┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]  (อ่าน 470520 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ไม่นะธัญญ์รอลุงก่อน!!!

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ร้องไห้น้ำตาท่วมตั้งแต่ฉากแรก  :hao5:
บางทีก็สมน้ำหน้าลุงเมศนะ แต่ก็สงสาร
คือไล่ธัญญ์ไปสองรอบแล้วอ่ะ
ใครจะไปหน้าด้านอยู่ ไล่กันขนาดนี้ แล้วยังมาอาลัยอาวรณ์
ถามธัญญ์สักคำไหมก็ไม่ ไปขยี้ปมเขาอีก
ถ้าธัญญ์กับธเนศคิดจะตายตามกันไปจริงๆ
คือพีคของพีคคคคคคค ชั่วฟ้าดินสลายเวอร์ชั่นเล้าเป็ด
สงสารธัญญ์อ่ะ เหมือนชีวิตจะทรมานไม่สิ้นสุดและเป็นโรคซึมเศร้า
ชนิดแบบเอะอะฆ่าตัวตายแล้วอ่ะตอนนี้  :mew2:
อิลุงเมศศ มาช่วยเร็วววววว เหาะมาก็ได้

ออฟไลน์ darksnow

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่เอาน่า ธัญญ์ อย่าทำแบบนี้เลย เมื่อไหร่จะปล่อยธัญญ์สักที ลุง ลุงช่วยธัญญ์นะ ลุงอย่าทิ้งธัญญ์อีกเลยยย

ออฟไลน์ snoopy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
หน่วงมาก เป็นความรักที่น่ากลัว
รักคนที่ไม่ควรจะรัก , รักที่ต้องซ่อนความลับ , รักที่นึกถึงแต่ตัวเอง
ทุกคนเจ็บกันหมด เจ็บไปด้วยกัน ไม่ว่าใครจะเลือกทางไหนก็ต้องมีคนที่เจ็บ
รักที่ผูกแน่นและเห็นแก่ตัว ย่อมทำร้ายคนที่เรารักและค่อยๆทรมานอีกคนอย่างช้า

ส่วนตัวเกลียดคุณธเนศ ดูเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก  ขนาดนี้แล้วยังคิดไม่ได้อีก
รักจนตาบอดไปแล้ว  :fire:

ออฟไลน์ theG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ขอเม้นยาวหน่อยนะคะ อัดอั้นน  :katai4:
ตอนที่อ่านตอนที่ 24 จบก็กรี๊ดเลยค่ะ เป็นปมที่เราชอบมาก ถึงใครจะไม่เข้าใจธัญญ์ แต่เราเข้าใจนะ
สำหรับคนที่ไม่เข้าใจแล้ว มันคงเป็นความคิดที่ดูเหมือนง่าย ถ้าแค่ให้ธัญญ์บอกความจริงไปสิ ภูเมศจะได้เข้าใจ แล้วก็ไม่ต้องแพ้ธเนศด้วย  ...เราเองก็เคยคิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ แค่บอกก็จบแล้ว จะอะไรนักหนา

แต่ถามว่า มันง่ายจริงหรอ? กับเรื่องราวที่ธัญญ์ถือเป็นความอับอาย อัปยศ อดสูของตัวเองมาตลอด จมดิ่งอยู่กับมันกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ธัญญ์จะสามารถเอ่ยปากบอกใครได้ง่ายๆ เหมือนบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองหรอ?

ไม่หรอกค่ะ คนเราไม่สามารถก้าวผ่านปมเหล่านี้ได้ง่ายดายขนาดนั้น สมมติ ต่อให้วางสองสิ่งลงบนตราชั่งตรงหน้า ด้านหนึ่งเป็นเงื่อนไขว่าบอกแล้วรอด ไม่ต้องเจอสิ่งที่เป็นเหมือน punishment หรืออาจได้ reward กลับคืนมาด้วยซ้ำ ส่วนอีกฝั่งเป็นการไม่ยอมบอก แม้ว่าตัวเองจะต้องพังทลาย เชื่อว่าเกือบทั้งหมดจะเลือกอย่างหลังค่ะ เพราะน้ำหนักของปมในใจของเขาเหล่านั้น มันมีมากกว่า punishment ที่เขาคิดว่าอาจจะต้องเจอ

สถานการณ์นี้ทำให้เรานึกถึงหนังเรื่อง The Reader (รายละเอียดอาจไม่เป๊ะมาก เพราะดูมาหลายปีแล้วและไม่อยากกลับไปดูอีกเพราะมันเจ็บปวด ถ้าใครไม่เคยดูแล้วคิดจะหาดูก็ข้ามไปนะคะ อาจสปอย)

มีฉากหนึ่งในเรื่องที่นางเอกกำลังจะถูกศาลตัดสินความผิด (อาจจะจำคุกตลอดชีวิต หรือเกือบตลอดชีวิตยังไงนี่แหละ จำได้ไม่แม่นค่ะ) ซึ่งเราก็ลุ้น ลุ้นให้นางเอกยอมบอกความจริงไปว่าตัวเอง "อ่านหนังสือไม่ออก" เพื่อที่ศาลจะได้ลดความผิดหรือตัดสินว่าไม่มีความผิด แต่นางเอกก็ไม่ทำ ไม่พูด ยอมรับโทษและเก็บเรื่องที่ตัวเองอ่านหนังสือไม่ออกไว้จนแก่ (และสุดท้ายด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เธอก็ฆ่าตัวตายในคุกค่ะ ฆ่าตัวตายตอนแก่(ที่หัดอ่านหนังสือเองได้แล้วและสามารถยอมรับกับพระเอกว่าตัวเองอ่านหนังสือไม่ออกได้แล้ว)นั่นแหละค่ะ)

เราดูจบแล้วก็ค้างคาใจไปหลายวันมากเลย เรื่องแค่นี้ทำไมไม่ยอมพูด ถ้าพูดก็จะไม่ต้องโดนลงโทษขนาดนั้นแท้ๆ ทำไมล่ะ ทำไม ก็แค่อ่านหนังสือไม่ออกเอง ทำไมมมม
คำถามนั้นติดอยู่ในใจเรานานมากๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เราเจอกับตัวเองค่ะ เรื่องราวที่ต่อให้ตายก็จะไม่พูด จะให้ถูกมองยังไงก็ได้ เลวร้ายแค่ไหนก็ได้ พ่ายแพ้แค่ไหนก็ได้ ในเมื่อมันเจ็บปวดขนาดนั้น จะพูดออกมาได้ยังไง น่าอับอายขนาดนั้น จะเล่าให้คนอื่นฟังได้ยังไง ให้ตายก็ไม่พูด ต้องไม่มีใครรู้...อย่างน้อยก็จากปากเรา ให้มันตายไปกับเรา ...นั่นคือสิ่งที่เราคิด และคงเป็นสิ่งที่นางเอกใน The reader คิดด้วยเหมือนกัน เพราะในหนัง ตอนแรกนางเอกจะขอให้พระเอกอ่านหนังสือให้ฟังตลอด พระเอกเคยถามว่าทำไม นางเอกก็จะบ่ายเบี่ยงได้ตลอด แสดงให้เห็นว่านั่นเป็นความลับ ความอับอาย ที่เธอพยายามปกปิดมาตลอด... เพราะฉะนั้นก็คงไม่แปลกอะไรที่เธอจะเลือกหนทางที่พังทลายมากกว่าที่จะยอมเปิดเผยมัน

เรื่องมันก็เท่านี้แหละค่ะ ความรู้สึกบางอย่าง เราจะไม่มีวันเข้าใจถ้าไม่ได้เจอกับตัวเองจริงๆ เรื่องเล็กน้อยของบางคนในสายตาเรา อาจเป็นภูเขาสูงเทียมฟ้าที่เขาไม่มีวันเอาชนะและก้าวผ่านได้เลยก็เป็นได้

ในส่วนของคุณธเนศ แอบคิดเหมือนกันนะคะ ว่าเราจะทำยังไงกับตัวละครนี้ดีนะ ดูเหมือนจะไม่มีทางหนีพ้นเลยใช่หรือเปล่า ท่าทางจะไม่ยอมปล่อยมือไปง่ายๆ เลยใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น... ความตายคือคำตอบหรือเปล่านะ คงมีแต่จะต้องตายแล้วแหละ ธัญญ์ถึงจะเป็นอิสระ แล้วตอน 25 ก็ทำให้เรามีความหวังค่ะ

แต่น่าแปลกที่เรากลับรู้สึกอยากให้ธัญญ์ตายไปด้วย ตายจริงๆ ไม่ต้องกลับมาอีก ไม่ว่าธเนศจะรอดมีชีวิตอยู่หรือใครจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ เราคิดว่าธัญญ์เจ็บปวดมามากพอ เจ็บปวดมากเกินไปจนอยากให้คนอื่นได้รับรู้ความรู้สึกนี้บ้าง --โดยเฉพาะคุณภูเมศ-- แม้ว่าเราเองอาจจะต้องเจ็บปวดไปด้วยก็ตามถ้าธัญญ์จะตายจริงๆ  :mew4:

แล้วก็...เข้าใจนะว่าการถูกปิดหูปิดตามันทำให้ดูเหมือนเป็นคนโง่ เป็นไอ้งั่งที่ใครจูงไปทางไหนก็ไป แต่ภูเมศก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วหรือเปล่า ควรมีสติไตร่ตรองความคิดมากกว่านี้ไหม
กับคนที่เอะอะก็ผลักไสคนอื่นเพราะกลัวตัวเองจะเจ็บปวดอย่างภูเมศน่ะ... ให้ลิ้มรสการสูญเสียสิ่งสำคัญอย่างไม่มีวันหวนกลับซะบ้างก็ดี

กับภาคี โนคอมเม้นท์ค่ะ ถึงใจเราเองก็คิดว่าการมองดูอยู่เฉยๆ ก็เป็นการทำร้ายทารุณอีกทางหนึ่ง แต่ภาคีเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะกางปีกปกป้องใครไปได้ตลอดรอดฝั่งเหมือนกัน

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น้องธัญญ์ของช้อย อย่าคิดสั้นอย่างนั้น ปล่อยอิธเนศมันตายไปคนเดียวค่ะ มันสมควรตายค่ะ มันเลว

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โนคอมเม้น มีแต่น้ำตาแล้วตอนนี้ :m15:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ปวดใจ หน่วงจิตมาก น้ำตาจะไหล
ธัญต้องเจ็บปวดขนาดไหน ถึงได้ตัดสินใจจะจบทุกอย่างอย่างนี้
นี่แอบคิดว่าธเนศน่าจะรักพ่อธัญมาก่อน แล้วใช้ลูกเป็นตัวแทนพ่อมาตลอด
ไม่รุ่สินะที่แอบคิดว่าสุดท้ายธเนศจะช่วยธัญและยอมตายไปคนเดียว

ส่วนภูเมศบอกตรงๆไม่สงสาร ถึงจะน่าเห็นใจแต่ก็เพราะทำตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง รู้สึกผิด เสียใจก็ถูกแล้ว

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
หายใจไม่ออกเลย

ออฟไลน์ มาโซซายตี้

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-2
บางทีตายไปด้วยกันแบบนี้ไปเลยก็ดี
แต่เหมือนอีตาพ่อมันจะไม่ได้อยากตายไปด้วยนะ
มันเหมือนเอาธัญญ์เป็นตัวแทนใครสักคนมั้ย เห็นอะไรในนั้นแว๊บๆ
ชั่วไม่มีสติเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kanunsak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
เศร้า...... หดหู่.....   นี่หรือคือสิ่งที่ธัญญ์ควรได้รับ   มันถูกแล้วใช่มั้ย........ 

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

“แบบนี้หรือเปล่าที่คุณต้องการ” ธัญญ์เอ่ยเสียงนุ่ม สูงต่ำราวกับกำลังร้องเพลง “เราจะทรมานกันและกันไปจนกว่าจะมอดไหม้”


“เปื่อยยุ่ย เน่าสลาย”


“จนกว่าจะดับสูญ”


“แต่เราจะไม่แยกจากกันอีกเลย”



อ่านแล้วรู้สึกวูบโหวงขึ้นมาในใจ หลังจากทวนอีกสองสามครั้งน้ำตาก็ไหลเป็นเขื่อนแตก อา...

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้ออออ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
มันเศร้ามากจนน้ำตาไหลพรากเลย สงสารธัญญ์มาก

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เศร้าสุดๆ พูดไม่ออก
ไม่อยากให้ธัญญ์จบแบบนี้ อยากให้มีความสุข

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ตื่นเช้ามากับราคาค่ารัก  หน่วงจี๊ด

สงสารทั้งสามคน ต่างมีปมที่ต้องแก้กันไป

 :ling3:  :ling3:   :ling3:  :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
  :mew6:  โอ๊ย..มันหนักหน่วงกะจิตใจเกินปาย....
ขอให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปเร็วๆ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
ความผิดพลาดที่ถูกยึดติดมานาน กำลังจะถูกปลดปล่อย แต่ใจที่ร้าวรานจะตามติดไปชั่วนิรันดร์
ทุกคนหาทางออกให้กับตัวเองเท่านั้น และไม่คำนึงถึงผลกระทบที่แผ่ขยาย..........
รอว่าความผิดพลาดของแต่ละคนจะได้รับการแก้ไขและมีจุดจบอย่างไรต่อไปค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ basanti

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อ่านตอนนี้จบแล้ว เรื่องที่สะเทือนใจที่สุดคือ
การได้รู้ว่าภาคีรู้เรื่องที่ธเนศทำกับธัญญ์มาตลอดแต่ทำเป็นไม่รู้และวางเฉย

ใจคุณทำด้วยอะไร ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าธัญญ์ถูกทำร้ายทำลายมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนถึงปัจจุบัน
คุณก็ยังเลือกที่จะเป็นแค่ผู้ดู ทำเป็นไม่รู้และวางเฉยมาตลอด

ความกลัวว่าตัวเองจะมีภัยจากธเนศมันมีเหนือกว่าเมตตาธรรมและมโนธรรม
ภาคีคุณเป็นคนที่ใจโหด เห็นแก่ตัว และน่ารังเกียจเหลือเกิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2017 19:05:36 โดย basanti »

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อห หมดคำจะพูดแล้ว  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
ตามอ่านตั้งแต่ต้นจนมาถึงตอนนี้ ดันมาเจอตอนค้างอีก ฮืออออ
สงสารน้องธัญจนไม่รู้จะพูดยังไงดี เพราะฝ่ายถูกกระทำมาตลอดเลย พอรู้สึกรักใครขึ้นมาก็ดันมาโดนทำร้ายจิตใจอีก
นี่อ่านไปก็แอบด่าคุณภูเมศไปด้วยนะ ไหนบอกจะไม่ปล่อยเค้าไปอีก นี่เป็นฝ่ายไล่เค้าไปด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าธัญเจออะไรมาบ้าง

แอบเห็นคนแต่งบอกว่าจบแฮปปี้ เราก็ยังอยากให้ธัญให้บทเรียนภูเมศสำหรับคราวนี้เยอะๆหน่อยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวก็ได้ทำร้ายกันอีก นี่ไม่โอเคเลยยยย

ไปๆมาๆก็แอบชอบเนื้อหาตอนนี้ ถึงจะหน่วงสุดๆก็ตาม แต่เหมือนตัวละครทั้งสองจะรู้ดีกว่า ถ้าอยู่แล้วมันทรมาน ก็สู้ไปด้วยกันแบบนี้คงดีกว่า เอาให้ภูเมศหัวใจสลายตอนรู้เรื่องไปเลยยยยยยย

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก  ├


งวดที่ 26





“คันนั้นคุ้น ๆ” ภูเมศร้องทักขึ้น ก่อนภาคีจะทันได้หมุนพวงมาลัยเลี้ยวไปอีกทาง “คุณจำได้ไหม ใช่รถเขาหรือเปล่า”

อีกฝ่ายชะเง้อมองตาม  ถัดไปด้านหน้ามีรถอีกสี่ห้าคันขวางอยู่ก่อนจะถึงพาหนะที่ถูกกล่าวถึง มองเห็นหลังไว ๆ ขณะรถคันนั้นขยับกำลังจะแซง เมื่อตัวรถเบนออกจากแถว จึงเห็นป้ายทะเบียนแวบหนึ่ง

แต่แค่แวบเดียวก็เพียงพอแล้ว

“รถคุณธเนศจริง ๆ” ภาคีพึมพำ มือที่กำพวงมาลัยชื้นเหงื่อไปหมด รู้สึกไม่ดีขึ้นมาอย่างไรแปลก ๆ

“เป็นเขาขับแน่ใช่ไหม”

“เก่าพอสมควรแล้วแต่เขาชอบ" เขาจ้องตามรถคันนั้นตาไม่กะพริบ "ปกติคันนั้นเขาใช้ขับเองคนเดียว ไม่มีใครอีก”

“ตามไปได้รึเปล่า” ภูเมศเอาแต่ยิงคำถาม

ต่อให้ไม่บอก ภาคีก็คิดไว้ว่าจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว เส้นทางเดิมจึงถูกเปลี่ยนแผนเสียใหม่ จากที่จะพาอีกฝ่ายไปบ้านของธเนศตามที่ได้รับการร้องขอ และเขารับปากจนได้หลังจากทะเลาะกันเสียใหญ่โตจนเลขานุการต้องมาเคาะประตูห้องร้องถามด้วยความเป็นห่วง

ตอนที่เธอเปิดประตูเข้ามาพบ หน้าตาของทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องก็ดูไม่จืดเสียแล้ว สองคนนัยน์ตาแดงก่ำ ขอบตาช้ำบวม ใบหน้าเริ่มเป็นรอยปูด แผลปากแตกยังมีเลือดซึม และเลือดส่วนหนึ่งก็เปรอะเปื้อนเชิ้ตยับยู่ยี่เป็นรอยด่างดวง ข้าวของล้มระเนระนาด ไม่มีทางคิดเป็นอื่นได้นอกจากคนข้างในเพิ่งผ่านการทะเลาะวิวาทกันมาสด ๆ ร้อน ๆ

ทว่าทั้งสองคนต่างยืนยันว่าไม่มีอะไร โดยเฉพาะคำสั่งของเจ้านายอันถือเป็นเด็ดขาด ไล่ให้เธอเลิกงานกลับบ้านไปได้แล้ววันนี้ และอย่าอ้าปากพูดอะไรหากยังรักจะทำงานในตำแหน่งเดิมอยู่

สุดท้ายจึงได้แต่เดินหน้าซีดออกจากห้อง ไม่ปริปากพูดอะไรกับคนอื่นเรื่องนั้นแม้แต่คำเดียว

ส่วนพวกเขาทั้งสอง ตอนนี้มาขับรถตามคนอยู่บนถนน

“คุณบอกเขาอยู่บ้านไง?”

“เขาก็มีมือมีเท้านี่” ภาคีเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ อดคิดไม่ได้ว่าถามอะไรโง่ ๆ “คุณลองดูซิว่าคุณธัญญ์อยู่ในรถด้วยหรือเปล่า”

ภูเมศพยายามเพ่งมอง เห็นเงาไหว ๆ คล้ายว่ามีคนนั่งไปด้วย แต่ไม่แน่ใจนัก เมื่อตัวรถสีดำนั้นขยับกลับเข้าไปอยู่ในแถวอีกครั้งหลังจากแซงคันหน้าอีกหน ก็เป็นการยากจะยืนยันว่าในนั้นมีผู้โดยสารนอกจากคนขับจริงหรือไม่ และหากมี คนคนนั้นใช่ธัญญ์หรือเปล่า

ระหว่างการจราจรเคลื่อนตัวไปได้เรื่อย ๆ ไม่ติดขัดนัก พวกเขาติดตามไปห่าง ๆ พยายามไม่เข้าใกล้จนเกินไป กระทั่งมาจอดอยู่ตรงสี่แยกไฟแดง เห็นว่ารถของธเนศจอดเป็นคันหน้าสุดในแถว ขณะที่พวกเขาอยู่ถัดมาด้านหลังอีกไกลกว่าเก่า

ภูเมศยังไม่ละความพยายามในการชะเง้อมองว่าธเนศเดินทางคนเดียวหรือมีผู้ร่วมทางไปด้วย แต่อยู่ไกลและยังมีรถร่วมถนนกีดขวางลานสายตามากเกินกว่าจะมองเห็น

ระหว่างนั้นมือก็กดต่อสายโทรศัพท์หาธัญญ์ แต่เช่นเคยอย่างที่ได้ลองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เลขหมายนั้นไม่สามารถติดต่อได้

“ทางเส้นนี้ไปไหน มีที่ไหนที่เขาชอบไปเป็นประจำหรือเปล่า”

ภาคีนิ่งคิดครู่หนึ่ง จากนั้นโคลงศีรษะ

“แล้วถ้าสมมติเขาพาธัญญ์ไปด้วย คุณเดาได้ไหมว่าเขาจะไปที่ไหน”

“คุณอย่าตื่นตูมนักเลย!” น่าแปลก ถ้อยคำนั้นเหมือนภาคีกำลังบอกตัวเองมากกว่า “เขาอาจจะแค่ออกไปหาอะไรกินก็ได้ ไว้เราตามไปจนถึงก็รู้”

ภูเมศพยักหน้าเห็นด้วย เฝ้ารอตัวเลขบนสัญญาณไฟจราจรนับถอยหลังกระทั่งกลายเป็นเลขหลักเดียว เวลาแค่ไม่กี่วินาทีนั้นทำเขากระวนกระวายจนแทบนั่งไม่ติด

ผู้ขับรถนั่นคงเป็นธเนศจริง ๆ แต่ที่เห็นเงาไหวคล้ายคนโดยสารเพียงแวบหนึ่งนั้นจะใช่ธัญญ์หรือเปล่า

และหากเป็นธัญญ์จริง เขาจะทำอย่างไรต่อ จุดหมายของรถคันนั้นอยู่ที่ไหน หลังจากเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่าน อีกฝ่ายจะยังอยากเห็นหน้าเขาอยู่หรือไม่ ธเนศจะขัดขวางอีกหรือเปล่า

แต่เรื่องพ่อเลี้ยงงี่เง่านั่นย่อมไม่ใช่ปัญหา ต่อให้ฝ่ายนั้นจะทำอย่างไร ก็เปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่หรือ

ชายหนุ่มกำหมัดแน่น

สัญญาณไฟจราจรนับถอยหลังจนเหลืออีกสามวินาที


อย่างแรกที่อยากจะบอกธัญญ์คือเขาขอโทษ


สาม..


อยากมีโอกาสได้พูดจากปากต่อหน้าสักครั้ง ว่าเขารักธัญญ์สุดหัวใจ แม้ได้ลงมือทำร้ายไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่จะไม่มีอีกแล้ว ยืนยันเช่นกันเหมือนอย่างธัญญ์บอกเขาผ่านจดหมายซึ่งถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ด้วยชีวิต ด้วยจิตใจ ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี


สอง..


หากยอมให้โอกาสอีกหน จะไม่ยอมปล่อยมืออีก จนกว่าความตายจะพราก


หนึ่ง..


จนกว่าความตายจะพราก..


รถสีดำคันแรกสุดนั้นพุ่งทะยานไปข้างหน้า ด้วยความเร็วราวกับว่าจุดหมายอยู่ในที่ไกลแสนไกล



 




นึกว่าจะได้ขับตามไปติด ๆ ทว่ารถคันหน้าพวกเขากลับยังจอดนิ่งคล้ายมองไม่เห็นว่าสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวได้พักหนึ่งแล้ว เสียงแตรไล่ดังให้ขรม กว่าคนขับจะรู้สถานการณ์แล้วพารถออกตัว

ผู้ได้รับผลกระทบชัดเจนคือสองคนเจ้านายลูกน้องที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ก็ยังนั่งอยู่ไม่สุข ติดแหง็กอยู่เป็นคันแรกของสี่แยกไฟแดงนั้นทั้งที่ควรจะได้ออกตัวตามธเนศไปตั้งนานแล้ว ได้แต่มองกระทั่งยานยนต์อันเป็นเป้าหมายพุ่งฉิวออกไปจากลานสายตา

ภูเมศพรมนิ้วมือลงบนต้นขาตัวเอง งุ่นง่านบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าความรู้สึกกระวนกระวายใจนี้มาจากไหน

เขาพยักพเยิดไปยังทิศทางที่ธเนศเพิ่งพารถทะยานจากไป

“ปกติเขาขับเร็วขนาดนี้เลยหรือ”

ภาคีส่ายหน้า แทบไม่เสียเวลาคิด “ไม่”

“ทำไมถึงรีบแบบนั้น”

“ไม่รู้”

“ผมรู้สึกไม่ค่อยดี”

“อืม” หัวหน้าหนุ่มตอบ

เหมือนเป็นหนแรกที่พวกเขาเห็นตรงกันอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง นับแต่เริ่มบทสนทนา ต่อยตี และการเดินทางฉุกละหุกซึ่งยังไม่รู้ที่หมายปลายทางนี้ รอยบวมบนใบหน้าปวดตุบ ๆ แต่ไม่มีใครใส่ใจเรื่องนั้น สายตาสองคู่จับจ้องอยู่กับตัวเลขที่นับถอยหลังได้ไม่ทันใจเอาเสียเลย 


ความเงียบงันโรยตัวอยู่อึดใจหนึ่ง


ภูเมศหักใจไม่พุ่งเข้าไปกระชากภาคีลงจากที่นั่งคนขับแล้วขึ้นนั่งแทน พารถผ่าไฟแดงไปตอนนี้เสียเลย เอ่ยถามขึ้นเบา ๆ ระหว่างรอ

“ทำไมถึงยอมช่วยผมล่ะ”

“ผมไม่ได้ช่วยคุณ แต่ช่วยคุณธัญญ์”

เขาหันไปทางคนพูด เลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ

“ช่วย..ในส่วนที่ผมทำอะไรไม่ได้” ฝ่ายนั้นว่า พลางเบือนหน้าไปทางอื่นคล้ายละอายใจ “ผมเลือกคนไม่เก่งเท่าคุณธัญญ์ แต่เขาคงมีเหตุผลที่เลือกคุณ”

ภูเมศชะงักไป

เหตุผลที่ธัญญ์เลือกเขานั้น ตอนนี้รู้ดีแก่ใจแล้ว ความโชคดีของตัวเองที่ถูกคนคนนั้นรัก สิ่งละอันพันละน้อยที่ธัญญ์ทำให้เขาตลอดมา ทั้งที่ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองมีค่าพอให้ได้รับความรักขนาดนี้หรือเปล่า ได้แต่หวังว่าคงไม่สายเกินจะไขว่คว้าสิ่งที่ทำหลุดมือไปกลับมาอีกครั้ง

“บางทีเขาอาจเลือกผิด..”

“งั้นคุณก็มีหน้าที่พิสูจน์ว่าเขาเลือกถูกแล้ว”


ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก


จวบจนสัญญานไฟจราจรเปลี่ยนสีอีกหน











ในเวลาเดียวกันนั้น ของแข็งปะทะกันก่อเสียงกัมปนาทบาดหู แรงกระแทกรุนแรงส่งมาถึงตัวห้องโดยสาร สองร่างในนั้นแม้จะคาดเข็มขัดนิรภัยก็ยังถูกเขย่าจนเหมือนเป็นตุ๊กตายัดนุ่นตัวเล็ก ๆ ในกล่องกระดาษซึ่งถูกปาอัดกำแพง

ราวกั้นปูนเตี้ย ๆ ที่ขวางอยู่หักพังลง ชะลอความเร็วของพาหนะที่พุ่งเข้ากระแทกได้บ้าง แต่ไม่เพียงพอจะหยุดมันไม่ให้ไถลหลุดเลยไปไกลกว่านั้นได้

ชั่วขณะแสนสั้นที่รถเหินออกไปกลางอากาศ ธัญญ์รู้สึกราวกับกำลังโผบิน เหมือนเงาของมือที่ทำเป็นรูปนกซึ่งทอดบนผนังห้องเมื่อวัยเยาว์ ในคืนที่เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงเป็นครั้งแรก

รถหน้าทิ่มลง แรงกระแทกรุนแรงจนทั้งร่างเหมือนถูกจับเขย่ากลับมาอีกครั้งเมื่อตัวรถปะทะเข้ากับผิวน้ำ

ครู่ใหญ่ กว่าแรงสั่นสะเทือนจะเบาบางลง พร้อมกับที่ด้านหน้าของรถค่อย ๆ จมลงไป

กระจกหน้าเป็นซึ่งเป็นรอยปริร้าวอยู่ตั้งแต่ชนราวกั้นครั้งแรก บัดนี้ขยายวงกว้างออกคล้ายใยแมงมุม ถักทอเส้นใยซับซ้อนของมันล้อมรอบตัวพวกเขาไว้ ส่วนกระจกด้านข้างทั้งสองฝั่งถูกบังคับให้เลื่อนลงมาเล็กน้อย

น้ำค่อย ๆ ไหลทะลักเข้ามาจากทางนั้น

เขาหลุบตาลงมองข้อมือตัวเอง ปมเชือกสีแดงสดพันธนาการพวกเขาไว้แน่นหนา เส้นเชือกกดลงบนข้อมือจนเริ่มเป็นรอยแดง บางจุดถูกบาดจนเลือดซึม คงจากตอนที่เหวี่ยงไปมาหลังจากรถโดนกระแทก

ยิ่งมัดติดกันไว้ก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งดิ้นรนจะยิ่งกดลึกลงในผิว แบบเดียวกับที่พวกเขาเคยทำมาทั้งชีวิต ไม่ใช่แค่เส้นเชือก แต่เป็นความสัมพันธ์ทั้งดีและร้าย..

ไม่ใช่แค่ข้อมือ แต่เป็นทั้งชีวิต

ครั้นเงยขึ้นมองหน้าธเนศ ฝ่ายนั้นยิ้มอ่อนโยนกลับมาทั้งน้ำตาคลอหน่วย

ทั้งที่คิดไว้ว่าเป็นแบบนี้ดีแล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงเจ็บปวดนัก

“ผมเกลียดคุณ” เขาเอ่ย ขอบตาร้อนผ่าว

“ฉันรู้”

“...เกลียด...”

“ถูกแล้ว” ธเนศว่า กุมมือเขาไว้หลวม ๆ ก่อนเขาจะกระตุกหนีด้วยความเคยชิน จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ตะโกนใส่เสียงเกรี้ยวกราด

“ผมเกลียดคุณ! เกลียด! คุณได้ยินไหม!?”

คนฟังเพียงแต่พยักหน้าสองสามหน รอยยิ้มเจือความโศกเศร้ากว่าครั้งใดที่เคยเห็นมาทั้งชีวิต คล้ายว่าหน้ากากที่พวกเขาต่างสวมเข้าหากันกำลังพังทลายลง พร้อมกับที่ระดับน้ำรอบตัวค่อย ๆ สูงขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าแท้จริงซึ่งถูกซุกซ่อนไว้นานนับปี

“ดีแล้ว...” ฝ่ายนั้นว่าเสียงเครือ “เธอตะโกนได้ ร้องไห้ได้ แสดงอารมณ์ได้อย่างมนุษย์คนหนึ่งพึงเป็น โกรธก็ตะโกน เสียใจก็ร้องไห้ ดีกว่าตอนเธอเอาแต่ยิ้มหมดจดไร้ที่ติแต่เหมือนเป็นตุ๊กตาไม่มีหัวใจ”

“ของแบบนั้นมันไม่มีเหลืออีกแล้ว!” ธัญญ์ตะเบ็งจนสุดปอด “มันแหลกเละไปนานแล้วไม่ใช่หรือไง!”

รู้สึกว่าตัวเองกำลังเริ่มต้นร้องไห้ แต่สุดท้ายได้ร้องออกมาจริง ๆ หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจอีกแล้ว

ทั้งร่างถูกโอบกอดด้วยมวลน้ำแน่นหนักท่วมขึ้นมาจนถึงอก คืบคลานสูงขึ้น...สูงขึ้น....นำความเย็นเยียบห่อหุ้มจนเหน็บหนาวเข้าไปถึงกระดูก

ระดับน้ำแตะปลายคาง...ไล้อ่อนโยนบนริมฝีปากที่กำลังหอบ

“ฉันขอโทษที่ทำลายเธอ ผิดต่อเธอ ผิดต่อพ่อของเธอ ไม่เคยรักษาอะไรไว้ได้เลย”

ทั้งร่างเย็นเฉียบ

“แต่เธอยังมีมันอยู่ไม่ใช่หรือ?”

ธเนศยืดตัวขึ้น สำลักน้ำเข้าไปขณะพยายามพูดต่อให้จบทั้งใบหน้าชุ่มโชก

“..หัวใจน่ะ..”

ปลายนิ้วฝ่ายนั้น แตะแผ่วเบาที่กลางอกเขา เหนือต่อสิ่งที่ยังเต้นตุบ ตุบ อยู่ข้างในอย่างบ้าคลั่ง

ธเนศเอาแต่ยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่คล้ายเจ้าตัวกำลังจะแหลกสลาย คงเหลือเพียงแววตาที่ทอดแววอ่อนโยนทว่ามั่นคง จนราวกับว่ามันจะคงอยู่เช่นนั้นตลอดไป ต่อให้ลมหายใจจะถูกพรากจากร่างกายในอีกไม่ช้า

กระทั่งผิวน้ำสูงพ้นเปลือกตา...สูงขึ้นไปจนทั้งศีรษะพวกเขาจมอยู่ใต้น้ำ

ในหูอื้ออึงไปหมด ไม่เข้าใจที่พูดสักนิด และทั้งที่อยากร้องไห้ออกมา แต่ก็ไม่รู้อีกแล้วว่ายังมีน้ำตาให้ไหลอีกหรือไม่ รู้แค่เจ็บ...ข้างในนั้น  เจ็บจนเหมือนมันจะระเบิดออกมาแล้วตายไปทั้งอย่างนี้

ต่อให้หัวใจนั่นยังมีอยู่จริง แต่มีแล้วจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ในเมื่อทุกอย่างพังภินท์ลงสิ้นแล้ว


เหนื่อยมากแล้ว หายไปจากโลกนี้เสียได้ก็ดี


ทว่าส่วนลึกสุดในความคิดเฝ้ากู่ร้องทั้งที่ไม่มีเสียง ถ้อยคำที่ไม่เคยเอื้อนเอ่ยออกมาสักครั้ง


กลัว


กลัวมาตลอด


เวลานี้ คนที่คิดถึงที่สุด กลับเป็นคนที่เพิ่งออกปากไล่เขาด้วยตัวเอง


อยากบอกกับคนคนนั้น ว่าเขากลัว ช่วยจับมือไว้แน่น ๆ ได้หรือเปล่า ช่วยกอดไว้แน่น ๆ ได้ไหม อย่าทิ้งเขาไป อย่าจากไปไหน อย่าขับไล่ไสส่ง เขาทนอยู่กับความหวาดกลัวเช่นนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว


อึดอัด หายใจไม่ออก


ไม่เอา...ไม่อยากตาย


อยากมีชีวิต อยากอยู่กับคุณ อยากใช้ชีวิตจนแก่ไปกับคุณ รอดูลูกชายคุณโตเป็นหนุ่ม อยากรู้ว่าเขาจะหน้าเหมือนคุณตอนนี้จริงหรือเปล่า อยากรู้ว่ารอยตรงหว่างคิ้วหรือหางตาตอนคุณอายุมากกว่านี้จะเป็นอย่างไร อยากรู้ว่ามือคู่นั้นจะยังโอบกอดตัวเองไว้ในคืนที่ฝนตกฟ้าร้องได้อ่อนโยนเหมือนเดิมไหม อยากฟังเสียงคุณไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหลับในทุกค่ำคืน


อยากได้ยินกับหู อยากเห็นทั้งหมดนั้นด้วยตา อยากสัมผัสผิวหนังอุ่น ๆ ด้วยมือตัวเอง


ช่วยด้วย


ผมกลัว


อย่าทิ้งผมไป...


ในอกแทนที่จะระเบิดอย่างคิด กลับกลายเป็นถูกบีบรัดจนทรมาน ร่างเขากระตุกเฮือก แรงกระเสือกกระสนจนแทบถึงที่สุดดันกลุ่มฟองอากาศหลุดจากปากที่อ้าออก

ฟองเล็ก ๆ เหล่านั้นลอยขึ้นคล้ายมีชีวิตเป็นของตัวเอง สูงขึ้นไปเกินไขว่คว้าด้วยมือที่ยังถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกซึ่งเขาและธเนศต่างผูกมัดกันและกัน จากนั้นอันตรธานไปเงียบเชียบในแสงสว่างเบื้องบน

เสี้ยววินาทีก่อนการรับรู้จะปลิวหายไปกับฟองอากาศ ก่อนแสงสุดท้ายจะดับสิ้น เขาคล้ายเห็นภาพหลอน

ท่ามกลางภาพอดีตน่าสะอิดสะเอียนเหมือนฝันร้ายที่ไม่ว่าจะข่มตาหลับแล้วลืมตาตื่นสักกี่หนก็ยังคงอยู่ กลับมีใบหน้าของคนที่ตัวเองรักสุดหัวใจปรากฏขึ้น


ช่วยผมด้วย...


เขาอ้าปาก ดิ้นรนเฮือกสุดท้าย เชือกสีแดงบนข้อมือกระตุกรุนแรง


ไม่มีเสียงตอบ


เหมือนอย่างเคยเป็นตลอดมาทั้งชีวิต ต่อให้ตะโกน กรีดร้อง ก็ไม่เคยมีคำตอบรับจากที่ไหนทั้งนั้น

ตัวเขาที่เกลือกกลั้วกับความโสมม กระทั่งตนเองยังรังเกียจทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบเป็นร่างกายและลมหายใจนี้ อาจไม่เหลือความหมายใดให้มีชีวิตอีก

ทั้งอย่างนั้นก็ยังกลัว.. ทั้งอย่างนั้น...ลึก ๆ อาจยังคาดหวังว่าจะมีใครสักคนฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากโคลนตม


คุณจะยังกอดผมที่เป็นแบบนี้ได้หรือเปล่า


ทว่าไร้สรรพสำเนียงใดแว่วมาถึงหู



คนคนนั้นคงไม่ต้องการเขาอีกแล้ว














อุบัติเหตุข้างหน้าทำให้ภาคีต้องชะลอความเร็วรถลง

ราวกั้นข้าง ๆ แหลกจนเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ เลื่อนสายตาเลยออกไป รถคันหนึ่งซึ่งคงเพิ่งพุ่งชนมันอย่างรุนแรงกำลังจมลงไปในน้ำ

รถคันนั้นที่แสนคุ้นตา...รถของธเนศ...กำลังจมลงไปในน้ำ

เขาเบิกตากว้าง รีบพารถเข้าจอดข้างทาง ภูเมศเปิดประตูกระโจนลงไปตั้งแต่ล้อยังไม่ทันนิ่งสนิท

สิ่งที่เขาหวาดกลัว จุดหมายเลวร้ายที่สุดของสองคนนั้นเท่าที่เขาจะนึกออก ถูกยืนยันด้วยเสียงร้องโหยหวนของคนที่ถลาลงไปเห็นภาพเบื้องหน้าก่อนแล้ว

“ธัญญ์!”

ก่อนเจ้าตัวจะกระโดดตามลงน้ำไปอย่างไม่คิดชีวิต












อุบัติเหตุนี้ อาจเป็นที่กล่าวถึงของคนในละแวกไปอีกสองสามวัน และตกเป็นข่าวต่อไปอีกสักสัปดาห์ จนกว่าผู้คนจะหันไปสนใจเรื่องใหม่ ๆ และค่อย ๆ ลืมเลือนเรื่องที่เพิ่งเกิด

รถเก๋งสีดำคันนั้น พุ่งมาด้วยความเร็วสูง เมื่อผ่านจุดที่เป็นสะพานข้ามคลองลึก จู่ ๆ ก็พุ่งชนเข้ากับรั้วกั้นด้านข้างจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

รถทะยานออกไปตกลงกลางน้ำ ก่อนจะค่อย ๆ จมลง ผู้สัญจรไปมาแถวนั้นเห็นเหตุการณ์ รีบโทรศัพท์แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความช่วยเหลือ

ระหว่างนั้น ขณะผู้คนรี ๆ รอ ๆ ว่าจะทำอย่างไรต่อดีกับรถซึ่งกำลังจมน้ำ รถอีกคันก็หักเข้ามาหาที่จอดริมทางอย่างกะทันหัน

ผู้ชายคนหนึ่งกระโจนลงมาจากที่นั่งโดยสารข้างคนขับ และเมื่อชายคนนั้นมองลงไปยังรถที่เกิดอุบัติเหตุ คงเห็นว่ามีคนรู้จักของตัวเองติดอยู่ข้างใน จึงได้ส่งเสียงร้องตะโกนออกมา พุ่งตัวตามลงไปในน้ำโดยไม่ฟังคำทัดทานของผู้คนในบริเวณนั้นซึ่งเป็นห่วงความปลอดภัย ดำผุดดำว่ายไม่คิดชีวิตจนไปถึงตัวรถซึ่งตอนนั้นจมลงไปเกือบถึงหลังคาแล้ว

ตามด้วยชายหนุ่มผิวเข้มอีกคนที่วิ่งตามลงมาจากรถคันเดิม เขาถอดรองเท้า ปลดเนคไท จากนั้นกระโจนลงน้ำตามไปอีกคน 

ทั้งสองคนผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่พักหนึ่ง จึงเห็นว่าชายคนแรกที่โดดน้ำลงไปก่อน กำลังลอยคอทุลักทุเลอยู่ข้างตัวรถ แบกร่างชายหนุ่มอีกคนโผล่พ้นขึ้นจากน้ำ พยายามผลักให้ร่างนั้นขึ้นไปอยู่บนหลังคารถ แต่ดูเหมือนผู้ถูกช่วยจะยังไม่ได้สติ

เขาเฝ้าอยู่เช่นนั้น กระทั่งทีมกู้ชีพ รถพยาบาล และตำรวจมาถึง ตามที่ได้รับแจ้งเหตุ

ห่วงยางและเสื้อชูชีพจึงถูกโยนลงไปให้ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ซึ่งกระโจนตามลงไป

ผู้ชายคนนั้นคว้าเสื้อชูชีพไว้เป็นอย่างแรก แต่ไม่ได้นำมาใส่หรือกอดไว้กับตัว กลับรีบสวมให้คนที่ตัวเองเพิ่งฉุดขึ้นมา จากนั้นผูกเอวชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่งไว้กับเชือกซึ่งถูกทอดมาจากฝั่ง เตรียมให้คนบนนั้นช่วยดึงขึ้นไป

คนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์โห่ร้องด้วยความยินดี แต่สีหน้าผู้กล้าคนนั้นกลับไม่สู้ดีนัก

แม้มองจากระยะไกล ยังเห็นได้ชัดว่าทั้งซีดเผือด และเหนื่อยล้า


ชั่วพริบตา เจ้าของใบหน้านั้นค่อย ๆ จมลง


กระทั่งแม้แต่ศีรษะก็มิดหายลงไปใต้น้ำ







หลังการช่วยเหลือเสร็จสิ้น ผู้เห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้นทราบแต่เพียงว่าเจ้าหน้าที่สามารถพาร่างของผู้ชายทั้งสี่คนขึ้นจากน้ำมาได้ทั้งหมด

แต่คนที่ยังเหลือสติพูดคุยรู้เรื่อง มีเพียงชายหนุ่มผิวเข้มที่ร้องเรียกซ้ำ ๆ ว่า ‘คุณธเนศ’ บ้างก็ ‘พ่อ’ สลับกับ ‘คุณธัญญ์’ ด้วยเสียงร้อนรนทั้งน้ำตานองหน้า เนื้อตัวเปียกปอน

เชือกสีแดงผูกอยู่บนข้อมือของชายที่ไม่ได้สติทั้งสองซึ่งติดอยู่ในรถ ของคนหนึ่งผูกอยู่ที่ข้อมือซ้าย อีกคนอยู่ที่ข้อมือขวา เชือกทั้งสองเส้นนั้นไม่ต่อกัน สร้างความงุนงงให้กับผู้คนอยู่ไม่น้อย เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุใดสองคนนั้นจึงผูกเชือกเส้นโตคนละเส้นไว้บนข้อมือคนละข้าง

คนนอกที่มาเห็นเอาตอนนี้ ย่อมไม่รู้ว่าเชือกนั้นถูกตัดออก ด้วยฝีมือของใครบางคน และไม่รู้ด้วยเช่นกัน ว่ามันถูกผูกขึ้นแต่แรก โดยเชื่อมโยงระหว่างข้อมือของชายต่างวัยทั้งคู่

พวกเขาทราบแต่เพียงมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์แน่นอน แต่เพราะผู้ไม่เกี่ยวข้องถูกกันออกไปขณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและลำเลียงผู้ประสบเหตุ จึงไม่ทราบว่าใครเป็นใครบ้าง

อีกไม่นานนัก แม้อาจคงเหลือความเวทนาสงสารติดค้างอยู่ในใจบ้าง แต่ซากรถจะถูกกู้ขึ้นมา ราวปูนกั้นสะพานจะถูกซ่อมแซม และเรื่องราวของคนไม่รู้จักเหล่านี้ก็คงถูกหลงลืมไปในที่สุด











เขารู้สึกตัวขึ้นด้วยความรู้สึกแสบคอ แสบจมูก ทั้งหน้าและเนื้อตัวร้าวระบมไปหมด

เมื่อพยายามเปิดเปลือกตาหนักอึ้ง พบว่าภาพที่เห็นพร่ามัวจนต้องเพ่งให้ดีอีกหน

เห็นผู้คนในชุดขาวทะมัดทะแมงชะโงกหน้าเข้ามา ใครบางคนส่งเสียงร้องว่า “ฟื้นแล้ว ดูตื่นดี”

เขากะพริบตาถี่ ๆ

หูได้ยินเสียงพูดคุยที่ฟังไม่เข้าใจ

“พัลส์(Pulse) เป็นไง”

“ฟูลค่ะ” อีกคนตอบ “BP 100/70, heart rate 64”

หน้ากากออกซิเจนครอบลงมาบนหน้า เขาถูกเรียกให้ถามตอบอยู่สองสามคำถาม และได้รับคำสั่งง่าย ๆ ให้ทำตามเป็นการทดสอบ อย่างเช่นยกแขนซ้าย

เขาพยักหน้าเชื่องช้า ทำตามเท่าที่พอจะฟังรู้เรื่อง เจ็บแปลบน้อย ๆ ตรงแขนเมื่อถูกเข็มเล็ก ๆ แทงเข้าไปเพื่อเปิดเส้นเลือดดำต่อเข้ากับสายน้ำเกลือ แล้วถูกนำส่งขึ้นรถพยาบาล

“ไม่เป็นไรแล้ว” ได้ยินเสียงปลอบ ไม่รู้ว่าเป็นของใคร “..แต่คนนั้นไม่รอด น่าสงสาร”


ใครไม่รอด?


เขาไม่มีเสียง และหมดสิ้นเรี่ยวแรงจะถาม





To be continued...




มาต่อแล้วค่ะ งวดนี้สั้นนิดนึง เดี๋ยวมาชดใช้ด้วยการอัปเร็ว ๆ แทนนะคะ
เขียนตอนนี้แบบสลับไปสลับมาหนักมาก กลัวอยู่เหมือนกันว่าอ่านแล้วจะงงว่าใครเป็นใคร ถ้าไม่รู้เรื่องยังไง จะทิ้งคำถามไว้ก็ได้นะคะ TwT

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ คนอ่านทุกคนเข้มแข็งกันมากเลย ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ที่พิมพ์ให้ด้วยค่ะ หลายอันเราชอบในความเห็นมาก ๆ จนแคปเก็บไว้อ่านซ้ำไปซ้ำมาเลยค่ะ

พบกันงวดหน้านะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2017 14:47:48 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อ!! หน่วงสุด

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: จะจบแบบแฮปปี้เอนด์จริงๆใช่ไหมคะ ฮือออ เดาว่าคนที่ตัดเชือกคนเป็นคุณธเนศใช่ไหมเอ่ยยย ยอมปล่อยธัญญ์แล้วใช่ไหมมม

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
คนที่ตายคือใคร ไม่ใช่คุณภาคีละหนึ่ง
และคงไม่ใช่ธัญญ์ใช่มั้ย คุณภูเมศก็ไม่หรอก
อิธเนศนั้นละ
แต่ถึงเราจะคิดว่าสมควรตาย แต่มันก็ง่ายไปอ่ะ
สร้างความทุกข์ไว้ให้คนอื่นมากมายขนาดนั้น การตายก็เหมือนหลุดพ้นไปเลยนะ
เหมือนไม่ได้รับกรรมที่ตัวเองเป็นคนก่อเลยอ่ะ เราอยากให้แค่พิการหรือติดคุกมากเลย
แต่เคารพการตัดสินใจของผู้เขียนค่ะ

ดีใจที่สุงสังเกตเห็นรถอิธเนศ
และคำพูดของธเนศก็ทำให้รู้ว่าธัญญ์เป็นตัวแทนพ่อสินะ
รักพ่อของธัญญ์แต่ไม่ได้มาใช่มั้ยธเนศ
งวดหน้ามาเร็วๆนะคะ ค้างมากกกก ลุ้นจนเหมือนกลั้นหายใจอ่านเลยอ่ะ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ไม่ๆๆๆๆ อึดอัดไปหมด จะรอให้ถึงตอนหน้าไม่ไหวแล้ว ไม่เอาๆๆ

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
หรือภูเมศโดดลงไปช่วยแล้วตาย ใครตายก็สลดทั้งนั้น

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ใครไม่รอด!?

ออฟไลน์ MeWeaw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะเฝ้ารอวันที่ความคลางแคลงใจของภูเมศไม่มีผลกับความรักที่มีต่อธัญญ์
จะเฝ้ารอวันที่ธัญญ์มีความสุขในคืนวันฝนตกฟ้าร้อง
 :hao7:
คนเขียนเขียนได้หน่วงจิตหน่วงใจมาก
 :mew1:
ปล.คนที่ไม่รอดเป็นใครไม่รู้แต่ที่รู้อยากให้รอดทุกคนยิ่งเป็นคุณธเนศยิ่งดีอยากให้อยู่ดูความสุขของธัญญ์ที่ไม่ได้เกิดจากคุณธเนศ



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด