พี่ครับ...ไอเลิฟยู >ตอนพิเศษ กลับบ้านเรา รักรออยู่< [P.5] Up!! // [07/11/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >ตอนพิเศษ กลับบ้านเรา รักรออยู่< [P.5] Up!! // [07/11/60]  (อ่าน 54359 ครั้ง)

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
รักเม่นม่านมากๆๆๆ น่ารัก :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ว้าาาาา จะจบแล้วหยอิิอ :mew2:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

24




       “เลิกเรียนแล้วผมจะมารับนะครับ” ยังไม่ทันลงจากรถก็ถูกดึงไปหอมแก้มฟอดใหญ่ ผมยกมือเขกหัวแต่ไอ้เม่นมันดึงตัวหลบทัน เลยได้แต่ฮึดฮัดที่เขกอากาศ “เจอกันครับ”

   “เออ พูดมาก” โมโหอารมณ์เสียที่ทำร้ายร่างกายมันไม่ได้ ตั้งแต่ย้ายไปอยู่คอนโดมัน ผมไม่เคยทำร้ายร่างกายมันได้เลย มีแต่มันที่ทำร้ายผม


   มีศาลไหนให้ความยุติธรรมกับผมได้บ้าง


   ผมเดินหน้ามุ่ยขึ้นตึก เพียงแค่เหยียบบันไดขั้นแรกก็เกือบหงายหลังเมื่อเห็นคนกำลังเดินสวนลงมา ความตกใจอยู่ในระดับมาก ยิ่งกว่าเห็นแหนมตุ้มจิ๋วซะอีก

   “ไฮ เพื่อน” เพื่อนสาวใจแมนของกลุ่มทักผมด้วยรอยยิ้มประหนึ่งเป็นบ้า ต่างจากคนที่เดินเคียงข้างที่ทำตาโตเหมือนเห็นผี “เป็นไรวะ ทำหน้าเหมือนผัวไม่รัก”

   “พ่องมึงสิ” ชูนิ้วกลางส่งคืน อีแน่วมันก็หัวเราะร่าโดยไม่สนว่าสาวน้อยที่มันควงมาจะทำหน้าบึ้งแค่ไหน “สบายดีนะครับ” ผมเอ่ยทักคนที่เพื่อนหลง

   “ก็ดี” เสียงใสตอบกลับแบบห้วนๆ ตามนิสัย เอ๊ย สไตล์

   “เฮ้ย ไอ้มู่ กูจะแนะนำให้มึงรู้จัก นี่...”

   “กูรู้จักแล้ว ไม่ต้องแนะนำ” ผมว่า และไม่รอฟังอะไรต่อ บอกตามตรง ผมทนคุย ทนมองเด็กผู้หญิงนิสัยแบบนี้ไม่ได้ ต่อหน้าเพื่อนผมยิ้มแย้ม แต่พอมองหน้าผมอย่างกับจะกินหัวซะงั้น ยัยเด็กผู้หญิงนิสัยไม่ดี ปกติไอ้ม่านไม่ใช่คนปากร้ายนะครับบอกเลย แต่ก็ไม่ได้ใจดีพ่อพระแบบไอ้กลอย ไม่โหดอย่างคุณชายอัธ และไม่เพี้ยนเหมือนไอ้ทู สรุป เป็นตัวเองนี่แหละครับปกติสุด

   ผมเดินหนีขึ้นมาด้านบน เจอพวกไอ้เจนั่งคุยบ้าบอรออยู่แล้ว พอพวกมันเห็นผมก็รีบอวดสรรพคุณสาวใหม่ของเพื่อน แต่ผมรีบยกมือห้ามก่อนที่จะได้ยินอะไรมากไปกว่าความน่ารักและขี้เล่น เพราะฟังยังไงมันก็ไม่ใช่

   “กูไม่ได้อิจฉา แต่กูไม่ชอบ” บอกไปตรงๆ จนเพื่อนทั้งโต๊ะเลิกคิ้วอย่างสงสัย

   “ทำไมวะ กูว่าน่ารักดีนะ ลูกคุณหนูอีก” ไอ้มีนว่า แต่ผมรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน “อะไรของมึง”

   “คือมันก็ไม่ใช่เรื่องของกูนะ แต่กูยืนยันได้เลยว่า สิ่งที่พวกมึงเห็นนั้น...” เว้นวรรคให้ดูน่าสนใจ

   “อะไรวะ รีบๆ พูด กูอยากเสือกเต็มแก่” ไอ้เกมส์ถึงกับวางมือถือ ผมสอดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะมาหยุดที่หน้าของเพื่อนทั้งสามแล้วยืนขึ้น

   “เพราะ...มันก็เป็นแค่เพียงภาพลวง หลอกตา ที่เธอสร้างขึ้นมาให้ฉันได้ใจ มันไม่เคยจะเป็นของจริง แค่ลวง แค่หลอกกันไป แค่นั้น” เค้นพลังเสียงอันสุดยอดแล้วถ่ายทอดออกมา เพื่อนทั้งสามของผมคงจะชอบน้ำเสียงอันไพเราะนี้ เพราะพวกมันถึงกับแย่งกันดึงผมให้นั่ง

   “กูว่า คราวหน้ามึงพูดเฉยๆ เถอะ สงสารหูของกูบ้าง” ไอ้เจขยี้รูหูตัวเองไปมาพลางทำหน้ายุ่ง ส่วนผมก็หัวเราะอย่างเดียว

   ที่จริงเสียงผมก็เพราะนะครับ แต่มันต้องเค้นอารมณ์ไง บรรยายถึงเด็กนั่นน่ะ เลยเพี้ยนบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง...อะไร มากก็ได้ โธ่

   “ไร้สาระไอ้ห่ามู่ กูไปขี้ดีกว่า” ไอ้เกมส์ลุกไปเลยครับ แถมไอ้มีนยังเดินตามอีก
 
   ไปขี้หรือไปกินขี้กันก็ไม่รู้

   พออยู่กับไอ้เจสองคน แววตาเสือกคนตรงหน้าก็ฉายแววอย่างเด่นชัด ผมรู้ว่ามันคงอยากถามตั้งแต่เมื่อกี้ แต่คนอื่นอยู่มันเลยต้องสงบปากสงบคำไว้

   “จะแดกหัวกูหรือไง จ้องขนาดนั้น” ผมว่า ไอ้เจเลยเอานิ้วจิ้มหน้ผากผมจึ๊กๆ

   “หัวมึงกูไม่ชอบแดก มีแต่ขี้เลื่อย แต่ที่กูจ้องเพราะอยากรู้ และกูขอเดาว่า เด็กนั่นคือญาติไอ้เม่นใช่ป่ะ” สกิลการเดาของไอ้เจขั้นเทพจริงๆ ครับ ผมรีบพยักหน้าหงึกๆ “กูว่าแล้ว”

   “ทำไมวะ มึงรู้ได้ไง”

   “ก็ตอนอีแน่วแนะนำว่าย่าเป็นใคร ทำธุรกิจอะไร กูนี่มีดาวที่หางตาเลยไอ้ห่า”

   “มึงโคตรความจำดี กูเล่าให้ฟังครั้งเดียวแม่งจำได้หมด” แทบอยากปรบมือให้

   “แน่นอน กูใคร กูเจ ว่าที่เกียรตินิยมเหรียญทองเว้ย” ก็อยากจะอ้วกคำอวดตัวมันอยู่หน่อยๆ แต่เผอิญมันพูดจริง “แต่หน้าตาโคตรขัดกับนิสัย ถูกเลี้ยงมายังไงนี่รู้เลย”

   “มึงต้องเจอของจริง แล้วจะไม่อยากเข้าใกล้เหมือนกู” ภาพครั้งแรกที่เจอยังติดตาตรึงใจในความปากร้ายของเขา “เลิกพูดๆ กลัวเก็บไปหลอกหลอนในฝัน”

   เมื่อเลิกพูด ผมกับไอ้เจก็หอบข้าวของขึ้นห้อง วันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้า ไอ้เม่นก็ด้วย เราเลยนัดกันว่าจะไปกินข้าวกับยายมันครับ ตอนแรกที่รู้ก็เกร็งๆ นะ แต่ผมว่า อยู่กับหลานเขาแล้วก็ต้องกล้าๆ หน่อย เหมือนจะเอาหลานเสือก็ต้องเข้าถ้ำของยายเสือ...
   




   “โชคดีนะมึง” ไอ้เจตบหลังผมอวยพรตอนแยก ผมยิ้มน้อยๆ ส่งให้เพื่อนก่อนเดินข้ามถนนไปหาคนที่นั่งรออยู่บนรถ

   บนรถที่แอร์เย็นเฉียบมีกลิ่นหอมอ่อนๆ แปลกปลอมจนต้องขมวดคิ้ว ผมหันซ้ายหันขวามองหาต้นเหตุแต่ก็ไม่เห็น หรือมันเปลี่ยนน้ำหอมใหม่วะ

   “พี่หาอะไรเหรอ”

   “เปลี่ยนน้ำหอมใหม่เหรอ โคตรหอม”

   กลิ่นเหมือนดอกกุหลาบตามสวน ผมเคยไปฝึกงานที่ไร่กุหลาบด้วยนะ ไปแค่เดือนเดียว ตอนนั้นโคตรหลงที่นั่น ทั้งบรรยากาศ ทั้งพี่ที่ทำงานที่นั่น อีกทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ตอนเช้ามันโคตรฟิน

   “ไม่นะ” เจ้าของรถตอบ “คงเพราะเมื่อเช้าผมไปซื้อของกับเพื่อนละมั้ง กลิ่นมันเลยติด”

   “เหรอ” ที่จริงแอบหวังเล็กๆ ว่ามันอาจซื้อดอกไม้มาให้ผมงี้ โคตรบ้าเลยผมเนี่ย คิดไปได้ “แล้วนัดยายมึงหรือยัง”

   “ครับ ยายจองที่นั่งไว้แล้ว ร้านโปรดของยาย” ไอ้เม่นหันมายิ้มให้ “พี่ไม่ต้องกลัว มีอะไรเกิดขึ้นเดี๋ยวผมช่วยเอง”

   “ยายมึงไม่ใช่ปีศาจ จะน่ากลัวอะไรมากมายวะ” ปากกล้าไปงั้นแหละครับ ที่จริงปิดบังความสั่นอยู่ “แล้วนี่ ลุงกับป้ามึงจะมาด้วยไหม”

   “ไม่หรอก คงมีแค่ตากับยายเท่านั้นแหละ” ค่อยโล่งอกนิดๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนมองหน้าคุณป้ามหาภัย ขืนมาคงรอแขวะผมเต็มที่


   ฝ่าการจราจรที่แสนติดขัดจนมาถึงร้านอาหารญี่ปุ่น ผมเคยผ่านร้านนี้นะ แต่ไม่เคยเข้าหรอก ส่วนมากถ้าอยากกินอาหารญี่ปุ่นก็นู้น ร้านบนห้าง แบบบุฟเฟ่ต์ก็มี ไม่แพงมากด้วย

   “ร้านนี้เหรอวะ” ถามขณะไอ้เม่นกำลังถอยรถจอดข้างรถยายมัน “แพงหรือเปล่า”

   “เราคงไม่ได้จ่ายหรอก กินได้เต็มที่”

   “อืม”

   แม้จะตอบไปแบบนั้น แต่คิดเหรอว่าผมจะกินเต็มที่ แม้จะเป็นของฟรีที่ชอบก็เถอะ

   ผมเดินตามไอ้เม่นเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นที่เหมือนยกร้านจากญี่ปุ่นมา ทั้งการตกแต่ง โทนสี หรือแม้แต่การแต่งตัวของพนักงานที่พูดต้อนรับ


   น้ำเสียงน่ารักเหมือนหน้าตาเลยวุ้ย


   “จ้องอีกนานป่ะ” เสียงพร้อมแรงสะกิดทำให้ต้องละสายตาจากหน้าขาวๆ ของพนักงานไปมองหน้าคนสะกิด “หึงนะเนี่ย”
 
   “เชี่ย” ด่าไปเบาๆ เมื่อไอ้เม่นพูดออกเสียง ที่สำคัญ แม่สาวน่ารักได้ยินยังหัวเราะ “ทำไรเนี่ย” พอด่าไป มันยิ่งบ้าหนักด้วยการพาดแขนมาโอบไหล่แล้วดึงผมไปชิด

   “ก็บอกว่าหึงไง หวงด้วย” แทบอยากเอานิ้วจิ้มตาไอ้คนลอยหน้าซะเหลือเกิน ผมหันไปยิ้มแห้งๆ ให้พนักงานสาวก่อนเธอจะเดินนำไปที่ห้องที่ถูกจองไว้

   “ปล่อยสิวะ” พยายามดันมือที่โอบไหล่ออก แต่ก็เกาะแน่นซะเหลือเกิน “ไอ้เม่น ปล่อย”

   “ไม่ และจะทำมากกว่าเดิมถ้าพี่ยังมองคนนั้นคนนี้อีก”

   “ก็ตากู กูจะมองคนไหนก็ได้”

   “ตาของพี่ต้องมองผมแค่คนเดียว เข้าใจ๊?”

   “จะให้มองแต่มึง ไม่ให้มองทาง ถ้ากูล้มจะทำไง”

   “ผมจะนำทางพี่เองไม่ต้องห่วง ไม่ล้มแน่นอน ไว้ใจได้”

   “ไอ้เสี่ยว”


   ด่าไปแต่ปากก็ยิ้ม ทำไมผมดูขัดแย้งในตัวเองวะ


   เราสองคนเดินไปหยุดหน้าห้องที่ยายจองไว้ ก่อนไอ้เม่นจะเคาะประตูไม้เบาๆ เมื่อมีเสียงตอบรับมันถึงเลื่อนเปิดประตู ตากับยายมันมารออยู่ก่อนหน้าแล้วแถมทั้งคู่ยังจ้องมาที่พวกผม เอาซะผมทำตัวไม่ถูก

   “ขอโทษที่มาช้าครับ” ไอ้เม่นว่าพลางยกมือไหว้ ผมก็รีบไหว้ตาม

   “สวัสดีครับ” พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ขาที่ก้าวเข้าไปโคตรสั่น ผมนั่งลงบนเบาะนุ่มบนพื้นตรงข้ามกับยายของไอ้เม่น ตอนนี้เกร็งไปทุกส่วน ขนาดมือที่วางบนขาตัวเองยังสั่น

   “ฉันสั่งอาหารไปแล้ว อยากกินอะไรก็สั่งมาเพิ่มเอง” เสียงเรียบๆ ของยายดังขึ้น ผมได้แต่นั่งก้มหน้าดูเมนูที่ไอ้เม่นเอามากางไว้ตรงหน้าผม “สั่งสิ”

   “ครับ? เอ่อ ผมกินอะไรก็ได้” สะดุ้งเมื่อยายมันบอก ผมปิดเมนูแล้วยื่นคืนให้ไอ้เม่นที่กำลังรอพนักงานมาเพื่อจะสั่งอาหาร
 
   “พี่ไม่สั่งเหรอ” รีบส่ายหน้าทันทีที่ถูกถาม “อ่าว งั้นเดี๋ยวผมสั่งให้”




   ช่วงรออาหารยายหลานเขาคุยกันแบบนิ่งมาก ถามคำตอบคำ ไม่ถามก็เงียบ บรรยากาศอึดอัดสุดๆ ผมจะอยู่รอดปลอดภัยไปถึงตอนเลิกไหมเนี่ย

   “เรียนจบจะไปทำการทำงานอะไร” เสียงเข้มของตาไอ้เม่นดังขึ้น ทั้งผมกับไอ้เม่นต่างก็มองหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าถามใคร “ถามเธอนั่นแหละ คิดจะทำงานอะไรหลังเรียนจบ”

   “อ๋อ จบแล้วผมจะกลับไปช่วยพ่อกับแม่ทำสวนที่บ้านครับ” ความตั้งใจในการมาเรียนคณะนี้ของผม

   “สวนผลไม้หรือผักล่ะ”

   “มีทั้งผักและผลไม้ครับ” ตอบพร้อมรอยยิ้ม ตาไอ้เม่นชวนคุยทำให้ความตึงเครียดของคนในห้องเริ่มผ่อนคลายลง “พ่อผมทำสวนผักและผลไม้แบบผสมผสานและปลอดสารพิษครับ เพื่อสุขภาพที่ดีของคนปลูกและคนกิน”

   “ผลไม้คราวที่แล้วก็มาจากสวนเธอสินะ”

   “ครับ”

   “มะม่วงหวานดี ฉันชอบ” คราวนี้เป็นยายไอ้เม่นพูด ผมหันไปมองคอแทบเคล็ด

   “ขอบคุณครับ”

