คืนครั้งที่7 น้ำแดงของเขา น้ำเปล่าของผม ☻✿
ผมเดินเหวี่ยงชาวบ้านเขาไปทั่วเลยครับ นิสัยโคตรจะแย่แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมหงุดหงิดอะไรอยู่เหมือนกัน โทรศัพท์ผมไม่สั่นอีกเลยตั้งแต่ผมกดลบแชทไป ไม่รู้ว่าพี่ทิตย์จะเห็นหรือเปล่าแล้วก็ไม่รู้ว่าพี่ทิตย์จะคิดยังไง แล้วผมจะไปสนใจทำไมวะเนี่ย ผมวางหนังสือกับสมุดลงบนโต๊ะเสียงดังแล้วนั่งลง
“เป็นอะไรของมึงวะ” เพื่อนร่วมกลุ่มของผมสะดุ้งแล้วเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ขึ้นมองผมครับ
“ก็ไม่ได้เป็นอะไร” ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองให้ปกติที่สุด แค่ตอนนี้ก็แทบจะไม่มีเพื่อนคบแล้วครับถ้าไปทำตัวน่ารำคาญใส่พวกมันคงจะไม่มีใครคบอย่างจริงจังแล้วล่ะครับ
“อ่าฮะ”
ผมเรียนไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่เลยครับ พูดตรงๆเลยว่าผมวุ่นวายกับไอ้โทรศัพท์บ้าๆจนต้องปิดเครื่องมันไว้ก่อนถึงจะมีสมาธิอยู่กับการเรียน แต่ก็รู้ตัวครับว่าสายตาผมมองทุกคนแบบหาเรื่องจริงๆ ผมเป็นเหี้ยอะไรของผมวะเนี่ยยยยย เอาผีออกจากร่างผมทีครับ
สุดท้ายก็พักกินข้าว ผมนั่งเขี่ยข้าวไปมาอย่างเบื่อหน่ายกดเปิดเครื่องโทรศัพท์แล้วโยนมันไว้บนโต๊ะนั่นล่ะครับ โทรศัพท์แม่งก็นิ่งใส่ผมผมเลยกลอกตาไปมาก่อนจะตักข้าวใส่ปาก จริงๆฟันผมมันเริ่มปวดๆหายๆมาสักพักแล้วครับ เพิ่มความรำคาญขึ้นอีกเยอะ
“เอ่อ…” อยู่ดีๆผมก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงที่คุ้นหูเอ่ยออกมาแผ่วเบาจากด้านหลัง ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าใช่จริงๆครับพี่ทิตย์ยืนค้ำหัวผมอยู่ด้านหลัง ผมก้มหน้าลงมามองจานเหมือนเดินแล้วรวบรวมสติของผมที่กระจัดกระจายโดยไร้สาเหตุ เป็นบ้าอะไรของมึงอีกไอ้น้ำอุ่น
“หลบหน้าพี่ทำไม” พี่ทิตย์นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามผม ผมกัดปากตัวเองแน่นแต่ยังก้มหน้าก้มตาเขี่ยข้าวอย่างเอาเป็นเอาตาย ปกติผมจะเฉยๆและมองกวนตีพี่ทิตย์แต่ตอนนี้ผมตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้สิครับ ผมปรับตัวเองให้เข้าโหมดอารมณ์เดิมๆแล้วตวัดตาขึ้นมองพี่ทิตย์
“หลบอะไร” พี่ทิตย์มองหน้าผมนิ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“อุ่นรำคาญพี่ใช่ไหม พี่ทำอะไรผิดหรือเปล่า” โอ๊ยแม่ง!! ทำไมต้องมาพูดอะไรตอนนี้ด้วยวะ ผมรู้สึกมึนๆงงๆโลกมันหมุนติ้วๆฟังห่าอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง
“ผมไม่ได้รำคาญ” ผมตอบปัดๆไปแล้วขมวดคิ้วแน่น รำคาญพี่ทิตย์น่ะไม่หรอกครับแต่ผมรำคาญตัวเอง ความรู้สึกแปลกๆแม่งพรั่งพรูกันอัดหัวผมจนผมทำตัวไม่ถูกมันเลยแปรสภาพมาเป็นความหงุดหงิดที่ออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจนครับ
“พี่คงยุ่งกับอุ่นมากเกินไปจริงๆ งั้น…พี่คืนให้หมดเลย” แบงก์ยี่สิบถูกยื่นมาตรงหน้าผม
วันนี้เป็นวันที่เจ็ดแล้ว เท่ากับว่ามันเหลืออีกยี่สิบบาทจริงๆ ถ้าผมรับมันไว้ทุกอย่างมันก็จบ
ทุกอย่างมันก็จบ
โดยที่ผมจะไม่มีพี่ทิตย์มาวนเวียนวุ่นวายทุกๆวัน
ผมเลือกที่จะเงียบเหม่อมองหน้าพี่ทิตย์อยู่อย่างนั้น ผมไม่ได้อยากได้เงินคืนขนาดนั้นหรอกครับ แล้วผมก็ไม่ได้รำคาญพี่ทิตย์ขนาดที่ว่าจะว่าพี่ทิตย์ยุ่งกับผมมากเกินไปได้ ผมไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ช่วงเวลาแค่อาทิตย์เดียวพี่ทิตย์แทรกเข้ามาในหัวผมได้เต็มรูปแบบจริงๆครับ
“เอาไปสิ พี่ไม่กวนแล้ว” แบงก์ยี่สิบยังยื่นอยู่ตรงหน้าผม ผมดันจานข้าวตัวเองออกห่างแล้วดันมือพี่ทิตย์กลับ
“เดี๋ยวก่อน แป๊บนึง” ผมดันมือพี่ทิตย์ไว้แล้วกัดปากตัวเองแน่นอย่างชั่งใจ ยังไม่อยากจะได้คืนครับ ของหลายๆชิ้นมันน่าสนุกกว่าแบงก์ยี่สิบธรรมดาๆเยอะเลยเถอะครับ
อยู่ๆผมก็นึกเรื่องบ้าๆขึ้นมาได้ อารมณ์ผมตอนนี้มันทำอะไรได้ทุกอย่างแล้วล่ะครับ
“เฮ้ย…” พี่ทิตย์รีบชักมือกลับไปทันทีด้วยความตกใจ ไม่ให้ตกใจได้ยังไงล่ะครับก็ผมแสร้งเอาแขนไปโดนแก้วน้ำเป๊ปซี่ที่ตั้งอยู่จนมันหกไปทั่วโต๊ะรวมถึงแบงก์ยี่สิบที่อยู่ในมือพี่ทิตย์ด้วยครับ
ผมว่าผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไม่อยากได้คืนก็บอกไปตรงๆมันจะเป็นอะไรวะไอ้น้ำอุ๊นนนนน
“เปียกแล้วอ่ะ…” ผมพึมพำขึ้นมาเบาๆ ดันจานข้าวออกให้ห่างอีกหน่อยแล้วเอาแก้วน้ำที่ล้มอยู่บนโต๊ะโยนทิ้งถังขยะข้างโต๊ะไปครับ พี่ทิตย์สบถออกมาเบาๆแล้วถูมันกับกางเกงผมเลยลอบกลอกตาไปมาครับ
“พี่ไม่มีเรียนหรือไง” ผมถามขัดขึ้นพี่ทิตย์ก็ตวัดตาขึ้นมองผมแล้วถอนหายใจ อย่าลืมว่านี่มันคาบพักม.ต้นนะครับ นี่มันเวลาเรียน ไม่ใช่เวลามาคืนเงินแบบนี้เว้ย
“มี แต่ไม่อยากเข้า” แล้วพี่ทิตย์ก็พูดเสียงที่กดให้ต่ำลงเหมือนกำลังไม่พอใจกับอะไรสักอย่างอยู่ผมเลยขมวดคิ้วแน่นไปด้วยเลยครับ
“แต่ผมว่าพี่น่าจะ….” ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคพี่ทิตย์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“อุ่นจะเปลี่ยนเรื่องทำไม พี่คืนให้หมดเลยก็ไม่เอา พี่จะทักก็หลบหน้ากัน พี่ทำอะไรผิดวะ? เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย”
“ถ้าหลบหน้าจะมานั่งคุยกับพี่แบบนี้ไหมล่ะ” ผมแถไปเรื่อยเลยครับ เพราะผมตั้งใจหลบจริงๆจากรูปแล้วก็คำพูดของพวกนั้น ผมไม่ชอบใจที่พวกนั้นมายุ่งมาถามเรื่องของผมแล้วก็มาถ่ายรูปผมกับพี่ทิตย์ บอกว่าพี่ทิตย์ไม่ใช่เกย์เพราะกำลังจีบกระต่ายอยู่ จะอะไรก็ตามมันทำให้ผมหงุดหงิดแล้วก็พาลหลบหน้าพี่ทิตย์
