Ch. 23 : ดอกไม้ในมือ
(พี่หมอ...♥)
♥
♥
...................................................................
กลับมาจากเที่ยว ผมก็ถูกเรียกตัวให้ไปดูงานที่เยอรมันสองอาทิตย์ ผมไม่ได้บอกใครไว้ จริง ๆ ก็ไม่มีใครให้บอกด้วย เพราะพ่อก็ไม่อยู่ ปกติผมต้องเดินทางไปดูงานต่างประเทศบ่อย ๆ อยู่แล้ว สองสามเดือนครั้ง ครั้งละวีคสองวีค บางทีก็เป็นเดือน แล้วแต่ว่าไปศึกษาเพิ่มเติมเรื่องอะไร คนเป็นหมอ ต้องเรียนรู้ต้องอัพเดทการรักษาแบบใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ผมซื้อของมาฝากฟ้าหลายอย่าง วันนี้กะว่าถ้ามาก่อนเวลาอาหาร จะชวนฟ้าออกไปทานข้าวข้างนอก หรือถ้าไม่ทันจริง ๆ ก็จะกินอาหารฝีมือฟ้าเลย
ไม่คิดว่าจะได้มาเจอไผ่ที่นี่ ผมพยายามไม่ใส่ใจ ชวนฟ้าคุยคนเดียว ดีที่มันไม่มานั่งกีดกันผมเหมือนตอนไปหัวหิน ไม่รู้มันลืมหรือเพราะอะไรกันแน่ ส่วนฝนนั่งกินเงียบ ๆ
“อยากกินบัวลอยอีกจังแฮะ” ไผ่มันบ่นขึ้นมาลอย ๆ ฟ้าเงยหน้ามองทั้งที่ปากยังงับวุ้นเส้นอยู่
“มีของนะ ถ้าอยากกินจริง ๆ จะทำให้”
“ดีเลย อยากกินแล้ว ไปทำกันเถอะ” พูดจบมันก็ลุกขึ้นเดินอ้อมมาจับแขนฟ้าดึงให้ลุกขึ้นตามทันที
“เดี๋ยว! พี่ยังกินไม่อิ่มเลย”
“ทำก่อน แล้วค่อยกลับมากินต่อ” แล้วมันก็ลากฟ้าเข้าห้องครัวไป
ผมมองตามอึ้ง ๆ คิดว่ามันจะเลิกทำแบบนี้แล้วซะอีก อารมณ์ขุ่นเคืองคุกรุ่นขึ้นมาทันที ผมมองไปยังคู่ขามัน สงสัยเพราะสายตาผมแสดงออกว่าไม่พอใจชัดเจน มันถึงได้สะดุ้งตอนผมสบตา มันรีบก้มหน้ากินต่อทันที
ผมนิ่งคิด ชั่งใจว่าจะทำอะไรต่อดี ระหว่างนั่งกินไปเรื่อย ๆ กับรุกฟ้าต่อ ผมเลือกอย่างหลังมากกว่า ผมวางช้อนลง ลุกจากเก้าอี้เดินเข้าครัวไป
เห็นฟ้ากำลังง่วนอยู่กับการเตรียมของ ในขณะที่ไผ่ยืนมองเฉย ๆ พอเห็นผม มันตาขวางใส่ทันที
“อนุญาตให้ผมดูด้วยคนนะครับ อยากรู้ว่าทำยังไงเหมือนกัน” ผมไม่สนสายตาของไผ่ ส่งเสียงให้ฟ้าได้ยิน ฟ้าหันมามอง ยิ้มทันทีที่เห็น
“ง่ายมากเลยค่ะ เสียแต่เราไม่มีกะทิสด แต่ใช้ไอ้นี่แทนได้” ฟ้ายกกะทิตราอร่อยดีให้ดู ผมยิ้ม เดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ ฟ้า แต่คนละด้านกับไผ่ สักพักฝนก็เดินเข้ามาสมทบ
สรุป วุ้นเส้นเป็นหมัน
“คุณหมอกับไผ่เคยปั้นแป้งบัวลอยไหมคะ” ฟ้าหันมาถาม ผมส่ายหน้า ไผ่ด้วย ฟ้ายิ้ม “งั้นเดี๋ยวคุณหมอกับไผ่ช่วยกันปั้นแป้งละกัน ไม่ยากหรอก เดี๋ยวฟ้าสอนให้ จะได้สนุกด้วยกัน” ฟ้ารีบคลุกแป้งให้เราสองคน ก่อนสอนให้ผมกับไผ่ปั้น
บอกตามตรงว่าเรื่องเข้าครัวไม่เคยอยู่ในหัวผมเลย ผิดกับฝนที่ค่อนข้างจะเป็นงานเป็นการมากกว่า สงสัยเพราะช่วยฟ้าทำบ่อย
ผมปั้น ช่วงแรกก็ทุเรศ สักพักก็สวย ผมเป็นหมอ เรื่องทำอะไรละเอียด ๆ จึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความยากไปตกอยู่ที่ไผ่ ปั้นได้ทุเรศมาก ปั้นให้กลม ๆ ลำบาก มันเลยปั้นเป็นรูปอย่างอื่นแทน
“อยากปั้นเป็นรูปขี้ แต่ปั้นไม่เป็น”
ฝนตบหัวมันที
“ห่า ของกินเหอะ”
“ไม่รู้รึไง ที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีเขานิยมกันจะตาย อะไรที่ทำจากขี้ เอ้ย เป็นรูปขี้ ขายดิบขายดีคนต่อแถวซื้อกันเป็นวา” ปากว่ามือก็ปั้นไป อยู่ในนี้มันกันผมจากฟ้าลำบาก แต่ก็ยังพยายาม
พอปั้นเสร็จผมกับไผ่ก็มายืนสุมหัวดูสองพี่น้องช่วยกันปรุงรสบัวลอยไข่ มีไข่เค็มด้วย ฟ้าซื้อมาไว้ เห็นบอกว่าฝนชอบ
ผมยืนมองหม้อเดือด ๆ ไม่นาน กลิ่นกะทิก็ลอยคลุ้ง พอเรียบร้อยฟ้าก็ยกลง ไผ่อาสาหิ้วไปวางไว้บนโต๊ะ
วุ้นเส้นแอบชืดเบา ๆ แต่เราก็กินกันได้ ไผ่มันเลิกลากฟ้าหนีผมแล้ว หรือไม่มันก็คงหิวจัด ๆ ซัดของที่อยู่ในจานจนไม่เหลือ ซ้ำยังขอเพิ่มอีกต่างหาก
“เห็นอนาคตพุงแฟนพี่ฟ้ากลาย ๆ เลย” มันพูดไปลูบท้องตัวเองไป
“ทำไม”
“ยื่น” มันชี้ไปที่พุงตัวเอง ฟ้าหัวเราะ ถามมันว่าจะเอาเพิ่มไหม มันส่ายหัว ชี้ไปที่คอตัวเอง “เพิ่มอีก คงต้องไปล้วงคอเอาของเก่าออกก่อน”
“บ้า เสียของหมด…แล้วคุณหมอละคะ” ฟ้าหันมาถามผมต่อ ผมส่ายหน้า
“ไม่ไหวแล้วครับ”
“งั้นหนุ่ม ๆ นั่งคุยกันไปก่อนนะ ขอตัวไปล้างจานก่อน”
“ล้างด้วย” ไผ่รีบอาสาทันที ตัดเสียงฝนที่กำลังจะพูดเหมือนกัน ไผ่ไม่รอให้ฟ้าตอบรับ รีบยกจานชามรวมกัน ยกไปในครัวแทนเลย
“งั้นคุณหมอจะไปเดินเล่นหรือนั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นก่อนก็ได้นะคะ” ฟ้าบอก ผมพยักหน้า เดินไปนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีเจ้าวันเวย์ตามมาติด ๆ
ผมหยิบหนังสือบนโต๊ะมาเปิดดู ได้ยินเสียงหัวเราะครึกครื้นดังมาจากในครัว ผมแอบหงุดหงิดจนไม่มีสมาธิจะอ่านอะไร ผมลุกจากโซฟา ตอนแรกว่าจะตามไปล้างด้วย แต่เปลี่ยนใจ ไปเดินเล่นในสวนรอละกัน ถึงอยากจะอยู่ใกล้ฟ้าแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากอยู่ใกล้ไผ่เหมือนกัน ถ้ามันกีดกันมาก เดี๋ยวค่อยล่าทัพ แล้วกลับมาใหม่วันหลัง
บ้านฟ้าค่อนข้างกว้าง ร่มรื่นดี ผมเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ วันเวย์เลิกตามผมแล้ว เห็นมันนั่งแทะรองเท้าผ้าใบเก่า ๆ อยู่ข้างโซฟาในห้องนั่งเล่นนั่นแหละ
วันนี้ไม่มีเศษใบไม้ คิดว่าแม่บ้านคงเพิ่งกวาดไป ผมสังเกตว่าที่นี่จัดพื้นสวนใหม่ด้วย เหมือน ๆ จะเอาหินสวย ๆ แนวดิบ ๆ เก่า ๆ มาจัดวางไว้เป็นจุด ๆ เหมือนไม่ตั้งใจ แต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแน่ ๆ
ผมเดินดูหินแต่ละก้อนไปเรื่อย ๆ จวบจนหินเหล่านั้นพามาถึงพื้นที่ที่เป็นเต็มไปด้วยดอกลีลาวดีเกลื่อนพื้น มันคงหล่นมาจากต้น บางดอกยังสดใหม่ บางดอกก็แก่มากแล้ว ลำต้นใหญ่มาก ดูจากอายุแล้วน่าจะหลายสิบปี
ผมไล่สายตาจากลำต้นสูงขึ้นไปด้านบน จนสบเข้ากับดวงตาของใครบางคนที่กำลังมองมาเหมือนกัน มันอยู่เหนือผมขึ้นไปประมาณหนึ่งช่วงตัว มือหนึ่งจับกิ่งไม้ใหญ่ไว้ อีกมือถือดอกลีลาวดีไว้ช่อหนึ่ง
“พี่หมอ...” มันเรียกผมเสียงเบา ขยับตัว แต่เหยียบพลาด มันร้องเหวอผลัดตกลงมา ผมขยับเข้าไปหาทันทีอัตโนมัติ รับมันไว้ในอ้อมแขน
มันอ้าปากค้าง สีหน้ายังตกใจ ดอกไม้ยังอยู่ในมือ จ้องตาผมไม่เคลื่อนไปไหน
“ขะ ขอบคุณ” มันอ้อมแอ้มบอก ขยับตัวนิดหนึ่งให้ผมปล่อย ผมวางมันลงกับพื้นดี ๆ
“เอ่อ...เสื้อพี่เปื้อน ผมว่ารีบไปล้างออกก่อนดีกว่า”
ผมก้มมองตาม ตรงอกเสื้อข้างซ้าย มียางของดอกลีลาวดีติดอยู่หย่อมหนึ่ง ผมล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงมาเช็ด
“ขอโทษที่ทำให้มันเปื้อน” มันพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิดจริง ๆ ผมมองหน้ามัน แต่ไม่พูดอะไร จนสะอาดถึงได้เก็บผ้าเช็ดหน้า มองดอกไม้ในมือมัน
“จะเอาไปทำอะไร เหน็บหู?” ผมถามหน้านิ่ง มันมองมาตาขวางทันที ถึงดวงตาฝนจะคล้ายฟ้า แต่เชื่อได้เลยว่าฟ้ายังไม่เคยทำสายตาแบบนี้กับผมแน่ ๆ
“เหน็บหูพี่ไง จะเอาสักดอกไหมล่ะ” มันถามกลับห้วน ๆ ไม่สนใจผมอีก หันหลัง เดินตรงไปที่โค้นต้น มือหนึ่งจับกิ่งใหญ่ข้างซ้ายไว้ อีกมือที่มีดอกไม้จับกิ่งใหญ่ข้างขวา ก้าวขาเหยียบโคนต้นที่มีลักษณะเป็นง่าม
“จะทำอะไร” ผมถามก่อนมันจะโหนตัวขึ้นไป มันเบรกกึก หันกลับมามองทั้งที่ขากับมือยังอยู่ที่ลำต้น
“เก็บดอกไม้ไง”
ผมเดินไปลากมันกลับมายืนที่เดิม เงยหน้ามองไปรอบ ๆ เพื่อหากิ่งที่พอจะเอื้อมถึง เห็นอยู่ช่อหนึ่งไม่ใหญ่มาก มีดอกอยู่ประมาณสามสี่ดอก ผมเอื้อมเด็ดมาทั้งกิ่ง ยื่นให้มัน มันมองกลับอึ้ง ๆ ก่อนรับไปถือไว้คู่กับกิ่งที่มันเด็ดเอาไว้ก่อนหน้า
“จะเอาไปทำอะไร” ผมถามอีกรอบ
“เหน็บหู” มันตอบกลับหน้าตาย ผมมองมันดุ ๆ มันไม่สนใจ เงยหน้ามองหาช่อใหม่ มีอยู่ช่อหนึ่ง สูงในระดับที่ผมพอจะเอื้อมถึง ช่อใหญ่กว่าช่อแรกอีก มีอยู่เกือบสิบดอก มันชี้ให้ดู คงหวังให้ผมเด็ดให้อีก ผมขยับเข้าไปใกล้
ผมไม่ได้ทำตามคำสั่งมันนะ แต่มันเป็นกิ่งที่ผมกำลังจะเด็ดอันต่อไปต่างหาก กิ่งนี้อยู่สูงกว่ากิ่งแรกนิดหน่อย ผมจับกิ่งใหญ่ของมันไว้ โน้มดึงส่วนปลายลงมาเด็ด ยื่นให้คนที่รออยู่
“เยอะขนาดนี้ เหน็บหูคงไม่หมด ทำมงกุฎครอบหัวน่าจะเหมาะกว่า”
“คิดได้แต่เรื่องแต๋ว ๆ” มันทำหน้าแหยงใส่ มองหากิ่งอื่นต่อ แต่ไม่มีแล้ว ที่เหลือถ้าไม่ผมก็มันนั่นแหละที่ต้องปีนขึ้นไปเก็บ
“แล้วจะบอกได้รึยังว่าเอาไปอะไร” ผมถามมันอีกที
“เอาไปไหว้พระ” มันตอบกลับสั้น ๆ เดินไปยังต้นจำปีไม่ห่าง เอื้อมเด็ดเฉพาะดอกมาถือ ต้นนี้ไม่สูงเดินวนได้รอบ
มันก้มดมดอกจำปีในมือนิดหนึ่ง ยิ้มนิด ๆ สงสัยจะหอม ผมเดินไปเด็ดมาดอกหนึ่ง ดมดูบ้าง หอมจริง ๆ นั่นแหละ
ผมมองดอกไม้ในมือตัวเอง ไม่รู้จะเอามันไปไว้ที่ไหน จะทิ้งก็เสียดาย จะใส่มือมันก็ล้นแล้ว ผมมองคนที่กำลังก้มหน้าจัดเรียงดอกไม้อยู่ ผมตัดสินใจเสียบจำปีดอกนั้นทัดหูมันเบา ๆ มันชะงัก เงยหน้ามอง
พอรู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่บนหูตัวเอง มันรีบใช้แขนตรงหัวไหล่ปัดออก ดอกไม้ร่วงตุบลงพื้น
“คิดว่าชอบซะอีก” ผมก้มเก็บ เอามายัดใส่กระเป๋าเสื้อตัวเอง กลิ่นมันหอมดี
“เหน็บหูตัวเองน่าจะเหมาะกว่า” พูดจบมันก็เดินไปทางก๊อกน้ำ เปิดน้ำล้างเอาพวกยางดอกไม้ออก มันเด็ดดอกลีลาวดีจากกิ่งถือรวมกันไว้กับดอกจำปี ผมไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากยืนมอง พอเรียบร้อยมันก็เดินเข้าบ้าน ผมไม่ได้คิดอะไร เดินตามมันไปติด ๆ มันขึ้นชั้นสองผมก็ขึ้นตาม
ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากในครัว ไม่รู้เมื่อไหร่ฟ้าจะออกมา มันเดินตรงไปเรื่อย ๆ จนถึงห้อง ๆ หนึ่ง ให้เดาน่าจะเป็นห้องพระ พอมันเปิดประตูออก ก็เป็นห้องพระจริง ๆ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่มีพระพุทธรูปอยู่เพียบ
ถึงผมจะนับถือพุธ แต่ก็ไม่ได้เคร่งอะไรมากมาย มันเอาดอกไม้ที่ล้างแล้วทั้งหมดไปใส่พาน ยกขึ้นเหนือหัว สงบจิตอยู่สักพักก็วางไว้หน้าหิ้ง ขยับมาก้มกราบสามรอบ ผมยืนดูอยู่เงียบ ๆ กลิ่นดอกจำปีลอยคลุ้ง คงเพราะอยู่ในห้องแคบ ๆ แบบนี้ แต่มีช่องระบายอากาศ ต่อให้จุดธูปก็ไม่เป็นอันตราย
พอเรียบร้อยมันก็หันมามองหน้าผม หันกลับไปเปิดฝาอะไรสักอย่างที่ดูคล้ายผอบขนาดใหญ่ ในนั้นมีน้ำอยู่เกือบเต็ม มีขันสีเงินใบเล็ก ๆ ลอยอยู่ มันหยิบขันใบนั้นตักน้ำขึ้นมาถือ ยกจบเหนือหัวอีกนิด เดินเข้ามาใกล้ จุ่มน้ำจากขันดีดใส่หน้าผม ผมรีบเบือนหน้าหนีทันที
“ทำบ้าอะไรของนาย!” ผมตะคอกกลับ
“ไล่ผีเลวในตัวพี่ไง”
ผมมองมันตาขวาง มันไม่สน ดื่มน้ำที่เหลือจนหมด วางขันลงที่เดิม เดินออกจากห้องพระ ปิดประตู
“รู้สึกร้อนบ้างไหมครับ” มันถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมมองมันงง ๆ “ผีตัวนี้หน้าด้านจริง ๆ ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป” มันพูดขึ้นมานิ่ง ๆ ผมขมวดคิ้วขัดใจ หันหลังเตรียมจะเดินลงไปข้างล่าง
จะอยู่ให้มันด่าทำไม
“พี่หมอ” ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวลงบันได มันจับข้อมือผมไว้ ผมหันไปมอง
“ผมขอร้องล่ะ เลิกยุ่งกับพี่ฟ้าเถอะ แล้วก็ลบภาพในมือถือพี่ทิ้งไปด้วย” มันพูดด้วยท่าทีอ่อนลง ผิดกันลิบลับกับเมื่อกี้เลย ผมมองหน้ามัน ก่อนยกยิ้ม
“งั้นรอให้ผีออกจากตัวฉันไปก่อนละกัน” ผมหัวเราะหึ ๆ หันหลัง แต่ยังไม่ทันจะก้าวก็รู้สึกเหมือนโดนล้วงกระเป๋า ผมรีบหันไปมอง เห็นมันวิ่งลิ่ว ๆ กำลังจะเข้าห้องพระ ผมก้าวตามไปติด ๆ รวบกอดมันไว้จากด้านหลัง
ผมคว้าจับมือถือไว้จะแย่งคืน แต่มันไม่ปล่อย
“ปล่อย!” ผมบอกมันเสียงเข้ม
“ไม่!” มันปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพอกัน พยายามจะดันตัวออก
ผมจับส่วนบนของมือถือในขณะที่มันจับส่วนล่าง เกือบได้อยู่แล้วเชียวถ้ามันไม่ก้มงับแขนผมก่อน ผมร้องโอ๊ยเพราะความเจ็บรีบคลายวงแขนออก มันอาศัยจังหวะนั้นวิ่งเข้าห้องพระไปทันที ผมก้าวตามไปติด ๆ ใช้มือหนึ่งผลักบานประตูไว้ อีกมือรวบจับเอวมันมากอด มันจะดันตัวออก แต่ผมไม่ปล่อย
มันรีบโยนมือถือผมลงไปในอ่างน้ำสำหรับลอยดอกไม้ประดับไม่ห่างทันที ผมมองสิ่งที่เกิดขึ้นอึ้ง ๆ รีบขยับไปควานหามือถือขึ้นจากน้ำทันที
เปียกโชกเลยครับ ผมลองกดเปิด หน้าจอขีดเป็นเส้น ๆ ติด ๆ ดับ ๆ มันมองอย่างพอใจ ผมพ่นลมหายใจแรง มองมันคาดโทษ
“ทำลายทรัพย์สินคนอื่น โทษหนักนะ”
“ข้อหาแบล็คเมย์กับข่มขืนหนักกว่าอีก คราวนี้เราก็สิ้นสุดกันแล้ว มือถือพี่ใช้ไม่ได้ ไม่มีอะไรมาแบล็คเมย์ผมอีก พี่กลับไปได้แล้ว” มันไล่ผมเอาดื้อ ๆ ผลักหลังผมให้ก้าวออกจากห้องพระ มันปิดประตู ไม่สนใจผมอีก ทำท่าจะเดินลงบันได
ผมดึงมันเข้ามากอดใหม่ แทรกมือกับท้ายทอย ดันหน้ามันให้แหงนขึ้นนิด ๆ กดจูบลงไป ถ้าอยากให้มันยอมง่าย ๆ ต้องจูบแบบนุ่มนวล ผมขยับริมฝีปากอย่างอ่อนโยน พักใหญ่ถึงได้คลายปล่อย มันมองผมตาเชื่อม ริมฝีปากเผยอนิด ๆ กลืนน้ำลายลงคอจ้องกลับ
กระตุ้นง่ายครับคนนี้
“จะบอกอะไรให้นะ” ผมกระซิบบอกเสียงเบา มือยังตรึงท้ายทอยมันไว้อยู่ “ถึงมือถือจะเสีย แต่เมมโมรี่การ์ดยังอยู่” มันมองผมอึ้ง ๆ
“ภาพของนายอยู่ในนั้นทั้งหมด”
มันอ้าปากค้าง
“และอีกอย่าง...” ผมหยุดเสียงไว้ ยกยิ้มใส่นิด ๆ อย่างคนถือไพ่เหนือกว่า “ฉันสำรองภาพนายไว้ที่อื่นอีกด้วย”
มันกัดกราม สายตาเอาเรื่องขึ้นมาทันที มันผลักผมออกแรง
“สารเลว” มันจ้องกลับตาขวาง นับวันมันจะยิ่งสู้แฮะ สงสัยจะร้างมือไปนาน
ผมคงต้องทำให้มันสำนึกว่าใครกันแน่คือผู้ควบคุมชีวิตมันอยู่ ผมจับมันไปชิดกำแพง ไม่เปิดโอกาสให้มันได้พูดอะไร ก้มหน้าปิดปากมันทันที มันท้วงห้ามในลำคอ พยายามจะดันผมออก แต่แรงแค่นั้นจะมาทำอะไรผมได้ ผมไม่ได้จูบแบบอ่อนโยนเหมือนตอนแรกด้วย เพราะอยากทำโทษที่มันทำมือถือผมพัง
ยิ่งดิ้น ผมยิ่งจูบแรง จนในที่สุดมันก็หยุดขัดขืน
ผมถอนปากออกหลังจูบจนพอใจ ปากมันแดงช้ำจนเห็นได้ชัด ดวงตามันแม้จะเชื่อมเพราะแรงอารมณ์แต่ก็ยังดูดุดันเอาเรื่อง
“นายต้องชดใช้ค่ามือถือให้ฉัน พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วรออยู่หน้าโรงเรียน ฉันจะไปรับ”
“ไม่” มันตอบกลับชัดเจน ผมยกยิ้ม
“ถ้าไปรับแล้วไม่เห็น จะโปรยภาพนายให้ร่อนไปทั่วทั้งโรงเรียนเลย”
มันมองผมอึ้ง ๆ กัดกรามแน่น
“สารเลว”
ผมยกยิ้ม
“ถ้ารู้แล้วก็อย่าขัดขืน” ผมสั่งแค่นั้น หันหลังเดินลงบันไดไป ได้ยินเสียงหัวเราะครึกครื้นอยู่ในครัว ผมเดินเข้าไปหาฟ้า
“อ้าว คุณหมอ โทษทีค่ะ ฟ้าเพลินไปหน่อย” ฟ้าทัดผมเหน็บหู บอกด้วยสีหน้าอาย ๆ ไม่รู้ไผ่มันคุยกับฟ้าอีท่าไหน ถึงทำให้ฟ้าลืมผมได้ง่าย ๆ แบบนี้ ผมถอนหายใจเบา ๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินเล่นเพลินเหมือนกัน” ผมยกนาฬิกามอง “งั้นผมกลับก่อนละกัน วันหลังจะมาหาใหม่”
ฟ้าพยักหน้ารับ เดินไปส่งผมหน้าบ้าน
To Be Con...
ย่องมาลงเงียบ ๆ
#ขอบคุณทุกโหวตที่รีไพลค่าา