▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย - SP6: จากเพื่อนสู่รัก [5.2.2017] ░ ▒ ▓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย - SP6: จากเพื่อนสู่รัก [5.2.2017] ░ ▒ ▓  (อ่าน 193585 ครั้ง)

ออฟไลน์ watt1960ka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รอตั้งนานแล้วน่ะ ไหนบอกว่า เย็นๆ ไง ฮือๆๆๆๆ ผมรอคุณคนเดียว คนเดียวเท่านั้น  sarawatta  : เป็นไง ผมซ้อมดราม่าแล้วน่ะ
จะแรงแค่ไหน ก็รับได้ รับได้ทั้งนั้น ฮือๆๆๆๆ........

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 40: คนที่คิดถึงทุกลมหายใจ


รถเริ่มแล่นช้าลงเมื่อเริ่มเข้าสู่ถนนเลียบคลองส่งน้ำเนื่องจากทางสัญจรแคบลงเหลือแค่ให้พอสวนกันได้สองคัน ภาพของหมู่บ้านเล็กๆ ที่ได้บันทึกเรื่องราวและความทรงจำต่างๆ ของใครหลายคนที่ได้อยู่อาศัยปรากฎขึ้นอยู่ตรงหน้าไม่ไกลนัก ภายในรถไม่มีเสียงคุยกันแล้วเพราะอีกคนหนึ่งนั่งนิ่งและคอยมองทั้งสองข้างทาง เด็กๆ และชาวบ้านขี่จักรยานบ้าง มอเตอร์ไซค์บ้าง หรือรถยนต์บ้างผ่านไปมาเป็นระยะๆ

ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาว ชาวบ้านแถวนี้เพิ่งเก็บเกี่ยวข้าวจึงไม่ได้เห็นทุ่งนาเขียวขจีสองข้างทางเหมือนเคย ส่วนมากเหลือแต่ตอซังข้าวสีทองบ้าง สีน้ำตาลบ้างสลับกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ภาพที่คุ้นตาเช่นนี้ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ แม้ว่าการพัฒนาจะค่อยๆ คืบคลานเข้ามาแต่ก็คงอีกหลายสิบปีกว่าที่แห่งนี้จะเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม

เมื่อรถแล่นผ่านมาถึงโรงเรียนมัธยมเก่าที่เคยเรียน ภาพความทรงจำเมื่อครั้งยังเป็นเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาของคนที่นั่งมาก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากความทรงจำอย่างนับไม่ถ้วน แต่ทุกเรื่องที่นึกถึงก็ล้วนแล้วแต่มีคนๆ หนึ่งอยู่ในภาพเหล่านั้นด้วยเสมอ วันนี้เป็นวันเสาร์จึงดูเงียบ แต่ในความทรงจำของคนที่นั่งรถผ่านมาไม่ได้เงียบตามไปด้วย เพราะมองไปตรงไหนของโรงเรียนก็เห็นภาพวันเก่าๆ เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตอยู่ตลอดเวลา เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึมด้วยความคิดถึง

ไม่นานนักรถก็แล่นผ่านมาถึงบ้านของคนที่แสนคิดถึงและเป็นห่วง บ้านหลังนี้คนที่นั่งรถผ่านมาเคยได้มาวิ่งเล่นและอยู่อาศัยกับเพื่อนอีกคนอย่างมีความสุข รักและคุ้นเคยกับทุกคนในบ้านหลังนี้จนไม่ต่างจากบ้านหลังที่สอง สภาพบ้านดูเปลี่ยนไปบ้างเพราะเมื่อลูกชายเจ้าของบ้านมาอยู่แล้วก็คงปรับเปลี่ยนให้มันดีขึ้น เป็นสัดส่วนมากขึ้น คนที่นั่งอยู่ในรถน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง แค่เห็นตัวบ้านก็อยากจะไปหาเจ้าของบ้านให้เร็วที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ความทรงจำดีๆ และเรื่องราวต่างๆ มากมายยังคงผูกพันหัวใจดวงนี้ให้อยู่ที่นี่เสมอ แม้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะทำให้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ลบลืมความทรงจำดีๆ ที่เกิดขึ้นมากมายให้หมดไปจากใจ

จากไปสามปีเพื่อลืม แต่สุดท้ายคนที่เพิ่งจะนั่งรถผ่านไปก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าสามปีนั้นนานพอหรือเปล่า

สุดท้ายรถก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านของคนที่จากไปเกือบสามปี บ้านหลังนี้คือที่พักพิงและอยู่อาศัยมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก มีความรักและความสุขเกิดขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งกับพ่อแม่ ญาติพี่น้องและใครคนนั้น ความรักที่ยาวนานครั้งนั้นก็เกิดขึ้นที่บ้านหลังนี้

เมื่อรถจอดอยู่หน้าบ้านได้ไม่นาน คนที่วิ่งมาเปิดประตูด้วยสีหน้าสงสัยก็คือเจ้าติวที่เพิ่งกลับมาเยี่ยมลุงกับป้าตั้งแต่เมื่อคืนวาน ตอนนี้ติวเรียนปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ต้องไปอยู่หอจึงไม่ได้อยู่กับลุงกับป้ามาเกือบปีแล้ว ต้นแทบจะรอเจอหน้าพ่อกับแม่ไม่ไหวจนต้องรีบเปิดประตูรถลงมาก่อน พอติวเห็นว่าใครมาก็ดีใจใหญ่

"พี่ต้น ลุงครับ ป้าครับ พี่ต้นมาครับ"

ติวตะโกนบอกพ่อกับแม่ของต้นที่อยู่ข้างในบ้านเสียงดังและตื่นเต้น

"โห...พี่ต้น ขาวขึ้นเยอะเลย" เจ้าติวว่าพลางมองลูกพี่ลูกน้องอีกคนอย่างชื่นชม "มีอะไรให้ผมช่วยถือไหมพี่"

"มีกระเป๋าหลายใบเลยในรถ เดี๋ยวให้พี่เขาเอารถมาจอดข้างในก่อนค่อยช่วยพี่เก็บก็ได้" ต้นบอกพลางยิ้ม เจ้าติวโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว เห็นแล้วก็นึกถึงสมัยที่ต้นเรียนปีหนึ่งใหม่ๆ

พ่อกับแม่เดินออกมาพอดี แค่ได้เห็นหน้าผู้บังเกิดเกล้าสองคนอย่างเต็มตา น้ำตาของต้นก็ไหลลงมาทันที พ่อกับแม่ดูแก่ลงไปจนสังเกตเห็นได้ชัด เห็นแล้วต้นก็รู้สึกผิดที่ต้นไม่ได้มาอยู่ดูแลท่านเลยตั้งเกือบสามปี ต่อไปนี้ต้นจะไม่ไปไหนไกลๆ และนานๆ จากพ่อแม่อีกแล้ว

"แม่" ต้นวิ่งเข้าไปกอดแม่เป็นคนแรก

"ต้น"

สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ด้วยความคิดถึงกันใหญ่ คนเป็นพ่อยืนน้ำตาซึมอยู่ข้างหลัง ในที่สุด ลูกชายที่แสนน่ารักที่พ่อคนนี้รอคอยก็กลับบ้านเสียที สามปีที่ผ่านมานั้นพ่อแอ๊ดคิดถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่ทุกลมหายใจ คิดถึงเสียจนต้องยอมทุกอย่างเพื่อที่จะให้ลูกให้อภัยและกลับมาหาพ่อ แม้กระทั่งการยอมรับสิ่งที่ไม่เคยยอมรับได้มาก่อน

"พ่อ" ต้นละจากแม่แล้วก็เดินมากอดพ่อที่ยืนรออยู่

"ต้นลูกพ่อ"

พ่อแอ๊ดกอดลูกชายไว้แน่นแล้วก็ร้องไห้น้ำตาไหลพราก

"พ่อขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ พ่อคิดถึงต้นมากรู้ไหมลูก คิดถึงลูกชายของพ่ออยู่ทุกลมหายใจ เป็นห่วงอยู่ทุกวัน ต้นยกโทษให้พ่อนะลูก"

ได้ฟังที่พ่อพูดแล้วต้นก็ร้องไห้โฮ

"พ่อ...ต้นขอโทษ..."

ต้นไม่สามารถพูดได้มากนักเพราะร้องไห้จนตัวโยน สามปีที่ผ่านมานั้นต้นรู้สึกผิดบาปในใจมากที่ไม่ยอมคุยกับพ่อ ต้นรู้ว่าพ่อคิดถึงและเป็นห่วงมากแค่ไหน แต่ก็ใจแข็งไม่ยอมคุยด้วย แม้จะเป็นห่วงพ่อกับแม่มาก ต้นก็ตัดสินใจที่จะไม่กลับมาจนกว่าจะเรียนจบ ได้แต่หวังว่าติวกับสนคงจะช่วยดูแลพ่อแม่แทนให้ยามที่ท่านเจ็บไข้ได้ป่วยหรือมีปัญหา แต่ติวกับสนก็ไม่สามารถทดแทนต้นได้หรอก หัวใจทั้งหมดของพ่อกับแม่อยู่ที่ต้นคนเดียวเท่านั้น

ต้นค่อยๆ ย่อตัวลงแล้วก็ก้มกราบคนเป็นพ่อเพื่อขอขมาที่ต้นทำให้พ่อคิดถึงและเป็นห่วง แม้ต้นจะมีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้น แต่หลายๆ ครั้งต้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่าต้นทำกับพ่อมากเกินไปหรือเปล่า

"พ่อครับ...ต้นรักพ่อนะครับ ต้นก็คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ ต้นขอโทษที่ทำให้พ่อไม่สบายใจ ขอโทษที่ต้นไม่เคยติดต่อหาพ่อเลย"

พ่อแอ๊ดย่อตัวลงพร้อมกับแตะไหล่ลูกชายไว้ ต้นเงยหน้าขึ้นมองหน้าพ่อแล้วก็กอดพ่อไว้อีกครั้ง

"ไม่เป็นไรลูก พ่อก็รักต้น ต้นกลับมาก็ดีแล้ว ต่อไป...ครอบครัวของเราก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะลูกนะ"

ต่างคนก็มัวแต่ร้องไห้ด้วยความดีใจที่การรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว ความบาดหมางขัดข้องใจทั้งหลายก็ถูกกาลเวลาลบเลือนจนหายสิ้น ไม่มีใครผิดสังเกตเลยว่าต้นไม่ได้มาคนเดียวแต่มีใครอีกคนมายืนดูอยู่ด้วย จนกระทั่งเมื่อต่างคนต่างสงบจิตสงบใจแล้วจึงได้เห็นผู้ชายคนนั้นที่ยืนมองพ่อแม่ลูกสามคนร้องห่มร้องไห้จากความคิดถึงกัน

ต้นเหมือนจะรู้ตัวว่าพ่อกับแม่สงสัยก็เลยต้องรีบแนะนำ

"พ่อครับ แม่ครับ นี่พี่ทดแทน เอ่อ..." ต้นทำสีหน้าลำบากใจแต่ก็ต้องบอกพ่อกับแม่ไปตามตรงอยู่ดี "แฟนของต้นครับ เรารู้จักกันที่อังกฤษ พี่ทดแทนทำธุรกิจขายเสื้อผ้าที่นั่นครับ"

ทดแทนเดินมาหาพ่อกับแม่ของต้นแล้วก็ยกมือสวัสดี ผู้ใหญ่ทั้งสองรับไหว้ด้วยสีหน้ายิ้มยาก แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนแล้วว่าที่ต้นบอกคราวนั้นอาจเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อได้เห็นแฟนของต้นชัดๆ อย่างนี้แล้วก็อดสงสารอีกคนที่รอคอยและทำทุกสิ่งทุกอย่างเตรียมไว้ให้แล้วไม่ได้

ก็คงแล้วแต่เวรแต่กรรมละกันนะ คนเราถ้าเกิดมาคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกัน จะมีกี่อุปสรรคก็จะต้องกลับมาอยู่คู่กันจนได้ ปาฏิหาริย์ครั้งที่สี่ผ่านพ้นไปแล้ว หวังเพียงอย่างเดียวว่าปาฏิหาริย์ครั้งที่ห้าจะเกิดขึ้นเพื่อให้ความรักของต้นกับสนสมหวัง อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หวังว่ามันคงไม่สายจนเกินไป


"ต้น...พ่อไม่ว่าอะไรต้นหรอกนะลูกที่ต้นจะมีแฟน แต่พ่ออยากจะเล่าอะไรให้ต้นฟัง แล้วพ่อก็จะถามต้นอีกทีว่าต้นคิดยังไง"

พ่อแอ๊ดอดรนทนไม่ไหวต้องขอคุยกับลูกชายเป็นการส่วนตัวในห้องนอนของต้น ปล่อยให้แม่รับแขกอยู่ข้างล่างไปพลางๆ ก่อน พ่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของต้น ส่วนต้นนั่งอยู่บนเตียง เจ้าของห้องที่จากไปดูจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่สภาพห้องไม่เหมือนกับถูกทิ้งไว้สามปี เหมือนกับมีใครสักคนมาใช้ห้องนี้อยู่เป็นประจำ

"พ่อรู้เรื่องต้นกับสนแล้วนะลูก"

ต้นมองหน้าพ่อ ไม่ถึงกับตกใจ แล้วก็รอคอยว่าพ่อจะพูดอะไรต่อไป

"ความจริง...พ่อก็รู้มานานแล้วล่ะ แต่พ่อแค่ไม่พูดเฉยๆ พ่อคอยดูสนเขาอยู่ตลอดนะลูก ถึงวันนี้แล้วพ่อก็มั่นใจว่า ถ้าพ่อจะฝากต้นไว้กับใครสักคน พ่อเชื่อใจสนมากที่สุด ต้นรู้ไหมลูก สนเขาเลิกกับนินาได้หลายเดือนแล้ว"

สีหน้าของต้นบ่งบอกว่าตกใจและแปลกใจมากแม้พยายามจะไม่แสดงออกมากก็ตาม

"พ่อไม่รู้ว่าต้นรู้อะไรบ้างก่อนไป แต่พ่อจะบอกต้นว่า สนเขาทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเค้าเอง แล้วก็เพื่อต้นด้วย สนยอมที่จะมีชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุขเพื่อให้พ่อกับแม่มีหลานไว้สืบสกุล ยอมทนทรมานเพื่อให้พ่อกับแม่เข้าใจและเห็นใจ ตอนนี้...พ่อแต้วกับแม่พลอยเขาก็เข้าใจสนแล้ว ถ้าต้นกับสนรักกัน อยากอยู่ด้วยกัน สี่คนพ่อแม่เราก็ไม่มีใครขัดข้อง สนเขารอต้นอยู่นะลูก เขารอต้นมาสามปีแล้ว ผู้ชายหน้าตาดีๆ อย่างสน ถ้าไม่รักต้นจริง สนเขารอต้นไม่ได้นานขนาดนี้หรอกลูก"

"ครับพ่อ" ต้นรับคำเสียงสั่นเครือแต่ก็พยายามที่จะไม่ร้องไห้

"ต้นรู้ไหมว่าทำไมสนเขาถึงต้องแต่งงานกับนินา สนต้องหมั้นกับนินาเพราะว่านินาแอบเอายาปลุกเซ็กซ์ผสมน้ำให้สนกิน แล้วนินาก็ทำเหมือนเดิมอีกก่อนที่ต้นจะไปเรียนไม่กี่เดือน นินาท้อง สนก็เลยต้องแต่งงานเพื่อรับผิดชอบ ต้นดูสิลูก ต้นเห็นหรือเปล่าว่าห้องนี้มันยังดูเหมือนมีคนใช้อยู่ ต้นดูรูปที่หัวเตียงสิลูก สนเขาเอามาวางไว้ สนเขามานอนที่ห้องนี้ตั้งแต่คืนแรกที่สนแต่งงานแล้วล่ะ สนมานอนห้องนี้ได้สามปีแล้วนะลูก เขาไม่เคยนอนห้องเดียวกับนินาอีกเลยตั้งแต่แต่งงาน สุดท้าย...นินาทนไม่ไหวก็เลยมีชู้ไปซะก่อน สนถึงได้เลิกกับนินาไงลูก อ้อ...ต้นรู้ไหมว่าสนมีลูกชาย ลูกชายของสนชื่อภูคา ตอนนี้อายุสองขวบกว่าแล้ว กำลังช่างพูดเลย"

หลายสิ่งหลายอย่างที่พ่อบอกล้วนแต่น่าประหลาดใจและคาดไม่ถึงสำหรับต้นทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ต้นแปลกใจมากที่สุดก็คือลูกชายของสนชื่อภูคา ถ้าต้นไม่เคยรู้จักกับสนมาก่อนก็คงสงสัยว่าทำไมสนถึงตั้งชื่อลูกอย่างนั้น แต่ทันทีที่ต้นได้ยิน ต้นก็พอจะคาดเดาใจของอีกฝ่ายได้ คราวนี้ต้นไม่สามารถที่จะอดทนไม่ร้องไห้ได้อีกแล้ว

"ต้น...สนเขารักต้นมากนะลูก แล้วพ่อ...ก็เชื่อว่าต้นก็รักสนมากเหมือนกัน ลูกสองคนอยู่ด้วยกันมานาน ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อไม่เชื่อว่าต้นจะลืมสนไปได้ง่ายๆ หรอก สนเขาเป็นคนดีนะลูก หายากนะเด็กสมัยนี้ที่จะรู้จักคิดถึงพ่อแม่ อยากตอบแทนพ่อกับแม่แม้ว่าตัวจะไม่มีความสุข สนเขาไม่มีความสุขเลยนะลูกที่ต้องแต่งงานกับนินา เขาสองคนเข้ากันไม่ได้เลย นิสัยคนละอย่าง ตอนที่อยู่ด้วยกันก็ทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน พ่อแต้วกับแม่พลอยกลุ้มใจมาก ครอบครัวไม่เป็นครอบครัวเลยล่ะลูก อ้อ...แล้วสนเขาก็เป็นคนขยันทำมาหากินด้วย พ่อกับแม่ชื่นชมสนมากที่เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ร้านของสนก็ไปได้ดี มีเงินก็รู้จักเอาไปลงทุนให้งอกเงย ไม่เอามาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สนยังสอนพ่อลงทุนด้วยนะลูก"

พ่อของต้นหยุดเว้นจังหวะพร้อมกับคอยสังเกตสีหน้าของลูกชายที่ตอนนี้กำลังครุ่นคิด

"พ่อกับแม่รักสนมากนะลูก รักเหมือนลูกในใส้คนหนึ่ง ไว้ใจเขามากกว่าใคร ตอนที่ต้นไม่อยู่ สนคอยมาดูแลพ่อกับแม่ตลอด เขามาอยู่ที่นี่มากกว่าอยู่ที่บ้านตัวเองจนพ่อแต้วกับแม่พลอยน้อยใจอีกนะลูก นึกว่าสนมันจะเปลี่ยนพ่อเปลี่ยนแม่ซะอีก เวลาพ่อกับแม่เจ็บไข้ได้ป่วย ก็ได้สนนี่แหละที่พาไปหาหมอ ไหว้วานอะไรสนก็ไม่เคยขัด ช่วยเหลือพ่อกับแม่ทุกอย่าง พ่อพูดตรงๆ นะต้น ถ้าพ่อจะฝากฝังใครให้ช่วยดูแลลูกของพ่อเวลาที่พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็นึกถึงสนคนเดียว ถ้าต้นได้อยู่กับสน พ่อกับแม่ก็คงตายตาหลับ ถึงพ่อไม่คิดจะบังคับใจลูกอีกแล้ว แต่พ่อก็อยากให้ต้นพิจารณาอีกทีว่าต้นยังรักสนอยู่หรือเปล่านะลูก ต้นคิดดูให้ดีๆ นะลูก"

ต้นยังคงนั่งร้องไห้ ไม่ตอบคำถามพ่อ

"ไม่เป็นไรลูก ต้นยังไม่ต้องตอบคำถามพ่อตอนนี้ก็ได้ ต้นคิดทบทวนดูก่อนละกัน แต่พ่อก็อยากจะบอกความรู้สึกของพ่อกับแม่ว่า...พ่อกับแม่สงสารสนมากนะลูก สนเขาเตรียมทุกอย่างให้ต้นไว้พร้อมหมดแล้ว รอแค่ให้ต้นกลับมา พ่อก็ไม่อยากให้ความพยายามของสนเขาเสียเปล่า"

แล้วพ่อของต้นก็ถอนหายใจยาว "แต่อันนี้ก็แล้วแต่ต้นละกันนะลูก พ่อกับแม่บังคับใจใครไม่ได้หรอก สงสารก็แต่สนมัน ที่แม่พลอยเขารู้เรื่องต้นกับสนก็เพราะว่าสนมันร้องไห้คิดถึงต้นนั่นแหละลูก ร้องไห้เหมือนคนเพ้อ บอกว่าคิดถึงต้นมาก อยากให้แม่พาสนไปหาต้น สนเขาคิดถึงต้นมากขนาดนั้นเลยนะลูก ต้นรู้หรือเปล่า"

แม้ปากจะบอกว่าก็แล้วแต่ต้น แต่คนเป็นพ่อก็แอบเชียร์อีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย

"ไปหาสนหน่อยนะลูก ไปดูลูกชายสนด้วย อยู่ที่บ้านพ่อกับแม่เขานั่นแหละ ตอนนี้พ่อแต้วกับแม่พลอยไม่ได้ทำสวนแล้ว ให้คนอื่นมาเช่าทำแทน อยู่บ้านเลี้ยงหลานให้สนมันอย่างเดียว"

ต้นพยักหน้า ถึงพ่อไม่บอกต้นก็จะไปที่บ้านของสนแล้วก็จะไปหาสนอยู่แล้ว

"พ่อคุยแค่นี้แหละลูก ลงไปกันดีกว่า เดี๋ยวแฟนของลูกเขาจะรอนาน"

พ่อแอ๊ดลูกขึ้นแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง "ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยก่อนลูก เดี๋ยวค่อยลงไป"

ต้นพยักหน้าเห็นด้วยเพราะนั่งเครื่องมาหลายชั่วโมง เนื้อตัวเริ่มเหนียวเพราะยังไม่ได้อาบน้ำ แม้ว่าจะยังเพลียๆ แต่ต้นก็จะยังไม่นอนพักผ่อน เหนื่อยแค่ไหนต้นก็ต้องไปหาคนที่ต้นอยากเจอมากที่สุดอีกคนหนึ่งในวันนี้ให้ได้


ทันทีที่ได้เห็นหน้าลูกชายของสน น้ำตาของต้นก็ไหลลงมาเป็นทางอย่างไม่ขาดสาย ต้นย่อตัวลงนั่งข้างหน้าเด็กน้อยแล้วก็พิศดูใบหน้า ภูคาช่างเหมือนสนเหลือเกิน แค่แรกเห็นต้นก็รู้สึกรักและเอ็นดูแล้ว

"ภูคา" ต้นเรียกชื่อลูกของสน เด็กน้อยยิ้มให้ราวกับสนิทสนมคุ้นเคยกันมานานแล้ว

"อาต้นนะภูคา เรียกอาต้นสิคับ" แม่ของสนบอกพลางนั่งลงข้างๆ หลาน ใบหน้าของเธอก็เปื้อนด้วยน้ำตาเช่นเดียวกันจากการที่เพิ่งเจอกับต้นเมื่อสักครู่นี้

"อาต้น" เด็กน้อยเรียกชายแปลกหน้าที่เพิ่งได้เจอกันวันนี้

ต้นกอดภูคาแล้วก็ร้องไห้อีกจนได้ รู้สึกสะท้อนใจที่ต้นไม่ได้มาอยู่กับสนในยามที่สนต้องเผชิญปัญหามากมาย แถมวันนี้ลูกของสนก็ยังต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าแม่ไปเสียอีก สนคงต้องแบกรับความทุกข์มากมายหลายอย่างมากทีเดียวกว่าจะมาถึงวันนี้ได้

ต้นอุ้มภูคามานั่งตัก เด็กน้อยยอมแต่โดยดีทั้งที่โดยปกติแล้วเด็กๆ มักจะกลัวคนแปลกหน้า

"พ่อสนไปไหนคับภูคา"

"พ่อไปทำงานคับ" เด็กน้อยตอบเสียงเจื้อยแจ้ว

ต้นอดรู้สึกเวทนาไม่ได้ที่ภูคาต้องไม่มีแม่ แต่ยังไงต้นก็รู้ว่าพ่อกับแม่ของสนคงรักหลานมากทีเดียว ถึงไม่มีแม่ภูคาก็ไม่ขาดความอบอุ่นอย่างแน่นอน ต้นหยอกเล่นกับเด็กน้อย ภูคาหัวเราะร่าชอบใจ แม่ของสนลุกขึ้นแล้วก็เดินไปยืนข้างๆ สามี มองดูต้นเล่นกับหลานแล้วก็น้ำตาซึมด้วยกันทั้งคู่

"แม่สงสารลูกเหลือเกินน่ะพ่อ ต้นมันมีแฟนใหม่ไปแล้ว สนมันจะทำยังไงล่ะพ่อ แม่กลัวสนมันทำใจไม่ได้"

พ่อแต้วก็ดูกังวลกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน สุดท้ายก็อดคิดโทษตัวเองอีกไม่ได้ที่กีดกันลูกจนทำให้อะไรๆ สายเกินไป

"พ่อผิดเองแหละแม่"

"อย่าพูดอย่างนั้นเลยพ่อ มันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป"

ต้นเล่นกับภูคาสักพักก็ขอตัวกลับไปที่บ้าน ทดแทนรออยู่เพื่อที่จะพาต้นไปหาสนที่ร้านอาหาร แต่พอจะไปภูคาก็ร้องไห้หาต้นใหญ่ ไม่ยอมให้ต้นไป เล่นกันแค่แป๊บเดียวก็ติดต้นซะแล้ว

"เดี๋ยวอามาหาภูคาอีกนะคับ ภูคาอยู่กับปู่กับย่าก่อนนะ เดี๋ยวอาจะซื้อของเล่นกับขนมมาฝากเยอะๆ เลย"

ต้นปลอบพร้อมกับอุ้มเด็กน้อยที่ร้องตามมาส่งให้กับปู่

พ่อของสนรับหลานมาอุ้มไว้แล้วก็ปลอบ "เดี๋ยวอาต้นมาลูก เดี๋ยวอาต้นมา ให้อาต้นไปหาพ่อสนก่อนนะลูก"

ต้นยิ้มอย่างเอ็นดูให้กับภูคา ลูกของสนดูเหมือนจะชอบต้นมากทีเดียว หรือจะเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตให้เด็กน้อยรู้สึกอย่างนั้น

"ผมไปแล้วนะครับพ่อแต้ว แม่พลอย"

ต้นกล่าวลาพลางยกมือไหว้พ่อกับแม่ของสน

"ต้น...พ่อฝากสนหน่อยนะลูก สนเขารอต้นมาสามปีแล้ว พ่อผิดเองแหละลูกที่ทำให้อะไรๆ มันเป็นแบบนี้ พ่อขอโทษต้นกับสนด้วยนะลูก"

ได้ฟังแล้วต้นก็อยากจะร้องไห้อีกเสียเหลือเกิน ต้นคิดว่าสนคงจะลืมต้นไปแล้ว สนเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ต้นคิดว่าพอมีลูกมีเมียไปแล้วก็คงไม่คิดจะกลับหลัง เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ต้นอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ นอกจากสนจะยังไม่ลืมต้นแล้วก็ยังอุตส่าห์อดทนทำทุกสิ่งทุกอย่างให้พ่อกับแม่เข้าใจจนยอมเปิดทางให้จนได้

"ไม่เป็นไรครับพ่อแต้ว"

"มันยังไม่สายไปใช่ไหมลูก" พ่อของสนถามอีก

ต้นมองหน้าพ่อกับแม่ของสนที่ต้นเองก็รักและเคารพเหมือนพ่อกับแม่คนที่สองด้วยความรู้สึกสงสารจับจิตจับใจ

"พ่อก็...จะไปกดดันต้นทำไมล่ะพ่อ ต้นเขาตัดสินใจแล้วนะพ่อ ไม่ต้องกังวลนะลูก แม่ไม่ว่าอะไรต้นหรอก ถือซะว่า...เป็นเวรเป็นกรรมของสนมันละกัน"

แม่พลอยดุสามีเล็กน้อย หลังๆ มาเธอเริ่มกล้าที่จะทำอย่างนี้มากขึ้นหลังจากที่ตัดสินใจลุกขึ้นมาปกป้องลูกคราวนั้น ถือว่าสนเองก็ได้ช่วยทำให้แม่เข้มแข็งขึ้นมาด้วย

"ไปหาสนเถอะลูก สนเขาเราต้นอยู่" แม่พลอยบอก

ต้นพยักหน้าแล้วก็ค่อยๆ หันหลังเดินออกมาจากบ้านสน อีกไม่นานนี้ต้นก็จะได้เจอกับคนที่รอคอยแล้ว สามปีที่จากไปต้นไม่ได้ติดต่อกับสนเลย น่าจะเป็นคนที่ต้นควรจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ แต่พอกลับมา คนที่ต้นอยากลืมกลับเป็นคนที่ต้นอยากไปหามากที่สุด


ทดแทนขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของร้านที่ชื่อต้นสน แค่เห็นชื่อร้านก็อดแปลกใจไม่ได้แล้ว ถ้าต้นกับสนไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่พิเศษลึกซึ้งต่อกันก็คงไม่ตั้งชื่อร้านอย่างนี้แน่นอน

"ต้นจะคุยกับเพื่อนนานไหม" ทดแทนถามก่อนที่ต้นจะลงจากรถ

"อีกสักสองชั่วโมงพี่มารับต้นละกันครับ" ต้นบอก

ทดแทนพยักหน้ารับรู้ "ได้...เดี๋ยวอีกสองชั่วโมงพี่มารับต้นนะ"

ต้นลงจากรถแล้วก็เดินมาที่หน้าร้าน มองดูทดแทนที่ขับรถออกไปแล้วก็แหงนดูป้ายชื่อร้านอีกครั้ง ความจริงต้นรู้มานานแล้วล่ะว่าสนจะใช้ชื่อ "ต้นสน" เป็นชื่อร้าน แต่พอได้มาเห็นจริงๆ ก็อดสะท้อนใจไม่ได้ นี่สนจะไม่ยอมให้ต้นห่างหายไปจากชีวิตเลยเป็นแน่ ไม่ว่าอะไรที่เป็นของสำคัญในชีวิต สนจะทำให้เกี่ยวข้องกับต้นเสมอ แม้กระทั่งลูกของสนเอง

"ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดครับ เปิดสิบเอ็ดโมง อีกสองชั่วโมงค่อยมาใหม่นะครับ" เด็กในร้านคนหนึ่งวิ่งมาบอกต้น

"อ๋อ...ผมมาหาสนครับ สนอยู่หรือเปล่า"

เด็กในร้านคนนั้นมองต้นอย่างสงสัย "อยู่ครับ มาหาพี่สนเรื่องอะไรครับ"

สนไม่ให้เด็กในร้านเรียกเขาว่า "คุณสน" เพราะดูห่างเหิน อยากให้ทุกคนที่มาทำงานกับสนรู้สึกเหมือนอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว สนจึงอยากเป็น "พี่สน" หรือ "น้องสน" หรือ "สน" เฉยๆ เสียมากกว่า อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่มาทำงานกับสนต่างก็เกรงใจและเคารพสนมากทีเดียวเพราะสนเป็นคนทำงานจริงจัง ฉลาดในการคิดวางแผนและทำงานละเอียด

"ผมเป็นเพื่อนกับสนครับ ขอผมเข้าไปหาสนในร้านได้ไหม"

เด็กหนุ่มคนนั้นทำหน้าสงสัยและลังเล สุดท้ายก็ยอมให้ต้นเข้าไปหาสนในร้านแต่โดยดี "ครับ ตามผมมาทางนี้เลยครับ"

ต้นเดินตามเด็กหนุ่มคนนั้นเข้าไปในร้านอย่างช้าๆ มีพนักงานชายหญิงหลายคนกำลังทำความสะอาดร้าน เช็ดโต๊ะและจัดเตรียมหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ทั่วบริเวณก่อนที่ร้านจะเปิดในอีกสองชั่วโมงข้างหน้า

เมื่อมาถึงบริเวณพื้นที่ด้านในของร้าน ต้นก็เห็นสนยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการของร้านอยู่ สนยืนหันหลังให้ต้นจึงยังไม่รู้ว่ามีคนสำคัญมาหา

แค่ได้เห็นเท่านั้น น้ำตาของต้นก็ไหลพรากลงมา ในที่สุดต้นก็ได้กลับมาหาผู้ชายคนนี้ที่ต้นรักและผูกพันมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ต่อให้จากไปนานแค่ไหนต้นก็ยังคิดถึงและเป็นห่วงอยู่เสมอ ต้นก็ไม่รู้หรอกว่าสนจะเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง ขอแค่ให้ต้นได้กลับมาหาและเห็นหน้าก็พอแล้ว

"สน" ต้นเรียกชื่อที่ต้นแทบไม่ได้มีโอกาสเรียกมากว่าสามปีออกไป

"สน" ต้นเรียกย้ำอีกครั้งเมื่อคนที่ยืนอยู่หยุดคุยและค่อยๆ หันหน้ามา ไม่ว่าจะนานแค่ไหน สนก็จำเสียงๆ นี้ได้เป็นอย่างดีเสมอ เสึยงที่สนคุ้นเคยและไม่ได้ยินมานานกว่าสามปีแล้ว

"ต้น"

เมื่อสนหันหน้ามา น้ำตาของต้นก็ยิ่งพรั่งพรูลงมามากยิ่งขึ้น แค่มองเห็นสายตาของกันและกันก็พอจะรู้แล้วว่าต่างคนต่างคิดถึงกันและกันมากแค่ไหน สองหนุ่มเดินแกมวิ่งเข้ามาหากันแล้วก็กอดกันแน่น

"ต้น"

"สน"

เรื่องที่ใครๆ ในร้านต่างก็สงสัยว่าทำไมคนหน้าตาดีและโสดอย่างสนถึงไม่ยอมมีแฟนกับเขาเสียที มีสาวคนไหนมาชอบก็ไม่สนใจ ภาพตรงหน้าที่หลายๆ คนเห็นคงจะพอทำให้หายข้องใจไปได้มากทีเดียว คนที่สนรอคอยไม่ใช่สาวๆ ที่ไหน แต่เป็นหนุ่มคนนี้ต่างหาก

สองหนุ่มกอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจและตื้นตันใจ ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดรอดออกมาในตอนนี้เพราะความรู้สึกที่มีอยู่ข้างในใจนั้นไม่สามารถใช้คำพูดใดๆ สื่อสารแทนได้ทั้งหมด ในเวลานี้ สิ่งที่สื่อสารได้ดีที่สุดก็คืออ้อมกอดที่แสนอบอุ่นที่ต่างคนต่างก็โหยหา สัมผัสที่คุ้นเคยและกลิ่นกายที่คุ้นจมูก นี่แหละคือสิ่งที่สื่อสารได้ดีที่สุด นี่แหละคือสิ่งที่จะบอกได้ดีที่สุดว่าความรักและความคิดถึงที่สองคนมีให้กันนั้นมีมากแค่ไหน

พนักงานในร้านต่างก็หยุดยืนดูและมองภาพตรงหน้าด้วยความสนใจ แต่พอผู้ช่วยผู้จัดการส่งสัญญาณให้กลับไปทำงานจึงค่อยๆ ทยอยกันเดินออกไปอย่างเสียดาย ปล่อยให้ต้นกับสนอยู่ด้วยกันลำพังสองคน

เนิ่นนานทีเดียวที่ต้นกับสนจะค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกจากกัน แต่ก็ยังจับแขนกันไว้อยู่ ต่างคนต่างมองหน้ากันผ่านม่านน้ำตา มองอยู่นานเลยทีเดียว ราวกับต้องการจะให้แน่ใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนๆ นั้นจริงๆ ไม่ใช่ฝันไป เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นยังคงดังอยู่เป็นระยะๆ

"ทำไมนายผอมอย่างนี้ล่ะสน" ต้นถามพลางใช้สายตาสำรวจคนตรงหน้าไปด้วย สนดูผอมไปพอสมควร ผิดกับต้นที่ดูอวบขึ้นเล็กน้อย

"ก็เราคิดถึงนายไง"

"โธ่...สน เราขอโทษ เราก็คิดถึงนาย"

ต้นกอดสนไว้อีกครั้ง สภาพที่เปลี่ยนไปของสนบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้เป็นอย่างดี ต้นไม่เคยเห็นสนผอมอย่างนี้เลย สนชอบเล่นกีฬา หิวแล้วก็มักจะกินบ่อยและกินจุ ถ้าผอมได้ขนาดนี้แล้วแสดงว่าคงมีเรื่องให้สนเครียดหลายอย่างจนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมานั้นคงมีเรื่องราวหลายอย่างที่ต้นไม่เคยรับรู้เกิดขึ้น ที่น่าเสียใจก็คือต้นไม่เคยมีแม้แต่คำพูดเดียวที่จะให้กำลังใจเลย

ต้นบอกแม่เสมอว่าอย่าเล่าเรื่องสนให้ต้นฟังเพราะต้นอยากลืม เฟสบุ๊คเดิมต้นก็ไม่ใช้ อีเมล์เดิมก็ปิดไป อะไรๆ ที่จะติดต่อกับสนได้ต้นตัดทิ้งหมด แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ที่ต้นต้องทำอย่างนั้น แต่พอมาถึงวันนี้ต้นกลับรู้สึกผิดที่ปล่อยให้สนเผชิญเรื่องราวเลวร้ายอยู่คนเดียว ถึงอยากจะลืมความรักครั้งนั้นไป แต่อย่างน้อยสนก็เคยเป็นเพื่อนที่รักกันมาก เพื่อนที่รักกันก็ไม่น่าจะทอดทิ้งกันอย่างนี้ ต้นรู้ดีว่าสนเป็นคนที่คบคนอื่นได้ยาก มีน้อยคนมากที่สนจะยอมคบและไว้ใจ เพราะฉะนั้น ก็น่าจะเดาได้ไม่ยากว่าในช่วงที่มีปัญหา สนก็คงจะเผชิญสิ่งต่างๆ อยู่คนเดียว เสียใจอยู่คนเดียว ร้องไห้อยู่คนเดียว

"เราขอโทษนะสน ขอโทษที่ทิ้งนายให้อยู่คนเดียว"

"ไม่เป็นไรต้น เราดีใจนะที่นายกลับมาหาเรา เรานึกว่านาย...จะลืมเราไปแล้วซะอีก"

ต้นร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด แล้วต้นจะกล้าบอกความจริงเรื่องนั้นกับสนตอนนี้หรือ แค่นี้สนก็คงเจ็บมากพอแล้ว ต้นจะใจร้ายใจดำมากพอที่จะทำให้สนเจ็บปวดได้ลงคืออีกหรือ...

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดให้กำลังใจ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2016 08:31:02 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
 :z13: รอจนตาจะปิดเลย

บอกไปเถอะต้น เรื่องที่ต้นมีแฟนใหม่แล้ว
และคงจะไม่ได้รักสนแบบเดิมแล้ว
ถ้ายังยืดเยื้อสนมารู้หลังจากมีความหวัง
สนจะยิ่งเจ็บปวดหนักกว่าเดิมนะ
เพราะตอนนี้สนรู้แล้วว้านต้นมีแฟน
แต่แค่รอตัวตนมายืนยันเท่านั้นเอง
เฮ้อออ นึกภาพที่ต้นแนะนำแฟนให้สนรู้จักแล้วเศร้า
โลกใบนี้ของสนคงถล่มลงในพริบตาเดียว
ก็คงลุ้นต่อไปว่าสนจะจัดการความเสียใจอย่างไร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2015 22:52:08 โดย snowboxs »

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
โอ้ยร้องไห้ตามสน มันสะเทือนใจเกินไปฮือออออออออ อึดอัด ถ้าสนรู้เรื่องแฟนต้นจะเป็นไง น้องกินมาม่าจนท้องอืดไปหมดแล้ว...TT

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
สมน้ำหน้าสน, แกผิดตั้งแต่ไปสนิทกับนินาแล้ว.

ออฟไลน์ watt1960ka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พอได้รู้ว่าต้นตัดใจจากสนได้จริงๆ แล้ว ก็รู้สึกใจหายเหมือนกันนะคะ :monkeysad: ตรงนี้ต้นอาจจะยังไม่ได้พูดมันออกมาชัดๆ ก็จริง แต่เหมือนบรรยากาศรอบตัวหรือแม้กระทั่งในความคิด ความรู้สึกรักสนเชิงคนรักแบบเมื่อก่อนที่ต้นเคยมีเรารู้สึกว่าเราสัมผัสมันไม่ได้เลยค่ะ และคราวนี้ถ้าสนได้รู้ความจริงขึ้นมาคงจะเสียศูนย์หนักมากแน่ๆ เลยนะคะ ถึงแม้เจ้าตัวเขาจะเผื่อใจเอาไว้แล้วบ้างก็เถอะ

ปล. คนหนึ่งก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ส่วนอีกหนึ่งคนยังคงก้าวย่ำอยู่กับที่.. เป็นนิยามที่เหมาะสำหรับต้นและสนในตอนนี้เหลือเกิน~ 

//สะอึกสะอื้นจนพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ หลายรอบมากเลยค่ะ :o12:

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
เออเนาะ พอยอมรับกันได้แล้วก็มารุมกดดันต้นกันอีก
สุดท้ายความเห็นแก่ตัวของมนุษย์มันก็เผยขึ้นมาอีกจนได้เพราะคำว่ารัก
ตอนยังคิดไม่ได้ก็เห็นแก่ตัวเพราะกลัวจะอายกลัวจะไม่มีหลาน
แต่พอคิดได้ก็เห็นแก่ตัวหว่านล้อมให้ต้นกดดันเพื่อให้กลับไปหาลูกตัวเองทั้งที่เค้ามีชีวิตใหม่ไปแล้ว
ทั้งที่ลูกตัวเองต้องมาเจ็บก็เพราะความเห็นแก่ตัวและทิฐิของตัวเองทั้งนั้น แม้จะเศร้าแต่ก็แอบสะใจพ่อของสนอยู่นิดๆ
แม้แฟนใหม่ต้นจะออกมานิดเดียว แต่ถ้าเค้าเป็นแฟนกันจริงๆก็น่าสงสารนะ
เค้าก็รักของเค้า แล้วเค้าก็ไม่ได้มารู้อะไรด้วยเลย และเดาว่ากว่าเค้าจะจีบติดกว่าจะรอให้ต้นเปิดใจยอมรับก็คงยากน่าดู
หากจะถามว่าต้นผิดไหมที่ตัดใจเราว่าไม่ผิดนะ และเป็นผลดีกับต้นเอง เพราะถ้าต้นยังดันทุรังรักต่อไปแม้สนกับนินาจะเลิกกันจริงๆ
ต้นคงไม่สบายใจหรอกที่จะคบกับสนเพราะเวลามองหน้าลูกของสนก็คงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
และคงจะโทษตัวเองว่าทำให้น้องไม่มีแม่เหมือนคนอื่นเค้า เพราะต้นเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว

ปล.ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าต้นกับแฟนใหม่จะเป็นแค่ฉากละครที่ต้นสร้างขึ้นเพื่อกันสนออกจากตัวแค่นั้นนะ(เพราะก่อนหน้านั้นต้นไม่รู้ว่าสนกับนินาเค้าเลิกกันแล้ว)
เพราะถ้าเป็นแฟนกันจริงๆและยิ่งหากว่าแฟนใหม่ต้นเค้าก็รักและดีกับต้น เราก็คงต้องขอเชียร์ให้เค้าได้คบกันต่อไป
เพราะไม่อยากเห็นใครเจ็บอีกแล้ว โดยเฉพาะคนที่เค้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเรื่องนี้ ส่วนคนที่เหลือที่ต้องเจ็บ
ก็ถือซะว่ารับผลจากการกระทำที่ตัวเองเป็นคนก่อก็แล้วกัน แต่ยังไงก็ได้แต่ภาวนาว่าให้ต้นมีแค่แฟนกำมะลอไม่ใช่แฟนจริงๆ
เพราะถึงตอนนี้เราก็อดที่จะสงสารสนไม่ได้ เป็นไงล่ะตาสนคิดแผนบ้าบออะไรซับซ้อนดีนัก ตัวเองเลยต้องมาเจ็บเลยทีนี้

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
วันนี้เงียบเหงาจัง แฟนๆ ต้น-สนที่เหลือหายไปไหนกันครับวันนี้
ตอนเย็นๆ จะมาอัปตอนใหม่ให้นะครับ

 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

Sarawatta

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :katai1: ทำไมถึงเป็นแบบนี้เนี่ย เรื่องราวคงจะจบด้วยดีแหละ แต่กลับกลายเป็นต้นมีแฟนแล้วเนี่ย แล้วชื่อแฟนก้อตั้งชื่อได้สะท้อนความเป็นจริงเหลือเกิน "ทดแทน"  o13 เราเข้าใจน่ะว่าต้นไม่อยากที่จะทำลายชีวิตครอบครัวของสน เพราะเดิมทีสนก้อไม่ใช่เกย์อยู่แล้ว การที่ได้มีครอบครัวมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจอยู่ด้วยก้อไม่แปลกที่มันจะเป็นการลงหลักปักฐานที่มั่นคง ด้วยต้นก้อไม่รู้เหตุที่ทำให้สนได้กับนินาด้วยน่ะ คงต้องรอปาฏิหารย์ครั้งสุดท้ายแหละ  :mew2: ยังไงสนก้ออดทนน่ะ เชื่อว่าความรักของคนสองคนที่มั่นคงตลอดมาคงไม่ถูกทำลายลงด้วยอุปสรรคเพียงแค่นี้หรอก และเราก้อว่าถ้าทดแทนรู้ความทั้งหมดคงไม่อยากทู้ซี้คบกับต้นต่อไปหรอก แค่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันมันก้อบอกอะไรได้มากมายแล้วล่ะ ต้นก้อไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกเพราะตลอดมาต้นก้อเจ็บปวดกับความรักมาตลอดอยู่แล้วน่ะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ watt1960ka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
วันนี้เงียบเหงาจัง แฟนๆ ต้น-สนที่เหลือหายไปไหนกันครับวันนี้
ตอนเย็นๆ จะมาอัปตอนใหม่ให้นะครับ

 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

Sarawatta
ไม่ได้เงียบ แต่ไปเข้าวัด ทำใจนั่งสมาธิอยู่  เย็นๆ ไม่ได้หมายความ 4-5 ทุ่มน้าาาาา

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
 อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาซึมเลยสนน่าสงสาร
ถ้าเกิดสนรู้ว่าต้นมีแฟนใหม่แถมยังพามา
ให้ที่บ้านเห็นอีกพอตอนนี้เรานึกถึงสนตอน
ที่คิดถึงต้นจนสติแตกร้องไห้ฟูมฟายว่า
คิดถึงต้นมากเรากลัวว่าสนจะทำใจไม่ได้
จนจิตหลุดไปเลยทีนี้ :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
สนเอ้ย มาเจอแฟนใหม่ต้น แกคงช้ำอีกนาน  :mew2:

ออฟไลน์ watt1960ka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อยาก ให้พ่อแม่ที่มีลูกเป็นเกย์ แล้วบังคับลูกให้เป็นไปอย่างที่ตัวเองต้องการ เหมือน พ่อแม่คู่นี้จัง ความเสียใจของลูกจะมีมากแค่ไหน ถ้าแก้ไขสถานการณ์ได้ มันรอดตัวไป ถ้าแก้ไขไม่ได้ ความเสียหายที่ตามมาไม่ต้องพูดเลย  เยอะเกิ้นนนนๆๆ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เหมือนมีวิบากกรรมเลยทั้งสองคน  พูดไม่ได้หรอกว่ามาแบบเซอร์ไพรซ์   ห่างกันตั้งหลายปี ตัดหนทางติดต่อกันหมดทุกทาง  ยิ่งต้นไปอยู่คนเดียวที่ใหม่ โลกใหม่  ต้นจำเป็นต้องมีที่พึ่งทางใจ ต้องมีที่ยึดเหนี่ยวมากๆนะ  การที่ต้นเจอคนอื่นมีคนอื่นไม่ใช่เรื่องแปลก    ไม่รู้สิใจจริงหวังว่าต้นไม่ได้จัดฉาก   คืออยากให้ต้นได้มีตัวเปรียบเทียบ  ได้เจอคนอื่น  ถ้าหากว่าต้นจะตัดสินใจเลือกอีกครั้งจะได้ทำไปเพราะว่ามีทางเลือก   คือตลอดมานี่ต้นรอมาตลอดให้สนเลือกนะ

เรื่องพ่อแม่นี่เราไม่แปลกใจที่พ่อสนพยายาม  ตอนนี้พ่อสนเข้าใจลูกแล้วก็พยายามตามพื้นฐานนิสัยแกที่จะทำให้ได้ดังใจ  ส่วนหนึ่งก็อยากให้ลูกมีความสุข  อีกส่วนก็อาจจะอยากแก้ไขในส่วนที่ตัวเองเคยทำผิดไว้ด้วย   พ่อแม่ของทั้งสองคนก็เลยพยายามทำในสิ่งที่ให้ลูกมีความสุขที่สุด   ต่อให้ต้นมีแฟนแล้วแต่การที่ได้กลับมาเห็นคนที่รักหรือเคยรักมากๆก็ทำให้ความรู้สึกเก่าๆมันหวนกลับมาได้     อีกอย่างอันนี้จากปสก ส่วนตัวก็คือคนเราไปอยุ่ต่างแดนกับกลับมาอยู่ที่เดิมมีการเปลี่ยนแปลงนะ   คือเหมือนกับว่าที่ต่างประเทศมันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่พอกลับบ้านมาแล้วมันมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่น ครอบครัว เพื่อน สังคมรอบข้าง  รอปาฏิหาริย์อีกครั้งของสนค่ะ

ออฟไลน์ watt1960ka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อยาก ให้พ่อแม่ที่มีลูกเป็นเกย์ แล้วบังคับลูกให้เป็นไปอย่างที่ตัวเองต้องการ เหมือน พ่อแม่คู่นี้จัง ความเสียใจของลูกจะมีมากแค่ไหน ถ้าแก้ไขสถานการณ์ได้ มันรอดตัวไป ถ้าแก้ไขไม่ได้ ความเสียหายที่ตามมาไม่ต้องพูดเลย  เยอะเกิ้นนนนๆๆ
อยากให้พ่อแม่อ่านน่ะ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ยังรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยูหนใด~

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
อ่านแล้วรู้สึก เจ็บปวดกันทุกคน ไม่ว่าจะต้นกับสน  พ่อแม่ของทั้งสองคนที่มีลูกชายคนเดียวก็หวังจะให้สืบสกุล และความรักของนินาที่หวังแต่อยากจะได้มาครอบครองโดยลืมมองว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันจะส่งผลกระทบต่อใครอีกหลายคนไหม แม้กระทั้งเด็กที่เกิดมา กลับต้องมารับกรรมตรงนี้ ....


ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อยากอ่านแล้วอ่ะ
วันนี้ก็ยังทำใจไม่ได้
มันเศร้าจากเมื่อคืน
ตอนนี้รู้สึกเศร้าจับจิตจับใจจริงๆ
คือเรามโนว่าต้องอย่างโน้น ต้องอย่างนี้
จะเชียร์สนให้รั้งต้นมาก็กลัวต้นจะหมดรักไปแล้ว
ไหนจะต้องทำให้แฟนใหม่ต้นเสียใจอีก
ก็จะกลายเป็นสนไปแย่งแฟนคนอื่น
จะให้สนทำใจยอมรับก็สงสารเหลือเกิน
สนคงต้องไปพักใจยาวนานแน่ๆ

ขำความอินของตัวเอง เมื่อคืนง่วงเม้นไม่สะใจ
ตามมาเม้นต่ออีกนะเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Moral

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อยากจับพี่ทดแทนไปปล่อยเกาะซะตอนนี้เลย
ผมว่าสนเขาทรมานมามากพอแล้วหล่ะที่สนเคยนอกใจต้นแค่ไม่เกินสองถึงสามครั้ง
ผมล่ะนึกสภาพจิตใจสนไม่ออกเลยว่าจะเป็นไงเมื่อรู้ความจริงว่าต้นมีแฟนแล้ว

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ถ้าสนรู้คำยืนยันจากปากต้นคงผิดหวังแน่ๆ เหมือนโลกของสนพังลง สงสารสนอ่า
แต่ก็เข้าใจต้นที่อยากจะก้าวเดินต่อไป...โดยที่ไม่รู้ว่าปลายทางของสนมีต้นอยู่เสมอ

เศร้าอ่า

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :o12: ต้นควรจะบอกนะ อย่ามาให้ความหวังอะไรสน ในขณะที่ตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 41: ความรักเปื้อนๆ


สนฝากงานกับคนในร้านไว้แล้วจึงพาต้นเดินมานั่งที่มุมสุดของร้าน พนักงานในร้านคงจะรู้ว่าสนต้องการความเป็นส่วนตัวจึงไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามบริเวณนั้น

"ทำไมนายถึงกลับมาไวล่ะ ยังไม่ถึงสามปีดีเลย" สนถามทันทีที่นั่งลง

"เราสมัครงานที่มหาลัยมหิดลศาลายาไว้น่ะ พอดีเขาจะนัดสัมภาษณ์อีกสองสามวันนี้ เราก็เลยต้องกลับมาเร็วหน่อย"

"จริงเหรอ...งานอะไร" สนถามอย่างดีใจ

"เป็นตำแหน่งนักวิชาการศึกษาน่ะ พอดีทางมหาลัยเขามีโครงการ World Class University แล้วก็อยากจะผลักดันให้มหิดลเป็น Research University Network เราสนใจงานนี้มากก็เลยรีบสมัคร แต่ว่าโครงการมันแค่สองปีเองนะ ที่เราอยากไปทำก็เผื่อว่าต่อไปจะมีช่องทางเข้าไปเป็นอาจารย์สอนที่นั่น"

"นายทำได้อยู่แล้วล่ะ จะไปสัมภาษณ์วันไหนบอกเรานะ เดี๋ยวเราพาไป" สนขันอาสา

ต้นพยักหน้า ยิ้มเจื่อนๆ เพราะนัดกับทดแทนไว้แล้ว ต้นยังไม่อยากพูดเรื่องทดแทนตอนนี้จึงต้องเสไปเรื่องอื่นก่อน

"อ้อ...ขอบคุณนายมากนะที่ช่วยดูแลพ่อกับแม่ให้เรา วันหนึ่งเราจะตอบแทนนายให้ได้"

"ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ของนายก็เหมือนพ่อกับแม่คนที่สองของเรานั่นแหละต้น ถึงนายไม่บอกเราก็จะดูแลพ่อแอ๊ดแม่เยาให้อยู่แล้ว" สนตอบพลางยิ้ม

"นายผอมไปนะสน นายต้องกินข้าวเยอะๆ หน่อยนะ" ต้นถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง คงจะเป็นห่วงจริงๆ นั่นแหละถึงได้พูดย้ำอีกรอบ

"แค่เรารู้ว่านายกลับมา เราก็อยากจะกินข้าวเป็นสิบจานแล้ว" สนพูดติดตลกพร้อมกับขำเบาๆ สนไม่ได้หัวเราะอย่างนี้มานานจนแทบจะลืมความรู้สึกอย่างนี้ไปเลย

"ไม่ต้องห่วงเรานะต้น เดี๋ยววันนี้เราจะกินข้าวเยอะๆ เลย"

ต้นยิ้มอย่างพอใจ พิศมองดูคนตรงหน้าอย่างละเอียดลอออีกครั้ง สนตาคล้ำไปพอสมควร แสดงว่าคงไม่ค่อยได้นอน สีหน้าแววตาดูไม่ค่อยสดใสนัก คงจะมีเรื่องเครียดๆ หลายอย่าง แม้ว่านินาจะจากไปแล้วแต่สนก็ยังต้องเครียดกับร้านรวมทั้งสิ่งที่เขาได้รับรู้เกี่ยวกับต้นก่อนหน้านี้ด้วย

"เรา...ไม่ค่อยมีเวลากินข้าวหรอก เราทำงานเยอะ ไม่ค่อยได้นอน เพราะเราไม่อยากมีเวลาว่าง ว่างแล้วก็คิดมาก...ฟุ้งซ่าน" สนสารภาพในที่สุด

"เราขอโทษนะสน เรา...รู้สึกแย่มากเลยที่ปล่อยให้นาย...ทุกข์อยู่คนเดียว" ต้นอดที่จะรู้สึกผิดอีกไม่ได้

"ไม่เป็นไร เราดีใจที่สุดเลยรู้ไหมที่นายกลับมา" สนพูดพร้อมกับส่ายศีรษะ ต่างคนต่างมองหน้ากันพร้อมกับน้ำตาที่ยังซึมๆ อยู่

"พ่อของเรา...เล่าเรื่องของนายให้เราฟังหมดแล้ว แล้วนาย...จะทำยังไงต่อไปล่ะสน"

สนนั่งนิ่ง มองหน้าต้นด้วยแววตาที่หม่นเศร้าแล้วก็หันหน้าหนีไปทางอื่น "ไม่รู้เหมือนกัน ก็อาจจะ...อยู่เป็นโสดอย่างนี้ หรือถ้ามันทนเหงาไม่ไหวจริงๆ ก็อาจจะหาใครสักคนมาอยู่ด้วย คงอย่างงั้นมั้ง เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เราคิดอะไรไม่ออกน่ะตอนนี้" แล้วสนก็หันหน้ากลับมาหาต้นอีกครั้ง

"นายมีแฟนใหม่แล้วใช่ไหมต้น เขามาส่งนายที่นี่ใช่ไหม"

คราวนี้เป็นต้นบ้างที่นั่งเงียบและครุ่นคิด

"จะต้องคิดให้มากไปทำไมล่ะต้น ถ้านายมีแฟนแล้ว นายก็แค่บอกเรามาตรงๆ มันเป็นสิทธิ์ของนายอยู่แล้วนี่" สนรู้ทันว่าต้นไม่กล้าพูดเพราะกลัวว่าสนจะเสียใจ

ต้นพยักหน้าแทนการตอบคำถามที่แสนลำบากใจนั้น

"เราขอโทษนะต้น ขอโทษที่เราเคยเป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องของนาย ทำให้นายเจ็บปวดผิดหวังหลายครั้ง เราไม่โทษใครหรอกที่เราต้องเสียนายไป ก็สมควรแล้วล่ะที่มันเป็นอย่างงี้ ถ้าเราเป็นนาย...เราก็คงจะทำเหมือนนายนั่นแหละ"

"สน..." ต้นเรียกคนตรงหน้าด้วยเสียงที่แหบพร่า เห็นสนกะพริบตาถี่ๆ ไม่ให้ร้องไห้แล้วก็ยิ่งสะท้อนใจ

"แต่เรา...ไม่เคยไม่รักนายนะต้น ตั้งแต่มอสาม...จนถึงวันนี้ ความรู้สึกของเราก็ยังเหมือนเดิม เราไม่ดีเอง นายไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก" สนเว้นจังหวะแล้วถอนหายใจ

"ถ้าเราจะพอขอได้...เราก็แค่อยากจะขอให้นายจดจำช่วงเวลาสิบวัน...ที่เราเคยใช้ชีวิตด้วยกันอย่างคนรักกันก่อนที่นายจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก นายยังจำได้ใช่ไหมต้น เราไม่รู้ว่านายเห็นมันเป็นยังไงหรอกนะ แต่เราก็ทำให้นายอย่างดีที่สุด...เท่าที่คนอย่างเราจะทำให้ได้ ที่เราอยู่รอดผ่านพ้นสามปีที่ทรมานมาได้...ก็เพราะเรายังคิดถึงสิบวันนั้นที่เราอยู่ด้วยกันตลอด เรายังมีความหวังว่าเราจะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างนั้นกับนายอีก นายเป็นความรักที่ดีที่สุดของเรานะต้น นายเป็นคนเดียวในชีวิตที่เข้าใจเรามากที่สุด ไม่มีใครแทนที่นายได้ แต่เรา...คงไม่มีบุญวาสนา ก็เลยต้องเสียนายไป"

สนร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจ แม้ว่าจะทำใจไว้อยู่แล้วแต่ก็ไม่อาจทานทนไหว ต้นเอื้อมมือมาจับแขนของสนบริเวณใต้ข้อศอกไว้ หัวใจเหมือนจะขาดรอนๆ ที่เห็นคนตรงหน้าร้องไห้ให้กับความรักที่เป็นอดีตไปแล้ว

สนพยายามสงบสติอารมณ์อีกครั้ง แม้จะยากลำบากแต่ก็กดข่มความเสียใจเอาไว้ได้ในที่สุด สนไม่อยากร้องไห้มากนักเพราะมันคงไม่มีประโยชน์ แค่คิดจะเสียใจตอนนี้ก็ยังถือว่าสายไป

"นายเล่าเรื่องแฟนใหม่ของนายให้เราฟังหน่อยได้ไหม"

จู่ๆ สนก็ถามอย่างนั้นขึ้นมา คนถูกถามถึงกับทำสีหน้าไม่ถูก

"นายจะอยากรู้ไปทำไม"

"ทำไมล่ะต้น ถึงเราจะไม่ได้รักกันเหมือนเมื่อก่อน เราก็เป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอ เพื่อน...ก็อยากรู้ความเป็นไปของเพื่อน ถ้านายมีคนรักที่เขาดูแลนายได้ดีกว่าเรา...เราก็อยากรู้ อยากรู้ว่านายเจอกับเขาได้ยังไง นายประทับใจอะไรเค้า แล้วนายรักเขาได้ยังไง ตอนเรียนชั้นมัธยมเรายังเคยเล่าเรื่องแฟนของเราให้นายฟังตั้งหลายคนเลย แล้วทำไมเวลานายมีแฟนนายถึงไม่อยากเล่าให้เราฟังมั่งล่ะต้น"

ต้นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสนจะถามเรื่องนี้

"เล่าเรื่องแฟนของนายให้เราฟังก่อนนะ แล้วถ้าว่างๆ เราก็อยากฟังเรื่องที่นายไปเรียนต่อที่อังกฤษ วันจันทร์ก็ได้นะ เราปิดร้านวันจันทร์"

ต้นยังคงมองหน้าสนด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ ให้เล่าต้นก็พอเล่าได้ แต่เล่าเรื่องแฟนใหม่ให้คนรักเก่าฟังมันก็ดูจะโหดร้ายไปหน่อย แต่พอเห็นสนตั้งหน้าตั้งตารอฟัง ต้นก็คงต้องเล่าจนได้

"นายเจอเขาได้ยังไง แล้วเขาเป็นใคร" สนตั้งประเด็นให้ต้นเริ่มเรื่องได้ง่ายขึ้น

"อ๋อ...พี่เขาชื่อ...ทดแทน เราจะเรียกเขาสั้นๆ ว่าพี่แทน ที่พี่เขาชื่อทดแทนเพราะว่าพ่อกับแม่ของพี่เค้าเคยมีลูกคนหนึ่งแต่ก็เสียชีวิตตั้งแต่เด็กๆ แม่ของพี่แทนเลยต้องไปแก้หมันเพื่อจะมีลูกใหม่ พี่แทนก็เลยได้ชื่อว่าทดแทนเพราะพ่อกับแม่พี่เค้ารู้สึกว่าพี่แทนเกิดมาเพื่อทดแทนลูกอีกคนที่เสียไป"

แค่ชื่อแฟนของต้นก็เล่นเอาสนใจหายวาบแล้ว

"พี่แทนเขาทำธุรกิจนำเข้าเสื้อผ้าจากเมืองไทยไปขายที่อังกฤษ ธุรกิจก็ไปได้ดีพอสมควร พอจะบินเฟิร์สคลาสได้บ่อยๆ เลยล่ะ เราเจอพี่เขาตอนไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยแถวๆ พิพิธภัณฑ์อังกฤษ พอดีวันนั้นคนแน่นร้าน เหลือที่ว่างอยู่สองที่ เราก็เลยต้องนั่งกินข้าวกับพี่เขาด้วยกันเพราะตอนนั้นเราอยากกินอาหารไทยมากๆ พอดีเราสั่งอาหารที่มันมีผักมาด้วย เราเขี่ยผักที่ไม่ชอบทิ้ง พี่แทนก็เลยบอกว่าให้เรากินผักเยอะๆ ผักป้องกันมะเร็งได้"

ต้นพูดถึงตรงนี้แล้วก็หยุดมองคนตรงหน้า เห็นสนหน้าเศร้าแล้วก็อยากจะหยุดเล่าไปเลยเพราะไม่อยากทรมานสนให้เจ็บปวดมากกว่านี้ ต้นเคยเจอเหตุการณ์นี้มาก่อนย่อมรู้ดีว่าเป็นยังไง

"นายคงประทับใจเขาเรื่องนี้ใช่ไหม"

ต้นมองหน้าสนนิ่ง ไม่ตอบคำถาม แต่ก็คงจะเป็นอย่างนั้น อะไรก็ตามที่ทำให้ต้นนึกถึงสน สิ่งๆ นั้นหรือคนๆ นั้นก็อาจกลายเป็นความประทับใจสำหรับต้นได้โดยง่าย กว่าต้นจะปรับตัวปรับใจให้ชินกับชีวิตที่ไม่มีสนได้ ต้นก็ใช้เวลานานเป็นปีๆ ทรมานแทบขาดใจ การหักดิบด้วยการไม่ยอมติดต่อหรือรับรู้เรื่องของสนเลยช่วยต้นได้มากทีเดียว จนกระทั่งได้เจอกับพี่ทดแทน ความทรงจำที่เกี่ยวกับสนจึงถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง

"นายเจอกับพี่เค้าเมื่อไหร่" สนถามเมื่อเห็นต้นเงียบไป

"เมื่อปีที่แล้ว"

"นายคงรักพี่เขามากใช่ไหมต้น ไม่รู้สิ เราคิดว่า...การที่นายจะรักใครสักคนคงไม่ใช่เรื่องง่าย นายเคยรักเรามากมาก่อน ตอนไปอยู่อังกฤษใหม่ๆ นายคงทรมานน่าดู กว่าจะทำใจได้ก็คงเป็นปีหรือหลายปี ถ้านายไม่ได้รักเค้ามาก นายก็คงไม่เรียกพี่เค้าว่าแฟน นายคงไม่อยากให้พี่ทดแทนต้องเป็นเหมือนพี่ทินกับพี่กริดใช่ไหมต้น"

ต้นนั่งเงียบด้วยความลำบากใจ สายตาของสนเหมือนคอยจับจ้องและสังเกตดูทุกรายละเอียดของสีหน้าท่าทางของต้น ถ้ามีสิ่งใดผิดปกติแม้แต่นิดเดียว สนก็อาจจะรู้ได้ทันที

"ไม่...จะไม่มีใครต้องเสียใจกับเราเหมือนพี่ทินกับพี่กริดอีกแล้ว" ต้นยืนยัน

สนพยักหน้าเข้าใจ "แล้วนาย...เริ่มรักพี่เขาตอนไหนล่ะต้น เขาดูแลนายดีไหม"

"อ๋อ...เอ่อ...ก็...ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นเราเหงา เราไม่มีใคร พี่เขาเข้ามาคุยเป็นเพื่อน พาไปเที่ยวบ้าง พาไปงานบ้าง ก็เลย...ผูกพันกันโดยไม่รู้ตัว เรากับพี่เขาก็เลย...ลองคบกันเป็นแฟนดู"

"นายคงรักพี่เขามากใช่ไหมต้น" สนวกกลับมาถามคำถามเดิมที่ต้นยังไม่ได้ตอบ แต่ต้นก็ยังเงียบอีก

"รักพี่เขามากใช่ไหมต้น บอกเรามาสิต้น ถ้านายรักพี่เขา...นายก็บอกเรามาสิ เรารับฟังได้ นายไม่ต้องกลัวหรอกว่าเราจะเสียใจ เราไม่ควรจะเสียใจอีกแล้ว"

"ก็...พี่เขาก็เป็นคนดี"

"นายตอบไม่ตรงคำถามนะต้น" สนรีบพูดขึ้นมา "นายตอบเรามาสิต้น หนึ่งปีที่นายรู้จักกับพี่เขา นายรักพี่เขามากใช่ไหมต้น"

ต้นหลบตาต่ำลง ก่อนที่จะค่อยๆ พยักหน้า น้ำตาของสนไหลลงมาแต่ก็รีบเอามือป้ายให้มันหมดๆ ไป

"เล่าต่ออีกได้ไหม ทำไมนายถึงรักพี่เขามาก"

"สน...นายจะอยากรู้ไปทำไม" ต้นชักจะเริ่มทนไม่ไหวบ้าง

"ไม่เห็นแปลกเลยต้น นายก็เล่าเหมือนที่เราเคยเล่าเรื่องของแฟนเราให้นายฟังไง ตอนนั้นเราอยากเล่าอะไรเราก็เล่าเพราะเราเห็นนายเป็นเพื่อน เรารู้ว่านายรับฟังเราได้ทุกอย่าง เราก็เลยอยากให้นายรู้ว่าชีวิตเราเป็นยังไง มีแฟนแล้วเป็นยังไง นายเล่าแบบนั้นได้ไหมต้น เล่าเหมือนที่เราเคยเล่าให้นายฟังตอนเด็กๆ เราอยากให้นายเล่าให้เราฟังแบบนั้น"

"เราไม่อยากให้นายเสียใจน่ะสน" ต้นพูดออกมาในที่สุด

สนนิ่งเงียบไปสักพัก สูดหายใจลึกๆ "เราน่ะ...เสียใจไปตั้งนานแล้วต้น อีกอย่าง...เราเองก็เคยทำให้นายเสียใจบ่อยๆ เจ็บแค่นี้...ก็อาจจะไม่เท่ากับที่เราเคยทำให้นายเจ็บหรอก นะต้น...ถือว่าเราขอร้องละกัน ถ้าเรากับนายจะไม่กลับมารักกันอีก ถือซะว่านี่เป็นคำขอครั้งสุดท้าย เราขอร้องละกัน นายเล่าเรื่องแฟนของนายที่นายพอจะเล่าได้ให้เราฟังหน่อยนะ เล่ามาให้หมด เราอยากฟัง"

ต้นทำหน้ายุ่งยากใจ ถ้าเป็นเพื่อนกันปกติ การเล่าเรื่องแฟนให้เพื่อนฟังก็คงจะเป็นไปโดยธรรมชาติ ก็เหมือนกับที่สนเคยเล่าให้ต้นฟังตอนเด็กๆ นั่นแหละ แต่พอต้นจะต้องเล่าบ้างต้นกลับรู้สึกลำบากใจเหลือเกิน

"ถ้านายต้องการอย่างงั้น...เราก็จะเล่าให้นายฟัง"

ว่าแล้วต้นก็เล่าเรื่องของทดแทนไปต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไปเที่ยว เรื่องที่พูดคุยกัน เรื่องที่ทดแทนคอยปลอบใจเวลาที่ต้นมีปัญหาหรือคิดถึงบ้าน และอีกหลายๆ เรื่อง สนฟังไปก็ร้องไห้ไป แต่ก็พยายามเช็ดน้ำตาให้แห้งโดยเร็ว ส่วนคนเล่า พอคนฟังร้องไห้คนเล่าก็พลอยร้องไห้ไปด้วย แทนที่จะกลายเป็นเรื่องสนุกที่เพื่อนเล่าให้เพื่อนฟังมันก็กลับกลายเป็นเรื่องเศร้าเสียอย่างนั้น

"พอแล้วสน เราไม่ไหวแล้ว เราไม่อยากเล่าแล้ว" ต้นร้องไห้อย่างสะเทือนใจ

"ยัง...เราขออีกเรื่องเดียวนะต้น ถ้านายตอบได้...นายก็ตอบเรานะ ถ้าตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร"

ถึงต้นจะไม่อยากเล่าแล้ว แต่พอเห็นว่าเป็นเรื่องสุดท้ายต้นก็คิดว่าพอจะฝืนใจเล่าไปได้อีกสักหน่อยบ้าง

"นายอยากให้เราเล่าอะไรอีกล่ะสน"

สนทำท่าครุ่นคิด คำถามนี้สำคัญทีเดียว ถ้าสนรู้คำตอบ สนก็คงจะมีคำตอบให้กับตัวเองแล้วว่าต่อไปสนควรจะทำยังไง

"นายกับพี่เขา...มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง...เหมือนที่เรากับนายเคยมีหรือเปล่า"

ต้นนิ่งอึ้งไปเลยคราวนี้ นิ่งไปนานทีเดียว ส่วนสนก็เฝ้ารอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แต่จนแล้วจนรอดต้นก็ไม่ยอมเอ่ยปากพูด

"ตอบไม่ได้ใช่ไหม ไม่เป็นไร ตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร"

สนบอกแล้วก็หันไปมองข้างนอกร้านเมื่อได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ

"แฟนนายคงมารับนายแล้วล่ะ เอาไว้เราคุยกันอีกทีตอนเย็นๆ นะต้น"

ต้นพยักหน้าพร้อมกับค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมๆ กับสน

"อย่าร้องไห้ เดี๋ยวแฟนนายจะเข้าใจผิด หาว่าเราทำอะไรนาย ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อน เดี๋ยวเราพาไป"

ว่าแล้วสนก็คว้าข้อมือต้นพาเดินไปที่ห้องน้ำของร้านอาหาร พอมาถึงอ่างล้างหน้าต่างคนก็ต่างล้างหน้าของตัวเองให้สดชื่นเพราะต่างคนต่างก็ร้องไห้เหมือนกัน

"ขอโทษนะต้น เราต้องทำงาน นายมากะทันหันไปหน่อยเราก็เลยจัดเวลาให้นายไม่ได้ เอาไว้วันหลังนะ แต่เราว่า...นายคงอยากใช้เวลากับแฟนนายมากกว่า ใช่ไหมล่ะ" สนหันไปพูดติดตลกด้วยหลังจากที่ล้างหน้าเสร็จแล้ว พยายามยิ้มให้อีกฝ่ายเท่าที่พอจะยิ้มได้

ต้นหน้าเจื่อนเมื่อได้ยินอย่างนั้น

"เราล้อเล่น ไปเถอะ แฟนนายรอแย่แล้ว" สนหัวเราะเบาๆ

จะว่าไปต้นก็รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน สนดูแปลกๆ และทำอะไรแปลกๆ แถมยังมีสีหน้าและแววตาที่ดูแปลกๆ ไปอีกด้วย ไม่ถึงกับสังเกตเห็นได้ชัดแต่ต้นก็รู้สึกได้ด้วยความที่รู้จักกันมานาน ความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ยากที่จะหลุดรอดสายตากันและกันได้ ต่อให้จากกันไปสามปีแล้วก็เถอะ

สนพาต้นเดินไปส่งที่ลานจอดรถ ก็พอดีกับที่ทดแทนเดินเข้ามาในร้านอาหารของสนเสียก่อน

"เป็นไงบ้างต้น คุยกับเพื่อนเสร็จแล้วเหรอ" ทดแทนร้องทักเป็นคนแรกเมื่อต้นกับสนเดินมาถึงหน้าร้านที่ทดแทนกำลังเดินเข้ามาพอดี

"เรียบร้อยแล้วครับพี่ นี่สนนะครับพี่แทน ที่ต้นเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ แล้วก็นี่พี่ทดแทนนะสน ที่เราเล่าให้นายฟังเมื่อกี้" ต้นแนะนำให้ทดแทนและสนรู้จักกัน

สนมองดูผู้ชายแปลกหน้าอย่างสนใจ ทดแทนแต่งตัวภูมิฐานด้วยเสื้อผ้ายี่ห้อดีราคาแพง รถยุโรปคันนั้นที่จอดอยู่ก็บ่งบอกฐานะของคนขับได้เป็นอย่างดี

สนยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่า ดูจากอายุแล้วทดแทนก็น่าจะอายุพอๆ กับพี่กริดที่ตอนนี้เงียบหายไปจากชีวิตของต้นและสนนานแล้ว

"ร้านสวยนะครับ ไว้ว่างๆ พี่จะแวะมาอุดหนุน"

ทดแทนพูดพลางยิ้มพร้อมกับพิศดูลักษณะท่าทางของสนไปด้วย แม้จะดูผอมและโทรมไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นคนที่หน้าตาดีมากทีเดียว ถ้าดูแลตัวเองดีๆ กว่านี้หน่อยคงหล่อจนสาวๆ หรือหนุ่มๆ ต้องมองจนเหลียวหลังแน่

"ยินดีครับ"

"พี่ไปก่อนนะ ไปต้น"

สิ้นเสียงเรียกของทดแทน ต้นก็ค่อยๆ เดินไปหาคนเรียกอย่างช้าๆ ทดแทนจับมือของต้นไว้เมื่อต้นมาถึง ต้นคอยมองดูสนอย่างระแวดระวังเหมือนกับกลัวว่าสนจะเห็นภาพบาดตาบาดใจ

เป็นอย่างที่ต้นคิดไว้เสียด้วย สนแว่บมองมือของทดแทนที่จับมือของต้นอยู่ แล้วสีหน้าก็ดูหม่นเศร้าลง

"เราปิดร้านแล้วจะไปหาเย็นนี้นะ นายกลับไปนอนพักก่อนละกันนะต้น"

ต้นพยักหน้า มองดูรอยยิ้มบางๆ ของสนแล้วก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเจ้าของรอยยิ้มคงต้องพยายามอย่างมากทีเดียว

ต้นกับทดแทนเดินจูงมือกันไปที่รถ สนยืนมองดูจนกระทั่งทั้งสองคนหายเข้าไปในรถแล้วก็หันหลังกลับเดินเข้าไปในร้าน จากที่คุยกันเมื่อกี้และจากภาพที่เห็นเมื่อสักครู่นี้ สนได้คำตอบแล้วล่ะว่าต่อไปสนควรจะต้องทำยังไง


สนปิดร้านตอนสองทุ่มครึ่ง กว่าจะจัดการสิ่งที่ค้างคาให้เรียบร้อยก็เกือบๆ สามทุ่มแล้ว จากนั้นจึงขับรถกลับบ้าน มาถึงบ้านก็สามทุ่มกว่า สิ่งแรกที่สนทำคือขึ้นไปหาลูกชายในห้องของแม่ที่ปกติก็มักจะนอนหลับไปแล้วในเวลานี้ อาจจะมีบางวันบ้างที่ภูคายังเล่นอยู่ สนก็เลยพอได้เล่นกับลูกบ้าง แต่ถ้าเป็นวันหยุดสนก็จะอยู่กับลูกทั้งวันไม่ไปไหน คอยอาบน้ำ ป้อนข้าว พาเล่น กล่อมให้นอนหลับ พ่อกับแม่จะได้พักผ่อนจากการเลี้ยงหลานบ้าง แต่พ่อกับแม่ก็มักจะอดไม่ได้เสียทุกครั้ง คอยช่วยสนเลี้ยงลูกตลอด

คืนนี้ภูคาหลับไปแล้วสนจึงแค่เข้าไปดู พ่อกับแม่มักจะเล่าให้สนฟังทุกครั้งว่าวันนี้ภูคาเล่นอะไรบ้าง เห็นพ่อกับแม่มีความสุขกับหลานแล้วสนก็มีความสุขมากทีเดียว แม้ว่าหลานคนนี้จะต้องแลกมาด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง แต่สนก็ยินดี

หลังจากฟังพ่อกับแม่เล่าเรื่องลูกชายให้ฟังแล้วสนก็ขอตัวเข้าห้องของตัวเอง สนเดินเข้าไปหยิบอะไรบางอย่างจากตู้เสื้อผ้าแล้วก็ใส่กระเป๋าเป้ไว้ จากนั้นก็ออกมาจากห้องอีกครั้ง แม่ออกมาเจอกับสนพอดี

"อ้าวสน จะไปไหนอีกล่ะลูก ดึกแล้ว พักผ่อนเถอะลูก พรุ่งนี้ก็ต้องไปแต่เช้าอีก"

"ผมจะไปหาต้นครับแม่" สนปิดประตูห้องแล้วก็เดินมาหาแม่ช้าๆ

"อ้อ..." แม่ของสนทำท่าครุ่นคิดเหมือนกับไม่แน่ใจว่าจะถามดีหรือไม่ "สนเป็นไงมั่งลูก ได้เจอกับต้นแล้วใช่ไหม"

สนพยักหน้า สีหน้าดูเศร้าลง

"สนไม่เป็นไรใช่ไหมลูก" แม่ถามอย่างเป็นห่วง

สนส่ายศีรษะ "ไม่รู้เหมือนกันครับแม่ แต่ช่างเถอะครับ ก็อย่างที่แม่บอกสน ถ้ารอแล้ว...ก็รอให้ถึงที่สุด รอจนกว่าจะรอไม่ไหว ผมไปก่อนนะครับแม่"

สนบอกแล้วก็ค่อยๆ เดินลงบันไดไป มีสายตาของแม่ที่คอยมองตามอย่างห่วงใย แต่ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน เธอคาดเดาว่าสนคงเสียใจฟูมฟายหรือไม่ก็อาจจะเสียศูนย์ไปเลย แต่ทำไมสนถึงกลับดูไม่เสียใจมากเท่าที่ควรจะเป็น

สนมาถึงบ้านต้นก็เกือบๆ สี่ทุ่มพอดี พ่อแอ๊ดบอกว่าต้นอยู่บนห้องนอน แต่ดูเหมือนจะนอนไม่ค่อยหลับเพราะร่างกายยังปรับเวลาให้เข้ากับเวลาของประเทศไทยไม่ได้ ตอนนี้เพิ่งอยู่ในช่วงบ่ายเท่านั้นที่อังกฤษ

สนเคาะประตูห้องต้นที่สนคุ้นเคยมามากกว่าสิบปี ไม่นานนักคนในห้องก็มาเปิดให้ ต้นใส่ชุดนอนเตรียมตัวนอนแล้ว ท่าทางดูอิดโรยมากทีเดียวเพราะอยากนอนแต่ก็นอนไม่หลับ

"ยังไม่นอนอีกเหรอ" สนถามพร้อมกับค่อยๆ ปิดประตูห้องอย่างเบามือ

"ยัง เรานอนไม่หลับ ยังปรับเวลาไม่ได้"

สนหัวเราะเบาๆ "รออีกวันสองวันก็จะหายแล้ว" แล้วสนก็ทำท่าเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่าง

"แล้วแฟนนายล่ะ กลับไปแล้วเหรอ" ในที่สุดก็ถามออกไป

ต้นพยักหน้า "กลับไปตั้งแต่ตอนบ่ายๆ แล้วล่ะ พี่แทนอยากให้เรานอนพัก เราก็พยายามนอนแล้วแต่ก็นอนไม่ได้"

"อดทนหน่อยละกัน เดี๋ยวก็หาย"

ต้นนั่งลงบนเตียง ส่วนสนยังคนยืนอยู่กลางห้อง เห็นต้นอยู่ในชุดแบบนี้แล้วก็อดคิดถึงช่วงเวลาสิบวันแห่งความรักของต้นกับสนไม่ได้ สนเฝ้าป้อนความสุขทางกายให้กับคนที่รักอย่างสุดฝีมือก่อนที่จะนอนหลับใหลไปด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่มีช่วงเวลาไหนของชีวิตอีกแล้วที่จะมีความสุขมากเท่านี้ น่าเสียดาย...สนคงไม่ได้ทำอย่างนั้นกับต้นอีกแล้ว

"แล้วเมื่อไหร่...นายกับพี่เขาจะตกลงอยู่ด้วยกันล่ะต้น"

คนถูกถามสะดุ้งเลยทีเดียว

"เพิ่งรู้จักกันแค่ปีเดียวเอง เรายังไม่คิดไปถึงขนาดนั้นหรอก" ต้นพูดเสไป

"ก็อย่าให้มันนานไปละกันต้น อย่าให้เหมือนเรา กว่าจะได้บอกรักกันก็ปาเข้าไปเป็นสิบปี"

แล้วสนก็หยุดพูดไปเฉยๆ พูดเรื่องนี้แล้วสนก็อดนึกถึงค่ำคืนนั้นที่ดอยอินทนนท์ไม่ได้ ความรักที่แสนหวานและลึกซึ้งคืนนั้นถือได้ว่าเป็นฉากรักที่ดีที่สุดที่สนจะไม่มีวันลืมเลย ไม่รู้ว่าต้นลืมไปแล้วหรือยัง แต่สนก็ไม่อยากจะถามตอนนี้

"อ้อ...เรามาเก็บของน่ะ พอดี...เราไม่รู้ว่านายจะกลับมาก็เลยยังไม่ได้เอาของบางส่วนกลับบ้าน เรามานอนที่นี่อาทิตย์ละวันตั้งแต่หย่ากับนินา จะได้ช่วยดูแลพ่อกับแม่ให้นายด้วยไง"

ต้นยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณ สนเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของต้นแล้วก็เก็บเสื้อผ้าที่สนทิ้งไว้ที่นี่สองสามตัวใส่กระเป๋าที่เตรียมมา จากนั้นก็เดินมาที่เตียงนอนของต้น หยิบเอารูปถ่ายตรงหัวเตียงมาถือไว้ มองดูรูปนั้นพร้อมกับคิดอะไรบางอย่าง สนรักต้นมากเหลือเกิน นึกไม่ออกเลยว่าถ้าต้นไม่มาอยู่เป็นคู่ชีวิตสนจะนำพาชีวิตของตัวเองไปในทิศทางไหน ถึงสนจะเป็นผู้ชาย แต่พอได้รักกับผู้ชายอย่างต้นแล้ว สนก็นึกภาพที่เขาจะมีชีวิตอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งไม่ออกเลย สนควรจะปล่อยต้นไปหรือควรจะทำยังไงดีหนอ

สนค่อยๆ เก็บรูปนั้นใส่กระเป๋าเป้ ยืนคิดสักพักแล้วก็ค่อยๆ สาวเท้าไปที่ประตู

"นายจะกลับแล้วเหรอ ไหนว่ามีอะไรจะคุยกับเราอีกไง" ต้นร้องดักไว้เมื่อเห็นสนทำท่าเหมือนจะกลับบ้าน

สนแอบยิ้มเล็กน้อยเพราะกำลังรอโอกาสนี้อยู่ แล้วก็หันหลังเดินกลับมานั่งลงบนเตียงข้างๆ กับต้น ยิ้มให้ต้นบางๆ ก่อนจะหยิบเสื้อตัวหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ใบนั้นให้ต้นดู

"นายจำเสื้อตัวนี้ได้ไหมต้น"

ต้นพยักหน้า ไม่ได้รู้สึกแปลกใจนักที่สนยังเก็บมันไว้ เสื้อตัวนี้ต้นซื้อให้สนเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว

"นายรู้ไหม ถึงเราจะใส่มันไม่ได้แล้ว แต่เราก็ไม่เคยทิ้งมันไป เพราะมันเป็นเสื้อที่เรารัก นายเห็นไหมต้น มันมีรอยเปื้อนอยู่บนเสื้อด้วย"

ต้นมองตามแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย

"แต่ถึงมันจะเปื้อนจะด่างยังไง เราก็จะเก็บมันไว้ ถ้าใส่ได้เราก็คงจะใส่ไปแล้วล่ะ"

สนพูดติดตลกตอนท้ายก่อนจะจ้องมองหน้าของต้นด้วยสีหน้าจริงจัง

"นายรู้ไหมต้น คนที่ไม่เคยผิดเลยก็คือคนที่ไม่ได้ทำอะไร เสื้อผ้าที่ไม่เคยเปื้อนเลยก็คือเสื้อผ้าที่ไม่มีใครหยิบมาใส่ ความรักก็เหมือนกันนะต้น ความรักที่ไม่มีรอยเปื้อนเลยก็คือความรักที่ไม่เคยเกิดขึ้น ที่ผ่านมา...เราสองคนก็คงเคยทำอะไรหลายๆ อย่างให้ความรักมันเปื้อน เป็นรอยด่างในความทรงจำของเรา นายคงเคยสงสัยว่าทำไมเราถึงทำอย่างงั้น บางอย่างนายก็อาจจะรับไม่ได้ด้วยซ้ำ บางทีเราก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมนายถึงทำอย่างงั้น ทำไมเราถึงทำเหมือนไม่แคร์กัน ทำไมเราถึงทำอะไรโง่ๆ บ้าๆ อยู่หลายที" สนหยุดเว้นจังหวะให้ต้นคิดตาม

ต้นฟังอย่างตั้งใจ แต่ละประโยคที่พูดมานั้นเฉียบคมจนคิดตามและมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน

"ไม่มีความรักของใครแม้แต่คนเดียวหรอกนะต้นที่ไม่เคยมีรอยเปื้อน ไม่มีความทรงจำของใครที่ไม่เคยมีเรื่องไม่ดี ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่เรารักกัน ถึงจะรักกันมากแค่ไหนมันก็มีรอยเปื้อนเกิดขึ้น ถึงจะดีต่อกันแค่ไหน ก็ยังมีหลายๆ เรื่องที่เป็นรอยเปื้อนในความทรงจำของเรา ความรักของเราก็คงเหมือนกับเสื้อตัวนี้ที่นายซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเรานั่นแหละ มันมีรอยเปื้อนอยู่หลายจุด ถึงเราจะทำความสะอาดมันดีแค่ไหนมันก็หายไปไม่หมด แต่นายรู้ไหม...ต่อให้เสื้อตัวนี้มีรอยเปื้อนเยอะแค่ไหน มันก็เป็นเสื้อที่เรารัก เราจะเก็บมันไว้ตลอดไป แล้วนายล่ะต้น นายยังเก็บความรักของเราที่มีรอยเปื้อนไว้อยู่หรือเปล่า ถ้าความรักเหมือนเสื้อที่เปื้อนตัวหนึ่ง นายยังจะเก็บมาซักให้สะอาดแล้วใส่ใหม่อีกครั้งหรือเปล่าต้น" สนเว้นจังหวะอีกเล็กน้อย

"ถึงเราจะไม่ได้มีความรักที่ดีเลิศให้นาย แถมยังทำให้มันเปื้อน แต่มันก็เป็นความรักแท้จากใจของเรานะต้น"

สีหน้าของสนอาจจะเหมือนคนร้องไห้ แต่เขาก็ไม่ได้ร้องไห้ ต้นยังคงเงียบ มองดูสนเหมือนกับคนที่ใช้ความคิดอย่างหนัก

"เราจะพูดกับนายแค่นี้แหละ นายคิดดูดีๆ ละกันนะต้น ได้คำตอบแล้วค่อยบอกเราก็ได้ เดี๋ยวเราไปนอนก่อนนะ"

สนมองหน้าต้นอีกครั้ง แววตาแฝงความอาลัยอาวรณ์ให้พอสังเกตเห็นได้ สนไม่มีเพื่อนนอนคุยด้วยมาสามปีแล้ว แม้ว่าคนที่สนเคยนอนคุยด้วยมาเป็นสิบๆ ปีจะกลับมาแล้วแต่สนกลับรู้สึกว่ามีช่องว่างจนไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ

สนลุกขึ้นออกไปพร้อมกับกระเป๋าเป้อย่างช้าๆ ยังไม่ทันจะเปิดประตูห้อง คนที่นั่งครุ่นคิดอยู่ก็วิ่งมากอดสนไว้จากทางด้านหลัง

"อยู่เฉยๆ ไม่ต้องหันมา" ต้นบอกพร้อมกับร้องไห้เบาๆ

สนยืนนิ่งและทำตามอย่างว่าง่าย สามปีที่ต้นจากไปนั้น เหมือนกับชีวิตเคยชินที่ไม่มีสนคอยอยู่ใกล้ๆ จากกันนานจนรู้สึกไปเองว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร ชีวิตยังไปต่อได้ แต่พอได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ต้นก็ชักจะไม่แน่ใจเสียแล้วว่าความเคยชินนั้นอาจไม่ได้ช่วยให้ความรักนั้นหายไป ต่อให้ความรักมันเปื้อนยังไงมันก็คือความรักที่คนสองคนตั้งใจที่จะมอบให้แก่กัน แล้วเพราะเหตุใดเล่าต้นถึงต้องทิ้งความรักเปื้อนๆ นั้นไป เพียงเพราะว่าความรักมันเปื้อนแค่นั้นหรือ

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2016 08:31:26 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ดีใจๆ มาต่อแล้ว

ตอนนี้ก็ยังเศร้า น้ำตาหยดแหมะๆ
จะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
เพราะต้นคงไม่กล้าทิ้งพี่แทนแน่ๆ
รู้สึกเหมือนต้นรักสนน้อยลง
แต่สนรักต้นมากขึ้น
ต้นเล่าเรื่องสนให้พี่แทนฟังแบบไหนนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2015 21:08:54 โดย snowboxs »

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
บางทีอะไรๆ มันอาจจะยังไม่สายก็ได้นะ ถ้าคิดได้ตอนนี้
ลองถามหัวใจตัวเองดีๆ นะต้น

ตอนนี้อ่านไปแล้วจะร้องอ่ะ เศร้ามาก มันเหมือนเราเห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองตั้งแต่ต้น
ผ่านอะไรมาตั้งเยอะ แต่พอมาถึงจุดๆนี้ แล้วมันเศร้าอ่ะ :(

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ลองถามใจดีๆเถอะต้น เราเคยว่าสนเฮงซวยก็จริงนะ แต่ตอนนี้พอใจเย็นลง เราก็ต้องขอโทษสน ที่ด่วนตัดสินใจเร็วไป

รักปักใจมันมีอยู่จริง จากปสกส่วนตัวของเรา การที่ไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะรักเขาน้อยลง อันนี้เรายืนยัน มีคนใหม่ก็เสียใจไปเปล่าๆ ถ้าเราเห็นเขาเป็นแค่เงาของคนที่เรารัก

คิดดูดีๆว่ารักคนใหม่จริงๆ หรือแค่เห็นสนในตัวของทดแทนกันแน่

ออฟไลน์ watt1960ka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สุดยอดเลยอ่ะ      :คุณsarawatta  ผมจะ คอมเม้นต์ คุณทุกอย่าง หลังจากเรื่องจบอย่างสมบูรณ์  ตอนนี้ผมขอเก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน มาต่อให้จบไวๆน่ะครับ

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
ตอนแรกๆก็สงสารสนนะ แต่พอมาอ่านตอนที่สนพยายามเซ้าซี้ต้นในเรื่องที่ต้นไม่อยากพูด
มันเกิดอาการหมั่นไส้และหงุดหงิดขึ้นมาเลยอ่ะ โดยเฉพาะตอนที่ถามว่าเค้ามีอะไรที่ลึกซึ้งแล้วหรือยัง
คือเรารู้สึกว่าจะอยากรู้ไปทำไม และมีสิทธิ์อะไรไปถามเค้า อย่าลืมนะว่าสนก็เคยไปมีอะไรกับคนอื่นมาก่อน
ทำให้ต้นต้องเจ็บปวดมาแล้วตั้งไม่รู้กี่ครั้ง และถามก็เหมือนออกแนวประชดนิดๆ เหมือนจะซ้ำเติมตัวสนเองไปในตัว
มันก็ยิ่งทำให้ต้นเจ็บตามไปด้วย ซึ่งเอาจิรงๆเราก็ไม่อยากให้ต้นใช้พี่ทดแทนเค้าเป็นแค่ตัวแทนของสนหรอกนะ
เพราะแค่นี้ก็มีคนเจ็บมามากพอแล้ว คือถ้าต้นจะตัดสนออกจากใจก็เอาให้มันเด็ดขาด ถ้ายังรักสนอยู่ก็ปล่อยพี่เค้าไป
ก่อนที่มันจะถลำลึกไปมากกว่านี้ แต่บอกตรงๆนะ ทำไมตอนที่ต้นเราให้สนฟังมันเรื่องแฟนดูเหมือนมีพิรุธยังไงไม่รู้
หรือจะมีอะไรมาหักมุมอีกรึป่าวเนี่ย


ปล.เราว่าแล้วว่ามันต้องมีดราม่ามาโจมตีต้น คือก็เข้าใจนะว่าสงสารสน แต่มันคนล่ะส่วนกันป่ะ
ถ้าสมมติต้นจะมีคนใหม่จริงๆมันผิดตรงไหน สนมันมีเมียมีลูกด้วยกันแล้วนะแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
แต่ก็ทำให้ต้นเสียใจไม่ใช่รึไง แล้วยิ่งมีบางคนบอกว่าแค่การนอกใจ.........การนอกกายนอกใจไม่ใช่เรื่องแค่นี้นะ
อย่ายัดเยียดให้คนผิดหรือการกระทำผิดๆมันกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเลยครับ ขอร้องล่ะ
สังคมไทยทำไมถึงได้คิดว่าการนอกกายนอกใจเป็นเรื่องเล็กๆกันจัง งงมาก
หรือคนพวกนั้นไม่เคยโดนเลยไม่รู้สึกว่ามันเลวร้ายแค่ไหน ไม่เจอกับตัวคงไม่รู้หรอกนะ
ก็เหมือนกับบางคนกลัวความมืด คนไม่กลัวก็จะบอกปัญญาอ่อนป่ะ กะอีแค่ความมืดจะกลัวทำไม
มันก็เหมือนเวลาที่เรานอนแล้วหลับตาแค่นั้น แต่คนที่เค้ากลัวนี่เค้าทุกข์ทรมานใจเหมือนเห็นงูกำลังจะฉกอยู่ตรงหน้าตัวเองอยู่แล้ว


**แต่เราเดาว่าเรื่องนี้เหมือนจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้น(รึป่าว) หลังจากที่ฟังต้นเล่าเรื่องแฟนให้สนฟัง แอบใจชื้นขึ้นมานิดๆ
และเหมือนมีความหวังน้อยๆว่าต้นกับทดแทน อาจไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆก็คงจะดี
จะได้ไม่มีใครมาเจ็บกับเรื่องนี้อีก เพี้ยง!!! ขอให้เดาถูกทีเถ๊อะ เพราะนี่เป็นเรื่องแรกที่เราอ่านแล้วไม่เคยเดาถูกเลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป
คนแต่งเก่งมากที่หลอกคนอ่านได้ขนาดนี้ (อยากให้ลองแต่งแนวสืบสวนสอบสวนหรือนิยายหักมุมดูบ้างคงจะสนุกมากๆแน่ๆเลยอ่ะครับ)
บอกตามตรง ตอนนี้ไม่รู้จะสงสารใครดี ระหว่างต้น สน หรือทดแทน อิๆๆๆๆๆ**

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2015 21:22:21 โดย AMINOKOONG »

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
ดีใจที่ต้นกับสนได้เจอกันอีก แต่ก็อดร้องไห้ไม่ได้ เพราะต้นมีแฟนจริงๆ กลายเป็นต้นสินะที่เหมือนจะลำบากใจ เพราะได้รับรู้เรื่องราวของสนจากปากพ่อของทั้งสองฝ่าย ไม่ได้มองว่าเป็นการกดดันอะไรนะ พ่อย่อมหวังดีกับลูกเสมอ และที่เปิดใจก็เพราะเห็นต้นกับสนมาตั้งแต่ยังเด็ก และสนก็พิสูจน์ให้เห็นหลายอย่างว่ารักต้นจริงๆ ชอบตอนที่สนพูดเรื่องรอยด่างของความรัก มันกินใจมากเลย  :mew6: แต่ต่อจากนี้นี่สิ ต้นจะทำยังไงนะ พี่ทดแทนก็ดูจะเป็นคนดี ถ้าต้นหวนกลับมาเลือกสน ก็คงจะเหมือนพี่กิดกับพี่ทิน ต้นก็คงจะเสียใจอีกที่ทำให้พี่แทนเสียใจ  แต่ความรักที่มีกับสนมันก็นานเหลือเกิน และยิ่งสนทำอะไรไว้รอก็ลำบากใจอีก แต่สนก็เป็นคนมีเหตุผลดี ถึงเสียใจแต่ก็ไม่อยากทำให้ต้นลำบากใจ แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนสนจะรู้อะไรบางอย่าง มันบอกไม่ถูกอ่ะ เอาไว้ลุ้นต่อดีกว่า :katai2-1: 


ปล. เพลงเพราะมาก แต่งเก่งมากค่ะ คนเขียนนี่เก่งหลายด้านนะ  o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด