่ฟังเลยอะ” ไอ้เปาบอกสีหน้าแหยหน่อยๆ คนอื่นๆ เหมือนจะพยักหน้าเห็นด้วยกลายๆ
“บอกแล้วว่าต้องทำใจหน่อย ถ้าอันไหนแมทมันมั่นใจว่าจะทำ ไม่มีใครขัดมันได้หรอก อาจารย์ยังยอมมันมาแล้ว” เพื่อนไอ้ไนน์ทำหน้าหน่ายใจจนพวกผมหัวเราะ ท่าทางคงเจอฤทธิ์ผู้กำกับมาเยอะพอสมควร ผมหันไปมองที่เวที แมทกำลังลุกขึ้นยืนพลางหัวเราะเสียงดัง ในมือถือบทไว้ พอหัวเราะเสร็จเขาก็ยืนขึ้นอ่านบท ก้มหน้าก้มตาอยู่คนเดียวด้วยใบหน้านิ่งสนิท แล้วสักพักเขาก็ตะโกนลั่น
“ซ้อม!” มีเสียงโห่มาจากพวกนักแสดง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงบ่นว่าเบรกแค่แปบเดียวเท่านั้น
“ไม่อยากกลับบ้านไวๆ เหรอ วันนี้กะเลิกกองสองทุ่มนะ เปลี่ยนใจดีกว่าเลิกห้าทุ่มเหมือนเดิม!” ทุกคนรีบกรูขึ้นไปบนเวที แมทยิ้มพอใจ แล้วก็เริ่มแจกแจงรายละเอียดให้ทุกคนฟังด้วยท่าทีเป็นการเป็นงาน
“ไอ้เอิร์ท มึงสนใจเขาเหรอวะ” ผมหันกลับมามองไอ้เปาที่นั่งขมวดคิ้วมองผมอยู่
“สนใจเหี้ยไร”
“ไม่ใช่เหี้ย นู่นน่ะ คนนั้น กูเห็นมึงนั่งมองเขาบ่อยมากเลยนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกงงๆ กับตัวเอง
“เหรอวะ”
“เออดิ มึงหันไปมองเขาบ่อยมาก กูรู้มึงไม่ได้แอนตี้ผู้ชาย แต่ถ้ามึงจะมีแฟนเป็นผู้ชายจริง กูว่ามึงเอาพี่คนที่ตามจีบมึงอยู่ไม่ดีกว่าเหรอวะ ดูดีกว่า แถมรวยอีก” ผมย่นคิ้วส่ายหัวให้กับความคิดวิเคราะห์ของไอ้เปา
“ไปใหญ่ละไอ้ห่า ตากูมันไปเอง แล้วกูก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาด้วย” ตาผมมันไปเองจริงๆ นะ ผมว่าหลายๆ คนคงเคยเป็นแหละที่ไม่ได้ตั้งใจจะมอง แต่สายตากับสติอันเบลอมึนพากันหันไปมองโดยที่เราไม่ได้คิดจะมองเขาจริงๆ
.
.
.
ผมไม่ได้คิดจะมองเขาจริงๆ อย่างที่บอกไอ้เปานะ แต่พอเวลาทำงานใกล้ๆ กัน ผมเป็นห่าอะไรไม่รู้ชอบมองเขาอยู่เรื่อย ผมเคยลองนั่งถามตัวเองนะว่าเป็นอะไรทำไมถึงมอง ก็ได้คำตอบว่า ผมชอบมองหน้าเขาอะ มีหลายอารมณ์ดี เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวหน้าตาย เดี๋ยวตลก เดี๋ยวจริงจัง เหมือนผมกำลังมองกิ้งก่าเปลี่ยนสีเล่นๆ อยู่เลย แล้วผมจะฮามากเวลาที่เขาส่งเสียงแว้ดๆ ใส่นักแสดง เขาไม่ได้ด่ากราดหรือด่าเบ่งอำนาจ แต่ด่าเอาฮา บางทีก็ด่าให้คิด ให้รู้จักเกรงใจเอง อย่างตอนนี้ที่เขากำลังด่านักแสดงกลุ่มหนึ่งที่มาสาย
“คือไม่ได้โกรธ ไม่ได้ว่า แต่อยู่ปีสามแล้ว ความรับผิดชอบก็ควรจะมีรึเปล่า แบบนี้ถ้าไปทำงาน แล้วไปสายแบบนี้ ทำงานไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ จะผ่านโปรเหรอ เจ้านายจะให้ทำงานต่อมั้ยอะ ถ้าเราเป็นเจ้านายพวกเธอ เราเอาออกนะ แต่พอดีเราไม่ใช่เจ้านาย เราเป็นเพื่อน เพียงแต่ตอนนี้ทุกคนมอบหมายให้เราเป็นคนดูแลงาน อาจารย์ก็มอบอำนาจให้เราดูแลตรงนี้ เราเลยคิดว่าคำสั่งเราน่าจะมีผลบ้างก็แค่นั้นเอง” เขาพูดหน้าตาปกติ น้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่ถ้าคนมีสมองมากหน่อยจะต้องรู้สึกนึกคิดมีความเกรงใจกับคำพูดนั้นของเขา พวกคนที่มาสายเอ่ยขอโทษแมทอย่างเกรงใจ
“ขอแค่ให้มาตรงเวลา เพราะจะได้รีบซ้อมรีบกลับ ขอแค่นี้เอง นอกเวลางานเราก็ไม่เคยไปยุ่ง แต่ในเวลางานขอเรายุ่งหน่อยเถอะ ถ้าสิ่งที่ทำอยู่มันจะทำให้เสียงาน” ดูเขาเอาจริงเอาจังกับงานมาก แล้วท่าทางจะมีความรับผิดชอบสูง แล้วเขาไม่เคยลืมงานในจุดอื่นๆ เลยนะ ผมเห็นไปเช็กไปถามทุกฝ่ายว่างานถึงไหนแล้ว มีปัญหาอะไรให้รีบแจ้ง อย่างตอนนี้เขาก็กำลังเดินมาทางพวกผมที่กำลังนั่งตีตัดตอกไม้กันอยู่
“นี่ๆ ซื้อไม้มาทำฉากที่เราขอไปมาด้วยรึเปล่า” เขากวาดตามองทุกคนไม่สนใจแช่สายตาไว้ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ผมเห็นเขาแอบย่นหน้าย่นคิ้ว
“ซื้อครับๆ อยู่ด้านโน้นเลย จะตอกเองเลยมั้ย” ไอ้เจ๋งเอ่ยหน้าทะเล้น แมทหันไปพยักหน้ารับหงึกหงัก เขาทำท่าจะเดินต่อไป แต่เขาก็หยุดแล้วหันมาขมวดคิ้วใส่พวกผม
“ใครสูบบุหรี่เนี่ย เตี่ยกับม๊าไม่เคยบอกเหรอว่ามันไม่ดี ฮู่ว! เหม็นฉุนจะตายห่าแล้ว” ที่แท้เขาก็เหม็นบุหรี่ พวกผมที่กำลังคาบบุหรี่ไว้ในปากถึงกับหันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองหลังของแมทที่เดินไปหยิบไม้ขึ้นมา เขายังคงทำหน้าว่าเหม็นแล้วหยิบไม้ขึ้นมาโบกไล่กลิ่นบุหรี่ไปให้พ้นจากตัวเขา
“โอ๊ย! เหม็นบุหรี่!!” ไอ้ไนน์เป็นคนนำทัพในการทิ้งบุหรี่ออกจากปากแล้วใช้เท้าขยี้ แล้วมันก็เหมือนโรคติดต่อไปในทันทีเมื่อพวกผมพากันทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้จนดับไป พอไม่มีกลิ่นบุหรี่แล้ว แมทก็เลิกทำหน้าตาเหมือนคนจะตายและหยุดโบกไม้ไปมา หันไปหัวเราะมุกตลกกับเพื่อนสาวคนหนึ่งที่เขาจิกหัว (จิกจริงๆ นะ) ให้มาช่วยเขาตอกไม้
“อะ… ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆ” เขาหัวเราะดังมาก ปากนี่อ้ากว้างจนแทบจะขว้างลูกเปตองเข้าไปในปากได้
“เชี่ย หัวเราะอร่อยชิบหาย” ไอ้เจ๋งมองหน้าแมทแล้วขำไปด้วยเลื่อยไม้ไปด้วย
“กูงงเขาว่ะ เปลี่ยนอารมณ์ไวไป๊ ยิ่งกว่าแฟนกูตอนเป็นเมนส์อีก” ไอ้เปาหัวเราะเสียงเบา สองมือมันก็ยังไม่หยุดทาสีลงบนไม้กระดาน
ผมหันไปมองแมทแล้วกระตุกยิ้มนิดหน่อย ตอนนี้เขากำลังนั่งตอกไม้ด้วยท่าทีจริงจัง สักพักเขาก็ทำหน้าตกใจแบบเหวอสุดขีดเมื่อค้อนกระเด็นหลุดออกจากมือเขา
“อ๊ากกกก! อีแบมระวังงง สามสี่ชะนีหนี!!!” เพื่อนเขาที่โดนลากมาช่วยตอกไม้ กระโดดหลบค้อนอย่างไว แล้วแทนที่เขาจะวิ่งเข้าไปดูเพื่อน แต่เขากลับนั่งหัวเราะตัวงอ
“อะๆๆๆๆๆ แอะๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ หน้าแกโคตรตลกเลย เหมือนลิงตกใจเสียงปืนอะ!”
“อีแมท อีบ้า ค้อนเกือบโดนหน้ากูเนี่ย!” เพื่อนเขาแว้ดเสียงแหลม แต่แมทยังคงนั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก จนคนรอบข้างเริ่มขำกับเสียงหัวเราะเขาที่หัวเราะได้อร่อยและถึงใจมาก ขนาดพวกไอ้ไนน์ยังนั่งขำกับเสียงหัวเราะเขาเลย
“กูว่าแม่งเพี้ยนว่ะ”
“มึงไม่รู้อะไรไอ้ไนน์ คนแบบนี้แหละถึงจะกำกับการแสดงได้ สติดีๆ งานมักออกมาไม่ดีหรอก” แล้วเราก็ขำไอ้เจ๋งกันเสียงดัง ขำที่มันเหมือนจะชมแต่แม่งก็เหมือนด่าอยู่ดี
“หัวเราะอะไรกัน มีอะไรตลกเหรอ ขำด้วยคนสิ!” พวกผมยิ้มค้าง หันไปมองแมทที่แกล้งหรี่ตามองอย่างจับผิดมาทางพวกเรา เขาไม่ได้ด่าจริงจัง เหมือนอันนี้จะเล่นด้วยมากกว่านะ
“พวกผมคุยถึงแก๊งค์สามช่าอยู่ครับเจ้าแม่ ไม่ได้ขำอะไรเจ้าแม่แมทเลยสักนิด!” ไอ้เจ๋งตอบกลับอย่างทะเล้น แมทยังหรี่ตามองพวกเราไม่เลิก ผมขำกับหน้าตาเขามาก
“อย่าให้รู้นะว่านินทาเรา ไม่งั้นจะเอากรรไกรเสียบหู!” ผมฮาลั่นออกมา เพราะหน้าตาเขาฮาเข้ากับจังหวะการพูดมาก เป็นคนที่ปล่อยมุกตลกได้จังหวะดีมากอ่ะ
“เฮ้ย?! ทำไมมันโหดจังวะ!” ทุกคนที่อยู่รอบๆ นั้นหัวเราะเสียงดัง รวมทั้งแมทเองก็หัวเราะตามไปด้วย เขากลับไปนั่งตอกไม้ต๊อกๆ ตามประสาคนทำไม่เป็นต่อไป ผมมองหน้าเขาแล้วยิ้มออกมา ตอนนี้หน้าเขาเหมือนเด็กกำลังตั้งใจวาดรูปลงบนกระดาษเอสี่รูปแรกในชีวิตไม่มีผิด
“ไอ้เหี้ยเอิร์ทแอบมองเขาอีกแล้วว่ะ” ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้เปา มันกำลังมองผมด้วยสายตาจับผิด ผมส่ายหัว หน้าตาเอือมระอา แล้วเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไรมันกลับไป
พาเอิร์ทออกงานบ้างงง 55555 แต่หลายคนคงไม่อยากเจอหลังจากทำร้ายจิตใจนุ้งแมทเอาไว้ แต่เอิร์ทออกมาช่วงเวลานี้แหละค่ะดีแล้ว เขาจะทำให้เราได้รู้จักแมทเพิ่มขึ้นอีกสักสองสามมุม
เวลางานแมทก็จะเป็นแบบนี้แหละค่ะ ตั้งใจ ทำอะไรจริงจัง ถ้าใครยังจำพ้อยท์ออฟวิวของเอิร์ทในซีซั่นแรกได้ ซีซั่นนี้เหมือนเอิร์ทมาขยายความเพิ่มเติม แต่ก็ไม่ยืดยาดหรอกค่ะ ลองอ่านไปเนาะ เดี๋ยวจะค่อยๆ เก็ทไปพร้อมกัน ตอนที่เอิร์ทกลับไปหาแฟนเก่า หลายคนไม่เข้าใจเอิร์ทว่าคิดอะไร มาตอนนี้อาจทำให้เข้าใจเขามากขึ้น แต่ก็ไม่ให้อภัยแหละเนอะ ฮ่าาา
พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทแรกรอบรีปริ้นรอบสอง เหลือเวลาโอนเงินอีกสามวันนะคะ หมดเขตวันที่ 20 นี้ค่ะ หมดรอบนี้ก็ไม่รีแล้ว ถ้ารีคงเจอกันในอีกหลายปี แต่เปอร์เซ็นต์ไม่รีสูงกว่า แล้วก็อีบุ๊คส์ไม่ทำค่ะ ตั้งใจไม่ทำอยู่แล้ววว
เจอคำผิดบอกกันได้เลยนะคะ