ตอนที่ 5 ลูกเขย&แม่ยาย&แม่ผัว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดล่ะครับนาทีนี้ผมรวบรวมความกล้าแล้วเดินไปเปิดประตูให้ผู้เป็นแม่..
แกร๊ก!
"หนอย ไอกี้ กว่าจะเปิดประตูให้แม่ได้นะ ...มัวทำอะไรอยู่ล่ะ "พอเข้าห้องมาได้แม่ผมก็บ่นอย่างไม่จริงจังนัก ผู้หญิงรูปร่างสมส่วน ยิ้มแย้มผมหยิกเป็นลอนตามแฟชั่นสมัยปัจจุบัน ผมยิ้มประจบให้ก่อนจะปรี่เข้าไปหาผู้เป็นแม่
"ผมเข้าห้องน้ำอยู่อ่ะแม่ มาๆ เอาอะไรมาเยอะแยะเนี่ย"ผมยื่นมือไปช่วยถือสัมภาระหลายอย่างมาจากแม่ ส่วนใหญ่เป็นของกิน ผลไม้แล้วก็พวกนมอะไรพวกนั้นที่แม่ชอบซื้อมาให้ผมเสมอ ในขณะที่แม่ถอดรองเท้าก็หยุดชะงักจับจ้องไปที่รองเท้าคู่ใหญ่กว่าของผม...นั่นเป็นของไอ้คุณชายเอง
"นั่นของใคร... แกมีเพื่อนมาหรอ "แม่ถามทำหน้างงๆ เพราะปกติตลอดสองปีที่ย้ายมาอยู่คอนโด ผมก็แทบไม่ได้ชวนเพื่อนมานอนค้าง อันที่จริงเพื่อนสนิทมีอยู่แค่สองสามคนเอง ซึ่งเรื่องนี้แม่ผมรู้ดีอยู่แล้ว คนที่ถูกพูดถึงก็เดินมาปรากฏตัวด้วยรอยยิ้มประหม่าที่ผมไม่เคยเห็น
"..สวัสดีครับคุณแม่"เสียงรื่นหูดังขึ้นพร้อมกับมือที่ฉวยมาแย่งของในมือผม คุณแม่ผมมองเขางงๆ ก่อนจะปรับสีหน้าเมื่อเห็นว่าคุณชายมันหล่อ แล้วกล่าวทักทายอย่างใจดี
"สวัสดีจ๊ะลูก เป็นเพื่อนของไอ้กี้มันหรอ ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตาเลย ชื่ออะไรล่ะเรา"แม่พูดแล้วมองหน้าไอ้คุณชายชนิดที่ว่าตาไม่กระพริบ
"ผมชื่อ ชายครับ คุณแม่"คุณชายพูดแล้วยิ้มอีกครั้ง แม่ผมพยักหน้า
“อ้อ...แปลกนะ ไม่เคยได้ยินชื่อเลย”แม่ทำหน้างงแล้วดึงแขนผมไว้ก่อนจะกระซิบกระซาบ"นี่แกมีเพื่อนหน้าตาดีขนาดนี้ทำไมไม่บอกฉันล่ะยะ”ผมยิ้มขำ คุณชายเดินเอาของไปเก็บแล้วกับมาพร้อมกับน้ำส้มสามแก้วใส่ถาด
แหม บริการดีเชียว
“ขอบใจจ๊ะ ...ว่าแต่รู้จักกันได้ยังไงล่ะลูก กี้มันไม่เคยเห็นพูดถึงเลย ปกติเพื่อนมันมีอยู่สามสี่คนเอง”แม่หยกแก้วน้ำส้มเย็นมาจิบ ผมมองหน้าเขาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม
"..อ๋อ..คือเรื่องนั้นผมเองก็มีเรื่องจะชี้แจงเช่นกันครับ.."คุณชายพูดเสียงแหบๆ ผมพยักหน้าเบาๆ แม่มองหน้าผมสลับกับคุณชาย
"หืม เรื่องอะไร ท่าทางซีเรียสนะ"แม่ทำเป็นหัวเราะ
"คืองี้นะแม่... คือผมกับคุณชายไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันหรอก"ผมเองก็ไม่อยากปิดบังอะไร พอผมพูดจบแม่เหมือนจะกระตุกๆวางแก้วน้ำส้มมือสั่นเล็กน้อยเหมือนสามารถเดาอะไรบางอย่างจากคำพูดของผมได้
"อ่ะๆ ว่ามา.."คุณแม่ถอนหายใจก่อนจะสังเกตุเห็นหนังสือหล่นอยู่เลยเอื้อมไปเก็บมาอ่าน "คุณแม่มือใหม่...แกอ่านหนังสือผู้หญิงด้วยเหรอ"แม่หันมาพูดกับผมที่แค่ยิ้มเจื่อนอยู่เงียบๆ
"...แม่..นี่เรื่องสำคัญเลยนะ"ผมจริงจัง คุณชายดูนิ่งกว่าปกติมากซึ่งผมคิดว่าเขาคงประหม่ากับการเจอแม่ผม
คุณชายหน้าซีดๆด้วย ผมเลยต้องย้ายที่นั่งจากข้างๆแม่ไปนั่งกับคุณชาย แค่ปฏิกิริยาแบบนี้ก็น่าจะเดาๆได้ว่าผมกับคุณชายต้องมีซัมติงกันแน่นอน
"คือผมกับกี้..เราเป็น...คนรักกันน่ะครับ…"ในเมื่อผมมาให้กำลังใจถึงที่ คุณชายก็เอ่ยประโยคเด็ดออกไปจนได้ ผมกลั้นใจก่อนจะเหลือบตามองแม่ที่หุบยิ้มก่อนจะมองหน้าผมนิ่งๆ
"นี่พูดจริงหรอ..."น้ำเสียงนิ่งๆ ภายในห้องเหมือนหยุดสต็อปขาดอากาศหายใจไปชั่วขณะ “ว่าไงไอ้กี้”
"ครับแม่...ที่พูดมาเป็นเรื่องจริง...ผมกับคุณชายก็อยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว"จะบอกว่าคบกันก็ไม่ได้เพราะไม่เคยขอเป็นแฟน ขอคบกันจริงจังเลยนี่ นอกจากสถานะบนเตียงกับท้องอ่อนๆก็มากเกินกว่าจะตีค่าความสัมพันธ์ว่าแฟนหรือคบกัน
"...ทำไมแม่ถึงไม่รู้เลยล่ะ แกปิดบังแม่ทำไม... แกก็รู้ว่าแม่ไม่เคยห้ามให้แกคบกับใคร จะเป็นอะไร แม่ตามใจแกหมด แม่เคยบอกไปแล้วนี่ว่า มีอะไรให้บอกกัน"แม่ขมวดคิ้ว แต่น้ำเสียงที่ใช้อ่อนลง ผมเลยเบาใจไปได้เปราะนึง
"ขอโทษครับแม่"ผมก้มหน้า
"ผมก็ด้วยครับ "คุณชายทำหน้าซึมไม่กล้ามองหน้าแม่ผมอย่างเต็มตาเท่าไหร่ แม่ถอนหายใจ
"อะๆ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนมีใครตายจะได้ไหม เรื่องของแกสองคนแม่อาจจะตกใจบ้างตามประสาคนแก่ แต่แม่ก็พอจะรู้ว่าสมัยนี้ก็มีแบบนี้เยอะแยะ"แม่พูดก่อนจะก้มหน้ามองหนังสือในมืออย่างสงสัย
“แกจะรับเลี้ยงเด็กหรือไง เข้าใจนะว่ามีลูกกันเองไม่ได้”แม่พูดเหมือนจะขำ โถ่แม่ เดี๋ยวก็ขำไม่ออกหรอก
"คือว่า มีเรื่องสำคัญที่อยากให้คุณแม่รู้"ผมนั่งนิ่ง คุณชายอยู่ๆก็ขยับตัวลุกไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าแม่ผม
"..โอ๊ะๆ ไม่ต้องคุกเข่าจ๊ะ ลุกๆ"แม่มีท่าทีตกใจ
“คือว่า...เรื่องนี้สำคัญมากครับ มันอาจจะฟังดูเป็นไปไม่ได้แต่...มีเหตุผลว่าทำไมถึงมีหนังสือเล่มนี้อยู่ในห้อง”คุณชายพูดเสียงเครียด
"ตอนนี้กี้...ท้องครับ..."
ตายหมู่แน่งานนี้ เขาพูดออกไปแล้ว
"ว่าไงนะ พูดใหม่สิ"แม่ทำหน้าตกใจจากนั้นมีท่าทางเหมือนไม่เชื่ออย่างรุนแรง ผมเลยหยิบเอกสารที่หมอภูมิให้ไว้แล้วยื่นให้แม่อ่าน
"นี่คือสิ่งยืนยันว่าผมท้องนั้นคือเรื่องจริง ...ทำใจดีๆนะแม่"ผมเข้าไปนั่งข้างๆจะได้ใกล้มือใกล้เท้าหน่อย แม่มองหน้าผมเหมือนจะช็อคก่อนจะรับเอกสารนั้นไปเปิดอ่าน ถ้อยคำวิชาการบวกกับรูปภาพประกอบเป็นสิ่งยืนยันว่าที่พูดมาไม่ใช่เรื่องอำเล่นๆ
"...นี่...โอ้ ตายแล้ว ..."แม่หน้าซีดๆและนิ่งไปขณะที่เปิดอ่านเอกสารจนครบ
.
แม่เงียบไปนานหลายนาที ไม่ได้มองหน้าผมหรือคุณชายแต่จับจ้องไปที่หน้าปกเอกสารด้วยสายตาเดาไม่ออก คุณชายมองหน้าผมอย่างกังวล
...
"ผมรู้ว่าทั้งหมดนี่เป็นเรื่องเข้าใจยากแต่มันก็เกิดขึ้นแล้วและผมเองก็รับผิดชอบทั้งหมด ..."คุณชายพูดทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนี้
"...แน่นอนว่าเธอต้องรับผิดชอบ ...ไม่อยากจะเชื่อ…อยู่ๆก็มีหลานซะได้แถมยังได้ลูกเขยมาอีก ฉันควรจะร้องไห้หรือว่าหัวเราะดีใจดี ฮึ”แม่พูดประชดก่อนจะหัวเราะเบาๆ
"แม่..."ผมร้องออกมาเบาๆก่อนจะจับแขนแม่เขย่า ทำแบบนี้ผมใจคอไม่ดีเอาเสียเลย แม่สูดหายใจแรงก่อนจะหันหน้าไปมองคุณชายที่นั่งคุกเข่าท่าทีน่าสงสาร
"งั้นแสดงว่าที่ท้องเพราะไม่ได้ป้องกันหรอ ห๊ะ"แม่ไปแว้ดใส่คุณชาย
"คือผมก็ไม่คิด..."ว่าจะท้อง ใครๆจะไปคิดกันล่ะ
"นั่นไม่ใช่ข้ออ้าง แต่เป็นความประมาทและมักง่ายของเธอต่างหาก...หรือไม่จริง เพื่อความปลอดภัยต่อลูกฉันเธอก็ควรจะป้องกัน เฮอะ ทำไมฉันต้องมาเทศนาเรื่องนี้อีก อุตส่าห์มีลูกชายแล้วเชียว"แม่โยนเอกสารฉบับนั้นลงบนโต๊ะเสียงดัง
"แม่ครับ...แม่รับได้ไหม เกลียดผมไหม"ผมพูดเสียงอ่อยเดาไม่ถูกว่าโกรธเกลียดผมหรือคุณชายหรือเปล่า
"แล้วนี่แกเป็นยังไงบ้าง ท่าท่างดูปกติดี...แก...กี้ แกเป็นลูกคนเดียวของแม่นะ จะรังเกียจแกได้ไงมาๆ ลุกมาได้แล้ว"แม่ผ่อนท่าทีลงใจดีเหมือนเดิมแล้วฉุดแขนให้คุณชายลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา
"แล้วเรื่องมันเป็นไงมาไงกันล่ะ"แม่ถาม หลับตาท่าทางเหนื่อยๆ
ผมเลยให้คุณชายเป็นคนเล่าเรื่องแทน
"อืม...หมายความว่า แม่ผัวไม่ยอมรับแกเหรอ กล้าดียังไง กี้ของแม่ออกจะน่ารัก น่าเอ็นดู ใจร้ายใจดำจริงๆ แบบนี้ยอมไม่ได้ ต้องลงมือเองซะแล้ว"แม่พูดอย่างอารมณ์เสียก่อนจะบิดไม้บิดมือ
"...จะทำอะไรหรอครับ"คุณชายถามหน้างงๆ นั่นสิ แม่ผมจะทำเรื่องอะไรอีก
"เหอะ หรือว่าฉันควรจะไล่หัวเธอไปดีนะ หมั่นไส้"แม่หันมาแว้ดใส่ต่อ
"เอ่อ โถ่ คุณแม่ครับ.. อย่าใจร้ายกับผมเลย"คุณชายพูดเสียงอ่อน
"ใครอนุญาตให้เรียกแม่กันยะ"
"คุณแม่ครับ... "ทำหน้าอ้อนมืออ้อนเท้าจริงๆ ผมแอบสะใจเล็กน้อย สมน้ำหน้า
"...อะไร ... เหอะ คนบ้านนั้นมันยังไงกัน...เอาเถอะ ฉันไม่ได้หลุดมาจากยุคอีเย็นนะ ที่จะทำตัวขัดขวางเป็นนางร้ายในละครน่ะ"แม่กอดอก ทำหน้าเหมือนคิดแผนการ
"แล้วทางนั้นรู้เรื่องที่แกท้องหรือยัง"
"ยังเลยแม่"
"อืมดี เรื่องนี้แม่จะช่วยเอง เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบนะไอกี้ มีท้องแล้วยังแม่ผัวยังไม่ยอมรับ นี่มันละครน้ำเน่าชัดๆ ไปอยู่บ้านนั้นนะแล้วจะโดนโขกสับไหมเนี่ย ไม่ได้นะไอ้กี้ แกต้องไม่ยอมแพ้"
"โหแม่ คิดได้เนอะ"
"แล้วคุณแม่จะทำยังไงครับ"คุณชายถาม
"เป็นใครๆก็รักหลานตัวเองทั้งนั้นแหละ ถ้าจะเปิดศึกกับแก ฉันจะไปยื่นคำขาดเรื่องหลาน ว่าไม่ต้องมาดูดำดูดีกันอีก ในเมื่อไม่ยอมรับดีนัก”
" เอางั้นหรอแม่”มันจะกลายเป็นศึกแม่ผัวลูกสะใภ้จริงจังเกินไปหรือเปล่า
"แล้วจะไปบอกฝ่ายนั้นเมื่อไหร่กัน จะรอให้ท้องโตไปกว่านี้เรอะ"แม่หงุดหงิดเมื่อไม่ได้ดั่งใจ “แล้วแม่ผัวแกชื่ออะไรนะ”
“...ชื่อพิมพ์วิไลน่ะแม่ ถามทำไมอ่ะ”ผมกลัวว่าแม่จะทำเรื่องอะไรให้ยุ่งขึ้นมา
"อืม ชื่อคุ้นๆนะ...พิมพ์วิไล...พิมพ์..."แม่ทวนชื่อแม่คุณชายซ้ำหลายครั้งทำหน้าเหมือนรู้จัก
“รู้จักคุณแม่ผมด้วยหรอครับ”
“อ้อ เปล่าหรอกจ๊ะ ...อันที่จริงไม่แน่ใจเท่าไหร่ ว่าแต่พิมพ์วิไลเนี่ย เรียนจบมาจากโรงเรียนอะไร”
“เอ่อ จำได้ลางๆว่าอะไรพิทยาๆเนี่ยแหละครับ อยู่จัวหวัดxxx อำเภอเมือง เป็นโรงเรียนประจำจังหวัด”
“...อืม ฉันชักหมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่ายัยพิมพ์วิไลคือคนเดียวกับที่ฉันเคยรู้จักแน่นอน... นามสกุลเก่า เลิศวิบูลย์ใช่ไหม”
“ใช่แล้วครับ”
ผมมองแม่ รู้จักแม่คุณชายด้วยเหรอ
“ฮ่ะๆ นึกว่าใครที่แท้...แม่นั่นเอง งานนี้หวานหมูไม่ยากหรอกลูกๆเอ้ย”แม่หัวเราะเหมือนสะใจมาก ผมมองห้ากับคุณชายงงๆ
“อย่างที่บอกนะจ๊ะเด็กๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องแม่ผัวตัวร้ายคนนั้น แม่ยายคนนี้จะเคลียร์ทางให้สว่างโร่เอง แกก็แค่ดูแลท้องน้อยๆของแกให้ดีๆโอเคไหม ไหนมาดูสิ”แม่ยิ้มใจดีก่อนจะเอื้อมมือมาลูบท้องผม
“ฮ่ะๆ จักกะจี้แม่”
“คงท้องอ่อนๆไม่กี่สัปดาห์เองล่ะมั้ง ใช่ไหม ว่าแต่ไอ้กี้มันมีอาการแพ้ท้องแล้วหรือยัง”
“ครับคุณแม่ อาการชัดเจนมาก อารมณ์แปรปรวนบ่อย หงุดหงิดใส่ผมซะอย่างกับว่าผมไม่ใช่ผะ---”คุณชายรีบหยุดปากได้ทัน ผมมองอย่างหมั่นไส้
“ก็แบบนี้แหละคนกำลังท้องไส้ ก็อย่าไปกวนประสาทให้มันมากนัก อารมณ์ของคนท้องเนี่ยสำคัญนะ มีผลต่อลูก...เฮ้อ...นี่มันแปลกมากๆ ที่แม่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้กับแกสองคน ผู้ชายด้วยกัน ทำใจลำบากแต่ก็นะ...นั่นก็ลูก นั่นก็หลาน นั่นก็เขย โอย ปวดหัวๆ”แม่บ่นก่อนจะนวดขมับไปมา
“แม่ เรื่องนี้ห้ามให้ญาติๆเรารู้นะ ไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต”ผมบอก ปกติก็ไม่ชอบความวุ่นวาย
“เออๆ ใครจะไปโพทะนากัน ...แล้วนี่พ่อคุณทำงานทำการอะไรกันล่ะ”แม่หันไปถามคุณชาย
“เอ่อ...เพราะเรื่องของคุณแม่ก็เลยทำให้ผมโดนพักงานชั่วคราวน่ะครับ...”
“หมายความว่าเธอไม่ได้ทำอะไรสินะ”แม่ถามเสียงขุ่น
“เอ่อ ก็ทำนองนั้นแหละครับ”ผมแอบสะใจเล็กน้อย อารมณ์ค่อยสุนทรีย์ขึ้นมาหน่อย
แม่ทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ คุณชายรีบพูดต่อ
“แค่ชั่วคราวครับ เดี๋ยวผมก็ได้กลับไปทำงาน”
“นั่นไม่สำคัญ...ที่สำคัญคือ ณ ตอนนี้ เธอ พ่อลูกเขย ที่ผ่านมาคืออาศัยลูกชายฉันกินว่างั้น”
แรงใช่ได้ แต่ก็เรื่องจริงนะ คุณชายทำหน้ากระอักกระอ่วนแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“...โธ่ คุณแม่ก็...พูดซะผมเป็นแมงดาเลย”คุณชายปรายตามองมาทางผม
“เหอะ ก็ไม่เห็นทำอะไรเลยนี่นะ ...ดีเลย เธอน่าจะซื้อหนังสือคุณพ่อมือใหม่มาต้มกินซะนะ จะได้รู้ว่าอะไรควรทำ นี่ก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว...ไปเข้าครัวสิลูกเขย”
“...เอ่อ”คุณชายมองหน้าผม
“อะไรทำไม่เป็นหรือไง ...โอยตาย เมีย---ไอ้กี้กำลังท้องกำลังไส้อยู่ ก็ควรจะเข้าครัวทำอาหารให้เค้าทานสิ กี้มันเข้าครัวไม่ได้หรอก เกิดเหม็นนู่นเหม็นนี่ขึ้นมาก็คงไม่ได้ต้องกินกันพอดี ไป เร็วเข้า ทำไม่เป็น ฉันจะสอนให้ ว่าไง”แม่ลุกขึ้นยืนบิดแขน คุณชายจะทำอะไรได้นอกจากลุกตามแล้วเดินไปเข้าครัวเล็กๆอย่างเต็มใจมั้งนะ
ทีแบบนี้ล่ะเงียบเชียว
"ทำให้กินได้นะคุณชาย แม่ คอยดูเขาด้วยล่ะ"ผมตะโกนบอกอย่างอารมณ์ดี จะว่าไปการเจอกับแม่คราวนี้ก็เป็นเรื่องดีที่สุดไปเลย
เรื่องคุณแม่ของคุณชาย แม่ผมไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่านี้บอกแค่ว่า คนเคยรู้จักเก่าแก่
นึกภาพแม่ผมกับแม่คุณชายมาเจอกันแล้วนี่คงไม่เกิดศึกอะไรขึ้นมาหรอกนะ ไม่งั้นยุ่งเลย
.
@@@@@@@@@@@@@@TBC@@@@@@@@@@@@@@@
มาอัพครึ่งแรกไว้ก่อน
สั้นไปหน่อย