V
v
V
“นี่พี่แผ่นดิน หรือเรียกพี่กล้าก็ได้” ผมยกมือสวัสดีชายหนุ่มตัวสูง ตัวใหญ่ ผิวเข้มแต่เนียนไปทั้งหน้าและตัว หน้าตาหล่อมาก หล่อแบบหนุ่มไทยแท้ ผมว่าเขามาสไตล์เดียวกับเอิร์ทที่หล่อแบบไทย แต่พี่คนนี้เข้มกว่า คล้ำกว่า ล่ำกว่า แน่นกว่าเยอะ หนวดเคราที่หน้าก็ทำให้เขาดูโตมากด้วย ไม่ได้แก่นะ แต่เขาแลเป็นผู้ใหญ่ หน้าเข้มมาก แต่ตาพี่เขาหวานเป็นประกายเลยทำให้หน้าเบาลง
“สวัสดีครับพี่กล้า” พี่เขายกมือรับไหว้ผมแล้วยิ้มน้อยๆ ยิ่งทำให้ตาดูหวานมากขึ้น ผมยิ้มเก้อหน่อยๆ รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาซะงั้น ไอ้อาการโดนคนหล่อสตั๊นท์นี่จะทำยังไงให้หายไปนะ แต่ก็ไม่ได้ค้างเติ่งอะไรขนาดนั้น เพราะพี่เขาไม่มีรอยสัก ฮ่าๆๆ
“น้องแมทใช่มั้ย” เสียงเจนเทิลแมนมากเลยอะ เขามีหนวดแบบไอ้ยักษ์ แต่ผมว่าของไอ้ยักษ์ครึ้มกว่า เพราะหนวดของพี่กล้าไม่ได้กินพื้นที่แก้มมากมาย มีเคราที่ต่อจากจอนผมจางๆ จะมาเข้มตรงใต้จมูกที่เดียวมากกว่า
“ครับ” ผมยิ้มแหะไปให้พี่เขา อีกฝ่ายยิ้มคล้ายว่าจะเอ็นดูกลับมาให้ แวบหนึ่งผมเห็นสายตาของพ่อมองสลับผมกับพี่กล้า
“พอดีวันนี้วันเกิดน้อง น้าเลยพาเขามาทำบุญ แต่บ้านน้าไม่มีที่เก็บควาย ก็เลยโทรหาแม่เรา เขาเลยติดต่อกล้ามานั่นแหละ”
“ครับ ไม่มีปัญหา เดี่ยวผมพาไปอยู่บ้านผมเอง…” พี่กล้าเหลียวหลังไปมองตรงรถกระบะสีดำคันใหญ่ซึ่งจอดอยู่ข้างๆ กับรถบรรทุกขนาดใหญ่หนึ่งคัน
“…พวกมึง ลงมาพาควายไปขึ้นรถดิ๊!” ผมแอบสะดุ้งกับน้ำเสียงนั้นนิดหนึ่ง คือก็ไม่คิดว่าพี่เขาจะพูดจ๊ะพูดจ๋าหรอก แต่พอเขาพูดฮาร์ดคอร์ขึ้นมาบอกเลยว่าเข้ากับหน้าพี่เขามาก
“น้าดาจะไปบ้านผมด้วยรึเปล่าครับ” แม่ทำหน้าครุ่นคิด พอหันไปมองพ่อ อีกฝ่ายก็ผายมือมาทางแม่เป็นการบอกว่าแล้วแต่ แม่เลยหันมาผม
“ว่าไงแมท ไปบ้านพี่กล้าเขาก่อนมั้ย” ผมอ้าปากหวอ ทำหน้าเหลอหลาจนพี่กล้าอมยิ้มขำ ผมยิ้มงงๆ หันไปมองลูกน้องของคุณพี่แผ่นดินที่กำลังช่วยกันจูงควายไปขึ้นรถ
“ไปเปล่าน้องแมท บ้านพี่มีคอกหมูด้วยนะ” ผมหันกลับไปมองเจ้าของเสียงกวนๆ คือเขาไม่ได้กวนผมหรอก แต่น้ำเสียงที่พี่แกชวนมันฟังดูกวนๆ อะ อาจเป็นสไตล์น้ำเสียงพี่แกละมั้ง แล้วไอ้คอกหมูที่บ้านพี่นี่มันมีดีอะไร
“ไป… ไปก็ได้ อยากเห็นที่อยู่ใหม่น้องควาย” ผมตอบรับแบบงงๆ แต่จริงๆ ก็อยากไปเห็นบ้านใหม่น้องควายเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่ว่าไถ่ชีวิตเขาเสร็จแล้วก็ไม่รับรู้อะไรต่อ
“เดี๋ยวน้าขับรถตามไปนะ”
“กล้า เอาน้องไปนั่งด้วยได้มั้ย” ผมที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ถึงกับหุบยิ้มวืด คิ้วขมวดฉับทันที ส่งสายตาไม่เข้าใจมองไปที่พ่ออย่างแรงกล้า
“ได้ครับ ข้างหน้ายังว่าง ให้น้องไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ผมก็ได้” พี่กล้าว่าอย่างอารมณ์ดี พ่อกับแม่ยิ้ม นั่นยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจ โดยเฉพาะพ่อ
“เดี๋ยว รถเราก็มี ทำไมแมทจะต้องไปนั่งรถคนอื่น เอ่อ รถพี่เขาด้วย” ผมรีบแก้คำพูดตัวเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดความห่างเหินขึ้นได้ ซึ่งถึงแม้ว่าผมไม่ได้คิดจะเขยิบความใกล้ชิดใดๆ แต่ผมก็ไม่อยากทำลายความรู้สึกคนฟัง ซึ่งก็อีกว่าเขาอาจไม่คิดอะไรเลย มีแต่ตูเนี่ยคิดมากไปเองอีกตามเคย
“ไปนั่งเถอะน่ะ นั่งชมวิวทิวทัศน์ไป อยู่กับพ่อกับแม่แล้วชอบเล่นแต่มือถือ ไปอยู่กับพี่เขาจะได้นั่งคุย นั่งมองวิวนอกทางบ้าง” ผมเบิกตากว้างมองพ่อด้วยความรู้สึกทึ่งหน่อยๆ นั่นคือเหตุผลของพ่อที่ให้ผมไปนั่งกับพี่เขาเนี่ยนะ
และสุดท้ายผมก็ต้องมานั่งรถกระบะคันใหญ่มหึมาของพี่กล้า รถพี่แกใหญ่กว่าของบ้านผมอีก ยกสี่ล้อสูงกว่าเดิมด้วย กระบะข้างหลังนั่นมีลูกน้องเขานั่งอยู่ห้าหกคน ส่วนด้านหน้านั้นโล่ง มีแค่ผมกับเขา
“พวกมึงคนไหนมีใครจะลงกลางทาง บอกกูดังๆ นะมึง”
“ครับเพ่!” ผมปั้นหน้ายิ้มอ่อนขึ้นมา เมื่อพี่ๆ เหล่านั้นส่งยิ้มจริงใจมาให้ ผมโค้งหัวลงเล็กน้อย แล้วเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ ขึ้นไปนั่งตามพี่กล้า
“โทษที ทำรถสูงไปหน่อย” เขาแซวยิ้มๆ ผมยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป ก็ไม่ได้สูงมากป้ะวะพี่ เห็นผมพยายามปีนขึ้นหน่อยเลยคิดว่าผมนี่เตี้ยมากขนาดนั้นเลยรึ
“เรียนอยู่ปีไรละ” ผมว่าพี่กล้าแกอาจจะติดนิสัยคุยห้วน คุยห่ามนิดๆ มาจากลูกน้องละมั้ง เพราะคุยกับผมแกก็ไม่ได้ว่าอ่อนโยนเป็นพี่ชายที่แสนดี นี่คงเป็นสไตล์แกจริงๆ
“หลังปีใหม่ส่งโปรเจ็คต์ก็จบแล้วครับ”
“เฮ้ย พูดเพราะจัง”
“หือ ก็ปกตินะพี่” ผมหัวเราะน้อยๆ พี่กล้ายิ้มขำ คือผมว่าเป็นเพราะพี่แกพูดจาห่ามอย่างนั้นมากกว่า พอมาเจอคนสุภาพ (จ้า แม่คนสุภาพ) แบบผมเขาเลยไม่คุ้นหูอะสิ
“จบไปกะทำงานอะไรล่ะ” ผัวจะเลี้ยงครับ ถ้าตอบแบบนี้ไปพี่แกจะหันมาถีบผมรึเปล่า เพราะดูท่าทางแล้วแกแมนเต็มร้อยมาก แมนแบบ แมนมากๆ (พูดเสียงเน้นตรงคำว่ามาก) อาจจะเกลียดตุ๊ด เกลียดเกย์ก็เป็นได้
“ไปทำงานที่นิวยอร์กอะครับ…”
“…เฮ้ย จริง?! แม่งเจ๋งดีว่ะ ไปทำงานไร” เอ่อ พี่ ผมยังไม่ทันพูดจบเลย พูดแทรก แล้วยังพูดแบบห้วนห่ามอีก สไตล์พี่นี่ฮาร์ดคอร์กว่าผัวผมอีก
“เอ่อ ไปทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลังอะ พวกกองถ่ายอะไรแบบเนี้ย” ตอบอาชีพกลางๆ แบบนี้แหละดีที่สุด
“เอ้อ! ดีนะ แจ๋วๆ เอาพี่ไปเป็นดาราได้ป้ะ” ผมหัวเราะน้อยๆ แต่พี่กล้านี่สิหัวเราะดังมาก แต่ไม่ได้ดังน่าเกลียดนะ แต่ก็ทำเอาผมอ้าปากหวอกระพริบตาปริบๆ มองพี่แก แล้วนึกว่ามันต้องอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ ขำไป๊
“เอาจริง ผมว่าพี่เป็นได้นะ แต่ถ้าเข้าวงการที่ไทยคงรุ่งกว่าอะ เพราะพี่หน้าไทยมากเลย หล่อแบบผู้ชายไทยแท้ๆ อะพี่”
“เฮ้ย พี่หล่อเหรอ”
“อื้อ หล่อ” ผมพูดแบบไม่คิดอะไร พูดเหมือนตอนชมวิคเตอร์ครั้งแรกในห้องแต่งตัวตอนถ่ายแบบนั่นแหละ ก็คนเขาหล่อจริงๆ นี่หว่า จะให้พูดว่าไงอะ
“แม่งน้องตาถึงว่ะ!” เอ่อพี่ ไม่ต้องทุบพวงมาลัยแรงขนาดนั้นก็ได้ครับ
พี่กล้าชวนผมคุยไปตลอดทาง พี่แกคุยเก่งมาก ถ้าพ่ออยากให้ผมเลิกสนใจมือถือเพื่อมาคุยกับพี่กล้า ผมว่าได้ผล เพราะเราคุยกันไปตลอดทาง ไม่ได้คุยจับฉ่ายนะ คือเราจะมีประเด็นให้คุยระหว่างกัน อย่างเมื่อกี้คุยค้างไว้เรื่องวงการบันเทิง พี่แกก็ถามผมใหญ่ว่ามันเป็นยังไง ดีมั้ย ผมก็เล่าประสบการณ์ตอนไปฝึกงานในกองถ่ายหนังของไทยให้เขาฟัง แล้วก็เล่าประสบการณ์ในกองถ่ายซีรีส์ของเมืองนอกให้เขาฟัง พี่กล้าสนใจมาก แต่คุยไปคุยมาพี่แกไม่ใช่คอละครเลยแม้แต่นิดเดียว ฉะนั้นดาราบางคนแกยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ
“วันๆ พี่ทำแต่งาน กลับจากงานก็เมื่อยแล้ว เมียไม่มีบางทียังต้องเหนื่อยชักว่าวอีก” ถ้ากำลังดื่มน้ำอยู่ ผมกล้าการันตีเลยว่าผมสำลักน้ำตายแน่ๆ แต่ในเมื่อไม่มีน้ำผมเลยอ้าปากกว้าง แต่ไม่ได้อึ้ง คือผมขำ พี่แกพูดตลกมาก ผมเลยหัวเราะออกมา
“เฮ้ย พี่พูดจริง ไม่ตลกนะ พี่แม่งเป็นผู้ชาย ความอยากก็มี แต่เมียไม่มีนี่สิ” แกทำหน้าว่าเสียดาย
“แล้วทำไมพี่ไม่หาอะ อายุพี่ก็สมควรแล้วป้ะ หน้าตาอย่างพี่ไม่น่าหายากนะ” พี่กล้ายิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มไม่ถึงกับเศร้าแต่ก็ไม่แฮปปี้เท่าไหร่
“ยังไม่เจอคนถูกใจ”
“หือ ไม่เจอคนถูกใจ หรือมีใครอยู่ในใจรึเปล่า” ผมแกล้งแซว พี่กล้าหันมายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผม
“แมทสนใจมาเป็นคนในใจพี่เปล่า มาช่วยพี่ชักหน่อยดิ” ผมอ้าปากกว้างเป็นรอยยิ้ม แต่คิ้วขมวด พี่กล้าแกตลกดีแฮะ เป็นคนตรงๆ แต่ไม่ได้ขวานผ่าซากหรือหยาบคายอะไร อารมณ์ตรงแบบบ้านๆ ซื่อๆ เลย
“โวะ ทำเองมาตั้งนาน ก็ทำเองต่อไปสิพี่”
“เมื่อยแล้วอะ อยากหาคนมาช่วย เนี่ย เจอแมทแล้ว มาช่วยพี่ดิ” ผมส่ายหัวพลางหัวเราะออกมาเสียงดัง ขำมากจริง พี่กล้ายิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่หล่อมาก นี่ถ้าไม่อยู่ท้องไร่ท้องนานะ แฟนคลับเพียบ
ขับรถมาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็ถึงบ้านของพี่กล้า เห็นครั้งแรกผมชอบมาก เป็นชนบทเหมือนในตำราเรียน เหมือนในคำสอนของในหลวงอะไรแบบนั้นเลย บ้านพี่กล้าเป็นบ้านไม้หลังใหญ่แบบคนรวยบ้านนอก ยกใต้ถุนสูง ด้านล่างไว้สำหรับนั่งเล่น นอนเล่น มีสวนกล้วยอยู่ข้างบ้าน มีสวนมะม่วงขนาดย่อมอยู่ใกล้ๆ กัน มีทุ่งนาอยู่ใกล้ๆ บ้าน มีต้นมะพร้าวอยู่ในเขตรั้วบ้าน มีบ่อปลาด้วย มีคอกควาย แล้วก็มีคอกหมูแบบที่แกบอก แต่ทุกอย่างไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กัน ติดกันนะ แบ่งเป็นสัดส่วน เป็นระเบียบมาก
โอ้โห กลิ่นอายท้องทุ่งเต็มเปี่ยมมาก อากาศก็บริสุทธิ์อย่างแท้จริง ไม่หลอกลวงแบบโฆษณาของกรุงเทพฯ
“ชอบอะดิ๊ เนี่ย ถ้ามาเป็นเมียพี่ ได้อยู่อย่างนี้ทุกวันเลยนะ” พี่กล้าก้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน ผมหันไปหัวเราะอารมณ์ดีใส่พี่เขา เพียงแค่เวลาจากคอกเก่าน้องควายมาบ้านเขา ก็ดูเหมือนเราจะสนิทกันไปแล้ว
“พ่อไปหาเพื่อน แม่ไม่อยู่ไม่แปลก ตอนนี้บ้านเลยโล่งครับ” พี่กล้าแจ้งกับแม่ผมที่ถามว่าทำไมบ้านเงียบๆ
พวกลูกน้องพี่กล้าที่ไม่มีใครลงกลางทางสักคนช่วยกันลากน้องควายไปไว้ในคอกที่ล้อมรั้วด้วยไม้ไผ่ ในบริเวณคอกนั้นมีพื้นดินแห้ง กับพื้นโคลนตมสำหรับให้น้องควายนอนอาบแดดด้วย เก๋ไก๋ซะไม่มี
“สบายใจเลยนะ อยู่เนี่ยปลอดภัย พี่ไม่เคยขายควายกิน พี่รอให้เขาจากไปเอง” ผมหันไปยิ้มบางๆ กับพี่กล้า แล้วหันกลับมามองเหล่าน้องควายในคอก มีประมาณสิบกว่าตัวได้ แต่คอกกว้างมากเลย ไม่เบียดเสียดกัน มีหญ้าให้กินเยอะมากด้วย
“แล้วพี่เอาควายพวกนี้ไปไถนาป้ะ”
“เอาไปดิ มาอยู่เฉยๆ ได้ไง ต้องทำงานแลกหญ้า” ผมหัวเราะอีกทีกับมุกที่แกเล่น พี่แกหันไปตะโกนสั่งลูกน้องว่าให้หาน้ำมาให้พ่อกับแม่ผม ส่วนผมพี่แกจะพาทัวร์ส่วนอื่นๆ ในพื้นที่ของบ้านแก ผมที่กำลังสนใจชีวิตแบบนี้ก็เลยเดินตามพี่แกไปทั่วเลย
RRRrrr!
“แปบนึงนะพี่กล้า” ผมยกมือเบรกพี่กล้าที่กำลังพูดบรรยายถึงทุ่งข้าวที่รอเก็บเกี่ยว ผมล้วงมือถือออกมาจากกางเกง เห็นเป็นเบอร์ของวิคเตอร์เลยรีบกดรับ
“Yes… I’m with them… no, no I’m now at the provincial… Yes, I know… It’s fine… Yeah, They said YES… And what about you? Your THING that you have to do… Huh? What is it?... Okay…. See you there.”
“โห แม่งรัวภาษาปะกิดไฟแลบเลยเว้ย” พี่กล้าแซวทันทีที่ผมวางสายจากวิคเตอร์เสร็จ
“ก็ไม่ได้ถูกต้องทุกคำหรอก เอาแค่สื่อสารรู้เรื่องอะ” ผมเก็บมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตามเดิม
“โอ้ย แค่นี้ก็ถือว่าเก่งแล้ว พี่ดิ พูดได้ที่ไหน”
“เปลี่ยนจากชักให้พี่ มาสอนภาษาอังกฤษให้พี่ดีกว่าป้ะถ้างั้น”
“เออ เอาดิๆ เผื่อพี่จะเอาไปจีบแหม่มสักคน” แล้วพี่แกก็หัวเราะชอบใจ ทำเอาผมหัวเราะไปด้วย อยู่กับพี่แผ่นดินนี่ก็แฮปปี้ดีนะ ถ้าผมมีพี่ชายแบบนี้ติดแจแต่เด็กแน่เลย
บรรยากาศต้มมาม่ากำลังเลือนหายไป บรรยากาศสนุกสนานกับเทศกาลรื่นเริงกำลังเข้ามาแทนที่ ใครที่กำพระแน่นมากตอนอ่านให้ความหม่นหมองผ่านไป ตอนนี้มันกำลังจะจากไปแล้วนะคะ ฮ่าๆๆๆ เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว
และขอต้อนรับคู่แข่งคนสำคัญของไอ้ยักษ์ค่ะ พี่แผ่นดินรูปหล่อออ แต่ถามว่าคู่แข่งแบบไหนยังไง ต้องคอยติดตามไว้นะ คริๆ แต่พี่กล้าไปโผล่ในตอนพิเศษในเล่มพาร์ท Only You เลยอะนะคะ ใครที่ไม่ได้ซื้อหนังสือก็ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวกล่าวถึงให้พาร์ทสาม เพื่อไม่ให้งงค่า
และแอบกระซิบ พี่กล้านี่เพื่อนพี่คมเขี้ยวว่าที่สามีขุ่นแม่เรียวจันทร์ในเรื่อง Works the magic ด้วยนะ ฮิๆ
สำหรับพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน ตอนนี้ก็ก้าวเดินกันต่อแล้วค่ะ อาจจะยังไปไม่ได้ไกล แต่เขาเลิกวนลูปกับปัญหาแล้ว มีติดอยู่ในใจ แต่คงไม่ยกเอามาเป็นปัญหาใหญ่โตอีก ช่วงนี้มันเป็นช่วงฟ้าหลังฝนใหม่ๆ เมฆสีเทายังคงไม่จาง แต่เดี๋ยวก็จะค่อยๆ จางไปจนเหลือแต่ท้องฟ้าสว่างสไวประหนึ่งอังกอร์ปรากฏตัว อ้าว!
วันนี้วันเกิดน้องแมท ยังไงก็ร่วมอวยพรให้น้องมีความสุขมากๆ นะคะ ให้น้องก้าวผ่านปมในใจตัวเองไปให้ได้ แก้ปมให้ได้แล้วจะไ้ดรักกับพี่ยักษ์แบบสุขีๆ สักที
ใครเจอคำผิดบอกกันได้เลยค่า ช่วยๆ กันเช็ก ตอนก่อนนี่แก้หมดยังไม่รู้ แต่คิดว่าแก้ตามที่บอกแล้วอะนะคะ หรือบางทีไม่ได้แก้ในนี้ ตอมก็จะไปแก้ในต้นฉบับเอาาา
อ้อ หนังสือ You and I รอบรีปริ้น ตอนนี้เหลือห้าชุด ใครสนใจก็ติดต่อสอบถามที่เพจหรือทวิตได้ค่า หมดแล้วก็หมดเลย อย่างที่เคยบอกว่าคงไม่รีปริ้นภาคแรกแล้วววว
ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่ะ