คืนครั้งที่5 คนน่ารักมักใจร้าย ☻✿
หมอขี้โกหก…
ผมโกรธครับผมโกรธ…
ปวดฟันโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย
วันสุดท้ายของสัปดาห์แท้ๆครับ เมื่อวานไปทำฟันตามปกติแล้วหมอถามว่าจะใส่เหล็กเลยไหม ไอ้ผมก็งงๆตอบไปว่าใส่เลยครับ จริงๆแล้วหมอบอกว่าอาจจะเป็นอาทิตย์หน้าด้วยซ้ำแต่พอมาทำเมื่อวานกลับบอกว่าใส่เลยไหม แล้วผลมันก็สาหัสจริงๆครับ ผมปวดฟันมาก มากจนไม่อยากจะอ้าปากพูดกับใครเลยสักคน จริงๆมันต้องใส่บนก่อนครับ แต่ผมบอกหมอจัดมาเลยบนล่าง เลยมานั่งน้ำตาคลอแบบนี้ไงครับ
“อุ่น” ผมหันไปตามเสียงเรียกของใครสักคนทันที แม้แต่ขานรับผมก็จะไม่อ้าปากพูดครับ ไม่แน่นอน!!
“งืออ?” ส่งเสียงโง่ๆออกไปแทนครับ กระต่ายกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหาผมเลยลุกขึ้นเดินไปหาแบบงงๆแล้วก็ต้องร้องอ๋อออกมาเบาๆ สงสัยจะเรื่องงานกลุ่มครับ ผมจับกลุ่มกับกระต่ายทั้งที่ไม่ค่อยจะคุยกันด้วยซ้ำครับ อยู่ดีๆกระต่ายก็มาถามผมว่าจะอยู่ด้วยกันหรือเปล่าผมเลยเออออไป
“อันนี้แบบสอบถาม เราปริ้นมาแล้วอุ่นเอาไปแจกได้ไหม” ผมรับกระดาษปึกใหญ่มาถือไว้แล้วพลิกไปมาเพื่อดูเนื้อหาคำถามของแบบสอบถามแต่ลละใบ
งานกลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ครับ การสำรวจกลุ่มประชากรอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่กลุ่มพวกผมต้องทำแบบสอบถามเกี่ยวกับโรงเรียนแล้วนำมันมาสรุป ตั้งห้าสิบใบเลยนะครับ แถมถ้าพวกผมเมคขึ้นมาเองแล้วครูจับได้ก็ซวยกันอีก พวกผมเลยต้องเอามันให้คนในโรงเรียนทำจริงๆลายมือจะได้ต่างกัน
“กระต่ายรีบไหม” ผมกลั้นความปวดอ้าปากพูดกับกระต่าย
“รีบ เราอยากรวบรวมวันนี้ เดี๋ยวต้องสรุปลงรายงานอีกนะ” กระต่ายทำหน้าหงุดหงิดใส่ผมผมเลยเงียบแล้วยอมครับ เห็นแบบนี้แต่กลุ่มกระต่ายจริงจังกับการทำงานมากกว่ากลุ่มไหนในห้องเลยนะครับ
วันนี้ผมไม่ได้เรียนห้องประจำแต่มาเรียนอยู่อีกตึกเพราะวิชานี้ต้องใช้โปรเจกเตอร์แต่ครูไม่อยู่ครับผมเลยเดินหอบกองกระดาษหาคนมาทำให้ จะให้แจกตรงนี้ก็รวบรวมยากอีก ผมว่าให้เป็นห้องๆไปดีกว่าครับแล้วก็ยืนรอให้เขาทำไปเลย ประเด็นใหญ่ๆคือมันไม่ใช่ถิ่นผม มันเป็นถิ่นม.4 และห้องไอ้เหี้ยพี่รหัสก็โล่งผมเดาว่าคงไปเรียนพละ ไม่ก็ดนตรีหรืออะไรสักอย่าง
ห้องริมสุด… ห้องประจำของพี่ทิตย์ ไม่น่าจะมีเรียนครับเพราะผมเห็นคนเดินเข้าออกห้องอยู่ เอาเถอะ ไหนพี่เขามายืมตังเราแล้วก็ต้องให้ช่วยกันบ้างดิวะ แต่ผมไม่กล้าบุกเดี่ยวครับ อายเขา ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งไลน์หาพี่ทิตย์
พี่ทิตย์
อยู่ห้องป่ะ?
