ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)  (อ่าน 185794 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
นั้นโดนวางยา

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เนโดนฉัตรแกล้งจนหึงขึ้นสมองเลย 55555

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
หมดกันเน เผยไต๋ไม่มีเหลือ โดนวัฒน์อำเช็ด

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 30


          วัฒน์มองนาฬิกาของตัวเองสลับกับมือถือบนโต๊ะทำงานในห้องนอน เขาไม่คิดว่าเนจะไปนานขนาดนี้ ไอ้ครั้นจะโทรไปถามก็รู้สึกประดักประเดิดชอบกล เลยได้แต่นั่งทนรอมองนาฬิกาอยู่เช่นนี้

          “อาวัฒน์ เนยังไม่กลับมาอีกหรือครับ”

          หนุ่มใหญ่หันไปมองร่างสูงที่แสดงอาการเป็นห่วงปนสงสัย สิทธิ์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับมองไปทั่ว

          “ครับ คุณสิทธิ์มีธุระสำคัญหรือครับ”

          “อ๋อ เปล่าหรอก” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ “ผมแค่เป็นห่วงน่ะ เห็นบอกจะกลับสองทุ่ม นี่สี่ทุ่มกว่าแล้ว ยังไม่กลับมาเลย...เขาโทรบอกอาหรือเปล่า”

          “เปล่าครับ...เดี๋ยวผมจะลองโทรถามดู” เมื่อเห็นเจ้านายดูจะเป็นห่วงเอาการ เขาจึงอาสาโทรไปให้ อย่างน้อยเขาก็มีข้ออ้างที่จะโทรไปแล้วด้วย

          “ครับ”

          “เน ฉันเอง...คุณสิทธิ์เขาเป็นห่วงนาย เห็นยังไม่กลับมาสักที”

          “อ๊ะ ป่านนี้แล้วหรือเนี่ย...ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับ” เด็กหนุ่มร้อนรนตอบกลับ วัฒน์มุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเหมือนหนังสือร่วง “แค่นี้นะครับ”

          “ว่าไงอาวัฒน์” เจ้านายหนุ่มเอ่ยถามทันทีที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย

          “...ดูเหมือนจะยังอยู่ที่บ้านฉัตรน่ะครับ คงไม่เป็นอะไรหรอก” หนุ่มใหญ่เก็บมือถือเข้ากระเป๋า

          “เฮ้อ ดีแล้วๆ ค่อยยังชั่วหน่อย”

          “...เป็นห่วงเนมากเลยสินะครับ”

          “แน่ล่ะครับ” ได้ยินสิทธิ์ตอบแทบจะทันที เล่นเอาคนฟังห่อเหี่ยวใจ “หมอนั่นก็เหมือนน้องชายผมคนหนึ่งนั่นล่ะ แถมยังปากหมาบ้าพลัง ทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังด้วย เลยอดห่วงไม่ได้”

          “งั้นหรือครับ” วัฒน์ตอบเสียงนิ่ง รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ความหวังดีของชายหนุ่มส่งถึงเนสักที...หมายถึงดีใจที่มันเลิกคิดร้ายได้น่ะนะ...

          “เอ้อ จริงสิ นึกขึ้นได้” พอจะออกไปจากห้อง สิทธิ์ก็ร้องขึ้น แล้วหันกลับมา ด้วยใบหน้าฉีกยิ้มกว้างแต่แฝงไว้ด้วยความเหี้ยมโหดที่เล่นเอาวัฒน์ผงะ “พรุ่งนี้นัดหมาสี่ตาไว้ว่าจะไปเตะบอล ช่วยเกณฑ์ก๊กเดิมมาให้พร้อมที่สนามกีฬาที่สวนสาธารณะแถวบ้าน ตอนห้าโมงด้วยนะครับ...อ้อ พี่โค้กกับพี่ศาสตร์ยังไม่หายดีนี่นะ งั้นเอาเนกับใครสักคนที่ว่างมาก็ได้ครับ”

          “....ครับ...” ทั้งที่อีกฝ่ายเอ่ยชวนเรื่องที่ธรรมดา แต่สีหน้าของวัฒน์กลับซีดเซียวเหมือนสิทธิ์บอกว่าจะไปออกรบกับผู้ก่อการร้ายยังไงยังงั้น

          “พูดถึงพี่โค้กกับพี่ศาสตร์ ผมว่าจะไปเยี่ยมสองคนนั้นอยู่ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้อาปลุกผมตอนเที่ยงละกัน ถ้าผมยังไม่ตื่น”

          “จะให้ซื้อของฝากเตรียมไว้ด้วยไหมครับ”

          “อาซื้อของที่อาอยากเอาไปฝากเลยครับ ของผม ผมสั่งเอาทางเน็ตไปแล้ว เพิ่งได้ของมาวันนี้เลย” ชายหนุ่มบอกอย่างหน้าชื่นตาบาน ท่าทางภูมิใจกับของฝากที่สั่งมาน่าดู “งั้นผมกลับห้องก่อนละกัน ถ้าเนมาเมื่อไหร่บอกผมด้วยนะ...เดี๋ยวเราต้องวางแผนการรบกันซะก่อน...หึ หึ หึ”

          ร่างสูงหัวเราะเสียงสยองเสร็จก็เดินออกจากห้อง ปล่อยให้คุณลุงได้แต่มองตามด้วยใจหวาดหวั่น

 

          เนมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบห้าทุ่มด้วยใจระทึก และยิ่งชักกระตุกหนักกว่าเดิม เมื่อเห็นคนที่กำลังยืนอยู่หน้าบ้านด้วยใบหน้าและท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนกำลังรอฟังผลอะไรสักอย่างก็ไม่ปาน

          “คุณวัฒน์” พอจอดรถเสร็จสรรพก็ห้อมาหาด้วยใบหน้าประหลาดใจ “เป็นอะไรไปครับ”

          คนโดนถามชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าของเด็กหนุ่มดูเป็นห่วงมากกว่าปกติจนวัฒน์เผลอใจเต้นทั้งที่ไม่ควร

          “เปล่า ฉันไม่ได้เป็น...แต่นาย ไม่แน่” หนุ่มใหญ่เอ่ยเสร็จก็รีบลากอีกฝ่ายเข้าบ้าน “แล้วนี่กลับมาซะดึก ไปเถลไถลอะไรอยู่”

          “ขอโทษด้วยครับ...พอดีคุณฉัตรบอกให้พักก่อน...” จะให้บอกหรือ ว่ามัวแต่ดูรูปอัลบั้มครั้งยังละอ่อนของวัฒน์ ถึงเจ้าตัวอาจจะไม่คิดอะไร แต่คนดูนี่ล่ะที่คิด “ขอโทษครับ”
         
          “เออ ขอโทษทีเดียวก็พอแล้ว” วัฒน์โพล่งเสียงดัง แอบนึกขุ่นเคืองไอ้คนหน้าบากที่ทำอะไรไม่เป็นเรื่อง “คุณสิทธิ์เรียกหานาย...พรุ่งนี้จะไปเตะบอล เลยให้นายไปรู้แผนการเล่นไว้ก่อน”

          เนเอียงคอเลิกคิ้ว แค่เตะบอล ทำไมถึงต้องทำหน้าดำหน้าแดง ใช้เสียงเคร่งเครียดอย่างกับจะไปตีรันฟันแทงกับใครเสียอย่างนั้นด้วย...แล้วแค่เตะบอล ทำไมเจ้านายจะต้องถึงกับวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนกัน

          หลังจากส่งอีกฝ่ายเข้าห้องผู้เป็นนายเรียบร้อย วัฒน์ก็กลับมาที่ห้องตัวเอง เดินออกไปที่ระเบียง และหยิบมือถือขึ้นมา

          “ว่าไงที่รัก”

          “...ขอโทษที คงโทรผิด...”
         
          “เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่ๆ แกโทรถูกแล้วว้อย” เสียงปลายสายร้องลั่น “ไอ้เด็กนั่นไปถึงที่บ้านหรือยัง พอดีฉันออกมาก่อน ปล่อยให้มันอยู่บ้าน”

          “...นี่แกปล่อยให้มันอยู่ในบ้าน คนเดียว งั้นหรือ” วัฒน์ถาม พยายามข่มอารมณ์โกรธตัวเอง แต่ไร้ผลสุดๆ “ทั้งที่ฉันบอกว่ามันอาจจะเป็นสายของไอ้เดชเนี่ยนะ”

          “เอาน่าๆ ใจเย็นก่อนสิวะ” ฉัตรปราม แต่เสียงสั่นเหมือนเด็กที่รู้ตัวว่าทำผิด “คือ...ฉันถามอะไรเพื่อความแน่ใจหน่อยได้ไหม”

          “อะไร”

          “...ถ้าหมอนั่นเป็นสายของไอ้เดชจริง แกจะทำยังไงกับมัน”

          เงียบฉี่เป็นป่าช้าเลยทีเดียว แต่รอบนี้คนถามก็ไม่ยอมแพ้ด้วย เลยพากันเงียบยาวอยู่เกือบห้านาที

          “ก็ไม่ทำยังไงหรอก แค่ถามเพื่อความแน่ใจ”

          “แน่ใจ? แน่ใจอะไรวะ ถ้าหมอนั่นเป็นสายไอ้เดช ตามปกติ แกจะไม่ปล่อยไว้อยู่แล้วนี่ ไหงไม่ทำอะไรมันล่ะ หรือเพราะมันเป็นรุ่นน้องของคุณสิทธิ์”

          “ไม่ใช่อย่างนั้น...ฉันเห็นท่าทางมันจะกลับตัวกลับใจแล้ว เลยคิดจะให้โอกาสดู...แต่ถ้าทำไม่ได้ ฉันก็คงต้องเอามันไปลงอ่าว...”

          ถ้าวัฒน์มาเห็นสีหน้าของฉัตรในตอนนี้ เขาคงต้องผงะ เพราะฉัตรกำลังอ้าปากค้างด้วยความตกใจต่อคำพูดของวัฒน์เป็นอย่างมาก ที่หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ตกใจไม่ใช่เพราะคำพูด แต่เป็นเพราะน้ำเสียงต่างหาก ปกติเวลาพูดเรื่องจับคนโบกปูนถ่วงน้ำ และน้ำเสียงของวัฒน์มักจะนิ่ง ไม่ก็เหี้ยม...ไม่ใช่เศร้าสร้อยละห้อยเหมือนคนเพิ่งโดนหักอกแบบนี้หรอก

          “เอ่อ...ฉันก็ยังไม่แน่ใจหรอกว่ามันเป็นสายให้หรือเปล่า” ฉัตรโกหกเสียงค่อย “ไว้ฉันจะลองไปสืบดูให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน”

          “ฝากด้วยล่ะกัน...แล้วก็อีกเรื่อง...” วัฒน์เอ่ยเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “...พรุ่งนี้ตอนห้าโมง...คุณสิทธิ์จะไปเตะบอลกับคุณวิน”

          ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักใจไม่แพ้กัน “เอาจริงดิ งั้นเดี๋ยวฉันจะบอกพวกนี้ให้ละกัน”

          “อืม เดี๋ยวฉันจะโทรไปหามีนให้ช่วยเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเผื่อเอาไว้เอง”

 

          วัฒน์แทบไม่แปลกใจเลยที่เนจะทำหน้าเคร่งเครียดตั้งแต่ตื่นมา อย่าว่าแต่เด็กหนุ่มเลย เขาเองก็รู้สึกเหมือนกัน และด้วยความที่ไม่อยากนั่งเครียดให้เสียเวลา บวกกับต้องหาซื้อของเยี่ยมไข้ เลยออกมาเดินในห้าง...โดยมีเพื่อนร่วมงานติดสอยห้อยตามมาด้วย

          “ปกติ คุณสิทธิ์เล่นบอลกันเข้มข้นขนาดนั้นด้วยหรือครับ” เด็กหนุ่มอดถามไม่ได้ เขาเองก็ไม่อยากอยู่บ้านเท่าไหร่ ถึงได้ตามมา... และพยายามย้ำกับตัวเอง ว่าไม่ใช่เพราะอยากตามคุณลุงมาด้วยแน่นอน...เพราะวันนี้เจ้านายตนตื่นเช้า...แม้จะตื่นเก้าโมง แต่ก็ผิดปกติอยู่ดี เพราะคุณชายไม่เคยตื่นก่อนบ่าย หากไม่มีเหตุจำเป็น และพอนั่งร่วมโต๊ะทานอาหาร สิทธิ์ก็เอาแต่นั่งหัวเราะหึๆ ทำท่าเหมือนจะไปฆ่าใครยังไงยังงั้น

          “เฉพาะกับคนที่จะแข่งในวันนี้เท่านั้นล่ะ” วัฒน์ตอบเสียงนิ่ง ตาก็เลือกหาของเยี่ยมไข้ดีๆตรงหน้า “นายไม่รู้จักคนๆนี้เลยหรือ”
         
          “ไม่นี่ครับ แล้วคุณสิทธิ์เองก็ไม่เห็นจะเคยเล่าให้ฟัง...ถ้าเป็นคนที่เคยเรียนมัธยมเดียวกัน แล้วคุณสิทธิ์ไม่ถูกชะตาด้วย ผมก็น่าจะจำได้อยู่แล้ว”

          หนุ่มใหญ่เงียบพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากออกมาอย่างเสียไม่ได้ “เขาชื่อวิน...เป็นหัวหน้าใหญ่ที่ทำกิจการคล้ายๆกับคุณสิทธิ์ แต่เน้นเรื่องพวกเงินกู้กับการพนันมากกว่า”

          “แล้วทำไมเขาไม่ถูกกันล่ะครับ...หรือมีผลประโยชน์ขัดแย้ง”

          “เปล่าเลย” เสียงทุ้มตอบกลับทันควันพลางถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน “เอาจริงๆแทบไม่มีผลขัดกันเลยสักนิด...กลับกัน ถ้าร่วมมือยังจะได้ประโยชน์มากกว่า...แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรกัน ถึงได้เกลียดกันนัก...รู้แต่ว่าเรียนมหาลัยเดียวกัน”

          “แล้วไปเตะบอลร่วมสนามกันแบบนี้ จะไม่ตีกันแทนงั้นหรือครับ” เนชักเริ่มหวาดตงิดๆ ก่อนจะรับกระเช้ากล้วยล้วนๆจากหนุ่มใหญ่...เด็กหนุ่มแอบตีหน้างงตอนที่เห็นกระเช้านั่น แต่ก็พยายามไม่สนใจให้มากนัก

          “สองคนนั่นไม่เคยต่อยตีกันเลยสักครั้ง” วัฒน์ตอบกลับทั้งที่ยังแสดงอาการหวาดหวั่น “เท่าที่เห็นก็แค่แข่งอะไรกันประหลาดๆ กับเถียงกัน ก็แค่นั้นล่ะ...ถึงจะดูน่าเป็นห่วงอยู่ก็เถอะ แต่ถ้ารู้จักคุณวิน นายจะเข้าใจเอง”

          เด็กหนุ่มได้แต่สงสัยกับคำพูดเหล่านั้น ดวงตาเรียวเลื่อนลงมองของที่วัฒน์กำลังเลือก...ซึ่งดูๆแล้วมันไม่น่าจะเป็นของเยี่ยมไข้เท่าไหร่นัก ไอ้กล้วยล้วนๆนี่ยังพอทำเนา แต่ไอ้ตุ๊กตาแมวเหมียวสีชมพูจ๋านั่น...ถ้าคนไข้เป็นผู้หญิงเขาก็เฉยๆ...แต่เท่าที่ฟังมา เหมือนจะเป็นผู้ชายทั้งคู่...บวกกับเด็กหนุ่มนึกภาพไม่ออกเท่าไหร่ เวลาวัฒน์เดินถือตุ๊กตานั่น

          หลังจากเลือกของเสร็จก็กลับไปรับเจ้านายแสนดีที่เตรียมตัวเรียบร้อยรออยู่แล้ว เนมองกล่องสองกล่องที่สูงราวหนึ่งฟุตซึ่งห่อไว้ด้วยกระดาษห่อของขวัญสีสด และติดริบบิ้นเอาไว้อย่างสวยงามซึ่งวางไว้อยู่ที่เบาะหลัง แอบรู้สึกสงสัยว่าของข้างในจะเหมือนกับของที่วัฒน์เลือกหรือเปล่า

          “ห้องแปดหนึ่งหกสามครับ” วัฒน์เอ่ยก่อนจะเดินนำไปโดยถือของเยี่ยมไข้ทั้งสองที่ซื้อมาแบบไม่อายฟ้าดินอย่างแรง “...โค้กยังอยู่ห้องไอซียูนะครับ ของเยี่ยมคงต้องเอาไปไว้ที่ห้องศาสตร์”

          “ครับ” สิทธิ์รับคำหน้านิ่ง แต่ผู้ติดตามทั้งสองต่างสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลและเป็นห่วงมากแค่ไหน “นี่ก็หนึ่งเดือนแล้วสินะ...ที่หมอนั่นยังไม่ได้สติ”

          มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ คนที่เดินนำอยู่ดูเศร้าหมองลงถนัดตาทั้งที่เห็นเพียงด้านหลัง นั่นทำให้เนรู้สึกแปลกๆขึ้นมา

          ทั้งที่เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจแต่กลับรู้สึกยุ่งยากอยู่ในอกเสียอย่างนั้น

          “อ๊ะ ห้องนั้นสินะ” เสียงของผู้เป็นนายเอ่ยดัง พร้อมกับมองไปยังหน้าห้องซึ่งมีพยาบาลสาวราวสามสี่คนกำลังยืนอออยู่หน้าประตู “แหงมๆ...”

          “ครับ” วัฒน์เองก็รับเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ และเพียงแค่เขาเดินไปทางนั้น เหล่าพยาบาลสาวก็พากันหลีกทางให้ด้วยท่าทียำเกรงกันทันที “เชิญครับ”

          เนไม่แน่ใจว่าจะทึ่งในรังสีน่ากลัวของลุงแกดี หรือจะนับถือที่กล้าถือของเยี่ยมสุดประหลาดนั่นดีกันแน่ ของเขาเป็นแค่กล่องของขวัญ แต่เพราะความใหญ่กับสีสันสดตา เขายังรู้สึกเขินเลย แต่นี่นอกจากลุงแกยังไม่แสดงอาการสะทกสะท้านใดๆให้เห็น ยังกล้าถือแบบไม่มีแอบ จนคนอื่นพากันมองอย่างตื่นตะลึงกันเป็นแถบๆเลยทีเดียว

          “อ้าว คุณสิทธิ์...อาวัฒน์” เสียงทุ้มแหบแห้งของคนไข้บนเตียงเอ่ยดังขึ้นด้วยความดีใจและสงสัยเมื่อเห็นผู้มาเยือน ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้นมานั่ง ใบหน้าเรียวคมเต็มไปด้วยความประหลาดใจต่อการมาเยือน “มาได้ไงครับเนี่ย”

          “ก็มาเยี่ยมพี่ไง” สิทธิ์หัวเราะแล้วหยิบกล่องมาจากเนกล่องหนึ่ง “นี่ของพี่ นี่กล้วยพันธุ์สาวกระทืบหอ สั่งจากปราจีนบุรีเลยนะ”

          เนเกือบสำลัก ไม่คิดว่าของในกล่องแสนสวย จะเป็นกล้วยหนึ่งหวี และชักเริ่มสงสัยต่อแล้วว่า อีกกล่องจะเป็นตุ๊กตาแมวเหมือนกับของวัฒน์ด้วยหรือเปล่า

          “โห ลำบากคุณแท้ๆเลย” ดูท่าทางคนรับเองจะปลาบปลื้มตื้นตันกับกล้วยเหล่านั้นเหลือเกิน...ซึ่งไม่เข้ากับใบหน้าคมที่ดูขรึมและเยือกเย็นนั่นเอาเสียเลย “แค่คุณสิทธิ์ให้ช่วยผมเรื่องค่ารักษาพยาบาล ผมก็ไม่รู้จะใช้คุณหมดหรือเปล่า...”

          “เฮ้ย บอกแล้วไงว่าเรื่องนั้นมันอยู่ในสวัสดิการ แล้วที่ให้อยู่ห้องเดี่ยวน่ะ เพราะมันปลอดภัยกว่าไปอยู่ห้องรวมต่างหาก เกิดพวกอริบุกมาหาเรื่อง คนไข้คนอื่นโดนลูกหลงไปด้วยน่ะสิ ฮะๆๆ”

          “ฮะๆ ก็จริงนะครับ นี่ถ้าพวกอาร์มไม่มาช่วยเฝ้า ผมอาจจะได้นอนโรงพยาบาลนานกว่านี้ก็ได้” คนบนเตียงหัวเราะกับเรื่องที่ไม่น่าขำ
         
          “ศาสตร์ แล้วคนเฝ้ากลับกันไปแล้วหรือ” วัฒน์เอ่ยถาม พลางมองไปรอบห้อง แล้วเอากล่องกล้วยกับกระเช้าไปวางไว้บนเคาท์เตอร์ฝั่งตรงข้ามเตียง...ซึ่งมีตุ๊กตารูปแมวขนาดต่างๆ วางเรียงเป็นแถว

          “อ๋อ อาร์มไปซื้อข้าวอยู่นะครับ สักพักคงมา”

          เนผู้ซึ่งไม่รู้จักคนไข้เป็นการส่วนตัว จึงได้แต่มองดูอยู่เงียบๆ ตอนคุยกับสิทธิ์ยังดูปกติ แต่พอคุยกับวัฒน์ ศาสตร์กลับออกอาการดีใจเกินเหตุยังไงชอบกล...

          .......บ้าเรอะ! ใครจะเที่ยวดีใจเวลาคุยกับตาลุงนี่ก็ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อยนี่หว่า ไม่เห็นจะน่าสนใจ

          “ฉันดีใจนะ ที่เห็นเราดีขึ้นมาก ขอโทษที่มาเยี่ยมบ่อยๆไม่ได้”

          “ไม่หรอกครับ แค่อาวัฒน์มาเยี่ยม ผมก็ดีใจแล้ว”

          ....ทำไมต้องยิ้มกว้างแบบนั้นด้วยฟะ หนอย ทีกับเราล่ะทำหน้ายักษ์อยู่เรื่อย ไอ้หมอนั่นก็เหมือนกัน ทำมาพูดมักน้อยพอตัว เชื่อตายล่ะ ดีใจหน้าบานขนาดนั้น...จะสนิทกันเกินเหตุไปหน่อยหรือเปล่าวะ เห็นปกติมีแต่คนกลัวตาลุงนั่นนี่หว่า ทำไมไอ้หมอนี่มันไม่ยักจะกลัวเลยวะ...ดูๆไป ท่าทางจะชอบสุดๆด้วยซ้ำ ดูสิ ตาเป็นประกายเชียว...

          คิดเลยเถิดมาถึงตรงนี้ เนก็ฉุกคิดเรื่องที่ฉัตรเคยพูด...โดยยังคงลืมตัวว่า เรื่องที่ตนกำลังคิดอยู่ตอนนี้เป็นสิ่งที่ตนพยายามถอยห่างและอ้างว่าไม่ได้เป็น

          ถ้าลุงแกคบกับลุงฉัตรในแง่นั้นมาแล้ว...ถ้างั้น...หมอนี่เองก็อาจจะเป็นเหมือนกับฉัตร...ไม่สิ ดูจากท่าทางแล้วอาจจะเป็นมากกว่านี้ชัดๆ...แค่ไอ้ลุงนั่นยังไม่พออีกหรือไงหาคุณวัฒน์!!...

          เนสะดุ้งโหยงอยู่คนเดียว ไม่เคยคิดอยากวิ่งไปโดดตึกเท่าครั้งนี้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอหึงวัฒน์ แถมยังคิดซะยาวเหยียดและลื่นไหลอย่างไม่น่าให้อภัยเลยสักนิด

          “เน”

          “ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย!!!”

          ทั้งห้องต่างเงียบสงบดุจป่าช้าทันทีที่จบเสียงตะโกนแหววของเด็กหนุ่ม ดวงตาเรียวเบิกกว้างจนเหมือนจะหลุดจากเบ้า เนได้แต่อ้าปากค้างเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่อสถานการณ์นี้ดี คนในห้องต่างมองเขาเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย ส่วนวัฒน์ซึ่งเป็นคนเรียกเน ดูจะไม่พอใจร่วมด้วย

          “ที่นี่โรงพยาบาล ช่วยมีมารยาทหน่อยได้ไหม” หนุ่มใหญ่เอ่ยโดยไม่ติดใจประโยคประหลาดๆที่อีกฝ่ายโพล่ง

          “เอ่อ ครับ ขอโทษครับ” แม้จะยังหงุดหงิด แต่เพราะผิดเลยยอมเอ่ยคำขอโทษออกมา “เรียกผมทำไมหรือ”

          “ก็แค่จะแนะนำให้รู้จักกันน่ะ” สิทธิ์เอ่ยขึ้นมาบ้าง ใบหน้าคมเผยยิ้มเจื่อนให้ “นี่พี่ศาสตร์ ทำงานหลักเป็นพ่อครัว...ถ้าไปลุยนอกสถานที่ก็อาจจะได้เจอกันบ่อยๆละนะ”

          เนกัดฟันยืนมองคนเจ็บบนเตียง ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างเสียไม่ได้ “หวัดดี ผมเน”

          “....เอ่อ...อืม…” ศาสตร์ตอบเสียงแห้ง คิ้วหนามุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัย เหตุผลก็เพราะอีกฝ่ายปล่อยรังสีอาฆาตมาให้ ทั้งที่ตนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ...”

          “เปล่า”

          ตอบเสียงกระแทกกระทั้นขนาดนั้น ใครที่ไหนจะเชื่อกัน

          “ผม...ผมเครียดกับเรื่องที่จะต้องทำในตอนเย็นน่ะครับ” เมื่อรู้ตัวว่าพลาด เนจึงรึบหาข้ออ้างที่ดูดีที่สุดทันควัน และดูท่าทางทุกคนจะเชื่อเสียสนิทใจ โดยเฉพาะสิทธิ์ “ผมขอโทษที่เสียมารยาทด้วย”

          “ไม่เป็นไรหรอกครับ” ศาสตร์ยิ้มรับ ไม่ถือโทษโกรธเลยแม้แต่น้อย ทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกผิดจริงๆจังๆ

          “แต่ฉันดีใจที่นายจริงจัง” เสียงทุ้มของผู้เป็นนายเอ่ยข้างกายพร้อมกับมือหนาที่ตบเข้าไหล่ เนเกือบยั้งสีหน้าตัวเองไม่ทัน เมื่อหันไปมองสิทธิ์ที่กำลังส่งยิ้มแสยะเหมือนฆาตกรโรคจิต “จะได้มั่นใจว่าเตะบอลรอบนี้จะไปได้สวยแน่”

          ลูกน้องทั้งสามต่างพากันหน้าซีดทันที โดยเฉพาะเนที่โดนแรงกดดันมากกว่าใครเพราะต้องเป็นผู้เล่นในเย็นวันนี้ด้วย


______________________________________

ยังหึงกันต่อไป


ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
แหม่.... เน  พิษรักลมหึงกระอักแล้วมั้งนั่น เป็นหนุ่มคาสโนว่ายังไงกัน ถึงได้ดูไม่ออกว่านายคือผู้ชายคนแรกของอาวัฒน์น่ะ :hao7:

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 :z1: :z1: :z1: เนคิดเองหึงเอง..

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
โอ๊ย อึน มึน ซึน สึงตึง ทั้งคู่   :ling1: :ling2:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
หึงไปทั่ว เขานั้นนะ

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
อะไรไม่รู้ล่ะ ขอหึงไว้ก่อน 55555 แต่พฤติกรรมของศาสตร์ก็น่าคิดนะเนี่ย
มาต่อไวๆ น้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ยังๆ ยังไม่เลิกแอบซึน  :hao7:

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ไม่ได้เข้ามาอ่านตั้งสามตอน... :ling1: เค้าขอโต้ดดดด จะพยายามมาเม้นต์ถี่ๆนะคะ บวกเป็ดให้กำลังใจ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
เน ยอมรับใจตัวเองเหอะ เล่นหึงขนาดนี้น่ะ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
หึงตะพึดตะพือมากๆอ่ะ เน~~~~~!!!
นี่กะวางเฮียพัฒคุยกับใคร หัวเราะกับใครนี่จะหึงหมดเรยใไหมเนี่ย 555555555

แต่จะว่าเนคนเดียวก้อไม่ได้หร๊อก เฮีบพัฒ เราก้อน่าจะขี้หึงสูสีอยู่นะ อิอิ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
้เนเอ้ยเน  :z3: :z3: :z3: จนด้วยคำพูด

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 31


          สวนสาธารณะที่เป็นกำลังจะใช้เป็นสังเวียนดวลเดือดเริ่มคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจในยามเย็น บริเวณลานเอนกประสงค์ที่กว้างขวาง มีผู้คนมาทำกิจกรรมกันมากมายไม่ว่าจะเป็น ตีแบด เตะตะกร้อ รำไทเก๊ก และเต้นแอโรบิค

          เหล่าคนในสวนตาพากันมองคนสามคนที่กำลังเดินไปทางลานอเนกประสงค์ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในสวนสาธารณะ สาเหตุที่พวกเขาจ้องไม่วางตาเพราะสีหน้าของคนตัวโตสุดที่เดินนำมานั้น ดูน่าสะพรึงประดุจจอมปีศาจที่กำลังจะได้ไปสังหารศัตรูก็มิปาน ทั้งที่แต่งเนื้อแต่งตัวดูเป็นนักกีฬาผู้รักสุขภาพแท้ๆ

          “...ผมดีใจนะครับ...ว่าแต่ เราต้องใส่ชุดเหมือนกันด้วยหรือ...” ด้วยความที่ทนสายตาที่จ้องมองมาไม่ได้ เนเลยหาเรื่องคุยกับเจ้านายตน ดวงตาเรียวเลื่อนมองเสื้อกีฬาสีแดงสดที่ตนใส่ ที่อกเสื้อด้านซ้ายมีตราของทีมฟุตบอลอาร์เซนอลปักไว้อย่างสวยงาม

          “เวลาลงสนามจะได้รู้ว่าเราเป็นพวกเดียวกันไง อีกอย่าง ฉันแฟนปืน” ดูท่าทางจะหาเรื่องคุยถูกคอ จากที่ทำสีหน้าเหี้ยมเกรียมกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนมนุษย์ปกติทันควัน

          เด็กหนุ่มยิ้มแห้งก่อนจะเหลือบมองเพื่อนร่วมงานซึ่งใส่เสื้อแบบเดียวกัน สีหน้าของหนุ่มใหญ่ไม่ได้แสดงอาการกระอักกระอ่วนต่อสายตาที่จ้องมองมาอย่างที่เนคิด แต่เหมือนกำลังคิดไม่ตกมากกว่า แถมยังบ่นพึมพำเสียงเบาจนจับใจความไม่ได้มาตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาในสวนสาธารณะแล้ว

          เนอยากจะถามอยู่หรอกว่าวัฒน์เป็นอะไร เขาเห็นอีกฝ่ายมีอาการแปลกๆ แบบนี้มาตั้งแต่วันที่สิทธิ์บอกว่าจะเตะบอลแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นถามไป วัฒน์ก็บอกเพียงแค่ว่าไม่มีอะไรเท่านั้น...

          ถ้าไม่มีอะไรจริง ก็อย่าออกอาการชวนให้วิตกไปด้วยสิฟะ ตาลุงนี่!

 

          ใกล้กับลานเอนกประสงค์เป็นสนามฟุตบอลขนาดหย่อมลงมาหน่อย มีกลุ่มคนสองสามกลุ่มจับจองพื้นที่เล่นกันอยู่ สิทธิ์เดินลัดไปยังสนามที่อยู่ฝั่งไกลสุด และค่อนข้างห่างจากกลุ่มที่เล่นไปเยอะทีเดียว...ราวกับผู้คนในนี้จงใจเว้นที่ว่างเอาไว้ให้

          พอเนมองเห็นกลุ่มคนที่อยู่สนามด้านในสุด เขาเริ่มมีสีหน้าไม่ต่างจากวัฒน์เท่าไหร่นัก เพราะฝั่งของพวกตนล้วนแล้วแต่ใส่เสื้อแบบเดียวกับที่พวกเขาใส่มาเด๊ะๆ  แถมพอหันไปมองฝั่งตรงข้ามก็ยิ่งประหลาดใจหนัก เพราะฝั่งโน้นเองก็ใส่เสื้อเหมือนกันทุกคน เพียงแต่ใส่คนละทีมกับฝั่งตน

          ...นี่มันแค่เล่นบอลเฉยๆ ...หรือสงครามแฟนบอลกันแน่ฟะ!! อาร์เซนอลกับเชลซีเรอะ...แต่ผมเด็กผีนะ!!!

          “...เราจะไม่เลือดตกยางออกกันใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มอดพูดออกมาไม่ได้ เหมือนเห็นลางละเลงเลือดตงิดๆ

          “...คิดว่าไม่มั้ง” คำตอบของหนุ่มใหญ่ไม่ได้ช่วยให้คนฟังสบายใจเลยสักนิด วัฒน์เดินเลยไปยังม้านั่งตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วจัดแจงนำกระเป๋าไปวาง ก่อนจะนั่งลงเฉยๆ

          “อ้าว แล้วคุณวัฒน์ไม่เล่นด้วยหรือ” เนชักรู้สึกตื่นเต้นทั้งที่ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเลยสักนิด เล่นเอามือเหนียวเหงื่อหมดแล้ว

          “คุณสิทธิ์ต้องการคนที่เล่นดีที่สุด...ซึ่งไม่ใช่ฉัน” วัฒน์ตอบเสียงแข็ง รู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ไม่เก่งพอจะได้รับเลือก “นายเองก็อย่าทำให้คุณสิทธิ์แพ้ละกัน”

          “ผมรู้แล้วน่า เลิกกดดันกันสักทีเถอะ” เด็กหนุ่มร้องแหววใส่ “แล้วคนไหนที่…เป็นแกนนำของอีกฝั่งล่ะครับ”

          “โน่นไง วิน คนที่ใส่แว่นไว้หางเต่าน่ะ”

          วัฒน์ชี้ไปทางฝั่งตรงข้ามที่กำลังวอร์มร่างกายอยู่ ชายร่างใหญ่ยักษ์พอๆกับเจ้านายตนกำลังคุยกับคนสองสามคนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดจริงจัง...เหมือนกับตอนที่สิทธิ์พูดกับเขาเด๊ะ

          “สวัสดีครับคุณสิทธิ์” ทันทีที่ผู้เป็นนายมาถึง เหล่าลูกน้องพากันพร้อมใจเอ่ยทักทายให้ ก่อนที่ฉัตรจะเป็นคนเอ่ยต่อ “จะวอร์มก่อนก็ได้นะครับ ฝั่ง...วินเองก็เพิ่งมา คนที่เหลือของเราก็พร้อมแล้ว”

          เสียงฉัตรสะดุดเล็กน้อยตอนที่เรียกชื่ออีกฝั่ง สีหน้าเหมือนโล่งใจที่ไม่ได้พลั้งสิ่งที่ไม่ควรออกไป

          “ดี งั้นเน ไป” สิทธิ์ยิ้มเหี้ยมเอ่ยชวนเด็กหนุ่ม “จัดให้หนักเลย”

          หมายถึงบอลใช่ไหมครับ...ไม่ใช่ตีกัน...ผมชักงงๆแล้วนะ

          “วัฒน์จ๋า”

          แต่หวั่นใจไม่ทันไร ก็ของขึ้นเพราะเจอภาพไม่น่าดูเข้า และยิ่งยัวะหนักเมื่อเห็นว่าหนุ่มใหญ่ร่างยักษ์จงใจทำ...ไม่งั้นคงไม่ส่งสายตาเยาะเย้ยมาหรอก

          “ทำไม” คนโดนกอดถามกลับด้วยเสียงที่นิ่งมาก...ราวกับไม่รู้สึกรู้สากับวงแขนนั่นแม้แต่น้อย

          “ฉันมีเรื่องส่วนตัวอยากคุยด้วย...” หนุ่มใหญ่หน้าบากเอ่ยเสียงอ้อน พร้อมกับโน้มหน้าไปใกล้วัฒน์ ผู้ยังคงหน้านิ่งไม่เปลี่ยน ทำท่าเหมือนกระซิบกระซาบกลัวคนได้ยิน

          คิ้วเนแทบผูกกันเป็นโบว์เพราะได้ยินที่ฉัตรพูดชัดทุกตัวอักษร

          “ไปคุยในที่ลับๆ กันดีกว่าไหม...”

          “ได้สิ”

          “อ๊ากกกกก พอแล้ว!!”

          ทุกคนต่างพากันสะดุ้ง เนกระโดดถอยหลังไปด้วยความตกใจต่อสิ่งที่พลั้งทำลงไป เขาเผลอกดหลังสิทธิ์เสียจนหน้าชายหนุ่มแทบจะนาบไปกับพื้นหญ้า

          “นายจะให้ฉันตัวอ่อนจนไปแข่งยิมนาสติกเลยเรอะ” สิทธิ์หันมาว่าน้ำตาเล็ด มือก็ลูบกระดูกสันหลังอย่างเบามือ “ตั้งใจหน่อยสิ”

          “ขะ...ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยหน้าหมอง แต่ยังไม่วายสอดส่ายสายตากลับไปหาทางวัฒน์

          แต่เจ้าตัวไม่อยู่เสียแล้ว รวมถึงฉัตรด้วย

          เนหันมองไปทั่วเหมือนคนบ้า และก็เห็นวัฒน์กับฉัตรกำลังเดินไปทางสวนหย่อมซึ่งมีผู้คนน้อยและสงบกว่าแถวนี้มาก

          ไม่นะ! จะไปไหนกันน่ะ!! สบโอกาสก็จะไปจู๋จี๋กันเรอะ กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!...เอ๊ย ไม่ใช่สิ...จะไปไหนก็ไปเลย! ผมไม่เห็นจะรู้สึกอะไรสักนิด คุณมันก็แค่คู่นอน ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นล่ะ!!!

          “เฮ้เน มองหาอะไรอยู่น่ะ นายจะไม่วอร์มหรือไง เดี๋ยวกล้ามเนื้อฉีกหรอก” สิทธิ์เรียกเสียงแข็งพร้อมกับฉุดเนที่ยังคงมองวัฒน์ไม่ละสายตา ไม่รู้ว่าเพราะแอบแค้นเรื่องเมื่อครู่ หรือเพราะเห็นเนไม่มีสมาธิกับการแข่งเอาเสียเลย ชายหนุ่มเลยจัดการเรียกสติ ด้วยการผลักลูกน้องตนนอนคว่ำกับพื้น จากนั้นนั่งคร่อมหลัง แล้วดึงแขนเด็กหนุ่มจนหน้าอกของเนลอยขึ้นมา

          “จ๊าก!! เจ็บๆๆๆ หลังผมจะหักแล้วค้าบบบ” เนร้องเสียงหลงพลางดิ้นเอาเป็นเอาตาย

          “เออ ตั้งใจหน่อยละกัน ถ้าเป็นอีก ฉันจะดัดให้นายตัวม้วนเป็นหอยทากเลย” สิทธิ์พูดทีเล่นทีจริง แต่ออร่าอำมหิตแผ่กระจายจนฟุ้ง

          ถึงใจจริงจะว้าวุ่นจนอยากหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เพราะสำนึกในหน้าที่บวกกับกลัวว่าผู้เป็นนายจะทำอย่างที่ว่าไว้จริง เนจึงได้แต่ก้มหน้าวอร์มร่างกาย พยายามบอกตัวเองว่าตนไม่ได้ใส่ใจกับการที่วัฒน์ไปที่ลับตากับฉัตรแม้แต่น้อย

 

          “มีอะไร”

          หลังจากเดินมาได้สักพัก วัฒน์ก็เอ่ยถามขึ้น บริเวณที่ทั้งสองกำลังเดินเป็นทางเดินเล็กๆที่ปูด้วยคอนกรีต ข้างทางเป็นสนามหญ้าเขียวชอุ่มซึ่งมีคนมาปูเสื่อปิกนิกกันประปราย

          ฉัตรยังคงเอาแต่นิ่งเงียบ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงคำพูดในหัวออกมาอย่างไรดี เพื่อให้วัฒน์ตอบคำถามที่เขาต้องการได้ ปกติหนุ่มใหญ่หน้าบากไม่ค่อยคิดมากกับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่เพราะเป็นความถนัดของตนอยู่แล้ว ขนาดไอ้คนที่รู้จักได้ไม่นาน เขายังหลอกถามจนได้ข้อมูลมาเสียหมดเปลือก แต่กับเจ้าคนที่ตามหลังมาด้วย ต่อให้อยู่ด้วยกันมาเกือบทั้งชีวิตเขาก็ไม่เคยเข้าถึงระบบความคิดของวัฒน์ได้เลยสักที

          “คือว่า...” ฉัตรหยุดเดินและหันกลับมาหาคู่สนทนาซึ่งทำหน้านิ่งไม่เปลี่ยน “แกรู้ไหม ว่าไอ้ฤทธิ์กับไอ้ก้องมันเป็นเกย์ แล้วมันก็เป็นแฟนกัน”

          “อืม แล้วไง”

          ฉัตรผงะกับท่าทีที่ปกติเกินคาดของวัฒน์ เขากะว่าอีกฝ่ายน่าจะแสดงอาการประหลาดใจให้เห็นบ้าง สักนิดก็ยังดี

          “เอ่อ...ไม่ตกใจบ้างหรือ” ด้วยความข้องใจจัด ร่างสูงเลยอดถามไม่ได้

          “ฉันรู้อยู่แล้ว”

          กลายเป็นฉัตรที่เป็นคนเบิกตากว้าง อ้าปากค้างแทน “รู้แล้ว...ตั้งแต่เมื่อไหร่”

          “ถามแบบนั้นแล้วฉันจะจำได้ไหมล่ะ แถมมันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรด้วยนี่ คนอื่นก็รู้กันหมด แถมสองคนนั้นเองก็ไม่ได้ปิดอะไรด้วย ถึงจะไม่ได้แสดงให้เห็นตอนฉันอยู่ก็เถอะ” วัฒน์ย้อนด้วยสีหน้าออกไปทางหงุดหงิด ในขณะที่ฉัตรยิ่งตื่นตะลึงกับความจริงที่ไหลใส่เป็นชุด “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั่นหรือไง ถึงพูดขึ้นมาน่ะ”

          “เอ่อ...” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์เกาหัวแกรก ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกบางอย่างออก “สองคนนั่นทำท่าจะเลิกกันอยู่น่ะ”

          คนตัวเล็กกว่าเพียงแต่เลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่เอ่ยแสดงความเห็นหรือถามใดๆ ทำเอาฉัตรใจฝ่อขึ้นมา แต่ยังไม่ละความพยายาม แล้วพูดต่อ

          “คือ ไอ้ก้องมีเด็กมาติดมันน่ะ...เหมือนจะเป็นลูกค้ามั้ง เพิ่งสิบเก้าเอง”

          มุกนี้ได้ผล สีหน้าวัฒน์ดูขึ้งเครียดขึ้นมาทันที แต่เห็นแล้วฉัตรไม่แน่ใจว่าเครียดกับเรื่องที่พูด หรือหงุดหงิดใส่ตนอยู่กันแน่

          “ทีนี้ไอ้ฤทธิ์มันเลยวีนแตก อาละวาดใส่ไอ้ก้องซะจนร้านแทบพัง...” ฉัตรเล่าไปพลางสังเกตสีหน้าและท่าทางของวัฒน์อย่างไม่ละสายตา แต่สิ่งที่ได้รับในตอนนี้มีเพียงแค่คิ้วหนาที่มุ่นเข้าหา กับมุมปากทั้งสองที่เหยียดลงของอีกฝ่าย “ฉันเองก็ไม่รู้จะทำไงดี...”

          “...แล้วร้านเสียหายเยอะไหม”

          ฉัตรยิ้มค้าง เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามเรื่องนี้ “...เอ่อ ไม่เสียหายมากหรอก”

          “งั้นก็แล้วไป”

          ถ้ามีรางวัลโนเบลสาขาเมินชาวบ้าน ฉัตรก็คงเสนอชื่อวัฒน์แบบไม่ลังเล และมั่นใจว่ามีโอกาสได้รางวัลแน่นอน สงสัยถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ใครจะรักใครจะเลิกกันอย่างไร ท่าทางไอ้บ้านี่คงจะไม่สนใจเท่าไหร่นัก…ไม่นับสิทธิ์ที่ดูแลมาตั้งแต่ป้อนนมยันเช็ดก้นล่ะนะ กับรายนั้นแค่ซื้อปากกาสักด้าม วัฒน์คงออกตัวตามไปช่วยเลือก

          “เรื่องของพวกนั้น ก็แก้กันเองสิ คนนอกอย่างเราๆ ยิ่งไปยุ่งจะยิ่งวุ่นวายเปล่าๆ ” หนุ่มใหญ่ที่ตัวเล็กกว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ฟังเท่าไหร่นัก “หรือก้องมันอยากให้ช่วย”

          “เอ่อ มันไม่ได้อยากให้ช่วยหรอก...แค่...แค่....แค่ถามความเห็นน่ะ ว่าถ้าแกเป็นก้องแกจะทำยังไง แบบว่าฉันเห็นมันคิดไม่ตกมาหลายวันแล้ว”

          “อ๋อ” ฉัตรแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา ที่อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนเพิ่งถึงบางอ้อเอาตอนนี้ ถ้าเป็นคนปกติคงพูดแนะโน่นว่านี่ไปก่อนหน้านี้นานแล้ว “ฉันว่าก้องควรเลิกกับเด็กนั่นให้เร็วที่สุดเพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง ในเมื่อมีแฟนแล้วก็ไม่ควรจะมีคนอื่นอีก โดยเฉพาะแฟนที่ว่านั่นเป็นฤทธิ์ ไม่อย่างนั้นร้านได้พังจริงๆ แน่”

          คนหน้าบากเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แต่เด็กนั่นมันรักไอ้ก้องมากเลยนะ”

          “ก็ต้องเลิก” เสียงทุ้มประกาศอย่างมั่นใจเสียจนคนฟังผงะ “เด็กมันก็แค่หลงไปชั่วครั้งชั่วคราว แถมเด็กขนาดนั้น ไม่มีทางจริงจังอะไรด้วยหรอก คบไปเดี๋ยวก็ต้องเลิก แล้วก็ต้องมานั่งเสียใจเอาทีหลัง แล้วไหนจะเรื่องพ่อแม่ เรื่องที่บ้านเด็กนั่นอีก ยังไงก็เป็นครอบครัวของคนธรรมดาใช่ไหมล่ะ มาทนคบกับคนอย่างพวกเราไม่ไหวหรอก สักพักคงหนีแทบไม่ทัน”

          “...นายมั่นใจจังเลยนะ”

          “แน่นอน” พูดต่อแบบไม่มีลังเล หวนนึกถึงเด็กบางคนที่อยู่ข้างตัวซึ่งตนมั่นใจว่ามันพร้อมตีจากทันทีที่สามารถหาทางออกที่ดีกว่าการนอนกับตาลุงอย่างตน…ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้กำลังพูดเรื่องคนอื่นอยู่ “ธรรมดาของเด็กวัยแค่นั้นไม่ใช่หรือไง อย่ายุ่งด้วยนักจะดีกว่า”

          ฉัตรเอียงคอพลางลูบคาง ที่ร่ายไปเสียยาวเพราะเขาแค่อยากรู้ว่าสิ่งที่เนพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า และนั่นก็ชัดอย่างที่ได้ยิน ลองว่าถ้าแอบคบกันอยู่จริงๆ วัฒน์คงไม่ยกเหตุผลให้เลิกกับเด็กได้สารพัดสารพันขนาดนี้หรอก

          แต่ยกมาเยอะเหมือนเคยมีคดีกันยังไงก็ไม่รู้

          ทีแรกเขาก็ไม่ทันคิดหรอกว่าทั้งสองจะคบกัน เพราะไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่ชวนให้คิดสักนิด และสองคนนี้เองก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนสักหน่อย แต่พอนึกได้ว่าก่อนหน้านั้นวัฒน์ยังออกอาการเกลียดเนอยู่แท้ๆ แต่ครั้งล่าสุดที่คุยกับวัฒน์ เหมือนอยากเปลี่ยนใจให้อภัยเด็กหนุ่มเสียอย่างนั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องแปลกมาก เพราะถึงจะให้อภัยอย่างไร วัฒน์ก็ไม่น่าใช้น้ำเสียงเศร้าใจอย่างนั้นหรอก

          “ตกลง เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้หรือ” เมื่อเห็นคนตัวโตกว่าเอาแต่ยืนครุ่นคิด วัฒน์จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย…แต่อีกฝ่ายเข้าใจว่าวัฒน์เริ่มหงุดหงิดที่ต้องมาตอบคำถามที่ตนไม่สนใจ

          “อีกเรื่อง!เรื่องสุดท้ายแล้ว” ฉัตรโพล่งออกมาด้วยความไวแสงจนวัฒน์ผงะเล็กน้อย “พอดีมีสาวเขาสนใจแกอยู่ แล้วเขามาขอให้ฉันช่วยติดต่อให้น่ะ”

          คิ้วหน้าของคนตัวเล็กกว่าเลิกขึ้นเล็กน้อย “ใคร”

          “เอ้อ…” คนหน้าบากชะงักเล็กน้อยเพราะกำลังประมวลหาเรื่องโกหกอยู่ “ตรีไง”

          “หา” ฉัตรไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายจะร้องขึ้นมา เพราะชื่อคนที่ตนยกนี่อายุพอๆ กับเน แถมยังเป็นพนักงานในสังกัดด้วย และที่วัฒน์ออกอาการประหลาดใจเพราะคุณเธอมักจะผวาหนีหน้าหนุ่มใหญ่ตลอดที่มีโอกาส “นี่แกไม่ได้เมาใช่ไหม”

          “เปล่า…จริงๆ นะ ที่เขาหนีแกตลอดเพราะเขาเขินต่างหาก” จบจากตรงนี้ ฉัตรคิดต่อเลยว่าคงต้องคิดหาข้ออ้างเลิกชอบวัฒน์ให้กับนางสาวตรีไว้ก่อนเลย “ว่าไงล่ะ”

          “ฉันไม่ได้สนใจ เด็กกว่าตั้งเยอะ” วัฒน์อดย้ำประเด็นเรื่องเด็กไม่ได้ “ที่สำคัญคือ ฉันคงรักเขาไม่ได้หรอก ฝากบอกขอโทษด้วยแล้วกัน”

          แม้จะดีใจที่ไม่ต้องหาข้ออ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่สลดลงของอีกฝ่าย ฉัตรก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้

          “...นั่นเพราะแกยังลืมปิ่นไม่ได้หรือไง”

          คราวนี้เงียบนิ่งไปนาน ดวงตาคมที่จ้องมาหาร่างสูงนั้นเหมือนเหม่อลอย สีหน้าของวัฒน์ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาแม้แต่เสี้ยวเดียว เขาก้มลงเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากเมื่อครู่

          “เขาขอหย่ากับฉันวันที่สิบแปดกรกฏา เมื่อห้าปีก่อน…”

          ฉัตรนิ่วหน้า ประมวลคำตอบเมื่อครู่อยู่นานมากกว่าจะเข้าใจ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายชวนคุย แต่ตอนนี้เขาชักอยากปิดหนีเอาดื้อๆเสียเหลือเกิน

          “เข้าใจแล้ว” เมื่อรู้ในสิ่งที่ต้องการ ฉัตรก็ตัดสินใจเลิกคุยสักที ดวงตาปรือเบิกกว้างเล็กน้อยเหมือนเพิ่งนึกเรื่องสำคัญออก “เออ เกือบลืม เรื่องไอ้เนน่ะ ฉันพอจะบอกอะไรได้บางอย่าง…”

          วัฒน์เงยหน้ามองแสดงอาการสนใจใคร่รู้ออกนอกหน้าอย่างที่ไม่ค่อยแสดงขึ้นมา เล่นเอาคนกำลังจะบอกเกิดอาการอัลไซเมอร์ขึ้นมาชั่วครู่

          “เมื่อวาน ตอนที่ไปเอาของมาน่ะ พอฉันบอกเนไปว่าที่นั่นเกี่ยวข้องกับเดช มันทำหน้าตกใจแล้วก็เครียดมาก แถมยังคอยขัดแข้งขัดขาฉันเหมือนไม่อยากให้ทำงานสำเร็จยังไงก็ไม่รู้…บางทีมันอาจจะเป็นสายจริงๆ ก็ได้นะ แล้วที่มันบอกว่าจะกลับใจ บางทีมันอาจจะหลอกให้แกตายใจก็ได้ แกต้องระวังๆหน่อยล่ะ ยิ่งปล่อยให้อยู่ใกล้คุณสิทธิ์แบบนี้ น่าเป็นห่วงออก”

          คิ้วของวัฒน์แทบจะติดกันเป็นเส้นเดียว เขาไม่ได้เอ่ยค้านอะไรอีกฝ่าย หนุ่มใหญ่ยืนคิดถึงท่าทีที่เป็นไปในทางที่ดีขึ้นของเน ซึ่งค้านกับที่ฉัตรบอกมาก

          …หรือมันจะทำให้เราตายใจจริงๆ

          คิดได้ก็นึกผิดหวังที่เผลอหลวมตัวดีใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปในทางที่ดีของเด็กหนุ่ม เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าที่เห็นมาทั้งหมดจะเป็นแค่การหลอกกัน...เพราะมันดูสมจริงเหลือเกิน...

          ทั้งที่อุตส่าห์มองเสียใหม่แล้วแท้ๆ...ทั้งที่คิดว่าคงเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันได้...

          มันไม่มีความจริงเลยอย่างนั้นหรือ...

          “เข้าใจแล้ว” น้ำเสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมและทรงพลังดังขึ้นอย่างแผ่วเบา “ถ้างั้น ฉันกลับไปดูทางคุณสิทธิ์ก่อนแล้วกัน”

          “อื้อ เดี๋ยวฉันขอเดินแถวนี้สักหน่อยแล้วจะตามไป”

          คนร่างยักษ์ยิ้มร่าพร้อมกับโบกมือให้ เมื่อเห็นวัฒน์จากไปไกลเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่วัฒน์เชื่อเรื่องที่ตนพูดโดยไม่ติดใจสงสัย ดวงตาปรือเลื่อนมองขึ้นท้องฟ้าอัสดงแสงงาม แล้วหัวเราะในลำคอ

          “ก็ไม่ได้เกลียดอะไรหรอกนะ แต่มาขโมยของของฉัน โดนแค่นี้ถือว่าฉันเห็นแก่ไอ้วัฒน์มันแล้วนะ”


________________________________________

ความหึงทำให้คนหน้ามืด และกำลังจะโดนพายุพัด ฮา

ขอบคุณทุกเมนท์และกำลังใจที่มีให้เสมอมางับ อ่านเมื่อไหร่ก็ยิ้มได้ตลอด  ><

@คุณagava1313 มันมีเหตุผลที่ดูไม่ออกนะ ฮี่ๆ XP

@คุณเข็มวินาที ไม่เป็นไรก๊าบ >< 

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เฮียฉัตรแกเป็นเด็กหวงของสินะ เหม่ เหม่

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
หมั่นไส้คุณฉัตร ยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่  :mew5:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ค้าง ง ง

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ฉัตรไปชงเรื่องยังงั้นได้ไงเล่า >< เดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันไปใหญ่พอดีหรอก!
อาวัฒน์ใจเย็นๆ นะ อย่าเพิ่งคิดไปนู่น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ตอนหน้า พายุไซโครนพัดกระหน่ำน้องเนแน่ๆ

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 :a5: :a5: :a5: ทำไมฉัตรทำอย่างนี้....................... :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
ฉัตรทำเพื่อไรหรอ มีสิทธิ์ไรอ่ะมาทำหวง เพื่อนหรอ หรือเยอะกว่านั้น :z6:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ฉัตรโผล่มาเพื่อป่วนเนกับวัฒน์โดยเฉพาะเลยช่ายม้ายยยยยย  :ling1:

เหมือนจะดีแล้วเชียว จะติดลบกันอีกแล้ว  :sad4:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 32


          เนหอบมองสถานการณ์ตรงหน้า ในหัวพยายามคิดพิจารณาสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เขากำลังมองหาจังหวะที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ และเด็กหนุ่มก็รู้ตัวดีว่า หากพลาด นั่นอาจจะหมายถึงฆาตก็เป็นได้ แม้ว่าอันที่จริงแล้ว สิทธิ์จะไม่ได้ยื่นคำขาดถึงขนาดนั้นก็ตาม แต่สีหน้าเคร่งเครียดเคียดแค้นดั่งมารพิโรธนั่น ทำเอาเขาหวาดเสียวว่าเจ้านายอาจจะน็อตหลุดแล้วเผลอพลั้งมือฆาตกรรมเขาโดยไม่ได้ตั้งใจก็เป็นได้

          ดวงตาเรียวลอบมองช่องว่างนั่น และสิทธิ์เองก็มองเห็นเช่นกัน

          “ตอนนี้ล่ะ!”

          เสียงบอลฝ่าลมดังไหววูบพุ่งตรงไปยังประตู คนเฝ้าที่เพิ่งรู้สึกตัวพยายามกลับไปสกัดบอล แต่ช้าไป

          เหล่าฝั่งพรรคพวกที่กำลังยืนลุ้นราวกับดูบอลโลกต่างพากันเฮลั่น ในขณะที่อีกฝ่ายพากันโห่ร้องแทบขาดใจ ยิ่งได้ยินเสียงหมดเวลาจากกรรมการที่มาจากทั้งฝั่งของสิทธิ์และวิน ยิ่งทำให้เสียงร้องดังขึ้นลั่นสนั่นจนคนอื่นพากันมองด้วยความตกใจ

          “เยส!!เย้”

          ชายร่างยักษ์กระโดดเด้งเป็นเด็กๆ พลางเข้าสวมกอดลูกน้องผู้ร่วมศึกทีละคนอย่างชื่นอกชื่นใจ ในขณะที่อีกฝั่งทรุดสลดลงพื้นราวกับคนหมดแรง ใบหน้าของชายสวมแว่นผมซอยสั้นไว้หางเต่าจนถึงกลางหลังเต็มไปด้วยความเจ็บใจและเคียดแค้นอย่างเหลือคณา มือหนาที่ทุบลงพื้นแรงจนดินยุบลงไปเล็กน้อย เล่นเอาเหล่าลูกน้องที่กำลังจะเข้าไปช่วยประคองพากันชะงักด้วยความเป็นห่วงสุขภาพตนเองกันถ้วนหน้า ยกเว้นชายหน้าตี๋ที่ร่างกายสูงใหญ่พอๆ กับเจ้านายที่เดินเข้าไปอย่างไม่มีกลัวเกรง ด้วยท่าทีที่เป็นห่วงมาก และเมื่อเห็นว่าวินไม่ได้แสดงอาการก้าวร้าวระราน คนอื่นๆก็พากันช่วยพยุงกลับฝั่ง พร้อมกับหาผ้าเย็นพัดวี

          เนกะพริบตามองสิ่งที่เกิดขึ้น อันที่จริงมันก็เป็นอาการที่ปกติอยู่ เสียแต่ว่าแต่ละฝ่ายออกอาการได้โอเวอร์เกินเหตุพิกลนี่ล่ะ แถมจากที่ฟังวัฒน์บอกมาว่าทั้งสองไม่ถูกกัน เด็กหนุ่มก็นึกว่าหลังจบเกมบอล อาจจะต้องเริ่มเกมมวยเสียอีก แต่วินกลับไม่ได้ด่า ท้าสู้ใหม่ หรือเกรียนใส่สิทธิ์แม้แต่น้อย และสิทธิ์เองก็ไม่ได้เยาะเย้ยถากถางดูถูกวิน เขาเพียงแค่ดีใจต่อชัยชนะของตนเท่านั้น ทั้งๆที่ก่อนเริ่มเกม ยังตีฝีปากกันมันหยดอยู่แท้ๆ

          แต่สงสัยอยู่ไม่นานเนก็เลิก ถึงจะรู้สึกถึงความแปลกประหลาดที่ติดอยู่บนสีหน้าของพรรคพวกก็ตาม ดวงตาเรียวสอดส่ายมองไปทั่ว เขายังไม่เห็นวัฒน์โผล่มาหลังจากไปกับฉัตรเลย

          ไปไหนกัน ทำไมไปกันนานนัก

          “อาวัฒน์”

          เนรีบหันไปทางเสียงของสิทธิ์ ใบหน้าของชายรุ่นลุงดูจะแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะตกใจที่โดนสิทธิ์กอดเข้าเต็มรัก และยิ้มหน้าบานเมื่อรู้ผลการแข่ง เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเพราะผู้เป็นนายหันมากวักมือเรียกตน

          “ทั้งหมดเพราะหมอนี่เลยนะเนี่ย” สิทธิ์เอ่ยด้วยสีหน้ารื่นเริงสุดขีด จนคนที่เดินเข้ามาเผลอดีใจตาม

          แต่แล้วก็ต้องชะงักและดับอารมณ์ลงทันที เมื่อเห็นสีหน้าของวัฒน์ที่มองมาทางตน

          “หรือครับ” น้ำเสียงที่ตอบเรียบนิ่งไร้อารมณ์ แต่สายตาที่จ้องเนคุไปด้วยเพลิงโกรธที่รุนแรงเสียจนเด็กหนุ่มรู้สึกร้อนที่หน้า “เดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูมาให้”

          ไม่ต้องถามคนอื่นหรอก เพราะแม้แต่คนที่แทบจะไม่โดนผลจากใบหน้าถมึงทึงอย่างสิทธิ์ยังรู้สึกได้

          “เฮ้ย เน แกไปทำอะไรให้อาวัฒน์โกรธอีกวะ” ยิ่งผู้เป็นนายพูดมันก็ยิ่งตอกย้ำกับสิ่งที่เห็น

          “แล้วผมจะไปทำอะไรล่ะครับ ก่อนหน้านั้นเขาก็ยังดีๆอยู่เลย” เด็กหนุ่มตอบอย่างร้อนรน “แล้วเมื่อกี้ผมก็เล่นบอลอยู่กับคุณสิทธิ์ตลอด แล้วจะไปทำให้คุณวัฒน์อารมณ์เสียได้ตอนไหนกันล่ะครับ”

          สิทธิ์เลิกคิ้วมองพลางครุ่นคิด “ก็เห็นๆ อยู่ว่าอาเขากำลังโมโหนาย”

          “แต่ผมไม่ได้ทำจริงๆ นะ” หลังจากทวนความจำจนหัวแทบระเบิด เด็กหนุ่มก็โพล่งออกมาเสียงเบา ดวงตาเรียวเหลือบมองไปทางวัฒน์อย่างระมัดระวัง

          “หืม อ้าว แข่งกันเสร็จแล้วหรือเนี่ย”

          ทันทีที่ได้ยินเสียง เนก็ประจักษ์ได้ทันทีถึงสาเหตุที่วัฒณ์หน้าบูด ยิ่งเห็นฉัตรยักคิ้วหลิ่วตาให้ พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ปากตนแล้วชี้ไปทางวัฒน์ ยิ่งชัดแจ้งแบบไม่ต้องสืบหาให้เสียเวลา

          เนพุ่งไปหาคุณลุงหน้าบาก แล้วกระซิบถามเสียงเครียด “คุณใส่ความอะไรผมให้คุณวัฒน์ฟังน่ะ”

          หนุ่มใหญ่ทำหน้าเป็น แล้วเหยียดยิ้ม “พูดอะไรของนาย ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”

          เชื่อตายล่ะ ตาลุงหน้าเป็นนี่

          “อย่ามาเล่นลิ้นนะ” เด็กหนุ่มขึ้นเสียงอย่างลืมตัว “ผมเห็นคุณไปกับคุณวัฒน์ ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วจะเป็นหมาที่ไหนกันล่ะ”

          “ทำอะไรน่ะ”

          ทั้งสองสะดุ้งโหยง จากนั้นก็พากันหน้าซีดและหันไปมองทางต้นเสียง สีหน้าของวัฒน์ยังคงน่ากลัวเหมือนเดิม…หรืออาจจะดูน่ากลัวมากกว่าเดิมก็เป็นได้ ราวกับความโกรธมันพุ่งเป็นทวีคูณทุกครั้งที่หนุ่มใหญ่เห็นหน้าเนก็ไม่ปาน

          “ทำตัวให้มันมีมารยาทหน่อย รู้จักเคารพผู้ใหญ่ซะบ้าง ไม่ใช่อยากจะพูดเล่นหัวยังไงก็ได้ ฉัตรอายุมากกว่านายเยอะนะ”วัฒน์กระแทกเสียงใส่ และทั้งที่มันไม่ได้ดังมากมายอะไรแท้ๆ แต่ฝูงมวลชนพลพรรคกลับพากันมองเป็นตาเดียว ด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างจากเนนัก

          “ก็เขาเริ่มก่อนนี่” คนโดนว่าแบะปากลง รู้สึกเจ็บใจมากที่โดนด่าฟรี เนตวัดนิ้วไปทางฉัตร ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้โดนเข้าใจผิดอยู่เช่นนี้หรอก ยิ่งเห็นลุงยักษ์ทำหน้าล้อเลียนเขา ยิ่งยอมไม่ได้เข้าไปใหญ่ “ผมไม่ผิดสักหน่อย แล้วเรื่องอะไรที่ผม…”

          “ไม่ผิดงั้นเรอะ!” เสียงทุ้มแผดลั่น สีหน้าโมโหจัดทำเอาเด็กหนุ่มหยุดเถียง “ที่พูดออกมานี่ คิดทบทวนตัวเองดีแล้วใช่ไหม หรือว่าดีแต่แหกปากเถียงอย่างเดียว”

          เนอ้าปากค้าง แล้วหันไปมองหน้าฉัตรอย่างงงๆ ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะซีดลง เพราะเพิ่งนึกได้ว่าตนเผลอพลั้งพูดเรื่องบ้าๆ ที่ไม่น่าให้อภัยขั้นรุนแรงไปให้ฉัตรฟัง

          อย่าบอกนะ…ว่าไอ้ลุงบ้านี่มันบอกเรื่องที่เราตู่ว่ากำลังคบกับคุณวัฒน์

          นึกได้แล้วก็อยากจะเอาหน้าลงไปมุดดินให้รู้แล้วรู้รอด ยิ่งเห็นแรงโกรธของวัฒน์ ยิ่งทำให้เนรู้สึกแย่จนไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย อุตส่าห์ทำให้หนุ่มใหญ่ยอมให้โอกาสแล้วแท้ๆ ตัวเองกลับมาทำให้เสียเรื่องเองเสียได้

          ภายในใจรู้สึกเจ็บอย่างน่าประหลาด ทั้งที่บอกตัวเองมาตลอดว่า ตนแค่อยากเป็นมิตรกับอีกฝ่ายเท่านั้น ไม่ได้คิดอยากเป็นมากกว่านั้นเลยสักนิด แต่พอคิด(เข้าใจผิดไป)ว่าวัฒน์โมโหแค่ไหนที่รู้เรื่องที่ตนโกหกอะไรไป ก็รู้สึกเสียใจมากเหลือเกิน

          “ผมขอโทษ”

          ฉัตรเลิกคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเนจะยอมลงในเรื่องที่ไม่ได้ผิดง่ายขนาดนี้ ยิ่งเห็นสีหน้าสำนึกผิดผสมโศกสลดปานจะขาดใจตายแล้ว เขาก็ยิ่งสงสัย ทั้งที่กะจะให้ทั้งคู่ทะเลาะกันจนวัฒน์ออกปากเรื่องเดช จะได้หายเข้าใจผิดเน และเขาก็จะได้สนุกกับการเห็นไอ้ลุงนี่หน้าแตกแท้ๆ แต่เพราะวัฒน์ก็ยืนอยู่ ด้วยใบหน้าโมโหจัด ลุงหน้าบากเลยเอาแต่ยืนเงียบ เพราะถ้าวัฒน์รู้ว่าตนโกหกล่ะก็ เขาอาจจะเป็นคนที่ยืนเศร้าแทนเน

          “ผม…ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจ…” เนบอกละล่ำละลัก แต่คนฟังกลับไม่แสดงความเห็นใจออกมาแม้แต่เสี้ยวเดียว “มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเองนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

          คราวนี้ฉัตรเริ่มนึกสาเหตุออกแล้ว สีหน้าที่ดูเหมือนคนเบื่อโลกดูสดใสขึ้นฉับพลัน เขาเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วเดินเข้าไปขวางทางปืนที่ไม่มีใครกล้าทำ

          เด็กหนุ่มชะงักเล็กน้อยใบหน้าหวาดหวั่นแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแต่ไม่มากเท่าก่อนหน้าส่วนวัฒน์ยังคงยืนนิ่ง และจ้องมาทางเนด้วยท่าทีที่น่ากลัวเช่นเดิม…หรืออาจจะมากกว่าเดิมก็เป็นได้ ทุกคราที่เผลอสบตาของวัฒน์ เหมือนพลังชีวิตของเด็กหนุ่มมันค่อยๆ เหือดหายลงไปทีละน้อยยังไงยังงั้น

          “อยากรู้จริงเชียวว่าชั่ววูบยังไงถึงได้ทำลงไปกัน” ฉัตรเปรยเหมือนพูดกับตัวเองพร้อมกับก้าวเข้าไปหาคนรุ่นลูกที่ทำท่าเหมือนลูกแมวขู่ พอเดินเข้าไปใกล้ก็กระซิบพูดเสียงเบาพอให้เนเท่านั้นที่ได้ยิน “นึกว่าเอารูปออกไปใบเดียวแล้วฉันจะไม่รู้หรือไง รูปนั้นรูปโปรดฉันเลยนะ”

          เนหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน เขามองข้ามไปทางวัฒน์ที่ทำท่าเหมือนจะสังหารเขาได้ทุกเมื่อแล้วกลับมามองฉัตร ไม่รู้จะแก้สถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี เพราะแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตนถึงได้ไปฉกรูปออกจากอัลบั้มที่ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าของเขาต้องรู้

          “เอ่อ”

          พอได้ยินเสียงของสิทธิ์ วัฒน์ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เขาลืมเสียสนิทเลยว่าเจ้านายตนก็อยู่ด้วย และสิทธิ์ก็เป็นคนสุดท้ายที่เขาอยากจะให้รู้เรื่อง(ที่ไม่ใช่ความจริง และกำลังเข้าใจผิดไปคนละทาง)นี้

          “เรื่องส่วนตัวน่ะครับ” ยังไม่ทันที่สิทธิ์จะได้ถาม วัฒน์ก็ชิ่งบอกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับมาทางต้นเรื่องที่ออกอาการตื่นตระหนกชวนให้เขาเข้าใจถูกกว่าเดิม…เพียงแค่คนละสาเหตุกันก็เท่านั้น “ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณสิทธิ์รู้สึกไม่ดี”

          เหล่าคนมองนอกจากสิทธิ์อยากจะบอกใจจะขาดเหลือเกินว่าแค่ลุงแกมาอยู่ที่นี่ก็ทำเอาพวกตนรู้สึกไม่ดีกันเป็นแถบๆ แล้ว

          “เอาเถอะ อย่าไปว่าเด็กมันนักเลยดูท่าทางจะสำนึกผิดแล้วนะ…ถึงจะบอกไม่ได้ว่าแกล้งทำหรือเปล่าก็เถอะ เนอะ” คนต้นเรื่องโพล่งด้วยน้ำเสียงร่าเริงพลางโบกมือให้วัฒน์ “ฉันว่านี่ก็สายมากแล้ว รีบกลับกันดีกว่านะ เดี๋ยวพวกฉันเองก็ต้องไปเตรียมตัวเปิดร้านกันด้วย เดี๋ยวจะไม่ทันเอา จริงไหม พวกเรา”

          พรรคพวกที่กำลังมุงด้วยความหวาดผวาพากันเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง

          “นั่นสิครับ ผมว่าใจเย็นๆ แล้วค่อยพูดดีกว่า ไว้กลับบ้านแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ” เสียงสวรรค์ของผู้เป็นนายทำเอาทุกคนปลื้มปิติ เพราะมีแต่สิทธิ์คนเดียวนี่ล่ะ ที่วัฒน์จะยอมให้ง่ายๆ แม้ลุงแกจะไม่อยากแค่ไหนก็ตามที

          วัฒน์นิ่งมองชายหนุ่มที่ตัวโตพอๆกับฉัตรก่อนจะเหล่มองเนด้วยหางตา ความแค้นที่ส่งผ่านมาให้ทำเอาเด็กหนุ่มเย็นสันหลังวาบ แม้คำตอบของวัฒน์จะชวนให้รู้สึกโล่งใจก็ตาม

          “ก็ได้ครับ” ว่าจบก็เดินกลับไปเอากระเป๋าจากม้านั่ง แล้วเดินกลับมาด้วยใบหน้าที่ดูเย็นลง…จนดูเย็นชา “ไปกันเถอะครับ”

          สิทธิ์เลิกคิ้วให้ก่อนจะหันไปมองเน เขายิ้มเจื่อน ก่อนจะเดินนำไปอย่างรู้ดี เพราะถึงจะอารมณ์ไม่ดีอย่างไร วัฒน์ก็ไม่มีทางเดินหนีห่างจากตนแน่นอน ส่วนเนก็รีบเดินตามทั้งคู่ไปติดๆ เด็กหนุ่มพยายามหันมองวัฒน์ด้วยใบหน้าที่แสดงอาการเสียใจอย่างไม่คิดปิดบัง แต่วัฒน์กลับเมินเหมือนอีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุเสียอย่างนั้น แต่ไม่วายเนยังแอบหันมาส่งสายตาคั่งแค้นให้แด่ฉัตรทิ้งท้ายได้อีก

          “นี่ป๋า หมอนั่นไปทำไรให้อาวัฒน์โกรธอะ” พอคนน่ากลัวหายไป ปาล์มก็ปรี่เข้ามาถามด้วยความสนใจใคร่รู้ และคนอื่นๆเองต่างพากันเคลื่อนตัวเข้าหาคุณลุงหน้าบากเพราะอยากรู้ด้วยเช่นกัน “ผมรู้นะว่าพ่อรู้ บอกกันหน่อยสิ เห็นแล้วมันคาใจ”

          ผู้เป็นพ่อเหล่มองลูกชายและเหล่าพลพรรคพลางเลิกคิ้ว หนุ่มใหญ่ถอนใจเสียงดัง ทำหน้าเหมือนกับว่าเรื่องราวมันร้ายแรงและน่าสลดจนไม่อยากจะนึกถึง “อย่าดีกว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะพูด เดี๋ยววัฒน์หันมาเคืองฉันต่ออีก ถ้าพวกแกอยากรู้นักก็ถามวัฒน์สิ”

          ส่ายหน้าให้ทันควัน

          “โธ่ บอกนิดบอกหน่อยไม่ได้หรือไง ทำเหนียวไปได้ พวกผมไม่บอกให้อาวัฒน์รู้หรอกน่า นะ” ลูกชายแสนน่ารักเอ่ยอ้อนต่ออย่างไม่ลดละ

          รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้เป็นพ่อ ทำเอาคนถามชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าตนสมควรได้รู้หรือจริงเปล่า

          “ถามเนสิ ถ้ามันยอมบอกล่ะนะ”

          อย่างน้อย รายนั้นก็คุย(และเค้น)ง่ายกว่าให้ไปถามวัฒน์เยอะ


_______________________________________

ใจจริงฉัตรเขาแค่อยากให้เนกับวัฒน์หายเข้าใจผิดกันเฉยๆนา แต่ไม่นึกว่าจะออกมาอีหรอบนี้ ฮา XD

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
แล้วเมื่อไรจะหายเข้าใจผิดกันละเนี่ยะ... :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
กว่าวัฒน์จะรู้ตัว  เนคงต้องสละชีวิตตัวเองเพื่อใครสักคนละมั้ง  :mew4:

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
อร๊าย.ย.ย..ย.ตอนนี้แอบค้างง่ะ ตอนต่อไปๆๆๆ :katai1:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
โถววว แต่ละคน 55555
จุดเด่นของคาแร็คเตอร์ตัวละครหลักเรื่องนี้ คือชอบคิดเองเออเองและคิดไปนู่นนน 55555555555
รอตอนต่อไปจ้าา

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ฉัตรขุดหลุมฝังเนแบบไม่ตั้งใจใช่เปล่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด