Last Centimeters. “Memorable” (Special) ‘ถ้าเกิดวันนึง…เตียงๆนี้ไม่มีชยาอยู่แล้ว’
‘กวินทร์…ช่วยอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขได้ไหม..’ ..มีคนเคยบอกกับผมว่า ‘เวลา’ เป็นสิ่งที่โหดร้าย การทำงานของมันจะพัดพาเอาทุกสิ่งทุกอย่างไป ..ผมไม่เคยปักใจเชื่อสิ่งที่คนๆนั้นบอกเลย จนกระทั่งวันนี้…ผมได้รู้ซึ้งแล้วว่า ‘เวลา’ นั้นโหดร้ายมากกว่าที่ใครคนนั้นเคยพูดไว้เสียอีก
ตอนนี้พึ่งจะเก้าโมงกว่าๆ ท้องฟ้าข้างบนก็สว่างสดใสมีสีครามดูๆแล้วก็ควรจะสดชื่น แต่ทำไมผมถึงไม่รู้สึกแบบนั้นเลย ..ทำไมผมถึงสลัดใบหน้าหวานของชยาออกไปจากหัวไม่ได้เลย…
ผมก้มมองกระดาษแข็งๆสองใบโง่ๆที่อยู่ในมือ บนกระดาษมีตัวอักษรทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีตัวเลขบอกกำหนดเวลาที่จะต้องใช้มันซึ่งก็คือตอนบ่ายของวันนี้ ..ใช่แล้วครับ มันคือตั๋วเครื่องบิน
ตั๋วเครื่องบินที่ระบุที่หมายว่าจะไปภูเก็ต จำนวนสองใบ ซึ่งผมซื้อจองเอาไว้ตั้งแต่สามสี่วันก่อน จำได้ดีเลยว่าความรู้สึกตอนที่ตั๋วสองใบนี้มาอยู่ในมือผมรู้สึกดีแค่ไหน ในหัวจินตนาการไปแล้วว่าพอไปถึงนู่นแล้วจะทำอะไรบ้าง ..เช็คอินโรงแรม ..ออกไปหาอะไรกินกับชยา ..ไปทะเล อาจจะเดินเล่นกันเลียบแนวชายหาดพร้อมกับพูดคุยเรื่องราวสัพเพเหระ พอท้องฟ้าเริ่มทอแสงสีส้มออกมาก็ไปหามุมสงบๆแล้วนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน ..ชยาซบลงที่ไหล่ผม ..เกลียวคลื่นน้อยๆสาดซัดเอื่อยๆถูกปลายเท้าของพวกเรา และหลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ผมมั่นใจเลยว่าชยาจะต้องบ่นว่าหิวแน่ๆ เพราะงั้นก็เลยวางแพลนไว้ว่าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพาคุณเขาไปดินเนอร์ด้วยกันที่ร้านอาหารที่ไหนซักแห่ง
แต่ว่า..ฮ่าๆ มันคง..ไม่เกิดขึ้นแล้วล่ะ
รวมถึงตั๋วสองใบนี้ ผมก็คงไม่ได้ใช้มันแล้วเช่นกัน
สิ่งที่ผมทำได้ก็คงจะมีแค่ก้มมองที่ตั๋วใบเดิม นั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดิมที่ผมกับชยาเคยใช้มันดู The Notebook ด้วยกันด้วยความรู้สึกที่ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าผมรู้สึก…
คิดถึงคุณจังเลยครับ..ชยา
ผมคิดถึงคุณ..
เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่เป็นผมที่เป็นคนจากไป...ทำไมถึงเป็นชยา ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย คนที่ผิดจริงๆและเป็นต้นเหตุของทุกสิ่งทุกอย่างก็คือผม ผมทั้งนั้น ผมคนเดียวเลย …ทำไมถึงไม่เป็นผมที่ต้องถูกทำร้าย …ทำไมถึงไม่เป็นผมที่ต้องจากไป
แต่ตอนนี้ผมก็ได้รู้แล้วล่ะว่าทำไม สิ่งที่ผมได้รับถ้าพระเจ้ายังคงเฝ้ามองอยู่ก็คงแอบยิ้มเยาะอยู่ในใจ ..เพราะการมีชีวิตอยู่ในขณะที่คนที่เรารักที่สุดในชีวิตจากไปแล้ว มันเจ็บปวด และทรมานยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
..ไม่ว่าจะมองไปทางไหนหรือคิดจะทำอะไร ทุกๆตารางเซนติเมตรในห้องนี้ก็มีแต่กลิ่นอายของชยา ..รูปถ่ายใบเก่า ..แปรงสีฟันของเขา ..เสื้อผ้าของเขา ทุกๆอย่างที่เราเคยใช้ร่วมกัน เตียงนอนที่ผมกับเขาเคยมอบไออุ่นให้กัน ตอนนี้ก็มีแค่ผมกับพื้นที่อีกครึ่งเตียงที่มันว่างเปล่า..
สิ่งที่ชยาทิ้งไว้ให้ผมมีเพียงแค่ความทรงจำอันแสนหวานที่ผมไม่มีทางลืมมันได้ลง
..น้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าไหลลงพาดผ่านสองข้างแก้มของผมโดยไม่อาจกลั้นไว้ได้อีก ผมปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายฟ้าอายดิน ร้องหนักจนร่างทั้งร่างไหลลงไปกองอยู่ที่พื้นห้อง ถึงจะพยายามข่มตาให้หลับ พยายามเอาตัวเองหลบหนีไปจากความโศกเศร้าแต่ก็เปล่าประโยชน์
..ผมพยายามมาแล้วทั้งหมด พยายามที่จะหัวเราะ พยายามที่จะยิ้ม ..แต่ทุกๆรอยยิ้มของผมมันก็แทบจะมองไม่เห็นเลย เม็ดน้ำตาโง่ๆนี่มันบดบังไปเสียหมด
..ผมไม่อยากอยู่แล้ว ..ไม่อยากทนอยู่กับความเจ็บปวดนี้อีกต่อไปแล้ว
พอจะเป็นไปได้ไหมว่าที่ผ่านมาทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นแค่ความฝัน ..จะเป็นไปได้ไหมที่ผมแค่ฝันไปเท่านั้น ผมแค่..ฝัน
เวลาผ่านไปจนท้องฟ้าข้างนอกเริ่มเป็นสีทะมึนไร้แสงสว่าง ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งในความมืด ใช้เวลาอยู่ชั่วขณะสำหรับการปรับสายตาให้เข้ากับแสง ผมกระพริบตาอยู่หลายครั้ง ก่อนจะจ้องมองไปบนเพดานอย่างไร้จุดหมายเช่นเคยเมื่อรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ใช่ความฝัน ผมพยายามใช้แขนข้างนึงเพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแต่กว่าจะทำได้ก็ยากลำบาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเรี่ยวแรงของผมมันหายไปไหนหมด รู้แค่ว่าตัวมันเบาๆเหมือนไร้น้ำหนัก โลกทั้งใบที่เห็นดูโคลงเคลงไม่สมดุลกันเลยซักนิด แต่ก็..ช่างเถอะ คงจะดีแล้วแหละ เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆอีกซักวันสองวันผมจะได้ตามชยาไปซักที
ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะพาสารร่างของตัวเองมาหยุดอยู่ที่โซนครัว สายตามองหาอะไรที่พอจะยัดลงท้องเพื่อประทังชีวิตไปได้บ้าง แต่ผมกลับไม่ได้สนใจสิ่งที่พอจะเป็นอาหารเลยเมื่อสายตาไปสะดุดเข้ากับแผ่นโน้ตสีส้มที่ติดอยู่บนตู้เย็น
ผมหยิบมันขึ้นมาอ่านในระดับสายตา และทันทีที่สมองประมวลผมตัวอักษรที่ผมเห็นเป็นคำๆได้สำเร็จเม็ดน้ำตาก็รื้นเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง
…ทำไมก่อนหน้านี้ผมถึงไม่นึกสนใจความเป็นห่วงเป็นใยเล็กๆน้อยๆของชยาเลย ..ทำไมผมถึงทิ้งขว้างมันไปราวกับมันเป็นสิ่งไร้ค่า..
‘กวินทร์ครับ ข้างในมีของโปรดของคุณอยู่ ถ้าตื่นแล้วเอามาเวฟกินได้เลยนะครับ กินข้าวให้ตรงเวลาด้วย

’
..ทำไมผมถึงพึ่งมาเห็นค่าเอาในวันที่ไม่มีเขาอยู่บนโลกนี้แล้วแบบนี้…
น้ำตาเม็ดหนึ่งไหลพาดผ่านข้างแก้มร่วงลงสู่พื้นอย่างห้ามไม่ได้ มือข้างนึงนำกระดาษไปนั้นมาแนบอก ก่อนจะใช้แขนทั้งสองกอดไออุ่นจากความห่วงใยของชยาผ่านกระดาษใบนั้นอย่างหวงแหน
“ขอโทษนะชยา.. กวินทร์ขอโทษ..” คำขอโทษอันไร้ประโยชน์ถูกพูดออกไปซ้ำๆโดยที่ไม่มีใครรับฟัง
…ขอโทษสำหรับทุกๆอย่าง..
ขอโทษที่ผม…ทำแบบนี้
ฉึก!
“…” เรียวมีดปอกผลไม้แหลมๆถูกผมกดมันลงที่ข้อมือข้างขวา ของเหลวสีแดงสดซึมออกมาก่อนจะไหลหยดลงที่พื้น ผมกัดฟันแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดที่กำลังรู้สึกก่อนจะทรุดตัวลงตรงนั้นเมื่อเรียวขาทั้งสองไม่มีแรงพอที่จะรับน้ำหนักใดๆได้อีก เลือดยังคงไหลออกมาจากรอยแผลที่ข้อมือไม่หยุดจนเสื้อที่ใส่อยู่เปื้อนเป็นวงกว้าง
สายตาของผมมองที่ข้อมือตัวเองนิ่งๆอย่างไม่รู้สึกนึกกลัวอะไร ในหัวขาวโพลน คิดแค่เพียงว่าอีกไม่นานผมก็จะได้ตามชยาไปแล้ว จริงๆผมรู้ตัวนะว่าตัวเองกำลังทำอะไร ผมมีสติ รับรู้ดีทุกอย่าง รู้ด้วยว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ได้ทำให้ผมได้ไปเจอชยาอย่างที่คิด แถมยังเป็นการกระทำที่ไร้ค่าสุดๆ
คงเพราะ..ผมเหนื่อยแล้วล่ะมั้ง
..เหนื่อยที่จะทำเป็นเข้มแข็ง เหนื่อยที่จะแบกรับเรื่องราวทั้งหมดนี่ไว้คนเดียว หรือไม่บางทีผมก็อาจจะแค่ขี้ขลาดเกินไปที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปพร้อมกับตราบาปจากสิ่งที่ผมทำทุกอย่าง ในเมื่อมีชีวิตอยู่ผมก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ไม่ได้ทำให้ชยากลับมามีชีวิตได้ เพราะงั้นก็สมควรแล้วแหละที่ผมจะหายไปซะ
..อย่างน้อยๆเลยก็เพื่อชดใช้กับสิ่งที่ผมเคยกระทำ
“..อึก..” ความเจ็บปวดเริ่มหนักหน่วงขึ้นจนยากที่ผมจะทนไหว มือขวาที่ถูกกรีดสีเริ่มซีดเซียว ภาพที่เห็นเบื้องหน้าสลัวเบลอจนจับจุดไม่ได้อีกต่อไปว่าอะไรเป็นอะไร เช่นเดียวกันกับสติสัมปชัญญะที่เลือนลางลงไปทุกขณะ แต่ทว่าก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบนั้นภาพใบหน้าหวานที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของใครคนหนึ่งก็ปรากฎขึ้นมาในหัวพร้อมกับน้ำเสียงนุ่มๆที่ดังเข้ามาในโสตประสาท
‘คุณรู้มั้ย…ผมมีความสุขมากๆเลยนะที่ได้อยู่เคียงข้างคุณ’
‘เพราะฉะนั้นแล้ว…คุณช่วยมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไหมครับ ถือว่า..ทำเพื่อผม’
‘อยู่ต่อไปนะครับกวินทร์’ ปัง!
เสียงเปิดประตูดังขึ้นกระตุกทุกระบบของร่างกายให้กลับมาดิ้นรนทำงานต่ออีกครั้งหนึ่ง ใครคนหนึ่งตะโกนเรียกผมด้วยน้ำเสียงร้อนรน ก่อนจะพุ่งตัวมาหาผมอย่างเร็วรี่เมื่อหันมาทางห้องครัว
“ไอ้เชี่ย มึงทำอะไรของมึงเนี่ย!” ไอ้อาร์ตนั่นเอง สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย เดาว่าตอนนี้คงจะเป็นห่วงผมแน่ๆ อยากตอบมันไปเหมือนกันแต่รู้ตัวอีกทีเสียงที่พยายามเปล่งออกไปก็ไม่มีเสียแล้ว
“กวินทร์ กูรู้ว่ามึงกำลังรู้สึกแย่แค่ไหน แต่มึงไม่ควรทำแบบนี้เลยเว้ย..” อ่า..ผมรู้ ผมรู้อยู่แล้วว่าไม่ควรทำ แต่ผมไม่ไหวแล้ว..ไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว..
“ก..กู เหนื่อย..” ผมพูดออกไปเสียงเบาหวิว
“…ถ้ามึงได้อ่านสมุดโน้ตเล่มนี้มึงจะไม่มีทางทำแบบนี้เลยกวินทร์” ไอ้อาร์ตชูสมุดโน้ตเล่มเก่าเล่มเดิมขึ้นมาในมือ
“…”
“ถ้ามึงได้รู้ว่าชยารักมึงขนาดไหน มึงจะไม่มีทางทิ้งขว้างชีวิตตัวเองแบบนี้!”
“…”
“ไปโรงพยาบาลกับกูเดี๋ยวนี้!” ผม..พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ทำหน้าเหลอหลาน้ำตาอาบสองแก้มอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่อีกครั้งสำหรับการกระทำโง่ๆที่ผมพึ่งทำลงไป
ไม่นานนักเจ้าตัวก็พาผมมาจนถึงมือหมอ ใช้เวลาทำการรักษาอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงผลสรุปที่ได้ก็ออกมา ก็คือว่าผมต้องแอดมิตอยู่ที่นี่เพราะต้องให้เลือด และกลัวว่าถ้ากลับไปผมจะเป็นลม เพราะงั้นตอนนี้สารร่างของผมจึงอยู่ที่เตียงผู้ป่วยพร้อมด้วยสายที่โยงมาจากถุงเลือด ข้างๆเตียงมีไอ้อาร์ตนั่งอยู่ สายตาที่มันมองมาทางผมนี่เหมือนพร้อมจะกินเลือดกินเนื้อกันอยู่ตลอดเวลา
“กวินทร์”
“…” ผมพยักหน้าตอบรับ หันไปตามเสียงเรียกพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอไปอย่างหวาดๆ
“ก…กูขอโทษว่ะ” แต่ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ได้ดุด่ากันอย่างที่ผมคิด มันกลับขอโทษ..ขอโทษที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขอโทษเรื่องอะไร “ขอโทษที่ไม่ได้ไปอยู่เป็นเพื่อนมึงทั้งๆที่รู้ว่ามึงต้องเผชิญอยู่กับเรื่องนี้ ขอโทษที่ปล่อยให้มึงอยู่คนเดียว”
“…”
“กูรู้ว่ามึงเสียใจขนาดไหนกับเรื่องที่เกิดขึ้น กูรู้ว่ามึงมืดแปดด้านไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปยังไง หมดสิ้นทุกอย่าง เหนื่อย เบื่อ อยากหายไป..”
“…”
“แต่กวินทร์…มึงก็รู้ว่าชีวิตมึงไม่ได้มีอยู่แค่นั้น อันนี้กูไม่ได้หมายความในแง่ลบอะไรนะเว้ย แต่แค่จะบอกว่ามึงยังมีกู มึงยังมีเพื่อน มึงยังมีพ่อมีแม่ มีสังคม มีอนาคตที่ยังรอมึงอยู่ ..ทุกๆคนเป็นห่วงมึงกันทั้งนั้น”
“…”
“ทุกๆคนเขารอวันที่มึงจะกลับไปยิ้ม รอวันที่มึงจะกลับไปหัวเราะได้เหมือนเดิม รอวันที่ไอ้กวินทร์จะกลับไปเป็นไอ้กวินทร์ของพวกกูได้เหมือนเดิม..”
“…”
“มีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะนะเพื่อน ไม่ต้องเพื่อกูหรือใครทั้งนั้นก็ได้ แต่เพื่อตัวมึงเอง”
“…” ..บางที ผมอาจจะเผลอมองข้ามตรงนี้ไปจริงๆอย่างที่ไอ้อาร์ตว่า ผมลืมพ่อลืมแม่ ลืมเพื่อน ลืมคนสำคัญของผมทุกคนไปได้ยังไงกัน ทั้งๆที่ทุกๆคนต่างก็กำลังรอให้ผมกลับไปเป็นผมคนเดิมอยู่แท้ๆ..
“ชยาจะต้องมีความสุขแน่ๆ ถ้ามึงใช้ชีวิตอยู่ต่อไป” นั่นสินะ.. เขาเฝ้าวอนขอผมมาตลอดให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป “ถือว่าทำเพื่อชยาก็ได้นะเพื่อน”
“…” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแต่ก้มมองดูผ้าพันแผลที่พันอยู่ที่มือข้างขวาอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์ ..นี่ผมเผลอทำให้ชยาต้องเสียใจอีกแล้วใช่มั้ย
‘ขอแค่คุณมีชีวิตอยู่ต่อไป ผมก็ไม่เสียใจแล้ว’
เวลาผ่านไปหลายวันผมจึงได้กลับมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านอีกครั้งหนึ่ง ไอ้อาร์ตดื้อดึงจะอยู่กับผมให้ได้เลยเพราะมันกลัวผมจะเผลอทำอะไรโง่ๆลงไปอีก แต่ว่าผมก็ไล่มันกลับไปแล้วแหละ ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้มันอยู่หรืออะไร แต่ตัวมันเองก็อดหลับอดนอนมาหลายวันแล้วเหมือนกัน เพราะงั้นผมเลยบอกมันไปว่า ‘ก่อนมึงจะมาดูแลกู มึงไปดูแลตัวเองก่อนเถอะครับเพื่อน’ มันเลยยอมกลับ คือตลก
ส่วนแผลที่ข้อมือข้างขวาตอนนี้ก็ดีขึ้นบ้างแล้วล่ะครับ ไม่มีเลือดซึมออกมาแล้ว แต่ยังเป็นสะเก็ดอยู่ ถ้าเผลอไปโดนอะไรชนเข้านิดๆหน่อยๆก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาจนร้องโอดโอยเลยทีเดียว เพราะงั้นช่วงนี้ผมเลยใช้ชีวิตแบบโคตรระวังตัวเป็นพิเศษเลย
วันนี้เป็นวันเสาร์ครับ อากาศข้างนอกดูสดใสมากๆ ท้องฟ้าสีครามเบื้องบนโปร่ง มีเมฆก้อนกลมอยู่บ้างประปราย เพราะงั้นผมเลยเลือกที่จะปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างรับลมธรรมชาติแทน เกลียวม่านไหวสะบัดไปตามแรงลมราวกับกำลังเต้นระบำ ดูๆแล้วก็สบายตาดีเหมือนกัน
ผมพาตัวเองมานั่งที่โซฟาตัวเดิม ข้างหน้าที่เป็นโต๊ะเตี้ยมีกล่องลังวางอยู่ ซึ่งไอ้อาร์ตมันเอามาให้ผมในวันที่ผมกรีดแขนตัวเองนั่นแหละครับ มันบอกว่าพี่ภูฝากมาให้ วันนั้นจริงๆมันเคาะประตูอยู่นานแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาเลย ใจมันก็สั่นๆกลัวว่าผมจะทำอะไรไม่ดีลงไปอยู่แล้ว เพราะงั้นมันเลยลงไปหานิติให้เอากุญแจมาเปิดห้องของผม ไอ้อาร์ตบอกว่าวันนั้นชุลมุนกันมากๆ แต่ก็ผ่านมาได้ รวมถึงตัวผมเองด้วยเหมือนกัน จากวันนั้นที่เจ็บปวดทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อก็ผ่านมันมาได้ด้วยดีจนมาถึงวันนี้
แต่ก็ใช่ว่าทุกวันนี้ผมจะมีความสุขหรอกนะครับ ตอนนี้ใจนึงก็ยังคิดถึงชยาอยู่ตลอด รู้สึกเศร้าอยู่บ้าง ร้องไห้บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ยังสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อยู่
“…” ผมหันกลับมาสนใจกล่องลังที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ขยับมันมาใกล้ๆตัว ก่อนจะใช้มือซ้ายนำสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา
“…” เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อนนะ นี่มัน..ของๆชยาทั้งนั้นเลย.. ทั้งรูปถ่าย ชุดมาสค็อตหมี ป๊อปอัพวันเกิดที่ผมเคยทำให้เขา สมุดโน้ตของเขา และ..กล่องแหวนแต่งงานของเขา..
ผมหยิบของแต่ละชิ้นออกมาอย่างทะนุถนอม รอยยิ้มเองก็ถูกคลี่ออกมาแต่งแต้มใบหน้าของผม แต่ขณะเดียวกันน้ำตาเม็ดใสก็ทำท่าจะไหลลงมาอีกแล้ว
กระดาษโน้ตหลายแผ่นร่วงหล่นลงมาเมื่อผมหยิบสมุดโน้ตขึ้นมา ตัวอักษรบนกระดาษแต่ละแผ่นเขียนว่า ‘ขอให้คุณมีความสุขมากๆ’ ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดมันจะมีช่วงนึงที่ผมมีปัญหากับครอบครัวนิดหน่อย เจ้าตัวเล็กเขาเป็นห่วงเพราะเห็นสีหน้าผมดูเศร้าๆก็เลยเขียนโน้ตนี้ติดอยู่โต๊ะข้างๆอาหารเช้าทุกวันเลย
โคตรน่ารัก อยากกอดเจ้าของลายมือนี้จังเลยครับ...ฮ่าๆ
แต่เดี๋ยวนะ.. จำได้ว่าสมุดโน้ตนี่มันไม่เคยมีกระดาษโน้ตแทรกไว้เลยนี่หว่า แล้วทำไมถึงมีกระดาษร่วงลงมาได้…?
หรือว่า..
‘…ถ้ามึงได้อ่านสมุดโน้ตเล่มนี้มึงจะไม่มีทางทำแบบนี้เลยกวินทร์’
เจ้าตัวเล็กของผม เขาเขียนอะไรเพิ่มเติมลงไปอีก..?