หือ อยู่
ว่าไง
ออกมาแป๊บนึง มีไรให้ช่วย
ผมยืนรออยู่หน้าห้องสักพักพี่ทิตย์ก็เดินงงๆออกมา ผมเลยเสนอหน้าเดินเข้าไปให้อยู่ในระยะสายตาครับ พี่ทิตย์ยิ้มออกมานิดหน่อยทำให้ผมขมวดคิ้วจนยุ่งพร้อมยื่นกระดาษแบบสอบถามให้พี่ทิตย์ทั้งปึก พี่ทิตย์ก็รับไปแล้วพลิกดูครับ ดูท่าจะยังไม่รู้ผมเลยฝืนอ้าปากอธิบาย
“ก็ฝากเพื่อนในห้องพี่ทิตย์ทำแบบสอบถามหน่อย อันนี้…”
“เดี๋ยวๆๆๆๆ” ผมยังพูดไม่ทันจบพี่ทิตย์ก็ร้องขัดขึ้นมาพร้อมทำหน้าตกใจ แถมยังเอากระดาษผมวางไว้ตรงที่นั่งหน้าห้องแล้วเอามือมาดึงแก้มผม ผมยิ่งปวดฟันอยู่เลยเผลอปัดมือพี่ทิตย์ออกแรงมากเลยครับ ผมก็ตกใจตัวเองเหมือนกัน แต่ผมเจ็บนี่หว่า พี่ทิตย์นิ่งไปจนสังเกตได้เลยครับ แล้วใครให้มายุ่งกับหน้าผมตอนผมปวดฟันวะ
“อันนี้งานกลุ่มผม มันมีห้าสิบใบ ช่วยๆผมหน่อยแล้วกัน” พี่ทิตย์มองหน้าผมพร้อมคว้ากระดาษจากที่นั่งมาถือไว้ ทำไมต้องมาทำหน้าเฉยชาใส่ผมแบบนี้ด้วยวะ หรือว่าโกรธที่ผมไม่เล่นด้วย? โอ๊ย ถ้าจริงก็ปัญญาอ่อนมากเลยครับให้ตายเถอะ
“อืม” พี่ทิตย์ตอบผมแค่นั้นก่อนที่จะหันหลังผลักประตูห้องเข้าไป
ผมนั่งรออยู่นานเลยครับ แต่เข้าใจว่ามันต้องใช้เวลา คำถามในแบบสอบถามก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็อย่างเช่น ควรปรับปรุงอะไรในโรงเรียน พร้อมเสนอวิธีแก้ไข อีกอย่างก็คือชอบอะไรในโรงเรียนพร้อมระบุเหตุผล แต่เอาจริงๆผมคิดว่ากระต่ายใช้หัวข้อยากเกินไป ถ้าทำแบบกลุ่มอื่นที่เป็นแบบติ้กเอามันจะง่ายกว่านี้เยอะเลยครับ ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำอะไร เพราะผมก็ขัดใจกระต่ายไม่ได้อยู่ดี
“ได้แล้ว” ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นพี่ทิตย์ยื่นกระดาษแบบสอบถามให้ผม ผมเลยยืนขึ้นคว้ามันมาถือไว้พร้อมเช็คความเรียบร้อยของแต่ละใบ มีคนเขียนทุกใบครับ แต่จะเขียนใช้ได้ไหมผมก็ต้องไปอ่านเองอีกที
“ขอบ.. เอ้า” ผมกำลังจะบอกขอบคุณพี่ทิตย์แต่พี่เขาเดินเข้าห้องไปแล้วครับ ผมยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงงๆแล้วหมุนตัวเดินกลับห้อง จะบ้าตายกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของพี่ทิตย์จริงๆครับ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่เลยเดินอ่านคำตอบไปเรื่อยๆแล้วก็ต้องสะดุดกับคำตอบของใบนึงในนั้น
สิ่งที่คุณชอบมากที่สุดในโรงเรียน
ชอบคนคิดแบบสอบถาม อย่าใจร้ายได้ไหม ):
ใครแม่งเขียนวะ ผมขยี้หัวจนยุ่งรู้สึกว่ากระต่ายจะปริ้นมาพอดีด้วยสิครับ แล้วปึกนี้ต้องส่งครูพร้อมกับรูปเล่มรายงานด้วย มันใช่ที่เขียนบอกรักกันไหมเนี่ย แต่มันคือการสำรวจที่แท้จริงครับ ล่ะมั้ง? ยังไงผมก็หงุดหงิดอยู่ดีครับ คนยิ่งปวดฟันหนึบๆอยู่ด้วย มาเจอคนป่วนงานอีก
“เป็นอะไรวะไอ้น้อง” ผมหันไปตามเสียงก็เจอไอ้เหี้ยพี่รหัสกับเพื่อนอีกหลายคน ผมเงยหน้าขึ้นมองเลขห้องก็พบว่าผมเดินมาหยุดที่หน้าห้องมันพอดี ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายพร้อมยื่นให้พี่เขาดูไอ้กระดาษเจ้าปัญหา
“บอกอุ่นหรอ” พี่เขาอ่านแล้วเลิกคิ้วถามผม ผมเลยเบ้ปากอย่างรู้สึกขนลุกแล้วพูดสวนกลับไป
“ตลกหรอ ลายมือผู้ชายนี่มันก็คนในกลุ่มผมอ่ะ กระต่ายมั้ง” ไอ้เหี้ยพี่รหัสร้องอ๋อออกมาเบาๆก่อนจะทำหน้าเหมือนรู้อะไรมาสักอย่างละมันจะไม่บอกผม เพราะงั้นผมจะไม่สนใจมันให้มันหนักหัว
“จัดฟันแล้วหรอไหนดูหน่อย” ไอ้พี่เหี้ยทำท่าว่าจะมาดึงแก้มผมอีกคนผมเลยรีบจับมือพี่เขาไว้ก่อนจะฉีกยิ้มให้ดูเอง พี่เขาก็ยิ้มออกมาครับผมเลยปล่อยมือแล้วหุบปากลงพร้อมทำหน้ามุ่ยแบบเดิม
“สีฟ้าด้วย หน้าตุ๊ดว่ะ” ผมหรี่ตามองมันก่อนจะพูดแบบไม่มีเสียงว่าตุ๊ดพ่อง เออ พี่เขาก็หัวเราะครับ อยู่ดีๆมันก็หันไปมองอะไรสักอย่างผมเลยหันมองตาม ก็เห็นครับว่ามันมองพี่ทิตย์อยู่ พี่ทิตย์เดินออกมาจากห้องเงยหน้าผมพวกผมนิดหน่อยผมเลยยิ้มให้แทนคำขอบคุณ แต่พี่ทิตย์ก็เดินหน้าเหมือนอมขี้ไปที่ร้านถ่ายเอกสารเลยครับ
“พี่ทิตย์เขาเป็นอะไรของเขาวะ” ผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆด้วยความงง
“ทำไมเรียกพี่ทิตย์วะ” ผมขมวดคิ้วยุ่งพร้อมถามตอบกลับไปอย่างสงสัย
“เอ้าเรียกไม่ได้เหรอ” พี่ทิตย์ก็รุ่นพี่ผมนี่หว่า หรือมันน้อยใจที่ผมเรียกว่าไอ้เหี้ยพี่รหัส ฮ่าๆ
“ไม่รู้หรอว่ามันคิดอะไรแปลกๆอยู่ ถ้าใครไม่ใช่แฟนหรือไม่สนิทจริงๆมันไม่ชอบให้เรียกว่าทิตย์นะ คนอื่นเขาก็เรียกอาทิตย์กันหมดแหละ” ผมขมวดคิ้วจนยุ่งเลยครับ คนบ้าอะไรมีกำหนดชนชั้นเรียกชื่อด้วย อย่างผมชื่อน้ำอุ่นคนที่เรียกผมอุ่นไม่ใช่คนสำคัญไปหมดเลยเหรอครับ
“แล้วทำไงล่ะ เรียกไปแล้ว” ผมบอกแล้วยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับตรรกะแปลกๆของพี่ทิตย์
“มันไม่ด่าเอาหรอ” ผมนึกภาพตามตอนที่ผมเรียก อืม… ก็ไม่เคยด่าอะไรผมนอกจากหน้าเหมือนหมาและเตี้ย โอ๊ย พูดแล้วเจ็บใจมากครับ กลับบ้านไปผมดูดไอ้แลคตาซอยห้าบาทพร้อมไปซื้อนมมาอีกเป็นแกลลอน ผลคือปวดฉี่ครับ และแม่งไม่ได้ช่วยให้สูงขึ้นหรอก จะกินอีกกี่ปีกี่ชาติคงเตี้ยเหมือนเดิม
“ไม่ด่าแต่เหมือนตกใจอยู่นะ” ผมจำได้ว่าครั้งนั้นที่ผมเรียกชื่อพี่ทิตย์ไปพี่ทิตย์ก็ดูตกใจเหมือนกันครับ อ๋อ เพราะว่าผมไม่ได้สนิทกับพี่ทิตย์ขนาดนั้นนี่เองครับ โคตรบ้าเลยให้ตายเถอะพ่อคุณเอ๊ยยย
“เออ ดี พี่เข้าเรียนละ อุ่นก็รีบกลับห้องไปเถอะ ตั้งใจเรียนนะ” ผมพยักหน้ารับแล้วก็แยกกับพี่เขา เดินกอดกระดาษแบบสอบถามกลับห้องด้วยความรู้สึกแปลกๆหลายๆอย่างที่ตีกันขึ้นมาในสมอง
มีแต่เรื่องของพี่ทิตย์… คนบ้าอะไรจะอินดี้ได้ขนาดนี้วะ
“ครบแล้วนะกระต่าย” ผมยื่นให้กระต่ายก่อนที่จะเดินกลับไปที่นั่งตัวเองเหมือนเดิมพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย อาจารย์ไปไหนกันหมดวะเนี่ย สอนก็ไม่สอน น่าเบื่อชิบหายเลยครับ
“แก!! พี่อาทิตย์อัพตัสอะ เฮ้ยๆๆมีเพลงด้วยอ่ะ” เอาอีกแล้วครับแก็งค์สายเม้าท์ประจำหลังห้อง แต่รอบนี้พูดเบากว่าเดิมอยู่มากครับน่าจะเพราะกระต่ายอยู่ในห้อง
กระต่ายชอบนั่งแถวรินหน้าต่างประมาณกลางๆครับส่วนขาเม้าท์นั่งคุมหลังห้องแถวกลาง ส่วนผมก็ถัดขึ้นหน้าไปอีกแถวหนึ่ง จริงๆผมอยากนั่งหลังห้องนะครับแต่พวกเธอยึดก่อนทุกที วันนี้คงมีอะไรสนุกๆคุยกันอีกแล้วมั้งครับ ผมว่างมากจนลอบฟังที่พวกเธอจะคุยกัน
“น่ารักว่ะแก… เพลงนี้หมายถึงใครวะ” ผมเริ่มสงสัยว่าเพลงอะไรครับแล้วส่งให้ใคร ส่งให้กระต่ายหรือว่าพี่เนย เหอะๆ ชีวิตพี่ทิตย์ดูหล่อเหลือเกินครับ เลือกได้ด้วยเหรอ ผมเผลอเบ้ปากออกมานิดหน่อยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น
“กระต่ายมั้งแก”
“พี่เนยเมนต์ด้วยหรอแก อ่านเร็วๆ” เล่นอ่านในใจกันหมดแล้วพูดซุบซิบกันแบบนี้มันก็กระตุ้นความอยากรู้ของผมสิครับ แต่ผมไม่มีเฟสพี่ทิตย์หรอกครับ แถมด้านหลังยังไม่หลุดชื่อเฟสมาแม้แต่นิดเดียวเหมือนตอนพี่เนยเลยครับ
“ชื่อเฟส…” ผมหันเอ่ยปากพูดถามคนหนึ่งในกลุ่มนั้นที่นั่งอยู่ด้านหลังผมพอดี แต่เธอเลิกสนใจเพื่อนนานแล้วแล้วก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านครับ มันเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วทำหน้าสงสัยพร้อมเร่งให้ผมพูดต่อ
“เฟสพี่ทิตย์ เอ่อ… เฟสพี่อาทิตย์ชื่ออะไรเหรอ” ผมกระพริบตาปริบๆรอคำตอบ แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นหน้าจอโทรศัพท์เครื่องที่กำลังส่องเฟสพี่ทิตย์อยู่ ผมท่องชื่อนั้นไว้ในสมองอยู่สองสามครั้งจนจำได้แล้วก็หันกลับมานั่งตามเดิม จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องตอนนี้ก็จะดูขี้เสือกไปผมเลยนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
“อะไรวะแก”
“อุ่นมันขอเฟสพี่อาทิตย์ ไม่มีอะไรหรอก”
…………………………………………………………………………..
เสียงดังวุ่นวายในโรงอาหารเริ่มเงียบลงเพราะจวนจะหมดคาบพักกินข้าวของม.ต้นเต็มที แต่ผมก็ยังนั่งกลืนโจ๊กถ้วยที่เริ่มเย็นชืดเพราะผมนั่งกินมาเกินครึ่งชั่วโมงแล้วครับ ผมไม่ชอบโจ๊กแต่จำเป็นต้องกิน ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายรอบที่ล้านของวัน
แล้วผมก็นึกอะไรแก้เบื่อออก ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเลื่อนเปิดเน็ตอย่างเคยชินก่อนจะนั่งนึกทวนชื่อเฟสพี่ทิตย์แล้วหามัน รอโหลดอยู่สักพักก็เจอครับ ผมกดเข้าไปดูแล้วเลื่อนรูปปกไปมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเลื่อนดูโพสก็เห็นโพสล่าสุด พี่ทิตย์โพสเพลงคนน่ารักมักใจร้ายกับอิโมติคอนถอนหายใจ ผมเบ้ปากอย่างนึกหมั่นไส้ก่อนจะกดดูความคิดเห็น
Noey natchanit เขินเลย
Athit theeramethakul ปัญญาอ่อนหรอ ตอบแชทหน่อยพี่ผมไม่ไหวแล้ว
Noey natchanit ทีงี้เรียกพี่ เบื่อคนปอดว่ะ ฟาย
Athit theeramathakul สัสครับ เร็วดิ
Noey natchanit แป๊บค่ะ
ผมหัวเราะออกมาเบาๆนิดหน่อยกับข้อความของทั้งคู่ เป็นแฟนเก่าที่ไม่เหมือนแฟนเก่าจริงๆนะครับ น่ารักดีจะตาย ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงเลิกกันแต่ถ้าเป็นผมนะผมจะไม่มีทางปล่อยให้พี่เนยไปไหนแน่ๆ คนอะไรน่ารักชิบหายเลยครับ ในขณะที่ผมกำลังเพ้อเจ้อเสียงออดเปลี่ยนคาบก็ดังขึ้น ผมคว้ากระเป๋าและถ้วยโจ๊กไปโยนทิ้งก่อนจะวิ่งไปยังคาบต่อไป
ให้ทายว่าคาบหลังกินข้าวคือคาบอะไรครับ คาบพละ คาบพละเลยนะครับ วันนี้อาจารย์ไม่ได้จะสอนอะไรแต่บอกว่าใครวิ่งรอบสนามบอลครบสองรอบก่อนจะปล่อยเลย ไม่สิ ถ้าเป็นผู้ชายมันสองรอบครึ่ง รวมๆก็กิโลหนึ่งได้ครับ แล้วลองนึกสภาพอากาศอบอ้าวแดดเปรี้ยงลงกลางกบาลแบบนี้ ที่สำคัญคือจับเวลาเก็บคะแนนด้วยนะครับ ถ้าใครใช้เวลามากคะแนนก็จะน้อย ผู้หญิงผมไม่แน่ใจว่ากี่นาทีแต่ของผู้ชายห้านาทีครับ
คิดว่าผมใช้เวลากี่นาทีครับ ไม่อยากจะอวดว่าสี่นาทีนิดๆนะเว้ย แล้วก็มานั่งหอบเหมือนหมาอยู่ข้างสนามแบบนี้แหละครับ มันร้อน ร้อนมากจริงๆครับ เหงื่อผมออกจนชุ่มตัวไปหมด น้ำก็หิวนะครับครูบอกใครวิ่งเสร็จแล้วไปได้ก็จริงแต่ยังไม่มีใครไปไหนสักคนผมก็เลยนั่งมันอยู่ตรงนั้นล่ะครับ
“อื้อ!” ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะความรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาที่ข้างแก้มครับ เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นพี่ทิตย์ที่ยืนค้ำหัวผมอยู่ ผมใช้หลังมือปาดหยดน้ำที่ติดข้างแก้มผมออกพร้อมทำหน้ายุ่ง แต่ก็ยุ่งได้พักเดียวเพราะหิวน้ำครับ
“ขอกินได้ไหมอ่ะ” ผมช้อนตาขึ้นมองพี่ทิตย์ที่ยังคงยืนค้ำหัวผมอยู่อย่างนั้น พี่ทิตย์ไม่ได้พูดอะไรตอบแต่ยื่นขวดน้ำมาให้ผม ผมเลยคว้ามันมาเปิดออกแล้วกระดกเลยครับ ก็มันไม่มีหลอดนี่หว่าแล้วจะให้กินแบบไม่โดนปากมันก็ขี้เกียจ
ว่าแต่พี่ทิตย์มาทำอะไรแถวนี้วะ ตอนนี้เป็นคาบพักของม.ปลายครับ และมันไม่ใช่ทางผ่านของโรงอาหารแน่ๆ เพราะสนามบอลมันอยู่คนละฟากตึกกับโรงอาหารเลยนะครับ ผมเก็บความสงสัยไว้ในใจครับกลัวว่าพี่ท่านจะยึดน้ำคืน
“หมูหยองงง” ผมร้องขึ้นเพราะหมูหยองมันเดินเข้ามาถูหน้ามันกับกางเกงผมครับ อ๋อ หมูหยองเป็นหมาของพวกพี่ๆนักบอลครับ พันธุ์พุดเดิ้ลสีครีมตัวเล็กตาแป๋วน่ารักมากเลยครับ เวลาผมเรียนพละชอบมาเล่นกับมันบ่อยๆมันเป็นหมาที่โคตรจะขี้อ้อนเลยครับ
“อุ่นชอบหมาหรอ” พี่ทิตย์หย่อนตัวลงนั่งข้างผมพร้อมเอามือลูบหัวหมูหยองที่นอนซุกอยู่บนตักผม ผมยิ้มออกมานิดหน่อยเพราะหมูหยองมันทำท่าว่าจะหลับคาตักผมครับ
“ผมชอบนะ แต่ที่บ้านไม่ให้เลี้ยงหรอก” แม่ผมไม่ชอบสัตว์ทุกชนิดครับ แม่บอกว่าดูแลยากแค่ดูแลลูกก็เหนื่อยพอแล้ว ผมเคยขออยู่หลายครั้งมากเลยครับแต่ก็ไม่สำเร็จสักที เคยแอบจะเอาเข้าบ้านด้วยซ้ำแต่แม่ก็ไม่ยอมใจอ่อน ผมก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรมมาเล่นกับไอ้หมูหยองนี่แหละครับ
“อ๋อ แล้วตัวนี้มันชื่อเที่ยงคืนไม่ใช่เหรอ พี่ว่าพี่เคยเห็นเพื่อนเรียกนะ” ผมส่ายหน้าพรืดไปมา มีหลายคนเรียกผิดอยู่เหมือนกันครับเพราะว่ามันมีตัวพี่มันอีกตัวที่หน้าเหมือนกันทุกอย่างเลยครับ
“เที่ยงคืนเป็นพี่มัน มันมีสองตัวไงพี่ท… อาทิตย์” เงียบ เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ ถ้ามีกาบินผ่านร้อง ก๊าๆๆจะได้อารมณ์บรรยากาศตอนนี้มากครับ ในเมื่อทุกอย่างมันเงียบ ผมเลยหุบปากนั่งลูบหัวหมูหยองอยู่เงียบๆเหมือนกัน หมูหยองมันก็ครางหงิ้งๆอย่างพอใจ
“วันนั้นยังเรียกพี่ว่าพี่ทิตย์ไม่ใช่เหรอ” พี่ทิตย์หันมาถามผมก็มองตอบ ก็ตัวเองให้คนที่ไม่สนิทเรียกอาทิตย์ไม่ใช่หรือไงวะแล้วจะมาสงสัยอะไรผมอีก
“ก็อยากเรียกพี่อาทิตย์แล้วไง” ผมตอบแบบปัดๆไปแต่พี่ทิตย์แม่งก็ยังจ้องหน้าผมอยู่ไม่ยอมเอาหน้าออกไปสักที ผมหงุดหงิดเลยขยับตูดออกห่าง หมูหยองสะดุ้งตื่นแล้วส่งเสียงฟึ้ดฟัดเหมือนไม่พอใจแล้วก้มลงซบหน้ากับตักผมอีกครั้ง
“เรียกพี่ทิตย์ก็ดีอยู่แล้วนะ” ผมถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วขวดคิ้วมองหน้าพี่ทิตย์
“ได้เหรอ พี่ผมบอกว่าพี่ให้แค่คนที่สนิทเรียก”
“แฟนก็ให้” เออ ผมพูดไม่ครบพี่ท่านก็เติมให้เรียบร้อยเลยครับ น่าดีใจจริงๆเล๊ยย
“เออ นั่นแหละ” ผมพูดปัดๆไปแล้วไม่ได้ว่าอะไรต่อ พี่ทิตย์เอื้อมมือมาลูบหัวหมูหยองอีกครั้ง แต่หมูหยองมันทำท่ารำคาญแล้วลุกขึ้นเดินดุ๊กดิ๊กไปด้านในศาลาที่พักของพี่นักบอล
“อุ่นก็เรียกพี่ว่าพี่ทิตย์สิ” ยังครับ ยังไม่เลิก หมูหยองมันเดินดุ๊กดิ๊กมาพร้อมกับเที่ยงคืน เที่ยงคืนมันเรียบร้อยไม่ซนเหมือนหมูหยองครับแล้วมันสองตัวก็มายุ่งอยู่กับกางเกงผม หมูหยองมันเข้ามานอนตักผมเหมือนเดิมแต่เที่ยงคืนมันเดินวนอยู่แถวตัวผมครับ
“ผมวานอะไรพี่อย่างนึงได้ไหม” ผมพูดขึ้นแล้วหันไปขอพี่ทิตย์ครับ ในกระเป๋าผมมีขนมห่อเล็กๆห่อหนึ่งที่ผมซื้อมาแล้วกินไม่ได้ครับ ผมว่าจะให้พี่ทิตย์ไปหยิบให้เพราะผมขี้เกียจอุ้มหมูหยองออกจากตัก พี่ทิตย์เลิกคิ้วเหมือนให้ผมพูดต่อ
“ฝากหยิบขนมให้ผมหน่อยได้ไหม กระเป๋าอยู่… บนโต๊ะที่กระต่ายนั่งอยู่นั่นแหละ” ผมมองไปก็เห็นกระต่ายนั่งอยู่ตรงโต๊ะยาวที่เขาให้นั่ง พี่ทิตย์มองตามสายตาผมก่อนจะยิ้มไม่น่าไว้ใจออกมาผมเลยขมวดคิ้วอย่างสงสัยทันทีครับ
“เรียกพี่ว่าพี่ทิตย์ก่อนเดี๋ยวไปหยิบให้” ผมจิ๊ปากออกมาอย่างหงุดหงิดพร้อมมองตามพี่ทิตย์ที่ยันตัวลุกขึ้น พี่ทิตย์ยิ้มล้อเลียนผม ผมมุ่ยหน้าแต่ก็ยอมพูดแต่โดยดีครับ ไม่ได้มีอะไรเสียหายสักหน่อยนี่นา
“พี่ทิตย์”
“พี่ทิตย์ทำไม” โอ๊ย พี่ทิตย์จะต้องการอะไรจากผมนักหนาก็ไม่รู้ ผมตวัดตามองพี่ทิตย์อย่างหงุดหงิดก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดออกมาเบาๆไม่ให้พี่ทิตย์ได้ยิน แล้วเงยหน้าอ้าปากพูดออกไปอย่างเบื่อหน่าย
“พี่ทิตย์ไปหยิบขนมมาให้ผมหน่อย นะ” พี่ทิตย์ยกยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะเดินไปทางโต๊ะที่มีกระเป๋าผมวางอยู่ ผมหันมาบ่นพึมพำกับหมูหยองและเที่ยงคืนแทนในเมื่อบ่นกับเจ้าตัวไม่ได้ พอมันแลบลิ้นแฮ่กๆใส่ผมผมก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ใส่ใจฟังที่ผมพูดเลยนี่หว่า แต่ผมก็บ้านะครับมันจะไปฟังผมรู้เรื่องได้ไง
“เอ้า อันนี้ใช่ไหม” ผมพยักหน้าเมื่อเห็นขนมในมือพี่ทิตย์เป็นขนมที่ผมซื้อมาเมื่อเที่ยงจริงๆ พี่ทิตย์หย่อนตัวลงนั่งข้างๆผมอีกครั้งแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร แกะซองขนมออกแล้วยื่นให้เที่ยงคืนที่ยังเดินวนไปวนมาพอหมูหยองมันเห็นเที่ยงคืนได้กินมันก็รีบลุกเลยครับ นั่นทำให้ผมหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“น่ารัก” อยู่ดีๆพี่ทิตย์ก็พูดขึ้น ผมเข้าใจว่าหมายถึงหมูหยองครับเพราะมันยิ่งทำตาแป๋วใส่ผมเพราะผมแกล้งไม่ยอมเอาขนมให้มันกิน ฮ่าๆ
“อือ น่ารัก หมูหยองมันซนดีเนอะ” ผมพูดตอบพี่ทิตย์ไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่ อุ่นนั่นแหละน่ารัก”
หือ?
ผมละสายตาจากเหล่าหมาๆแล้วหันไปมองหน้าพี่ทิตย์แทบจะทันทีเพราะประโยคชวนเข้าใจผิดขนาดนั้น ไม่รู้ว่าพี่ทิตย์เมาแดดหรือว่าพูดผิดหรือว่าจะแค่ล้อผมเล่น แต่มันจะอะไรก็ตามทีเถอะ ทำไมจะต้องมาจ้องผมในระยะใกล้ขนาดนี้ด้วยวะครับ
“เมาแดดหรอ” ผมมุ่ยหน้าแล้วบ่นออกมาพร้อมส่ายหน้าเบาๆ เอาขนมใส่ปากเที่ยงคืนที่แทบจะมาล้วงถุงกินเพราะผมป้อนไม่ทันใจมันครับ
“เปล่า อุ่นจัดฟันแล้วน่ารักดี” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆอย่างเบื่อหน่าย
“หน้าเหมือนตุ๊ดก็บอกตรงๆก็ได้มั้ง” ไอ้เหี้ยพี่รหัสมันยังพูดเลยครับว่าหน้าผมเหมือนตุ๊ด ตุ๊ดหัวเกรียนม.ต้นซะด้วยสิเนี่ย เลือกสีผิดชีวิตอาภัพนะครับ แต่ผมว่าจริงๆสีอะไรหน้าผมก็เป็นแบบนี้อยู่ดี เกิดเป็นเด็กเตี้ยก็แบบนี้ล่ะครับ
“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเว้ย น่ารักก็คือน่ารักดีวะ” เอ้า แล้วจะมาขึ้นเสียงใส่ผมทำไมก็ไม่รู้ ผมก็แต่มองหน้าพี่ทิตย์อย่างงงๆ ความเงียบก็ก่อขึ้นอีกครั้งโดยที่พี่ทิตย์นั่งหันหน้าไปทางอื่นแต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหนครับ ผมเอียงคออย่างนึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีกนั่นล่ะครับ แต่อยู่ๆเสียงถอนหายใจของพี่ทิตย์ก็เรียกให้ผมหันไปมอง
“เป็นอะไรเนี่ย” ผมถามขึ้นทำลายความเงียบ พี่ทิตย์หันกลับมามองผมเหมือนพิจารณาอะไรสักอย่างอยู่ครับ ผมก็ได้แต่ขมวดคิ้วแน่น
“มีคนมาจีบอุ่นบ้างไหม พี่ว่าอุ่นดูเด่นขึ้นนะ” ผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรและไม่รู้ว่าพี่ทิตย์จะถามทำไม อยากรู้ไปเพื่ออะไร แล้วผมไปเด่นขึ้นตอนไหน มีแต่คำถามมากมายผุดในหัวผมแต่ผมก็แสดงออกมาโดยการนั่งลูบหัวหมูหยองและป้อนขนมเที่ยงคืน
“ตกลงมีไหม” พี่ทิตย์ถามย้ำอีกครั้งผมเลยส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ
“งั้นพี่…”
“เอ้า นักเรียนไปได้ค่ะ ไปรอเรียนคาบต่อไปได้แล้ว” เสียงแมนๆของอาจารย์สอนพละดังขั้นเรียกความสนใจผมไปอีกครั้งครับ คนอื่นเริ่มลุกกันหมดผมเลยขยี้หัวหมูหยองจนมันตื่นมันเลยลุกออกจากตักผมเดินเข้าไปหาพี่นักบอลแทน
“พี่ทิตย์พูดอะไรนะ” ผมลุกขึ้นยืนแล้วก้มหน้าถามพี่ทิตย์ที่ยังนั่งอยู่กับพื้น พี่ทิตย์จิ๊ปากออกมาแล้วลุกขึ้นยืนอยู่ข้างผม
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก” พี่ทิตย์พูดออกมาเสียงแผ่ว ผมพยักหน้าเข้าใจก็จริงครับแต่ในหัวผมก็สงสัยว่าไอ้ที่ไม่สำคัญที่ว่าน่ะมันคืออะไร แต่มันคงไม่สำคัญจริงๆนั่นล่ะครับพี่ทิตย์ถึงไม่พูดอะไรอีก
“วันนี้พี่รีบไปเรียนพิเศษต่อ พี่คืนของวันนี้เลยแล้วกัน” ผมพยักหน้างึกงักแล้วยื่นมือออกไปแบรอรับแต่สิ่งที่ได้มาคือมือใหญ่ๆของพี่ทิตย์ที่ทาบลงมากับมือผม ผมเม้มปากแน่นก่อนจะยิ้มออกมาอย่างรู้สึกแปลกๆ พี่ทิตย์ก็ยิ้มตามผมก่อนที่จะเอามือออกไปล้วงกระเป๋ากางเกง
“ล้อเล่นน่า อันนี้สิ แต่พี่ไม่รู้ว่าอุ่นกินได้ไหม เจ็บฟันหรือเปล่า เมื่อเช้าอุ่นปวดฟันใช่ไหม พี่ขอโทษนะ” พี่ทิตย์เอาอะไรบางอย่างใส่มือผมครับ ผมแบมือออกดูก็พบกับโชกี้โชกี้ห้าอันห้าบาทพอดีครับ ผมทวนคำพูดยืดยาวขอพี่ทิตย์อยู่ในใจว่าพี่เขาถามอะไรบ้างก่อนที่จะตอบ
“กินได้ เอามือบีบเอา อือ… เมื่อเช้าโคตรจะระบมอ่ะ เจ็บข้างแก้มด้วยเหล็กมันทิ่มตลอดเลย” ผมบ่นเหมือนพึมพำกับตัวเองแล้วยัดโชกี้ห้าอันของพี่ทิตย์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
“พี่ขอโทษจริงๆนะ” พิ่ทิตย์ทำหน้ารู้สึกผิดครับผมเลยโบกมือไปมาเบาๆให้รู้ว่าไม่เป็นไร
“แล้วพรุ่งนี้พี่จะคืนยังไง” ผมเลิกคิ้วถามแล้วยืนรอคำตอบ พรุ่งนี้มันวันเสาร์ครับ
“นั่นสิ พี่คงไม่เจออุ่นหรอก ไว้วันจันทร์แล้วกัน” ผมส่งเสียงเออออเบาๆแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็เงียบครับ ทุกอย่างเงียบลงอีกครั้งโดยที่ไม่มีใครขยับไปไหน แต่ผมว่ามันใกล้หมดเวลามากแล้วเลยทำท่าว่าจะโบกมือลาพี่ทิตย์
“ไม่สิ พรุ่งนี้อุ่นว่างหรือเปล่า? วันอาทิตย์ก็ได้”
“ทำไมเหรอ?”
“กำลังชวนไปเที่ยวอยู่ คิดเร็วๆหน่อยได้ไหม” โอ้โห นี่ผมผิดใช่ไหมครับบอกผมที พี่ทิตย์ถอนหายใจออกมาพร้อมมองผมยิ้มๆ ผมนึกทวนดูว่าพรุ่งนี้หรือวันอาทิตย์ผมมีอะไรที่ต้องทำหรือเปล่า
“ถ้าพรุ่งนี้ผมเรียนพิเศษอยู่แถวนี้แหละ แต่ถ้าวันอาทิตย์ก็คงว่าง” พี่ทิตย์พยักหน้ารับแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อจนผมงง
“งั้นพี่ว่าวันอาทิตย์ดีกว่า”
“แล้วจะไปไหน”
“ไม่รู้” เอ้า ชวนชาวบ้านเขาแล้วไม่รู้ว่าจะชวนไปไหนเนี่ยนะ ผมยกมือขี้นเกาหัวแกรกๆให้กับความงงของพี่ทิตย์ครับ
“เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้” ผมพยักหน้ารับคำเฉยเลยครับ แล้วนี่ผมไปตกลงตอนไหนวะ
“งั้นผมไปเรียนแล้วนะ เอ้านี่” ผมยื่นขวดน้ำที่ยังมีน้ำเหลืออยู่ค่อนขวดให้พี่ทิตย์ครับแต่พี่ทิตย์ดันมันกลับมาให้ผม ผมเลยเอียงคอด้วยความสงสัย
“พี่ซื้อมาให้อุ่นนั่นแหละ”
“อ๋อเหรอ ขอบคุณนะพี่ทิตย์” ผมทำหน้าไม่เชื่อแต่ก็หน้าด้านถือขวดน้ำไว้กับตัวครับ
“พี่ไปแล้วนะ แล้วเจอกันครับ” ผมพยักหน้ารับแล้วหันหลังเดินแยกทางกับพี่ทิตย์ไปที่วางกระเป๋าตัวเอง
ผมหยิบโชกี้โชกี้ออกมาจากกระเป๋าอันหนึ่งแล้วพิจารณามัน ผมว่ามันเป็นช็อคโกแล็ตที่กินลำบากมากครับแต่ก็อร่อยดี ถ้าผมใช้ฟันรูดมันอาจระบม แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้งผมจะได้ชินสักทีไงครับ แล้วก็ไหนๆพี่ทิตย์ก็อุตส่าห์ซื้อมาแล้วไม่กินก็เสียดายแย่เลยครับ ผมบอกว่ากินได้ไปแล้วด้วยสิเนอะ
แต่จริงๆมันก็เก็บได้นี่หว่า เก็บไว้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีรุ่นพี่โคตรอินดี้มายืมเงินแล้วคืนด้วยของเซ่นแบบนี้ ก็ดี เก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ดีมั้งครับ
ผมยัดมันเก็บไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิมก่อนจะหลุดยิ้มออกมานิดหน่อย ผมไม่รู้เลยว่ามีคนแอบมองผมยิ้มแล้วกำลังยกยิ้มตามอยู่ ไม่รู้เลยจริงๆ
คนน่ารักมักใจร้าย... ยกเว้นคุณ
___________________________________________________________________________
กรี๊ดดดดดดดดดด ครึ่งเรื่องแล้ว มาช้าและดึกราวกับพรุ่งนี้ไม่มีเรียนเลยค่ะ

ขอบคุณทุกๆบวกเป็ด ทุกๆคอมเมนท์ที่มีให้กันนะคะ ขอบคุณจริงๆนะเออ เป็นกำลังใจชั้นดีเลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ ฝากแท็ค #น้องครับยืมตังหน่อย ด้วยนะคะ