“เออว่ะ” แล้วก็เชื่อด้วยว่ะครับ พี่ทิตย์เบิกตากว้างแล้วทำหน้าเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ครับผมแสร้งยิ้มเอือมใส่พี่ทิตย์พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเขี่ยวาดอะไรมั่วๆบนโต๊ะเพื่อหลบสายตาที่มองมา
“พี่กลัว… อุ่นรำคาญ” ผมยกปลายนิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วเงยหน้ามองพี่ทิตย์ เสียงที่แผ่วเบาพูดคำพูดที่ผมฟังแล้วรู้สึกจั๊กจี้เอามากๆ ยิ่งมองตาพี่ทิตย์ยิ่งรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆครับ
“ไม่รำคาญ แต่ปกติก็ไม่มีใครมาวุ่นวายขนาดนี้” ผมพูดเรื่องจริงออกไปแต่ดูพี่ทิตย์จะชะงักไปนิดหน่อยครับ ผมเลยถอนหายใจแล้วพูดขยายความเพิ่มเติมให้มันดูดีขึ้น พี่ทิตย์เป็นอะไรกับคำว่ารำคาญมากหรือเปล่าวะเนี่ย
“ปกติผมไม่ค่อยมีใครมาคุยด้วย ยิ่งรุ่นพี่ยิ่งแล้วใหญ่ คุยแต่กับพี่รหัสคนเดียว”
“คุยแบบพี่น้อง?”
“แล้วต้องคุยแบบไหน” ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัยพี่ทิตย์ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมเอามือสองข้างลูบหน้าตัวเอง แล้วผมทำอะไรผิดอีกวะเนี่ย
“เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักทีวะ” บ่นพึมพำอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียวครับ ผมเบ้ปากออกมานิดหน่อยอย่างหมั่นไส้ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผมต้องไปส่งงานและเอาของไปคืนที่ห้องสมุดครับ ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกา โทรศัพท์ผมเปียกน้ำเป๊ปซี่ที่หกอยู่นิดหน่อยผมเลยสบถออกมาเบาๆ
“น้ำอุ่น”
“หือ?” ผมยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่ไม่ค่อยจะสูงพร้อมถือจานข้าวไว้ในมือเตรียมเอาไปเก็บพี่ทิตย์ก็เรียกชื่อผมขึ้นมาครับ ผมชะงักไปนิดหน่อยแล้วเอียงคอตั้งคำถามทันที
“อีกสามวันพี่มีอะไรจะบอก” พี่ทิตย์ยิ้มแปลกๆออกมาแต่ผมขมวดคิ้วยุ่งเลยครับ แล้วทำไมมีอะไรไม่บอกตอนนี้? ผมสงสัยแต่ผมขี้เกียจจะอยากรู้ครับในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าอีกสามวัน มันก็ต้องบอกอยู่ดี ผมไม่ได้โต้ตอบอะไรไปแต่กลอกตาไปมาอย่างสงสัยให้เห็นแล้วอือออเบาๆตอบรับไป
“โอเคนะ พี่ไปละ” พี่ทิตย์ยันตัวลุกขึ้นเหมือนผมแล้วก็เดินไปเลยครับ ผมยืนโง่ๆงงๆอยู่สักพักก็เอาจานไปเก็บตามปกติแต่เร็วขึ้นนิดหน่อยเพราะเวลาคาบพักที่เริ่มจะเหลือน้อยลง
……………………………………………………………………………………………………………………..
“อุ่น ไปส่งสังคมใช่ไหม ช่วยเราถือหน่อยสิ” ผมหันไปก็เจอกระต่ายพอดีครับ กระต่ายถือกองสมุดที่เยอะเหมือนรวบรวมมาทั้งห้องแล้ว ด้วยความมาดแมนแฮนซั่มของผม ผมเลยเอามาถือคนเดียว หนักชิบหายเลยครับ ผมเพิ่งเอาของไปคืนห้องสมุดยังไม่ทันจะหายเหนื่อยเลยแท้ๆครับ
“ขอบคุณนะ เดี๋ยวเราเดินไปส่งเป็นเพื่อน” ผมพยักหน้าส่งๆไปแล้วเดินนำกระต่ายขึ้นบันไดครับ เสียวก้าวพลาดเหมือนกันครับ
เสียงเกากีต้าร์ดังมาจากห้องบนชั้นสาม ชั้นเดียวกับที่ผมต้องไปส่งงานแต่ห้องพักครูสังคมอยู่ห้องริมสุดครับ ส่วนเสียงที่ดังแว่วๆมาอยู่ใกล้ๆนี้เองครับ บังเทิงจริงๆเล๊ยย
“เบาๆหน่อย รำคาญ” เสียงคนคุยกันเหมือนอยู่กันหลายคนแต่งผมได้ยินแค่เสียงผู้หญิงคนนึงที่ดังแทรกเสียงกีต้าร์ขึ้นมาอย่างชัดเจนครับ
“ทำไมพวกมึงไม่กลับไปคบกันวะ”
“พูดงี้ให้เกียรติแฟนใหม่นางด้วยค่า โทรมาปรึกษานี่ใช้แฟนเก่าคุ้มชิบหาย”
“ให้ได้ก่อนเถอะพี่”
ผมกระพริบตาปริบๆมองภาพตรงหน้า พี่เนยกับพี่ทิตย์นั่งอยู่ด้วยกันตรงหน้าห้องเรียนพี่เนยครับ เพราะถ้าผมจำไม่ผิดชั้นนี้เป็นของม.6 แต่ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ พี่ๆอีกหลายคนนั่งล้อมวงทำชีทอะไรสักอย่างอยู่พื้นด้านล่าง มีแค่พี่ทิตย์กับพี่เนยที่นั่งบนที่นั่งปูนยาวๆริมผนัง
เสียงกีต้าร์ที่ได้ยินมาตลอดมาจากพี่ทิตย์นั่นล่ะครับ ผมนึกขึ้นได้เลยหันไปมองกระต่าย กระต่ายเหมือนสับสนอะไรสักอย่างหันกลับมามองหน้าผมแล้วสะบัดหน้าหนีเดินแทรกผมไปเลยครับ ผมเดาว่าพี่ทิตย์กับพี่เนยยังไม่เห็นผมกับกระต่ายเพราะพี่ทิตย์เกากีต้าร์ไปคุยเล่นกับพี่ๆที่นั่งอยู่บนพื้นไป ส่วนพี่เนยก็หามุมถ่ายรูปตัวเองอยู่นั่นล่ะครับ
เงียบครับ เงียบกริบมากตอนที่กระต่ายเดินผ่านกลุ่มพวกพี่เนย แม้แต่เสียงกีต้าร์ยังเงียบเลยครับ พี่เนยที่ยกกล้องชูหามุมไปมายังวางแล้วก้มตัวลงกระซิบอะไรกับพี่ที่นั่งข้างล่างก็ไม่รู้ครับ แต่ดูก็รู้ว่านินทากระต่ายชัดๆ ผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆครับ โชคดีที่พอเดินไปก็มีอาจารย์มาคุยกับกระต่ายแล้วพาเข้าห้องหมวดสังคมไป
แล้วผมยืนรออะไรอยู่วะหนักก็หนัก ผมส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจตัวเองแล้วสาวเท้าเดินต่อ
“แต่บอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่…” อยู่ดีๆกีต้าร์ที่เกามั่วๆก็เป็นเพลงขึ้นมาครับ เสียงพึมพำเนื้อร้องออกมาแผ่วเบาเหมือนตั้งใจร้องให้ตัวเองฟังเฉยๆ
“ถ้าไม่บอกเขาจะรู้ไหมล่ะ”
“ถ้าบอกคำนั้นแล้วเธอตอบมาว่าไม่ใช่”
“เพ้อเจ้ออีกละ อุ๊ย มึงหลบน้องจะเดิน เขยิบมาๆ” พี่เนยหันไปด่าพี่ทิตย์แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับผมพอดีเลยครับ พอพี่เนยเห็นว่าผมจะเดินผ่านก็บอกเพื่อนเขาให้หลบ พี่เขาเขยิบกันสุดตัวมากจนผมเกรงใจเลยครับ ผมพยักหน้าขอบคุณให้พี่ๆเขาแล้วรีบเดินออกจากตรงนั้นทันทีครับ
“เร็วหน่อยสิอุ่น” เพราะผมหันกลับไปมองพี่ทิตย์ที่มองมาทางผมเลยโดนกระต่ายดุขึ้นมาครับ ผมพยักหน้างึกงักแล้ววางกองสมุดลงบนโต๊ะของอาจารย์เขา
“มันได้พูดอะไรหรือเปล่า”
“มัน?” ผมทวนคำกระต่ายเบาๆพร้อมขมวดคิ้ว มันที่ว่าน่ะใครล่ะเนี่ย ผมยืนทำหน้างงๆกระต่ายก็สะบัดหน้าไปมาด้วยความหงุดหงิดแล้วผลักผมให้ออกจากห้องหมวดสังคมครับ
“เนยไง” เพราะกระต่ายพูดแบบนั้นผมเลยเงยหน้าขึ้นมองพี่เนยสลับกับกระต่าย พี่เนยป้องปากพูดอะไรกับพี่ทิตย์ก็ไม่รู้ครับ กระต่ายจิ๊ปากออกมาแล้วเดินย่ำเท้าลงบันไดไปเลยครับ ผมยกมือขึ้นเกาหัวงงๆแล้วเดินตามกระต่ายไป
…………………………………………………………………………………………………………………………..
ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพราะเลิกเรียนแล้วครับ วันนี้เลิกช้ามากครับแต่ยังพอมีเวลาก่อนที่รถตู้จะมา การบ้านผมไม่มีครับเรียกได้ว่าว่างสมบูรณ์แบบ บ้านก็ไม่มีให้กลับอีกต่างหาก ผมได้แต่ถอนหาใจนอนฟุบเขี่ยโทรศัพท์เล่นแบบนี้นั่นล่ะครับ แต่อยู่ดีโทรศัพท์ก็สั่นให้รู้ว่ามีคนโทรมา
“ว่าไง” ผมกรอกเสียงลงไปอย่างเบื่อหน่ายโดยที่หน้าผมยังซุกอยู่กับโต๊ะครับ พี่รหัสผมโทรมาครับ แม่งไม่น่าไว้ใจจริงๆโทรมาทีไรใช้งานผมตลอดเลยครับ
‘ซื้อน้ำให้หน่อย’ นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำแม่งใช้ผมซะแล้วครับ ผมดันตัวเองขึ้นมาโต๊ะแล้วขยี้ตาไล่ความง่วงออกไปก่อนจะพูดตอบปลายสายครับ
“ทำไมต้องซื้อให้”
‘เล่นบอลอยู่ ร้อน เอ้า อาทิตย์เล่นบอลกับเพื่อนเป็นด้วยเหรอ หึ’ เสียงคนหลายคนแทรกเข้ามาแต่ผมฟังไม่รู้เรื่องครับ แต่ผมได้ยินว่าอาทิตย์ด้วยแหละ อาจจะเตะบอลเล่นกันอยู่ที่สนามมั้งครับ ตอนนี้อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะครับ
“ฟังอยู่ไหมเนี่ย” ผมพูดย้ำไปอีกทีเพราะดูท่าว่ามันโทรมาก็จริงแต่ไม่ได้สนใจจะสั่งอะไรผมอีกเลยครับ
‘ฟังครับ’ โอ้โหขนลุกเลยครับ
“เออ เอาอะไรเดี๋ยวซื้อให้” ผมจัดของกลับบ้านไปด้วยถือโทรศัพท์ไปด้วยครับ ว่าจะลงแล้วก็กลับบ้านเลยเพราะไม่มีที่ไหนให้ไปแล้วด้วยครับ ไปรอรถอยู่คอปเวอร์เวย์ก็ได้
‘น้ำเปล่าขวดนึง แค่นี้นะ’ แล้วก็ตัดสายไปเลยครับ ผมนั่งกะพริบตาปริบๆอยู่สักพักสมองก็สั่งให้ผมยืนขึ้นเดินลงจากตึกเพื่อไปที่ร้านขายน้ำในโรงอาหารครับ
“น้ำเปล่าสองขวดครับ” แล้วก็ต้องตกใจคำที่หลุดออกไปจากปากตัวเองครับ พี่คนขายยื่นน้ำให้ผมสองขวดผมเลยยื่นเงินให้อย่างงงๆครับ พอรับน้ำทั้งสองขวดมาพิจารณาแล้วเดินเอื่อยๆไปที่สนามบอลครับ
แม่งยังวิ่งเล่นอยู่ในสนามอยู่เลยครับ ผมถอนหายใจออกมาแผ่วเบาแล้ววางกระเป๋าหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ไม้ยาวๆที่กั้นคอปเวอร์เวย์โดยนั่งห้อยขาหันหน้าเข้าหาสนามบอลครับ พี่ทิตย์ก็เล่นอยู่ด้วยจริงๆนั่นแหละครับ ไม่รู้ว่านัดกันมาหรือเปล่าเพราะปกติคนไม่เยอะขนาดนี้ อาจจะเพราะอากาศไม่ร้อนและฝนก็ไม่ตกด้วยมั้งครับ
ขวดน้ำสองขวดยังอยู่ในมือผม พอผมรู้ตัวว่าถือมันไว้ก็วางไว้ข้างตัวทันทีครับ ผมมองตามพี่รหัสผมไปสลับกับมองพี่ทิตย์พูดจริงๆคือพี่รหัสผมดูเด่นกว่าพี่ทิตย์อยู่พอสมควรเลยครับ มองตามไปอยู่สักพักก็เห็นเหมือนมีคนยืนอยู่ข้างๆ กระต่ายยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากผมและกำลังมองไปที่สนามโดยที่ในมือมีน้ำแดงใส่อยู่ในกระบอกน้ำใสๆน่ารักๆ
เอาล่ะสิ กระต่ายเอามาให้พี่ทิตย์แน่เลยครับ ไม่รู้ว่าพี่ทิตย์ได้สั่งหรือเปล่า ผมมองด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์อะไรทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องรู้ ผมแค่มารอรถตู้และเอาน้ำให้พี่รหัสตัวเองเฉยๆ แล้วมันก็กำลังเดินมาทางผมแล้วด้วยครับ
“แค่นี้เดินไปซื้อเองไม่ได้เหรอ” ผมบ่นขึ้นยิ้มๆทันทีที่มันเดินเข้ามาใกล้ครับ มันยักไหล่กวนตีนผมแต่ผมไม่ได้พูดอะไรยื่นขวดน้ำให้มันไป
“ใช้น้องบ้างไม่ได้เหรอ” ผมลอยหน้าลอยตาใส่มันก็บิดฝาขวดน้ำแล้วยื่นให้ผม ไอ้ผมก็งงสิครับ แต่มันก้มหัวอยู่ตรงหน้าผมผมเหมือนจะเข้าใจขึ้นมานิดนึงเลยหยิบขวดน้ำมาถือไว้ครับ
“ราดจริงนะเว้ย” พอไอ้เหี้ยพี่รหัสมันเออออผมก็ราดน้ำลงบนหัวมันครับ เสื้อด้านหลังมันเปียกชุ่มยังกับไปอาบน้ำมาเลยครับ
“โอ๊ยไอ้เหี้ย..” ผมดันมันออกเพราะมันสะบัดผมใส่ผมเหมือนเวลาหมาโดนน้ำเลยครับ ไอ้ผมก็ชุ่มไปนิดหน่อยแต่มันก็ยิ้มอย่างพอใจผมเลยสบถด่าออกมาเบาๆ
“ตกลงไอ้อาทิตย์มันจีบน้องเขาหรือน้องเขาตามตื้อวะ” ผมหันไปมองตามสายตามันก็เห็นพี่ทิตย์ยืนอยู่ตรงหน้ากระต่ายแต่กระต่ายไม่ได้ให้น้ำแดงนั่นไปนะครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ผมรู้สึกว่าพี่ทิตย์จะปฏิเสธแล้วก็กำลังเดินมาทางผม ผมเอียงคออย่างสงสัยแต่ก็หันกลับมามองหน้าพี่รหัสตัวเอง
“อย่าไปยุ่งกับ…เขา” เสียงผมขาดห้วงเพราะพี่ทิตย์เดินแทรกผมกับพี่รหัสเฉยเลยครับ พร้อมกับหยิบกระเป๋าใบที่อยู่ข้างตัวผมออกไป ผมร้อนรนอยู่นิดหน่อยแต่ก็กลั้นใจอ้าปากพูดไปทั้งที่พี่รหัสตัวเองยังยืนหัวโด่อยู่
“พี่ทิตย์ วันนี้ไม่เห็นจะคืน เลย…”
“มานี่” หือ? ผมทำหน้าสงสัยออกไปพี่ทิตย์ก็ดึงแขนผมให้ลุกขึ้นครับ ผมยังงงๆอยู่แต่ก็คว้ากระเป๋ากับขวดน้ำเดินตามไปครับ
พี่ทิตย์ข้ามถนนไปหยุดอยู่ที่สนามหญ้าเล็กๆข้างตึกเรียนฝั่งตรงข้าม ผมยืนเงียบมองพี่ทิตย์รื้อกระเป๋านักเรียนตัวเอง มือผมกำขวดน้ำแน่นคอยลุ้นว่าวันนี้จะได้อะไร
พรืบๆๆๆๆ
เสียงกระดาษที่โดนลมพัดทำให้ผมตกใจไปนิดหน่อย ของที่พี่ทิตย์คืนวันนี้เป็นกังหันลมของเล่นเป็นกระดาษครับ เพราะช่องระหว่างตึกแบบนี้ทำให้ลมแรงกว่าที่อื่น ผมอมยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความพอใจ
มือผมเปียกน้ำจากขวดน้ำผมเลยยื่นมันไปให้พี่ทิตย์เพื่อแลกกับกังหันลมกระดาษนั่น
“เอาใส่กระเป๋าก่อนก็ได้” ผมส่ายหน้าพรืดไปมาเพราะพี่ทิตย์จะให้ผมเอาขวดน้ำใส่กระเป๋าไว้ครับ
“ให้พี่ทิตย์นั่นแหละ” งงสิครับงงสิ ผมยังงงกับตัวเองเลยครับ พี่ทิตย์เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามแน่ใจเหรอ เอาจริงดิ อะไรประมาณนี้ครับ ผมเลยยัดมันใส่มือพี่ทิตย์แล้วหาข้ออ้างสารพัดในหัว
“ก็คืนของวันนั้นไง ตอนที่ผมวิ่งอ่ะ” สมเหตุสมผลจริงๆครับ แต่ถ้าจะเหตุผลจริงๆก็คง อ๋อ อยู่ดีๆก็เผลอซื้อมางงๆแล้วก็อยากให้ว่ะพี่ เหตุผลโคตรจะไร้สาระและไม่มีอะไรเลยครับ
“แลกกันแล้วกัน” พี่ทิตย์ยื่นไอ้เจ้ากังหันลมกระดาษมาให้ผม ผมก็ยื่นขวดน้ำแปล่าให้พี่ทิตย์ไป จู่ๆลมมันก็นิ่งครับทำให้กังหันกระดาษมันไม่หมุนผมเลยเป่ามันเบาๆแทนที่จะรอลม
“มองอะไร” ผมตวัดตาขึ้นมองก็เห็นว่าพี่ทิตย์กำลังมองผมด้วยสีหน้าติดตลกครับ ก็ซื้อมาเองแล้วมันไม่มีลมนี่หว่าจะเป่ามันผิดตรงไหนด้วยเหรอครับ หรือว่ามันปัญญาอ่อนไป ต้องใช่แน่ๆ ผมทำหน้ามุ่ยออกมาทันทีครับ
“กระต่ายไม่ได้เอาน้ำมาให้พี่ทิตย์เหรอ” สาบานได้ว่าตั้งแต่รู้จักพี่ทิตย์มาความอยากรู้อยากเห็นของผมก็พุ่งพรวดเพิ่มขึ้นเป็นกองเลยครับ ปกติแล้วผมไม่ใส่ใจจะยุ่งเรื่องของชาวบ้านแบบนี้หรอกครับ แต่นี่อะไร สิ่งที่ผมพูดอยู่มันเสือกเรื่องชาวบ้านชัดๆเลยเหอะ
“ก็ใช่ แต่พี่ไม่อยากได้” ผมแอบเบ้ปากออกมานิดหน่อย จ้า พ่อหล่อเลือกได้ แล้วแบบนี้กระต่ายจะเป็นยังไงก็ไม่รู้เลยนะเนี่ยดูท่าว่าพี่ทิตย์จะกลับไปคบกับพี่เนยล่ะมั้ง ผมสรุปจับใจความเอาเองในหัวแล้วยิ้มออกมากับข้อสรุปที่ได้ สองคนนี้เหมาะกันจะตายครับ
“พี่ไม่ได้ชอบน้ำแดง พี่ชอบน้ำเปล่า” ผมร้องอ๋อออกมาแผ่วเบาตอนที่พี่ทิตย์ชูขวดน้ำผมเขย่าไปมา ผมเข้าใจความหมายแต่พี่ทิตย์แม่งถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายครับ ผมทำอะไรผิดอีกล่ะเนี่ย ผมขมวดคิ้วยุ่งเพราะหงุดหงิด
พรืบๆๆๆ
เสียงกระดาษที่โดนลมพัดที่มาจากกังหันกระดาษในมือผมเรียกความสนใจของผมไปทำให้ผมคลายความหงุดหงิดลงมานิดหน่อย
“ชอบหรือเปล่า”
“ชอบ” ผมพูดตอบแล้วละสายตาจากกังหันลมกระดาษขึ้นมองหน้าพี่ทิตย์แล้วผมก็ต้องหุบยิ้มเพราะความรู้สึกแปลกๆที่ไม่เชิงอึดอัดมันแทรกเข้ามา ความรู้สึกน่ารำคาญแบบนี้แม่งอะไรวะ ผมขมวดคิ้วอยู่พักนึงก็คลายออกเพราะไม่ได้ใส่ใจอะไรมันเท่าไหร่
“งั้นผมกลับแล้วนะ” ผมก้มมองนาฬิกาก็เห็นว่ามันใกล้เวลาที่ผมต้องกลับรถตู้แล้วครับ พี่ทิตย์พยักหน้ารับ
“กลับบ้านดีๆอุ่น”
__________________________________________________________________________
หนูจะร้ายหรือหนูจะซื่อลูก55555555
นับวันยื่งมาดึกเพราะพิมพ์เสร็จก็อยากลงเลยล่ะค่ะ ฮ่าๆ ดีใจมากๆที่มีคนยิ้มตอนอ่านเรื่องนี้ด้วย
ขอบคุณจริงๆที่กดเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ ขอบคุณทุกบวกเป็ด ขอบคุณทุกความเห็น ติดตามกันไปเรื่อยๆเลยนะคะ

ปล. ฝากแท็ค #น้องครับยืมตังหน่อย ด้วยน้าา