   ตอนนี้กลายเป็นว่า ผมคุยกับตายายอยู่คนเดียว ไอ้เม่นมันนั่งนิ่ง มีเหล่ตามองบ้างเป็นระยะ คงเพราะความห่างที่ผ่านมา ทำให้ต้องใช้เวลาปรับตัวเข้าหากันมากหน่อย แต่ผมว่า ปลายทางมันต้องคุ้มแน่นอน

   อาหารมื้อนี้อร่อยสมราคา ผมยัดทุกอย่างจนพุงยื่น ไม่เชื่อถามไอ้เม่นที่ลูบดูก็ได้

   “ขอบคุณนะครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณตากับยายก่อนแยกกันกลับ ไอ้เม่นยังคงนิ่งเหมือนเดิม แม้จะไหว้ลาเหมือนกัน แต่พูดลาไม่มี จะปากหนักไปไหนก็ไม่รู้

   “อยากกินอะไรไหม” พอรถยายมันผ่านหน้าไป ไอ้เม่นก็ถามออกมา

   “ไม่กลัวดอกพิกุลร่วงแล้วเหรอวะ” ล้อไปเลยถูกมือมันขยี้หัวซะผมฟู     
       
   “ไม่อยากทำให้พี่อึดอัดมากกว่า ผมกับยายคุยกันดีๆ ได้ไม่นานหรอก” ผมกระพริบตาปริบๆ มองตามหลังไอ้เม่นที่เดินไปที่รถ

   “แต่ยายกับตาดูรักมึงนะ แต่คงไม่รู้จะแสดงออกยังไง” ในความรู้สึกผมมันบอกแบบนั้น ผมเห็นยายชอบแอบมองเวลาไอ้เม่นคีบของกิน คงคอยสังเกตว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร “เปิดใจบ้างก็ได้ เหมือนเรื่องกูอะ”

   “ไม่เหมือน” เสียงตอบกลับทันทีที่ผมถาม “พี่ไม่เหมือนกับใคร”

   “ไม่ค่อยอยากเชื่อสักเท่าไหร่” แม้หน้าตาจะจริงจัง แต่ก็อดที่จะว่าไม่ได้ “ประตูล็อคอะ” ผมบอกไอ้เม่นที่นั่งประจำที่คนขับแล้วด้วย อย่าบอกว่าจะทิ้งผมนะเฮ้ย

   “พี่ม่าน คือแบบ...” เสียงเรียกพร้อมกับหน้าขาวๆ โผล่พ้นหลังคารถ “น้ำมันหมด”

   “ฉิบหาย ล้อเล่นหรือเปล่าวะ” ผมรีบเดินอ้อมไปฝั่งไอ้เม่น กลัวว่ามันจะโกหก แต่น้ำมันหมดจริงๆ ครับ ไม่ได้ล้อเล่นเลย “ปล่อยให้หมดได้ไง แล้วจะทำไงดีเนี่ย”

   “เดินไปซื้อไหม ผมเห็นปั้มอยู่ไม่ไกล” ได้แต่กระพริบตาปริบๆ เพราะทำอะไรไม่ได้สักอย่าง “หรือพี่จะรออยู่ที่นี่...”

   “ไม่เอา กูไปด้วย” เกิดมันทิ้งผมไว้ที่นี่กับรถมันจะทำไง ไม่เอาหรอก

   “กลัวผมทิ้งเหรอครับ” อยากด่าคนที่หัวเราะเยาะ แต่มันคือเรื่องจริง พอเห็นผมไม่ตอบโต้ ไอ้เม่นก็หยุดขำ “ผมไม่ทิ้งพี่หรอก ไม่มีวัน”

   “กูไม่ได้กลัวมึงทิ้งเว้ย”

   “จริงอะ ไม่เชื่อหรอก พี่กลัวผมทิ้ง หน้าพี่บอก”

   “ไม่จริงเว้ย”

   “ไม่จริงแล้วเดินหนีผมทำไม พี่ม่าน”

   ไม่รู้ไม่ชี้ ผมเดินหนีมันออกมาหน้าร้าน ปั้มน้ำมันอยู่ตรงไหนวะ เมื่อกี้ก็ลืมมอง มัวแต่นั่งง่วง ไอ้เม่นรีบสาวเท้ายาวๆ ของมันมาเดินข้างผม พร้อมส่งแขนหนักๆ พาดคอ

   “เดินดีๆ สิวะ” เบี่ยงตัวให้หลุดจากแขนที่รัด แต่มันกลับดึงผมไปชิดจนไหล่ชนกับอก “ไอ้เม่น”

   “นี่ก็ดีแล้วไง พี่นั่นแหละ เดินดีๆ” ดูมันยอกย้อนสิครับ

   “กูหนัก”

   “แต่ผมไม่หนัก”

   “อย่ามากวนตีนกู”

   “ไม่กวนตีน แต่กวนใจได้ป่ะ”

   “ไม่ได้เว้ยไอ้เสี่ยว”

   “ถึงเสี่ยวก็เสี่ยวแค่กับพี่นะ เพราะผมโคตรของโคตรรักพี่เลย” ไอ้เม่นขยิบตาเจ้าชู้พร้อมรอยยิ้มกวน

   “ไอ้...” ด่าไม่ออกเพราะหน้าร้อนๆ ของตัวเองทำให้สมองไม่ค่อยทำงาน “โว้ยย” หงุดหงิดที่ด่าไม่ได้ จังหวะที่สัญญาณไฟข้ามถนนเป็นสีแดงห้าวินาที ผมรีบผลักไอ้เม่นออกแล้ววิ่งข้ามไป

   “พี่ม่าน เฮ้ย” ตามมาไม่ทันแล้วครับ เพราะตอนนี้ผมมาอยู่อีกฝั่งถนน ไอ้เม่นหน้าหงิกหน้างอกวักมือเรียกผมให้กลับไปหา “พี่ม่าน ข้ามไปทำไม กลับมา!”

   “ไม่โว้ย!” ตะโกนคุยกันแบบนี้โคตรเจ็บคอ ผมรีบเดินไปด้านหน้าต่อ ส่วนคนอีกฝั่งก็รีบเดินตาม

   “พี่ม่าน! ข้ามมาเดี๋ยวนี้! พี่ม่าน!!”

   “ไม่โว้ย! เจอกันสะพานลอยข้างหน้านะพวก!” 


   ผมรีบเดินหนี เห็นสะพานลอยข้ามถนนอยู่ไกลๆ แต่ขาอาจจะลากหน่อย เดินตามฟุตบาทไปเรื่อยๆ มองอีกด้านก็ยังเห็นไอ้เม่นเดินเอื่อยๆ เป็นคู่ขนานกับผมไป เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงครั้งแรกที่เจอ ผมกับไอ้เม่นดูเหมือนถนนสองเส้นที่ไม่น่าจะมาบรรจบกันได้ด้วยซ้ำ

   มันชอบเพื่อนผม นั่นคือสิ่งแรกที่รับรู้ แม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนผมแล้วก็ตาม แต่นั่นคือความทรงจำแรกและการรู้จักมัน แล้วอยู่ๆ เส้นทางคู่ขนานกลับเบี่ยงมาบรรจบกันเฉย ที่สำคัญ เป็นทางบรรจบที่ถูกเทด้วยปูนคอนกรีตชนิดแข็งแรงที่สุดซะด้วย

   “พี่ม่าน!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อทำให้สะดุ้ง ผู้คนที่เดินตามทางเท้าก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน มันเรียกผมที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนี้ทำไมเนี่ย ผมรีบก้มหน้าก้มตาเดินทำเป็นไม่รู้จัก แต่... “พี่ม่านที่สวมชุดนักศึกษา รองเท้าผ้าใบสีขาวเก่าๆ สะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาลที่กำลังยกมือปิดหน้า” อือหือ ไอ้เม่นบรรยายออกมาคือตัวผมชัดๆ ก่อนพี่คนข้างหน้าจะสะกิดเรียกให้ผมหันไปดู

   “ไอ้เหี้ย” ด่าแบบไร้เสียง ไม่รู้ว่ามันจะรู้หรือเปล่า เพราะความห่างของถนนสองเลนแบบนี้

   “พี่ม่านครับ! ผมมีบางอย่างจะบอกกับพี่ครับ!” มันจะตะโกนทำหอกอะไรเนี่ย ผมอาย “พี่ม่านครับ! ไอเลิฟยู เวรี่มัช!”

   แทบกระอักออกมาเป็นความอาย ไอ้เม่นตะโกนบอกรักผมท่ามกลางรถราที่วิ่งเต็มท้องถนนไม่พอ ผู้คนยังแน่นหนาอีก คิดว่าผมจะอายไหมล่ะครับ

   “ไอ้เหี้ย!” คราวนี้ตะโกนกลับเสียงดังฟังชัด โคตรหน้าร้อนเลยตอนนี้ พยายามก้มหน้าหลบสายตาผู้คนที่มองมา

   “ถึงเป็นเหี้ย ก็เป็นเหี้ยที่รักพี่นะครับ!” มันยังตอบกลับมาอีก มีปิ๊บไหมครับ ผมจะเอาคลุมหัว “จุ๊บๆ” มีจูบใส่มือแล้วเป่ามาทางผมอีกต่างหาก คราวนี้คนที่ยืนฝั่งผมพากันหัวเราะแถมยังส่งเสียงแซวมาอีก ขนาดยกมือปฏิเสธแล้วแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ

   “ไอ้เม่น มึงโดนตีนกูแน่ ไอ้เชี้ย!!” ตะโกนด่าไป ก่อนถูกสะกิดแขนเบาๆ จากป้าที่ขายกล้วยทอดบนฟุตบาท “ครับ?”

   “ด่าผัวไม่ดีนะหนู มันบาป”

   ถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ได้แต่รีบเดินหนีให้พ้นจากที่นั่นโดยเร็ว เพราะตอนนี้ ทั้งเสียงแซว เสียงโห่ เสียงเชียร์ดังมาตลอดทางที่เดิน ความอายนี้หาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว!!

   พอทางขนานมาบรรจบ ผมก็กระโดดถีบไอ้คนต้นเรื่องทันที ไอ้เม่นหัวเราะทั้งน้ำตา มันคงเจ็บแต่ผมไม่สน ไอ้เหี้ยนี่ทำให้ผมอายแทบแทรกแผ่นดินหนี

   “ก็พี่บอกผมให้พูดตามที่ใจอยากพูดไง ผมผิดเหรอ” นั่นเป็นประโยคที่ผมเคยพิมพ์บอกไปในข้อความช่วงแรกที่ได้คุย
 
   “ไม่ผิดที่มึงพูด แต่ผิดที่สถานที่” กระชากคอเสื้อมันขึ้นมาแล้วเขย่าๆ “เพราะมึงเลยนะ กูอายจน...”

   คำด่าถูกดูดหายไปเมื่อปากผมถูกปากนุ่มไอ้เม่นกดจูบ

   “ผมรักพี่ ตรงนี้ไม่มีคน พูดได้ใช่ป่ะ”

   “ตรงนี้ก็ไม่ได้โว้ย”

   มันจูบผมกลางสะพานลอย คิดได้ไงวะเนี่ย เกรงใจฟ้ากับนกบ้างไหม

   “ผมรักพี่ม่าน ผมรักพี่!”

   “ตะโกนทำไม กูบอกว่า พูดตรงนี้ไม่ได้!”

   “ผมรักพี่ม่าน!”

   “ไอ้เชี่ยเม่น!”

   “พี่ครับ ไอเลิฟยู!!”


   ผมหยุดคำพูดมันด้วยปากของผมเอง ไม่รู้ต่อไปเส้นทางของผมจะเป็นยังไง แต่ที่รู้ๆ ผมจะไม่เหงาอย่างแน่นอน


   “ไอ้เสี่ยว หยุดตะโกนบอกรักกูสักที กูเขิน!”

   “พี่โคตรน่ารักอะ โคตรรักพี่ โคตร! รัก! พี่! ม่าน! เลย! ครับ!!”

   “กูบอกว่าให้เงียบๆ กูเขิน!!”

   “น่ารักเกินไปแล้ว!”

   “บอกว่าห้ามตะโกนไงเล่า!”

   พวกเราจะได้ไปซื้อน้ำมันมาเติมรถไหมครับเนี่ย

   “ไม่ตะโกนก็ได้...ผมรักพี่ครับ”

   “เออ กูก็รักมึง”

   ไม่สนว่าใครจะเงยหน้ามองขึ้นมา หรือกำลังเดินขึ้นบันได ตอนนี้ขอจูบกับมันก่อน เรื่องปิ๊บคลุมหัวค่อยว่ากันทีหลังแล้วกันนะครับผม อะไรนะ นี่กลางสะพานลอยเหรอ ไม่แคร์แล้วล่ะ ก็คนอยากจูบก็ต้องจูบสิครับ...เนอะ


-- THE END --

จบแล้วค่าาาา เย้ๆๆๆ  :mc4: :mc4: กว่าจะจบได้ อู้อยู่นาน (ก้มกราบ)

ขอบพระคุณทุกๆ คนที่ติดตามเรื่องนี้ค่า จะพยายามพัฒนาฝีมือตัวเองไปเรื่อยๆ ตรงไหนติดขัดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่า

แล้วเจอกันตอนพิเศษเด้อค่าเด้อ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เม่นน่ารักกกกก ถึงเสี่ยวก็น่ารัก

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
รักเม่นม่าน  ขอตอพิเศษหลายๆตอนเลยนะ ตอพิเศษขอให้มีผู้ชายมาจีบม่านและเม่นก็หึงจนกลายร่างเป็นปิศาจ ปิศาจคนที่ 3 ต่อจากพี่โช พี่ฟลอย   :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ b2uty_pang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ม่านน่ารักๆมากอ่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากๆจ้ส

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
น่ารักจริงๆอ่านรวดเดียวจบเลย รอตอนพิเศษครับ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น่ารักตามสไตล์นายม่าน - น้องเม่น ^^

ออฟไลน์ dyomonrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกค่ะ ขอบคุณค่ะ
กู้ความรู้สึกเราที่เกลียดเม่นจากเรื่องนู้นได้ดีเลยค่ะ

รอตอนพิเศษนะคะ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ขอบคุณมากครับ น่ารักจริงๆคู่นี้

ออฟไลน์ Dark_Evil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกค่ะ  บางทีก็หมั่นไส้ บางทีก็น่ารักนะม่าน
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-14
จบเร็วไปหน่อย น่าจะขยายพาร์ทของเพื่อนกับนังชะนีน้อยนั่นไปอีกสักนิดว่ายังไงต่อ

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุกมาก ๆ ครับ เม่น-ม่าน น่ารักมาก



ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:

เม่น ม่าน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เม่น มีคนที่รักตัวเองแล้ว ไม่ต้องอยู่แบบโดดเดี่ยวไร้คนรักอีก
ม่าน เพื่อนรัก เพื่อนเกรียนกลอย ก็รู้จักความรักครั้งแรก
เป็นรักครั้งแรก รักแท้ของทั้งคู่  :L2: :L2: :L2:

มีกลุ่มเพื่อนๆม่าน มาจอยให้หายคิดถึงแล้วยิ่งคิดถึงมากขึ้นอีก
โดยเฉพาะกลอยเกรียน ไม่มาเกรียนอย่างเดียว
พากลิ่นสุดสะพรึงมาให้เจ เกมส์ขมคอเลย

พี่โช กลอย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

อัธ เจ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เก็บความลับได้สนิทแต่มีแอบโหว่ๆให้ม่าน กลอยรู้
จะได้อ่านความรักของพี่แทม พี่ติน หรือเปล่านะ   :z3: :z3: :z3:

ยังค้างความรักของแน่ว กับญาติตีสองหน้าของเม่น จะเป็นยังไงต่อ   :hao3:
ขอบคุณไรท์ มากกกกกกกกกก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
ตอนพิเศษ กลับบ้านเรา รักรออยู่




        แม้จะมีวันหยุดแค่ไม่กี่วัน แต่ผมก็อยากกลับบ้าน อีกอย่าง แม่บอกว่าพ่อมีอาการปวดหลัง เพราะคิดว่าตัวเองยังหนุ่มเลยโชว์แบกลังมะม่วงขึ้นรถให้ลูกค้า สรุป หลังเกือบเดาะ แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก หาหมอ กินยาก็ดีขึ้นมาก แต่ผมก็ยังเป็นห่วง และอยากกลับไปดูกับตาอยู่ดี เพื่อความสบายใจ

   “ทำไมพี่ไม่นั่งเครื่องบิน” ไอ้เม่นถามผมรอบสอง รอบแรกถามขณะซื้อตั๋ว อีกรอบคือตอนนี้ที่เราขึ้นมานั่งบนรถทัวร์แล้ว

   “ขี้เกียจ” ตอบแบบเดิมเหมือนคราวแรก ไอ้เม่นก็ยังนั่งหน้ามุ่ย “หรือมึงเมารถทัวร์?”

   “บ้าน่า ผมเนี่ยนะ นั่งรถทัวร์มาตั้งหลายรอบ” ผมสังเกตอาการของมันแล้วก็นึกแปลกใจ มือไอ้เม่นเหงื่อออกเยอะมาก หรือมันจะกลัวจริงๆ วะ

   “กูมียาแก้เมารถ สักเม็ดไหม” ลองหยั่งเชิงดู ไอ้เด็กข้างๆ หันมามองก่อนพยักหน้าลง “กูว่าแล้ว” พูดขำๆ ไอ้เม่นหน้ายู่ลงเลยทีเดียว

   ผมเอายาแก้เมารถให้เด็กเมืองกรุงกิน ไอ้นี่ก็สำออยอิดออดอยากให้ผมป้อนยา ป้อนน้ำ มือมึงเป็นง่อยหรือไงวะ แม่ง ถึงจะบ่น ผมก็ป้อนมันอยู่ดี


   ไม่น่ามีแฟนเด็กเลยไอ้ม่าน


   พอถึงเวลาออกรถ ไอ้เม่นก็มองไปรอบๆ มันนั่งด้านนอกติดทางเดิน ส่วนผมนั่งด้านใน เห็นอาการมันแบบนี้ผมก็ชักหวั่นๆ เลยลุกสลับที่นั่ง รถทัวร์ขับออกมาจากเมืองกรุงมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ สองข้างทางในตอนเย็นๆ โพล้เพล้แบบนี้ก็สวยดีนะครับ แต่แดดสีส้มก็ยังแสบตาจนต้องปิดผ้าม่าน ละสายตาจากนอกหน้าต่างกลับเข้ามา ไอ้คนข้างๆ หลับไปแล้ว

   ไอ้เม่นจะรอดถึงเชียงใหม่ไหมวะเนี่ย

   ที่ผมไม่อยากเอารถมาเองก็เพราะกลัวขับไม่ไหว ผ่านการสอบมาอย่างหนักซึ่งสติแทบไม่มี อีกอย่างไปแค่ไม่กี่วัน นั่งรถไปแบบนี้ประหยัดกว่าเยอะ หากเอารถไปเอง เสียค่าน้ำมันแถมต้องเอารถไปเช็คเพื่อความปลอดภัยอีก เปลืองนะครับนั่น

   มองไอ้เม่นหลับได้ไม่นานผมก็ผล็อยหลับไปด้วย แต่ก็หลับๆ ตื่นๆ เพราะรถจอดรายทาง อันนี้แหละที่เริ่มคิดว่าตัดสินใจผิด จะจอดเยอะไปไหนครับพี่ พอจะหลับๆ ดันจอดอีก คนขึ้นมาอีก ไม่ได้นอนเต็มตาเลยให้ตาย

   จากท้องฟ้าเป็นสีส้ม ตอนนี้มืดสนิทชนิดที่มองไม่เห็นอะไรเลยด้านนอกตัวรถ แอร์เย็นๆ ชวนให้นอนอีกรอบ คราวนี้ผมเอนหัวซบกับหัวอีกคนที่วางบนไหล่ ไอ้นี่ก็หลับสบายเกินไป สบายจนน่าอิจฉา และกว่าจะรู้ตัวอีกทีบนรถทัวร์ก็เปิดไฟและพนักงานเดินมาบอกว่าถึงปลายทางแล้ว

   นี่ผมหลับลึกขนาดไม่รู้อะไรเลยเหรอเนี่ย คงเพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงใกล้เช้า นาฬิกาดิจิตอลของรถบอกเกือบๆ ตีสอง โคตรเช้า ไม่สิ ถ้าตอนอยู่มหาลัย บางวันเวลานี้ผมเพิ่งจะเข้านอน

   “ไอ้เม่น ตื่น” เขย่าร่างเด็กยักษ์ที่ทำเอาไหล่ผมชาไปครึ่งซีก “เม่น ถึงแล้ว”

   “ถึงแล้วเหรอ” พูดเสร็จก็อ้าปากหาวออกมาจนเห็นถึงลำไส้

   “เออ ลงได้แล้ว” ผมเริ่มเก็บกระเป๋า ส่วนคนข้างๆ ยังนั่งตาปรือ “เม่น”

   “ครับๆ รู้แล้วครับ”

   เก้าชั่วโมงกว่าในการนั่งรถมาเชียงใหม่ โคตรเมื่อยตัว ลงจากรถได้ผมก็บิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นไปหมด ไอ้เม่นยืนหน้าง่วงรอกระเป๋าข้างตัวรถ มาถึงเวลานี้ผมไม่ได้บอกพ่อกับแม่ให้ออกมารับหรอกนะครับ เพราะผมจองโรงแรมไว้แล้ว อย่างน้อยก็รอให้เช้าก่อนค่อยกลับบ้าน

   ยานพาหนะที่ผมเลือกคือรถสี่ล้อแดง เคยอ่านผ่านๆ เขาว่าถ้าพูดภาษาไทยจะได้อีกราคา แต่ผมคนเหนือก็ต้องพูดเหนือสิ โรงแรมที่จองก็ไม่ได้ไกลมาก ลุงคนขับแกก็ใจดี คิดคนละยี่สิบบาทแถมนั่งบ่นให้ฟังเรื่องราคาค่าโดยสารที่เขาว่าคิดแพง ทั้งที่ราคาน้ำมันก็ขึ้นเอาๆ คนขึ้นก็น้อย ภาระแกก็เยอะ และอีกสารพัดเรื่อง เอาซะหายง่วงเลย พอลงจากรถได้ ผมกับไอ้เม่นก็รีบเข้าไปเช็คอิน ขอขึ้นไปนอนให้คลายเมื่อยหน่อยเถอะ

   “พี่ทำยังไงให้เขาคิดเงินแค่ยี่สิบเหรอ” ระหว่างเดินขึ้นห้อง ไอ้เม่นก็ถาม

   “กูเก่ง” ตอบปุ๊บ ถูกตบหัวปั๊บจนผมต้องถลึงตาใส่ แต่ไอ้คนทำมันไม่สำนึกสักนิดว่าตบหัวคนแก่กว่า เล่นกูซะแล้วไอ้เม่น

   ห้องสามสองห้าคือห้องที่จองได้ ผมเปิดประตูเข้าไป เสียบบัตรไฟกับแอร์ก็ติด ห้องราคาไม่แพงแต่สภาพดีมาก ผมทิ้งข้าวของสัมภาระทุกอย่างแล้วทิ้งตัวนอนบนที่นอน ข้างๆ คือไอ้เม่นนอนคว่ำหน้าอยู่

   “มึงนอนดีๆ” ผมพูดออกมาทั้งที่ยังหลับตา

   “ครับ” เสียงตอบกลับไม่ได้ทำให้ผมคลายคิ้วที่ขมวด

   “ไอ้เม่น กูบอกให้นอนดีๆ” บอกอีกรอบ พร้อมเพิ่มเสียงเข้มขึ้น

   “ก็นอนดีๆ แล้วไง”

   “นอนดีเชี่ยไร เอามือมึงออกจากเสื้อกู” คราวนี้ผมลืมตาขึ้นมา จับมือที่ล้วงเข้ามาในเสื้อออก “นอนดีๆ ไม่เป็นหรือไงวะ ล้วงๆ ควักๆ อยู่นั่น” ง่วงครับ รำคาญด้วยส่วนหนึ่ง

   “ก็มันเคยล้วงๆ ควักๆ เกือบทุกวันนี่นา” ไอ้เม่นขยับนอนตะแคง สายตามันโคตรชั่วร้ายยามจ้องหน้าผม ดูท่าจะไม่ค่อยดีผมเลยพลิกตัวหันหลังให้มันแทน แล้วอย่าไปเชื่อเรื่องล้วงๆ ควักๆ มันโกหก “พี่ม่าน”

   “ไอ้เม่น กูง่วง” ขยับตัวหนีเริ่มลำบาก รู้สึกพลาดอีกแล้วที่นอนหันหลัง แต่ไม่ว่าจะนอนยังไงผมก็พลาดตลอดนั่นแหละ “ปล่อย กูง่วง”

   “แค่นอนกอดเฉยๆ เอง ไม่กอดนอนไม่หลับ” พูดจบมันก็ดึงผมเข้าไปจนแทบจะจมในอกอุ่น “ฝันดีเมียเม่น”
 
   “เออ”




***************

   เช้าวันใหม่ ผมนั่งรอพ่ออยู่ที่จุดนัด รอไม่นานรถกระบะป้ายแดงสี่ประตูก็โฉบเข้ามาจอด รถใหม่ที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงนะครับ เพราะปีนี้ผลไม้สวนในราคาดี พ่อกับแม่ผมเลยอยากได้ของขวัญให้กับตัวเอง เลยไปจิ้มรถคันนี้มา

   “พ่อกินข้าวหรือยังครับ” ไม่ใช่ผมหรอกนะครับที่ถาม ไอ้เม่นเสนอหน้าไปนั่งข้างพ่อผม โดยขับไล่ให้ผมมานั่งเบาะหลัง

   “กินแล้วสิ แล้วนี่กินข้าวกันหรือยัง” พ่อตอบไอ้เม่น ก่อนหันมาถามผม

   “กินโจ๊กที่เซเว่นเมื่อกี้” ผมตอบ พ่อก็พยักหน้า จากนั้นก็นั่งคุยกับไอ้เม่นจนลืมว่าผมนั่งอยู่ด้วย

   นี่ผมหรือไอ้เม่นเป็นลูกแท้ๆ วะ รู้สึกเป็นส่วนเกิน

   พอรถจอดสนิทหน้าบ้าน แม่ผมยืนรอรับด้วยรอยยิ้ม ผมรีบเปิดประตูลงไปกะจะเข้าไปกอด แต่แม่ผมเดินผ่านหน้าไปกอดไอ้เม่นแทน

   “แม่ ม่านอยู่นี่” หน้างอจนแม่หัวเราะแล้วเดินมากอด “คิดถึง” กอดเต็มรัก

   “กระดูกแม่จะหักแล้ว” พอแม่พูด ผมก็รีบคลายอ้อมกอด “เข้าบ้านๆ”

   ผมกับไอ้เม่นเอากระเป๋าไปเก็บที่บ้านหลังเล็กก่อนจะเดินเข้าไปบ้านใหญ่ แม่ทำกับข้าวหอมจนท้องร้องโครกคราก ผมที่กำลังจะอ้าปากอ้อนก็ถูกตัดหน้าจากไอ้เม่น ไอ้นี่มันเด็กขี้อิจฉาแน่ๆ...หมายถึงผมเนี่ย

   “เม่นคิดถึงแม่ม๊ากมาก” เบะปากใส่ไอ้คนที่เสนอหน้าอ้อนแม่ผม ส่วนแม่ก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ เห็นหัวไอ้ม่านคนนี้บ้าง อิจฉาจนตาจะเหล่อยู่แล้ว

   “แล้วนี่มากี่วันล่ะ” พอถามเรื่องนี้แม่ก็หันมาหาผม

   “กลับพรุ่งนี้” ผมบอก แม่ก็ทำตาโต

   “มาวันสองวันจะมาทำไม เปลืองเงิน” แม่หน้าบึ้งจนไอ้เม่นต้องกอดเอวอ้อน

   “จะวันหรือสองวัน แค่ได้มาหาแม่ เม่นก็สุขใจแล้วครับ เรื่องเงินมันน้อยนิด โอ๊ย พี่ม่าน” ที่มันโวยวายเพราะผมยื่นมือไปตบหัว เสี่ยงต่อการถูกแม่หยิกมากแต่ก็จะทำ น่าหมั่นไส้เหลือเกินลูกอ้อนมัน “เม่นพาพี่ม่านมาเองครับ”

   “แม่ไม่ต้องเชื่อมัน ม่านจะมาตั้งแต่วันพุธแล้ว แต่ไอ้นี่มันมีเรียนเลยต้องมาเมื่อวาน” เมื่อวานคือวันศุกร์ ฉะนั้นก็อยู่ได้แค่เสาร์อาทิตย์ น้อยนิดเหลือเกิน

   “ก็เม่นคิดถึงแม่นี่”

   “อ้อนได้กวนตีนมาก โอ๊ย แม่”

         นั่นไงครับ โดนหยิกจนได้ คนทำให้ผมโดนก็ลอยหน้าลอยตาจนอยากตบกะโหลกสักที คุยกันอีกนิดหน่อยก็กินข้าวเช้าที่ค่อนสาย กินเสร็จก็ถึงเวลาไปช่วยงานพ่อ ตอนแรกคิดว่าอาการปวดหลังนั่นจะรุนแรง แต่เท่าที่เห็นคงไม่เป็นอะไรมาก พ่อผมยังขุดดิน ใส่ปุ๋ยได้เป็นปกติ

   ไอ้เม่นเดินไปช่วยพ่อผมขุดดิน เห็นแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ตั้งแต่มาคบกับผม ผิวขาวๆ ของมันก็เริ่มคล้ำขึ้น เพราะมันชอบไปรอผมที่แปลงบ่อยๆ

   “พ่อ ใช้งานมันหนักๆ ไอ้นี่มันแรงเยอะ” ผมตะโกนบอก ไอ้เม่นทำตาโตส่วนพ่อผมก็ขำอย่างเดียว

   แสงแดดตอนเที่ยงเริ่มทำให้ร้อนอบอ้าวจนต้องเข้าที่ร่ม ไอ้เม่นมานั่งบนแคร่หน้าบ้าน ส่วนผมก็เดินตามพ่อเข้าไปเอาน้ำเย็นมาให้คุณชายที่นั่งรับลมอยู่ด้านนอก

   “ครอบครัวมันเป็นยังไงบ้าง ดีกันหรือยัง” พ่อผมถามขณะเทน้ำเย็นใส่แก้ว

   “ก็ดีนะพ่อ ช่วงนี้ไอ้เม่นไปหายายมันบ่อย เมื่อก่อนไม่เข้าไปเหยียบด้วยซ้ำ” ผมพูดขณะกินส้มที่แม่ซื้อมาจากตลาด ช่างเปรี้ยงโด่ง และเปรี้ยวตามเหลือเกิน สรุปคือเปรี้ยวมาก ไม่มีความหวานโผล่มาให้ลิ้มรสจนต้องคายทิ้ง

   “ดีแล้ว ทำให้ครอบครัวดีกัน ได้บุญ” ผมขำในสิ่งที่ได้ยิน

   “มันมีด้วยเหรอพ่อ บุญแบบนั้น”

   “มีสิ ทำให้คนเข้าใจกันมันก็ได้บุญ”

   “สาธุ”

   ผมหยิบเอาน้ำที่พ่อเทใส่แก้วออกมาให้ไอ้เม่น มือก็ลูบหัวตรงที่ถูกเขกส่งท้าย ชอบทำร้ายลูกเหลือเกิน พอเดินออกมาเห็นไอ้เม่นนั่งตัวแข็งทื่อมองที่เสาข้างๆ

   “ทำอะไรวะ” ส่งเสียงไป ไอ้เม่นก็ยังเงียบ “เม่น เป็นไร”

   “พะ พี่ดู” ไอ้เม่นเสียงสั่นชี้นิ้วไปที่เสาหน้าบ้านด้านหลังแคร่

   “อะไรวะ เชี่ย” พอเงยหน้าขึ้นก็ตกใจผงะ ตุ๊กแกตัวเท่าแขนเกาะอยู่ แถมยังจ้องหน้าไอ้เม่นด้วย “ตัวโคตรใหญ่”

   “ใช่พี่ มันมองผมด้วย ทำไงดี ถ้าวิ่งมันจะกระโดดใส่ผมหรือเปล่า” ไอ้เม่นทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมก็หัวเราะตัวงอ “ไม่ตลกนะเว้ย”

   “มึงกลัวตุ๊กแกเหรอวะ อ่อนว่ะ” ผมว่า ไอ้เม่นมองค้อนเพราะเถียงไม่ออก “กูสนิทดี นี่ตุ๊กแกสมัยกูยังเป็นเด็ก สนิทกัน ซี้กันเลย” อวดครับ ผมเห็นพี่ตุ๊กแกตัวนี้ตั้งแต่เด็กจริงๆ ถ้าจำไม่ผิดนะ

   “จริงเหรอ งั้นพี่ไล่ไปให้หน่อย ขาผมไม่มีแรงแล้วเนี่ย” คนกลัวตุ๊กแกเบ้หน้าอย่างตลก

   “เออๆ แค่นี้เอง มึงนี่นะ” มองหาไม้ที่จะเอามาไล่ พอเจอก็ไปหยิบมา ไม้ยาวเมตรกว่าๆ น่าจะจิ้มตัวมันได้พอดี “มึงคอยดู กูซี้กับพี่เขา” ว่าแล้วก็เอาไม้จิ้ม “เชี่ย”

   ทั้งผมกับไอ้เม่นสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆ ตุ๊กแกก็ขยับแถมอ้าปากส่งเสียงขู่ ดวงตาสีเหลืองจ้องตรงมาคล้ายกับพร้อมตะครุบเหยื่อ

   “ไหนพี่ว่าซี้กัน มันจะกัดเราหรือเปล่า” ไอ้เม่นกระโดดออกมาจากแคร่มายืนซ้อนหลังผม

   “ก็กูไปอยู่กรุงเทพนาน พี่เขาอาจจะจำหน้ากูไม่ได้ไง เดี๋ยวลองคุยกับพี่เขาก่อน” ยังทำใจดีสู้เสือ ผมเอาไม้เขี่ยๆ ก่อนจะลองคุย “พี่ตุ๊กแกครับ จำม่านคนนี้ไม่ได้เหรอ เราเคยเจอกันมาแล้วนะ ตอนที่ม่านยังเด็กๆ ไง จำได้ไหม ม่านที่น่ารักๆ ไง พี่จำ เชี่ย” ตุ๊กแกเหมือนจะฟังไม่รู้เรื่อง เพราะขยับหันหัว ปากก็ยังอ้า แถมส่งเสียงขู่ดังกว่าเดิม

   “พี่ มันจะกระโดดมาหาเราหรือเปล่า” ไอ้เม่นก็บิ้วจังวะ

   “กูลืมไป พี่เขาอาจฟังภาษากลางไม่ออก เดี๋ยวกูพูดคำเมืองใส่ แป๊บเดียวก็น่าจะรู้เรื่อง” ว่าแล้วผมก็พูดภาษาเหนือใส่ “อ้ายต๊กโตจ๋ำน้องม่านคนนี้บ่ได้กา น้องม่านคนเดิมที่หล่อๆ น่ะ อ้ายจ๋ำได้ก่” (แปล พี่ตุ๊กแกจำน้องม่านคนนี้ไม่ได้เหรอ น้องม่านคนที่หล่อน่ะ พี่จำไม่ได้เหรอ)

   “พี่ม่าน มันจ้องหนักกว่าเดิมด้วย” ใช้หางตาแลไอ้เม่นที่จับเสื้อที่ไหล่ผมแน่นมาก “พี่ม่าน”

   “กูเห็นแล้ว เขาฟังกูรู้เรื่องไง” พูดเสร็จก็ต้องถอยหลัง เมื่อพี่ตุ๊กแกเริ่มขยับขาเดิน “หรือไม่รู้วะ”

   “ผมว่า ต้องไม่รู้แน่ พี่ม่าน”

   “กูก็ว่างั้น วิ่งสิวะ เชี่ย”

   ทั้งผมกับไอ้เม่นแหกปากร้องลั่น เมื่อตุ๊กแกตัวเท่าแขนอ้าปากขู่พร้อมไต่ลงจากเสามาอย่างไวแถมกระโดดมาบนแคร่ โกยอย่างไม่คิดชีวิตครับตอนนี้ ก่อนเราสองคนจะมาหยุดหอบอยู่นอกเขตบริเวณบ้าน เหนื่อยยิ่งกว่าเล่นฟุตบอลอีก

   “พี่ว่า มันจะตามมาไหม”

   “ไม่มาแล้วมั้ง” ถึงตอบแบบนั้นแต่ตาก็ยังชะเง้อมอง “แม่ง ทำไมมันดุวะ”

   “หรือมันหวงตัวเมีย” ผมหันไปมองหน้าไอ้เม่นที่พูดเหมือนมีเหตุผล ถ้าหากไม่ใช่... “แบบที่เวลาผมหวงพี่กับคนอื่นไง ผมก็ดุแบบนี้แหละ”

   “มันใช่เวลาที่จะมาเปรียบเทียบไหมวะ”

   “ที่พูดเพราะอยากบอกพี่ไว้ไง ว่าผมโคตรดุ ถ้าพี่แอบมีกิ๊กนะ ผมไปฆ่ามันตายแน่”

   “อย่ามาเว่อร์”

   “ไม่ได้เว่อร์ แต่จะทำจริง”

   พอเห็นสายตาจริงจังของไอ้เม่น ผมก็แอบเสียวอยู่เหมือนกันนะ และดูออกมามันทำจริง

   “เออๆ กลับเข้าบ้านเถอะ ตุ๊กแกคงไปแล้ว” ผมเปลี่ยนเรื่อง ไอ้เม่นก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆ แต่ก็ยอมเดินตาม

         สารภาพเลยว่ามีหลอน ตาสองข้างมองลอกแลกอย่างหวาดๆ ตุ๊กแกยักษ์นั่นคงไม่แอบดักรอใช่ไหมเนี่ย พอผมเข้าบ้าน ก็ถึงเวลากินข้าวเที่ยง เพราะมัวแต่หนีเลยต้องมานั่งกินสองคน พ่อกับแม่ผมเรียบร้อยก่อนหน้าแล้ว และหลังจากกินเสร็จ เราก็แยกย้ายไปช่วยงาน ไอ้เม่นไปช่วยพ่อที่สวนผลไม้ ส่วนผมก็ตามแม่ไปตลาด มีแต่คนรุมถามว่าเมื่อไหร่จะเรียบจบ แต่คำถามที่ถูกถามมากที่สุดคือ มีแฟนหรือยัง

   ผมต้องตอบว่ายังไงดี มีแล้ว เป็นผู้ชายด้วย งี้เหรอ

   ไม่หรอก ผมก็ตอบว่ามีคนคุยๆ แล้ว แต่แม่ผมนี่สิ เล่นบอกไปหมดแบบไม่ปิดบัง ไม่แคร์ด้วยว่าชาวบ้านร้านตลาดจะมองมายังไง ด้วยสายตาแบบไหน แค่แม่ปิดท้ายสวยๆ ว่า ขอแค่ผมได้คนที่ดีและรักผมก็พอใจแล้ว เพราะพ่อกับแม่ก็อยู่กับผมได้อีกไม่นาน หากมีคนดูแลดีและรักจริง ก็ตายตาหลับ จากนั้นทุกคนก็ไม่มีใครกล้าถามอีก

   ต้องปรบมือรัวๆ ให้แม่ผมนะครับ มงกุฎต้องลงแล้วแบบนี้

   กลับมาถึงบ้าน ผมก็ขลุกอยู่แต่ในครัวกับแม่ จนกับข้าวเสร็จก็เย็น พอดีกับพ่อและไอ้เม่นเข้าบ้านมา มื้อค่ำนี้เลยได้กินพร้อมหน้าพร้อมตากันสักที ความสุขอยู่ไม่ไกลหรอกครับ แค่ได้นั่งล้อมวงกินข้าวกับครอบครัว ได้พูดคุยแปลกเปลี่ยนความคิดสร้างเสียงหัวเราะให้แก่กัน แค่นั้นก็สุขใจสุดๆ แล้ว

   “พรุ่งนี้กลับกี่โมงล่ะ” พ่อถามขณะช่วยกันเก็บจานข้าวที่อิ่มกันหมดแล้ว

   “ก็สายๆ หน่อยครับ ถึงที่นู้นจะได้ไม่ดึกมาก” ไอ้เม่นตอบ

   “แล้วเรียนเป็นไง เห็นม่านบอกจะย้ายที่เรียน”

   “รอสอบครับ”

   “ดี ตั้งใจมากๆ ล่ะ ไม่มีอะไรที่เราตั้งใจแล้วจะทำไม่ได้”

   “ขอบคุณครับ ผมจะตั้งใจเรียนให้จบไวๆ จะได้เลี้ยงดูพี่ม่านได้”

   “ไอ้นี่ก็พูดตลก”

   ผมเผลอยิ้มออกมาเมื่อแอบยืนฟัง พ่อผมกับไอ้เม่นดูสนิทกันดี แม้ครอบครัวผมจะไม่ใช่คนหัวสมัยใหม่มาก แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นสิ่งใหม่ๆ ผมโคตรจะภูมิใจที่ตัวเองเกิดมาในครอบครัวนี้เลย

   “เป็นอะไร เป็นบ้าเหรอ ยืนยิ้มคนเดียว”

   “แม่อ่า”

   ถูกแซวจนได้ ผมรีบเดินตามแม่เข้าไปในครัว อยู่กับแม่แล้วไม่อยากกลับเลย อยากกินๆ นอนๆ อยู่บ้าน ตื่นเช้าก็กินข้าวฝีมือแม่ เที่ยงก็ได้กิน เย็นก็ได้กิน ไม่มีที่ไหนสบายเท่าบ้านเราอีกแล้ว

   เก็บของหมดทุกอย่าง ผมกับไอ้เม่นก็ปลีกตัวมาที่บ้านหลังเล็กที่อยู่ตรงข้ามบ้านของแม่ บ้านที่พ่อกับแม่สร้างไว้ให้ผมโดยเฉพาะ

   “รีบไปอาบน้ำก่อนเลย” ผมไล่ไอ้เม่นที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ตัวมีแต่เหงื่อมานอนบนเตียง “ไอ้เม่น”

   “เท้าเขี่ยผัว บาปนะครับ โอ๊ย” ตอนนี้ไม่เขี่ย แต่ผมถีบเลย ไอ้เม่นรีบลุกจากเตียงไปอาบน้ำหลังจากกวนโมโหผมได้ ไอ้นี่ชอบให้เลี้ยงด้วยลำแข้ง

   ระหว่างที่ไอ้เม่นอาบน้ำ ผมก็นั่งเก็บของ พรุ่งนี้ว่าจะไปซื้อของฝากแล้วเลยไปขึ้นรถ ดังนั้นก็ต้องจดด้วยว่าจะซื้ออะไรดี

   “เอาน้ำพริกหนุ่มด้วยนะ เม่นชอบ” เสียงกระซิบข้างหูกับลมที่เป่ามาทำเอาขนแขนลุก ผมย่นคอหลบ มัวแต่จดจนลืมดูว่าไอ้เม่นอาบน้ำเสร็จแล้ว

   “อยากซื้ออะไรก็จด เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลืม” ยื่นกระดาษให้ไป ก่อนผมจะลุกไปอาบบ้าง ใช้เวลาไม่นานก็ออกมา กระดาษจดวางอยู่บนโต๊ะ แต่คนที่ผมยื่นให้หลับปุ๋ยบนเตียงไปแล้ว สงสัยจะเหนื่อย เห็นขึ้นต้นมะม่วงด้วย ใช้เวลาแต่งตัวนิดหน่อยก็เดินมานั่งบนเตียง ไอ้เม่นพลิกตัวมาถึงได้เห็นหน้ายามมันหลับ “มึงนี่นะ” อดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วจิ้มหน้าผากมัน

   ผมจดรายการที่ต้องซื้ออีกหน่อยก่อนเดินไปปิดไฟ แล้วสอดตัวเข้าผ้าห่มผืนเดียวกับไอ้เม่น เหมือนมันจะรู้ พอผมนอนปุ๊บมันก็คว้าตัวผมเข้าไปในอ้อมกอด

   “ฝันดีครับ”



*************


   “นี่พี่จะซื้อไปกินหรือให้ใครวะ” ไอ้เม่นบ่นขณะที่ผมกำลังจ่ายเงินซื้อกาละแม

   “ฝากด้วยกินด้วย” ก่อนออกจากร้านไม่ลืมยิ้มหวานให้แม่ค้าที่แถมให้ผม “พูดมากจริง รีบๆ ซื้อ เดี๋ยวไปขึ้นรถไม่ทัน” ผมให้พ่อเข้ามาส่งที่ตลาดวโรรสเพื่อซื้อของ หลังจากนี้ค่อยโบกสี่ล้อแดงไปที่สถานีขนส่ง “น้ำพริกหนุ่มมึงเอากี่ถุง”

   “เอาเยอะๆ” เหล่ตามองคนชอบกิน ที่จริงแม่ผมจะทำให้ แต่ลืมซื้อพริกหนุ่มมา เลยต้องมาหาซื้อเอง

   กว่าจะซื้อของเสร็จ และกว่าจะมาถึงสถานีขนส่งรถก็เกือบจะออก โชคดีที่บนรถสี่ล้อแดงไม่มีคนอื่นนั่ง ไม่งั้นผมกับไอ้เม่นคงได้นั่งรถรอบเมืองก่อนจะมาถึง

   “มึงต้องกินยาป่ะ” ถามคนที่กำลังรัดเข็มขัด

   “คิดว่าไม่ต้องนะ” ไอ้เม่นตอบ แต่ก็ดูไม่ค่อยมั่นใจ “หรือกินดี”

   “กินเถอะ กูกลัวมึงอ้วก”

   ไอ้เม่นกินยาแก้เมารถไปเม็ดหนึ่ง ส่วนผมไม่ต้อง เพราะแค่นี้ไม่ทำให้ผมมีอาการได้ ก็ตอนปีหนึ่งผมนั่งไปๆ มาๆ บ่อย มันก็ชิน

   “ไว้วันหยุดยาวๆ เรามาอีกนะ” ไอ้เม่นยิ้ม มันเอนหัวมาซบที่ไหล่ของผม “ผมชอบบ้านพี่ ชอบพ่อกับแม่ของพี่ และชอบพี่”

   “อย่าเสี่ยวบนรถทัวร์ กูจะอ้วก”

   “พี่แพ้ท้องเหรอ”

   “แพ้ท้องเชี่ยไร กูเหม็นมุกมึงต่างหาก”

   “ก็คิดว่าท้อง ผมทำไปตั้งเยอะ”

   “ไอ้นี่...”

   เบื่อหน้ามัน ผมเลยเลือกที่จะหลับตา ไม่สนเสียงขำที่ดังใกล้ๆ ไอ้เม่นพิงไหล่ผมหลับเพราะฤทธิ์ยา และผมก็หลับเพราะง่วง ไว้เจอกันอีกทีที่เมืองกรุงนะครับ เพราะนี่นั่น ยังมีเรื่องให้เคลียร์อีกเยอะ



.....

เรื่องนี้ไม่มีตอนพิเศษเลยย เลยมาสักกะหน่อย ฮ่าๆๆ

และในส่วนของญาติเม่นนั้นจะมีในตอนหน้าค่ะ เพราะขึ้นชื่อเรื่องตอนพิเศษเยอะกว่าตอนหลักอยู่แล้ว (พูดแล้วจะร้องไห้เลย)

เจอกันตอนพิเศษหน้าค่าา ขอบคุณค่ะ  :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2017 11:03:45 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ชอบครอบครัวม่านอ่ะ น่ารักกกก

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
มีคำผิดนะคะ

แม้ครอบครัวผมจะไม่ใช่คนหัวสมัยใหม่มาก แต่ก็ไม่ได้ปิดกลั้นสิ่งใหม่ๆ
ผมโคตรจะภูมิใจที่ตัวเองเกิดมาในครอบครัวนี้เลย

ปิดกั้น ... ค่ะ
แบบกั้นฝาย กั้นคนมุงอะไรแบบนั้น

ส่วน กลั้น ใช้กับ กลั้นลมหายใจ กลั้นอารมณ์ อดกลั้น ... ประมาณนั้นค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
เม่นน่ารักเหมือนเดิมเลย

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
มีคำผิดนะคะ

แม้ครอบครัวผมจะไม่ใช่คนหัวสมัยใหม่มาก แต่ก็ไม่ได้ปิดกลั้นสิ่งใหม่ๆ
ผมโคตรจะภูมิใจที่ตัวเองเกิดมาในครอบครัวนี้เลย

ปิดกั้น ... ค่ะ
แบบกั้นฝาย กั้นคนมุงอะไรแบบนั้น

ส่วน กลั้น ใช้กับ กลั้นลมหายใจ กลั้นอารมณ์ อดกลั้น ... ประมาณนั้นค่ะ

ขอบคุณค่าาา แก้ไขแล้วว  :pig4: :pig4:  :mew1:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ tuuili

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยังคงรอตอนพิเศษของคู่มอม้านะคะ : )

ออฟไลน์ punpunn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักดีชอบบบบ กวนกันไปกวนกันมา

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
จบแล้ววววว โอ๊ยยยสนุกมากกก สนุกจริง #เม่นม่าน มีครบทุกอารมณ์ ต้องไม่พลาดเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ

ออฟไลน์ cutelady

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
มีความเกรียนเหมือนเพื่อนกลอยจริงๆน้องมู่ลี่ แต่ก็น่ารักและจริงใจ ดีใจกับเม่นที่เจอความรักดีๆซักที :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด