-รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14  (อ่าน 178086 ครั้ง)

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
«ตอบ #240 เมื่อ30-01-2016 08:21:41 »

คิดถึงน้องเพลง กับภรรยาท้องอ่อนๆของนางจังค่ะ  :impress2:

ออฟไลน์ fongbeer37

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
«ตอบ #241 เมื่อ08-02-2016 22:21:20 »

คิดถึงสิงแล้วววว กลับมาไวไวน้าาาา

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
«ตอบ #242 เมื่อ19-02-2016 02:03:23 »

- รักพัดหวน-

เมื่อลมอ่อนแรงและไฟไม่อาจลุกไหม้



.
.

เขารู้ว่าคีตกาลเป็นคนดื้อ  แต่ไม่คิดว่าจะดื้อขนาดนี้!

เปิดเทอมปีสุดท้าย...หลังกลับมาจากค่ายอาสาสีหราชก็ทำงานพิเศษตลอดหากลดเหลือน้อยลงเพราะเวลาส่วนหนึ่งของเขายกให้คีตกาล  กินข้าว  อ่านหนังสือหรือแม้แต่การนั่งอยู่ด้วยกันเฉยๆขอแค่เพียงมีคีตกาลเท่านั้นสีหราชก็พอใจแล้ว  หากสิ่งที่ไม่คาดคิดกับความดื้อของอีกฝ่ายทำให้เขาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้  นั่นเพราะใจหนึ่งเขาดีใจเหลือล้น  อีกใจขอโทษเพื่อนสนิทอย่างอิ่มเอมซึ่งโดนยึดห้องยึดเตียงไปหน้าตาเฉย  และคนยึดก็นั่งยิ้มแป้นให้เขาอยู่นี่

“คิดจะทำอะไร?”  ร่างสูงถาม  เขามองอีกฝ่ายที่ขนเสื้อผ้าของอิ่มเอมลงกล่องพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี

“เก็บของให้เอม”

“...เอมไม่เห็นบอกว่าจะย้ายออก”

“เอมไม่บอกเพลงก็บอกสิงห์แทนอยู่นี่ไง”

“เพลง...”

“ฮึม ฮื้อฮือ~”

“เพลง  หันมาคุยกับสิงห์ก่อน”  มือใหญ่คว้าไหล่คนอารมณ์ดีให้หันมา

“หืม?”

“ทำแบบนี้เอมรู้ไหม?”

“ไม่รู้”

“อ้าว?”

“แต่เพลงเห็นเอมไม่ค่อยอยู่ห้อง  เอาแต่หมกตัวอยู่ห้องชาญตั้งแต่เทอมก่อนแล้ว”

“....” 

“มีเอมอยู่สิงห์ก็เหมือนอยู่คนเดียวอยู่ดี”

“แต่...  หอในมันลำบากนะเพลง  ไหนจะที่จอดรถ ไหนจะห้องน้ำ ความสะดวกสบายอื่นๆไม่เหมือนที่บ้านหรอกนะ”

“สิงห์เห็นเพลงเป็นคนยังไงกัน  เรื่องแค่นี้เพลงไม่กลัวเสียหน่อย  มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากมายนี่น่า แค่ไม่มีแอร์กับห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมเท่านั้นเอง”

“นั่นแหละ  สิงห์กลัวเพลงอยู่ไม่สบาย  สิงห์ว่าเพลงขนของกลับบ้านเถอะ”

“.....เพลงรบกวนสิงห์งั้นเหรอ?”  ใบหน้าขาวก้มลงจนคางชิดอกร้อนให้เจ้าของห้องถึงกับเหงื่อผุดซึมด้วยไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกแย่

“เปล่านะ  เพลงไม่ได้รบกวนสิงห์  สิงห์ดีใจเสียอีกที่จะได้เจอเพลงทุกวัน  แต่...ที่นี่มันลำบาก...”

“สิงห์อยู่ได้เพลงก็อยู่ได้”

“.....”   

สุดท้ายเขาก็แพ้ลูกดื้อของคีตกาล  อันที่จริงเขาคงแพ้ใจตัวเองมากกว่า  ใจของเขาเองที่บอกให้ยอม  ..ยอมให้ตัวเองได้เข้าใกล้คนคนนี้


การได้ตื่นตอนเช้ามาแล้วสิ่งแรกที่มองเห็นคือใบหน้ายามหลับของคนที่อยู่ในห้วงคำนึงมันทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว   หวาดหวั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม  ...  นี่ราวกับความฝัน... ความฝันซึ่งพอลืมตาตื่นก็จะหายวับไป

สีหราชนอนนิ่งไม่กล้าขยับ  เขาจ้องมองใบหน้าขาวของอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น  ไม่กล้าหายใจแรง  ไม่กล้ากระพริบตา  กลัว...  กลัวสิ่งที่มองเห็นเป็นเพียงภาพลวงตา

“อืม~  อรุณสวัสดิ์”  เจ้าของเปลือกตาบางลืมตาขึ้นมองแล้วส่งยิ้มมาให้

“อรุณสวัสดิ์”

“วันนี้สิงห์มีเรียนเช้าเหรอ?”  ขณะถามก็เขยิบกายเข้าใกล้  แขนเรียวกอดผ้าห่มเบียดตัวเข้าหาคนตัวโต

“เปล่า”

“แล้วทำไมตื่นเช้า?”

“นอนไม่หลับ”

“หืม?”   คีตกาลเลิกคิ้ว  มองใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวตรงหน้า  “อย่าบอกนะว่าไม่ได้หลับทั้งคืน?”

“....ใช่”

“สิงห์?”

“สิงห์กลัวว่านี้คือความฝัน  กลัวว่าถ้าตื่นขึ้นมาแล้วเพลงจะหายไป”

“...นี่ไม่ใช่ฝันเสียหน่อย”  แก้มขาวขึ้นสีเรื่อ  ขนตาหนาระพวงแก้มยามเมื่อเจ้าตัวหรุบสายตาลงเพื่อหนีสายตาคมกล้าของอีกคน

“เพลงมีเรียนเช้าเดี๋ยวสิงห์ไปส่ง   นะ?”

“อืม”  คนตัวโตฉุดร่างโปร่งให้ลุกขึ้นจากเตียง  หยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้แล้วพากันไปยังส่วนของห้องน้ำรวม

เตียงนอนของพวกเขาเป็นขนาด3 ฟุตแยกกันสองหลัง  โต๊ะเขียนหนังสือคนละตัว  ตู้เสื้อผ้าคนละใบ หากคีตกาลจัดการดันตู้เสื้อให้ชิดกันมุมหนึ่งแล้วเลื่อนเตียงสองหลังให้ชิดติดกันแล้วใช้ผ้าปูเตียงขนาด 6ฟุตคลุมกลายเป็นเตียงหลังเดียวกัน...    ห้องแคบๆ มีสิ่งของเท่าที่จำเป็นและส่วนมากคือของใช้ของคีตกาล  โน๊ตบุ้คสำหรับทำงาน  หนังสือเรียนของแต่ละคน  แก้วน้ำที่เหมือนกันสองใบ   อาหารแห้งแอบซ่อนบนหลังตู้เสื้อผ้า   ลิ้นชักใส่ของเล็กๆน้อยๆ  เจ้าของห้องคนใหม่เป็นฝ่ายจัดการทั้งสิ้น
อิ่มเอมซึ่งโดนแย่งห้อง  คราวแรกก็โวยวายไม่ยอมหากพอชายชาญเสนอว่าขนของย้ายไปอยู่ที่ห้องคนตัวเล็กได้  ยังว่างอยู่   เจ้าตัวก็จัดการย้ายเสร็จภายในครึ่งวัน   



 
 
*********

ร่างหนาหนักสะดุ้งขึ้นกลางดึกเมื่อเสียงโทรศัพท์เสียดแทงแก้วหู   เขาคว้าขึ้นกดรับอย่างหงุดหงิดเพียงครู่ดวงตาซึ่งหรี่ปรือจึงเปิดเต็มที่กับน้ำเสียงร้อนรนจากปลายสาย

“เอม!  เพลงไม่สบาย  ช่วยมารับหน่อย!”  อิ่มเอมผุดลุกขึ้นแล้วปลุกคนข้างกาย   ร่างสูงคว้ากางเกงและเสื้อซึ่งถูกถอดทิ้งอยู่ข้างเตียงขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดตู้คว้าเสื้อแขนยาวมาสวมให้คนตัวเล็กที่นั่งหลับตาอยู่

“ไปไหน?”

“พาเพลงไปโรงพยาบาล!”

รถสี่ประตูคันใหญ่ขับด้วยความเร็วมารับเพื่อนยังหอพักนักศึกษา  สีหราชซึ่งนั่งให้คีตกาลพิงอกลุกขึ้นแบกร่างโปร่งขึ้นหลังเมื่อเห็นรถเพื่อนจอดสนิท

“ไอ้เพลงเป็นอะไร?”

“ไม่รู้  ไข้สูงมาก  ให้กินยาตั้งแต่หัวค่ำแล้วยังไม่ดีขึ้นเลย”  น้ำเสียงร้อนรนของสีหราชทำให้อีกสองคนพลอยกังวลไปด้วย  ชายชาญเปิดประตูเบาะหลังแล้วปีนขึ้นไปนั่งเพื่อรอรับ

“สิงห์นั่งกับเอมข้างหน้าเถอะ”  ชายชาญรับร่างคีตกาลแล้วจัดท่านั่งให้เพื่อนนอนหนุนตัก

.
.
“นี่ถ้ากูขับรถเป็นคงไม่ต้องรบกวนมึงกลางดึกแบบนี้”

“ไม่ต้องเกรงใจน่า”

“จริงๆนะเอม  ถ้ากูขับรถเป็นคงบังคับพาเพลงไปหาหมอตั้งแต่หัวค่ำแล้ว”

“...งั้น  เดี๋ยวหลังจากนี้กูสอนมึงเอง”  หลังจากนั้นสีหราชจึงขับรถเป็นด้วยความรู้สึกนี้

คีตกาลเป็นไข้หวัดใหญ่  อากาศเย็นปลายปีทำให้ร่างโปร่งป่วยอย่างช่วยไม่ได้  หลังจากฉีดยาลดไข้หมอก็สั่งยาฆ่าเชื้อให้กลับมากินไม่ได้นอน admit   แล้วสีหราชก็ได้รู้ว่าคีตกาลจอมดื้อ  ยังดื้อได้อีกเท่าตัวเมื่อยามป่วย

“จะกินส้ม!”

“เพลง  นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะครับ  ร้านค้าปิดหมดแล้ว”

“ฮือ~  เพลงอยากกินส้มอ่ะ  นะสิงห์นะ  เพลงอยากกินส้ม~”  มีหรือที่สีหราชจะอยากขัดใจคนตรงหน้าแต่เพราะเขาจนปัญญาจะหามาให้

“ฮึก  ฮือ~”  พอโดนขัดใจคนป่วยก็งอแง  สีหราชถึงกับกุมขมับด้วยไม่รู้จะทำอย่างไร

“งั้นเอางี้  เดี๋ยวกินอย่างอื่นแทนไหม?  เอาน้ำส้มแทนได้หรือเปล่า?”

“ส้ม  ส้ม  ส้ม”  คนป่วยแสนดื้อร้องเป็นอยู่คำเดียว  สุดท้ายเขาก็ต้องขอยามหน้าหอวิ่งโร่ออกไปซื้อน้ำส้มร้อยเปอร์เซ็นที่ 7-11 มาให้เด็กดื้อได้กินแทนส้มจริงๆไปก่อน   น้ำส้มหมดกล่องไปอย่างรวดเร็วแล้วเด็กโข่งจึงค่อยสงบลง   จากนั้นถ้าคีตกาลมีอาการเหมือนป่วยเมื่อไหร่ในห้องจะต้องมีส้มหรือน้ำส้มติดไว้ตลอด     สีหราชถอนหายใจ  มือใหญ่แกะกระดุมเสื้อคนตรงหน้า   บิดผ้าผืนเล็กให้หมาดค่อยบรรจงเช็ดตัวลดไข้เสร็จก็กรอกยาลดไข้ ยาฆ่าเชื้อใส่ปากแดงๆนั่น

“ไม่เอา  ขม!”

“ถ้าไม่กินยาก็ไม่หายนะ”

“ยาขม!”  คนป่วยหลับหูหลับตาเม้มปากแน่น   อีกครั้งที่สีหราชต้องถอนหายใจ  เมื่อเช้าตื่นมาก็ดื้ออย่างนี้   กว่าจะบังคับให้กินข้าวกินยาได้ก็ทำให้เสียเหงื่อไปหลายลิตร

“ไม่ขมหรอก”

“ไม่เอา!”  ร่างสูงเหลือบมองเม็ดยาในมือแล้วให้ถอนหายใจอีกรอบแล้วกรอกยาเข้าปากตัวเองแทน

มือใหญ่เชยคางคนป่วยให้เงยขึ้นแล้วประกบริมฝีปากลงไป   ปลายลิ้นเซาะริมฝีปากร้อนผ่าวให้อ้าออกแล้วแทรกปลายลิ้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว  ดุนดันเม็ดยาเข้าไปในโพรงปากชืดขมของคนป่วย

“อื้อ!”  สีหราชละริมฝีปากออกหันมาหยิบแก้วน้ำ  ยกดื่มแล้วประกบริมฝีปากลงไปใหม่อีกครั้งไม่ยอมให้คนดื้อคายยาออกมาได้เด็ดขาด  กวาดต้อนจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายกลืนยาลงไปแล้วเขาจึงค่อยถอนริมฝีปาก   แม้บางครั้งจะแกล้งอ้อยอิ่งเพราะความร้อนจากริมฝีปากแดงช้ำนั่นทำให้สีหราชไม่อยากให้การป้อนยาสิ้นสุดลง   หากไม่เพราะต้องให้คนป่วยพักผ่อนเขาก็อยากจะป้อนอย่างนี้วันละหลายครั้ง  ครั้งละหลายๆนาที....





“รู้ไหมว่าเพลงป่วยแล้วดื้อมาก”

“หืม?”  ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองหลังติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายให้สีหราชเสร็จ

“ทั้งดื้อ ทั้งอ้อนเล่นเอาสิงห์แย่เลย”

“สิงห์ลำบากแย่เลยเนอะ”  คนดื้อหัวเราะไม่มีท่าทีสำนึกผิด

“ใช่  ลำบากมากกกกก  ต้องหักห้ามใจไม่ให้ปล้ำคนป่วยเนี่ยลำบากสุดๆ”  สีหราชหัวเราะเมื่อกล่าวจบ  คีตกาลส่งค้อนให้คนหยอกวงหนึ่งอย่างหมั่นไส้

“เหรอออออ?  ได้จูบเขาตั้งหลายทีลำบากแย่เลย”  พูดไปแก้มขาวก็ขึ้นสีเรื่อไปลามจนถึงหู

“จำได้ด้วย?”  คนตัวโตโน้มลงถาม  บนใบหน้าหล่อเหลาจ่อชิดพร้อมดวงตาพราวระยับสีสนิมยิ่งทำให้คีตกาลใจเต้นราวกับว่าไข้จะกลับอย่างไรอย่างนั้น

“จำไม่ได้”

“งั้น...ทบทวนหน่อยไหมว่าสิงห์ป้อนยาเพลงยังไง?”  ริมฝีปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางแกล้งแตะปลายจมูกลงบนแก้มขาวของคีตกาลแผ่วเบา  “โอ๊ย!”  สีหราชสะดุ้งโหยงร้องโอยเมื่อโดนหยิกพุง   พอเห็นแก้มแดงๆของคนตรงหน้าเขาก็หัวเราะเสียงดัง

“ชอบใจที่เพลงป่วยเหรอ?”  ร่างสูงคว้าคนเพิ่งหายป่วยมากอดแน่นหลังจบคำ

“เปล่าครับ  ไม่ชอบใจสักนิด  เพลงป่วยแล้วสิงห์ใจไม่ดีเลย”

“....”

“อย่าป่วยอีกนะครับ”

“อืม”




**********

“ครับพี่อุ่น?”  คีตกาลกดรับโทรศัพท์เอ่ยทักทายปลายสาย  อุ่นอรุณ  รุ่นพี่คนสนิทและลูกชายของเพื่อนพ่อทักทายมาตามสาย  แล้วน้ำเสียงสดใสนั้นจึงเอ่ยชวยให้คีตกาลไปเที่ยวด้วยกัน

“ไปเที่ยวปากช่อง?  เดี๋ยวนะครับ  ขอถามคนทางนี้ก่อน”  คีตกาลเอามือปิดลำโพงแล้วหันมาถามคนที่กำลังเท้าคางมองเขาอยู่ก่อนแล้ว  “สิงห์อยากไปเที่ยวปากช่องไหม?”

“ถ้าเพลงไปสิงห์ก็ไป”  คนตัวโตตอบโดยไม่ต้องคิด  เขาเอาคนตรงหน้าเป็นเครื่องตัดสินใจในทุกๆสิ่ง  ร่างโปร่งยิ้มกว้างแล้วตอบกลับเพื่อนรุ่นพี่ไป

“ไปครับ”

คีตกาลชวนสีหราชมาพักที่บ้านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์   คุณยุวดีมารดาและคุณพีรพลบิดาก็คุ้นเคยกับเพื่อนสนิทคนนี้ของบุตรชายดี  ซ้ำยังให้ความเอ็นดูเท่าๆชายชาญแม้จะเป็นเด็กกำพร้าทั้งสองคนก็ไม่เคยแสดงท่าทางรังเกียจ   

หลังตกลงกับอุ่นอรุณคีตกาลจัดการเก็บเสื้อของเขาและสีหราชคนละชุดเพื่อค้างคืน  ตกสายเพื่อนรุ่นพี่ก็มารับที่หน้าประตูบ้าน  หากร่างใหญ่โตหลังพวกมาลัยรถทำให้คีตกาลเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ  รถคันหรูนี้เป็นของอุ่นอรุณหากคนขับกลับเป็นคนที่เขาไม่คุ้นหน้า

“นี่คราม  เพื่อนพี่เอง”  อุ่นอรุณเอ่ยแนะนำ  ผู้มาใหม่ยกมือขึ้นไหว  “คราม  นี่เพลงกับสิงห์  น้องชายอุ่นเอง”  อุ่นอรุณยิ้มกว้าง  ครามพยักหน้ารับและส่งเสียงอืมในคอเป็นการรับรู้ก่อนจะออกรถ




ปากช่อง   

ขับรถเพียงไม่นานทั้งสี่ก็มาถึงจุดหมาย   ทุ่งกว้างและม้าโตเต็มวัยกำลังวิ่งห้อตะบึงอยู่ในนั้นทำให้คีตกาลและสีหราชเบิกตากว้างมองอย่างตื่นตาตื่นใจ

‘ฟ้าคราม’   ป้ายชื่อแผ่นไม่เล็กไม่ใหญ่ตรงปากทางเข้าทำให้สองคนตรงเบาะหลังพอจะเดาได้ว่าเจ้าของฟาร์มนี้มีใครเป็นเจ้าของ  ถ้าไม่ใช่เจ้าของชื่อ ‘คราม’ หนึ่งในสองคำบนป้ายชื่อนั้น

‘ฟ้าคราม’  เป็นฟาร์มม้าที่เพิ่งเริ่มต้นได้เพียงไม่นาน  หากคุณภาพม้าที่แข็งแรงและสวยงามก็ทำให้ถูกพูดถึงในกลุ่มผู้รักม้าและนักแข่งม้าโดยทั่วไป  เป็นเพียงฟาร์มเล็กๆที่อนาคตไกล 

คีตกาลตื่นเต้น  หลังจากจัดของเสร็จก็ชวนสีหราชออกไปเดินเล่นทันที  อุ่นอรุณหัวเราะ  ส่วนครามหันไปบอกคนงานให้ดูแลแขกทั้งสองอย่างดี  หากอยากจะลองขี่ม้าก็เชิญตามสบายไม่มีหวง

“สิงห์!  ดูซิ  เพลงขี่ม้าได้ด้วย!”  ร่างโปร่งหัวเราะเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนตัวโต   สีหราชส่ายหัว  หากการที่ขึ้นไปนั่งบนหลังม้าเรียกว่าขี่ม้าได้  ป่านนี้คนทั้งโลกไม่ขี่ม้าเป็นกันไปหมดแล้วหรือ?  กระนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งที่คิดอยู่ออกไป  เพียงแค่ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับคำพูดนั้น   เพราะเพิ่งเคยขี่ม้าเป็นครั้งแรกกันทั้งคู่จึงได้แต่เพียงนั่งอยู่บนหลังม้าแล้วให้เจ้าหน้าที่จูงเชือกเดินเหยาะไปรอบๆสนามเท่านั้น   และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คีตกาลแย้มยิ้ม  หัวเราะอย่างมีความสุขได้แล้ว

“สนุกไหม?”   อุ่นอรุณเอ่ยถามเมื่อทั้งสองกลับมายังเรือนพัก  ครามหันมายิ้มให้แล้วกวักมือให้เข้าไปนั่งดื่มน้ำแล้วเด็กสาวใช้จึงยกอาหารขึ้นตั้งโต๊ะ

“สนุกมากครับ  ถึงจะแค่วิ่งเหยาะไปรอบๆสนามก็เถอะ  เนอะสิงห์?”

“ครับ”

“ถ้าอยากมาเที่ยวเมื่อไหร่ก็มาได้ตลอดนะ  แค่โทร.มาบอกพี่เท่านั้น”  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยกยิ้มเอ่ยชวน  คีตกาลกับสีหราชพยักหน้ารับอย่างดีใจ  ก่อนที่ชายสูงวัยคนหนึ่งจะเดินเข้ามาแล้วร่วมโต๊ะอาหาร   หลังจากนั้นคนหนุ่มสาวจึงยกขบวนไปยังระเบียงกว้างข้างเรือนพร้อมกาแฟคนละแก้ว

“ว่าแต่...สิงห์เป็นอะไรกับเพลงเหรอ?”  อุ่นอรุณเอ่ยถามเพราะช่วงนี้ทั้งองคนตัวแทบจะติดกันทุกเวลาทั้งๆที่เมื่อก่อนเขามักจะเห็นชายชาญเสียมากกว่าที่อยู่ข้างตัวคีตกาล

“เพื่อน....”

“เพื่อนคนพิเศษ!”  สีหราชเอ่ยคำว่าเพื่อนไม่ทันจบประโยคคีตกาลก็เอ่ยแทรกขึ้นมา   ร่างโปร่งถลึงตามองคนตัวโตอย่างไม่พอใจ

“หืม?”

“เพื่อนคนพิเศษไง!”  คีตกาลย้ำคำ  เพราะสีหราชเริ่มประโยคด้วยคำว่าเพื่อนเขาเลยต้องย้ำความพิเศษในความสัมพันธ์เพิ่มเติม

“พิเศษมากกว่าชายชาญ?”  อุ่นอรุณเลิกคิ้วถามพร้อมรอยยิ้มมุมปาก  จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของรุ่นน้องซึ่งบัดนี้ใบหูแดงไปแล้วกับคำคาดคั้นของเขา

“ใช่!”

“เพลง...”

“ทำไม?  สิงห์ไม่กล้าบอกคนอื่นๆเหรอ?”  คนห้าวหาญผิดจากเมื่อแรกเริ่มที่รู้จักกันทำให้สีหราชยิ้มแหย  นั่นคงเพราะเขาเป็นต้นเหตุซินะ  เป็นเขาที่เอ่ยถ้อยคำผิดหูก่อน

“เปล่า”

“พี่อุ่นเป็นเหมือนพี่ชายของเพลง   เพลงไม่ปิดหรอก”  เจ้าของใบหน้าใสเสียงอ่อนลง  ยื่นมือมากุมมือสีหราชเพราะเพิ่งตระหนักเข้าใจว่าทำไมสีหราชจึงเอ่ยคำว่าเพื่อนออกมา   อุ่นอรุณแย้มยิ้มมองรุ่นน้องตรงหน้าแล้วเอ่ยเย้าอีกรอบ

“อ้อ  แฟนกันนั่นเอง”   กลายเป็นตอนนี้มีคนเขินเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว






“นี่  ม้าพวกนี้สวยไปเลยเนอะ?”  คีตกาลตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมกาย  ส่วนอีกคนก็ปิดไฟแล้วเดินขึ้นเตียง

“อืม”

“นี่  เพลงอยากเลี้ยงม้าบ้างจัง”

“ฮื่อ  จะไหวหรือ?”  สีหราชเอ่ยถามหากไม่ได้ค้าน

“ไหวซิถ้ามีสิงห์ช่วย”

“ถ้าสิงห์ไม่ช่วยล่ะ?”

“ไม่รู้ล่ะ  ถ้าเพลงเลี้ยงม้าสิงห์ต้องมาช่วยเลี้ยงด้วย!”

“งั้น   ทำฟาร์มม้าแบบพี่ครามเลยดีไหม?”

“โห  คิดการใหญ่เชียว  เพลงพูดเล่นเฉยๆหรอก”  คีตกาลตะแคงหันมามองคนที่ล้มตัวลงนอนข้างกัน

“...ถ้าเพลงอยากเลี้ยงม้าเดี๋ยวสิงห์จะหามาให้”

“ไม่เอาน่า  เพลงชอบม้าก็จริงแต่ให้เลี้ยงคงไม่ไหว”

“อืม”

“นอนเถอะ  ราตรีสวัสดิ์ครับ”  ริมฝีปากบางแตะข้างแก้มแล้วมุดลงใต้ผ้าห่ม

“ราตรีสวัสดิ์ครับ”  สีหราชจูบลงตรงหน้าผากใต้ผืนผ้าแล้วหลับตา




ทุกคำที่คีตกาลพูด  ทุกสิ่งที่คีตกาลชอบ  ทุกอย่างที่คีตกาลแสดง...
เขาจดจำทั้งหมดเอาไว้ในใจ....




*********


v
v
v

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่12 [12 ม.ค.59]หน้า8
«ตอบ #243 เมื่อ19-02-2016 02:09:16 »

.
.
.


“สิงห์จะพาเพลงไปไหนเหรอ?”   เขาเอ่ยถามระหว่างที่คนตัวโตขอทำหน้าที่เป็นสารถีหลังจัดการลางานในวันเสาร์อาทิตย์ได้  คราวก่อนที่บังคับให้สีหราชลางานไปปากช่องกับเขาคีตกาลก็เกรงใจแย่แล้ว  หากคราวนี้เขาเองกลับเป็นฝ่ายถูกขอให้ติดตามมาด้วยกันแทน

“ไว้ถึงแล้วจะบอกนะครับ”

“.....ตามใจ”  คีตกาลส่งค้อนให้วงเล็กๆอย่างไม่ถือสาพลางยิ้มแล้วนั่งนิ่งไม่ซักถามต่อ

รถยนต์คันหรูของคีตกาลซึ่งสีหราชเป็นผู้ขับ  เคลื่อนไปยังนอกเมือง  นานจนคีตกาลต้องคอยชวนคนขับคุยเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหลับในเนื่องจากออกเดินทางกันแต่เช้ามืด  บางช่วงก็แกะผลไม้บ้าง  ขนมบ้างป้อนคนตัวโตไม่ขาดแล้วตามด้วยน้ำแร่จ่อหลอดถึงริมฝีปาก

“ขอบคุณครับ”  คนตัวโตเหล่ตามอง  ยิ้มกว้างด้วยความอิ่มเอิบใจ

สีหราชหยุดจอดรถแวะร้านสังฆภัณฑ์  จัดการซื้อของบางอย่างใส่หลังรถแล้วขับต่อไปอีกชั่วโมงกว่าก็ถึงจุดหมาย  คีตกาลเลิกคิ้วมองหากไม่เอ่ยถามอะไรออกมา

ร่างโปร่งลงจากรถตามสีหราชออกมาเมื่อรถหยุดลงในเขตบริเวณวัดแห่งหนึ่ง  มีพระภิกษุไม่กี่รูปซึ่งกำลังกวาดลานอยู่   ร่างสูงหอบหิ้วของโดยมีเขาช่วยแบ่งเบาขึ้นไปยังศาลา   กราบนมัสการหลวงพ่อชรา ถวายสังฆทานรับศีลรับพร  หลังจากนั้นก็กรวดน้ำเป็นอันเสร็จพิธี  ตลอดเวลาคีตกาลเพียงทำตามสีหราชเงียบๆ

“ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้พ่อเกษมและแม่ชบา วิรุณรักษ์”

“?”  คีตกาลเลิกคิ้วมอง

“ไปพบพ่อกับแม่สิงห์นะ”

“หืม?”   มือใหญ่ยื่นเกาะกุมมือขาวแล้วจับจูงไปยังส่วนด้านหลังวัด

เจดีย์เล็กๆสององค์ตรงหน้าเก่าคร่ำ  รูปที่อยู่บนนั้นซีดจางจนแถบมองไม่เห็น   สีหราชปัดกวาดเช็ดถูโดยมีคีตกาลช่วย  เมื่อเสร็จจึงวางดอกไม้ลงแล้วคว้าข้อมือขาวรั้งให้ร่างโปร่งทรุดกายนั่งเคียงกัน

“เพลงครับ  นี่พ่อกับแม่ของสิงห์”

“สวัสดีครับ”  ร่างโปร่งยกมือไหว้เจดีย์องค์เล็กตรงหน้า

“พ่อครับ แม่ครับ  นี่เพลง คีตกาล  เป็นคนที่ผมรักครับ”  ท้ายประโยคใบหน้าหล่อเหลานั้นหันมามองใบหน้าเนียนขาวซึ่งตอนนี้แก้มเนียนขึ้นสีแดงเรื่อ  ริมฝีปากบางยกยิ้มไม่เอ่ยค้านคำพูดนั้นแม้ครึ่งคำ

“คุณพ่อครับ  คุณแม่ครับ  เพลงสัญญาว่าจะดูแลลูกชายของพ่อกับแม่ให้ดี”

“หืม?”

“เอาน่า  ตามนั้นแหละ!”  คีตกาลยิ้มกว้างตบลงบนหลังมือใหญ่ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง  คืนนั้นทั้งสองเข้าไปพักในตัวเมือง  วันรุ่งขึ้นสีหราชพาคีตกาลไปยังบ้านหลังหนึ่งดูโอ่อ่าหรูหรา

“บ้านใครหรือ?”

“....ไม่รู้”

“หืม?”

“เมื่อก่อนนี้เคยเป็นบ้านของสิงห์  แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”

“.....”

“เพลงก็รู้ว่าสิงห์เป็นเด็กกำพร้า”

“.....”  เรื่องราวตั้งแต่ต้นสีหราชเล่าให้คีตกาลฟังจนหมดสิ้น   เมื่อหลายเดือนก่อนสีหราชเจอคนเก่าแก่ของบ้านวิรุณรักษ์โดยบังเอิญ  หลังการพูดคุยชายหนุ่มจึงตามหาบ้านเก่าของตัวเองเจอ  หาพ่อกับแม่เจอ...

ร่างโปร่งเพียงยิ้มแล้วกุมมือของคนตัวโตแน่น  ไม่ได้เอ่ยคำปลอบประโลมหากเพียงแค่กุมมือแล้วยิ้มให้กัน   เท่านั้น....
.
.




“เพลงไปไหว้พ่อแม่สิงห์แล้ว  ปิดเทอมสิงห์ก็ไปฝากตัวกับพ่อแม่เพลงได้แล้วนะ”

“แต่....”

“นะ?”

”สิงห์กลัวว่าพ่อกับแม่เพลงจะรับไม่ได้”

“เพลงจะอยู่ข้างๆสิงห์เอง    นะ?”

“...ครับ”

แม้การเปิดเผยความจริงจะทำให้คุณยุวดีและคุณพีรพลตกใจมากหากท่านทั้งสองก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่โวยวายรุนแรงเกินไปนัก  แม้ท่าทีไม่ชอบใจของคุณพีรพลจะทำให้สีหราชหวาดหวั่นหากท่านก็ไม่เอ่ยอะไรออกมา  เพียงเรียกคีตกาลเข้าไปคุยเท่านั้น


คีตกาลมีความสุขมากที่ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นไปเสียหมด  พ่อกับแม่ของเขาไม่รังเกียจความรักของเขากับสีหราช  แม้จะยังไม่อาจทำใจยอมรับได้เต็มร้อยหากพวกท่านก็ไม่ได้ขัดขวาง  ขอเพียงการคบหากันนี้อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่เท่านั้นก็พอ

“....คนขี้เซา  วันนี้จะไปทำงานไหม?”   ริมฝีปากบางยื่นกระซิบถามชิดริมหู  เจ้าของใบหน้าเข้มคร้ามขมวดคิ้วแล้วพลิกตัวคว้าร่างโปร่งข้างกายเข้ามาในอ้อมกอด

“มีช่วงสายๆครับ”

“งั้น...  วันนี้เพลงจะกลับเข้าบ้านนะ”

“ให้ไปส่งไหมครับ?”  สีหราชลืมตาขึ้นมอง

“ไม่ต้อง  เดี๋ยวเพลงไปเองได้”

“แล้ว...จะค้างที่บ้านหรือกลับมาหอ?”

“อืม   เอาไงดีน้า?”  คนในอ้อมแขนแกล้งยกนิ้วแตะปลายคางคล้ายคิดหนัก

“กลับมานะ  นะ นะ  นะครับ  ไม่งั้นสิงห์นอนคนเดียวหนาวแย่”

“หูย~ เลี่ยนมากอ่ะ”  เสียงหัวเราะคลอเคล้าหยอกเย้ากันไม่ขาด

จูบอ่อนหวาน  แตะแต้มแผ่วเบา  รุกล้ำเนิบช้าอ่อนโยนแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นเร่งเร้าพัดโหม  ในอกข้างซ้ายสิ่งนั้นเต้นโหมแรงเสียจนสั่นไหว  ดวงตาสีสนิมคู่นั้นเปิดเผยซึ่งหัวใจทั้งหมด  ความรู้สึกรักท่วมท้นจนคนมองใจสั่นคำรบแล้วคำรบเล่าอย่างไม่อาจห้าม

ริมฝีปากหยักคู่นั้นแตะแต้มแผ่ว ซ้ำ...ครั้งแล้วครั้งเล่า  อ่อนหวาน...ระเรื่อยให้อยากให้มอบความรักมากมายกลับคืน  อ่อนโยน...ไม่เร่งเร้าเร่าร้อน  ต่างส่งมอบความรู้สึกในหัวใจให้อีกคนรับรู้

คีตกาลยกมือขึ้นทาบแก้มกร้าน  เลื่อนริมฝีปากแตะจูบปลายจมูกโด่งของคนตัวโตแล้วแนบหน้าผากจ้องเข้าในดวงตาคมกล้าคู่นั้น   จูบย้ำลงบนริมฝีปากหยักอีกครั้งก่อนผละออก
.
.
.



คีตกาลยิ้มแย้มอารมณ์ดี  เขากลับบ้านโดยไม่ได้แจ้งคุณพีรพลและคุณยุวดีบิดามารดา  เมื่อถึงบ้านเขาจึงไม่เห็นพวกท่านในห้องรับแขกจนต้องร้องถามสาวใช้ในบ้าน    ‘พวกท่านสองคนอยู่ในห้องทำงาน   ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน  พวกหนูถูกสั่งไม่ให้ไปรบกวน‘  เด็กในบ้านตอบอย่างนั้น  ร่างโปร่งขมวดคิ้วกับคำตอบนั้นหากไม่ได้คิดอะไรมาก  ร่างโปร่งก้าวเท้าตรงไปยังห้องทำงานของบิดาทันที

เสียงพูดคุยเล็ดลอดดังแว่ว  ประโยคหนึ่งทำให้มือขาวที่กำลังจะยกเคาะประตูชะงักค้าง 

“ผม....อยากให้ตาเพลงมีแฟนเป็นผู้หญิงมากกว่า”  ถ้อยคำนั้นเป็นของบิดา   คีตกาลขมวดคิ้ว  ตอนที่เขาบอกความจริงเรื่องสีหราช  บิดาเคยเรียกเขามาคุยครั้งหนึ่ง  ขอร้องให้พวกเขาสองคนอยู่ในกรอบ  อย่ามีอะไรเกินเลยหากยังไม่พ้นวัยเรียนและเขาก็รับปาก   บิดาไม่ได้ห้าม  เพียงเอ่ยถามถึงความมั่นใจในความสัมพันธ์เท่านั้น  แล้วเหตุใดวันนี้บิดาจึงเอ่ยถ้อยประโยคนี้ออกมา

“คุณคะ...”

“ผมอยากเห็นตาเพลงเรียนจบ  มีการงานที่ดีสืบทอดธุรกิจของที่บ้าน  แต่งงานแล้วก็มีลูก”

“....”

“หากเราได้อุ้มหลานที่เกิดจากตาเพลงคงมีความสุขมาก....”  ท้ายประโยคเสียงทุ้มนั้นสั่นไหวเพราะแรงสะอื้นไห้

จะมีสิ่งใดทำให้คนเป็นพ่อร้องไห้ได้ถ้าไม่ใช่เรื่องของลูก....

คีตกาลนิ่งอึ้ง  เขายืนค้างอยู่หน้าห้องไม่กล้าขยับ  ไม่กล้าเคาะประตูเพื่อเข้าไปพูดคุยกับบิดามารดา   พ่อของเขารับไม่ได้ที่เขามีคนรักเป็นผู้ชาย  หากเพื่อความสุขของลูกจึงได้แต่กล้ำกลืนคำห้ามปราม คำดุด่าว่ากล่าว ทำเพียงแค่ยืนมองห่างๆเท่านั้น

ความร้อนแล่นขึ้นกลางอกลามไปจนถึงหัวตา   ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นเพื่อกักกั้นหยาดน้ำอุ่นไม่ให้ไหลลงมา   ช่วงจังหวะตัดสินใจจะเดินหันหลังออกมาพลันในห้องทำงานก็เกิดเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของมารดาลั่นก้อง

“คุณคะ!”   คีตกาลถลาเข้าไปในห้อง  ร่างของบิดาที่ฟุบลงบนโต๊ะทำงานพาให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น   ไม่รู้ว่าเขาตะโกนร้องเรียงคนในบ้านไปด้วยเสียงดังแค่ไหน   มือที่กดโทรศัพท์เรียกรถฉุกเฉินสั่นระริก   ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด  แผ่นอกกล้าแกร่งขยับแผ่วและคราบหยาดน้ำบนหางตาของบิดาทำให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบ




“...เป็นโรคหัวใจขาดเลือดครับ  ต้องให้ยาเพื่อสลายลิ่มเลือด  หลังจากนี้.....จึงค่อยพิจารณาทำการผ่าตัดครับ”   

“แต่...ก่อนหน้านี้คุณพีร่างกายแข็งแรงมาตลอดนะคะ” คุณยุวดีเอ่ยค้านเนื่องจากครอบครัวเขาตรวจสุขภาพประจำปีมาตลอดและไม่เคยมีอาการบ่งบอกถึงโรคนี้เลย

“ก่อนหน้านี่ที่ตรวจไม่เจอเพราะไม่มีแสดงอาการ   การมาเจอตอนนี้เพราะคุณพีรพลอาจจะมีเรื่องเครียดหนักจนทำให้อาการกำเริบก็ได้ครับ”   คุณยุวดีเหลือบสายตามองบุตรชายเล็กน้อยแล้วพยักหน้าให้หมอผู้ตรวจ

“.....”      เรื่องเครียด?    คีตกาลฟังแล้วใจกระตุกวาบ

เรื่องเครียดของบิดาในระยะนี้....มีเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องที่กำลังคุยอยู่กับมารดาของเขาก่อนอาการจะกำเริบออกมา...เรื่องของเขาและสีหราช....

เพราะเขา...

ที่บิดาเป็นแบบนี้เพราะเขา?

ความเสียใจถาโถมแล่นขึ้นกลั่นเป็นหยาดน้ำอุ่นไหลอาบแก้ม   ร่างโปร่งทรุดกายลงบนเก้าอี้หน้าห้องตรวจอย่างอ่อนแรง  คุณยุวดีเหลือบมองบุตรชายแล้วซักถามอาการกับหมอต่อ

ร่างโปร่งจมลึกลงในความรู้สึกผิด.... เป็นเพราะเขาที่ทำให้บิดาเป็นแบบนี้?  เพราะเรื่องของเขา  เขาที่รักกับสีหราช...  ลูกชายคนเดียวรักผู้ชายด้วยกันเอง...ลูกชายเพียงคนเดียว...ลูกชายซึ่งเป็นความหวังของครอบครัว  ลูกชายที่บิดามารดาคาดหวังไว้ว่าจะมีชีวิตครอบครัวปกติ  แต่งงานมีลูก  คนแก่ซึ่งหวังจะได้เป็นปู่เป็นย่าของหลานตัวน้อยๆ....  คีตกาลซบหน้าลงกับฝ่ามือ  ซ่อนหยาดน้ำตาจากสายตาของมารดา

ใบหน้าซีดขาวของบิดามีหน้ากากออกซิเจนครอบอยู่  หลังมือมีสายน้ำเกลือกำลังให้ยาบางอย่างเพื่อสลายลิ่มเลือด   เครื่องmonitor อัตราการเต้นของหัวใจทำให้คีตกาลเจ็บแปลบในใจ

คืนนั้นเขาไม่ได้กลับหอพัก  ไม่ได้รับโทรศัพท์หลายสิบสายของสีหราช  อิ่มเอมหรือแม้แต่ชายชาญ   ทำเพียงกุมมือเย็นเฉียบของบิดาเอาไว้ตลอดคืนด้วยความรู้สึกหนักหน่วงในหัวใจ

คุณพีรพลพ้นขีดอันตรายในเช้าวันที่สามของการนอนสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดในห้องกึ่งICUโรคหัวใจ  แล้ว จึงย้ายออกไปห้องพิเศษ  คุณยุวดีที่ลางานกำลังเร่งเร้าให้บุตรชายกลับไปเรียนหลังหยุดมาเฝ้าบิดากะทันหัน

“งั้น...เย็นนี้เพลงคงค้างที่หอนะครับ”

“?”  สีหน้าเรียบเฉยของบุตรชายทำให้คุณยุวดีผิดสังเกต   หลายวันมานี้คีตกาลไม่ร้องไห้  ไม่โวยวายหากก็ไม่ยิ้ม...  “ลูกพักเถอะ   ทางนี้แม่ดูแลเอง”

“ครับ”

“...พรุ่งนี้พาสิงห์มาด้วยซิ”

“....”

“เพลง?”

“ครับ”





*********



ร่างโปร่งเหลือบมองรอบห้อง   ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวยังคงวางอยู่ที่เดิมกระทั่งเสื้อผ้าก็ไม่ได้ถูกหยิบจับ  เขาเพียงแค่รอ...  นั่งรอสีหราชอยู่บนเตียง  ตั้งแต่บ่าย...จนเย็นค่ำ...  เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นหน้าจอโชว์เบอร์จากตู้สาธารณะหน้าหอ   หลายครั้งก่อนจะเงียบไปโดยที่เขาไม่ได้กดรับ   ครู่ใหญ่เสียงไขกุญแจจากบานประตูจึงดังขึ้น

“เพลง?”   สีหราชเลิกคิ้วแปลกใจ  มือใหญ่เลื่อนไปกดสวิตไฟแล้วก้าวไปหาร่างโปร่งบนเตียงอย่างรวดเร็ว   ร่างสูงทรุดกายลงนั่งเคียงกันบนเตียง

“สิงห์”

“ทำไมเพลงถึงไม่รับโทรศัพท์ล่ะ?  รู้ไหมว่าสิงห์  เอมแล้วก็ชาญเป็นห่วงมาก”

“ขอโทษ  พอดีโทรศัพท์เสียน่ะ”

“.....    แล้วทำไมถึงขาดเรียน?”

“ก็...อยากลองเป็นเด็กเกเรียนดูบ้าง”  เจ้าของริมฝีปากสวยยกยิ้มกว้างอย่างเด็กนิสัยเสีย

“ไม่ใช่สิ่งดีเลย  เกเรียนแบบนี้สิงห์จะลงโทษ”

“ฮื่อ  ลงโทษ?”

“ใช่  ฐานที่ขาดเรียนและทำให้สิงห์เป็นห่วง”

“จะลงโทษแบบไหนเหรอ?”  สายตาวิบวับคล้ายไม่เกรงกลัว   คีตกาลยื่นหน้าเข้าใกล้ใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างท้าทาย   ริมฝีปากร้อนผ่าวคู่นั้นทาบทับลงมา  บดขยี้ไม่อ่อนโยนหากไม่รุนแรงนัก

“แบบนี้...”

“แล้วยังไงอีก?”   เสียงใสเอ่ยถาม   มือขาวแตะสาบเสื้อสีขาวอย่างหยอกเย้า  ส่งผลให้มือใหญ่ต้องยกขึ้นตะปบเมื่อมือนั้นเริ่มซุกซนเลื้อยลงไปยังหน้าท้องแกร่ง

“เดี๋ยวเถอะ!”

“ไม่กลัวสักหน่อย”  ดวงตาคู่สวยพราวระยับ   ร่างโปร่งโถมกายขึ้นทาบทับให้คนตัวโตหงายหลังเอนลงไปบนเตียงด้วยไม่ทันตั้งตัว

ริมฝีปากบางแตะแต้มข้างแก้มสาก  ขบเม้มซอกคอเจือกลิ่นเหงื่ออ่อนจาง  มือขาวเร่งปลดกระดุมเสื้อนักศึกษารวดเร็ว   วกจูบริมฝีปากหยักที่เผยอรอรับอย่างเร่าร้อน   บดเบียดแลกเปลี่ยนลมหายใจร้อนระอุอย่างไม่รู้เบื่อหน่าย   คลึงเคล้าปลายนิ้วลงบนยอดอกแกร่งให้เสียงทุ้มเล็ดลอกจากลำคอหนาด้วยรัญจวนตีขึ้นเข้ากลางท้องน้อย 

มือสากลากไล้แผ่นหลังของคนด้านบนที่จู่โจมเขา  รั้งชายเสื้อให้หลุดพ้นขอบกางเกงแล้วไล้ฝ่ามือเข้าแนบผิวเนียนกลางหลัง   ลูบไล้ลากปลายนิ้วให้ร่างโปร่งสะท้านกายจนต้องละริมฝีปากออกห่าง

สีหราชจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาระยิบระยับ  ริมฝีปากสีแดงช้ำตรงหน้าพาให้ใจสั่นหวั่นไหว  เขายืดกายขึ้นจูบคีตกาล  รั้งท้ายทอยให้โน้มลงมาจูบเขาอีกครั้ง   มือแกร่งข้างหนึ่งเลื่อนกอบกุมสะโพกหนั่นแน่นแล้วบีบเบาๆ   คีตกาลผละริมฝีปากออกห่างถลึงตามองเจ้าของมือร้อนให้ฝ่ายนั้นหัวเราะลงคออย่างชอบใจ

คีตกาลรั้งมือใหญ่ให้หลุดจากสะโพกตัวเองแล้วรั้งขึ้น  สอดประสานนิ้วมือแนบลงข้างใบหน้าหล่อเหลา  กดลงกับฟูกนอนแน่นแล้วจึงค่อยโน้มลงขบเม้มซอกคอคนตัวโต   สร้างรอยแสดงเป็นเจ้าของ...บดเบียดสะโพกกระพือความเร่าร้อนให้ลุกโหมจนร้อนระอุไปทั้งห้อง   มือขาวเลื่อนปลดกระดุมเสื้อและกางเกงของคนข้างใต้   แหวกสาบเสื้อแล้วแนบริมฝีปากลงบนอกแกร่ง  ...หน้าท้องขึ้นลอนสวย   นาบความร้อนจากริมฝีปากลงปลุกเร้าให้เจ้าของเสียงทุ้มครางเครือ

ร่างโปร่งยกยิ้มเมื่อคนข้างใต้อยู่ในห้วงความรัญจวนอย่างที่ตั้งใจ  มือขาวยกรั้งขาแกร่งขึ้นแนบข้างเอวแล้วโน้มกายลง  ความร้อนเร่าเคร่งครัดปวดหนึบจนแทบปลดปล่อย   สีหราชที่อ่อนระทวยเพราะความรัญจวนซ่านปรือตาหวานฉ่ำอยู่ใต้ร่างของเขา  มือขาวกอบกุมความปวดร้าวเคร่งเบื้องล่างของตัวเองเข้าจ่อเบื้องหลังของสีหราช   ก่อนจะกดแทรกลึกร่างหนาพลันพลิกกายรวดเร็ว!

“โอ๊ะ!”

“เพลงจะกอดสิงห์เหรอ?”

“....ใช่”

“....ให้สิงห์เป็นฝ่ายกอดเพลงดีกว่า”

“ไม่เอา!”  เสียงใสตวาดกร้าว

“เอ๊ะ?”

“เพลงจะกอดสิงห์!”  ท่าทางแข็งขึงอย่างไม่เคยเป็นทำให้สีหราชนิ่งขึ้ง  คีตกาลพลิกกายขึ้นคร่อมร่างสูงใหญ่ทันทีที่อีกฝ่ายเผลอ

“เพลง?”

“สิงห์   เป็นของเพลงนะครับ?”

“ดะ เดี๋ยว! เพลงครับ!”   สีหราชยกมือขึ้นจับมือขาวที่ลากไล้ลงสีข้างของเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับต่อ

“สิงห์!”

“ครับ?”

“..ให้เพลงกอดเหอะ”

“แต่สิงห์อยากเป็นฝ่ายกอดเพลงมากกว่านี่ครับ”

“ไม่เอา!”

“?”

“....ถ้าสิงห์ไม่ให้เพลงกอดเราเลิกกัน!”

“เพลง!”   ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด  สีหราชจ้องมองคนตรงหน้าที่เอ่ยคำว่าเลิกกันออกมาได้อย่างง่ายดายอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“จะให้เพลงกอดหรือจะเลิกกัน?”

“?”   คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน  สีหราชจ้องมองดวงตาเรียวคู่นั้นเพราะเขาหวังว่าอีกฝ่ายกำลังเอ่ยคำล้อเล่นไม่จริงจัง

“เพลงพูดจริง  ถ้าสิงห์ไม่ให้เพลงกอด  เราเลิกกัน!”

“เพลง....”   สีหราชร้องครางเรียกชื่ออีกฝ่าย

อาการนิ่งขึ้งของคนตัวโตทำให้คีตกาลฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ  ร่างโปร่งผละออกห่างอารมณ์เสียก่อนจะคว้าเสื้อที่ถอดขว้างไว้ข้างเตียงขึ้นมาสวมพลางทำท่าจะเดินออกไป    สีหราชผุดลุกขึ้นรวดเร็วเข้ามาสวมกอดร่างโปร่งจากทางด้านหลัง

“ปล่อย!”

“เพลงครับ?”  เสียงทุ้มทอดอ่อนเอ่ยเว้าวอนสั่นเครือ

“เพลงไม่อยากเป็นฝ่ายโดนกอด!”

“เพลง....”

“...ถ้าสิงห์คิดอยากให้เพลงกอดเมื่อไหร่ก็ติดต่อมา  ถ้าไม่อย่างนั้นก็เลิกกัน!”

“เพลง!”

คีตกาลแกะมือหนาที่กอดรั้งรอบเอวเขาเอาไว้ออก ไหล่สวยตั้งตรง  ใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่ยอมหันกลับมามองคนด้านหลังแม้เพียงนิด   ร่างโปร่งก้าวออกไปจากห้อง...ทิ้งไว้เพียงความตื่นตะลึงและตกใจของสีหราช

.
.
.


หลังจากนั้นสีหราชติดต่อกลับไปหาคีตกาล  หากอีกฝ่ายไม่เคยรับสาย  ในมหาวิทยาลัยก็หลบเลี่ยงหนีหน้าไม่ให้พบเจอ  ไปหาที่บ้านก็มีเพียงสาวใช้มารับหน้า  ทั้งคุณพีรพลและคุณยุวดีก็ไม่ได้พบ
เขาถูกคีตกาลทิ้งจริงๆหรือ?
ถูกทิ้งด้วยเหตุผลเพียงเพราะเขาไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายกอด?



ข้าวของเครื่องใช้คีตกาลทิ้งไว้ไม่เอากลับ  ไม่พบเจอ  ไม่พูดคุย  ไม่มีการถามถึง  มีเพียงเขาที่ร้อนรนโหยหา  มีเพียงสีหราชคนนี้ที่อยากให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอย่างนั้นหรือ?   คีตกาลทิ้งเขาได้ลงคอง่ายดายเพียงนั้น?   หรือที่ผ่านมาเป็นเพียงความรู้สึกหวั่นไหวชั่ววูบ?   พอเขาไม่ยินยอมให้ในสิ่งที่ต้องการจึงผละห่างทอดทิ้งไม่ใยดี

สีหราชไม่ได้อยากจะยอมแพ้  หากแต่เพราะอีกคนไม่ยอมหันกลับมา...  ใบหน้าเนียนใสแย้มยิ้มให้กับบิดามารดาและเพื่อนร่วมคณะ  ไม่มีสักนิดที่จะหันมามองทางเขาในวันที่รับปริญญา   ชั่วระยะไม่กี่เดือน....คีตกาลลืมเลือนเขาได้หมดใจแล้วหรือ?   มีเพียงเขาที่เฝ้าติดตามและทวงถามความรู้สึกเดิมให้กลับมา  ร้องเรียกอีกฝ่ายในใจเพราะคีตกาลเอาแต่ปิดใจไม่รับ.. ปิดหูไม่ฟัง  ปิดตาไม่มอง

ทุกอย่างจบลงพร้อมรอยร้าวลึกที่กรีดลึกลงกลางใจของสีหราช...





ความอ่อนหวานยามได้แต้มจูบ   ความอ่อนโยนเมื่อได้โอบกอด  ความห่วงหาตอนกุมมือ  เสียงหัวเราะยามได้เคียงข้าง  ความสุขล้นทดแทนความว่างเปล่าอ้างว้าง.... 

ทุกอย่างจดจารลงกลางใจของเขาแต่เพียงผู้เดียว











เขาเมามาย  เขาโศกเศร้าเสียใจเหมือนคนบ้า....  เขาละทิ้งทุกสิ่งอย่าง...

เขาสูญเสียทุกอย่างในโลกนี้ได้...หากไม่อาจเสียคีตกาลไป..

เขาเจ็บ...เจ็บแต่ยังรักอยู่   รักหมดหัวจิตหัวใจดวงนี้...












หลังจากนั้นไม่นานเขาจึงได้รู้...ว่าความจริงแล้ว  ไม่ใช่พวกเขาไม่รักกัน...






โปรดติดตามตอนต่อไป







สวัสดีค่ะ

หายหัวไปนานเลย  ขอโทษด้วยนะคะ  หลังกลับจาก ตจว. ภารกิจและงานก็รุมเร้าเข้ามาเต็มไปหมดเลยค่ะ :mew6:
กว่าจะได้แตะคีบอร์ก็ล่วงเข้ากลางเดือนไปแล้ว  ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้ค้างคาและรอคอยนะคะ
ตอนต่อไปจะพยายามมาให้เร็วที่สุดเทาที่จะทำได้นะคะ

ปล.  งานเรื่องนี้แต่งไปแต่งมา  ลักษณะการดำเนินเรื่องไปทาง 'อสงไขย' เลยเพราะตัดบทอดีตกับปัจจุบันสลับกันไป-มา
หวังว่าทุกท่านจะไม่งงนะคะ :mew2:

ปลล.เช่นเคยค่ะ  อ่านให้สนุกนะคะ  มีสิ่งใดผิดพลาดบอกกันได้ แนะนำ-ติ-ชมกันได้เสมอค่ะ

ปลล. กำลังบ้าอตีตา พี่เมืองใจ-ท่านศรีอยู่  ใครเป็นเหมือนกันมาคุยกันได้นะคะ :impress2:


ด้วยรักและคิดถึง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2016 10:49:44 โดย sine »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
คิดถึงเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ย้อนไปตอนเลิกกัน
สงสารสิงห์  ส่วนเพลงก็คงเสียใจเช่นกัน

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1511
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
โหยสงสารสิงห์ งืออออ
จริงๆเพลงก็คงไม่อยากเลิกกับสิงห์หรอก
แต่เหตุผลในการขอเลิกนี่แบบนะ...

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
คิดว่า เพลงน่าจะตั้งใจ หาเหตุที่จะเลิกกันนะ คงคิดมากเรื่องคุณพ่อ รออออ ตอนต่อไป

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
เราคิดแล้วว่าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้แน่ๆ รอตอนต่อไปนะค่ะ^^

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เห็นคำว่า น่าสวย ตั้งตรงค่ะ หน้าไหมคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ -Otto-

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
 จัดหนักเลยพี่สิงห์ เล่นตัวเยอะๆ :hao6:

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
แอบนึกอยู่เหมือนกัน ว่าเบื้องหลังการเลิกต้องเป็นเหตุผลประมาณพ่อแม่อยากอุ้มหลาน....
คาดหวังกับลูกมาก ทำให้ลูกตกนรกทั้งเป็น

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ yumijung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แปะชื่อ..ไว้ตามส่องด้วยคนค่ะ..คณคีย์ขี้งอน :mew1:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
เพลงหาเหตุเลิกซินะ คงเป็นเพราะพ่อป่วยนั่นละ

ออฟไลน์ kung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
จะกลับมารักกันต้องรอพ่อหายจากโลกนี้ก่อนรึ เฮ้อออ สิงห์หาเมียใหม่ง่านกว่ามะ มาเจอกันเพลงก็ยังพยศเหมือนเดิม รีบกลับมาต่อนะคะนี่ค้างจนเกลียดเพลงสุดๆละ5555 #ทีมสิงห์ :mew1:

ออฟไลน์ FeRnChOi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารสิงห์ตอนนั้นเหตุผลของเพลงตอนบอกเลิกสิงห์คือสิงห์ต้องช็อคมากแน่ๆ
ถึงจะย้อนอดีตแต่อ่านแล้วหน่วงมากกกกก

ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
เพราะพ่อป่วยสินะถึงบอกเลิก แล้วดันใช้เรื่องนั้นเข้ามาเป็นตัวช่วยเพื่อเลิกสะด้วยสิ

ออฟไลน์ -Otto-

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
อยากอ่านต่อแล้วอะ  :hao7:

ออฟไลน์ Akigigi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สิงห์ยอมทำทุกอย่างเพื่อเพลงหมดเลยอ่ะ
สงสารบอกตรงๆ เพลงไม่น่าทำอย่างนี้เลย
แล้วความรู้สึกที่เสียไปหละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอ รอ รอ อยู่เน้ออออ... คิดถึงไร่สีหกาลแว้วววว

ออฟไลน์ SLEEPERINDY

  • I am a normal girl.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รอฉันรอเธออยู่อต่ไม่รู้เธออยู่หนใด เธอจะมาๆเมื่อไหร่

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
- รักพัดหวน -
ลมพัดครั้งที่ 13





















ร่างโปร่งพอลงจากรถได้ก็เดินดุ่มขึ้นเรือนไปอย่างรวดเร็ว  สีหราชมองตามแผ่นหลังอีกฝ่ายแล้วหันมาหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองและของอีกคนติดมือขึ้นเรือน  หากเพียงแค่พ้นบันไดขั้นบนสุดแก้วน้ำเย็นก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

“?”

“ดื่มน้ำเย็นๆก่อนนะสิงห์”   สีหราชหรี่ตามอง  คีตกาลที่ถือแก้วน้ำเย็นยื่นมาให้พร้อมรอยยิ้ม

“ไม่หิว”

“.....”  จบคำรอยยิ้มบนใบหน้าใสพลันเลือนหาย  คีตกาลหรุบสายตาลงมองแก้วน้ำในมือด้วยหัวใจเหี่ยวเฉา

“ตัวเองน่ะดื่มหรือยัง?”  คีตกาลส่ายหน้าทั้งที่ยังคางชิดอก  “ถ้าอย่างนั้น....”

“?”

“นายดื่มแก้วนี้ให้หมดแล้วค่อยเอามาให้ฉันใหม่”

“?”  คีตกาลเงยหน้าขึ้นมอง    ร่างสูงของสีหราชเดินห่างออกไป   กระเป๋าเสื้อผ้าสองใบในมืออีกฝ่ายทำให้คีตกาลกระพริบตาปริบก่อนจะรีบกระดกน้ำในมือขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วแล้ววิ่งกลับเข้าไปในครัวถือน้ำเย็นแก้วใหม่ออกมาพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าอีกครั้ง

สีหราชวางกระเป๋าเสื้อผ้าของคีตกาลไว้หน้าห้องนอนของฝ่ายนั้นแล้วเดินกลับมายังห้องของตัวเอง   คีตกาลวิ่งตามเข้าไปพลางยื่นแก้วน้ำให้    ร่างสูงเหลือบสายตามอง  ริมฝีปากหยักเม้มแล้วคลายออกอย่างรวดเร็วไม่ให้อีกคนสังเกตเห็น   เขารับแก้วน้ำมายกดื่มหมดแก้วแล้วยื่นแก้วเปล่าส่งคืน

“ฉันดื่มแล้ว”

“อื้อ!”

“....แล้วทำไมนายยังไม่ออกไปอีก?”  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน   

“ไปไหน?”

“นายก็กลับห้องนายไปซิ”

“...อ้อ...”  ดวงตาเรียวกรอกไป-มาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยส่งเสียงรับคำ 




คีตกาลล่าถอยกลับห้องตัวเองไปแต่โดยดี  เขาคิดว่าอย่างน้อยหลังกลับมาถึงก็ควรไปรายงานผลให้ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการเช่นอิ่มเอมให้รับรู้เรื่องราวเสียหน่อย

เป็นไปตามคาด  อิ่มเอมสะดุ้งแทบตกเก้าอี้เมื่อเขาเล่าทุกอย่างให้ฟัง  สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนตัวโตทำให้คีตกาลไม่ใคร่จะสบอารมณ์นัก  นี่คิดว่าเขาโกหกหรืออย่างไร  เรื่องที่เขาปล้ำสีหราชน่ะ!

ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน  สมัยเรียนเขาเกือบจะกดสีหราชสำเร็จด้วยซ้ำ!  คีตกาลกลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองอย่างหงุดหงิด  ร่างโปร่งนั่งอยู่ปลายเตียง  มือหนึ่งยกเช็ดผมมือหนึ่งก็เปิดกระเป๋าเสื้อผ้าออกเพื่อเอาผ้าเปื้อนโยนลงตะกร้า   ช่วงจังหวะที่ก้มลงความรู้สึกเย็นวาบเล็กๆตรงแผ่นอกก็เลื่อนหลุดออกมาจากคอเสื้อ   เป็นแหวนคล้องสายสร้อยที่ถูกสวมให้เขาในนั้นคืนนั้น   ดวงตาเรียวกลอกไป-มาอีกครั้งแล้วริมฝีปากบางจึงหยักยกขึ้น...
.
.
.

เสียงน้ำตกกระทบบ่งบอกว่าเจ้าของห้องคงกำลังชำระร่างกายอยู่  ตอนหัวค่ำเพราะมัวแต่ไล่ดูเอกสารและตรวจงานย้อนหลังเวลาจึงล่วงเลยเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม   

คีตกาลเหลือบมองนาฬิกาตรงหัวเตียงซึ่งขยับผ่านไปอย่างเชื่องช้าคนในห้องน้ำก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเสียที     ชุดนอนชุดใหม่พับเรียบร้อยปลายเตียงที่เห็นทำให้เขาเกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา

“เฮ้ย!”  ร่างสูงใหญ่ของเจ้าของห้องในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นแขกไม่รับเชิญนั่งอยู่ในห้อง  คีตกาลยิ้มเผล่  ดวงตาเรียวพราวระยับยามจับจ้องผิวสีแทนที่มีหยาดน้ำเกาะพราว  เอวสอบสวยได้รูปพันผ้าไว้อย่างหมิ่นเหม่  เขาเหลือบมองลำคอและแผ่นอกของอีกฝ่าย  ครั้นไม่เห็นสร้อยและแหวนเช่นเดียวกับที่อยู่บนคอตัวเองก็ให้ใจสั่นวูบไหว

“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ?”

“ยังมั้ง  เนี่ยออกมาผึ่งลมให้แห้งแล้วจะเข้าไปอาบใหม่”  คีตกาลค้อนตากลับกับคำตอบ  กระนั้นเขาก็เพียงแค่ระบายลมหายใจแล้วยิ้มกว้างอีกครั้ง

“มา  มานอนนี่มา  เดี๋ยวฉันนวดให้”

“ห้ะ?”

“นายคงเมื่อยแย่  ไหนจะนั่งเครื่องไหนจะขับรถ  หนำซ้ำยังต้องเอาม้าลงแล้วมาเคลียร์งานเอกสารอีก  มาๆ  มานอนนี่เดี๋ยวนวดหลังให้”  ไม่ว่าเปล่า   มือขาวตบปุลงบนที่นอนอย่างเชื้อเชิญ

“ไม่อ่ะ”  คนตรงหน้าต้องมีแผนอะไรอยู่ในใจแน่ๆ!

“....ฉันไม่ปล้ำนายหรอกน่า!”  คีตกาลเหลืออด ตะเบ็งเสียงใส่อย่างหมดความอดทน  พลางต่อประโยคของตัวเองในใจ  ...ตอนนี้ไม่ปล้ำแต่ตอนหน้าไม่แน่หรอกนะ  หุหุหุ

“............”  สีหราชหรี่ตามอง  ร่างสูงขยับเท้าทีละก้าว  ทีละก้าวเข้ามาใกล้เตียง  สายตาก็ไม่ละจากแขกร่างขาวตรงหน้าแล้วฉกชุดนอนตรงปลายเตียงขึ้นมาถือไว้ก่อนจะหันหลังกลับวิ่งเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว  ร่างสูงออกมาด้วยสภาพที่เรียบร้อยกว่าเดิม  คีตกาลเบ้ปากพลางบ่นพึมพำ

“น่าเสียดายเกินไปแล้ว”

“อะไรนะ?”

“เปล๊า  ไม่มีอะไร แหะ แหะ”   สีหราชเหลือบมองร่างโปร่งซึ่งยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน  ครู่ใหญ่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีพิรุธอะไรจึงยอมเดินไปยังเตียงแล้วนอนคว่ำหน้าลง

มือขาวแตะแผ่นหลังกว้าง   กล้ามเนื้อแน่นใต้ปลายนิ้วทำให้ใจคนนวดกระตุก   คีตกาลเม้มปากแน่นสะกดกลั้นใจที่อยากจะโผเข้ากอดคนตรงหน้าเอาไว้อย่างสุดความสามารถ   สีหราชที่หล่อเหลาและสมบูรณ์คนนี้เป็นของเขา  นอนอยู่ตรงหน้าเขา!

“นี่  จะนวดไหม?”

“อ้อ  นวด! นวดครับนวด!”  คีตกาลสะดุ้ง   ออกแรงกดลงไปบนกล้ามแน่น  ไหล่กว้าง  บ่าผึ่งผาย....เส้นตึงจนแทบกดไม่ลง...  ริมฝีปากบางเม้มแน่นอีกครั้ง   ยิ่งลงแรงกดยิ่งขมวดคิ้วแน่นเข้า   นี่สีหราชใช้ร่างกายหนักขนาดไหนกันถึงได้กล้ามตึงไปหมดแบบนี้?

“แรงอีกนิด”

“อ๊ะ?  อืม...”  เจ้าของใบหน้าเข้มคร้ามหลับตาพริ้ม  ฝ่ามือขาวออกแรงกดเพิ่มขึ้นตามคำสั่งพลางสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายไปด้วย   ไอ้ความรู้สึกอยากลวนลามเมื่อครู่ไม่รู้ว่าหายไปไหน  ตอนนี้เขาแค่อยากให้เจ้าของห้องได้ผ่อนคลายลงบ้าง...ก็เท่านั้น...

ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วเรียบร้อยทำให้คนมองยกยิ้ม  ใบหน้าเข้มคร้ามยับยู่เพราะนอนคว่ำหน้า   คีตกาลทิ้งกายลงนอนฝั่งตรงข้ามพลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้น

“จะให้โอกาสกันได้ไหม?”  เขากระซิบถาม...  หากมีเพียงความเงียบเป็นคำตอบกลับมา




.
.
.






ท่ามกลางความมืด..   ลมหายใจของคนข้างๆทำให้เขาสงบใจ
พรุ่งนี้ตอนที่ลืมตาตื่น...
รักจะยังอยู่ตรงหน้าเขาไหม?
รู้สึกหวาดกลัวแต่ก็ยังอยากคว้าเอาไว้...  มือใหญ่เลื่อนขยับกุมกอบมือขาวของคนข้างกาย   กอบกุมเอาไว้ให้แน่น...   จับเอาไว้ให้มั่น  คีตกาลจะได้ไม่หนีเขาไปไหนอีก...








********






กลิ่นหอมฉุนจากในครัวทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นอย่างนึกสงสัย  วันนี้ป้าแช่มทำอะไรกลิ่นจึงได้ตลบอบอวลไปทั่วเรือนแบบนี้ก็พอดีที่เด็กสายใจยกสำรับออกมาพอดี

“วันนี้กับข้าวท่าทางจะอร่อยนะ  ป้าแช่มทำไรล่ะ?”   อิ่มเอมถามหลังนั่งเก้าอี้ข้างสีหราช   สายใจยิ้มไม่ตอบคำ    เดินกลับเข้าไปยกจานกับข้าวออกมาวาง   สีหราชเลิกคิ้วมองผิดพริกขิงและต้มยำข่าไก่ตรงหน้า    อิ่มเอมยกยิ้มแล้วถูมือ

“วันนี้ป้าแช่มทำของโปรดฉันด้วยแฮะ”  อิ่มเอมว่าพลางยกช้อนขึ้นเตรียมตัก  “ว่าแต่...คุณคีย์ของเราไปไหนเสียแล้ว?”   คนตัวโตหันมาถาม

“ในครัวค่ะ”

“ในครัว?”   ทั้งสองคนอุทานขึ้นพร้อมกันอย่างแปลกใจ  อย่างคีตกาลน่ะหรืออยู่ในครัว?

“ทำไม?  ฉันอยู่ในครัวแล้วมันแปลกตรงไหน?”

“ก็แปลกเพราะเป็นมึงไง”  อิ่มเอมว่า   คีตกาลค้อนตากลับใส่ทั้งสองคนก่อนจะยกถ้วยน้ำพริกและผักสดมาวางตรงหน้าสีหราชพร้อมไข่เจียวสีเหลืองสวย

น้ำพริกมันปู...

เพราะรู้เรื่องเล่ากล่าวขานของมันดีเขาจึงทำมันออกมา...อยากให้สีหราชได้กินแล้วรับรู้ถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ

“อื้อหือ  กินน้ำพริกแต่เช้าเดี๋ยวก็ร้อนท้องกันพอดี  ไม่ดีท้องจะเสียก็ไม่รู้”  อิ่มเอมหัวเราะ

“ยุ่ง!”

“โธ่  คุณเอมละก็...คุณคีย์ของหนูอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาทำนะคะ”  สายใจผสมโรงต่อว่าอิ่มเอมอีกคน

“ไอ้เพลงทำ?”

“ค่ะ”

“ทั้งหมดนี่?”

“ค่ะ”  สายใจพยักหน้ารับอย่างภาคภูมิใจ   คุณคีย์ของเธอทั้งหล่อทั้งเก่งนี่นา งานราชก็เก่งงานเรือนก็ทำได้!

“โอ้ย   งั้นกูยิ่งไม่กล้ากินอ่ะ!”  อิ่มเอมโวย

“ก็ไม่ได้ทำให้นายกินเสียหน่อย”

“อะไรนะ?  งั้นที่มึงลุกมาแต่เช้าหัดทำกับข้าวเนี่ย ทำให้ไอ้สิงห์หรือไง?”

“ใช่”

“....”   จนคำพูด   อิ่มเอมถึงกับจนคำพูดไปในทันที   คีตกาลไม่สนใจคนตัวโต   เขาทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้อีกฝากข้างสีหราชแล้วสั่งให้สายใจตักข้าว    สีหราชหรุบสายตามองถ้วยน้ำพริกด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน   ชายหนุ่มตักน้ำพริกพร้อมไข่เจียวใส่จานข้าวแล้วลงมือกิน

อิ่มเอมที่รอดูอาการผิดปกติของเพื่อนถึงกับขมวดคิ้วเมื่อสีหราชไม่มีอาการแสดงใดๆออกมา   เขายังคงตักผัดพริกขิงและต้มข่าไก่มากินโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ

“เห้ย  กินได้จริงดิ?”   อิ่มเอมยกช้อนหมายจะตักต้มข่าไก่มาชิมบ้าง  พลันสีหราชก็เอาช้อนของตัวเองมาขวางไว้ไม่ให้อิ่มเอมตักได้ “อะไรวะ?”

“มึงไปทอดไข่กินไป”

“ห้ะ?”

“ชิ่วๆ  ไปทอดไข่กินเองเลย   เชอะ!”  คีตกาลยู่ปากใส่อิ่มเอมแล้วเท้าคางจ้องมองสีหราช  พลางตักน้ำพริกมันปูใส่จานข้าวให้อีกฝ่าย

“อะไรวะ  แค่นี้หวงหรือไง?”  คนตัวโตฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ

“ไม่ได้หวง”

“...แล้วทำไมไม่ให้กูกิน?”  อิ่มเอมชักโมโหจริงจัง  เขาเท้าเอวมองเพื่อนทีมองคีตกาลที

“ทำนี่ได้ชิมบ้างหรือเปล่า?”  สีหราชไม่ตอบอิ่มเอมหากหันมาถามคนทำแทน

“ก็...ไม่ได้ชิมหรอก  แต่ทำตามที่ป้าแช่มบอกทุกอย่างเลยนะ!”

“อ้อ~”

“ทำไม?”   คีตกาลกับอิ่มเอมถามขึ้นพร้อมกัน  สีหราชตักผัดพริกขิง  น้ำพริกมันปูใส่จานข้าวตัวเองจนเกลี้ยงเกลาแล้วกินไม่หยุด   เหลือเพียงน้ำต้มข่าไก่เท่านั้นที่เขาไม่สามารถตักมาซดได้จนหมดถ้วย

“ทีหลังไม่ต้องทำแล้วนะ”  สีหราชยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหมดแก้วแล้วเทใหม่

“หือ?”

“ไม่ต้องแย่งป้าแช่มทำกับข้าวอีก”

“มัน...แย่มากเลยเหรอ?”  คนทำหน้าเสีย  จ้องมองถ้วยน้ำพริกเกลี้ยงเกลาและจานข้าวว่างเปล่าของสีหราชอย่างไม่เข้าใจ

“...ใช่  มัน...ไม่อร่อย”

“.....”   เงียบ   ทุกคนในห้องอาหารได้แต่เงียบ  แม้แต่อิ่มเอมก็ได้แต่นั่งนิ่งแล้วเบิกตากว้างจ้องมองเพื่อนพลางคิดวิเคราะห์คำพูดนั้นอีกครั้ง

ไม่อร่อยจริงหรือ?  แล้วทำไมถึงได้กินเกลี้ยงจานขนาดนี้?   ไม่รอคำอธิบายเพิ่มเติม  อิ่มเอมจ้วงช้อนลงไปตักน้ำต้มข่าไก่มาชิม  ใบหน้าหล่อเหลาพลันบิดเบี้ยวก่อนจะตวัดสายตาไปทางคีตกาล

“ไอ้เพลง!”

“เอม!”   สีหราชขมวดคิ้วมองเพื่อน

“เออ!  แม่งทำให้ไอ้สิงห์กินคนเดียวไปทั้งชีวิตเลยนะ  อย่าได้คิดไปทำให้คนอื่นกินเชียว!”   ว่าจบก็ลุกออกไปทันที

“.....”  คีตกาลหน้าจ๋อยทันที

“เป็นอะไร?”

“ถ้ามันไม่อร่อยขนาดนั้น...นายก็ไม่เห็นต้องกินเข้าไปเลยนี่นา”  เสียงร่าเริงก่อนหน้ากลายเป็นเศร้าสร้อย  ใบหน้าขาวหมองลงหลังมองจานอาหารว่างเปล่าตรงหน้า

“ฉันกินได้”

“แต่....”

“ก็กินจนหมดนี่  ไม่เห็นรึ?”

“เห็น  แต่มันไม่อร่อยไง!”

“...ทำมาแล้วต้องกิน  เสียดายของ”

“แล้วถ้าเกิดนายท้องเสียล่ะ?”

“นายก็หายาหาเกลือแร่มาให้ฉันกิน”

“.....”

“แค่หลังจากนี้อย่าไปทำให้ใครกินก็พอ”

“ตกลงหวงหรือเป็นห่วงคนอื่นอ่ะ?”

“...เป็นห่วงคนอื่น”  จบคำร่างสูงก็ลุกขึ้นคว้าหมวกมาสวมแล้วออกไปทำงาน   ทิ้งให้คีตกาลอ้าปากเหวออยู่ที่เดิม   นี่เขากำลังโดนด่าแบบอ้อมๆอยู่ใช่ไหม?  โว้ย!  ไม่เข้าใจ!

ว่าแต่...ชิมฝีมือตัวเองหน่อยซิ

แกร๊ง!  ช้อนที่ตักน้ำต้มข่าไก่ขึ้นชิมร่วงหล่นจากมือหลังสิ่งนั้นล่วงผ่านลำคอ   คีตกาลเบ้หน้าอยากจะคายสิ่งที่กลืนลงไปออกมา  นี่มันเค็มเหมือนรถเกลือคว่ำ เปรี้ยวเหมือนใส่มะนาวทั้งสวนเลยนี่นา!

สีหราชกินเข้าไปได้ยังไงกัน!

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
.
.
.






.
.
.
.




“อื้อหือ   สวยแจ่มมาก!”

“.......”

“หุ่นน่าฟัดขนาดนี้ถ้ากูเป็นไอ้สิงห์นะกูจัดการไปละ”

“งั้นเดี๋ยวไปบอกให้ชาญกับคุณศักดิ์ทำหน้าอกแบบนี้ไหม?”

“เฮ้ย ไม่เอา!”  อิ่มเอมหันขวับกลับมามองคนข้างกายแล้วสั่นหน้าปฏิเสธพัลวัน  ชายชาญน่ะไม่ห่วงหรอกว่าจะทำ  หมอนั่นคงไม่ยอมแน่  แต่เกียรติศักดิ์นี่ซิ  ชมชอบคีตกาลขนาดนี้มีหวังสั่งซ้ายคงไม่กล้าเดินขวาแน่นอน

“เอ้า  เห็นชมผู้หญิงคนนั้นไม่ขาดปาก  สวยแจ่มงี้  หุ่นน่าฟัดงี้  นึกว่าจะชอบจะได้ยุให้สองคนนั้นไปทำซะเลย!”

“แหม่  กูก็ปากหมาไปงั้นแหละ  มึงอย่าถือสา”

“รู้ตัวเองด้วยหรือไงว่าปากหมา”

“ไอ้....”

“หุบปากไปเลยนะ!” คีตกาลชี้หน้าก่อนจะซุ่มแอบมองร่างสูงกับหญิงสาวหน้าสวยคนนั้นต่อ  หญิงสาวทรงสวยที่อิ่มเอมเอ่ยปากชมเป็นลูกค้าใหม่ซึ่งถูกแนะนำมา  เจ้าหล่อนเพิ่งจะเปิดรีสอร์ททางเหนือ  มาหาดูม้าเอาไว้ไปให้นักท่องเที่ยวขี่  แต่ดูท่าตอนนี้คงอยากจะขี่เจ้าของฟาร์มม้ารูปหล่อเสียมากกว่า!

“ถ้าม้าที่กิ๊กซื้อไปเกิดมีปัญหา  คุณสิงห์จะขึ้นไป ‘แก้’ ให้กิ๊กไหมคะ?”  เจ้าหล่อนยกยิ้มที่พยายามขวยเขินส่งไปให้ชายหนุ่ม  มือขาวยกขึ้นเกี่ยวผมขึ้นทัดหูพลางช้อนสายตาขึ้นมอง

อื้อหือ....  แค่ชื่อนี่ก็น่าโดนเมียหลวงทั้งหลายตามตบละ!

“ก็ต้องดูครับว่ามีปัญหาอะไร  บางทีแค่โทรศัพท์ก็เพียงพอครับ คุณกิ๊กมีเบอร์ของทางฟาร์มอยู่แล้ว  ทุกคนในนี้สามารถให้คำปรึกษาคุณกิ๊กได้ทุกคน  หรือให้สัตวแพทย์ใกล้พื้นที่คุณกิ๊กดูแลก็ได้ครับ”  สีหราชยิ้มตอบบางเบาคล้ายไม่เห็นอาการขัดเขินของหญิงสาวตรงหน้า

“แต่...กิ๊กคิดว่าปรึกษาคุณสิงห์คงดีที่สุดเพราะคุณสิงห์น่าจะเข้าใจม้าได้กว่าใคร”  จบคำสีหราชก็หลุดหัวเราะออกมา

“ผมเป็นเจ้าของฟาร์มม้าก็จริงแต่ไม่ใช่ม้านะครับ  คงไม่รู้เรื่องม้าได้ดีมากกว่าสัตวแพทย์หรอกครับ”  ใบหน้าหล่อเหลาสว่างไสวด้วยรอยยิ้มกว้าง  พาให้ใจคนมองสั่นไหว  หญิงสาวพลันหน้าแดงขึ้นมาจริงๆโดยไม่ต้องเสแสร้ง

“แหม  คุณสิงห์นี่ละก็...มีอารมณ์ขันจริงเชียว”

คีตกาลเบ้ปากกับบทสนทนานั้น   ก้อนฟางใกล้มือถูกทึ้งจนแทบหลุดออกมาทั้งก้อน  ไหล่บางถูกอิ่มเอมตีแปะลงมาให้สะดุ้งโหยง  กระนั้นคีตกาลก็ไม่ได้หันกลับไปมองคนข้างๆ   จนเมื่อไหล่ถูกกระแทก  กระแซะถี่ๆ

“อะไร!”  อย่ามาทำให้โมโหมากขึ้นได้ไหม!

“แม่ง  จีบไอ้สิงห์เห็นๆ”

“ฉันรู้แล้ว!”   เสียงใสสะบัดห้วน

“รู้แล้วยังนั่งอยู่นี่อ่ะนะ?”

“แล้วจะให้ทำยังไงเล่า” 

“....เอ้า  นั่นน่ะเมียมึงนะ”

“ห้ะ?”  คีตกาลหันมามองหน้าอิ่มเอมคล้ายกับคำพูดเมื่อครู่นั้นเขาฟังผิดไป

“อ้าว  ก็มึงบอกว่าไอ้สิงห์เป็นเมียมึงไม่ใช่เหรอ?”

“....”  อันที่จริงก็ไม่แน่ใจหรอกว่าสีหราชจะเป็นเมียเขาแล้วจริงๆ  แต่...ไม่พูดออกไปจะดีกว่า เดี๋ยวขายขี้หน้าที่โม้เอาไว้

“แล้วมึงจะยอมให้ผู้หญิงทรงสะบึ้มมาแอ๊วเมียมึงไปเหรอ?”

“ไม่ยอม!”  เผลอตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด  คีตกาลยกมือปิดปากแทบไม่ทันเพราะตะโกนออกไปเสียงดัง   สีหราชและหญิงสาวนาวว่ากิ๊กก็หันมาจนได้...  “อุ้ย!”  ร่างโปร่งเซถลาจากที่ซ่อนเพราะอิ่มเอมผลักออกมา

“?”  คิ้วเข้มขมวดฉับทันทีที่เห็นคีตกาลหน้าคะมำอยู่ข้างกองก้อนฟาง

“เอ่อ   คือ...”  ร่างโปร่งกลับไปทางด้านหลังไม่เห็นแม้แต่เงาของร่างสูงใหญ่ผู้เป็นทัพหนุนก็ให้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันคาดโทษ

“มีอะไร?”  เสียงทุ้มเอ่ยห้วนคล้ายไม่พอใจ

“คือ...”

“ถ้าไม่มีธุระก็กลับไปทำงานตัวเองเลยไป”  ดวงตาคมดุฉายแววหงุดหงิด  ยิ่งหญิงสาวข้างกายทำทีว่าอยากจะคุยกับคีตกาลเขายิ่งรู้สึกไม่พอใจ

“ก็มี...  มีนะ”  ใบหน้าใสทำทีคล้ายนึกทบทวนเรียกความจำว่าตนเองมีเรื่องจะคุยกับคนตัวโต

“...รีบพูดแล้วก็รีบกลับไปได้แล้ว!”

“ก็  ก็...สิงห์หิวน้ำไหม?  ร้อนหรือเปล่า?”  ไม่ใช่เพียงแค่ถาม   หากคีตกาลคว้าขวดน้ำที่หยิบติดมือมาเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง

“ไม่หิว  แล้วก็ไม่ร้อนด้วย!”  เสียงทุ้มลอดไรฟันกับสายตาดุดันทำเอาขวัญผวาอยู่บ้าง  กระนั้นร่างโปร่งก็ยังคงเดินเข้าไปหาไม่หยุดเท้า

“โธ่ คุณสิงห์  อย่าดุแบบนั้นซิคะ  กิ๊กตกใจตามไปด้วยเลย  ว่าแต่...คุณคนนี้เป็นใครเหรอคะ?”  หญิงสาวหันมาปรามร่างสูงแล้วเอ่ยถามเสียงหวาน

“เอ่อ  คีย์ครับ  ยินดีที่ได้รู้จัก”  ร่างโปร่งยิ้มทักทาย  ขยับเท้าเข้าไปใกล้สีหราชมากขึ้นแล้วยื่นนิ้วสะกิดแขนแกร่ง  “ดื่มน้ำหน่อยไหม?”

“ไม่...”   เอ่ยปฏิเสธไม่จบประโยคหลอดน้ำก็ถูกยื่นจ่อริมฝีปากหยัก

“นะ?”

“........”  สีหราชหรุบสายตามองคนตรงหน้าคล้ายกำลังประเมินว่าอีกฝ่ายกำลังวางแผนทำอะไรอยู่

“คุณสิงห์ครับ  คุณแพรวมารอพบครับ  ตอนนี้อยู่ที่เรือนใหญ่”  คนงานเข้ามาตามหลังมีวิทยุจากรเอนใหญ่แจ้งมา

“อืม”  ร่างสูงตอบคำแล้วหันกลับมามองหน้าคีตกาลอีกครั้ง   ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาเบ้ปากด้วยท่าทางไม่พอใจ

“เจอผู้หญิงคนไหนก็หว่านเสน่ห์ไปทั่วเลยหรือไง  ใครๆถึงได้ตามมาเป็นพรวนแบบนี้!”

“?”

“เอ่อ  คุณสองคนเป็นแฟนกันเหรอคะ?”  หญิงสาวหนึ่งเดียวตอนนี้ยิ้มแหยแล้วชี้ผู้ชายสองคนตรงหน้า

“มะ...!”   ริมฝีปากอ้าจะเอ่ยปฏิเสธพลันแขนข้างหนึ่งก็ถูกกระชากไปกอดโดยอีกคน  “?”

“คุณกิ๊กรู้ได้ไง   เก่งจัง!”

“เอ่อ..”  หญิงสาวยิ้มแหยก่อนจะแสร้งหัวเราะ  โถ  เล่นแสดงอาการแบบนี้ใครมองไม่ออกก็บ้าแล้ว!




สีหราชจัดการให้คีตกาลหลุดจากแขน  สั่งให้เขากลับไปทำงานก่อนจะหันกลับไปคุยงานกับหญิงสาวต่อ  ครู่หนึ่งจึงกลับเรือนใหญ่หลังเสร็จธุระ   เสียงพูดคุยบนเรือนทำให้ร่างสูงชะงักเท้า   แพรวพรรณกำลังคุยอยู่กับใครในเมื่อวันนี้อิ่มเอมไม่อยู่

“คือ...แพรว....แพรวอยากขอให้คุณคีย์ช่วย...”

“คุณแพรวมีอะไร....หรือเปล่าครับ?”  ท้ายประโยคสีหราชแกล้งผ่อนเสียงให้เบาลงคล้ายนึกไม่ถึงว่าแพรวพรรณกำลังคุยอยู่กับใครอื่น  ร่างสูงเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นแพรวพรรณคุยอยู่กับคีตกาล   ดวงตาคมดุฉายแววไม่พอใจกรุ่นจ้องเขม็งไปยังร่างโปร่งทันที  มือขาวของคีตกาลถูกแพรวพรรณกอบกุมเอาไว้แน่น   แก้มใสของหญิงสาวขึ้นสีเรื่อยามเมื่อเงยหน้าสบตากับสีหราช

“ฮึ!”  คีตกาลแค่นเสียง  ประโยคที่แพรวพรรณพูดไม่จบคงหมายถึง  ให้เขาช่วยเรื่องของหญิงสาวกับสีหราชกระมัง?  ฝันไปเถอะ!

“คุณแพรวทานอะไรมาหรือยังครับ?”  สีหราชเอ่ยถาม  แม้จะมองเห็นว่าตรงหน้าหญิงสาวมีจานผลไม้ที่สายใจนำมาวางไว้ก็ตาม

“ทานมาแล้วค่ะ  คือ....”

“ครับ?”  สีหราชแสร้งไม่เข้าใจท่าทีของแพรวพรรณ   เธอเหลือบสายตามองคีตกาลวูบหนึ่งแล้วหันมามองสีหราชอีกครั้ง

“คุณแพรวนี่ท่าทางจะชอบม้ามากเลยนะครับ”

“เอ๊ะ?”  หญิงสาวร้องเอ๊ะเมื่อจู่ๆคีตกาลก็เอ่ยแทรกขึ้นมา

“ก็ผมเห็นคุณแพรวมาที่ฟาร์มนี้บ่อยๆ”

“ก็....ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”  แก้มเนียนขึ้นสีเรื่อ  หญิงสาวยกมือขึ้นเกี่ยวผมขึ้นทัดหูอย่างเขินอาย

“.....ถ้าไม่ได้ชอบม้ามากขนาดนั้นก็แสดงว่าชอบเจ้าของฟาร์มม้า?”

“เอ๊ะ?”

“คุณแพรวชอบสีหราชหรือครับ?”   น้ำเสียงยามเอ่ยถามแข็งกระด้างจนคนฟังรู้สึกได้  แพรวพรรณตกใจกับคำกล่าวนั้นจึงเงยหน้าของคนถามด้วยไม่รู้ว่าคีตกาลจะสื่อถึงอะไร  หรือกำลังรู้สึกอะไรอยู่จึงเอ่ยประโยคนั้นออกมา

“เปล่าค่ะ  คือแพรว...”  หญิงสาวอึกอัก  ถ้อยคำที่เตรียมมาพลันไม่กล้าเอื้อนเอ่ยเพราะท่าทางของคีตกาลดูผิดแปลกไป

“คุณแพรวจะบอกว่าไม่ได้ชอบม้า  แล้วก็ไม่ได้ชอบสีหราชอย่างนั้นหรือครับ”    แพรวพรรณไม่กล้าพยักหน้าหรือตอบรับ  เธอไม่ได้ชอบสีหราชเชิงชู้สาวเพราะรู้จักกันมานาน หากแต่ไม่ได้เกลียดด้วยเช่นกัน  ดังนั้นคำถามของคีตกาลจึงฟังขัดหูพิกลจนไม่กล้าตอบ

ใบหน้าหล่อเหลาของคีตกาลบึ้งตึง   ดวงตาคู่สวยฉายแววไม่พอใจ  ยิ่งแพรวพรรณขยับตัวแล้วเหลือบมองสีหราชคล้ายจะขอความช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่งเขายิ่งหงุดหงิด   เขาหันขวับไปมองคนด้านข้างเมื่อร่างสูงพยักหน้าให้แพรวพรรณ   หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก   ....พร้อมกับที่คีตกาลสะท้านในอกเมื่อเห็นท่าทีของทั้งสองคน

“คือแพรวจะบอกว่า   แพรวชอบ....”   จังหวะที่หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วตัดสินใจเอ่ยนั้น   คีตกาลพลันหันกายไปด้านข้าง  แขนขาวยกขึ้นคว้าลำคอของร่างสูงให้หันมาอย่างรวดเร็ว

“!”  ท่ามกลางความตกใจ  ริมฝีปากร้อนผ่าวคู่หนึ่งทาบทับลงบนริมฝีปากหยักได้รูป   แนบสนิทจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนรดลงบนซีกแก้มของกันและกัน

ร่างสูงนิ่งขึ้ง   ฝ่ามือขาวรั้งใบหน้าของเขาให้หันไปหา  อีกข้างประคองบังคับไม่ให้หันหนี  ริมฝีปากบางคู่สวยทาบทับหากไม่ได้บดเบียดอย่างเร่าร้อน  ลมหายใจรินรดบ่งบอกว่าสัมผัสตรงริมฝีปากนั้นเป็นความจริง  ดวงตาคมดุเพ่งมองภาพตรงหน้าแม้ไม่ชัดเจนเพราะระยะที่ใกล้ชิดจนเกินไป  กระนั้นเขาก็ไม่ได้ผละใบหน้าออกห่าง  ....อาจจะเพราะเขากำลังตกใจ  ประหม่าและสั่นไหวกับการถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวนี้

ฝ่ามือข้างแก้มเย็นชื้น....  สีหราชอยากจะยกมือขึ้นทาบฝ่ามือนั้นแล้วกอบกุมเอาไว้เพื่อถ่ายทอดความอบอุ่น  เขาหลงลืมทุกสิ่งรอบกาย   อยากเปิดริมฝีปากเพื่อให้การแตะสัมผัสนี้กลายเป็นจูบที่แท้จริง  ใบหน้าเข้มคร้ามขยับเอียง  ออกแรงกดตอบริมฝีปากอุ่นร้อนของคนตรงหน้า  หากเพียงโน้มกาย....เจ้าของริมฝีปากนั้นพลันผละออก

แพรวพรรณจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาตื่นตะลึง  คล้ายกับกำลังมองเห็นสิ่งซึ่งไม่ควรเห็น  และเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น  เธอมาที่นี่เพราะได้ข่าวว่าคีตกาลกลับมาจากเมืองนอกแล้ว  และเธอ...อยากจะสารภาพรักกับเขา!   แต่นี่อะไร!  เธอรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก  ชั่วขณะกำลังจะเอ่ยปากฝากรักคีตกาลกลับทำให้ร่างกายเธอแข็งเป็นหิน  หัวใจบิดขมวดจนเจ็บปวดและตระหนกอย่างเหลือแสน

คีตกาลคว้าคอสีหาชมาจูบต่อหน้าต่อตาเธอ!

“ก็...เป็นอย่างที่เห็นนะครับ”  คีตกาลเอ่ยเสียงนุ่ม  ดวงตาคู่สวยวาววับจ้องมองแพรวพรรณแตกต่างไปจากเดิม  คล้ายเยาะหยัน  คล้ายกลั่นแกล้ง  และรู้สึกสมใจ  โดยไม่ทันรู้สึกว่าร่างสูงข้างกายกำลังมองตัวเองด้วยสายตาแบบไหน  ด้วยความรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินประโยคนั้น

แพรวพรรณนิ่งอึ้ง  เบิกตามองคีตกาลคล้ายไม่เชื่อว่าชายหนุ่มผู้แสนหล่อเหลาและอ่อนโยนจะกระทำแบบนี้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ   หากอยากจะปฏิเสธเธอก็สู้บอกออกมาตรงๆยังดีเสียกว่าการมาทำให้เธอรู้สึกเสียหน้ารุนแรงอย่างนี้   แพรวพรรณกำหมัดแน่นแล้วเชิดหน้าขึ้น

“ฉันก็แค่อยากจะบอกว่า ‘ฉันชอบคุณ’ ก็เท่านั้น!”  แล้วแพรวพรรณก็เชิดหน้าจากไปหลังจบประโยคด้วยรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ

“อ้าว?”  คีตกาลตกใจกับคำกล่าวนั้น 

คีตกาลกะพริบตาปริบ  ครู่หนึ่งก็ให้ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือดเมื่อเข้าใจความหมายในประโยคของแพรวพรรณที่เอ่ยออกมา  นี่เขาเข้าใจผิดว่าแพรวพรรณจะสารภาพรักกับสีหราชอย่างนั้นหรือ?   แล้วก็หึงจนหักหน้าของหญิงสาวต่อหน้าผู้ชายอีกคน?

โธ่โว้ย!  ทำไมเขาถึงนิสัยแบบนี้นะ

“เอ่อ....”  คีตกาลมองตามหลังแพรวพรรณไป  พลันสะดุดกับร่างสูงซึ่งยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ข้างกาย   ใบหน้าเข้มคร้ามบัดนี้อึมครึมดูน่ากลัว   ดวงตาคมดุคู่นั้นจ้องเขาราวจะกินเลือดกินเนื้อ

“...สิงห์  คือ...”  คีตกาลยกมือแตะแขนแกร่ง  อยากเอ่ยปากขอโทษหากแต่ไม่กล้า  ...จะอธิบายอย่างไรดีใบหน้าเคร่งขรึมนี้จึงจะคลายความกร้าวลง.....  ช่วงจังหวะที่ปลายนิ้วแตะสัมผัสแขนนั้นพลันสะบัดหนี

“อย่ามาแตะ!”

“!”

หลังเสียงทุ้มตะคอกใส่  ร่างสูงก็หันหลังลงเรือนไปอย่างรวดเร็ว  ทิ้งให้คีตกาลยืนนิ่งอยู่จุดเดิมด้วยความตกใจ  เขาคิดว่าสีหราชจะโกรธเหมือนอย่างครั้งที่เขาแกล้งให้ตกน้ำ...หากสิ่งที่ดวงตาคู่นั้นสะท้อนมาให้เห็นกลับเป็นอีกสิ่งหนึ่ง...  ซึ่งบีบรัดหัวใจของเขาจนแทบหายใจไม่ออก   

ลมหายใจสะดุดยามเมื่อร่างของสีหราชพ้นสายตา...








ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน  เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน
อยากวิ่งตามร่างสูงไปเพื่อขอโทษและอธิบายถึงการกระทำก่อนหน้านี้  อยากพูด  อยากบอกความรู้สึกซึ่งอัดแน่นอยู่ในใจนี้ให้รับรู้  หากสีหราชจะให้อภัยกันเขาคงดีใจมาก....และจะยิ่งดีใจมากขึ้นหากสีหราชรับฟัง....

“คุณคีย์ครับ!  คุณคีย์!”   คีตกาลหลุดจากภวังค์  เขาเดินไปยังบันไดหากคนร้องเรียกเขาโผล่พ้นขึ้นเรือนมาเสียก่อน  นายเขียวหน้าซีด  เหงื่อเต็มข้างขมับวิ่งเข้ามาหาคีตกาลอย่างร้อนรน

“มีอะไร?”

“แย่แล้วครับ  นายแย่แล้ว!”

“?”

“นายสิงห์ตกม้าครับ!”

“!”  สีหราชเคยโดนม้าพยศใส่  ได้แผลบ้าง เคล็ดขัดยอกบ้างบ่อยครั้ง  หากไม่มีครั้งไหนที่ลูกน้องจะวิ่งโวยวายตื่นตระหนกอย่างครั้งนี้  หัวใจของคีตกาลกระตุกวูบ












*********














แถม




“นี่   บอกมาซะดีๆนะว่าตอนนั้นทำไมนายใช้โทรศัพท์คุณศักดิ์โทร.มาหาฉัน?”

“เอ่อ...”

“อ้อ  แล้วชาญด้วย  ชาญก็ใช้เบอร์คุณศักดิ์โทร.มา”

“คือ....”

“วันนี้คุณศักดิ์หยุดงาน  ชาญก็หยุด  นายก็หายหน้าไปสอง-สามวัน....”

“....”

“พวกนายอยู่ด้วยกันเหรอ?”

“ก็....ทำนองนั้น”

“สามคน?”

“ใช่”

“....เดี๋ยวนะถ้าฉันรู้สึกไม่ผิดนายกับชาญคบกัน?   ตั้งแต่สมัยเรียน?”

“.......”  เงียบถือว่ายอมรับ  คีตกาลจ้องหน้าคนตัวโตแล้วเอ่ยต่อ

“แต่...นายก็เหมือนสนใจคุณศักดิ์ด้วย”

“ก็...ใช่”

“แล้วนายเอาชาญไปไว้ที่ไหน!”  คนรักเพื่อนโวยวาย

“ก็เอาไว้ที่เดิม”

“ไอ้คนเจ้าชู้!”

“เฮ้ย  ฟังก่อน!”

“....ว่ามา!”

“คืองี้...อันที่จริงแล้วคนเริ่มเรื่องอ่ะชายชาญต่างหาก”

“อะไรนะ?”

“คือฉันคบกับชาญน่ะเรื่องจริง  แล้วที่ชอบเจ้าแว่นก็เรื่องจริงเหมือนกัน”

“.....”  คีตกาลจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจหลังจบประโยคนั้น

“ฟังให้จบ  วุ้ย!”

“....”

“ฉันไม่ได้คิดจะนอกใจหรือเลิกนะโว้ย  แต่ชาญน่ะเหมือนจะจับความรู้สึกฉันได้ว่าสนใจเจ้าแว่นอยู่  แล้วเจ้าแว่นเองก็ดูเหมือนจะหวั่นไหวมาทางฉันด้วย”

“แล้ว?”

“แต่...เจ้าแว่นชอบนายมากกว่าไง”

“อ้าว?”

“ไม่อ้าวล่ะ  ชาญกลัวว่าจะไปสร้างปัญหาให้กับนายทีหลังเลยมาพูดกับฉันว่าอันที่จริง  ศักดิ์ก็เป็นคนดี  ถ้าทำให้เสียใจคงน่าสงสารแย่  นายต้องเห็นตอนหมอนั่นร้องไห้!  โอ้ย  น่าแกล้งเป็นบ้า!”

“.......”

“เอ่อ  โทษที   ต่อๆ  ... หมอนั่นก็ท่าทางสับสนคิดว่าตัวเองชอบนายแต่ก็ยังมาหวั่นไหวกับฉันอีกเลยไปออกงานเลี้ยง  กะจะหาแฟนสาวให้ได้สักคน  แต่นายลองคิดดูนะ  ถ้ามีหมอนั่นมีแฟนเพราะแค่ต้องการเป็นคนปกติผู้หญิงคนนั้นจะน่าสงสารแค่ไหน?  ฉันทนไม่ได้หรอกที่ต้องมาทนเห็นผู้หญิงดีๆร้องไห้...”

“อะแฮ่ม!”

“เออ!  ฉันเลยกะว่าจะจับมาหันหน้าคุยกัน  แต่หมากระเป๋ากลับวางแผนจับกดเสียนี่”

“ชาญเนี่ยนะ?”

“เออดิ  หมอนั่นรู้ว่าฉันติดใจเจ้าแว่นเลยจัดการทั้งล่อลวง ทั้งปลุกปั่นจนอ่อนยวบแล้วกดเลย”

“ใครกด?”

“หมากระเป๋ากดเจ้าแว่น”

“ห้ะ?”

“ฉันขนาบอีกข้าง”

“!”  โอ้ย  คีตกาลอยากจะเป็นลม  เขาแค่สงสัยนิดหน่อยไหงกลายเป็นต้องมานั่งฟังฉากเร่าร้อนของเพื่อนตัวเองแบบนี้ด้วย!  “หยุด! พอ!  ไม่ต้องเล่าแล้ว”

“เฮ้ย  ได้ไง?  นี่มาฟังต่อ  เจ้าแว่นตอนร้องไห้นะโว้ย  แม่งโคตรน่าฟัดมาก!  ขนาดชาญยังอดไม่ไหวอ่ะมึงคิดดู  ไหนจะแว่น  ไหนจะตาฉ่ำด้วยหยาดน้ำ  ปากแดงๆส่งเสียงสะอื้นไม่หยุด....”

“พอ!  ไม่เอา!  ไม่ฟัง!”

“เอ้า  ก็มึงถาม”

“ไม่เอาไม่อยากรู้แล้ว!”  คีตกาลยกมือขึ้นปิดหู

“เอาน่าฟังต่ออีกหน่อย  นี่นะ  ตอนฉันกับชาญกอดหมอนั่นพร้อมกันนะ....”

“ใครเขาอยากฟังเรื่อง 18 + ของพวกนายกัน!”

คีตกาลลุกขึ้นจะวิ่งหนี  อิ่มเอมก็คว้าแขนกลับมา  ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งกดให้นั่งติดเก้าอี้  พอปิดหูก็พูดเสียงดังขึ้นๆเรื่อยเหมือนกลัวเขาไม่ได้ยิน  แต่เขาไม่ได้อยากฟังเรื่องเล่าติดเรทเสียหน่อยนี่นา!
คีตกาลได้แต่ร้องโหยหวนอยู่ในใจ  พลางคิดว่าตัวเองพลาดไปแล้วที่ถามหาเอาความจริงกับผู้ชายอย่างอิ่มเอม


































TBC.








สวัสดีค่ะ  หายหัวไปนานเลย   ขอโทษที่มาช้านะคะ^^
ใครอ่านมาถึงตอนนี้คงหมั่นไส้พี่สิงห์มากอ่ะ  เอะอะงอน เอะอะโกรธคีตกาลอยู่ร่ำไป....  ฮา
คืออยากจะบอกว่าคราวก่อนน่ะเป็นแผนของสิงห์เขา  คราวนี้ต่างหากที่จี๊ดจริง!!
ก็นะเล่นจูบ เล่นหึงหวงจนออกนอกหน้าขนาดนั้น  หัวใจของใครเขาก็ฟูฟ่องน่ะซี่!

เหมือนปัญหายังไม่จบแต่เรื่องนี้ใกล้จบนา...
ฮา

เม้นท์บอกกันได้นะคะจะได้รู้ว่ามีสิ่งไหนที่ยังต้องปรับปรุงแก้ไข

ปล.ลงเวรมา  มานั่งเกลาและแก้คำผิด  ตอนนี้ตาลายมาก  ง่วงขั้นสุด!

ด้วยรักและคิดถึง...


ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
สิงห์งอนอะไรรรรร  :ling1:
เมื่อไหร่คู่นี้เค้าจะหวานนนน จะดีกันแบบจริงๆสักที

ออฟไลน์ Mokuchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เราชอบเวลาคีย์หึงนะ โจ่งแจ้ง ชัดเจน ไม่คิดหน้าคิดหลังเลยด้วย 5555 :laugh:

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
มาแล้ววววววว

ออฟไลน์ -Otto-

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
 สิงห์ อะยอมๆคีย์หน่อยเด้ :hao3:

ออฟไลน์ akumapuyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คิดถึงเรื่องนี้มากกกกก สงสารคีย์ตอนนี้ทำอะไรสิงค์ก็งอลไปหมด 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด