▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 42: เสียงจากนินา "สน...เราอย่าห่างเหินกันแบบนี้อีกเลยนะ นายรู้ไหมว่าเราคิดถึงนายมาก คิดถึงทุกวัน คิดถึงทุกลมหายใจ มันทรมานจนเราแทบจะทนไม่ไหว อยากกลับมาหาตั้งหลายครั้ง อยากโทรมาถามว่าเป็นอยู่ยังไงบ้าง หรืออย่างน้อย...แค่ได้ยินเสียงก็ยังดี เราไม่เคยลืมความผูกพันของเรานะสน ได้กลับมาเจอกับนายอีกครั้งเราก็อยากให้มันเป็นเหมือนเดิม เหมือนตอนเด็กๆ ที่เราเคยอยู่ด้วยกัน"
สนยิ้มอย่างพอใจ ต้นกับสนไม่เคยมีช่องว่างเวลาอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่แค่สนเท่านั้นที่ทนเห็นไม่ไหว ต้นเองก็คงทนไม่ไหวด้วยเช่นกัน
"แล้วนายคิดว่า...เราไม่อยากให้เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมเหรอต้น เราน่ะ...ไม่มีอะไรหรอกนะ เราก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แล้วนายล่ะต้น นายยังเหมือนเดิมกับเราไหม"
สนค่อยๆ หันมามองหน้าต้นพร้อมกับที่ต้นเองก็ค่อยๆ ปล่อยมือออกจากสน
"นายยังเหมือนเดิมกับเราหรือเปล่าล่ะต้น เราไม่รู้ว่านายคิดอะไรนะ การที่นายตัดขาดไม่ยอมติดต่อกับเราถึงสามปี ก็อาจจะทำให้นายคิดว่าไม่มีเราก็ไม่เป็นไร ชีวิตนายก็ยังไปต่อได้ เราอยู่ที่นี่ก็ไม่มีนายเหมือนกัน ชีวิตของเราก็พอจะเดินต่อไปได้ แต่สิ่งที่เราคิดมาตลอดก็คือ...ถ้ามีนายไปด้วย ชีวิตของเราคงจะมีความสุขมากกว่านี้ มีความหมายมากกว่านี้ แล้วนาย...ก็คงจะมีความสุขเหมือนกัน เพราะเราอยากให้นายมีความสุข เราจะทำทุกอย่างให้นายมีความสุข พ่อกับแม่ของเราก็จะมีความสุขไปด้วยที่เห็นเราสองคนกลับมารักกันเหมือนเดิม นายคิดยังไงล่ะต้น เรารู้...ถึงนายไม่มีเรา...นายก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่นายไม่อยากจะไปกับเราจริงๆ เหรอต้น แค่นายยื่นมือมา เราก็พร้อมจะจับมือนายเดินไปด้วยกันทันที เรารอเวลานี้มาสามปีแล้ว เราไม่เคยที่จะไม่เหมือนเดิม ไม่มีช่องว่าง นายมีช่องว่างกับเราหรือเปล่าล่ะต้น"
คำถามของสนทำให้ต้นต้องกลับมาคิด ช่องว่างที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากสนหรอก มันมาจากต้นนั่นเองที่ตั้งกำแพงเอาไว้ป้องกันบางสิ่งบางอย่าง
"นายกินข้าวมาหรือยังสน" ต้นไม่ตอบคำถามนั้นแต่กลับเปลี่ยนเรื่องพูดคุยเสียดื้อๆ จนสนตั้งตัวไม่ทัน
"กินแล้ว" สนตอบอย่างงงๆ กำลังซึ้งๆ อยู่ต้นก็เปลี่ยนเรื่องซะอย่างนั้น
"แล้วนายกินเยอะหรือเปล่า"
สนส่ายหน้า เขากินน้อยจนกลายเป็นเคยชินไปแล้ว บวกกับความเคร่งเครียดเร่งรีบก็ยิ่งทำให้ไม่ค่อยมีเวลากิน บางมื้อก็ลืมกินด้วยซ้ำ
"อย่าทำอย่างนี้อีกนะสน นายต้องดูแลตัวเองนะ นายมีลูกแล้ว ถ้านายเจ็บป่วยหรือเป็นอะไรไป ภูคาจะอยู่กับใคร ลงไปข้างล่างกับเราเดี๋ยวนี้เลย"
น้ำเสียงของต้นเหมือนกับออกคำสั่งยังไงยังงั้น แล้วก็เดินนำออกไปรอที่บันได
"มาดิ" ต้นหันมากำชับเมื่อเห็นยืนงงอยู่
"นายจะให้เราทำอะไร เราจะกลับบ้านไปนอนแล้ว"
"ยังไม่ให้กลับ ตามเรามาเดี๋ยวนี้เลย" ต้นทำเสียงดุ สีหน้าก็ดุด้วย
สนจึงต้องเดินตามลงมาอย่างงงๆ และกลัวๆ
"แม่...ยังมีข้าวเหลืออยู่ไหมครับ สนเขาหิวข้าว" ต้นร้องถามแม่ที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่กับพ่อข้างล่าง
พ่อกับแม่ของต้นหันมามองต้นกับสนที่เดินลงมาด้วยกันด้วยสีหน้าสงสัย
"อ้อ...มีอยู่จ้ะลูก อยู่ในตู้กับข้าว สนยังไม่ได้กินข้าวอีกเหรอลูก" แม่ต้นถาม
"กินแล้วแม่ แต่สนเขากินนิดเดียว ต้นจะให้สนกินข้าวอีก พ่อกับแม่ดูสนดิ ไม่ยอมดูแลตัวเองเลย ผอมไปหมดแล้ว" ต้นตอบเสียงเอง น้ำเสียงคล้ายกับตำหนิกลายๆ
สนทำสีหน้ารู้สึกผิด พ่อกับแม่เห็นต้นบังคับสนอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะชอบใจ แสดงว่าต้นคงเป็นห่วงสนเรื่องนี้จริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำถึงขนาดนี้ พ่อแอ๊ดแม่เยาก็เคยบอกสนเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถทำอย่างที่ต้นทำเมื่อกี้ได้ แม้แต่พ่อกับแม่สนเองก็ยังบอกลูกชายไม่ได้เลย บางเรื่องสนก็ดื้อไม่ยอมฟังพ่อกับแม่เลย ต้องให้ต้นนั่นแหละมาจัดการสนถึงจะทำแต่โดยดี
ต้นเข้ามาในครัว จัดแจงหากับข้าวกับปลาให้สนพร้อมกับบ่นไปด้วย
"ขอโทษด้วยนะที่ต้องบังคับนาย ก็นายน่ะดื้อ เราบอกแล้วว่าให้กินข้าวเยอะๆ นายก็ไม่ยอมกิน เราเป็นห่วงนายรู้เปล่า ผอมอย่างนี้เดี๋ยวก็ป่วยหรอก นายเป็นพ่อคนแล้วต้องดูแลตัวเองนะ"
"ครับ" สนรับคำหน้าจ๋อย ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นต้นบ่นสนอย่างนี้แหละ
เห็นต้นหยิบจับจานชามต่างๆ แล้วก็ทำให้สนแปลกใจในความคล่องแคล่วว่องไวของต้น นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่สนเห็นอย่างแรกหลังจากที่ต้นกลับมาจากเมืองนอก ก็แน่ล่ะ ต้นอยู่ที่อังกฤษต้องดูแลตัวเองทุกเรื่อง วิถีชีวิตที่เร่งรีบทำให้ต้นพลอยติดนิสัยเร่งรีบมาด้วย
ต้นจัดอาหารวางไว้ตรงหน้าสนแล้วก็นั่งลงที่โต๊ะ
"กินเลย"
"ครับๆ"
ว่าแล้วสนก็ลงมือกินข้าวตามที่ต้นสั่ง
"เดี๋ยวเราจะนั่งดู ถ้านายกินไม่หมดเดี๋ยวเราจะตีนาย"
สนแทบจะสำลักข้าวเลยทีเดียว เห็นต้นทำหน้าดุแล้วก็อดยิ้มและขำไม่ได้
"กลัวแล้วครับคุณต้น ต่อไปนี้ผมจะกินข้าวเยอะๆ แล้วครับ"
สนทำเสียงและสีหน้าล้อเลียน นี่คงจะเป็นวิธีที่ต้นเลือกนำมาใช้เพื่อทำให้ช่องว่างที่เกิดขึ้นหายไปนั่นเอง เห็นสนกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุขแล้วต้นถึงค่อยคลายความกังวลใจไปได้บ้าง
"เอ...ทำไมวันนี้กินข้าวแล้วอร่อยกว่าปกติแฮะ" สนพูดพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม
"กิน อย่าเพิ่งเล่น"
ต้นทำเสียงดุอีก สนก็เลยต้องก้มหน้าก้มตากินข้าวไป แต่ก็อดที่จะขำไม่ได้ พ่อกับแม่ของต้นเดินเข้ามาดูในครัวแล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
"ต้นเขาเป็นเผด็จการไปแล้วครับพ่อแอ๊ดแม่เยา" สนรีบฟ้อง ต้นนั่งหันหลังอยู่จึงไม่รู้ว่าพ่อกับแม่เดินมาดู
ต้นหันไปมองข้างหลัง เห็นพ่อกับแม่แล้วก็รีบแก้ตัว "พ่อกับแม่ก็ดูสนดิ ผอมจะแย่แล้วก็ไม่ยอมกินข้าว เมื่อกลางวันต้นก็บอกแล้วนะว่าให้กินข้าวเยอะๆ ก็ยังดื้ออีก ถ้าต้นไม่บังคับก็ไม่ยอมกิน อ้อ...เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้นจะพาสนไปตัดผมด้วย พ่อกับแม่ดูสิครับ ผมยาวแล้วก็ไม่ไปตัดผม หนวดก็ครึ้มเชียว"
พ่อกับแม่ต้นหัวเราะชอบใจกันใหญ่ เห็นต้นกับสนอยู่ด้วยกันอย่างนี้แล้วก็ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเมื่อตอนที่ต้นกับสนยังเป็นเด็ก ต้นกับสน ลูกชายที่น่ารักของพ่อกับแม่ ในที่สุดลูกๆ สองคนก็ได้กลับมาหากันเสียที
"กับข้าวพอไหมลูก ถ้าไม่พอเดี๋ยวแม่จะเจียวไข่ให้" แม่ของต้นอาสา
"ไม่เป็นไรครับแม่เยา พอครับ ผมกินมาบ้างแล้วล่ะครับ แต่กินนิดเดียว" สนชำเลืองไปมองต้นตรงประโยคท้ายๆ ต้นยังคงทำหน้าดุอยู่
"ถ้าจะเอาอะไรก็บอกพ่อกับแม่นะลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่จะขึ้นไปนอนแล้ว" แม่เยาบอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขทั้งพ่อกับแม่
"ครับแม่เยา" สนบอกแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป ต้นยังคงนั่งคุมอยู่ไม่ยอมไปไหน
แม่เยาเดินขึ้นไปบนบ้านกับสามีแล้วก็รีบหยิบโทรศัพท์มาโทรหาแม่ของสน พร้อมกับรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ให้อีกฝ่ายฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หัวเราะชอบใจกันใหญ่ทั้งสองคน
"พ่อๆ สนมันโดนต้นเล่นงานใหญ่แล้วพ่อ" แม่ของสนหันไปบอกสามีที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ข้างล่างด้วยกันอย่างตื่นเต้น
"เรื่องอะไรล่ะแม่" พ่อของสนก็พลอยตื่นเต้นตามภรรยาไปด้วย
"แม่เยาบอกว่าตอนนี้ต้นมันบังคับให้สนกินข้าว แล้วต้นก็นั่งเฝ้า สนมันก็เลยก้มหน้าก้มตากินข้าวใหญ่เลยล่ะพ่อ" แม่ของสนเล่าไปขำไป
"ดีแล้วล่ะแม่ ลูกคนนี้บทจะดื้อมันก็ดื้อ บอกไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าอย่ามัวแต่ทำงาน มันก็ไม่ฟัง ข้าวปลาก็ไม่ค่อยกิน ผอมไปหมด" พ่อของสนก็ขำไปด้วย
แม่ของสนถอนหายใจแต่ก็ยิ้มอย่างมีความหวัง "ฉันก็ยังหวังนะพ่อว่าต้นมันจะเปลี่ยนใจ ถึงสนมันจะดื้อยังไงมันก็ไม่กล้าดื้อกับต้นหรอก เขาสองคนเหมาะที่จะอยู่ด้วยกัน ดูแลกัน"
"พ่อว่าอีกไม่นานหรอกแม่ สองคนนี้เขาผูกพันกัน รู้จักกันดีทุกแง่ทุกมุม ทันกันทุกเรื่อง ให้เวลาเขาอยู่ด้วยกันสักสองสามวัน พ่อว่าเขาก็จะกลับมาสนิทกันเหมือนเดิมแล้วล่ะ"
สองคนพ่อแม่หันมายิ้มให้กันอย่างมีความหวังอีกครั้ง แค่ได้รู้ว่าต้นกับสนกลับมาเจอกัน ดูแลกัน พ่อกับแม่ก็ดีใจมากแล้ว และคงจะดีใจมากกว่านี้ถ้าต้นกับสนได้อยู่เป็นคู่ชีวิตกัน ต่อให้ต้องตายก็คงตายตาหลับ
วันรุ่งขึ้น ต้นมาหาสนที่บ้านตอนเช้าเพื่อมาช่วยสนอาบน้ำให้ภูคา เสร็จแล้วก็นั่งดูสนกินข้าว ต้นก็ถือโอกาสกินข้าวเช้าฝีมือของแม่สนไปด้วย พ่อกับแม่ของสนนั่งขำกันใหญ่ที่เห็นต้นมานั่งคุมสนถึงบ้าน ต้นคงต้องทำอย่างนี้ไปสักพักหนึ่งจนกว่าจะวางใจได้ หรืออย่างน้อยก็จนกว่าจะเห็นสนอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น
จากนั้นสนก็ขับรถออกไปกับต้นตอนสายๆ ไม่ได้ไปที่ร้านแต่ไปตัดผมตามที่ต้นสั่ง ความจริงสนไม่จำเป็นต้องไปเฝ้าร้านตลอดเวลาหรอกเพราะงานส่วนใหญ่สนจ้างคนทำไว้หมดแล้ว วางระบบไว้ค่อนข้างดี สนเองกำลังพิจารณาที่จะขายร้านอาหารไปเหมือนกันหลังจากที่มีหลายคนมาติดต่อขอซื้อ สนอยากมีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้น ยิ่งรู้ว่าต้นกลับมาแล้วสนก็คงต้องมีเวลาให้กับต้นด้วย การทำงานร้านอาหารทำให้สนต้องกลับบ้านค่อนข้างดึกเกือบทุกวัน หลายครั้งที่กลับมาถึงลูกชายก็นอนหลับไปแล้ว สนทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ไว้เป็นอีกทางเลือก ตอนนี้ก็มีรายได้พอสมควร ถ้าหันมาทำอย่างจริงๆ จังๆ ก็อาจจะไปได้ดีกว่านี้ ที่สำคัญ สนก็จะมีเวลาให้ลูกและต้นมากขึ้นด้วย
สนให้ต้นเป็นคนเลือกทรงผมให้ ทรงไหนต้นว่าดีสนก็เอาทรงนั้น พอตัดเสร็จแล้วก็ย้อมสีผมเล็กน้อย ทรงผมและสีผมใหม่ทำให้สนดูหล่อและเด็กขึ้นอีกเป็นกอง ถูกใจทั้งต้นและสนมากทีเดียว จากนั้นก็ไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่เพิ่งมาเปิดใหม่ที่ศาลายา ต้นช่วยสนเลือกสกินแคร์สำหรับผู้ชายยี่ห้อดีๆ ให้สนเอามาใช้ดูแลผิวหน้า ต้นบอกว่ามีเงินแล้วก็ต้องรู้จักดูแลตัวเอง แล้วก็กินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารในห้าง ต้นกินไปก็คอยนั่งคุมให้คนตรงข้ามกินให้เยอะๆ ไปด้วย บางจังหวะก็นั่งขำกันสองคน
"ไม่รู้แหละ ถึงเราไม่ได้อยู่ด้วย เราก็จะโทรไปหานายตอนถึงเวลากินข้าว จนกว่านายจะหายผอมนั่นแหละเราถึงจะเลิกบังคับ" ต้นพูดพร้อมกับขำ
"ครับคุณต้น ยอมแล้วครับ ให้ทำอะไรสนก็จะทำแล้วครับ สนจะไม่ดื้อกับคุณต้นแล้วนะครับ" สนทำท่าทางล้อเลียน
สองหนุ่มยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ช่องว่างที่เคยเกิดขึ้นได้หายไปจนหมดสิ้นแล้ว เหมือนกับที่พ่อของสนคิดไว้ทุกอย่าง ต้นกับสนกลับมาอยู่ด้วยกันไม่กี่วันก็ต่อกันติดได้เหมือนเดิมแล้ว
สนถ่ายรูปเซลฟี่กับต้นแล้วก็โพสต์ลงเฟสบุ๊คพร้อมกับข้อความนี้
"สามปีแล้วที่ไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกับเพื่อนคนนี้ หวังว่าเราสองคนจะได้ใช้ชีวิตอย่างนี้ไปด้วยกันจนกว่าจะหมดลมหายใจ"สนไม่เคยอัปเดตเฟสบุ๊คของตัวเองมานานกว่าสามปีแล้ว ยกเว้นเฟสบุ๊คร้านของตัวเอง โพสต์นี้จึงเป็นโพสต์แรกในรอบสามปี มีเพื่อนๆ ที่เคยห่างไปมากดไลค์และคอมเมนต์กันใหญ่ นิกกับปั้นจั่นก็เข้ามาคอมเมนต์ด้วยพร้อมกับบอกว่าจะแวะมาหาที่กำแพงแสน สนกำลังจะจัดงานวันเกิดแล้วก็งานเลี้ยงฉลองเรียนจบให้ต้นอยู่แล้วจึงส่งข้อความไปบอกให้นิกกับปั้นจั่นมาหาในวันนั้นแทน จะได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตา ปั้นจั่นมาก็ดีเหมือนกัน ดูซิว่าถ้าเจ้าของปาฏิหาริย์ห้าครั้งมาแล้วจะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ครั้งที่ห้าได้หรือเปล่า
"ต้น...เราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ อย่างน้อย...เราก็ได้กลับมาใช้ชีวิตกับนายเหมือนเดิม แค่นี้เราก็ดีใจแล้วก็มีความสุขมากแล้วล่ะต้น" สนพูดขึ้นหลังจากที่ส่งข้อความให้นิกกับปั้นจั่นทางเฟสบุ๊คแล้ว
ถ้าสนดูไม่ผิด เขาได้ทันเห็นแววตาที่สลดลงของต้น แม้จะเพียงแวบเดียวสนก็ไม่พลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นั้น ต้นพยักหน้า ยิ้มบางๆ โดยไม่พูดอะไร นั่นก็เป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่สนเก็บไว้
เพราะความเป็นเพื่อนนี่แหละที่ทำให้ต้นกับสนรักกัน เมื่อฟ้าสั่งให้มารักกันแล้ว ไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือตอนนี้จะอยู่ในสถานะอะไร สุดท้ายความผูกพันนั้นก็จะพาต้นกับสนกลับมาที่ความรักอีกจนได้ อีกอย่าง การคบกันอย่างเพื่อนก็คงจะช่วยไม่ให้ต้นรู้สึกกดดันมากเกินไป คบกันไปอย่างเพื่อนสักพักต้นก็คงจะได้คำตอบในไม่ช้าแล้วล่ะว่าสถานะเพื่อนยังใช่สำหรับต้นอยู่หรือเปล่า
สนขับรถมาส่งต้นที่บ้านของสนเพราะต้นอยากแวะมาเล่นกับภูคาก่อนจะกลับไปนอนพักที่บ้าน แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเล่นกับภูคาอยู่ เสียงหัวเราะดังไปทั่วไปบ้าน แม่ของสนก็นั่งดูอยู่ใกล้ๆ ส่วนพ่อของสนไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน
"นินา" ต้นเรียกเมื่อเดินเข้ามาใกล้ แม้จะจากไปสามปีแต่ต้นก็ยังจำเธอได้อยู่เสมอ
นินาหยุดเล่นกับลูก หันมามองตามเสียงแล้วก็ยิ้มดีใจ "พี่ต้น"
นินาจะมาหาลูกชายของเธอเดือนละครั้ง มาทีก็ซื้อข้าวซื้อของมาให้หลายอย่าง ตอนนี้เธอก็อยู่กับพี่ยศอย่างเป็นทางการแล้ว เอาเงินที่เก็บไว้เซ้งร้านแล้วก็ขายเสื้อผ้าอย่างที่เธอชอบแถวๆ ศาลายา ธุรกิจไปได้ดีพอสมควรจนพอจะซื้อรถเก๋งเป็นของตัวเองมาขับได้ ตอนนี้นินาท้องได้สองเดือนแล้ว แม่ของสนก็คิดว่าดีเหมือนกันเพราะภูคาจะได้มีพี่มีน้องบ้าง เธอไม่ขัดข้องหรอกถ้าพี่น้องจะได้เจอกัน แม้ว่าจะคนละพ่อก็ตามที ไม่ต้องเป็นลูกคนเดียวเหมือนสน แม่ของต้นกับสนมีลูกยากเหมือนกัน กว่าต้นกับสนจะได้เกิดมาก็อายุค่อนข้างมากแล้ว ดีที่ว่าต้นกับสนได้มาเจอกัน ลูกคนเดียวทั้งสองคนเลยไม่ต้องอยู่อย่างเหงาๆ
นินาได้ฟังเรื่องของต้นกับสนจากแม่ของสนบ้าง เมื่อได้เจอกับต้นเธอก็เลยอยากจะขอคุยกับต้นเป็นการส่วนตัว สนนั่งเล่นกับลูกชายระหว่างที่รอต้นคุยกับนินาที่หน้าบ้าน ส่วนพ่อของสนนั้นคงอยู่หลังบ้าน ดูเหมือนพ่อจะยังทำใจไม่ได้เรื่องนินา เวลาเธอมาหาลูกทีไรพ่อจึงมักหลบไปที่อื่น แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้กีดกัน
"นินาขอโทษนะคะพี่ต้น ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่นินาพูดไม่ดีกับพี่ต้น แล้วก็...เรื่องที่นินาเคยแย่งพี่สนมา"
ต้นมองหน้าคนที่รู้สึกผิดแล้วก็ถอนหายใจ ต้นไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น แม้จะเจ็บแค่ไหน เมื่อมันผ่านไปแล้วต้นก็พร้อมที่จะให้อภัยเสมอ
"พี่ไม่ถือโกรธอะไรนินาหรอก เรื่องมันก็ผ่านไปหมดแล้ว"
"แต่นินาก็รู้สึกผิดอยู่ดีที่รู้ว่า...พี่ต้นมีแฟนใหม่แล้ว เพราะนินาคนเดียว...พี่สนก็เลย...ต้องสูญเสียคนที่รักไป" นินาแย้ง ตั้งแต่ที่สำนึกผิดได้คราวนั้นเธอก็คิดอยู่ตลอดว่าอยากจะมาขอโทษต้นด้วยตัวเธอเอง
"พี่ต้น...พี่สนเขารักพี่ต้นมากนะคะ นินาไม่เคยเห็นใครมีความรักแบบนี้เลย พี่สนเขาทรมานมากตอนที่พี่ต้นไม่อยู่ ก่อนที่เราจะหย่ากัน นินาเคยทะเลาะกันพี่สนเรื่องที่นินาเคยทำไม่ดีกับพี่สน พี่สนเขาร้องไห้ แล้วก็วิ่งไปหยิบรูปถ่ายของพี่ต้นมากอดไว้ พี่สนร้องไห้หนักมาก หนักจนนินาคิดว่าพี่สนคงเสียสติไปแล้ว นึกถึงตอนนั้นทีไรนินาก็เสียใจที่เป็นต้นเหตุ...พรากคนสองคนที่รักกันมากให้จากกันไป พี่ต้นเชื่อนินาอย่างหนึ่งนะคะ นินาเคยรู้จักกับพี่สองคนมาบ้าง นินารู้ว่าพี่สองคนผูกพันกันมาก และยิ่งรู้ว่าพี่สองคนรักกันมาตั้งแต่เด็กๆ นินาก็ยิ่งเชื่อว่าพี่สองคน...รักคนอื่นไม่ได้หรอกค่ะ พี่ต้นอาจจะรู้สึกผิดที่พี่ต้นมีแฟนใหม่แล้ว นินาเดาว่าพี่ต้นคงกลัวแฟนใหม่เสียใจ แต่ถ้าพี่ต้นไม่เลือกคนที่พี่ต้นรักจริงๆ พี่ต้นจะเสียใจไปตลอดชีวิตนะคะ นินาไม่อยากให้มันสายไป แค่นินาทำให้พี่สองคนต้องพรากจากกัน นินาก็รู้สึกผิดมากแล้ว ถ้าสิ่งที่นินาบอกพี่ต้น ทำให้พี่ต้นกลับมารักกับพี่สนได้เหมือนเดิม นินาคงจะรู้สึกผิดน้อยลงไปได้บ้าง ไม่อย่างงั้นก็จะรู้สึกผิดมากจนตาย"
"พี่..." ต้นเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
"เชื่อนินาเถอะค่ะ ทำตามหัวใจของพี่ต้นเถอะ ยอมทำร้ายคนอีกสักคนก็ยังดีกว่าที่พี่ต้นจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตนะคะ เมื่อกี้นี้ แค่นินาเห็นพี่ต้นกับพี่สนเดินมาด้วยกัน นินาก็รู้แล้วว่าพี่สองคนไม่เคยลืมกัน แล้วนินาก็มั่นใจว่าพี่สองคนยังรักกันอยู่"
นินากำชับอีกครั้ง ต้นได้แต่นั่งนิ่ง สีหน้าดูลำบากใจมากทีเดียว ไม่มีใครรู้หรอกว่าต้นรักแฟนใหม่ของต้นมากแค่ไหน ผูกพันกันมากแค่ไหน รักกันจริงมากแค่ไหน หรือวางแผนอนาคตร่วมกันไว้ยังไงบ้าง ต้นยังไม่ได้เล่าเรื่องแฟนใหม่ให้ใครฟังมากนักนอกจากสน ถ้าฟังจากที่ต้นเล่า สนก็คงพอจะประเมินความสัมพันธ์ของต้นกับทดแทนได้แล้วล่ะว่าผูกพันลึกซึ้งกันมากสักแค่ไหน ตอนนี้ สนก็ได้คำตอบนั้นแล้วล่ะ
ต้นกลับมาถึงบ้านตอนบ่ายๆ ของวันจันทร์กับทดแทน การสัมภาษณ์งานผ่านไปด้วยดี ดูๆ ไปแล้วต้นก็พอมีความหวังมากทีเดียว ถ้าต้นได้ทำงานที่นี่ก็คงจะดีเหมือนกันเพราะไม่ไกลบ้านมากนัก ถ้าได้งานที่กรุงเทพหรือจังหวัดอื่นต้นก็คงต้องย้ายไปอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงาน ถ้าได้งานที่นี่ต้นก็จะได้ไม่ต้องย้ายไปไหน ได้อยู่ดูแลพ่อกับแม่เหมือนเดิม
ต้นเอาเอกสารไปเก็บไว้บนบ้านแล้วก็ลงมาหาทดแทนที่รออยู่ข้างล่าง วันนี้พ่อกับแม่ไปทำงานตามปกติจึงไม่มีใครอยู่บ้าน ทดแทนอยากไปดูต้นชมพูพันทิพย์ที่ ม. เกษตรกำแพงแสน ความจริงต้นก็บอกไปแล้วว่าช่วงนี้มันยังไม่มีดอก แต่ทดแทนก็อยากไปถ่ายรูปอยู่ดี แล้วก็จะมาอีกที่ตอนที่มันออกดอกแล้ว
"โอเค ต้นพร้อมแล้วครับพี่แทน" ต้นบอกในขณะที่เดินลงบันไดมา
"ต้นไปถูกนะ พี่ไม่ค่อยคุ้นแถวนี้เท่าไหร่" ทดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินมาหาต้น
"น่าจะได้ เคยไปกับสนสองสามครั้ง" ต้นบอกพลางยิ้ม ทดแทนได้ยินชื่อสนแล้วก็ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ต้นกับทดแทนกำลังจะเดินออกไปขึ้นรถก็พอดีแม่ของสนก็มาหาเสียก่อน
"อ้าวแม่พลอย มีอะไรหรือเปล่าครับ พ่อกับแม่ไปสอนหนังสือที่โรงเรียนครับวันนี้" ต้นบอกด้วยท่าทางสงสัย
"เปล่าหรอกลูก แม่ไม่ได้หาพ่อกับแม่ของต้นหรอก แม่จะมาบอกต้นว่า...สนมันไม่สบาย เป็นไข้ ไม่ยอมกินยา ไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมเช็ดตัว ไม่ยอมทำอะไรเลย ก็อย่างที่ต้นเคยเห็นนั่นแหละ แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน"
แม่ของสนพูดอย่างหนักใจ เธอบอกลูกชายไปแล้วล่ะว่าต้นออกไปกับทดแทนแล้วตั้งแต่เช้า ครั้นจะมาบอกต้นให้มาช่วยเช็ดตัวให้ก็เกรงใจ เมื่อก่อนไม่สบายสนก็พอดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้ใครเดือดร้อน เช็ดตัวเองได้ กินยาเองได้ ไปหาหมอเองได้ แต่พอรู้ว่าต้นมาสนก็เอาอีกแล้ว พ่อกับแม่ปวดหัวไปตามๆ กัน
ต้นกับทดแทนหันมาสบตากัน สีหน้าของต้นดูเกรงใจทดแทนมากทีเดียว
"สงสัย...ต้นคงไม่ได้ไปด้วยแล้วล่ะครับพี่แทน"
ทดแทนนิ่งเงียบและครุ่นคิด ก่อนจะค่อยๆ ยิ้ม แต่ก็เป็นยิ้มที่ดูไม่สดใสเท่าใดนัก "ไม่เป็นไร เอาไว้ให้มันออกดอกก่อนแล้วค่อยไปดูก็ได้ ต้นไปดูแลเพื่อนเถอะ"
ทดแทนเดาว่าที่แม่ของสนมาบอกต้นถึงที่บ้านก็น่าจะหมายถึงให้ต้นไปช่วยดูแลสนหน่อย ฟังจากข้อมูลเมื่อกี้ก็น่าจะพอเดาได้ว่าสนจะยอมทำอะไรก็ต่อเมื่อต้นไปหาเท่านั้น
"ต้นขอโทษจริงๆ นะครับพี่แทน" ต้นทำสีหน้ารู้สึกผิด
"It's no big deal." ทดแทนยืนยัน แต่ใครจะรู้บ้างว่าข้างในใจของเขาเป็นอย่างไร
ต้นก็เลยไม่ได้ไปกับพี่แทนตามที่วางแผนไว้ แต่ต้องมาหาคนป่วยจอมอ้อนที่ตอนนี้นอนซมอยู่ในห้องนอนแทน
"แม่ขอโทษนะต้น แม่ก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน ต้นก็คงรู้นิสัยสนอยู่ ถ้าต้นไม่มาเขาก็จะไม่ทำอะไรเลย" แม่ของสนบอกอย่างรู้สึกผิดที่ต้องไปรบกวนต้นถึงบ้าน แถมยังทำให้ต้นไม่ได้ไปเที่ยวกับแฟนด้วย
"ไม่เป็นไรหรอกครับแม่พลอย แม่พลอยอย่าคิดมากเลยครับ"
ต้นบอกแล้วก็เดินขึ้นไปบนห้องสน เคาะประตูเบาๆ แล้วก็เปิดเข้าไปเพราะสนไม่ได้ล็อกห้องไว้
"สนเป็นไงมั่ง" ต้นถามเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว
คนที่นอนอยู่พลิกตัวหันมามอง พอเห็นว่าใครมาก็พยายามลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางที่อิดโรย
"ปวดหัวแล้วก็ต้วร้อนน่ะ"
ต้นเดินลงไปนั่งบนเตียงของสนแล้วก็เอามือแตะหน้าผาก "นายตัวร้อนมากเลย ทีนี้เชื่อเราหรือยังว่าให้ดูแลตัวเอง"
สนพยักหน้า ต้นเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
"เดี๋ยวเราเช็ดตัวให้นะ นายจะได้กินข้าวแล้วก็กินยา"
สนยิ้มดีใจ เขยิบมานั่งตรงขอบเตียงเพื่อจะหย่อนขาลง อยู่บ้านอย่างนี้สนมักไม่ใส่เสื้อ ใส่แต่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเหมือนเคย มีเหงื่อผุดขึ้นตามตัวจากความร้อนในร่างกายจนมองเห็นได้
ต้นจัดการหาผ้าขนหนูผืนเล็กๆ มา แม่ของสนเอาน้ำใส่ถ้วยใบใหญ่มาให้พอดีต้นจึงไม่ต้องลงไปเอาเอง แม่ของสนลงไปแล้วต้นจึงค่อยๆ จัดการเช็ดตัวให้คนป่วยที่นั่งยิ้ม ไม่รู้ว่ายิ้มอะไรเหมือนกัน
ต้นเริ่มเช็ดที่ใบหน้าก่อน ตามด้วยช่วงแขน หลัง ลำคอและลำตัว กำลังจะย่อตัวลงไปเช็ดขาให้ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นสนน้ำตาไหล
"เป็นอะไรน่ะสน" ต้นถามอย่างเป็นห่วง
"เราดีใจน่ะต้น นายรู้ไหม...ไม่มีใครทำแบบนี้ให้เรามาสามปีแล้วนะ" ความจริงคงไม่ถึงกับไม่มีใครจะทำให้ แต่สนแค่ไม่ยอมให้ใครทำให้มากกว่า
"เราคิดถึงนายมากรู้ไหมต้น ขนาดว่านายกลับมาแล้วเราก็ยังคิดถึงอยู่ บางทีเราก็กลัวว่าเราแค่ฝันไปหรือเปล่า กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วนายจะหายไปอีก"
"เราไม่ไปไหนหรอก เราก็คิดถึงนาย นายไม่ได้ฝันไปหรอก นายลองจับแขนเราสิ นี่ต้นตัวเป็นๆ เลยนะ" ต้นยื่นแขนให้สนจับพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
สนเอามือมาจับแขนต้นอย่างที่ต้นบอก พอสบจังหวะที่ต้นเผลอสนก็รวบตัวต้นเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน ต้นตกใจมากทีเดียว อดหวั่นไหวไม่ได้เมื่อได้สัมผัสกับอ้อมกอดและอกแกร่งที่เปล่าเปลือยของสนอีกครั้ง
"นายจะทำอะไร"
"เปล่า...เราแค่อยากกอดนายเฉยๆ เรากอดนายไม่ได้เหรอ"
"แต่ว่านายไม่สบายนะ เกิดเราติดหวัดจากนายขึ้นมาจะทำไง"
ต้นพยายามดิ้นเล็กน้อยแต่สนก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ใบหน้าของสนอยู่ใกล้กับต้นมากทีเดียว ใกล้จนต้นใจเต้นไม่เป็นส่ำ ความรู้สึกเดิมๆ เหมือนคราวนั้นกลับมาอีกครั้ง
"เมื่อก่อนนายยังยอมเป็นหวัดกับเราเลย เดี๋ยวนี้พอมีแฟนแล้วนายจะไม่ยอมเป็นหวัดกับเราอีกแล้วเหรอ"
"เปล่า..." ต้นทำหน้าแหย ค่อยๆ หยุดดิ้น
"เราคิดถึงนายน่ะต้น คิดถึงมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายคิดถึง ให้เรากอดนายอย่างนี้นะต้น เราไม่ได้กอดนายอย่างนี้มานานแล้ว"
สีหน้าและน้ำเสียงอ้อนวอนของอีกฝ่ายทำให้ต้นนิ่งราวกับถูกมนตร์สะกด
"นายจะรักใครเราไม่รู้ เราแค่อยากจะกอดนายเฉยๆ เราไม่ทำอะไรนายหรอก"
ต้นกับสนจ้องตากัน แล้วจู่ๆ คำพูดของนินาเมื่อวานนี้ก็แว่วมาให้ต้นได้ยิน
"เชื่อนินาเถอะค่ะ ทำตามหัวใจของพี่ต้นเถอะ ยอมทำร้ายคนอีกสักคนก็ยังดีกว่าที่พี่ต้นจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตนะคะ"
ต้นค่อยๆ ลดแรงขัดขืนลง ก่อนจะแนบใบหน้าลงไปกับอกอุ่นๆ ที่ต้นคุ้นเคย คงจะเป็นสัญญาณบอกได้เป็นอย่างดีว่าต้นยอมแพ้ให้กับหัวใจของตัวเองแล้ว แม้ว่าสนจะตัวร้อนไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับต้น
พอต้นไม่ขัดขืนแล้วสนก็คลายอ้อมแขนให้เบาลง สนจึงได้กอดต้นไว้อย่างอ่อนโยนรักใคร่เหมือนกับที่สนเคยทำบ่อยๆ อีกครั้ง ต้นซุกหน้าลงกับอกของสน วางผ้าขนหนูผืนเล็กลงบนเตียงแล้วก็กอดสนไว้ หัวใจของต้นก็เรียกร้องให้ต้นทำอย่างนั้นเหมือนกัน
"มันสายไปหรือเปล่าต้น มันยังไม่สายเกินไปใช่ไหมต้น"
ต้นหายใจแรงเพราะความหวั่นไหว ครุ่นคิดกับสิ่งที่สนถามอย่างหนัก ต้นก็ไม่รู้ว่าจะตอบสนยังไงเหมือนกัน เงื่อนไขบางอย่างทำให้ต้นไม่สามารถตอบได้อย่างที่ใจคิดนัก แต่ดูเหมือนว่าเสียงจากนินาจะดังขึ้นแล้ว คราวนี้ดังกว่าเดิมจนเหมือนตะโกนเสียด้วยซ้ำ
"เชื่อนินาเถอะค่ะ ทำตามหัวใจของพี่ต้นเถอะ ยอมทำร้ายคนอีกสักคนก็ยังดีกว่าที่พี่ต้นจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตนะคะ"
ต้นเงยหน้าขึ้นไปมองสน เพียงแค่คิดที่จะพูดอะไรบางอย่างริมฝีปากก็สั่นเสียแล้ว
"สน...เรา..."
ก๊อกๆ!
เสียงเคาะประตูห้องทำให้ต้นกับสนต้องผละออกจากกันด้วยความเสียดาย คนที่มาเคาะก็ไม่ใช่ใคร แม่ของสนนั่นเอง ต้นเห็นแล้วก็รีบเดินไปหาแม่ของสนที่ประตูห้อง
"แม่ลืมเอายามาให้น่ะลูก นี่ยาแก้หวัดนะ ถ้าเป็นไปได้ต้นก็ลองพูดให้สนมันไปหาหมอหน่อย สนมันทำงานหนัก ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรอีกไหม"
แม่พลอยพูดกับต้นเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน
ต้นพยักหน้าเห็นด้วย "ได้ครับแม่พลอย เดี๋ยวต้นจะคุยกับสนเองครับ ถ้าสนไม่ไปเดี๋ยวต้นจัดการเองครับแม่พลอย"
แม่ของสนหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจ พอต้นมาแล้วเด็กดื้ออย่างสนก็คงจะดื้อไม่ออกล่ะทีนี้
TBC