:Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18  (อ่าน 810622 ครั้ง)

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
«ตอบ #960 เมื่อ17-02-2016 00:13:51 »

อีหนูแมท หนูจะว่าพี่วิกเตอร์เค้าไม่ได้แล้วนะลูก
ถือว่าผลัดกันละนะ :laugh:

เอาจริงๆวิกเตอรมันโมโหแรง แต่ก็ยังรักนางอยู่ดีนะ นางหล่อและล่ำไง 5555

จะบอกว่าได้หนังสือแล้วนะคะ ขอบคุณมากค้ารา
ได้นานแล้วแหละ แต่ลืมบอก  :hao7:

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #961 เมื่อ17-02-2016 19:00:46 »



Only You EP.27 :: Special Earthquake [50%]



Special: Earthquake

“พวกมึง เด็กมนุษย์ฯ มาจ้างทำฉากละครเวทีว่ะ” ผมไม่ได้สนใจเสียงของไอ้แว่นไนน์ ก้มหน้าก้มตาร่างแบบห้องรับแขกที่ต้องส่งอาจารย์ต่อไปด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ละงานก็เร่งวันเร่งคืน แต่ละอาจารย์ก็แข่งกันให้งานเหลือเกิน


“เอกอะไรมาจ้าง” ใครสักคนเอ่ยถามขึ้น ผมหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดูดแก้กระหายไปสามอึก


“เอกอิ๊ง” ไอ้ไนน์ตอบพลางนั่งลงตรงข้ามผม มีการหยิบขนมของผมไปแดกหน้าตาเฉยด้วย


“เอกอิ๊งมีทำละครเวทีด้วยเหรอวะ”


“เห็นว่าเป็นวิชาเรียนเนี่ยแหละ แล้วเขาก็ต้องมีฉากขึ้นเวทีอ่ะ เขาคิดงานมาแล้ว เหลือแค่ให้เราช่วยทำให้มันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง”


“เดี๋ยวนะมึง เขาเข้าใจอะไรผิดป้ะวะ เราออกแบบนะ ไม่ได้ทำ ทำไมเขาไม่ไปจ้างพวกเด็กศิลปกรรมอ่ะ”


“กูบอกเองอ่ะว่าพอจะทำได้อยู่บ้าง” ไอ้ไนน์บอกเสียงไม่สะทกสะท้าน ผมที่ก้มหน้าอยู่นานพอได้ยินมันพูดแบบนั้นก็อดจะหมั่นไส้มันไม่ได้


“ไอ้เหี้ย มึงเอาใจสาวใหม่ใช่มั้ย” ไอ้ไนน์ขมวดคิ้วแน่น


“สาวใหม่เหี้ยอะไร หนุ่มออกสาวอะดิ” เป็นผมบ้างที่ขมวดคิ้วมองไอ้แว่นกลับไป เพื่อนในกลุ่มอ้าปากค้างหวอ


“ไอ้ไนน์ นี่มึงชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่?!” ไอ้เปาถามน้ำเสียงตะลึงพอๆ กับสีหน้าของมัน ไอ้แว่นไนน์ทำหน้าเซ็งใส่พวกผม


“ที่กูหมายถึงคือผู้กำกับละครเวทีของเอกนั้น คือเพื่อนกูที่อยู่เอกนั้นอ่ะติดต่อกูมาว่าให้ไปช่วย เขาลองไปถามสินกำแล้วแต่ทางนั้นเขาไม่รับงาน เลยหวังพึ่งเรา กูก็เลยลองไปคุยๆ งานดู มันก็ไม่ได้ยากอะไร เลยบอกว่าพอจะทำได้ แต่ไม่รับปาก”


“อ้าว ถ้าไม่รับปาก งั้นก็ไม่ต้องไปทำดิ” ผมยักไหล่ ก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไป


“กูปฏิเสธไปแล้ว แต่ผู้กำกับแม่งตื๊อชิบหาย นางบอกว่าเราเป็นเสมือนโอเอซิสในทะเลทรายโปรดช่วยพวกนางที” ทั้งกลุ่มหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับความพรรณนาของคนที่ไอ้ไนน์เอ่ยถึง ผมยังร่วมหัวเราะไปด้วย แม่งภาษาสวยเชียว


“ไปช่วยพวกนั้น แล้วงานพวกเราอ่ะ เยอะไม่พอเหรอวะ” ไอ้เจ๋งหนุ่มผิวเข้มเหมือนคนใต้แต่จริงๆ มันเป็นคนกรุงเทพฯแต่กำเนิดเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีแววหดหู่นิดๆ


“แต่ได้ค่าจ้างนะเว้ย”


“ค่าจ้างเยอะขนาดไหนเชียววะไอ้ไนน์ มึงถึงดูอยากทำจัง” ไอ้เปาถามคำถามที่ผมนึกอยากจะถามมันพอดี


“ค่าจ้างไม่เยอะหรอก แต่กูว่ามันเป็นพอร์ทฟอลิโอ้ให้เรานะมึง ผู้กำกับแม่งชักแม่น้ำยิ่งกว่าห้าสาย นางบอกกูว่า อาจารย์ที่สอนพวกเราจะต้องยินดีเป็นอย่างมากที่ลูกศิษย์ได้แสดงฝีมือ นางบอกว่าละครเวทีเอกนางไม่ใช่ขี้ๆ ถ้าฉากของพวกเราได้ขึ้นเวทีมีแต่ได้กับได้”


“โอ้โห…” แทบจะทุกคนในกลุ่มโห่เสียงร้องออกมาอีกครั้ง ผมย่นคิ้วกับความพร่ำเพ้อของไอ้ผู้กำกับคนนี้ซะจริง


“แต่กูว่าก็ท่าจะดีนะ อาจารย์ก็ยังเคยบอกนี่หว่าว่าถ้ามีโอกาสได้ลองใช้วิชาที่เรียนมาก็ใช้ดูไม่เสียหายอะไร ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งผลงานไว้อวดตอนไปสมัครงาน” ไอ้จ๊อบหนุ่มเหนือเสนอขึ้นมาบ้าง หลายๆ คนเริ่มดูจะคล้อยตามกับความคิดนี้


“แต่มึง งานเราเยอะชิบหายเลยนะ” ผมลองขัดพวกมัน แต่ก็ไม่ได้ขัดเอาเป็นเอาตาย


“ก็ไม่ได้รีบส่งป้ะวะ แล้วงานทำฉากแม่งก็คงไม่ได้ใช้เวลาเป็นเดือนๆ อ่ะ เพราะจะแสดงเดือนหน้าแล้ว”


“โห ไอ้ห่า งานเร่งนี่หว่า” ไอ้เปาบ่น


“แต่มันทำไม่เยอะมึง ทำอยู่สี่ฉากเอง กูว่าไหวอยู่นะ เมื่อกี้ก่อนมากูเจออาจารย์ที แกก็บอกว่าเอาเลย เป็นโอกาสที่ดี” มันอ้างถึงอาจารย์ที่สอนวิชาออกแบบของพวกเรา ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของการสั่งงานที่ผมกำลังหน้าดำคร่ำเครียดคิดหัวจะแตกอยู่


“ถ้าแกเลื่อนเวลาส่งงานไปอีก กูจะไปทำฉากให้เด็กเอกอิ๊ง” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ แต่ไอ้ไนน์กลับยิ้มกริ่ม


“งั้นมึงก็คงต้องไปทำแล้วแหละ” เป็นอันว่าพวกเรารับงานนี้ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเราเต็มใจรับงานนี้กันหรือเปล่า



.
.
.

“เอ้า! สนุกจ้า สนุก ไม่ใช่งานศพ นี่มันงานเลี้ยงเต้นรำ ชาวบ้านแฮปปี้หน่อย ยิ้มเยอะๆ ผู้หญิงยิ้มมากๆ ยิ้มให้เหมือนเวลาช้อยชายหน่อย!!” เสียงแว้ดๆ แจ้วๆ ดังไปลั่นห้องซ้อมละครเวที ผมขมวดคิ้วมองใครสักคนที่ยืนหันหลังมาทางพวกผม เจ้าตัวกำลังยืนเท้าเอวแล้วตะเบ็งเสียงด่าคนอื่นเขาไปทั่ว


“นั่นแหละพวกมึง ผู้กำกับที่กูบอก” ทุกคนทำหน้าว่าอ้อ แล้วอมยิ้มขำกันน้อยๆ


“เน่!! ไอ้มี่ มึงเป็นพระเอกนะเว้ย เดินให้มันสมกับเป็นเจ้าชายหน่อย เดินไหล่กระตุกอยู่ได้ ถ้ายังเดินกระตุกอยู่นะ เดี๋ยวต่อไปกูจะเอาไม้ฟาดหัวมึงแล้วนะ ฮ่วย!” ไอ้คนโดนด่าแทนที่จะโกรธ แต่มันกลับหัวเราะเสียงดัง รวมทั้งคนอื่นๆ ก็ขำไปกับเสียงแว้ดๆ นั่นเช่นกัน


“โห เสียงดีชิบหาย ดังกว่าผู้ใหญ่บ้านประกาศเรื่องกู้เงินล้านอีก” พวกเราหัวเราะดังลั่นกับมุกตลกกากๆ ของไอ้เจ๋ง นั่นเลยทำให้คนที่กำลังส่งเสียงอยู่หน้าเวทีหันมามองตาลุกวาว


“เสียงดังอะไร?! กินโทรโข่งเป็นอาหารเย็นกันมารึไงห๊า…” เจ้าตัวกำลังจะอ้าปากด่าพวกผมที่ยืนตะลึงไปแล้วต่อ แต่มีใครคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างกับเจ้าตัว แม่เสียงใสหน้าเหวอไปนิด ก่อนที่จะหันมายิ้มกว้างให้กับพวกผม จนพวกผมงง


“ตามสบายเลยจ้าหนุ่มๆ จะประชุม จะพูดคุย จะเสียงดังยังไงก็เต็มที่เลย!” พอส่งยิ้มให้พวกผมเสร็จแล้ว เขาก็หันไปดุพวกนักแสดงบนเวทีต่อ พวกผมหันมามองหน้ากันเอ๋อๆ สักพักก่อนที่จะขำพรืดออกมากับความเพี้ยนของคนๆ นี้


“เฮ้ย ไนน์ เดี๋ยวไปคุยงานก่อน เสร็จแล้วจะได้เอาไปเสนอไอ้แมทมัน” เพื่อนผู้หญิงของไอ้ไนน์บอกแล้วชี้ไปที่คนตัวเล็กที่ตอนนี้ขึ้นไปบนเวทีแล้วกำลังเอาบทตีหัวใครสักคนอยู่ด้วยหน้าตาหมั่นไส้เต็มแรง


“เขาจะแดกหัวพวกกูป้ะวะ” เออ ผมสงสัยแบบเดียวกับไอ้ไนน์ แม่งดุยิ่งกว่าหมา


“โอ๊ย ไม่หรอก มันเป็นแบบนี้แค่ในเวลางานเท่านั้นแหละ นอกงานมันบ้าจะตาย” ดูไม่น่าเป็นไปได้ ผมว่าเขาดูทรงพลังอยู่ตลอดเวลา


พวกเรามานั่งคุยรายละเอียดงานกันตรงมุมหนึ่งของห้องซ้อมโดยมีเสียงอันกึกก้องของแมทผู้กำกับละครเวทีเรื่องนี้กับเสียงดนตรีประกอบฉากดังเป็นระยะๆ ผมเหลือบไปมองอยู่หลายครั้งก็เห็นว่าเขาคึกมาก เขาดูมีพลังงานเหลือเฟือ ดูกระปรี้กระเปร่าอย่างกับกินเอ็มร้อยห้าสิบเข้าไปหลายขวด


“อันนี้มันจะทำได้เหรอ ไม่น่าทำได้นะ เวทีเล็กอะ” ไอ้ไนน์ขมวดคิ้วมองแบบร่างของอะไรบางอย่างบนกระดาษเอสี่


“แมทมันอยากได้อะ มันรีเควสอันนี้สุด” เพื่อนไนน์พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ


“แต่มันทำยากนะเว่ย ไฟหาไม่ยากก็จริง ฉากทำไม่ยากก็จริง แต่ไอ้ที่เขาจะเล่นบนเวทีอะ ไม่สะดวกหรอก”


“งั้นเดี๋ยวรอมันซ้อมนักแสดงเสร็จค่อยเรียกมันมาคุย แต่ทำใจไว้หน่อยนะ” พวกผมหันไปมองเพื่อนไอ้ไนน์ รายนั้นทำแค่ยิ้มเพลียแล้วยักคิ้วหนึ่งที ผมหันไปมองหน้าเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนต่างมีสีหน้างง แต่ไม่ถึงกับไม่เข้าใจ เพราะดูได้จากการคุมนักแสดงแล้วนั้น ท่าทางจะเคี่ยวใช่ย่อย


“อะ พักก่อน!” เสียงตะโกนจากผู้กำกับร่างจ้อยดังขึ้น ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปหาอะไรกินระหว่างเบรก ผมเห็นคนชื่อแมทวิ่งดุ๊กๆ ไปที่กลุ่มหนึ่ง หยิบกล่องข้าวออกมาได้ก็นั่งลงแล้วโซ้ยข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ


“แมท! ว่างมั้ย มาคุยตรงนี้แปบนึงสิ!” เพื่อนไนน์ตะโกนเรียก เจ้าตัวเบิกตากว้าง แก้มเขาป่องเพราะเคี้ยวข้าวยังไม่หมด แต่แมทก็พยักหน้ารับพลางลุกขึ้นแล้วเดินลงมาจากเวทีอย่างเร็ว ในมือถือกล่องข้าวมาด้วย


“ว่างายกุ๊กกก” เขาตักข้าวเข้าปากอีกคำแล้วเคี้ยวแก้มยุ้ย ผมขมวดคิ้วนิดหน่อย นึกสงสัยว่าเมื่อกี้ยังดุๆ อยู่เลยตอนนี้เหมือนเด็กเลยแฮะ


“คือเราลองคุยกับคนที่เขาจะมาช่วยเราทำฉากอะ เขาบอกว่าฉากผ้าของแมทมันทำไม่ได้” เขาไม่ได้มองหน้าพวกผมเลยแม้แต่นิด แต่คิ้วเขาขมวดเข้าหากันทันที


“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ มันยากตรงไหน ไม่ยากเลยนะ” เขาหยุดตักข้าวเข้าปาก สีหน้าเริ่มมีความจริงจังเหมือนตอนคุมนักแสดงบนเวที



“คือพื้นที่มันไม่พออะ แค่ฉากหลัง ของประกอบฉากก็แน่นแล้ว ถ้าเพิ่มอันนี้เข้าไปมันจะลำบากนะ” ไอ้ไนน์พยายามอธิบาย เขาเหลือบมองไอ้ไนน์แวบหนึ่งก่อนที่สายตาจะเลื่อนไปมองเอสี่ในมือไอ้แว่น เขายื่นมือมาขอไปดู แล้วก็ส่ายหัวอย่างดื้อดึง


“ไม่ลำบาก ทำได้” เขาพูดเสียงเฉียบขาด


“คือผมกลัวมันจะเปลืองงบโดยเปล่าประโยชน์” ไอ้ไนน์ยังคงเจรจาด้วยน้ำเสียงสุภาพต่อไป อีกฝ่ายส่ายหัวอีกครั้ง


“ไม่เปลืองแน่นอน เราเชื่อว่ามันทำได้ ถ้าไม่สะดวกทำ บอก เดี๋ยวเราตอกไม้เอง เย็บผ้าเอง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงไม่ยอมแพ้ แววตาเขามุ่งมั่นมากว่าที่เขาคิดนั้นเป็นไปได้อย่างที่เขาคิดแน่นอน


“โอเค ก็ถ้าคุณจะเอา ผมก็ทำให้ได้ครับ” ไอ้ไนน์ว่าอย่างจำยอม


“เยี่ยม ในส่วนอื่นๆ ไม่มีปัญหาใช่มั้ย” เพื่อนของไอ้ไนน์หันไปโบกมือว่าไม่มี เจ้าตัวยิ้มกริ่มแล้วหมุนตัวกลับไปทางเวทีตามเดิม


“หัวรั้นเหมือนกันนะเนี่ย แม่งไม่ฟังเลยอะ” ไอ้เปาบอกสีหน้าแหยหน่อยๆ คนอื่นๆ เหมือนจะพยักหน้าเห็นด้วยกลายๆ


“บอกแล้วว่าต้องทำใจหน่อย ถ้าอันไหนแมทมันมั่นใจว่าจะทำ ไม่มีใครขัดมันได้หรอก อาจารย์ยังยอมมันมาแล้ว” เพื่อนไอ้ไนน์ทำหน้าหน่ายใจจนพวกผมหัวเราะ ท่าทางคงเจอฤทธิ์ผู้กำกับมาเยอะพอสมควร ผมหันไปมองที่เวที แมทกำลังลุกขึ้นยืนพลางหัวเราะเสียงดัง ในมือถือบทไว้ พอหัวเราะเสร็จเขาก็ยืนขึ้นอ่านบท ก้มหน้าก้มตาอยู่คนเดียวด้วยใบหน้านิ่งสนิท แล้วสักพักเขาก็ตะโกนลั่น


“ซ้อม!” มีเสียงโห่มาจากพวกนักแสดง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงบ่นว่าเบรกแค่แปบเดียวเท่านั้น


“ไม่อยากกลับบ้านไวๆ เหรอ วันนี้กะเลิกกองสองทุ่มนะ เปลี่ยนใจดีกว่าเลิกห้าทุ่มเหมือนเดิม!” ทุกคนรีบกรูขึ้นไปบนเวที แมทยิ้มพอใจ แล้วก็เริ่มแจกแจงรายละเอียดให้ทุกคนฟังด้วยท่าทีเป็นการเป็นงาน


“ไอ้เอิร์ท มึงสนใจเขาเหรอวะ” ผมหันกลับมามองไอ้เปาที่นั่งขมวดคิ้วมองผมอยู่


“สนใจเหี้ยไร”


“ไม่ใช่เหี้ย นู่นน่ะ คนนั้น กูเห็นมึงนั่งมองเขาบ่อยมากเลยนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกงงๆ กับตัวเอง


“เหรอวะ”


“เออดิ มึงหันไปมองเขาบ่อยมาก กูรู้มึงไม่ได้แอนตี้ผู้ชาย แต่ถ้ามึงจะมีแฟนเป็นผู้ชายจริง กูว่ามึงเอาพี่คนที่ตามจีบมึงอยู่ไม่ดีกว่าเหรอวะ ดูดีกว่า แถมรวยอีก” ผมย่นคิ้วส่ายหัวให้กับความคิดวิเคราะห์ของไอ้เปา


“ไปใหญ่ละไอ้ห่า ตากูมันไปเอง แล้วกูก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาด้วย” ตาผมมันไปเองจริงๆ นะ ผมว่าหลายๆ คนคงเคยเป็นแหละที่ไม่ได้ตั้งใจจะมอง แต่สายตากับสติอันเบลอมึนพากันหันไปมองโดยที่เราไม่ได้คิดจะมองเขาจริงๆ

.
.
.

ผมไม่ได้คิดจะมองเขาจริงๆ อย่างที่บอกไอ้เปานะ แต่พอเวลาทำงานใกล้ๆ กัน ผมเป็นห่าอะไรไม่รู้ชอบมองเขาอยู่เรื่อย ผมเคยลองนั่งถามตัวเองนะว่าเป็นอะไรทำไมถึงมอง ก็ได้คำตอบว่า ผมชอบมองหน้าเขาอะ มีหลายอารมณ์ดี เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวหน้าตาย เดี๋ยวตลก เดี๋ยวจริงจัง เหมือนผมกำลังมองกิ้งก่าเปลี่ยนสีเล่นๆ อยู่เลย แล้วผมจะฮามากเวลาที่เขาส่งเสียงแว้ดๆ ใส่นักแสดง เขาไม่ได้ด่ากราดหรือด่าเบ่งอำนาจ แต่ด่าเอาฮา บางทีก็ด่าให้คิด ให้รู้จักเกรงใจเอง อย่างตอนนี้ที่เขากำลังด่านักแสดงกลุ่มหนึ่งที่มาสาย


“คือไม่ได้โกรธ ไม่ได้ว่า แต่อยู่ปีสามแล้ว ความรับผิดชอบก็ควรจะมีรึเปล่า แบบนี้ถ้าไปทำงาน แล้วไปสายแบบนี้ ทำงานไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ จะผ่านโปรเหรอ เจ้านายจะให้ทำงานต่อมั้ยอะ ถ้าเราเป็นเจ้านายพวกเธอ เราเอาออกนะ แต่พอดีเราไม่ใช่เจ้านาย เราเป็นเพื่อน เพียงแต่ตอนนี้ทุกคนมอบหมายให้เราเป็นคนดูแลงาน อาจารย์ก็มอบอำนาจให้เราดูแลตรงนี้ เราเลยคิดว่าคำสั่งเราน่าจะมีผลบ้างก็แค่นั้นเอง” เขาพูดหน้าตาปกติ น้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่ถ้าคนมีสมองมากหน่อยจะต้องรู้สึกนึกคิดมีความเกรงใจกับคำพูดนั้นของเขา พวกคนที่มาสายเอ่ยขอโทษแมทอย่างเกรงใจ


“ขอแค่ให้มาตรงเวลา เพราะจะได้รีบซ้อมรีบกลับ ขอแค่นี้เอง นอกเวลางานเราก็ไม่เคยไปยุ่ง แต่ในเวลางานขอเรายุ่งหน่อยเถอะ ถ้าสิ่งที่ทำอยู่มันจะทำให้เสียงาน” ดูเขาเอาจริงเอาจังกับงานมาก แล้วท่าทางจะมีความรับผิดชอบสูง แล้วเขาไม่เคยลืมงานในจุดอื่นๆ เลยนะ ผมเห็นไปเช็กไปถามทุกฝ่ายว่างานถึงไหนแล้ว มีปัญหาอะไรให้รีบแจ้ง อย่างตอนนี้เขาก็กำลังเดินมาทางพวกผมที่กำลังนั่งตีตัดตอกไม้กันอยู่


“นี่ๆ ซื้อไม้มาทำฉากที่เราขอไปมาด้วยรึเปล่า” เขากวาดตามองทุกคนไม่สนใจแช่สายตาไว้ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ผมเห็นเขาแอบย่นหน้าย่นคิ้ว


“ซื้อครับๆ อยู่ด้านโน้นเลย จะตอกเองเลยมั้ย” ไอ้เจ๋งเอ่ยหน้าทะเล้น แมทหันไปพยักหน้ารับหงึกหงัก เขาทำท่าจะเดินต่อไป แต่เขาก็หยุดแล้วหันมาขมวดคิ้วใส่พวกผม


“ใครสูบบุหรี่เนี่ย เตี่ยกับม๊าไม่เคยบอกเหรอว่ามันไม่ดี ฮู่ว! เหม็นฉุนจะตายห่าแล้ว” ที่แท้เขาก็เหม็นบุหรี่ พวกผมที่กำลังคาบบุหรี่ไว้ในปากถึงกับหันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองหลังของแมทที่เดินไปหยิบไม้ขึ้นมา เขายังคงทำหน้าว่าเหม็นแล้วหยิบไม้ขึ้นมาโบกไล่กลิ่นบุหรี่ไปให้พ้นจากตัวเขา


“โอ๊ย! เหม็นบุหรี่!!” ไอ้ไนน์เป็นคนนำทัพในการทิ้งบุหรี่ออกจากปากแล้วใช้เท้าขยี้ แล้วมันก็เหมือนโรคติดต่อไปในทันทีเมื่อพวกผมพากันทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้จนดับไป พอไม่มีกลิ่นบุหรี่แล้ว แมทก็เลิกทำหน้าตาเหมือนคนจะตายและหยุดโบกไม้ไปมา หันไปหัวเราะมุกตลกกับเพื่อนสาวคนหนึ่งที่เขาจิกหัว (จิกจริงๆ นะ) ให้มาช่วยเขาตอกไม้


“อะ… ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆ” เขาหัวเราะดังมาก ปากนี่อ้ากว้างจนแทบจะขว้างลูกเปตองเข้าไปในปากได้


“เชี่ย หัวเราะอร่อยชิบหาย” ไอ้เจ๋งมองหน้าแมทแล้วขำไปด้วยเลื่อยไม้ไปด้วย


“กูงงเขาว่ะ เปลี่ยนอารมณ์ไวไป๊ ยิ่งกว่าแฟนกูตอนเป็นเมนส์อีก” ไอ้เปาหัวเราะเสียงเบา สองมือมันก็ยังไม่หยุดทาสีลงบนไม้กระดาน


ผมหันไปมองแมทแล้วกระตุกยิ้มนิดหน่อย ตอนนี้เขากำลังนั่งตอกไม้ด้วยท่าทีจริงจัง สักพักเขาก็ทำหน้าตกใจแบบเหวอสุดขีดเมื่อค้อนกระเด็นหลุดออกจากมือเขา


“อ๊ากกกก! อีแบมระวังงง สามสี่ชะนีหนี!!!” เพื่อนเขาที่โดนลากมาช่วยตอกไม้ กระโดดหลบค้อนอย่างไว แล้วแทนที่เขาจะวิ่งเข้าไปดูเพื่อน แต่เขากลับนั่งหัวเราะตัวงอ


“อะๆๆๆๆๆ แอะๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ หน้าแกโคตรตลกเลย เหมือนลิงตกใจเสียงปืนอะ!”


“อีแมท อีบ้า ค้อนเกือบโดนหน้ากูเนี่ย!” เพื่อนเขาแว้ดเสียงแหลม แต่แมทยังคงนั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก จนคนรอบข้างเริ่มขำกับเสียงหัวเราะเขาที่หัวเราะได้อร่อยและถึงใจมาก ขนาดพวกไอ้ไนน์ยังนั่งขำกับเสียงหัวเราะเขาเลย


“กูว่าแม่งเพี้ยนว่ะ”


“มึงไม่รู้อะไรไอ้ไนน์ คนแบบนี้แหละถึงจะกำกับการแสดงได้ สติดีๆ งานมักออกมาไม่ดีหรอก” แล้วเราก็ขำไอ้เจ๋งกันเสียงดัง ขำที่มันเหมือนจะชมแต่แม่งก็เหมือนด่าอยู่ดี


“หัวเราะอะไรกัน มีอะไรตลกเหรอ ขำด้วยคนสิ!” พวกผมยิ้มค้าง หันไปมองแมทที่แกล้งหรี่ตามองอย่างจับผิดมาทางพวกเรา เขาไม่ได้ด่าจริงจัง เหมือนอันนี้จะเล่นด้วยมากกว่านะ


“พวกผมคุยถึงแก๊งค์สามช่าอยู่ครับเจ้าแม่ ไม่ได้ขำอะไรเจ้าแม่แมทเลยสักนิด!” ไอ้เจ๋งตอบกลับอย่างทะเล้น แมทยังหรี่ตามองพวกเราไม่เลิก ผมขำกับหน้าตาเขามาก


“อย่าให้รู้นะว่านินทาเรา ไม่งั้นจะเอากรรไกรเสียบหู!” ผมฮาลั่นออกมา เพราะหน้าตาเขาฮาเข้ากับจังหวะการพูดมาก เป็นคนที่ปล่อยมุกตลกได้จังหวะดีมากอ่ะ


“เฮ้ย?! ทำไมมันโหดจังวะ!” ทุกคนที่อยู่รอบๆ นั้นหัวเราะเสียงดัง รวมทั้งแมทเองก็หัวเราะตามไปด้วย เขากลับไปนั่งตอกไม้ต๊อกๆ ตามประสาคนทำไม่เป็นต่อไป ผมมองหน้าเขาแล้วยิ้มออกมา ตอนนี้หน้าเขาเหมือนเด็กกำลังตั้งใจวาดรูปลงบนกระดาษเอสี่รูปแรกในชีวิตไม่มีผิด


“ไอ้เหี้ยเอิร์ทแอบมองเขาอีกแล้วว่ะ” ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้เปา มันกำลังมองผมด้วยสายตาจับผิด ผมส่ายหัว หน้าตาเอือมระอา แล้วเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไรมันกลับไป


 :katai2-1:

พาเอิร์ทออกงานบ้างงง 55555 แต่หลายคนคงไม่อยากเจอหลังจากทำร้ายจิตใจนุ้งแมทเอาไว้ แต่เอิร์ทออกมาช่วงเวลานี้แหละค่ะดีแล้ว เขาจะทำให้เราได้รู้จักแมทเพิ่มขึ้นอีกสักสองสามมุม

เวลางานแมทก็จะเป็นแบบนี้แหละค่ะ ตั้งใจ ทำอะไรจริงจัง ถ้าใครยังจำพ้อยท์ออฟวิวของเอิร์ทในซีซั่นแรกได้ ซีซั่นนี้เหมือนเอิร์ทมาขยายความเพิ่มเติม แต่ก็ไม่ยืดยาดหรอกค่ะ ลองอ่านไปเนาะ เดี๋ยวจะค่อยๆ เก็ทไปพร้อมกัน ตอนที่เอิร์ทกลับไปหาแฟนเก่า หลายคนไม่เข้าใจเอิร์ทว่าคิดอะไร มาตอนนี้อาจทำให้เข้าใจเขามากขึ้น แต่ก็ไม่ให้อภัยแหละเนอะ ฮ่าาา

พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทแรกรอบรีปริ้นรอบสอง เหลือเวลาโอนเงินอีกสามวันนะคะ หมดเขตวันที่ 20 นี้ค่ะ หมดรอบนี้ก็ไม่รีแล้ว ถ้ารีคงเจอกันในอีกหลายปี แต่เปอร์เซ็นต์ไม่รีสูงกว่า แล้วก็อีบุ๊คส์ไม่ทำค่ะ ตั้งใจไม่ทำอยู่แล้ววว

เจอคำผิดบอกกันได้เลยนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #962 เมื่อ17-02-2016 19:19:43 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #963 เมื่อ17-02-2016 19:38:09 »

แมทน่ารัก  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #964 เมื่อ17-02-2016 19:39:27 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #965 เมื่อ17-02-2016 20:03:30 »

 :ruready :ruready

ช่วงนี้อิยักษ์งดออกสื่อสินะ 555 ความผิดเยอะคนหมั่นไส้แยะก็งี๊แหละ 5555

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #966 เมื่อ17-02-2016 20:34:11 »

แมทน่ารัก
ตอนนี้ออกมาเบรคอารมณ์อึมครึมได้จังหวะพอดี 555

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ wawa_piya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #967 เมื่อ17-02-2016 21:07:15 »

งงๆนิดนึง แมทที่อยู่ในตอนนี้คือนายเอกเราใช่มั้ย
ดูขัดกับลุคตอนอยู่กับวิคไงก็ไม่รู้
หรือเพราะมันมองคนละมุม เราเลยนึกว่าคนละคนกันไปเลย 5555

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #968 เมื่อ17-02-2016 23:20:32 »

แมทมีเสน่ห์มาก ดึงดูดใจ เป็นคนที่เก่งมากเลยนะ แต่สติดีแน่ไหม ไม่แน่ใจ 5555

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #969 เมื่อ18-02-2016 00:15:19 »

นึกว่าจะกลับมาเจอดราม่าสะเทือนอารมณ์ต่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
« ตอบ #969 เมื่อ: 18-02-2016 00:15:19 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mochimanja2

  • มึน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #970 เมื่อ18-02-2016 01:50:51 »

น่ารักกก :hao7:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #971 เมื่อ18-02-2016 02:15:33 »

ชีวิตจิงมันจะมีงี้มั้ยอะ 5555

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #972 เมื่อ18-02-2016 10:37:21 »

เอาเอิร์ธมาคั่นก็ได้ค่ะ เบื่อนังยักษ์555555555555555

ออฟไลน์ wonwon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #973 เมื่อ18-02-2016 14:48:31 »

แมทน่ารักอ่ะ นิสัยมีเสน่ห์มากๆ เข้าใจเลยว่าผู้ชายที่เข้ามาถึงชอบน้อง  o13

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #974 เมื่อ18-02-2016 23:24:01 »

แมทน่ารักตลอดดดด  :-[

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
«ตอบ #975 เมื่อ21-02-2016 11:53:28 »

คนโลเล
จะแก้ตัวยังไง
มันก็ฟังไม่ขึ้น

กลับไปแดกของเก่า
อิ่มไหม

เอิร์ทเอี้ยะ
หุหุ

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #976 เมื่อ21-02-2016 19:27:54 »


Only You EP.27 [100%]



“เออ กูอยู่ที่ห้องซ้อมเนี่ย… ยังไม่มีใครมาเลยสักคนอะ… พวกมึงก็รีบมาได้ละ แล้วเร่งกูจังนะ… เออ เร็วๆ เลย” ผมกดวางสายจากไอ้ไนน์ด้วยสีหน้าเซ็ง วันนี้ผมโดดเรียนอีกวิชาไปนั่งทำงานอีกวิชาอยู่บ้านเพื่อน พอตกเย็นไอ้ไนน์ก็โทรมาเร่งให้ผมมาดูฉากที่เพิ่งทาสีเสร็จไปว่ามีอะไรเลอะเทอะหรือเปล่า พวกมันกำลังกินข้าวกันอยู่ แทนที่จะชวนผมไปกินข้าวด้วย แต่ดันให้ผมรีบเข้ามาเช็กงานก่อนคนแรก แล้วเป็นไงล่ะ ไม่มีใครมาสักคน ร้างโล่งเชียว


ผมเดินขึ้นไปบนเวที ยกฉากบางส่วนออกมาพิงกับฉากด้านหลังโล่งๆ ของเวที จังหวะที่กำลังวางฉากไม้ลง เข่าขวาผมดันไปกระแทกและครูดกับขอบไม้จนเลือดอาบ หนังถลอกปอกเปิกไปหมด


“ไอ้ห่า…” ผมสบถอย่างหัวเสีย เดินกะเผลกๆ ไปนั่งตรงบันไดเวที โห เลือดไหล เลือดซึมเต็มไปหมด หนังถลอกไม่น้อยเลย แสบชิบ!


“เฮ้ย ไม่… ไม่เอา คือพระเอกเป็นเจ้าชายมั้ยอีวอร์ม… ไม่เอา! มึงอะ อย่ามามึน กูบอกให้เอาชุดนั้นมา… มึงจะบ้าเหรอ?! กูบอกเอาสี่ชุด นี่! ไอ้ห่า กูให้คอสตูมไปกับมึงด้วยนะ ทำไมมึงไม่ถามเขาเนี่ย…” เสียงบ่นแว้ดๆ ดังลั่นทั่วห้อง ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นแมทกำลังเดินหอบของพะรุงพะรัง เขาเหลือบมามองผม เราจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง แต่เหมือนสติของเขาจะจดจ่ออยู่กับปลายสายมากกว่า เขามองผมก็จริงแต่ไม่ได้มองเพราะรู้จักหรืออยากจะคุย แต่เหมือนเขากำลังตั้งใจฟังอีกฝั่งพูดจนไม่กล้าขยับไปไหน


“ฮะ เดี๋ยวนะ แปบนึง…” เขาเดินมาทางตรงบันไดที่ผมนั่งอยู่ ผมทำหน้าประหลาดใจ สายตาแมทเลื่อนลงไปที่เข่าผม


“…เลือดออกนี่ ฮะ?! เปล่าๆ เออ ต่อๆ ก็ตามในรูปนั่นแหละ” พูดไปเขาก็ควานหาอะไรสักอย่างจากกระเป๋ากางเกง แล้วสักพักเขาก็หยิบทิชชูออกมาปึกหนึ่ง นั่งลงตรงหน้าผมแล้วก็เอาทิชชูมาซับเลือดให้ ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงน เขาไม่ได้มองหน้าผมเลย มองแต่แผล หน้านิ่วคิ้วขมวด ปากก็ขยับพูดกับปลายสายไม่หยุดและเริ่มจะรัวเร็วมากขึ้น


“เอ่อ… ไม่ต้องก็ได้นะ” ผมพยายามบอก เขาแหงนหน้าขึ้นมามองประมาณว่ามีอะไรเหรอ ผมโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ เขาส่ายหัวตามมือผมที่โบกไปมา ผมยิ้มขำเพราะเขาเหมือนหุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่ง เขาเห็นผมยิ้มขำ เขาก็ขำด้วย แต่ผมว่าสติของเขานั้นอยู่กับคนในสายมากกว่าที่จะอยู่กับผม มือซ้ายจับโทรศัพท์ มือขวาก็จับทิชชูซับเลือดให้ผมไปด้วย


“จับ… จับไว้… เปล่า กูไม่ได้บอก เออ มึงพูดมาเลย…” เขาลุกขึ้นยืน เดินไปตรงโต๊ะหน้าเวทีที่เขาวางของไว้ กลับมาพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งขวด เขาดึงทิชชูออกจากมือผม ใช้ไหล่ซ้ายหนีบโทรศัพท์ไว้ เปิดฝาขวดน้ำออก


“เฮ้ย ไม่ต้อง เดี๋ยวทำเอง” ผมคว้าขวดน้ำมาจากมือเขา แมทปล่อยให้ผมถือขวดน้ำต่อ เพราะตอนนี้เขากำลังตั้งใจฟังคนในสายมาก


“ครับพี่… พี่มีชุดใกล้เคียงมั้ย… ไม่เอาอะพี่… ผมอยากได้ชุดแนวนั้นอะ” แล้วเขาก็เอาทิชชูมาซับน้ำที่ผมใช้ล้างแผลตัวเอง เขาพูดไป ซับน้ำ ซับเลือดที่เข่าให้ผมไป ผมมองใบหน้าอิ่มเอมของเขาแล้วก็ยิ้มออกมา นึกรู้สึกดีอยู่ในใจกับการใส่ใจของเขา แม้จะยุ่งกับงานแต่ก็ยังมิวายมาคอยดูแลแผลให้ผม


“แปบนะครับ เดี๋ยวผมเปิดคอมฯ ก่อน” เขายื่นทิชชูมาให้ผม ทำหน้าทำตาว่าจัดการเองนะ ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา แมทลุกขึ้นยืน เดินไปจัดการเปิดแม็คบุ๊คที่พกมาด้วย ผมมองเขาแล้วยิ้มออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆ เดินไปนั่งที่อื่น ผมเลือกนั่งเก้าอี้สำหรับนั่งชมการแสดงตรงโซนด้านบนของห้อง นั่งเช็ดแผลจนมันดูสะอาดตาขึ้นมาบ้าง ผมแอบเหลือบมองแมทที่นั่งอยู่หน้าแม็คบุ๊ค ท่าทางเครียดพอสมควร


พอนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ผมก็ต้องยิ้มขบขันคนเดียว คือเขาเข้ามาช่วยผมทั้งที่ไม่รู้ว่ารู้จักผมรึเปล่า เกิดผมเป็นใครอื่นที่ไม่ใช่นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับเขา แต่กลับเป็นโจรที่จ้องมาขโมยของ เขาไม่โดนฆ่าตายไปแล้วงั้นเหรอ ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ก็โดนขัดจังหวะด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจจากพวกทีมเพื่อนๆ ในเอกแมท แล้วที่ตามหลังมานั่นก็คือพวกไอ้ไนน์ที่มีน้ำใจซื้อข้าวกล่องมาฝากผมด้วย


พวกเราออกไปทำฉากตรงสนามหญ้าข้างนอกเพราะมีพื้นที่กว้างกว่า แต่ก็อยู่ใกล้ๆ กับห้องซ้อมละครเวทีนั่นแหละ พวกผมตอกไม้ทำลายป่ากันดังโป๊กๆ มีทีมงานฝ่ายฉากของเอกอิ๊งมาช่วยทำด้วยเราเลยไม่เหนื่อยมาก


“เอ่อ คนไหนที่เข่าเป็นแผลอ่ะคะ” ผมหันไปมองผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมน้ำตาลจากการย้อมคนหนึ่งที่ผมจำได้ว่าเป็นผู้ช่วยผู้กำกับละครเวทีเรื่องนี้


“หือ ใครเป็นแผลอะไรเหรอ” เพื่อนไอ้ไนน์ที่อยู่เอกอิ๊งถามสีหน้าสงสัยพอๆ กับพวกเรา คนถูกถามขมวดคิ้วงงๆ เช่นกัน


“ไม่รู้เหมือนกันอะ แมทมันบอกว่ามีคนเจ็บเข่า แต่มันจำไม่ได้ว่าใคร มันบอกให้ไปตามหาทุกฝ่ายดู นี่ก็ไปถามมาหมดละ เหลือฝ่ายฉากนี่แหละ” ผมรู้สึกทึ่งปนงงหน่อยๆ


“มีอะไรรึเปล่า” ผมลองเอ่ยถามดู ผู้ช่วยฯ คนนั้นชูกล่องพยาบาลขึ้นมาให้เห็น


“แมทมันฝากมาให้คนนั้นอะค่ะ มันบอกว่าเลือดเขาออกเยอะมาก ไม่รู้เป็นไงบ้าง เห็นบอกว่าเอาน้ำมาล้างแผลให้แล้ว แต่มันบอกว่ากลัวคนนั้นจะเป็นบาดทะยักตายเลยให้เอาแอลกอฮอล์กับเบตาดีนมาให้อีกที” ผมอึ้ง รู้สึกหวิวๆ ในอกประหลาด ท้องบิดเป็นเกลียวแปลกๆ พอหันไปมองคนอื่นๆ ในทีมฉาก ทุกคนก็ต่างทำหน้างง


“ผมเองอะ”


“อ้าว ไอ้เอิร์ท มึงไปทำอะไรมา”


“กูเดินชนฉาก” ผมตอบไอ้เปาแล้วเดินไปรับกล่องยามาไว้ในมือ


“แมทมันฝากบอกว่าไปหาหมอ หายากินด้วยนะ แล้วมันก็ฝากขอโทษด้วยที่มัวแต่คุยโทรศัพท์เลยไม่ได้ช่วยทำแผลอะไรเลย” พอว่าเสร็จเธอคนนั้นก็เดินจากไป ทิ้งความอบอุ่นใจ ความวูบวาบในท้องน้อยไว้กับผมมากมาย ผมก้มลงมองกล่องยา ข้างกล่องมีโพสอิทแปะไว้หนึ่งแผ่น ผมหยิบขึ้นมาอ่านดู


‘ถึงคนที่เจ็บเข่า ไปหาหมอด้วยนะ เราจำได้ว่าเลือดออก หนังถลอกเยอะมาก’


รู้ตัวอีกทีคือผมก็ยิ้มเพราะอิ่มใจไปแล้ว





พวกผมทำฉากเสร็จก่อนวันทำการแสดงจริงหนึ่งอาทิตย์ พอได้ฉากมาก็ต้องเอามาให้แมทซึ่งเป็นผู้กำกับดูว่าเขาถูกใจมั้ย ชอบหรือเปล่า เอามาลองใช้กับนักแสดงว่าเป็นยังไงเข้ากันหรือเปล่า คนขนฉาก เปลี่ยนฉากทันหรือไม่ ก่อนที่เขาจะมาเช็กฉาก ผมเห็นเขานั่งร้องไห้กับพวกผู้ช่วยผู้กำกับ ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร แต่ลึกๆ ในใจผมนึกเป็นห่วง อยากเข้าไปถามแต่ระหว่างผมกับเขาไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แม้กระทั่งรู้จักกัน ก็ยังน้อยนิด เลยได้แต่ยืนดูเขานั่งร้องไห้กับเพื่อน แต่เขาร้องไม่ถึงสิบนาทีหรอก เขาก็ยืนขึ้น เช็ดน้ำตาจนหมดไปแล้วมายืนเช็กฉาก


“เฮ้ยมึง เขาร้องไห้ทำไมวะ” ไอ้ไนน์ถามเพื่อนมันที่จ้างพวกเรามาทำฉากตอนที่เธอดินมาตรงจุดที่พวกเรายืนอยู่


“ใกล้วันแสดงแล้วนางเครียด เพราะพระเอกยังเล่นได้ไม่ดี พวกผู้ช่วยผู้กำกับเลยเสนอว่าเปลี่ยนตัวพระเอกมั้ย แต่นางบอกไม่ นางบอกนางเลือกคนนี้แล้ว นางจะทำให้มันเล่นเป็นพระเอกตามที่มันคิดไว้ให้ได้” อีกครั้งที่ผมเห็นถึงความดื้อของแมท แต่นี่อาจจะไม่ใช่อาการดื้ออย่างเดียว ผมมองว่าน่าจะเป็นเพราะเขาไม่อยากยอมแพ้อะไรง่ายๆ มากกว่า ผมเองก็พอจะเห็นว่าไอ้คนที่เล่นเป็นพระเอกมันเป็นยังไง มันก็ดูง่อยจริงๆ นั่นแหละ แมททั้งด่า ทั้งเคี่ยวเข็ญ เห็นว่าถึงขั้นพาไอ้พระเอกเข้าไปกองถ่ายหนังที่แมทเคยเข้าไปทำงานด้วย เพื่อให้ไปดูการแสดงของจริง แต่ผมก็ไม่เห็นมันพัฒนาเลยนะ ที่สำคัญไอ้นี่แม่งมาสายสุดละในบรรดานักแสดง แมทด่าจนจะเลิกด่าแล้วมั้ง


“เปลี่ยนได้เหรอวะ อีกอาทิตย์เดียวเองนะ”


“ได้ มันมีผู้ช่วยฯ คนนึงอะเล่นได้อยู่ เพราะต้องซ้อมบทกับนางเอกบ่อยๆ แต่แมทมันไม่ยอม มันบอกมันมั่นใจไอ้มี่ว่ามันจะทำได้ กูยังไม่เห็นแววว่ามันจะทำได้เล้ย!” เพื่อนไนน์ส่ายหัว ผมหันไปมองแมท เขานิ่งสงบแล้ว กำลังเช็กฉากอยู่ ดูท่าทางเขาจะพอใจกับผลงานของฝ่ายฉากอยู่เหมือนกัน


“ไหน ขอดูฉากผ้าหน่อย เอาสปอร์ตไลท์มาด้วยนะ” แมทหันมาขอใครสักคนโดยที่เขาไม่ได้มองเจาะจงใคร ฝ่ายฉากยกอุปกรณ์ที่เขาต้องการไปใกล้กลางเวที แมทเรียกนักแสดงที่จะเข้าฉากนี้เข้าไปยืนตรงจุดมาร์ค บอกคิว บอกท่าทางที่ต้องใช้ในฉาก เขาสั่งให้ปิดไฟแล้วเปิดแค่สปอร์ตไลท์ดวงเดียว ภาพที่พวกเราเห็นคือเงาคนที่สะท้อนมาจากด้านหลังผ้าสีขาว แมทปรบมือยกใหญ่ สีหน้าเขาดีอกดีใจเป็นอย่างมาก


“เห็นมั้ย บอกแล้วว่ามันทำได้ เถียงฉันกันจัง ทำได้คือได้สิ!” พวกฝ่ายฉากยิ้มเอือม ผมกระตุกยิ้มที่มุมปาก รู้สึกทึ่งกับความคิดเขาเหมือนกัน เขาเชื่อว่ามันจะออกมาเป็นอย่างที่ตัวเองคิด มันก็ออกมาเป็นตามนั้นจริงๆ ความไม่ยอมแพ้ของเขานี่ทรงพลังจริงๆ



แล้วดูท่าทางความไม่ยอมแพ้ของเขาจะส่งผลมาถึงเรื่องที่ทำเขาร้องไห้ด้วย พอถึงวันจริงไอ้คนที่เล่นเป็นพระเอกเสือกเล่นดีชิบหายครับ สาวๆ ที่มาดูละครเวทีนี่กรี๊ดกันใหญ่ คือหน้ามันหล่อเพราะเป็นลูกครึ่ง บวกกับบทเจ้าชายที่มันได้รับยิ่งทำให้มันดูหล่อเข้าไปอีก มันไม่ใช่ว่าเพิ่งมาเล่นดีวันจริงวันเดียว ก่อนหน้านั้นสามวัน จู่ๆ มันก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นจนแมทยิ้มหน้าบาน อีกครั้งที่ผมทึ่งในความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นของเขา


วันนี้เป็นวันแสดงจริง พวกผมก็มาดูด้วย มีส่วนหนึ่งของเพื่อนผมขึ้นไปช่วยงานบนเวที เนื่องจากของประกอบฉากบางอันหนักมาก แรงงานในเอกอิ๊งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง ผมไม่ได้ขึ้นไปเพราะว่ามีแต่จะทำให้เวทีแน่นจนอึดอัด เลยมานั่งเป็นคนดูกับไอ้ไนน์ ไอ้เจ๋งและคนอื่นๆ ที่เหลือในกลุ่มแทน แต่หลายครั้งที่สายตาผมเหลือบไปมองแมทที่ถือวอล์เดินไปเดินมารอบห้อง แม้กระทั่งวันจริงเขาก็ยังไม่หยุดทำงาน เขาเป็นคนไปรับนักแสดงลงมาจากเวที เปลี่ยนชุดให้นักแสดงด้านล่างเวที บอกคิวให้นักแสดงด้านล่าง บอกคิวคนเปิดเพลง คนคุมไฟ ผมเห็นเขานั่งแปบๆ ก็ลุกขึ้นเดินใหม่อีกครั้ง นึกสงสัยว่าเขาไม่เมื่อยบ้างรึไง


“เจ้าแม่ครับ นั่งมั้ย” ไอ้เจ๋งกระซิบเอ่ยชวน เขาหันมามองทางพวกเราด้วยรอยยิ้มเหนื่อยๆ แล้วส่ายหัวปฏิเสธ ก่อนจะเดินไปนั่งใกล้ๆ เวที


“นี่ถ้าเป็นผู้หญิงกูจีบไปละ กูชอบความเก่งของเจ้าแม่เขาว่ะ” ไอ้เจ๋งเอ่ยอย่างชื่นชม ผมเห็นด้วย เขามีความสามารถมาก มีความอึดและอดทนมาก เขาเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อะไรที่ใครว่าทำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เขากลับสู้จนมันทำได้


ผมนั่งดูละครเวทีของเขาเพลินๆ สนุกดีนะ เห็นว่าแมทเขียนบทเองด้วย เขาปรับบทใหม่ เหมือนเป็นการรีเมค ผมก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษนักหรอก แต่ด้วยแอคติ้ง ลีลาของนักแสดง แล้วการดีไซน์การกำกับของแมท มันทำให้ละครเวทีเรื่องนี้สนุกมาก ไม่น่าเบื่อ ยิงมุกแทบทั้งเรื่อง แล้วเป็นมุกที่ไม่ได้ยาก เข้าถึงคนได้ง่าย


“Happy Ending!” เสียงตัวละครที่เป็นคนเล่าเรื่อง เหมือนเล่านิทานประกาศก้องตอนที่พระนางก้มลงจูบกัน คนดูในห้องปรบมือและส่งเสียงกรี๊ดกันดังลั่น ผมว่าเรื่องนี้ประสบความสำเร็จนะ ตั้งแต่เปิดเรื่องมา คนดูทั้งยิ้มทั้งขำ แลมีอารมณ์ร่วมตลอดเวลา พวกผมก็ร่วมปรบมือแสดงความยินดีไปกับความสำเร็จนี้ด้วย หลังจากละครเวทีจบก็เป็นช่วงประกาศทีมงานฝ่ายต่างๆ ให้ขึ้นไปยืนโชว์ตัวบนเวที สุดท้ายก็เป็นตำแหน่งผู้กำกับละครเวทีซึ่งก็คือแมท เขาเปิดตัวด้วยเสียงเพลงของวง Maroon 5 โดยที่แมทเดินไปตามทางเดินตรงกลางห้อง มีหยุดตรงกลางเพื่อเต้นโชว์ความพลิ้วของเอว เรียกเสียงกรี๊ดจากคนในห้องได้มากโข พอเขาเดินไปถึงหน้าเวที เขาก็หยุดโชว์สเต็ปอีกพักแล้วค่อยหมุนตัวขึ้นเวทีไปด้วยความสุข


ผมมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้มออกมา ท่าทางเขาคงมีความสุข คงอิ่มเอมใจมาก เพราะผลงานเขาออกมาดีเยี่ยม คงคุ้มกับที่เหนื่อยมาเป็นเดือนๆ แล้วละมั้ง


ผู้คนทยอยเอาดอกไม้ร่วมแสดงความยินดีกับนักแสดง ทีมงานต่างๆ มากมาย บางส่วนก็ทยอยออกจากห้องไป มีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังขึ้นเต็มห้อง ผมนั่งรอเพื่อนตัวเองอยู่ที่เดิม นั่งมองบรรยากาศครื้นเครงที่หน้าและบนเวที แมทหัวเราะเริงร่าตอนนักแสดงเข้าไปรุมกอดเขาไว้


“มึง คืนนี้เขาจะมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่ร้าน Movement เขาชวนพวกเราไปด้วย งานนี้ฟรี” ผมไม่ได้ตอบตกลงอะไร แต่คนอื่นๆ ตอบตกลงกันเรียบร้อย แต่ถึงยังไงผมคิดว่าผมจะไปนะ


เราเดินออกมาจากนอกห้อง ปล่อยให้พวกเด็กเอกอิ๊งยินดีกับความสำเร็จของพวกเขาไป ระหว่างที่กำลังเดินจะออกจากตึกคณะมนุษย์ฯ ผมเหลือบไปเห็นแมทกำลังยืนคุยกับผู้ชายตัวสูงคนหนึ่ง ผมไม่เห็นหน้าผู้ชายคนนั้น แต่ที่ผมเห็นตอนนี้คือใบหน้าของแมทที่น้ำตาอาบแก้ม ความคิดเดียวที่ผมนึกออกคือเขาน่าจะเป็นแฟนกัน แล้วความรู้สึกหนึ่งก็เกิดขึ้นในใจผม คือความรู้สึกใจแป้วแปลกๆ






ประมาณสามทุ่มพวกเราก็มาอยู่ที่ร้านตามที่เด็กเอกอิ๊งนัดไว้ เรียกได้ว่าเกินครึ่งของร้านเป็นเด็กที่ทำละครเวทีทั้งหมด แน่นขนัดมาก ทางร้านไม่จำเป็นต้องรับคนอื่น ผมเชื่อว่าคืนนี้ยังไงก็ได้กำไรไปหลายบาทแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่พวกเด็กเอกอิ๊ง ก็ยังคงมีกลุ่มอื่นๆ มาด้วย เพียงแต่กลุ่มนี้ใหญ่ที่สุดในร้านแล้ว เพราะยกโขยงกันมาแน่นมาก ช่วงเวลานี้คนยังไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ แต่สักห้าทุ่ม เที่ยงคืนนี่ผมกล้าการันตีเลยว่าในร้านแทบจะเดินไม่ได้


“เอาเบียร์xxxสองขวด” ผมสั่งกับบาร์เทนเดอร์ตรงบาร์ข้างล่างใกล้ๆ กับโต๊ะที่ผมนั่ง ที่โต๊ะไม่มีเบียร์ที่ผมอยากกินผมเลยต้องเดินมาสั่งเอง


“เอิร์ท” ผมหันไปมองทางต้นเสียง แล้วก็ยิ้มไม่เต็มปากนัก ผมยกมือไหว้กับบุคคลที่เอ่ยทักผม


“หวัดดีครับพี่อาร์ม” หนุ่มหล่อหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางสุภาพคนนี้คือคนที่ตามจีบผมมาครึ่งปีแล้ว เราเจอกันที่ร้านเหล้านี่แหละ พี่เขาทำงานแล้ว อายุมากกว่าผมสี่ห้าปีเห็นจะได้ เขาดูเป็นผู้ชายปกติ ไม่ได้มีท่าทางออกอะไรชัดเจน แต่พี่เขาชัดเจนว่าชอบผู้ชาย แต่ถ้าเทียบกับรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนในคณะที่จีบผมอยู่ ผมว่าพี่อาร์มน่าคบหากว่าเยอะ แล้วพวกเพื่อนๆ ผมมันก็ชอบพี่อาร์มกันทั้งนั้น เพราะเขาเทคแคร์ดูแลดี เลี้ยงเหล้า เลี้ยงอาหารพวกผมบ่อย ไอ้พวกนั้นมันชอบอานิสงส์ที่ได้จากการที่พี่อาร์มจีบผม เลยยุผมให้ลองคบกับพี่แกบ่อยๆ


“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นเที่ยวเลยนะ” ผมยิ้มนิดหนึ่ง ยื่นมือไปรับเบียร์มาจากพนักงาน จดชื่อลงบนกระดาษบิลเก็บตังค์


“พอดีช่วงที่ผ่านมาผมมีงานนอกคณะครับ เลยไม่ค่อยว่างมาเที่ยว” ผมกระดกเบียร์เข้าปากหนึ่งขวด พี่อาร์มยิ้มอย่างเข้าใจ เขาไม่เคยก้าวก่ายอะไรให้ผมรำคาญใจ ผมคุยกับพี่เขาแล้วรู้สึกสบายใจดีนะ เหมือนมีพี่ชายอีกคน อาจเพราะเขาไม่ได้รุกผมหนักจนน่ากลัวเหมือนพี่ในคณะของผมคนนั้น


“แล้ววันนี้มากับพวกไนน์รึเปล่าครับ”


“มีพวกมันด้วยครับ แล้วก็มีเพื่อนจากเอกเอกอิ๊ง คณะมนุษย์ฯ มาด้วย พอดีทำงานด้วยกัน” พี่อาร์มยิ้มหล่อ ก่อนจะว่าต่อ


“ถ้าว่างก็มานั่งด้วยกันได้นะ พี่มากับเพื่อนอีกสามคน นั่งอยู่ชั้นบน”


“ถ้าไม่เมาจนเละ เดี๋ยวไปนะครับพี่” เราหัวเราะเสียงเบากันสองคน พี่อาร์มขอชนแก้วกับผมทีนึงแล้วก็หมุนตัวออกไปจากตรงบาร์ ผมเดินกลับไปหาเพื่อนๆ ที่โต๊ะ


“พี่อาร์มมา อยู่ชั้นบน ถ้าพวกมึงอยากเจอเข้าไปหาได้นะ”


“เฮ้ย วันนี้พี่แกจะเลี้ยงอะไรอีกเปล่าวะ” ไอ้เจ๋งเสนอหน้าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่าพี่อาร์มมา ไอ้นี่แหละตัวตั้งตัวตีขอของฟรีจากพี่อาร์มเสมอ


“ไม่รู้ มึงไปถามเขาเองสิ” ผมว่าอย่างไม่ใส่ใจ ยกเบียร์ขึ้นดื่ม สายตากวาดมองไปรอบร้าน ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้นะ แต่ตอนนี้สายตาผมกำลังมองหาร่างของแมทอยู่


“อาทิตย์ก่อนกูเห็นพี่อาร์มโดนเด็กผู้ชายคนนึงแท็กรูปมา ไอ้เอิร์ทไม่หึงเหรอวะ” ไอ้เบียร์เพื่อนอีกคนในกลุ่มแซวขำ ทำเอาทั้งกลุ่มหัวเราะอารมณ์ดี ผมย่นคิ้วใส่มัน ยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีคนชิงตอบผมก่อน


“โอ๊ย มันไม่หึงแล้วแหละ ตอนนี้แม่งมีเป้าหมายใหม่แล้ว” ผมเหลือบมองไอ้เปาอย่างประเมิน มันยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องท่าทางดูมีความลับ


“ใครวะ ขวัญเหรอ”


“ไอ้ห่าไนน์ กูบอกเป้าหมายใหม่ ไม่ใช่เป้าหมายเก่า” มันเอ่ยถึงแฟนเก่าผมที่เรายังคงติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ


“อ้าว แล้วใครวะ” ไอ้เบียร์ขมวดคิ้วอย่างสงสัยใคร่รู้จริงจังแล้วหันมามองหน้าผม ส่วนผมก็หันไปมองไอ้เปาอย่างเอือมระอา


“มึงจะพูดถึงใครก็พูดมาไอ้ห่า” ลึกๆ ผมรู้นะว่ามันกำลังจะพูดถึงแมท เพราะไอ้เหี้ยนี่แม่งชอบนั่งจับผิดว่าผมจะมองแมทหรือเปล่า


“โน่นไง มาพอดีเลย ตายยากของแท้ แล้วดูท่าอาจจะเป็นรักแท้ของไอ้เอิร์ทด้วยว่ะ” ไอ้เปาหัวเราะเริงร่าคนเดียว ส่วนคนอื่นชะเง้อคอมองไปทางที่ไอ้เปาเพิ่งชี้ไป ผมหันไปมองก็เห็นแมทเดินเข้ามาพร้อมเพื่อน หน้าตาเขาดูหงอยเหงาแปลกๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า


“เฮ้ย! ไอ้เอิร์ท มึงชอบเจ้าแม่เหรอวะ” ผมหันกลับมามองไอ้เจ๋ง พอหันไปสบตากับเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนก็มองด้วยอาการตกตะลึง ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนแผ่นซีดีสะดุดไปช่วงหนึ่ง เพราะจู่ๆ ก็เกิดใบ้แดกขึ้นมา


“ตั้งแต่เมื่อไหร่วะมึง” ไอ้ไนน์อ้าปากหวอน้อยๆ ผมอ้าปากกำลังจะตอบแต่ก็โดนไอ้เบียร์ขัดเอาไว้


“มึงชอบเขาได้ไงวะ ไปชอบกันอีท่าไหน ชอบกันได้ยังไง” ผมกำลังจะปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบ ไม่ใช่แบบนั้น แต่ใจที่กำลังเต้นตึกๆ ดันสวนกระแสกับคำตอบและความคิดที่กำลังจะพูดออกไปมาก


“มึงก็เชื่อไอ้เปา มันเพ้อเจ้อ” ผมเลยเลือกจะบ่ายเบี่ยงประเด็นไปเรื่อย


“อ้าว หวัดดีครับแมท” ผมหันควับไปมองทางเดียวกับที่ไอ้ไนน์ยืดคอขึ้นมอง แต่พอหันกลับไปก็เห็นแต่ความว่างเปล่า แล้วแมทก็เดินไปนั่งอีกโต๊ะถัดไปใกล้ๆ พวกผมแล้วด้วย พอหันกลับมาหาเพื่อนตัวเอง ไอ้พวกนั้นก็ส่งเสียงโห่แซวแข่งกับดนตรีสดในร้านทันที


“ไอ้เหี้ยยย ไอ้เอิร์ทจะมีเมียใหม่แล้วเว้ยยย!” พวกมันสลับกันแซวด้วยประโยคกากๆ กันไม่หยุด ผมทำได้แต่ยิ้มขำไปกับพวกมัน ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร อยากแซว อยากโห่ห่าไรปล่อยพวกมันไป เหนื่อยเดี๋ยวก็หยุดเอง


V
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-02-2016 17:34:40 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #977 เมื่อ21-02-2016 19:28:21 »


V
v
v


เราดื่มกันไปหลายขวด หลายแก้ว บรรยากาศเริ่มคึกมากขึ้นเมื่อแอลกอฮอล์เข้าไปอยู่ในร่างกาย พวกเด็กเอกอิ๊งสั่งให้เด็กเสิร์ฟในร้านยกโต๊ะของพวกเราทุกคนมาต่อกันจนยาวเหยียดเต็มหน้าเวที ดนตรีสดวันนี้ถือว่าทำได้ดี เพราะทั้งโต๊ะเราเต้นกันไม่หยุด ผมหันไปมองๆ แมทบ้าง เขาเริ่มเดินปัดป่ายไปทั่ว เห็นหลายๆ คนส่งแก้วเหล้าให้เขาดื่ม เขาก็ดื่มหมดไม่มีปฏิเสธ


“อ้าว ดื่มหน่อยครับผู้กำกับคนเก่ง วู้ววว!!!” เสียงเฮดังตลอดเวลา แมทก็ส่งเสียงไปกับเขา แต่เริ่มจะอ้อแอ้แล้ว เสียงเฮดังจนนักร้องบนเวทีนึกสงสัยถึงขั้นต้องเอ่ยถามว่าโต๊ะนี้คืออะไรทำไมถึงยาวเฟื้อยขนาดนี้ แล้วแมทเป็นผู้กำกับจากไหน อยากรู้จักมักจีเลยยื่นไมค์ส่งให้


“ผู้กำกับอะไรไม่ต้องสนจุยยย แต่รู้เอาไว้ว่าวันนี้เช๊โดนหักอกจ้า!!!” แล้วทุกคนก็หัวเราะเสียงดัง ผมนึกไปถึงตอนเห็นเขายืนร้องไห้กับผู้ชายคนหนึ่งที่คณะ เริ่มคิดว่านั่นคือการบอกเลิกกันหรือว่ายังไง


“อกหักอย่างนี้ งั้นเราต้องมาปลอบใจคุณผู้กำกับกันหน่อยยย!!” เสียงดนตรีหนักๆ ดังขึ้น แมทส่งเสียงร้องดังกว่าใคร แทบจะเป็นกรี๊ดเลยก็ว่าได้ แถมยังแหกปากร้องเพลงได้ดังชนิดที่ว่าไม่ต้องพึ่งไมค์เลยสักนิด อันนี้ผมไม่แปลกใจนะ เพราะเวลาเขาด่านักแสดงในห้องซ้อม มันก็ดังไปทั่วห้อง


~หัวใจดวงนี้ไม่หลาบจำ เหมือนโดนซ้ำๆ แล้วสะใจ หัวใจนี่มันงมงาย ตักเตือนไม่เคยฟังกัน เหมือนโดนเท่านั้นยังไม่พอ ขอยอมเจ็บช้ำมันต่อไป หัวใจเจ้ากรรมนั้นไซร้ เฝ้าคอยทำร้ายตัวเอง~!


แมททั้งร้องทั้งเต้น แล้วประเด็นคือเต้นได้มันส์มาก แทบจะมันส์แซงเพลง พวกผมที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ หัวเราะเขาเสียงดัง ไม่ใช่แค่พวกผมหรอก คนข้างบนยังมองลงมาแล้วหัวเราะเขาดังลั่น แมทเดินสะบัดแขน สะบัดเอวไปทั่ว จนมาหยุดอยู่ใกล้ๆ กับที่พวกผมนั่งอยู่ เขาเดินเข้าไปกอดเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งแล้วคร่ำครวญอะไรสักอย่างที่ผมได้ยินไม่ชัดเพราะเสียงดนตรีกับเสียงร้องของนักร้องมันดังตีกันไปหมด แถมตอนนี้คนก็เริ่มเยอะขึ้นแล้วด้วย


~เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ที่รอเธอ ฉันจำไม่ได้ ที่จำได้ดีคือฉันมีเพียงเธอ แม้นานสักแค่ไหน~


จากที่กำลังขำๆ อยู่ ผมก็สะดุดกึกไปเมื่อเห็นว่าแมทร้องไห้ออกมา เพื่อนเขาเข้ามาปลอบกันยกใหญ่ แต่เหมือนเพื่อนเองก็จะเมามากเช่นกัน เพราะเกือบพากันล้ม ดีที่ผมเข้าไปพยุงพวกนั้นไว้ได้ เพื่อนผู้หญิงของแมทสองคนดึงเพื่อนผู้หญิงที่แมทกอดด้วยออกไป ส่วนแมทผมรับเอาไว้ได้ทัน พวกเพื่อนๆ ผมกรูกันเข้ามาพยุงผมอีกต่อ เพราะผมทำท่าจะล้มไปอีกทีเนื่องจากแมททิ้งน้ำหนักมาเต็มที่


“เฮ้ยๆ นางเอกล้มใส่พระเอกว่ะ” ผมหันไปด่าไอ้เปาว่าไอ้เหี้ยท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ แล้วพยุงให้แมทยืนขึ้นมาดีๆ สองมือเขาจับไหล่ผมไว้แน่น เขาแหงนหน้ามองผมด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา


“นี่อกหักอ่ะ ละนี่ใคร” เขาถามเสียงอ้อแอ้ น้ำตายังคงไหลออกมาเรื่อยๆ ผมยิ้มออกมา แมทมองหน้าผมแล้วยิ้มตาม


“หน้าตาหล่อนะเนี่ย…” เขาสะอึกจนไหล่กระตุก ทำท่าจะล้มอีก ผมเลยใช้แขนโอบเขาไว้ในท่ากอด


“ฮิ้ววว! ได้กอดแล้วเว้ย!” เสียงแซวจากใครสักตัวในกลุ่มผมดังขึ้น ผมหันไปด่าพวกมันไร้เสียงแต่จับใจความได้ว่าคือคำด่าไหน พวกมันหัวเราะสนุกสนาน


“ฝากอีแมทมันแปบนึงนะคะ เอาอีนี่ไปอ้วกก่อน เดี๋ยวเรากลับมา” ผมพยักหน้าให้กับเพื่อนแมทแล้วส่งยิ้มให้ สองคนนั้นพาเพื่อนผู้หญิงอีกคนเดินออกไปจากโต๊ะ คนอื่นๆ กำลังสนุกกันได้ที่ แม้บรรยากาศเพลงตอนนี้จะอกหักมากก็ตาม


“นี่ เป็นอะไรเหรอ ร้องไห้ทำไม” ผมกระซิบถามเขาที่ข้างหู แมทแหงนหน้า เอาคางเกยอกผมไว้ เขาแบะปากคล้ายจะร้องไห้ แต่ก็เปิดปากพูดออกมาเสียงยาน


“เรารักผู้ชายคนหนึ่งมาตั้งหกปีแน่ะ เลาอะนะ ทามดี กับพี่เขาเยอะมากเลย เพราะคี๊ดว่าเขาจารักเรากลับบ้าง วันนี้เลยไปสาราภาบกับเขามา แต่เขาบอกไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบเลาอะ เห็นเลาเป็นน้องงง นี่ไม่อยากเป็นน้องเขา นี่รักเขา อยากได้เขาเป็นผัววว” เขาพูดไปน้ำตาไหลไป ผมก็สงสารนะ แต่ฮามากกว่า เลยพยายามกลั้นยิ้มขำเอาไว้ แมทซุกหน้าเข้ากับอกผม ยิ่งเนื้อเพลงที่ดันตรงกับสถานการณ์ของเขาดังขึ้น เขายิ่งร้องไห้หนัก


~ไม่ผิดใช่มั้ยที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับวันนี้จะอยู่แสนไกล ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็จะรักเธอ~


“ฮือออ… เพราะแมทไม่ใช่ผู้หญิงใช่มั้ย พี่ถึงไม่รักแมท… ถ้าแมทเป็นผู้หญิง พี่จะรักแมทรึเปล่า…” คราวนี้เขาไม่ได้พูดด้วยอาการตลกใด รอบนี้ผมสัมผัสได้ถึงความเสียใจ ความอัดอั้นตันใจที่เขามีอยู่ในอก เขาสะอื้นตัวโยนจนผมต้องยกมือซ้ายมาลูบหลังเขาไว้


“เฮ้ย ไอ้เหี้ยเอิร์ท เจ้าแม่อาการหนักเหรอวะ” ผมหันไปพยักหน้าให้ไอ้เบียร์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย พวกมันไม่ได้แซวอะไรกันอีก ปล่อยให้ผมยืนปลอบแมทไปเงียบๆ ท่ามกลางเสียงเพลงที่โคตรจะเศร้า นึกอยากจะเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วบอกนักร้องว่าหยุดร้องเพลงนี้เถอะ แม่งเดี๋ยวน้ำตาได้ท่วมผับแน่


“อ่อก…” อ้าว เหี้ยละ ร้องไห้อยู่ดีๆ ทำไมทำท่าจะอ้วกซะแล้วล่ะ


“เฮ้ย แมทมันเป็นอะไรอ่ะ” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งของแมทที่ผมเห็นหน้าบ่อยๆ (โดนแมทจิกใช้บ่อย) พุ่งตัวเข้ามาถามด้วยท่าทีเป็นห่วงทั้งที่ตัวเขาเองก็แก้มแดงคอแดงไปหมด


“เหมือนจะอ้วกอ่ะ”


“อ้าวเหรอ งั้นเดี๋ยวผมพามันไปอ้วกก่อนครับ” เขาทำท่าจะเข้ามาดึงแมทออกไปจากตัวผม แต่ผมยกมือห้ามเขาไว้


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจัดการเอง” ผมไม่รอให้เขาตอบ หรือโต้อะไร แต่ประคองแมทให้เดินออกจากโต๊ะไปด้วยกัน หยิบน้ำเปล่าติดมือไปด้วยหนึ่งขวด


ผมพาแมทออกมาที่หลังผับ มีคนมายืนสูบบุหรี่ ยืนคุยกันอยู่มากมาย แล้วก็มีคนนั่งจูบกันอยู่สองคู่ในมุมอับ แต่ยังไงแม่งก็เห็นอยู่ดีนั่นแหละ


“อ้วกมั้ย” ผมถามแมทตอนที่เรามายืนตรงแถวๆ ระเบียงกระถางต้นไม้ที่ไม่มีคน แมทจับแขนผมไว้แน่น เขาหันมามองหน้าผมด้วยสายตาปรือๆ เมาๆ ผมส่งยิ้มที่มุมปากให้ เขามองหน้าผมเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่


“จูบหน่อยได้มั้ย” ผมเบิกตากว้างขึ้น ยังไม่ทันได้ตอบอะไร แมทก็ยื่นหน้าเข้ามาจูบผมอย่างรวดเร็ว เขาเอาริมฝีปากกดแช่บนปากผม สองมือจับเอวผมไว้แน่น ท่าทางของเขาดูไม่ประสีประสา ท่าทางไม่เคยจูบใครแน่ๆ เพราะมือไม้เขาดูวางไม่ถูกที่ถูกทาง รสจูบก็ดูเงอะงะ



ผ่านไปสักพัก เขาก็ยังแค่เอาริมฝีปากแช่ปากผมไว้ ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม แต่กลายเป็นผมเองที่กดริมฝีปากลงไปบนปากเขาหนักขึ้น บังคับให้เขาเปิดปากออก ส่งลิ้นเข้าไปเกลี่ยลิ้นเขา แต่ยังไม่ทันทำอะไรไปมากกว่านั้น เขาก็ผละออกแล้วหันหน้าหากระถางต้นไม้ก่อนจะโก่งตัวอ้วกออกมาอย่างแรง


นี่ลิ้นผมไปกระตุ้นให้เขาอ้วกงั้นเหรอ แม่งคือไรวะเนี่ย


“เอิ่ก…” ผมลูบหลังเขาเพื่อช่วยให้เขารู้สึกสบายมากขึ้น มือซ้ายเขาจับไหล่ขวาผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย สงสัยคงกลัวหน้าทิ่มลงไปในกระถาง พอเขาอ้วกออกมาจนหมดก็ยืดตัวตรงอีกที ผมยื่นน้ำเปล่าให้เขาไปกลั้วปาก แมทจัดการเองเสร็จสรรพ ดูท่าทางจะอาการดีขึ้นมาหน่อย


“มานั่งพักก่อนมา” ผมพาเขาไปนั่งตรงม้านั่งตัวยาวตัวหนึ่ง แมทนั่งหน้าตางัวเงีย สักพักก็เอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้ เขาหายใจเข้าออกเสียงดังจนเกือบจะกลายเป็นกรน ผมนั่งนิ่งๆ ให้เขานั่งพิงไหล่


“ดีขึ้นยัง” ผมลองถามเขา ก้มลงมองใบหน้าธรรมดาๆ ของเขา


“ฮึ…” ไม่รู้ว่าตอบรับผมหรือละเมอกันแน่ ผมยิ้มขบขันคนเดียว นั่งนิ่งให้เขาซบไหล่ต่อไป พลางนึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเขาเมื่อตอนเย็นกับตอนเมื่อกี้นี้ เป็นคนที่อารมณ์ดี ยิ้มเก่ง มีหลากหลายอารมณ์ แต่พอถึงอารมณ์ร้องไห้แล้วเหมือนจะขาดใจตายให้ได้เลย หมดคราบแมทผู้ไม่ยอมแพ้คนที่ผมเคยเห็น


แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกสนใจผู้ชายคนนี้อยู่ดี และผมคิดว่าผู้ชายคนนี้เริ่มเข้ามากวนหัวใจผมบ่อยขึ้นแล้ว


 :hao3:

หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเธอมารักกัน ถูกใจเธอมาตั้งนาน รู้มั้ยยยย

เพลงนี้น่าจะเหมาะกับสถานการณ์ระว่างเอิร์ทและแมทเนอะ ฮ่าๆๆๆ แมทมากวนใจเอิร์ท งั้นชวนมารักกันไปเลย คริๆ

อาจมีคนมองว่าแมทหลุดคาแร็คเตอร์ ซึ่งตอมได้อธิบายในเฟซบุ๊คไปแล้ว ไปย้อนอ่านกันได้นะคะ

และหากถามว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงมั้ย ก็จะบอกว่า สิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นในชีวิตเรา ไม่ได้หมายความว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีอยู่จริง เหมือนเรื่องราวของคมเขี้ยวกับเรียวจันทร์ วายไทยอีกเรื่องของตอมแหละค่ะ ตอมทำงานที่เจอผู้คนเยอะบ่อยๆ เราได้พูดคุยและเห็นอะไรมาพอสมควรก็หยิบจับมาใช้ในนิยายได้อะเนอะ สำหรับระหว่างเอิร์ทกับแมท ก็ดึงมาจากประสบการณ์ส่วนตัวทั้งของตัวเองและผู้อื่น ฮ่าๆๆ 

ก็แฟลชแบ็คกันไปก่อนเนาะ เอิร์ทจะออกอีกสองตอนค่ะ ก็จะมีมาบอกความคิดเขาเมื่อตอนคุยอยู่กับแมทและลิงก์เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบัน ก็ต้องลองอ่านเนอะถึงจะเก็ทแน้คะ

ปิดโอนเงินพรีออเดอร์รีปริ้นนิยายพาร์ทแรกรอบสองแล้วนะคะ เช็กสถานะของตนเองได้ที่ลิงก์หน้าเพจเลยค่ะ

ใครเจอคำผิดบอกได้เลยนะค้า ตอมจะได้รีบแก้ ขอบคุณทุกคนมากค่า เจอกันตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #978 เมื่อ21-02-2016 19:54:49 »

แหม๋ๆๆๆ ทีแท้ก็แอบหมายปองแมทมานานก่อนยักษ์อีกเว้ยเห้ย

ออฟไลน์ wonwon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #979 เมื่อ21-02-2016 21:48:55 »

เอิร์ทตอนแรกๆ เหมือนจะดีจริงๆอ่ะ อ่านแรกๆก็จะตกหลุมรักเลย แต่ที่จับปลา2มือนี่ เราไม่โอเคมากๆอ่ะคะ  แฟนเก่าไม่เคลียร์แต่จะมาขอคบแมท คือสรุปควบ2 ไม่โอเคอย่างแรงงงง 

แต่ถ้าเป็นแค่เพื่อนกัน หรือแค่คนแอบชอบแมท ถือว่า"คบได้" อิอิ



======================

เจอคำผิดคะ ตรงที่เป็นตัวหนาที่ขีดเส้นใต้น่าจะผิดนะคะ

“แปบนะครับ เดี๋ยวผมเปิดคอมฯ ก่อน” เขายื่นทิชชูมาให้ผม ทำหน้าทำตาว่าจัดการเองนะ ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา แมทลุกขึ้นยืน เดินไปจัดการเปิดแม็คบุ๊คที่พกมาด้วย ผมมองเขาแล้วยิ้มออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆ เดินไปนั่งที่อื่น ผมเลือกนั่งเก้าอี้สำหรับนั่งชมการแสดงตรงโซนด้านบนของห้อง นั่งเช็ดแผลจนมันดูสะอาดตาขึ้นมาบ้าง ผมแอบเหลือมองแมทที่นั่งอยู่หน้าแม็คบุ๊ค ท่าทางเครียดพอสมควร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
« ตอบ #979 เมื่อ: 21-02-2016 21:48:55 »





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #980 เมื่อ21-02-2016 22:25:38 »

ถ้าไม่มามีเรื่องหญิงก็จะเชียร์อยู่หรอก

ออฟไลน์ wawa_piya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #981 เมื่อ22-02-2016 00:07:21 »

โถๆๆๆ แมท เดี๋ยวก็ไปเจอวิคนะ ไม่ต้องเสียใจ 5555555555555

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #982 เมื่อ22-02-2016 00:35:21 »

เห้อออออออ!!

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #983 เมื่อ22-02-2016 03:58:35 »

 :pig4:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #984 เมื่อ22-02-2016 04:06:29 »

 :mew2:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #985 เมื่อ22-02-2016 12:23:34 »

ห่วงหน้า พะวงหลัง

จะเอาทั้งสองทางเลย
ไอ่เอิร์ท เชี่ยจินจิน

ออฟไลน์ Tatangth

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #986 เมื่อ23-02-2016 01:57:15 »

แล้วไงอ่ะเอิร์ธ ห้อยยยยย!!!!!!

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
«ตอบ #987 เมื่อ23-02-2016 08:20:04 »

 :pig4 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
«ตอบ #988 เมื่อ24-02-2016 23:24:27 »



Only You EP.28 :: Special Earthshaking. [100%]




Special: Earthshaking

   

“อีกนิดจะถึงเตียงแล้วมึง เดินดีๆ” เสียงเพื่อนผู้ชายของแมทบ่นมาตลอดทางเดินในชั้นคอนโดฯ ที่เขาอยู่ แมทกอดเอวผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะมาส่งเขาถึงที่นี่หรอก แต่แมทเกาะติดผมแจ ไม่ยอมให้ผมไปไหน ทั้งที่ไม่รู้ว่าผมเป็นใคร แต่ดันบอกว่าอยากให้ผมอยู่ด้วย ผมเลยต้องมา
   

เรากลับเข้าไปในผับ ไปยืนเต้นกันจนผับปิด แมทเต้นสะบัด ลีลาเขาโคตรดี แต่ตัวเหวี่ยงจะลงพื้นหลายรอบ ผมต้องคอยจับเขาไว้ไม่ให้ล้มลงไป เพื่อนเขาคนอื่นๆ ก็เมากันได้ที่ เลยไม่มีใครมาวุ่นวายดึงเขาไปจากผม ส่วนพวกเพื่อนผมมันก็คงรู้อยู่แล้วว่ามาดึงไปผมก็ไม่ให้เอาเขาไปหรอก
   

“เฮ้ย ผมฝากแมทไว้แปบนึงได้ป้ะ เดี๋ยวต้องลงไปส่งไอ้พวกที่อยู่ในรถอีกอ่ะ กลับมาแล้วผมจะไปส่งนายนะ”
   

“ได้ๆ เดี๋ยวผมดูแมทเอง” เพื่อนแมททิ้งเราไว้ในห้องกันสองคน ผมมองหาห้องนอนแล้วพยุงเขาเดินไป ตอนกลับเข้าไปเต้น แมทดันกินเหล้าเข้าไปอีก จากตอนที่อ้วกออกไปเหมือนจะดีขึ้น พอซ้ำเหล้าเข้าปากอีกรอบ คราวนี้เดินเป๋เลย
   

“อ้า… แอ๊! โลกมันหมุนเร็วจัง ฉันตามไม่ทันแล้วเนี่ยพี่บัวลอย…” บ่นอะไรของเขาวะ บ่นออกมาเป็นเพลงด้วยนะ ผมขำพรืดออกมา พาร่างเขาไปนอนแผ่หลาบนเตียง ผมลุกไปเปิดไฟในห้องให้สว่าง ประตูห้องนอนเป็นแบบไหลปิดเอง มันเลยจัดการชัทดาวน์ตัวเองเรียบร้อย ผมจัดการเปิดแอร์ให้แมท เข้าไปอุ้มร่างเขาให้นอนบนเตียงดีๆ แมทส่งเสียงบ่นงึมงำไปเรื่อย
   

“ฮึ้ยยย ผู้ชายยย จีบเลามะ มั่ยสวย แต่พอมีตังค์นะ คิๆๆๆ” ผมอดจะหัวเราะเสียงดังไม่ได้กับท่าทีหยาดเยิ้มของเขา ผมกำลังจัดร่างเขาให้นอนตรงๆ ก็โดนแมทดึงลงไปกอด ก่อนที่เขาจะจัดการพลิกร่างตัวเองไว้ด้านบน นั่งทับตัวผมไว้ แล้วเจ้าตัวก็ล้มลงมากอดผมแน่น
   

“ฮื้อ ตัวหอมจังเลย หอมกว่าไอ้พี่เอกอีก ไอ้พี่เอกแม่งตัวเหม็น มันไม่รักแมท มันตัวเหม็นนน” เขาเอาแก้มถูไถบนอกผมเหมือนแมวอ้อน ผมยกมือกอดตอบเขา แมทหัวเราะคิกคักถูกอกถูกใจ เขายกหน้าขึ้นมามองผม เราสบตากันครู่หนึ่ง ตาแมทฉ่ำเยิ้มมาก เขามองหน้าผมแล้วก็ยิ้มเยิ้มแบบคนเมา ก่อนที่จะระดมจูบผมไปทั่วหน้า
   

“เอ้ย แมทๆ ใจเย็น เดี๋ยวก็มีเย็xกันหรอก”
   

“เอาสิๆ ไม่เคยเลย อยากลองมั่ง ฮิๆ” ไม่รู้ว่าเมา หรือแกล้ง หรืออะไร เขาซุกไซ้คอผมสนุกเลย ผมใช้มือจับแขนทั้งสองข้างเขาไว้แล้วพยายามผลักเขาออก เอาจริงๆ ก็ไม่ได้พยายามมากนักหรอก เพราะตอนนี้ผมใจเต้นตึกตักแล้ว
   

“จุ๊บ จุ๊บ จูบกันมั้ยๆ จูบแมทสิ จูบแมททท” โอยยย ไอ้พูดเสียงอ้อนไม่เท่าไหร่ ทำไมต้องขย่มเป้าด้วยวะ เดี๋ยวตรงกลางตัวตื่นขึ้นมาแล้วจะยุ่งนะ ถุงยางไม่ได้พกมาด้วย
   

“แมทๆ เบาก่อน อย่าขย่มแรง นอนนะ นอนๆ” ผมใช้เสียงปลอบให้เขาสงบ แมทหยุดขย่มก็จริง แต่ดันทำท่าโยกตัวเด้งหน้าเด้งหลังไปมาบนเป้าผมเบาๆ แทน แถมยังโดนเขาไซ้คอไม่เลิกอีก จะรอดมั้ยเนี่ยกู
   

“นอนสินอน นอนด้วยกันนะ อย่าทิ้งแมทไว้คนเดียว แมทกลัววว แมทจะร้องห้ายยย”
   

“ครับๆ เดี๋ยวผมนอนกับเจ้าแม่ด้วยครับ” เขาหัวเราะถูกอกถูกใจ ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ผมแต่เอาแขนขากอดผมไว้แน่น ผมเลยต้องเอนตัวนอนลงข้างเขา
   

“ชื่ออะรัยอะ” เขาถามผมตาปรือ เหมือนคนจะหลับเต็มที่แล้ว
   

“ชื่อเอิร์ท” ผมตอบเสียงเบาแล้วส่งยิ้มให้เขา แมทยิ้มกว้างเยิ้มๆ ตอบกลับมา
   

“โลกกก คึๆๆ” เขาเอาแขนขาออกจากตัวผม แต่ดันยื่นมือขวาไปจับเป้าผมแทน อันนี้คือพลาดหรืออะไรวะเนี่ย ทำไมมันซนงี้วะ
   

“อ้าว จับตรงนั้นอีก เดี๋ยวมันตุงขึ้นมานะเฮ้ย” เพราะตอนนี้มันขยายตัวแล้ว ผมรีบเอามือแมทออกมาจากตรงนั้น แล้วเอามาวางไว้บนเอวผมแทน แมทกอดผมแน่น ซุกตัวเข้าหาอกผม เอาหน้าผากถูอกผมเหมือนเด็กตัวเล็กๆ
   

“กอดๆ กอดแมทหน่อยยย” ผมยิ้มขำ ยกแขนซ้ายกอดร่างเล็กๆ ของเขาไว้ ลูบหลังเขาไปมาเพื่อกล่อมให้เขาหลับ ไม่ถึงห้านาทีแมทก็หลับสนิท ลมหายใจเขาเบาหวิว ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย ผมลูบหลังเขาไปเรื่อยๆ จนเขาหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว
   

“เดี๋ยวมึงนอนโซฟาละกัน…” ผมได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก เลยค่อยๆ ดึงมือแมทออกจากเอว เขาหลับไปแล้ว ผมเลยจัดการเขาง่ายขึ้น ผมห่มผ้านวมให้เขาเรียบร้อย ก้มมองหน้าเขาอีกนิดแล้วยิ้มออกมา กำลังจะก้มลงหอมแก้มเขา แต่ก็ต้องชะงักไว้เพราะประตูห้องนอนถูกเปิดออก
   

“แมทเป็นไงบ้างครับ” ผมทำเนียนดึงผ้านวมขึ้นห่มให้เขาถึงคอแล้วหันไปตอบเพื่อนแมท
   

“หลับไปแล้วครับ แต่กว่าจะหลับก็นานอยู่เหมือนกัน”
   

“โทษทีนะ พอดีต้องตระเวนส่งเพื่อนหลายคนเลย ปกติแมทมันไม่ค่อยกินเหล้าอ่ะ พอได้เมาเลยเมาหนัก” ผมยิ้มอ่อน พยักหน้ารับรู้ บวกกับเขาอกหักด้วยละมั้งเลยทำให้กินหนักมาก
   

“แล้วนี่กลับยังไงครับ เดี๋ยวผมไปส่งมั้ย” ผมไม่ได้เอารถมา เพราะพาแมทขึ้นรถเพื่อนเขากลับมาที่คอนโดนี่แหละ
   

“ไม่เป็นไร เดี่ยวผมโทรตามเพื่อนให้มารับ ไปก่อนนะครับ” ผมเดินออกจากห้องนอนไปทันที ทั้งที่ในใจอยากจะหันไปเอ่ยลาแมทอีกสักครั้ง เพราะผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกมั้ย เนื่องจากไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้ว
   

ผมโทรให้ไอ้ไนน์มารับที่คอนโดเพื่อนแมท เดินมานั่งรอมันข้างล่าง ระหว่างรอก็คิดถึงท่าทางของแมทที่อยู่บนเตียงด้วยกัน ปฏิเสธยากเหมือนกันว่าผมอารมณ์ค้างอยู่ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะโดนปลุกอารมณ์โดยผู้ชาย
   

“ไอ้เอิร์ท…” ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้ไนน์ที่นั่งคร่อมมอเตอร์ไซด์อยู่ ผมลุกขึ้นเดินไปนั่งซ้อนท้ายมัน ระหว่างนั้นก็คิดอะไรบางอย่าง
   

“มึงไปส่งกูที่หอขวัญนะ”
   

“ฮะ?! มึงจะไปหอเขาทำไม ทำไมไม่กลับหอตัวเอง”
   

“เออน่ะ ไปส่งกูที่นั่นแหละ กุมีธุระ”
   

“ธุระบนเตียงดิไอ้เหี้ย” ผมไม่ได้ตอบอะไรมัน เพราะที่มันพูดก็มีส่วนถูก และสิ่งที่ผมกำลังจะทำนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูก เข้าขั้นระยำเลยก็ว่าได้ เพราะผมจะไประบายอารมณ์ที่ค้างจากแมทกับอีกคน นี่คือสันดานเหี้ยๆ สันดานเสียๆ ของผมที่ผมยังสลัดไม่หลุดสักที



   


หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอแมทอีก ได้แค่เดินผ่านกันแวบบ้างเป็นบางครั้ง ผมเองก็ไม่กล้าเข้าไปทักเขา เพราะดูเขาจะจำผมไม่ได้ ก็มีครั้งหนึ่งเจอกันที่โรงอาหารคณะมนุษย์ฯ เขาก็มองผ่านผม แบบผ่านเลยไปโดยไม่สนใจ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเขาน่าจะจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ บวกกับเรื่องเรียน เรื่องงานผมก็หนักมากพอแล้ว เลยไม่ได้ติดตามรื้อฟื้นอะไรมากนัก แล้วผมก็คิดว่าปล่อยๆ ผ่านไป เดี๋ยวทุกอย่างก็เลือนหายไปเอง ผมยังคงชอบผู้หญิง กับแมทมันอาจจะเป็นชั่ววูบหนึ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นได้
   

แต่ถึงจะบอกกับตัวเองแบบนั้น ผมก็ยังมีแอบนึกถึงและคิดถึงเขาเรื่อยๆ แม้จะไม่ทุกวัน แต่ถ้าหนึ่งเดือนมีสามสิบวัน ผมก็คิดถึงเขาไปแล้วครึ่งเดือน แต่ด้วยภาระงานผมที่ต้องเร่งทำส่ง เลยทำให้ไม่มีเวลามานั่งทำตัวเป็นพระเอกมิวสิควีดีโอใดๆ
   

“เออ สรุปมึงจะไปเวิร์คฯ ใช่มั้ยไอ้เอิร์ท”
   

“ไม่ต้องสรุป กูสมัครไปเรียบร้อยแล้ว รอทำวีซ่าอยู่” ปิดเทอมปีสามจะขึ้นปีสี่ ผมกะจะไปหาประสบการณ์การทำงานซอฟท์ๆ ที่อเมริกาสักสามเดือนกับโครงการเวิร์คแอนด์ทราเวิล ผมนัดกับเพื่อนสนิทอีกคนที่อยู่ต่างมหาวิทยาลัยไว้แล้วว่าจะไปด้วยกัน จองที่พักพร้อมแล้วด้วย
   

“โอเค โชคดีมึง กูคงไม่ได้ไปส่งนะ” ผมย่นคิ้วใส่ไอ้เบียร์
   

“ส่งทำห่าอะไร กูไมได้ไปเรียนต่อ ไปเวิร์คแค่สามสี่เดือนเดี๋ยวก็กลับ ไม่ต้องมีใครสะเออะไปส่งกูหรอก” พวกมันตอบรับอย่างดี คงกะไม่ไปส่งกันอยู่แล้วแหละ แต่แค่ทำมาเป็นพูดดักไว้ก่อน ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าต้องมีใครไปส่งผมเป็นขบวนแบบในละครหรอก มีแค่พ่อกับแม่ก็พอแล้ว
   

หลังจากเคลียร์งานเสร็จ ผมก็ได้พักหายใจสักแปบหนึ่ง ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงสอบไฟนอล ผมไปเที่ยว ไปกินเหล้า แต่ไม่ได้เคล้ากับนารีคนไหนเลยสักคน มีแค่ส่งสายตาหากันแค่นั้นจบ แต่พักหลังๆ มานี้ ผมไม่ได้ไปนอนห้องใครหรือพาใครไปนอนห้องอย่างที่มักทำบ่อยๆ เหมือนผมจะฮ็อตมาก แต่เปล่าหรอก บ่อยๆ ของผมไม่ได้หมายความทุกวัน วันเว้นวัน หรืออาทิตย์ละกี่วัน นับได้ก็เดือนละครั้งสองครั้งเอง ผมมีความต้องการ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเอาผู้หญิงไปหมดทุดคน
   

พอสอบเสร็จได้หนึ่งอาทิตย์ ผมก็บินไปอเมริกากับไอ้บาสเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมทันที เรามาถึงนิวยอร์กก่อนเริ่มงานประมาณห้าวันเท่านั้น พักได้ไม่เท่าไหร่ก็เข้าไปเทรนงาน ผมกับมันทำงานกันคนละที่ เพราะไม่อยากพูดภาษาไทยใส่กันตลอดเวลา แค่คุยกันที่บ้าน นอนห้องเดียวกันก็มากพอแล้ว
   

“มีเด็กไทยมาอยู่ที่บ้านเพิ่มอีกคนนึงด้วยมึง” ไอ้บาสบอกพลางนั่งเช็ดหัวที่เปียกน้ำของมันไปด้วย ตอนนี้เราอยู่มาได้เกือบสองอาทิตย์ละ ทุกอย่างเริ่มอยู่ตัวมากขึ้น ที่บ้านพักของเรามีเด็กไทยค่อนข้างมาก อย่างน้อยก็มากกว่าเด็กชาติอื่น แต่ก็ยังมีพวกนักท่องเที่ยวต่างชาติ (รวมถึงไทย) ที่แวะมาพักคืนสองคืนอีก
   

“เหรอ” ผมตอบรับมันทั้งที่ก้มหน้าก้มตาดูหนังในไอแพดอยู่
   

“เออ เป็นผู้ชาย”
   

“บอกกูทำไม จะให้กูไปจีบเหรอ” ผมไม่ได้สนใจเงยหน้าไปมองมันเลยแม้แต่นิด แต่ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆ
   

“คนที่มาจีบๆ มึงดูดีกว่าเยอะ แต่คนนี้ก็ดูออกนะว่าเป็น แต่เขายิ้มน่ารักดีนะกูว่า”
   

“งั้นมึงก็จีบดิ” ผมยักคิ้วให้มันทั้งที่ก้มหน้าดูหนังในไอแพดอยู่
   

“กูขอจีบสาวอเมกันที่ทำงานกูก่อนแล้วกัน” ผมหัวเราะน้อยๆ ไม่ได้เงยหน้ามองมันอยู่ดี จนไอ้บาสขว้างผ้าขนหนูใส่หัวผม
   

“ไอ้เหี้ย ทำตัวเป็นสังคมก้มหน้าอยู่ได้” ผมขมวดคิ้วใส่มัน
   

“กูจะดูหนัง มึงเป็นเหี้ยอะไรครับ” มันไม่ได้ตอบอะไร แต่หันไปเล่นมือถือของตัวเองแทน โถ่ ไอ้ห่า ว่าแต่กู

   
วันต่อมาผมก็ไปทำงานตามปกติ วันนี้ไอ้บาสชวนผมไปหาซื้อข้าวเย็นกินที่ไชน่าทาวน์ กะเอามาแบ่งกับเพื่อนๆ คนไทยที่อยู่บ้านเดียวกัน เพราะจะได้ทำความรู้จักกันไว้


“อ้าว จะไปไหนหรอแมท” ใจผมกระตุกวูบตอนได้ยินชื่อนั้น แล้วผมก็ต้องเอ๋อแดกสมองไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่าเจ้าของชื่อนั้น มีใบหน้าเดียวกับคนที่ผมรู้จัก กับคนที่ผมชอบแอบมองเขาบ่อยๆ


“มีงานด่วนน่ะ ไปก่อนนะ” เขายิ้มให้แล้วทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไป เขาเหลือบมองผมแวบเดียว ไม่ได้มีท่าทียินดียินร้ายอะไรที่เห็นผม ผมมองเขาด้วยความสับสน ด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจแปลกๆ ที่เห็นเขาที่นี่


“ว่าจะชวนมากินข้าวด้วยกันซะหน่อย ไม่กินก่อนเหรอ” เขายิ้มอย่างเสียดาย ผมอยากจะเอ่ยปากทัก เอ่ยพูดกับเขา แต่มันจุกอยู่ที่คอไปหมด ไม่รู้ว่าจะต้องพูด หรือเริ่มพูดว่าอะไรถึงจะดี


“ขอโทษนะ งานนี้ด่วนและรีบจริง ไว้วันหน้าจะเลี้ยงคืนบ้างนะ ไปละ” เขาวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งความสับสนมึนงงไว้ให้ผมเพียบ ใจผมเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เต้นผิดจังหวะไปหมด


“ไอ้เอิร์ท แดกข้าวครับ ยืนนิ่งอยู่ทำไม” ผมเดินไปที่เค้าน์เตอร์ครัวของบ้าน ยืนมองไอ้บาสเทอาหารลงจานอย่างเหม่อลอย ใจยังเต้นแผ่วๆ ไม่หาย


“มึงเป็นไรเนี่ย”


“คนนั้นเหรอวะที่มึงบอกว่าเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่” มันพยักหน้างงๆ


“อือ คนนี้แหละ มึงมีไร ชอบเขาเรอะ” ผมไม่ได้ตอบคำถามมัน แต่หยิบกล่องอาหารมาเปลี่ยนใส่จานแทน ในหัวยังคงวนเวียนคิดถึงเรื่องแมทไม่หยุด ผมงงไปหมดว่าเรามาเจอกันที่นี่ได้ยังไง ทำไมแมทถึงมาอยู่ที่นี่ อยู่ไทยเราแทบไม่เจอกัน แต่เรากลับมาเจอกันที่นี่ บอกตรงๆ ว่าผมดีใจ


ผมนอนคิดถึงแมททั้งคืน ยิ่งรู้ว่าห้องเขาอยู่ตรงข้ามกันก็ยิ่งว้าวุ่นไปหมด อยากเดินเข้าไปหา เข้าไปคุย เข้าไปถามว่าจำผมได้หรือเปล่า หรือลืมผมไปแล้วจริงๆ แต่สิ่งที่ทำได้จริงๆ คือนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ คอยระวังไม่ให้ไอ้บาสนอนดิ้นถีบผมตกเตียง


ตอนเช้าผมตื่นไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็แจ็คพล็อตเจอแมทวิ่งถลาเข้ามาดึงกางเกงจนเอิร์ทขนาดย่อดีดเด้งออกมาทักทายเขา คือมันเพิ่งจะเช้าอยู่ แล้วผมเพิ่งจะฉี่ไป มันยังไม่ลงทันที แล้วแม่ตัวดีเขาก็วิ่งไถลมาแต่ไกล พุ่งถึงตัวปั๊บจับบ็อกเซอร์ผมกระชากลงโชว์ของเด็ดแต่เช้าเลย คือผมนอนคิดเรื่องเขาเกือบทั้งคืน กะว่าถ้าเจอกันแบบตัวต่อตัวจะพูดอะไรดี แต่ดันเกิดเหตุการณ์โชว์ของแบบนี้ซะก่อน ผมก็เลยอึ้ง ยืนเงียบ มองเขาอย่างเรียบเฉย เพราะก็เขินๆ อายๆ เขาอยู่เหมือนกันที่มาเห็นของสงวนของผม มันไม่ใช่ว่าผมรักนวลสงวนตัวหรอก แต่ทำไมเขาต้องเห็นของผมในสถานการณ์ที่ผิดที่ผิดทางแบบนี้ด้วย ถ้าเขาขอผมดูยังจะดีกว่านี้อีก ผมเต็มใจควักออกมาให้ดูเลย


“เราไม่หนีไปไหน นายอยากกินอะไร อยากได้อะไร เอาโน้ตไปแปะไว้หน้าห้องเราได้เลยนะ  ห้องเราอยู่ตรงข้ามกับบาส ไปก่อนนะ รีบจริงๆ ขอโทษๆๆ ขอโทษนะ!” เขารีบบอกอย่างร้อนลน ท่าทางจะรีบมากจริงๆ รีบจนวิ่งตกบันไดไปหนึ่งขั้น ตัวไปกระแทกกับผนัง ผมแกล้งยิ้มเยาะเขา แล้วบอกว่าเราเสมอกัน


ตกเย็นผมก็เจอกับเขา เรานั่งคุยกัน ไม่ได้คุยอะไรกันยาวนักหรอก เพราะเขาชิงหลับไปก่อน ท่าทางจะเพลียน่าดู เห็นเมื่อเช้าวิ่งลนลานขนาดนั้น คงทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ผมนั่งมองเขาหลับแล้วก็นึกถึงวันที่พาเขาไปส่งเข้านอนบนเตียง นึกถึงตอนที่เรานอนบนเตียงด้วยกัน แล้วภาพที่เขาขย่มตัวผมก็ผุดขึ้นมา ผมรู้สึกวูบๆ วาบๆ ไปทั่วตัว เลยลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปกดจูบที่ซอกคอเขา ถือว่าทำให้หายค้างคาตอนที่ผมกำลังจะหอมแก้มเขาแต่เพื่อนเขามาขัดในตอนนั้น


ตกดึงผมนอนไม่หลับ เพราะอยากคุยกับแมท ผมกะว่าเขาตื่นมาจะลองหาโอกาสนั่งคุยกันดู แต่เขาก็หายไปไหนไม่รู้ ผมเลยมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยตรงชิงช้าในลานหญ้าเล็กๆ หน้าบ้านพัก จนกระทั่งแมทเดินกลับเข้ามาผมถึงรู้ว่าเขากลับไปทำงานมาอีกรอบ ไม่รู้ว่าทำงานอะไรทำไมถึงได้ทรหดขนาดนี้ เรานั่งคุยกันอีกครั้ง ก่อนขึ้นนอนผมลองทวนความทรงจำเขาด้วยการไซ้คอ แล้วบอกให้เขาลองไซ้ผมบ้าง เผื่อเขาจะจำกลิ่นผมได้บ้าง แต่เขาก็ดันหลับคาคอผม ผมเลยต้องประคองเขาพากลับไปนอนที่ห้อง ภาพในวันที่เขาเมาย้อนเข้ามาในความทรงจำเลย ผมพาเขามาส่งถึงเตียง ห่มผ้าให้เขาเรียบร้อย ท่าทางคงเหนื่อยมากจริงๆ ถึงกับไม่อาบน้ำ ผมลูบหัวเขา ก้มลงหอมหน้าผากเขาแผ่วเบาแล้วเดินออกจากห้องนอนเขาไป






หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของผมกับแมทก็ดูจะไม่ค่อยคืบไปเท่าไหร่ เพราะเวลาของเราสองคนไม่ค่อยตรงกัน แมทเลิกงานดึกมาก แล้วก็ออกเช้ามากด้วย ผมเองพอตื่นมาก็มักจะไม่เจอเขาแล้ว หรือเลิกงานมา ผมก็มักจะต้องเข้านอนก่อนเพราะเดี๋ยวไปทำงานแล้วจะเพลียเอาหากนอนดึกมากไป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีจังหวะให้เราสองคนได้เจอ ได้พูดคุยกันอยู่บ้าง แม้จะน้อยแต่ผมก็พยายามที่จะสานสัมพันธ์กับเขา ไอ้เรื่องจำได้ไม่ได้ตอนเขาเมา ไม่ใช่ประเด็นหลักอีกต่อไป จำไม่ได้ก็สร้างเหตุการณ์ใหม่ร่วมกันไปเลย


แต่ครั้งนี้มันไม่ง่ายแบบตอนอยู่ไทย เพราะแมทมีไอ้ฝรั่งหน้าหล่อที่มีดีกรีเป็นพระเอกคอยป้วนเปี้ยนอยู่ในชีวิต อย่างตอนอยู่ที่ไทย เขาไม่มีใคร ไอ้รักแรกที่เขาแอบรักมาหกปีนั่น มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะมันไม่ได้เข้ามาวุ่นวายอะไรกับแมท แต่ไอ้ฝรั่งนี่ มันดูวุ่นวายกับแมทซะเหลือเกิน แล้วก็ดูจะวุ่นวายมากเกินไปด้วย ถึงขั้นดูดคอนี่ไม่ธรรมดา ผมเริ่มกังวลใจ เริ่มรู้สึกไม่โอเค และรู้สึกว่าตัวเองจะชะล่าใจอะไรไม่ได้แล้ว ไม่งั้นผมคงพลาด แมทอาจโดนไอ้ฝรั่งนั่นฟาดไปซะก่อน


แล้วมันก็จริง เมื่อวันหนึ่งมันมาบอกว่ามันเป็นดุ้นแรกของแมท ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร จากที่ผมไม่ชอบหน้ามันอยู่แล้ว ผมก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบหน้ามันเข้าไปอีก และมันเองก็ดูจะไม่ชอบผมเอามากๆ ด้วยเช่นกัน ถ้าจะบอกว่าสาเหตุมาจากแมทก็คงไม่ผิด


“มึงอินกับแมทมากไปเปล่าวะไอ้เอิร์ท มึงรักเขามากเลยเหรอวะ” ไอ้บาสถามผมในวันหนึ่งที่เราสองคนมานั่งดื่มเหล้าที่บาร์ใกล้ๆ ไทม์สแควร์กันสองคน


“ไม่รู้ว่ะ ตอบไม่ถูก กูแค่รู้สึกว่า ใจมันห่อเหี่ยว เหี่ยวเฉา” ผมตอบสีหน้าเซ็งๆ


“มันอาจจะเป็นแค่ช่วงแรกๆ ก็ได้มึง แบบว่า เฟลจัดไรงี้มั้ง”


“อือ กูก็ขอให้เป็นแค่นั้นพอ” ผมถอนหายใจ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม นั่งนึกถึงหน้าแมท ไม่รู้ป่านนี้โดนไอ้ฝรั่งนั่นจัดไปกี่ท่าแล้วก็ไม่รู้ ยิ่งคิดก็ยิ่งจี๊ดที่ใจ คนที่อยู่บนเตียงกับแมท ทำไมไม่ใช่ผมวะ


ไม่รู้ว่าเรียกอกหักหรือเปล่า แต่ผมก็ซังกะตายอยู่หลายวัน มันไม่ถึงขั้นร้องไห้ ช้ำนอก ช้ำใน แต่ใจมันก็หมดแรงเหมือนกัน ผมแสดงความจริงใจให้แมทเห็นแบบสุดตีน พูดความรู้สึกที่มี จูบได้จูบ แต่แม่งก็แพ้ความใกล้ชิดของเขากับไอ้ฝรั่งนั่น มันแม่งได้แมทไป ไม่รู้ว่าคบกันหรือยัง แต่การที่ได้เสียกันแล้ว ก็ทำเอาผมหวั่นไหว ผมยังแอบหวังด้วยซ้ำว่าถ้ากลับไทยไปแล้ว ขอให้มันเลิกกับแมท หรือเลิกติดต่อแมทไปเถอะ ผมไม่เจอแมทอีกเลยหลังจากวันที่เจอไอ้ฝรั่งนั่นพูดตอกหน้าเข้าไป จนกระทั่งผมทำงานเสร็จ ครบวันตามกำหนด ผมก็เลื่อนไฟล์ทกลับให้เร็วขึ้น ทิ้งให้ไอ้บาสอยู่เที่ยวคนเดียว


“สภาพมึงจะไปหรืออยู่ กูว่าก็ไม่ต่างกัน งั้นก็กลับไทยไปดีกว่า อยู่เที่ยวต่อคงไม่สนุกแล้ว”


“โทษทีนะมึง เที่ยวคนเดียวได้นะ”


“เออน่า ทำอย่างกับกูเป็นเมียมึงขาดมึงไม่ได้งั้นแหละ” ผมยิ้มขำหน่อยๆ เช็กของในกระเป๋าให้เรียบร้อยอีกที


“เอิร์ท กูไม่ได้จะยุเพื่อนให้ทำเลว แต่ถ้ากลับไทยไป มึงมีโอกาสแย่งเขามาได้ ก็ลองดูนะมึง” ผมนิ่งเงียบ หันไปมองหน้าไอ้บาสที่มองกลับมาอย่างเข้าใจ


“มันไม่ใช่วิธีที่ดีหรอกกูรู้ แต่มันก็อาจทำให้มึงมีชีวิตขึ้นมาบ้าง กูไม่อยากพูดประโยคนี้นะ แต่กูไม่เคยเห็นมึงเป็นแบบนี้มาก่อนเลย กับขวัญมึงยังไม่เศร้าขนาดนี้ เออ อันที่จริงเศร้าไม่ได้ เพราะมึงก็ยังเอาเขาอยู่เรื่อยๆ”


“ไอ้เชี่ย เกือบจะดีละ” ผมกับมันหัวเราะด้วยกัน นึกถึงขวัญแล้วก็อยากต่อยตัวเอง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ผมจะหยุดกับเขาสักที ต่างคนต่างรั้งกันไว้ไม่ยอมปล่อยกันจริงจัง


“มึงเคลียร์ขวัญให้รู้เรื่องนะ ถ้ามึงจะมีแมท ก็มีแค่แมทคนเดียว อย่าเอาขวัญมาเกี่ยว ขวัญคงไม่รู้สึกดีหรอกที่แฟนเก่าไปเอาผู้ชาย แล้วยังมาเอาตัวเองอีก”


“กูก็อยากเคลียร์เรื่องขวัญให้จบๆ ไปเหมือนกัน มันนานเกินไปละ กับแมท ถ้ามีโอกาสกูก็อยากลองอย่างที่มึงบอกนะ”


“เออ แต่มึงดูด้วยนะว่าเขาคบกับไอ้ฝรั่งนั่นจริงจังรึเปล่า หรือแค่ช่วงที่อยู่อเม’กาด้วยกัน” ผมพยักให้มันทีหนึ่ง ความคิดสองสามอย่างทับซ้อนปนกันไปหมด







ผมกลับมาถึงไทยก็ไม่ได้มีอะไรผิดเพี้ยนหรือแปลกใหม่ แค่พ่อกับแม่แสดงความดีใจที่ลูกชายกลับมาแล้วก็เท่านั้น แล้วผมก็ออกไปแฮงเอ้าท์กับเพื่อนฝูงตามเดิม แต่สิ่งที่ผมต้องมุ่งมั่นทำให้เรียบร้อยคือเคลียร์เรื่องแฟนเก่าผมที่อยู่กันแบบมึนๆ มั่วๆ มาหลายปีแล้ว


“ขวัญ ไม่เหนื่อยเหรอวะ เอิร์ทแม่งโคตรเหนื่อยอ่ะ”


“อ้าว แล้วไม่ใช่เราสองคนเหรอวะที่ตกลงว่าจะเหนื่อยด้วยกันอ่ะ” ขวัญเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลของตัวเอง ขวัญเป็นคนสวย สวยมากด้วย เป็นผู้หญิงที่โดดเด่นสะดุดตา นิสัยโดยรวมก็ดี แต่ที่ผมต้องขอเลิกก็เพราะการแสดงความเป็นเจ้าของในตัวผมนั้นมันมากเกินไป ถึงขั้นจะให้ผมเลิกคบกับเพื่อนบางคน อันนี้ผมไม่โอเคอย่างยิ่ง แล้วไหนจะเรื่องความฟุ่มเฟือยที่มันสวนทางกับคนอย่างผมอีก ผมมีตังค์ แต่ผมไม่ชอบใช้เงินมากๆ แต่ขวัญใช้เงินเก่งมาก


“เออ เอิร์ทเหี้ยด้วย ขวัญก็เลิกเพ้อถึงเอิร์ทเหอะ”


“เพ้อแล้วเอิร์ทกลับมาป้ะล่ะ ก็กลับ ก็มาขอขวัญเอา แล้วจะให้ขวัญทำไงวะ” ผมยกมือขึ้นเกาผมจนยุ่งเหยิง


“เออ แม่ง ระเนระนาดทั้งคู่”


“เอิร์ทรักขวัญอยู่บ้างป้ะวะ” ผมมองขวัญที่ตาแดงก่ำ น้ำตาไหลไม่หยุด ผมรักขวัญมั้ยเหรอ ทุกวันนี้มันเหมือนเป็นความผูกพันมากกว่า เพราะเราคบกันมานาน พอจะตัดก็ไม่ได้คิดตัดจริงจังสักที


“ไม่รู้ว่ะ แต่ก็เป็นห่วงอ่ะ”


“ห่วง ก็เลิกทำร้ายความรู้สึกขวัญสักทีเหอะ กลับมาคบกันเหมือนเดิม มันจะยากอะไรวะเอิร์ท” มันก็ไม่ยากหรอก แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้วถ้าจะให้กลับไปอยู่ในฐานะแฟน


“ก็ไม่ยาก แต่ทำไม่ได้แล้ว อยู่แบบนี้สบายใจกว่า” ขวัญยิ้มเหมือนสมเพชให้ผมกลับมา


“สบายตัวด้วยดิ ไม่เสียเงินด้วย ไม่ต้องไปตีกะหรี่ที่ไหน แค่เรียกใช้บริการอีขวัญก็พอแล้ว”


“ขวัญ!” ขวัญไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อย เธอเป็นผู้หญิงที่เด็ดดวงมาก เด็ดทั้งนิสัยและเรื่องบนเตียง นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งทำให้ผมยังไปไหนไม่ได้มั้ง อารมณ์ว่าของมันยังเคยๆ กันอยู่


“เอิร์ทชอบผู้ชาย” ผมตัดสินใจบอก แต่ก็ไม่ได้บอกด้วยท่าทีจริงจังอะไรหรอก บอกเหมือนพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ ขวัญมองผมอย่างไม่เข้าใจอยู่ครู่หนึ่ง


“เอิร์ทเป็นเกย์เหรอ” เธอทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อผม


“ไม่ใช่ แต่ชอบผู้ชายคนนี้คนเดียว” ขวัญก็รู้เรื่องที่ผมมีผู้ชายมาจีบนะ แต่เธอก็ไม่ได้ติดใจหรือว่าอะไร (ในช่วงที่คบกัน) คงเพราะมั่นใจว่าผมไม่ใช่เกย์แน่ๆ


“คือไรวะ รักเงี้ยเหรอ ทำไมอ่ะ ทำไมถึงชอบคนนี้”


“ไม่รู้ รู้แค่ชอบคนนี้ คนอื่นไม่ชอบ” ขวัญมองผมเหมือนกำลังเห็นของประหลาด แต่ไม่ได้มองด้วยสายตารังเกียจ ผมว่าขวัญกำลังงงและปนช็อคหน่อยๆ ด้วยแหละ


“แม่งบ้าไปใหญ่แล้วเอิร์ท” แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินจากไปทันที ทิ้งให้ผมนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะข้างตึกคณะคนเดียว

V
v
v

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
«ตอบ #989 เมื่อ24-02-2016 23:26:36 »




v
v
v


แมทกลับมาไทยแล้ว หน้าตาเขาดูหมองหม่น ไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเขาเหมือนตอนที่เขาอกหักจากไอ้รักแรกไม่มีผิด ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับไอ้พระเอกนั่น แต่เหมือนมันจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผมพอสมควร


“เอิร์ทไม่สนใจว่ามันกับแมทจะไปถึงไหนกันแล้ว แต่ไม่ได้คบกัน นั่นก็พอแล้วสำหรับเอิร์ท” ผมบอกกับแมทในวันที่เราอยู่ด้วยกันสองคนในห้องนอนของผม แมทดูอ่อนแอ ดูไร้เรี่ยวแรง แล้วผมก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ขอฉวยโอกาสตรงนี้


“นับวันแมทว่าแมทจะไปเล่นละครน้ำเน่าได้แล้วละ คนดีๆ มีไม่ชอบ ชอบคนที่มันไม่ดี แถมยังอยู่ไกลอีก” ผมแอบสะดุดในใจตัวเองกับประโยคนี้ที่แมทพูดออกมา แมทชอบพูดเสมอว่าผมเป็นคนดี ขอบคุณผมเสมอที่มาชอบ มารักเขา ผมก็รู้สึกดีนะที่เขาชมผมแบบนั้น แต่เวลาได้ยินเขาบอกว่าผมเป็นดีคน ผมจะรู้สึกทุเรศตัวเองมากอย่างบอกไม่ถูก เพราะลึกๆ ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนดี


ผมกับเขาเราเกือบมีอะไรกัน จริงๆ ผมอยากมี ไม่ใช่เพราะผมอยากเอาเขา (นั่นก็อีกหนึ่งเหตุผล) แต่ผมเชื่อว่าคนอย่างแมท ถ้าได้มีอะไรลึกซึ้งกับใครแล้ว เขาจะยอมเป็นของคนนั้น ถึงแรกๆ จะยังไม่ยอมเท่าไหร่ แต่ผมว่านานๆ ไปเขาจะค่อยๆ อยู่กับผมได้เอง ผมถึงได้รู้สึกทุเรศตัวเองเวลาที่แมทบอกว่าผมดี เพราะจริงๆ แล้วผมไม่ใช่พระ ไม่ใช่เจ้า ผมเป็นมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง


หลังจากวันนั้นผมกับเขาเราก็อยู่ในสถานะคนคุยกัน ผมพยายามตีตัวห่างออกจากขวัญ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สำเร็จเท่าไหร่ เพราะผมก็ยังไปนอนกับขวัญอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้ว่าตั้งใจไปหรอก มันมีหลายสถานการณ์ที่ผลักให้ผมไป อย่างบางครั้งผมอยากทำกับแมท แต่แมทไม่ให้ มากสุดก็แค่จูบ เขาไม่ให้ทำเพราะเรายังแค่คุยกัน แล้วผมคิดว่าหลักๆ เลยคือเขาคงรู้สึกผิดกับไอ้ฝรั่งนั่น ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ก็ใช่ว่าจิตของแมทจะอยู่กับผมตลอด ผมสัมผัสได้ว่าเขาชอบคิดถึงไอ้ฝรั่งมันบ่อยๆ ผมเห็นแบบนั้นบางทีก็รู้สึกน้อยใจนิดๆ แต่ไม่พูด พอเกิดอาการเซ็งผมเลยไปหาขวัญ มีอะไรกันแก้เครียด ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีเท่าไหร่ แต่เหมือนว่าอยู่กับขวัญอย่างน้อยก็ไม่เฟล ไม่นอยด์ที่เห็นคนข้างๆ เราอยู่กับเราจริงๆ ซึ่งแมทไม่ใช่แบบนั้น ผมคงใจร้อนไปที่อยากให้เขาลืมไอ้นั่นเร็วๆ แล้วมาคบกับผมจริงจัง


“มาหาขวัญแบบนี้ ไม่กลัวคนนั้นเขาว่าเหรอ” ผมถอนหายใจ ลืมตามองเพดานห้องนอนขวัญอย่างเหม่อลอย ผมไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะถ้าพูดอะไรออกไปมันก็คงทำร้ายใจขวัญมากขึ้นไปอีก


“เอิร์ทกลับละ” ผมลุกขึ้นแต่งตัว ขวัญมองผมด้วยสายตาเจ็บปวด ผมเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร แต่ก้มลงจูบหน้าผากเธอแล้วเดินออกจากห้องขวัญไปเพื่อไปรับแมทมากินข้าว


ผมเลว ผมเหี้ย โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาด่าเพิ่ม แต่ผมก็โดนเพื่อนด่าเสมอ ถามว่าตอนนี้ผมสับสนเหรอ ก็ไม่ถึงขนาดว่าตัดสินใจอะไรไม่ได้ เพียงแต่ยอมรับว่าลึกๆ ผมตัดขวัญไม่ขาดจริงๆ แต่ความเห็นแก่ตัวของผมก็คือ ถ้าผมได้แมทแล้ว ผมคงพร้อมจะทิ้งอีกคนทันที


“วันนี้อยากกินอะไรครับ” ผมส่งยิ้มให้แมทที่เดินออกมาจากตึกคณะคนเดียว เขาส่งยิ้มน่ารักมาให้ผม


“กินหมูกระทะได้มั้ย อยากกินตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว” เขาทำหน้าบู้เหมือนเด็ก ผมยิ้มน้อยๆ ยื่นมือไปดึงเขาเข้ามาใกล้ตัว


“อ้วนแล้วเอิร์ทอุ้มไม่ไหวนะ” แมทกระพริบตาปริบๆ กลับมา


“อ้าว แล้วเอิร์ทจะอุ้มแมททำไม เดินเองได้”


“เปล่า หมายถึงท่าลิงอุ้มแตง” แมทเบิกตากว้างขึ้น แก้มของเขาแผ่สีแดงไปทั่ว ผมหัวเราะตลกกับหน้าตาของเขา เชื่อว่าแมทคงเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร


“ไอ้เอิร์ท ไอ้บ้า” เขาด่าผมด้วยท่าทางเขินอายแล้วเดินขึ้นซ้อนท้ายรถ ผมขับรถพาเขาไปร้านหมูกระทะตามที่เขาอยากกิน ช่วงนี้ผมขอให้แมทมานอนด้วยกัน ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมาก ผมอยากนอนกอดเขา แค่นั้นแหละ


ถึงแม้เขาจะชอบเหม่อๆ นิ่งๆ ดูใจลอยบ่อยๆ แต่ผมก็อยากอยู่กับเขานะ


“ปิดเทอมอยากไปเที่ยวไหนเปล่าแมท” ผมคีบหมูใส่จานให้เขา แล้วเอาเข้าปากตัวเองหนึ่งชิ้น


“ทำไมอ่ะ จะพาไปเหรอ” ผมยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วขวาหนึ่งที แมทยิ้มบางๆ


“ไปแค่สองคนนะ ทริปนี้มีแต่เราสองคน” แมทยิ้มเบ้ปาก ผมชอบพูดให้เขาเขินนะ ชอบมองเวลาเขาเขิน น่ารักดี


“อยากไปทะเล อืม ภูเก็ตก็ดีนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง กำลังนึกๆ ว่ามีที่ไหนที่อยากจะเสนอเขาหรือเปล่า


“เออ ก็ดีนะ เอิร์ทอยากไปเกาะตาชัย ไว้จะพาไปนะ เก็บเงินแค่ค่าที่พักพอ นอกนั้นเอิร์ทเลี้ยงเอง” แมทย่นคิ้วใส่ผมทันที


“ได้ไงล่ะ ช่วยกันออกสิ ของออกจะแพง…” ผมยิ้ม ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร ค่อยไปมัดมือชกเขาทีเดียว


“…แต่จะไม่ชวนใครไปจริงๆ เหรอ ไปสองคนเองเนี่ยนะ” เขาว่าพลางเคี้ยวหมูในปากตุ้ยๆ


“คนจีบกันใครเขาเอาคนอื่นไปเป็นก้างขวางคอล่ะแมท นี่ตั้งใจจะไปเผด็จศึกแมทให้ได้เลยนะ เอาคนอื่นไปก็ไปขัดขวางดิ” แมทแกล้งมองผมตาขวาง ผมหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี


“เผยไต๋ออกมาละ งี้ถ้าไปต้องพกปืนไปด้วยแล้วมั้ง” เขาถลึงตาใส่ผมพร้อมกับยกช้อนส้อมขึ้นมาขู่ ผมยิ้มกว้าง


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาปืนเอิร์ทอุดปาก รับรองอยู่หมัด” ผมชี้ไปที่เป้าตัวเอง แมทอ้าปากค้าง นี่ถ้านั่งข้างกันเขาคงฟาดผมเต็มมือแก้เขินไปละ


“ไว้ใจไม่ได้จริงๆ ผู้ชายคนนี้”


“โห่ ถ้าไว้ใจไม่ได้ ป่านนี้แมทเสร็จเอิร์ทไปแล้ว นอนเตียงเดียวกันขนาดนี้ ทำแค่นอนกอดกัน มีที่ไหน อย่างน้อยต้องทำวันละครั้งก่อนนอนรู้รึเปล่า” ผมแกล้งแหย่เขาต่อเมื่อเห็นว่าเขาหน้าแดงปลั่ง


“เหยยะ! น่ากลัวอะ กลับไปอยู่บ้านแล่ว!” ผมหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่ไม่ได้ดังลั่น แมทเบ้ปากใส่ผมเต็มที่


“ไม่ให้กลับเว่ย เป็นเมียพี่ก่อนเถอะน้องค่อยกลับ!” ผมแกล้งยิ้มเหมือนโจรหื่นๆ แมทเหมือนจะทำหน้าดุใส่ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาหลุดขำออกมา ผมมองรอยยิ้มสดใสของเขาแล้วก็ต้องยิ้มออกมาสุขใจ


ผมอยากให้เขายิ้มให้ผมแบบนี้ตลอดไป โดยที่ไม่มีเรื่องใครคนไหนมาเกี่ยวข้อง โดยที่เขาไม่มีอีกคนในใจ ถ้าแบบนั้นผมคงมีความสุขที่สุดในโลก และผมคงไม่ต้องการใครอีกแล้วนอกจากเขา



“อิ่มเปล่า” ผมถามเขาตอนที่เรากำลังเดินกลับไปที่รถ ระหว่างนั้นผมเห็นเพื่อนขวัญสองสามคนที่มานั่งกินหมูกระทะร้านเดียวกันมองมาด้วยสายตาไม่ชอบใจ ผมไม่ได้แสดงท่าทีอะไร และพยายามไม่ให้แมทหันไปมองด้วย


“อิ่มมากเลย สมใจปากละ” เขายิ้มเหมือนเด็กน้อยดีใจ ผมยกมือขวาขึ้นโยกหัวเขาเบาๆ แล้วหันไปขึ้นคร่อมรถ สตาร์ทรถได้ก็พาเขาขับกลับหอ ชีวิตไม่ได้มีอะไรมากนักหรอก ขอแค่มีคนที่เรารู้สึกดีด้วยอยู่ด้วยกัน ผมว่าในแต่ละวันก็มีความสุขแล้วนะ


เรากลับมาถึงหอ แมทเข้าไปอาบน้ำ ผมนั่งเล่นมือถือรอเขา ระหว่างนั้นก็เช็กหน้าฟีดเฟซบุ๊คไปพลางๆ ผมเห็นขวัญตั้งสเตตัสแนวๆ อกหักรักช้ำ ไม่ต้องสืบ ไม่ต้องควานหาว่าตั้งถึงใคร ตั้งถึงเรื่องอะไร ก็คนที่ขวัญด่าเป็นนัยๆ ก็นั่งมองสถานนะอยู่นี่ไง ผมมองสถานะเฟซบุ๊คขวัญแล้วก็ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าคิดแบบนี้มากี่รอบแล้ว แต่ผมคงต้องจบเรื่องขวัญให้ได้จริงจังสักที เพื่อที่ขวัญจะได้ไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว แล้วผมจะได้หยุดความจัญไรของตัวเองสักที





ถัดจากอีกวันที่ผมเคลียร์กับขวัญอย่างจริงจังได้ไม่กี่ชั่วโมง แมทก็จับได้ว่าไปหาขวัญมา จริงๆ ไม่ใช่การจับได้หรอก เรียกว่าเขารู้อย่างชัดเจนขึ้นมากกว่า คืนนั้นขวัญโทรมาร้องไห้กับผม ขวัญเมา ปกติขวัญเป็นคนแรงๆ อยู่แล้ว พอมีน้ำเมาเข้ามามิกซ์ด้วย อารมณ์ขวัญเลยพุ่งพล่านกว่าปกติ ขวัญโวยวายใส่ผม ด่าผมด้วยคำเดิมๆ ด่าจนสงสารเหี้ย  ผมก็ได้แค่บอกว่าผมรู้ตัว เราเถียงกันทางโทรศัพท์อยู่สักพัก แมทก็บอกให้ผมออกไปหาขวัญ ออกไปเคลียร์กันให้รู้เรื่อง


“รอเอิร์ทด้วยนะ เดี๋ยวกลับมานอนด้วย” แต่คืนนั้นทั้งคืน ผมก็ไม่ได้กลับไปหาแมทตามที่บอกกับเขาไว้ ขวัญเมาหนักมาก เราทะเลาะกันยืดยาว พูดวกไปวนมาในเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคน


“กูรักมึงขนาดไหนเอิร์ท ยอมถ่างขาให้มึงเอาฟรีๆ มึงอยากมาก็มา เงี่ยx เมื่อไหร่ก็แวะมาอย่างเงี้ยอะเหรอ กูด่ามึงเหี้ยกี่รอบแล้วมึงรู้ตัวบ้างมั้ย” ขวัญพูดไปน้ำตาไหลไป เรายืนทะเลาะกันอยู่ในในสวนข้างๆ หอพักของขวัญ ผมไปรับเธอมาจากหน้าผับ ตลอดทางมาขวัญด่าผมยับ แถมยังอ้วกใส่ผมจนเละไปหมด จนผมคิดว่าเธอน่าจะจงใจอ้วกมากกว่าที่จะอ้วกเพราะเมาไม่รู้เรื่อง


“มึงไปนอนกับคนอื่น กูก็ทนมาตลอด เพราะมึงกับกูเลิกกัน กูไม่มีสิทธิ์ แต่มึงก็ยังไม่ทิ้งกูให้เด็ดขาด มึงไม่รู้หรอกว่ามึงสร้างความหวังไว้ให้กูมากขนาดไหน มากจนกูก็ขาดมึงไม่ได้นี่ไง ไอ้เหี้ย…” ขวัญร้องไห้สะอึกสะอื้น ยกทิชชูมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม รวมทั้งเช็ดเศษน้ำลายที่เลอะจากการอ้วก ผมยื่นน้ำเปล่าให้ขวัญเอาไปล้างปากอีกรอบ แต่เธอผลักออกอย่างแรงจนน้ำกระเซ็น


“ขวัญ ขึ้นห้องเหอะ…”


“…แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร ถึงไปชอบผู้ชายด้วยกัน คนนั้นเขาดีกว่ากูตรงไหนวะ กูเนี่ยมีนม มี***ให้มึง แล้วมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ อยากลองของแปลกรึไง” ผมรู้สึกหน้าตึงขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนั้น


“ขวัญ เขาก็เป็นคนเหมือนเราทุกคนอ่ะ เขาแปลกตรงไหนวะ” ขวัญยิ้มเยาะกลับมา


“โอ๊ย ขอโทษค่ะที่ไปว่าเมียใหม่มึง นี่กูเรียกเขาว่าเมียได้มั้ย เขาเป็นผู้ชายแบบมึงนี่ อ้อ แล้วที่มึงทำระยำลับหลังเขาเนี่ย เขาคงปลื้มใจหรอกนะ” ผมยืนขบกรามแน่น ถอนหายใจออกมายาวๆ พยายามจะดึงขวัญให้ขึ้นหอ เพราะตอนนี้แม่งใกล้จะเช้าแล้ว แมทคงหลับไปแล้วชัวร์


“ขึ้นห้องขวัญ ตื่นมาค่อยคุยอีกที”


“คุยตอนนี้แหละ เคลียร์ไปเลย มึงจะเอาไง ถ้าเลิกกับกู ก็ให้เด็ดขาด หยุดสร้างความหวังล้มๆ แล้งๆ ใส่กูสักทีเหอะ”


“เออ จะหยุด พอใจยัง แต่ตอนนี้ขึ้นห้องก่อน” ผมออกแรงดึงขวัญลุกขึ้นจากม้านั่ง แล้วลากเธอไปขึ้นหอ ตลอดทางขวัญร้องไห้ ก่นด่าผมว่าเหี้ยไม่หยุด ด่าแล้วด่าอีก ด่าจนผมอายเหี้ยไปแล้ว


“กลับแล้วนะ” ผมบอกเธอหลังจากพาเจ้าตัวมาถึงห้อง แล้วจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ให้ใหม่ เพราะชุดเก่าเลอะอ้วกไปเป็นแถบ


“ไม่เอา อยู่กับขวัญก่อน อย่าทิ้งขวัญ ขอร้อง…” ขวัญร้องไห้ออกมา ผมเห็นแล้วก็นึกสงสารเธอ เพราะผมเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เธออยู่ในสภาพนี้


“นอนเหอะ เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน”


“นอนกอดได้มั้ย” ผมพยักหน้า เหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง ตอนนี้ตีห้าแล้ว ผมถอนหายใจ กระเถิบตัวเข้าไปนอนกอดขวัญไว้ ลูบหลังให้เธอค่อยๆ หลับไป โดยที่ผมยังลืมตาค้างไว้ ความคิดมากมายไหลผ่านสมอง จนกระทั่งผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็ตอนปวดฉี่ แต่พอออกมาจากห้องน้ำผมก็ต้องตกใจเมื่อขวัญยื่นโทรศัพท์มาให้ ใจผมหล่อนวูบ เพราะในสายนั้นคือแมท


“เดี๋ยวเอิร์ทกลับตอนนี้เลย อย่าเพิ่งไปไหนนะ” ผมยังไม่ทันได้เอ่ยลาขวัญด้วยซ้ำ เธอมองผมงงๆ ก่อนที่จะล้มตัวลองนอนต่อ ผมแวะซื้อข้าวให้แมทกับตัวเอง แล้วขับรถกลับหออย่างเร็ว พอกลับไปถึงผมก็เจอแมทนั่งรออยู่บนเตียง เขาไม่ได้มีท่าทีจะด่าว่าอะไรผมสักนิด กลับมีรอยยิ้มมาให้ ซึ่งนั่นทำให้ผมอึดอัด


“เอาตรงๆ เอิร์ทไปนอนกับเขามาใช่มั้ย” ผมเงียบเมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป เมื่อคืนผมไม่ได้มีอะไรกับขวัญ แต่ผมรู้ดีว่าพูดไปก็ไม่ได้ประโยชน์ ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา เพราะถึงผมไม่ได้มีอะไรกับขวัญเมื่อคืน แต่คืนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งกลางวันผมก็ไปนอนเอากับขวัญลับหลังแมทอยู่ดี


“เอิร์ท ขวัญเขามีหัวใจนะ ผู้หญิง พอรักแล้ว เขาก็รักเลย…” ผมรู้สึกสะท้อนใจ รู้สึกเหงาในหัวใจแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนโดนแมทตบหน้าแรงๆ ซึ่งไอ้ประโยคแบบนี้ขวัญด่าใส่หน้าผมบ่อยมาก ผมก็แค่ก้มหน้ารับ ปล่อยผ่านไป แล้วเราก็กลับเข้าสู่วังวนเดิมๆ


“ถ้าเราคบกันไป แล้วเอิร์ทยังมีนิสัยอย่างนี้อยู่ บอกตรงๆ แมททำใจไม่ได้หรอก ตอนนี้เรายังไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมาก แมทยังร้องไห้เลย ถ้าคบกันจริงจังแล้วเจอแบบนี้ แมทกลัวจะเกลียดเอิร์ท แล้วกลายเป็นว่าเราจะไม่หลงเหลืออะไรดีๆ ระหว่างกัน” ใจผมแทบหายไปเลยเมื่อได้ยินประโยคนั้น ทั้งๆ ที่แมทนั่งตักผมอยู่ แต่ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมากั้นเราให้ออกห่างจากกันแล้ว


“เอิร์ทจะรีบเคลียร์ตัวเอง” ผมบอกกับเขาแบบนั้น ทั้งที่จริงใจผมเริ่มสั่นแล้วว่าแมทไปแน่ ต่อให้ผมเคลียร์ตัวเองได้ แมทก็คงไป แมทคงไม่กลับมาอีก ยิ่งประโยคที่เขาบอกว่าเราสองคนต่างมีใครอยู่ในใจ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าแมทเอาไอ้ฝรั่งนั่นออกจากใจไม่ได้หรอก แล้วประเด็นหลักคือผมเป็นคนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้น เหมือนผมเปิดช่องโหว่ให้แมทจากผมไปเอง


แล้วในที่สุดผมก็ต้องปล่อยแมทไป มันไม่ใช่วาระสุดท้ายใดๆ ของชีวิต แต่ผมใจหายมาก เรานั่งกินข้าวด้วยกัน เรียกว่าเป็นมื้อสุดท้ายของเราสองคนก็ไม่ผิดนัก ระหว่างกินข้าว แมทยังคงส่งยิ้มให้ผม ป้อนข้าวให้ผมเหมือนเดิม เขายังคงน่ารัก เอาใจใส่ผมเหมือนเดิม ยิ้มให้ผม ผมยิ้มให้เขาด้วยความเศร้า หลักจากผมไปส่งเขาถึงบ้าน ผมกลับมาที่ห้องของตัวเอง ยืนมองห้องนอนตัวเองอย่างใจหาย เตียงกว้างเข้าไปอีกเมื่อไม่มีแมทอยู่ด้วย ห้องใหญ่อีกหลายเท่าตัวเมื่อแมทจะไม่กลับมาห้องนี้อีกแล้ว โต๊ะญี่ปุ่นที่เรานั่งกินข้าวด้วยกันแทบทุกมื้อ ต่อไปมันคงไม่ค่อยได้ใช้ หรือไม่ผมก็ต้องนั่งกินคนเดียว


ผมโคตรจิตตกเลยตอนนี้ โคตรรู้สึกอ้างว้างและเดียวดาย รู้สึกถึงความเหงาที่ใจ แล้วน้ำตาผมก็ไหลออกมา ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่ รู้สึกอะไรอยู่ ถึงร้องไห้ออกมาแบบนี้ 


 :mew4:


มารวดเดียวเลยแล้วกันนน ช่วงนี้แอบยุ่งนิดโหน่ยค่ะ เลยมาอัพทิ้งไว้แบบเต็มสตรีมไปก่อน กลัวตัวเองหายไปนานอีก คมเขี้ยวเรียวจันทร์ยังไม่ได้ลงตอนใหม่สักที แต่ตอนใหม่เสร็จแล้วนะ เหลือเช็กคำผิดก่อนลง ใครติดตามเรื่องนี้อยู่ ยืนยันว่าไม่ดองงง แต่ตอนใหม่อาจมาช้านิดหนึ่งค่ะ

สำหรับเอิร์ทกับแมท ก็นะ เคว้งคว้าง ดราม่ากันไปกรุบๆ กริบๆ คันยิบๆ นิดหน่อย อย่างที่เคยบอกไปนานโพ้นแล้วว่า สำหรับตอม เอิร์ทก็คือพระเอกคนหนึ่งในเรื่องนี้ เพียงแต่ไม่ได้คู่กับแมทเท่านั้นเอง T^T พระเอกของตอมจะเป็นงี้แหละ มืดคล้ำดำสว่างผสมกันไป เอิร์ทก็มีมุมเป็นคนไม่ดี วิคเตอร์ก็เช่นกัน แต่ถ้าใครอยากอ่านพระเอกน่ารักๆ ต้องไปเจอกับพี่เขี้ยวนะ ฮิๆ แอบโปรโมตอีกเรื่อง

ตอนแรกอยากจะเขียนเรื่องเอิร์ทนะ แต่เขียนๆ ไป รู้สึกว่าอยากให้เอิร์ทคือความทรงจำดีผสมเลวของคนอ่าน 55555 ตีมเรื่องเอิร์ทก็มีแหละ แต่จะโตขึ้นมากเลย คงเขียนตอนเขาทำงานแล้ว ดูก่อนนนว่าเอิร์ทในเรื่องนี้จะจบลงทางไหนนนน

จริงๆ พาร์ทของเอิร์ทก็แอบเศร้าเนอะ คือเราเข้าใจดีอะว่าแอบรักเขา แต่เขาไม่มีใจอยู่กับเรามันเป็นไง TT_TT และสำหรับแมท นางก็สวยอีก ลำบากใจเนาะ แต่ตอนนั้นก็ตัดใจจากยักษ์ไม่ขาด ตัดไม่ได้ด้วย

ไอ้ตอนเมานี่อิงจากตัวเองเลยอะ อ้ากกก >///< 5555555 แต่ตอมไม่เคยได้ยั่วชายคนไหนแบบนังแมทหรอกนะ มีแต่จะทำร้ายพวกเขา โอ้ย คิดแล้วขำตัวเอง 555555 แต่เอาเป็นว่าตอนแมทเมา เอามาจากชีวิตจริงตัวเองส่วนหนึ่งเลยแหละะะ

ปิดโอนเงินพรีออเดอร์รีปริ้นนิยายพาร์ทแรกรอบสองแล้วนะคะ เช็กสถานะของตนเองได้ที่ลิงก์หน้าเพจเลยค่ะ

ใครเจอคำผิดบอกได้เลยนะค้า ตอมจะได้รีบแก้ ขอบคุณทุกคนมากค่า เจอกันตอนต่อไปจ้า  :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด