┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]  (อ่าน 470522 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tonglee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พออ่านมาถึงตรงนี้ก็สงสารคุณธเนศเอามากๆเหมือนกันอ่ะพี่
คือเขารักธัญญ์มากๆ แม้จะไม่ควรรักในรูปแบบนี้ก็ตาม ทำให้ธัญญ์ทรมาน เสียใจมาตลอดก็จริง
แต่เขาก็เลือกจะปกป้องธัญญ์มากกว่าตัวเอง ทั้งที่จริงๆก็มีโอกาสรอด แต่ไม่ทำ มีมีดพกติดตัวมา
ถ้าไม่อยากตายจริงๆก็คงตัดไปนานแล้ว เขาคงรู้สึกผิดหรือเปล่ากับสิ่งที่ทำกับธัญญ์แต่ก็ปล่อยมือไม่ได้แล้ว
เชือกที่ถูกผูกจนจะเป็นเงื่อนตายมันแก้ปมไม่ได้แล้ว อะไรประมาณนี้ ถ้าธัญญ์อยากให้พวกเขาตายไปพร้อมๆกันธเนศก้ยอม
อะไรแบบนี้ แบบหน่วงใจหนูมาก อึดอัดบอกไม่ถูก แค่อยากบอกว่าพอเขามาตายจริงๆก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน
โอ้ยหัวใจหนูเน้อ อ่านไปน้ำตาหยดแหมะๆไป ยิ่งตอนภูเมศโวยวายถามว่าใครรอดไม่รอดธัญญ์อยู่ไหน ก็บีบหัวใจอีก ลุ้นไปด้วย
เพราะภูเมศก็รู้สึกผิดอยู้แล้วอ่ะ ถ้าธัญญ์ตายไปจริงๆหนูว่าภูเมศคงโทษตัวเองไม่หยุดเลย เพราะเป็นคนที่ปล่อยมือเขาอีกแล้ว ปล่อยมือเป็นครั้งที่2แล้วอ่ะ ไม่ชอบความไม่เชื่อใจไม่ไว้ใจจนทำให้ต้องปล่อยธัญญ์ไป จนธัญญ์ตัดสินที่จะจบชีวิตอีกครั้งกับคนที่ผูกปมเชือกนั้นขึ้นมา แบบโอ้ยไม่รู้อะพี่ แต่จะว่าภูเมศผิดที่ไม่รู้เรื่องทั้งหมดแล้วตัดสินก็ไม่ได้นิหว่า เพราะธัญญ์ไม่อยากบอก ไม่อยากให้ภูเมศเกลียดอะไรแบบนี้ ตอนก่อนหน้านี้คืออึดอัดจริง เธอก็ไม่บอก เขาก็ไม่ฟัง แบบงี่เง่าๆๆอย่าทำแบบนี้กันเลย
ตอนนี้ธัญญ์ก็กลับมาแล้ว ขอให้ดูแลน้องดีๆ เอารอยยิ้มที่สดใสที่เคยมีตอนเด็กๆกลับคืนมาด้วยก็ดีนะคุณภูเมศ
หนูอินอ่ะ ทำไมเม้นยาวขนาดนี้ หนูเพิ่งกลับมาอ่านฟิคพี่อีกรอบ หลังจากที่ไม่ได้อ่านมานานนนนน ตั้งแต่ช่วงที่พี่ไม่ค่อยมาต่อ หนูก็ไม่ค่อยได้ตามด้วย ตอนนี้พี่กลับมาหนูก็กลับมา อิอิ หนูจะติดตามพี่ต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
เหมือนทุกอย่างจะดี แต่กันธเนศเรายังมีความรู้สึกที่ติดค้างอยู่
ถึงเขาจะทำไม่ดีแต่เราก็เกลียดเขาไม่ลง มันเหมือนอยากให้เขาได้มีความสุขจริงๆ เหมือนคนอื่นบ้าง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เฮ้อ โล่งอก  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อ่านแล้วน้ำตาซึม

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
RIP นะคุณธเนศ ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลอะไร จะรักธัญญ์มากแค่ไหน
แต่การกระทำที่เลวร้ายในอดีตก็เกินจะรับได้ แล้วคุณก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดคุกคามธัญญ์เลย
ทุกอย่างจบลงแบบนี้ก็ดีแล้ว ให้โอกาสธัญญ์ได้มีความสุขที่แท้จริงบ้าง

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
ตอนนี้ดีต่อใจ

ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จะดีขึ้นแล้วจริงๆใข่ไหม
ไม่มีอะไรแล้วเนอะ
ให้ธัญญ์ได้มีความสุขจริงๆสักที
ถึงตอนอยู่กับลุงแล้วก็สุขตลอดก็เถอะ
แต่ตอนนี้ไม่มีเรื่องคาใจแล้ว
หายไวๆกับไปอ้อนลุงนะธัญญ์นะ :o8:
 :กอด1:

ออฟไลน์ xหยกน้อยx

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบเรื่องนี้มากคะรอติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ todiefor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ตอนนี้ช่างดีต่อใจ  :mew1:

สงสารธัญญ์มาก ช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ น้องดูเป็นเด็กสดใส ร่าเริง น่ารักมากกกก
ความรักที่มากเกินไป ขาดความยับยั้งชั่งใจ นำมาซึ่งผลเสียที่เลวร้ายเหลือเกิน

ยังจำความหม่น ความหน่วง ความดำมืดในตอนที่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับธัญญ์ได้อยู่เลยยยย

จากนี้ไป ก็ขอให้เริ่มต้นใหม่ ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขมากๆ แล้วกันนะจ๊ะ

ออฟไลน์ basanti

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สงสารธัญญ์ หลังจากนี้ขอให้ชีวิตดีขึ้น  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
รักกันมากๆ นะคะ โอกาสไม่ได้มีให้เริ่มใหม่กันได้บ่อยๆ อะฮื้อออ

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
นี่อาจเป็นสิ่งๆเดียวที่มาจากคำขอโทษ
ของธเนศก็ได้นะ
ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต


ออฟไลน์ Pamaipraewa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แอบสงสารคุณธเนศ แต่ก็เข้าใจว่าทำไมเรื่องถึงดำเนินมาในทางนี้

ต่อจากนี้มีความสุขให้มากๆนะธัญญ์ นะคุณภูเมศ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ดูแลกันดีๆๆน่ะ

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สุดท้ายคนที่ทำร้ายก็คือคนที่พยายามจะช่วยเรานี่แหละ ธเนศน่าสงสารนะ

หลังจากนี้มันต้องดีขึ้นมากแน่ๆ ธัญญ์อ้อนลุงเยอะๆเลย ลุงอยากเห็นธัญญ์อ้อนและงอแงใส่ขนาดหนักแล้วนะนั่น

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เห้อออออออ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ในที่สุดก็ปล่อยมือนะธเนศ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ว่ากันตามตรงนะ

เค้นมาขนาดนั้น

ธัญญ์ไม่ตาย เสียดายมาก

ตอนจบมันต้องดาร์กๆ หน่อย

อยากรุ้ อีธเนศ นรกนั้นจะทำไงถ้าธัญญ์ตาย

อีะเนศตาย มันก็ไปสบายเกิ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน

เกลียดมัน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เดินต่อปายยย สู้ๆเด้อ เริ่มใหม่สักที

ออฟไลน์ Prattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
นั่งน้ำตาหยดแหมะๆ ตอนลุงบอกมารับแล้ว จะพาไปกินปูนะ พาไปทะเล
นึกถึงตอนนั้นที่ธัญญ์บอกว่าชอบกินปู แต่อิลุงทำเฉย เช๊อะส์ๆ
ที่แท้ก็ฟังและจดจำไว้ในใจตลอดแหละแหมๆ ทีนี้ก็รักและดูแลน้องให้ดีนะลุง
เจอเรื่องเลวร้ายมามาก อยากเห็นธัญญ์มีความสุข และคนที่ทำให้ธัญญ์มีความสุขได้
ก็มีแต่ลุงสินะ.. หมั่นลุง มีแค่ลุงคนเดียวที่ธัญญ์เผยมุมน่ารักและสายตาออดอ้อน อาลัยไปให้

ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ evz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อ่านตอนนี้จบแล้วโล่งใจเลยค่ะ บรรยากาศดีขึ้นกว่าตอนที่แล้วมากกกกกกกกกกก
กลับมาสมเป็นนิยายรักขึ้นมาแล้วนะคะ 555555

จริงๆก็แอบเดาไว้นิดนึงว่าคนตัดเชือกน่าจะเป็นคุณธเนศ
ไม่แน่ใจว่าคิดอะไรแต่คงไม่ได้อยากให้ธัญญ์ตาย
อาจจะอยากให้มีชีวิตต่อไป แล้วมีความสุขในส่วนที่เขาเคยพรากมันมา รึเปล่าคะ?

ตอนหลังนี่พอลุงมีสติแล้ว ก็กล้าพูดตรงๆมากขึ้นเยอะเลย
เป็นแค่คนอ่านยังเขินขนาดนี้ หลังจากนี้ไม่ต้องเดาเลยว่าธัญญ์จะต้องเขินแรงขนาดไหน
อยากอ่านลุงหยอดเยอะๆกับนุ้งธัญญ์เวอร์ชั่นเขินหนักและขี้อ้อนแล้วค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ตอนต่อไปขอสาดน้ำตาล  เพิ่มความหวานให้หน่อยนะคะ
ปลอบใจคนอ่านหน่อยค่ะ...เสียน้ำตามาหลายตอนแล้ว  :hao5: 

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เรื่องร้ายๆผ่านไปแล้ว ชอบตอนนี้สุดๆ หวานมากกก อ่านแล้วมันอุ่นๆอวลๆในใจ ปลอดภัยแล้วน้า ธัญญ์ แล้วกลับบ้านไปหาถุงทองกับเจ้าภูมินะ

ออฟไลน์ มาโซซายตี้

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-2
สุดท้ายก็ตายง่ายเกินไปนะ
คนชั่วๆ ชั่วเลว ระยำ ต่ำช้า กระทำทารุณข่มขืนเด็ก
ทำร้ายทำลาย ทั้งร่างกายและจิตใจ จนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน
ไม่ว่าจะมองยังไง ไม่ว่าจะแสนดีขนาดไหน แต่ชั่วคือชั่ว
ก็อยากจะให้ตายแบบทรมาน ตายช้า ตายยากที่สุด
(ถูกศัตรูทางไหนก็ได้ จับไปรุมโทรมสัก 3 เดือน ค่อยตาย จึงจะสาแก่ใจ )

ยังมีความเกลียดและหมั่นไส้ตาลุงภูเมศอยู่ แต่ก็อภัยให้นิดนึงที่โดดลงไปช่วยน้องจนหมดแรง

-- ภูเมศ เรียก ภาคี ว่าพี่เขย เรียกผิดรึเปล่าคะ
พี่เขย ใช้เรียกสามีของพี่สาวค่ะ  อันนี้ต้องเรียกพี่เมีย นะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
หายไวๆนะธัญญ์

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
ธัญรีบๆหายถอะนะ กลับไปเป็นเด็กเย็นชากวนตีนคนเดิมจะน่ารักที่สุด  :hao5:
แต่นะ...เล่นตัวอีกเยอะๆเลยก็ได้ อยากเห็นคุณภูเมศเป็นบ้าบ้าง ชอบไล่กันดีนัก  :m16:

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
คือแบบ คำพูดของภูเมศนี่แบบ พูดหมดเปลือกอ่ะ ดีต่อใจมากๆ

ไม่เป็นไรแล้วนะธัญญ์ ต่อจากนี้ไป จะเจอแต่เรื่องดีๆแล้วนะ

เจอกันงวดหน้าค่ะ

ออฟไลน์ jimun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ธเนศก็มีความดีอยู่บ้าง คือ เค้ารักน้องธัญญ์มากจริงๆ แม้จะรักแบบผิดๆ แต่อย่างน้อยครั้งสุดท้ายของชีวิตเค้าก็ยังได้ทำให้คนที่เค้ารักที่สุดมีความสุข

หลังจากนี้ขอให้มีความสุขกันให้มากๆนะ ลุงเมศ♡น้องธัญญ์  (ประหนึ่งอวยพรคู่บ่าวสาว?)

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก  ├


งวดที่ 28





แม้จะถอดท่อช่วยหายใจได้เร็ว ทั้งร่างกายของธัญญ์ยังฟื้นตัวอย่างน่าประทับใจ จนอาจนับเป็นของขวัญที่สงวนไว้เฉพาะสำหรับคนวัยหนุ่มสาว ใช้เวลาไม่นานอาการก็เสถียรในระดับที่แพทย์อนุญาตให้เข้าห้องพิเศษได้ แต่สุดท้ายกลับมีแนวโน้มจะต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกเป็นสัปดาห์ ด้วยเกิดภาวะแทรกซ้อนเรื่องปอดอักเสบติดเชื้อ ผลพวงจากการสำลักน้ำเข้าไปไม่น้อย ต้องอยู่ให้ยาฆ่าเชื้อทางหลอดเลือดดำกันอีกพักใหญ่

อาจนับเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง ที่สามารถยุติการช่วยเหลือจากเครื่องช่วยหายใจได้ก่อนพร้อมภูมิจะมาเยี่ยมคุณพี่เลี้ยงคนโปรดเพียงไม่กี่ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นเจ้าลูกชายมาเห็นสภาพธัญญ์เข้า มีหวังคงได้ร้องไห้โฮออกมาเป็นแน่ ขนาดมาเจอตอนถอดท่อช่วยหายใจออกแล้ว สายให้อาหารทางจมูกก็เช่นกัน เหลือเพียงสายน้ำเกลือไม่กี่เส้น นอนลืมตาแป๋วอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤติ เตรียมย้ายออกได้ในไม่ช้า พร้อมภูมิก็ยังทำตาแดง ๆ ขอบตารื้นน้ำ ปลายจมูกพลอยแดงไปด้วย ส่งเสียงสูดน้ำมูกกลบเกลื่อน เกือบจะถลาเข้าไปกอดพี่ธัญญ์ของตัวเอง แต่โดนห้ามไว้ก่อนจากผู้เป็นพ่อ

“พี่ธัญญ์ยังไม่ฟื้นตัวดี” ชายหนุ่มให้เหตุผล “อีกอย่างคุณพยาบาลบอกด้วยว่าไม่ควรให้เด็กมาเยี่ยมในนี้ เดี๋ยวจะกลับไปไม่สบาย นี่ต้องอาศัยเส้นสายนิดหน่อยจากเจ้านายเชียวนะ”

เด็กน้อยพยักหน้าอย่างว่าง่าย จมูกแดง ๆ ครู่หนึ่งก็กลับมาเป็นปกติ ธัญญ์มองทั้งรอยยิ้มน้อย ๆ ลักยิ้มบนแก้มซ้ายที่เขาแสนคิดถึงผุดขึ้นเหมือนว่าเป็นไปโดยไม่รู้ตัว

ภูเมศเห็นอย่างนั้น อดนึกระแวงไม่ได้ ว่าคงกำลังคิดว่าเจ้าลูกชายเข้มแข็งกว่าคนพ่อเสียอีกแน่ ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เอาจริง ๆ ปฏิเสธไม่ออกว่าวันก่อนตอนยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับธัญญ์หรือเปล่า ตัวเองร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอย่างกับคนเสียสติ แต่แน่นอนว่าเขาไม่ถือเป็นเรื่องขาดความสมเหตุสมผลแต่อย่างใด แค่คิดว่าหากธัญญ์เป็นอะไรไปจริง หากตามไปไม่ทัน หากธเนศไม่ควานหามีดพกแล้วพยายามเริ่มต้นตัดเชือกนั่นก่อน เขาเองลงไปมือเปล่าอย่างนั้นคงไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ไม่กล้าจินตนาการถึงความสูญเสียเลย

ถ้าช่วยเอาไว้ไม่ได้ ถ้าไปไม่ทัน ถ้า...ถ้า...ถ้า....มีแต่ความคิดน่ากลัวที่ชวนให้รู้สึกว่าคงจะต้องเสียใจไปจนวันตายลอยอยู่เต็มหัว

แต่คนที่เป็นห่วงแทบตายก็มานอนอวดลักยิ้มอยู่ตรงนี้แล้ว

ใบหน้ามีสีเลือดฝาด ดวงตาดำสนิทกระจ่างใสกว่าเมื่อวานมาก ผมเผ้ายุ่งไปหมดแต่กลับคิดว่าแบบนี้ก็น่ารักดี ริมฝีปากยังแห้งผากอยู่นิดหน่อย แต่อีกไม่นานคงกลับไปอิ่มเต็มเหมือนเก่า จะดูแลให้กลับมาเหมือนเดิม...ไม่สิ...ให้ดีกว่าเดิม ให้สดใสกว่าเดิมแน่ ๆ 

เขามองลูกชาย ที่เมื่อตั้งตัวได้แล้ว ก็เริ่มออกปากเล่าเรื่องค่ายของทางโรงเรียนให้ฟังเป็นคุ้งเป็นแคว ไปไหนมาบ้าง ทำอะไร เล่นอะไร ตอนไหนสนุก ตอนไหนน่าเบื่อ ยิ้มเล็กยิ้มน้อยตอนบอกว่ามีของฝากด้วยละ แต่ตรงนี้ไม่สะดวก เดี๋ยวค่อยเอาให้ทีหลัง

ธัญญ์ผงกศีรษะรับเป็นครั้งคราว สีหน้าอ่อนโยน ทั้งที่ดูให้ความสนใจกับเด็กชายเต็มที่ แต่มือข้างหนึ่งก็ยังยื่นออกมาทางเขาเงียบ ๆ ปลายนิ้วเกี่ยวกันหลวม ๆ แต่เมื่อเขากุมมือนั้นเอาไว้ อีกฝ่ายก็กระชับนิ้วมือกลับ จากนั้นเกาะหนึบไม่ยอมปล่อยอีกเลย

ให้ตายเถอะ น่ารักจนหัวใจจะไม่ไหวเอาจริง ๆ นั่นละ ขนาดยังไม่ทันได้ทำอะไรมากมายเลยแท้ ๆ เขาทั้งรอคอยทั้งกลัวใจอีกฝ่ายตอนหายดีกลับไปอยู่ด้วยกันอีกครั้งจริง ๆ จะอ้อนขนาดไหนกันนะ ถ้าเขากลายเป็นตาแก่หื่นกามที่จ้องแต่จะกระโจนใส่แค่โดนลูกไม้นิด ๆ หน่อย ๆ ของฝ่ายนั้นจะทำอย่างไรดี

ความคิดลามกจกเปรตผิดที่ผิดเวลานั้น ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงคุณพยาบาลคนเดิม เพิ่มเติมคือสายตาละเหี่ยแกมหมั่นไส้ ดูจะเริ่มทำใจกับเขาที่แจ้นมารอหน้าประตูตั้งแต่เปิดให้เยี่ยมผู้ป่วยรอบเช้า จากนั้นก็รอที่เดิมเป็นคนแรกอีกเมื่อถึงเวลาเปิดให้เยี่ยมผู้ป่วยรอบเที่ยง และเช่นเดิม รอบเย็นก็มาเสนอหน้ารอเป็นคนแรกเช่นกัน

เท่านั้นไม่พอ เย็นนี้ยังพ่วงลูกชายช่างจ้อมาด้วย ทั้งที่เด็กไม่ควรมาเยี่ยมในนี้ ภาคี—หรือไม่ก็เงิน—ดูจะมีอำนาจกว่าที่คิด ผู้เป็นเจ้านายติดต่อกับหัวหน้าพยาบาลประจำหอผู้ป่วย จากนั้นคุยโทรศัพท์กับใครสักคนแค่ไม่กี่ประโยค ก็ได้รับอนุญาตว่าปล่อย ๆ เข้ามาเถอะ แค่สักครู่หนึ่งก็ยังดี ก่อนจะขอตัวไปจัดการธุระของตัวเอง

คงเป็นเรื่องงานศพ

หดหู่ขึ้นมาเมื่อนึกได้ถึงเรื่องนี้

คุณธเนศคนนั้น ดูเหมือนธัญญ์จะยังไม่รู้ว่าได้จากไปแล้ว ธัญญ์เองก็ยังไม่ถามถึงสักคำ แต่อย่าเพิ่งบอกตอนนี้น่าจะดีกว่า คนที่เหมาะสมจะพูด ไม่แน่ใจว่าควรเป็นเขาหรือภาคี ในเมื่อฝ่ายนั้นเองก็มีศักดิ์เป็นพี่ชาย ถือเป็นคนในครอบครัวมาก่อนแม้ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด

แต่จะใครก็ช่าง หากคนบอกเป็นเขา คิดว่าอยากรอให้อาการธัญญ์ทั้งทางกายและสภาพจิตใจดีขึ้นอีกหน่อยเสียก่อน

ได้รับคำเตือนจากพยาบาลว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว อีกอย่างจะเตรียมการย้ายผู้ป่วยออกจากหอผู้ป่วยวิกฤติเพื่อจัดการเตียงสำหรับเตรียมรับผู้ป่วยหนักรายอื่น พร้อมทั้งคำแนะนำว่าจะไปรอที่ห้องพิเศษที่จองไว้เลยก็ได้

สองพ่อลูกพยักหน้ารับ ตัวคนป่วยเองน่าจะได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู แต่มือที่จับอยู่ไม่ยักขยับสักที เมื่อก้มลงไปจ้องหน้า เจ้าตัวก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างน่าหมั่นไส้

“ธัญญ์” เขายิ้ม กระซิบเสียงนุ่ม “ดื้อ”

ริมฝีปากที่เชิดขึ้นน้อย ๆ นั่น เป็นไปได้ก็อยากโน้มตัวไปจูบให้หนักเลย แต่ตอนนี้ทำได้ที่ไหน ได้แต่จ้องอย่างคาดโทษ

เห็นเขาลังเล จะแกะมือออกก็ไม่กล้าอยู่ครู่ใหญ่ คงสาแก่ใจตัวแสบแล้ว ถึงได้นึกจะปล่อยก็ปล่อยกันดื้อ ๆ นั่นละ ทิ้งมือเขาร่วงผล็อยพลางขยับตัวเองให้อยู่ในท่าที่สบาย

พร้อมภูมิหลุดหัวเราะคิกออกมาทีหนึ่ง

เขาชะงัก เหลือบมองลูกชายที่ทำยักไหล่เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ได้แต่ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เก้อ แต่สุดท้ายก็เขินจนร้อนไปทั้งหน้า หัวเราะอ่อนใจออกมาเบา ๆ

“แล้วเจอกันที่ห้องพิเศษนะครับ”

ธัญญ์ว่า เสียงทั้งแผ่วทั้งแหบ เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ถอดท่อช่วยหายใจ หมอบอกอาจเป็นเพราะเส้นเสียงยังมีอาการระคายเคืองหลงเหลืออยู่บ้างจากท่อนั่น แต่อีกไม่นานก็จะหายเป็นปกติ

แม้คิดถึงเสียงทุ้มต่ำเนิบนาบของเจ้าตัว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าสุ้มเสียงแบบนี้เซ็กซี่อย่างร้ายกาจ

“พี่ธัญญ์เสียงเซ็กซี่มาก!” ไอ้ลูกชายยิ้มร่า ทักแบบตรงไปตรงมา เหมือนอ่านความคิดในหัวพ่อเป็นคำพูดไม่มีผิด ถอดแบบกันมาเปี๊ยบจริง ๆ

“แก่แดด” ธัญญ์ตอบ ยกมือยีผมพร้อมภูมิเบา ๆ ทว่าสายตามองคนพ่ออย่างกับจะรู้ทัน ทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไรแท้ ๆ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าขี้โกงชะมัด

“ผมกับพ่อไปรอที่ห้องพิเศษนะ” พร้อมภูมิหัวเราะร่า จูงมือพ่อไว้ด้วย มืออีกข้างโบกไปมาอย่างร่าเริง “พ่อจองไว้เรียบร้อย”

ช่วยไม่ได้นะ ก็น่ารักกันทั้งคู่นั่นละ

คิดอย่างนั้น ขณะมองสองคนที่เขารักที่สุดในชีวิตพยักหน้ากันหงึกหงัก












ที่ว่าเป็นห้องพิเศษนั้น ดูจะพิเศษระดับวีไอพีของโรงพยาบาลเลยทีเดียว ห้องหับกว้างขวาง เฟอร์นิเจอร์ภายในเป็นสีโทนอบอุ่นสบายตา สวยงามแต่เรียบง่าย ฝั่งที่เชื่อมกับระเบียงเป็นกระจกทั้งแถบตั้งแต่เพดานจรดพื้น มีม่านบังตาแขวนอยู่ มองออกไปผ่านม่านที่เปิดไว้ครึ่งหนึ่งจะเห็นทิวทัศน์ของเมืองใหญ่จากมุมสูง ในเวลาค่ำอย่างนี้ แสงไฟจากตึกรามวิบวับกระจัดกระจายคล้ายหมู่ดาวบนผืนดิน

ถึงจะเป็นเขาที่จองห้องไว้ แต่คนจัดการหลัก ๆ รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายก็ภาคีนั่นละ แม้มองอีกแง่ ก็เป็นเงินของบ้านธัญญ์นั่นเอง ท่าทางจะทั้งรักทั้งเทิดทูนน้องชายต่างสายเลือดคนนี้เอามากจริง ๆ พอคิดอย่างนั้นขึ้นแล้ว อดไม่ได้จะหึงอยู่นิดหน่อย

ขณะยืนมองพยาบาลช่วยจัดที่ทางสำหรับเสาแขวนน้ำเกลือให้คนป่วย คนที่กำลังนึกถึงก็โผล่มาพอดี

“คุณธัญญ์” เสียงนำมาก่อน เดินตรงเข้ามาอย่างกับสุนัขที่จงรักภักดีต่อเจ้าของ ไม่เหมือนเจ้านายไฟแรงในที่ทำงานสักนิด ที่ผ่านมาไม่รู้ใช้ชีวิตพี่น้องกันอย่างไร

เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก ดวงหน้านิ่งสงบ ไม่ใช่แววตารักใคร่อย่างที่เขามักเห็นมองมาทางตัวเองแต่อย่างใด จนคิดว่าเรื่องที่เผลอหึงขึ้นมาแวบหนึ่งนั่นก็ปล่อยไปเถอะ อย่าคิดมากให้ปวดหัวเลย

“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ” ภาคีว่า พลางมองสำรวจรอบตัวว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่ “ทานได้หรือเปล่า อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม”

“อยากกินของหวาน” ธัญญ์ตอบอย่างผิดคาด แต่ไม่ได้พูดกับภาคี กลับหันมามองทางเขา “คุณภูช่วยซื้อให้หน่อยได้รึเปล่า”

ถูกระบุมาว่า ‘คุณภู’ ทั้งที่ปกติเรียกเขาแค่ ‘คุณ’ เฉย ๆ แท้ ๆ ได้ยินแล้วเขินบอกไม่ถูก แม้คิดว่าไม่ใช่เวลามาเขินสักหน่อย

เจาะจงตัวบุคคลขนาดนั้น ดูชัดเจนว่ามีเรื่องอยากคุยกับภาคีตามลำพัง

เขากระแอมเรียกสติ ถ้าอย่างนั้นคงช่วยไม่ได้ เขาไม่อยากคาดคั้นหรือเร่งรัดธัญญ์อีกแล้ว หากอยากเล่า เขายินดีรับฟัง แต่หากไม่อยากให้รู้ ก็จะไม่บีบบังคับ บทเรียนที่ผ่านมาสาหัสเกินพอ เหตุจากความงี่เง่าอย่างไม่เข้าท่าของตัวเองว่าทำไมธัญญ์ไม่เล่าให้ฟังทุกอย่าง ไม่ได้คิดสักนิดว่าฝ่ายนั้นอาจมีเรื่องที่เป็นแผลใจรุนแรงเกินกว่าจะเอ่ยออกมาได้ง่ายดาย

“อืม" ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด ไหน ๆ จะซื้อ ก็อยากเลือกให้ถูกใจสักหน่อย "อยากกินอะไรล่ะ”

“เค้กก็ได้”

“เค้ก?” เขาพยักหน้าพึมพำ กวักมือเรียกลูกชายที่ยกมือสวัสดีภาคีช้าไปหน่อยเพราะมัวแต่งง จากนั้นวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างว่าง่าย “ไม่ค่อยรู้ว่าอันไหนอร่อยไม่อร่อยด้วยสิ ภูมิมาช่วยเลือกกับพ่อหน่อย”

พร้อมภูมิพยักหน้า หันไปทางพี่เลี้ยง ส่งยิ้มเป็นเชิงบอกว่าไว้ใจผมเถอะ จากนั้นจูงมือกับพ่อ แกว่งแขนไปมาอย่างร่าเริง เดินออกจากห้องไปด้วยกันสองคน








ร้านขายของหวานมีขนมละลานตาไปหมด คิดถูกแล้วที่พาพร้อมภูมิมาด้วย อย่างน้อยก็ไม่เขินมากที่ผู้ชายวัยอย่างเขาเดินด้อม ๆ มอง ๆ ร้านขนมซึ่งตกแต่งได้หวานแหววสุดขีด

ผิดกับลูกชายวัยย่างสิบขวบที่เดินอ่านป้ายชื่อเค้กแต่ละชิ้นอย่างไม่เคอะเขิน เริงร่าสมวัยจนคนพ่อพลอยเดินเลือกอย่างสบายใจไปด้วย

“ทีรามิสุ” พร้อมภูมิชี้ อีกมือกระตุกแขนเขาเบา ๆ “พี่ธัญญ์ชอบอันนี้”

“หืม?” เขาเลิกคิ้ว ก้มลงมองตามสายตาลูกชายไปยังขนมหน้าตาน่ารักนั่น “ทำไมรู้ว่าชอบล่ะ”

“พี่ธัญญ์เคยซื้อเค้กให้ ซื้อส่วนของตัวเองด้วย พอนั่งกินเจ้านี่แล้วก็แอบทำหน้ามีความสุข แต่ดันหันมาบอกผมว่าห้ามกินของหวานบ่อยนะ นอกจากอ้วนแล้วก็ประโยชน์น้อยด้วย ทั้งที่ตัวเองเป็นคนซื้อมาแถมยังนั่งกินด้วยกันแท้ ๆ”

พร้อมภูมิเจื้อยแจ้ว ฟังแล้วอดขำไม่ได้ รู้สึกตัวเองพลาดอะไรดี ๆ ช่วงที่อยู่ด้วยกันไปโข เจ้าลูกชายก็ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังสักคำ ว่าไปแล้วเกือบปีมานี้ คนที่อยู่กับธัญญ์มากที่สุดอาจไม่ใช่เขา แต่เป็นคุณลูกชายตัวแสบเสียมากกว่า

คิดแล้วก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง ที่ภาคีเปรย ๆ ขึ้นมาเมื่อวานนี้

“เจ้าภูมิ”

“ครับ?”

“เอ...คุ้น ๆ ว่าเราเคยโดดเรียนไปทำอะไรสักอย่างหรือเปล่านะ?”

เด็กชายชะงักกึก

จากนั้นก็เริ่มตะกุกตะกัก

“..หะ...หา? โดด...เรียน...หรือครับ?”

คิดในใจว่าโกหกไม่เก่งเลย สู้พี่เลี้ยงเจ้าเล่ห์คนนั้นไม่ได้สักกระผีก ซึ่งความจริงอาจจะนับเป็นเรื่องดีแล้ว

“ไม่ว่าอะไรหรอก” เขาออกตัวก่อน “แค่ถามเฉย ๆ”

พร้อมภูมิยืนบิดตัวไปมาอยู่ไม่สุขครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้าจำยอม แต่ยังไม่วายบ่นอุบอิบ

“...พี่ธัญญ์ไม่รักษาสัญญานี่นา”

เขาเลิกคิ้วยิ้ม ๆ “เกี่ยวอะไรกับพี่ธัญญ์ล่ะ”

“ก็พี่ธัญญ์สัญญาแล้วว่าจะไม่บอกพ่อ”

“พ่อก็ไม่ได้รู้มาจากพี่ธัญญ์สักหน่อย”

“อ้าว?” ไอ้ตัวเล็กหน้าเหวอ “งั้นจากพี่ตัง!?”

“มีผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยเรอะ!?”

“อ้าว!?” อีกรอบ “ไม่ใช่พี่ธัญญ์ ไม่ใช่พี่ตัง แล้วจะใครล่ะ หรือว่าคนที่ร้านอาหาร”

ภูเมศโคลงศีรษะอ่อนใจ ทั้งตลกแกมเอ็นดูความซื่อของลูกชาย ไป ๆ มา ๆ ก็สารภาพเกลี้ยงตั้งแต่ยังไม่ทันอธิบายรายละเอียด รู้หมดว่าโดดเรียนไปกับใคร แล้วไปที่ไหน มีผู้ร่วมรู้เห็นเหตุการณ์เป็นใครบ้าง

“ไปตามพี่เขากลับสินะ” ชายหนุ่มถอนใจเฮือก ความผิดเขาเองแท้ ๆ ยังต้องให้ลูกชายแอบไปเบิกทางก่อน น่าขายหน้าจริง ๆ

“ก็พ่อเล่นตัวนี่นา” พร้อมภูมิก้มหน้าบ่นงุบงิบ “พี่ธัญญ์รอพ่ออยู่ตั้งนาน แต่พ่อไม่ไปง้อเขาสักที”

“รอหรือ?”

“เขารอแต่พ่อคนเดียว”

ภูเมศได้ยินแล้วถึงกับชะงักไป ยกมือขึ้นปิดปาก ทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ออกมาพร้อม ๆ กัน

“พ่อครับ?” คุณลูกชายร้องเรียกด้วยสายตาสงสัย แต่เขาโคลงศีรษะเป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไร

เจ้าพี่เลี้ยงจอมกวนนั่น ไม่รู้จะน่ารักไปถึงไหน อย่างกับเป็นแมวเหมียวที่โดนไล่ตะเพิดจนกระโจนขึ้นไปบนต้นไม้สูง จากนั้นลงไม่ได้จนต้องคอยคนมารับ แต่ทั้งอย่างนั้นก็ไม่ยอมร้องเหมียวเรียกใครมาช่วย เพียงแต่รอเฉพาะคนที่ตัวเองอยากรออยู่เงียบ ๆ อย่างน่าสงสาร

กว่าจะสงบจิตสงบใจได้ก็ครู่ใหญ่ จึงค่อยส่งเสียงเรียก โอบไหล่ลูกชายไว้หลวม ๆ

“ภูมิ”

“ครับ?”

“ถ้าเกิดว่า...” เขาย่อตัวลง สบตากับพร้อมภูมิ “ถ้าเกิดว่าต่อจากนี้ พ่ออยากให้พี่ธัญญ์อยู่ด้วยกันกับพวกเราไปตลอด...เป็นคนในครอบครัว...”

เด็กชายยืนฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่มีทีท่าประหลาดใจสักนิด

“...เป็นคนรักของพ่อ เป็นเหมือนพ่ออีกคนของเรา อืม หรือลูกสะดวกใจจะเรียกเขาพี่ธัญญ์เหมือนเดิม หรือถ้าเราอาจจะเรียกเขาอย่างอื่นแล้วแต่เขาจะพอใจ” ภูเมศยักไหล่ รำคาญใจในความประหม่าของตัวเองพิกล “..อะไรทำนองนั้น”

“เป็นแฟนพ่อ” พร้อมภูมิทวนให้ง่าย ๆ “ก็เป็นอยู่ไม่ใช่หรือครับ?”

เขาอ้าปากหวอ

“ตอนผมไปหาที่ร้านก่อนพ่อจะไปพาพี่ธัญญ์กลับมา เขาก็บอกเองว่ารักพ่อ ถ้ายอมให้กลับไปอยู่ด้วยรอบนี้ ถึงจะไล่ก็ไม่ไปเด็ดขาด” ลูกชายพูดเป็นฉาก ๆ “แล้วถ้าผมงอแงไม่ยอมให้เขาอยู่อีก เขาจะเขี่ยผมทิ้งแล้วยึดพ่อเป็นของตัวเองเลย ร้ายกาจสุด ๆ”

ปากที่อ้าค้างอยู่แล้ว ก็ยังอ้ากว้างได้อีก ขากรรไกรล่างแทบจะร่วงหล่นลงพื้น หน้าร้อนผ่าวจนเหมือนได้ยินเสียงดัง ‘ฉ่า’

“...เขาน่ะหรือ...พูดอะไรอย่างนั้น”

ลูกชายพยักหน้าแรง ๆ สีหน้ามั่นใจเต็มเปี่ยม “เต็มสองหูเลยแหละ ตอนพูดยังจ้องเขม็ง บอกให้มองตาอีกต่างหาก”

ชายหนุ่มเอามือกุมอกเสื้อ ขยำจนเป็นรอยยับ อีกมือก็ยกขึ้นปิดหน้าผาก เหมือนขาจะไม่มีแรงอีกแล้ว แก่เกินไปหรือไงนะ

ทั้งสุขทั้งเศร้าบอกไม่ถูก ทำไมไม่เคยรู้ตัวเลยว่าได้รับความรักขนาดนี้ แล้วยังจะกล้าพูดไม่ดีกับธัญญ์จนฝ่ายนั้นต้องออกจากบ้านเป็นครั้งที่สอง ถึงขั้นเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้ง มีความเป็นไปได้สูงว่าตั้งใจฆ่าตัวตายเพราะเขา

ความคิดเดิมกลับมาอีกครั้ง ถ้าช่วยไม่ทันละก็...ถ้าธัญญ์ไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเหมือนอย่างตอนนี้ ถ้าหากเป็นธัญญ์ที่จบชีวิตลงในรถนั่น....ถ้าหาก....

“..พ่อ?” ลูกชายก้มลงมอง ยกมือขึ้นลูบแก้มเขาแผ่วเบา เมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างก็ทำหน้าตกใจ กระซิบเสียงตระหนก “พ่อร้องไห้หรือครับ?”

หยดน้ำอุ่น ๆ ต้องปลายนิ้วเด็กชาย เป็นน้ำตาไม่ผิดแน่นอน

ผู้คนที่เดินผ่านเริ่มมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ

ภูเมศส่ายหน้า เอาสันมือกดเปลือกตาตัวเองอยู่อึดใจหนึ่ง จนแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีอะไรไหลออกมา จากนั้นลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยิ้มให้พร้อมภูมิ

“ขอโทษที ซึ้งไปหน่อย”

ลูกชายกะพริบตาปริบ ๆ ดูไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็พยักหน้าโดยดี เสริมบทสนทนาก่อนหน้านี้อย่างไร้ข้อกังขา

“หลังจากกลับมารอบนั้น พี่ธัญญ์ก็เป็นแฟนพ่อ ตกลงว่าจะอยู่กับพวกเราไปตลอดอยู่แล้วนี่นา”

“นั่นสินะ” ชายหนุ่มพยักหน้าตอบ “เราต้องช่วยกันดูแลเขาดี ๆ หน่อยแล้ว เกิดหนีไปละแย่เลย”

“เขาไม่หนีไปไหนหรอก” พร้อมภูมิว่า ยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดระหว่างตัวเองไปเข้าค่ายมาสามวัน รู้แค่พ่อบอกว่าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยบนท้องถนน รถที่โดยสารตกลงไปในน้ำ แต่ทั้งพ่อและพี่เลี้ยงคนนั้นหนีออกมาได้ทันเวลา ไม่เป็นอะไรร้ายแรง แค่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสักระยะ

เพราะรู้เท่านี้ จึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าหลังกลับมาคราวนั้น ธัญญ์จะไม่หนีไปไหนแน่นอน

“พี่ธัญญ์รักพ่อจะตายไป”

ภูเมศพยักหน้า เต็มตื้นในอกจนพูดไม่ออกไปอีกพักหนึ่ง ชี้มือชี้ไม้ให้พนักงานหยิบทีรามิสุใส่กล่องให้เสียเยอะแยะจนต่อให้ช่วยกินกันสามคน—แถมภาคีด้วยอีกหนึ่งก็ได้—รวมเป็นสี่ ก็คงกินไม่หมด

“เยอะไปแล้วครับพ่อ” ลูกชายท้วง แต่ก็ช่วยกันหิ้วถุงด้วยสองมือ “กินไม่หมดเดี๋ยวบูดนะ กินเยอะไม่ได้ แต่ถ้ากินเหลือ พี่ธัญญ์ก็จะดุเอาเหมือนกัน”

“เอาใจยากจังเลยนะพี่เลี้ยงคนนี้” เขาเปรยทั้งรอยยิ้มละมุน

“นั่นสิน้า”

“ต้องช่วยกันดูแลให้ดีเชียว ช่วยกันรักเขาให้เยอะ ๆ เลย”

“ก็นั่นสิน้าาา” ลูกชายลากเสียงยาวกว่าเก่า แสดงความเห็นด้วยเต็มที่ “ถึงพี่ธัญญ์จะดื้อไปหน่อยก็เถอะ”

"ดื้อหรือ? จริงด้วยสินะ" ภูเมศเออออ "เรียกอย่างนั้นก็คงได้"

"ใช่ไหมล่ะ"

 
กลางเดือนธันวาคม อากาศไม่หนาวมาก แต่ก็นับว่าอุณหภูมิต่ำลงอย่างสังเกตได้จากเมื่อสัปดาห์ก่อน ลมหนาวโชยมาวูบหนึ่ง ไล้แผ่วเบาบนผิวของผู้คนที่สัญจรไปมา

สองคนพ่อลูกหิ้วกล่องเค้กพะรุงพะรัง เดากันว่าปีนี้จะหนาวจริงหรือเปล่า หนาวได้ถึงสัปดาห์ไหม แล้วพี่ธัญญ์จะออกจากโรงพยาบาลทันก่อนคริสต์มาสไหมนะ ถ้าออกทันแล้วจะทำอะไรฉลองกันสามคนดี

“นั่นสิ” ภูเมศพยักหน้ากับลูกชาย แต่ในใจก็มีอะไรคิดไว้อยู่เหมือนกัน

สิ่งที่ตั้งใจอยากทำมาพักใหญ่ แต่เกิดเหตุการณ์ช่วงสามสี่วันนี้ขึ้นก่อน จึงไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยสักที

คนคนนั้นจะทำหน้าอย่างไรนะ อยากรู้จนแทบอดใจไม่ไหว





มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
v
v






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2017 21:17:46 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
งวดที่ 28 (ต่อ)




ภูเมศเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ เวลาผ่านไปนานทีเดียว กว่าพวกเขาจะกลับมาถึงทางเดินยาวที่ทอดไปยังหอผู้ป่วยพิเศษ ประตูหลายบานเรียงรายอยู่สองฝั่ง เงียบสนิทจนได้ยินเสียงฝีเท้าของสองพ่อลูกชัดเจน

ตอนนี้จะยังคุยกันอยู่หรือเปล่านะ?

ยังไม่กล้าโผล่เข้าไปทันที หรือว่าควรทิ้งช่วงอีกสักหน่อย

หากเป็นเรื่องของคนใน เขาก็จะให้เวลาธัญญ์ จนกว่าเจ้าตัวจะเชื่อมั่นได้สนิทใจให้เขาเป็น ‘คนใน’ อีกคนในสักวันหนึ่ง

จนกว่าถึงตอนนั้น จะอยู่เคียงข้างไปเรื่อย ๆ อยากทำให้ยิ้มได้เยอะ ๆ ถ้าร้องไห้จะคอยปลอบ ถ้าต้องการความช่วยเหลือจะยื่นมือไปหาโดยไม่ลังเล หรือหากถูกทำร้ายก็จะปกป้องเอง

อยู่ด้วยกันจนกว่าจะผมหงอกขาว ธัญญ์เคยบอกไว้ทำนองนั้น  เป็นคำขอที่เรียบง่ายเหลือเกิน แต่ทำไมเขาไม่เคยตอบรับหรือให้คำยืนยันกับคำขอแสนธรรมดานั้นได้เลย ขัดใจกับความไม่เอาไหนของตัวเอง ความผิดพลาดเช่นครั้งนี้หนักหนาเกินกว่าจะยอมให้เกิดขึ้นอีกแม้แต่สักหน

เขาหยุดอยู่หน้าประตู ใคร่ครวญว่าให้เวลาภาคีและธัญญ์เพียงพอแล้วหรือไม่

สำหรับพี่น้องสองคนนั้น คงต้องใช้เวลาพอสมควร ความผูกพันแปลกประหลาดในครอบครัว ความรักที่บิดเบี้ยวน่าขนลุกอันนำไปสู่โศกนาฏกรรม และความตายของคนที่ไม่แน่ใจนักว่ารักหรือเกลียดมากกว่ากัน ใช่ว่าจะเอ่ยออกมาได้ง่าย ๆ แล้วยังความจริงที่ว่ามีเรื่องต้องจัดการอีกมากมาย งานศพ มรดก ทายาท อะไรต่อมิอะไรที่จะตามมาในภายหลัง หากจะไล่เรียงทั้งหมดนั้น ใช้เวลาเป็นวันก็คงไม่หมด

เดาว่าระหว่างเขาไม่อยู่นี้ อาจถามไถ่กันถึงเรื่องที่ถูกทำให้คนนอกเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุและผลลัพธ์ของมันมากกว่า

อย่างอื่นคงต้องค่อย ๆ จัดการไป ทั้งเรื่องในเชิงรูปธรรม และในแง่ความรู้สึกของคนที่ยังมีชีวิตอยู่

ถึงตอนนี้ค่อยนึกขึ้นได้ ธเนศมีทายาทกี่คน ถ้ามีแค่ภาคีกับธัญญ์ แล้วธัญญ์จะกลับมาอยู่กับเขาหรือเปล่า ต้องกลับไปดูแลธุรกิจและมรดกที่คงตกมาสู่ตัวเองไหม

เขายืนทำใจอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง

ได้รับการให้อภัยแน่นอนแล้วหรือเปล่านะ หรือเพียงแต่ให้อภัย แต่อาจไม่กลับมาอยู่ด้วยกันกับคนที่ไล่ตัวเองถึงสองครั้งอีกแล้ว เขาเองมัวแต่ลิงโลดจนลืมนึกถึงประเด็นนี้ไปเสียสนิท

ลูกชายสะกิด สีหน้าไม่เข้าใจที่พ่อมัวยืนรีรออยู่หน้าประตู

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ยิ้มให้ลูกชาย

ตัดสินใจว่าเรื่องนั้นแล้วแต่ธัญญ์

เขาเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป ตั้งใจจะไม่ทำอะไรให้อีกฝ่ายต้องลำบากใจเด็ดขาด








ในห้องเหลือธัญญ์อยู่แค่คนเดียว

ไฟเปิดไว้สว่าง มองเห็นใบหน้าด้านข้างของคนที่นั่งอยู่บนเตียง ตา สันจมูก ริมฝีปาก เครื่องหน้างดงามเหมือนรูปปั้น นิ่งงันไม่ไหวติง กระทั่งพวกเขาก้าวขาเข้าไปใกล้มากแล้ว ธัญญ์จึงค่อยยืดตัวขึ้น เหมือนเพิ่งหลุดจากภวังค์ ผินหน้ามาทางสองคนพ่อลูก

ขอบตาบวมเล็กน้อย ปลายจมูกเป็นสีแดง

ภูเมศวางถุงหลายใบบนโต๊ะ เข้าใจได้โดยไม่ต้องถาม ธัญญ์คงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตั้งแต่ต้นจนจบ

ใครที่ยังอยู่ ใครที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

“มีทีรามิสุด้วยละ” เขาพึมพำ หยิบกล่องหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะข้างเตียง ชี้ชวนให้คนป่วยที่บอกเองว่าอยากกินของหวานดู

พร้อมภูมิทำท่าจะเดินเข้ามาร่วมวงด้วย แต่ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้มอ่อนโยน ยีผมลูกชายเบา ๆ ชวนไปรื้อกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมมาจากบ้าน จากนั้นบอกให้เด็กชายไปอาบน้ำก่อน

ลูกชายอ้าปากจะค้าน แต่เงยขึ้นเห็นสายตาพ่อ รับรู้ได้ว่าผู้ใหญ่คงมีเรื่องสำคัญ จึงพยักหน้าตอบอย่างว่าง่าย รื้อกระเป๋าหยิบข้าวของที่ต้องใช้ออกมา จากนั้นเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่อิดออด ทั้งยังตั้งใจไว้อีกว่าจะใช้เวลาอาบน้ำสระผม ขัดสีฉวีวรรณให้นานกว่าปกติสักหน่อย

ประตูห้องน้ำปิดลง ไม่นานเสียงฝักบัวก็แว่วมาเข้าหู

ภูเมศเดินเข้าไปนั่งตรงขอบเตียง เอื้อมมือไปหาคนที่นั่งนิ่งอยู่บนนั้น ดึงเข้ามาไว้ในอ้อมแขน

ปราศจากถ้อยคำใด เพียงแค่กอดไว้แน่น ๆ แนบอก

ลมหายใจอุ่นของธัญญ์เป่ารดต้นคอเขา สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นตุบ ๆ ในอกซึ่งแนบกันผ่านผ้าเนื้อบางของเสื้อที่สวมใส่

ครู่หนึ่ง ไหล่ที่โอบอยู่ก็สั่นไหว บนอกเสื้อร้อนวาบและเปียกชื้นเป็นดวง


“..ผมฆ่าเขาเอง”


ธัญญ์บอกอย่างนั้น

พูดซ้ำ ๆ ว่าเป็นคนฆ่าเอง ด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังจะแตกสลาย หยดน้ำบนเสื้อยิ่งขยายเป็นวงกว้าง

“ทั้งที่บอกว่าจะตายด้วยกัน เชือกนั่นก็ฝีมือผมเอง แต่สุดท้ายก็พาเขาไปตาย..ฆ่าคนไปแล้ว...”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่” เขาตอบเสียงหนักแน่น กระชับอ้อมกอด มือหนึ่งลูบแผ่วเบาบนแผ่นหลังสั่นระริก “เขาเลือกแล้ว...เขาเลือกจากไป...เลือกให้เธอมีชีวิตอยู่”

“ผมเป็นคนเลือกต่างหาก”

ภูเมศคลายวงแขนลง ถอยออกมาเล็กน้อยให้พวกเขาสบตากัน เอ่ยในสิ่งที่ตัวเองเห็น ความจริงซึ่งจะไม่มีทางเป็นอื่น “ตอนนั้นเขาสบตาฉัน เห็นแล้วว่าฉันไปหาเธอ”

แววตาสีดำสนิทวูบไหว หยดน้ำพร่างพรูเต็มใบหน้า เขายกนิ้วหัวแม่มือขึ้นเกลี่ยเบา ๆ จากนั้นประคองข้างแก้มของธัญญ์ไว้ด้วยสองมือตัวเอง

“เขาพยักหน้าให้ฉัน มั่นใจว่าเธอจะปลอดภัย จากนั้นเริ่มตัดเชือกนั่นด้วยตัวเอง”

"ฮึก!"

ได้ยินคำยืนยันเช่นนั้น ธัญญ์ร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร เสียงที่ยังแหบแห้งยิ่งเหมือนจะขาดใจ

“ผม...คิดมาตลอดว่าอยากให้เขาหายไป....ทำไมไม่ตาย ๆ ไปซะ แต่เพราะคิดอย่างนั้น...ถึงได้รู้ว่าตัวเองสกปรกทั้งตัวแล้วก็จิตใจ...ผม—”

“ไม่สกปรก” เขาค้าน ค้านอย่างจริงจังทั้งสีหน้า แววตา น้ำเสียง ย้ำอีกครั้งหนักแน่นกว่าเก่า “ไม่สกปรก”

“แต่เพราะอย่างนั้น...คุณถึงทิ้งผมไปไม่ใช่หรือ?”

เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างขึ้นมาจุกที่คอ

“ผมเกลียดเขา เกลียดจนยอมไม่ได้ถ้าจะปล่อยมือให้เขาหลุดพ้นไปคนเดียว ผมจะอยู่ให้เขาทรมานต่อไป อยู่เพื่อย้ำว่าผมเกลียดเขา เคยคิดว่าถ้าไม่อยู่เพื่อเหตุนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีชีวิตไปเพื่ออะไร แต่ตอนที่รู้สึกเหมือนกำลังจะตายจริง ๆ กลับคิดถึงคุณขึ้นมา..”

ธัญญ์หยุดไป สะอื้นจนตัวโยนอยู่ครู่ใหญ่ กว่าจะพูดต่อได้อีกหน

“...คิดถึงแต่คุณคนเดียว คิดว่าช่วยผมด้วย มาช่วยที ผมไม่อยากตาย...สุดท้ายก็ขี้ขลาด ทั้งขี้ขลาดแล้วก็น่าขยะแขยง”

ภูเมศโคลงศีรษะไปมา

“ธัญญ์” เขาเรียกชื่อฝ่ายนั้นเสียงเครือ ดึงเข้ามากอดอีกครั้งอย่างหวงแหน “คนที่ขี้ขลาดมาตลอดคือฉันต่างหาก...”

“ฉันขอโทษ ขอโทษกับเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา ฉันโง่เองที่ปล่อยเธอหลุดมือไปครั้งแล้วครั้งเล่า โง่ งี่เง่า เป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว เธอจะด่าว่ายังไงก็ได้ อยากต่อยอยากเตะก็ได้ แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอสกปรก...ไม่แม้แต่นิด...ไม่เคยเลยสักครั้ง ไม่เลย อย่าทำร้ายตัวเองอย่างนี้อีกเลย”

ธัญญ์คู้ตัวลง เหมือนจะจมลงไปในอ้อมกอด

“เขาปล่อยเธอแล้ว ตัดเชือกนั่นแล้ว เธอก็ปล่อยตัวเองเถอะนะ”

ไร้คำตอบอะไร มีเพียงเสียงแหบต่ำที่ครางเบา ๆ กับอกเขา น้ำอุ่น ๆ หยดแล้วหยดเล่าเปรอะเต็มเสื้อ สองมือขยำเนื้อผ้าไว้แน่นจนยับยู่ยี่ 

ภูเมศก้มตัวลง กดจมูกลงกลางกระหม่อมคนในอ้อมกอด ฝังหน้าไว้เช่นนั้นอย่างแสนรัก

ขอบตาร้อนผ่าว แต่ครั้งนี้อย่างไรก็ไม่อยากร้องไห้ ที่อยากทำคือเป็นคนที่พึ่งพาได้ให้ธัญญ์ต่างหาก

“ถ้าไม่รู้จะอยู่เพื่ออะไร จากนี้อยู่เพื่อฉันไม่ได้หรือ”

ริมฝีปากไล่ลงมาข้างขมับ เรื่อยไปจนถึงกกหู ที่ข้างแก้มชื้นน้ำตา บนเปลือกตาบวมช้ำ บรรจงจูบซับน้ำตาแผ่วเบา นุ่มนวล..อ่อนหวาน..ทะนุถนอมราวกับคนในอ้อมแขนเป็นแก้วบอบบางล้ำค่า


“ฉันรักเธอ”


คนฟังชะงักไปพริบตาหนึ่ง จากนั้นยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า


“รัก...รักมาก....” เขาพร่ำคำรักซ้ำ ๆ “รักจนจะขาดใจ..”


เขาเกลี่ยนิ้วหัวแม่มือบนกลีบปากแห้งผากของธัญญ์ แนบริมฝีปากตัวเองตามลงไป แช่ค้างไว้เนิ่นนาน สัมผัสได้ถึงรสเค็มปร่าของหยดน้ำตาที่ร่วงลงมาไม่หยุด

“จะชดใช้ทั้งชีวิตให้เธอ จะแก่ไปกับเธอ จนกว่าจะผมหงอกขาว จนกว่าความตายจะพราก...”

ธัญญ์เอื้อมมือขึ้นโอบรอบคอเขา โผเข้าใส่ทั้งตัวจนหงายหลังล้มลงไปบนเตียง มีอีกฝ่ายซบอยู่บนอก ตามมาประกบกลีบปากไว้แนบแน่นอีกครั้ง

ทั้งที่ริมฝีปากคลอเคลียกันไม่ห่าง แต่ก็ยังสะอื้นไม่หยุด

“ขาดเธอไม่ได้อีกแล้ว”

บอกอย่างนั้นในจูบ ไม่ผละจากกันแม้แต่น้อย

ธัญญ์พยักหน้า หยดน้ำจากดวงตาคู่สวยร่วงลงเต็มใบหน้าเขา ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ แต่เขายินดีคอยซับให้จนกว่ามันจะแห้งเหือด

“อยู่กับผม..”

เขาพยักหน้า

“อย่าทิ้งผมอีก”

โดยไม่มีข้อแม้

“ไม่มีวัน”

ธัญญ์ซบหน้าลงข้างต้นคอเขา กอดแน่นแล้วยังสะอื้นเหมือนเด็กน้อย ร้องไห้ไม่หยุดราวกับจะชดเชยความทรมานที่อดทนซุกซ่อนไว้ใต้หน้ากากมานับสิบปี

มือเขาวางบนศีรษะอีกฝ่าย ลูบแผ่วเบาอย่างปลอบโยน แต่ไม่มีคำพูดอย่าง ‘นิ่งซะ’ หรือ ‘หยุดร้องไห้เถอะนะ’ ถึงตอนนี้กลับคิดว่าอยากให้ร้องออกมาให้พอ จะแสดงความอ่อนแอออกมาก็ไม่เป็นไร จนกว่าจะกลับมาเข้มแข็งได้ จะปกป้องไว้ในอ้อมกอดอย่างดีที่สุด


“..ผมรักคุณ..”


เขาชะงักไป


สิ่งที่เต้นตุบ...ตุบ...ตุบ...อยู่ในอกที่แนบกันสนิท คล้ายกำลังส่งเสียงร้องสอดคล้องกับคำรักที่เอ่ย


หยดน้ำเอ่อคลอขึ้นในดวงตาทั้งสอง แสงจากหลอดไฟบนเพดานดูพร่ามัวไปหมด


“..ฉันรู้” เขาพึมพำข้างกกหูอีกฝ่าย จูบแก้มชื้นน้ำตา “ฉันรู้...”


“..รักคุณที่สุด”


“ฉันก็รักเธอที่สุดเหมือนกัน”


แสบตาชะมัด...


เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดตาตัวเอง


ว่าจะไม่ร้องไห้แล้วเชียว








To be continued…






เฮ้อ T///T
ทางคนเขียนก็รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่อึดอัดมานานเสียทีเหมือนกันค่ะ (ฮา)

ใกล้จบแล้ว แต่หลังตอนจบที่ใกล้จะมาถึง ก็ยังมีส่วนที่อาจจะคล้าย ๆ spin off ที่อยากจะเขียนอีกนิดหน่อยเหมือนกันค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ และขอบคุณที่ช่วยทักท้วงเรื่องคำผิดในเรื่องด้วยนะคะ //โค้ง
แล้วพบกันงวดหน้าค่ะ *กอดก่ายยยย*
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
//เนียนกอดคนอ่านท้ายงวดตลอด 555



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2017 21:53:49 โดย RAINYDAY »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด