คืนครั้งที4 กุหลาบหรือจะสู้ ☻✿
“แก กระต่ายกับพี่เนยจะตบกันหรอ” ผมละมือจากการจดสิ่งที่ครูสอนตรงหน้าแล้วฟังเพื่อนด้านหลังผมที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมา พี่เนยคือใครผมไม่รู้จักหรอกครับ แล้วก็คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับผมสักเท่าไหร่ผมเลยเงยหน้าขึ้นจดบนกระดานต่อ แต่เสียงกระซิบพูดคุยด้านหลังก็ยังดังไม่หยุด
“พี่เนยเขาเลิกกับพี่อาทิตย์นานแล้วไม่ใช่เหรอ อะไรกันก็ไม่รู้” บุคคลที่สามที่เข้ามาทำให้ผมวางปากกาลงจนได้ครับ พี่เนยคงเป็นแฟนเก่าพี่ทิตย์ล่ะมั้งเนี่ย แล้วใช่เรื่องที่ผมจะต้องมาแอบฟังเพื่อนคุยกันไหมครับ เออ ผมก็ว่าไม่
“โอ๊ยแก หล่อแบบนั้นเป็นฉันก็อยากได้คืนปะวะ” ผมแอบเบ้ปากออกมาอย่างนึกหมั่นไส้ครับ
“ข่าวมั่วแล้ว ไม่ดูเฟสพี่เนยเลยหรอแก” วงคุยเริ่มขยายครับ ตอนแรกกระซิบกันอยู่หลังผมแค่สองคน ไปๆมาๆคุยกันทั้งแถวหลังเลย สงสัยจะเป็นประเด็นจริงๆ แล้วคุยกันไม่ใช่เบาๆเลยนะครับ ดีที่ว่ากระต่ายไปเข้าห้องน้ำอยู่
“เฟสว่าไงอ่ะแก” ยอมรับว่าแอบรำคาญแต่ก็ฟังเขาครับ
“จำไม่ได้ว่ะ แต่พี่เนยบอกไม่ได้อยากได้พี่อาทิตย์คืนนะ” ผมพยักหน้างึกงักติดตามเนื้อเรื่องต่อไปครับ ชักอยากรู้แล้วสิว่าพี่ทิตย์จะเลือกใคร อยากเห็นหน้าพี่เนยจังครับ ไม่รู้ว่าอยู่ม.ไหน แต่กระต่ายก็น่ารักนะครับถึงอาจจะดูแรไปบ้างแต่ก็ดูโดดเด่นดีถ้าเทียบกับคนอื่นๆในชั้น
“ไหนฉันดูบ้าง เฟสชื่ออะไรวะ” ได้โอกาสแล้วครับ โอ๊ย ผมล่ะเกลียดตัวเองจริงๆจะไปยุ่งกับเรื่องของชาวบ้านทำไมก็ไม่รู้ แต่ก็ทำไมก็ไม่รู้อีกนั้นแหละครับ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นเลื่อนเปิดสามจีไว้พร้อมหาเฟสพี่เนยตามเพื่อนในห้องที่คุยกันอย่างสนุกปาก
“เนย ณัชนิฐ นั่นแหละๆ ตรงตัวเลย” ผมลองกดตามชื่อภาษาอังกฤษที่คิดไว้ในหัวก็เจอจริงๆ มือผมเลื่อนดูรูปโปรไฟล์อย่างเคยชิน สวยครับ ผมเคยเห็นพี่เขาอยู่เหมือนกัน ตัวจริงโคตรขาวยิ้มน่ารักมากๆด้วยครับ บุคลิกภายนอกแตกต่างจากกระต่ายจริงๆ แล้วพี่เขาก็อยู่ม.6แล้วด้วยครับ
Neoy natchanitกูไม่ชอบมึงไม่ได้หมายความว่ากูอยากได้มันคืน กูยังคุยกับมันไม่ได้หมายความว่ากูกับมันยังรักกัน รำคาญว่ะ มันไม่ได้ชอบมึงนี่ยังไม่รู้ตัวอีกหรอ
“โห….” ผมเผลอหลุดปากออกมาเบาๆเพราะสเตตัสล่าสุดของพี่เนยครับ ผมรู้สึกว่าสไตล์การพิมพ์มันไม่สอดคล้องกับหน้าพี่เนยเลยสักนิดครับแต่ก็นะ ตรงๆดีเหมือนกันครับ ผู้หญิงแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ
“โอ๊ยพี่อาทิตย์ไลค์ตัสนี้ด้วยอ่ะแกสงสัยจะเรื่องจริง เออ กระต่ายก็ใช่ย่อยนะแก” เอาล่ะสิครับ เริ่มวกมาที่เรื่องกระต่ายแล้ว ผมพอจะเดาออกว่าเป็นสเตตัสในเฟสเหมือนกันแน่ๆเลยกดเข้าเฟสกระต่ายอย่างรวดเร็ว
Kataii tamonwanหรอคะ แหม คิดว่าอยากได้คืนมาก (:
ชัดเจนเลยครับถ้าจะตั้งต่อกันขนาดนี้ไปคอมเมนต์ในโพสพี่เนยเลยยังดีกว่าครับ แต่ก็นะ ผมไม่เข้าใจผู้หญิงหรอก ผมสไลด์โทรศัพท์ไว้ใต้เก๊ะก่อนที่จะหยิบปากกาขึ้นมาจดบนกระดานต่อ
“แก อุ่นนี่มันก็สนิทกับพี่อาทิตย์ไม่ใช่หรอ ถามมันดิ”
“แกอ่ะถาม”
“แกนั่นแหละ เป่ายิงฉุบเลยไหม” แล้วเสียงหัวเราะคิกคักก็ดังขึ้นมาต่อเนื่องจนกระทั่งกระต่ายเข้ามาในห้องก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นมาอีก แล้วผมก็ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่
มีแต่คนคิดว่าพี่ทิตย์สนิทกับผมไม่ก็ผมสนิทกับพี่ทิตย์ทั้งๆที่แม่งไม่จริงเลยสักนิดครับ ผมไม่ได้รู้สึกว่าสนิทกับพี่ทิตย์เล๊ย อาจเป็นเพราะเขาไม่รู้กันว่าพี่ทิตย์มายืมตังผมแล้วคืนทีละห้าบาทแบบนี้ ถ้าคนอื่นรู้เนี่ยพี่เขาจะเสียภาพพจน์ไหมครับ มันตลกจริงๆนะเนี่ย
“วันนี้จบที่ตรงนี้แล้วกันเนอะ จดเสร็จแล้วส่งสมุดด้วยนะคะ วันนี้เวรเลขที่เท่าไหร่ดี” ผมเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ที่กำลังสุ่มเลขที่คนเอาสมุดไปส่งไว้ที่โต๊ะหมวดคณิต ซึ่งมันไกลครับแล้วก็ไม่อยากให้เกี่ยงกันครูเลยขอสุ่มเอง
“เลขที่เก้าค่ะ” ผมเม้มปากเข้าหากันทันที ก็แม่งเลขที่ผมนี่หว่า
“ใครคะ” ผมยกมือซ้ายขึ้นให้อาจารย์รู้ว่าเป็นผม ส่วนมือขวาก็รีบเร่งมือจดให้ทันเพราะผมมัวแต่ยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่ คนในห้องเริ่มรวบรวมสมุดวางไว้บนโต๊ะหน้าห้องผมเลยรีบเดินไปวางบ้างพร้อมยกทั้งกองเดินตามหลังอาจารย์เขา
“ไกลหน่อยนะนักเรียน ทำไมไม่จัดห้องไว้ใกล้ๆหมวดบ้างก็ไม่รู้” อาจารย์น่ะตัวเปล่าแต่ผมกับกองสมุดแทบท่วมหัวนี่ครับ ผมได้แต่ถอนหายใจเดินตามอาจารย์เขาไปเรื่อยๆ
ถึงตึกแล้วแต่ยังไม่ถึงห้องหมวดครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโดนสุ่มโดนเลขที่ตัวเองจริงๆ แล้วแม่งก็ทั้งเหนื่อยทั้งร้อนเลยด้วย เหงื่อผมออกเต็มหน้า ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ให้มาส่งตอนเลิกเรียนไม่ก็ให้แยกกันส่งก็ไม่รู้แต่ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาถือไป
“อาจารย์หวัดดีครับ” อยู่ดีๆกระจกห้องเรียนข้างๆห้องหมวดก็เลื่อนเปิดออกพร้อมๆกับเสียงที่ผมคุ้นเคย
“ตกใจหมดนักเรียน! เป็นไงบ้างเรียนไหวไหม” พี่ทิตย์ครับ ผมนึกขึ้นได้ว่าห้องประจำพี่ทิตย์เขาอยู่ห้องนี้ ไอ้ผมก็ไม่กล้าเดินนำหน้าอาจารย์ไปเลยยืนถือพร้อมมองหน้าพี่ทิตย์อย่างเบื่อหน่าย
“สบายๆอาจารย์ ให้น้องยกของเยอะไปไหมครับ สงสาร” พี่ทิตย์พูดแบบนั้นครูเลยหันมามองผมครับ
“เอาไปไว้ในห้องเลยค่ะนักเรียน” ผมก้มหน้าขอบคุณเล็กน้อยแล้วก็ยอมเดินไปวางกองสมุดไว้ในห้อง ผมสะบัดแขนไปมานิดหน่อยหลังวางเพราะเมื่อยและเหนื่อยมากครับ แอร์ห้องพักครูไม่ได้ช่วยทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
“เหนื่อยไหม ให้เดินไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า” ผมหันไปมองค้อนได้คนที่โผล่หน้าออกมาจากกระจกห้องตัวเอง เห็นแดดแล้วไม่อยากจะอ้าปากโต้เถียงอะไรทั้งสิ้นครับตอนนี้คาบสามครับ ผมเรียนคาบนี้อีกคาบก็พักแล้วล่ะ แต่ดูพี่ทิตย์มันจะว่างเหลือเกิน
“ยุ่ง” ผมพึมพำออกมาแต่พี่ทิตย์ดันหัวเราะใส่ผม
“ไม่ยุ่งจะได้ขนาดนี่ไหมล่ะ” ผมขมวดคิ้วแน่นแล้วมองพี่ทิตย์แบบงงๆ ไม่รู้ว่าต้องการจะสื่ออะไรครับ เอาเวลากวนผมไปจัดการเรื่องตัวเองดีกว่า ผู้หญิงของตัวเองจะตบกันขนาดนั้น
“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง” ผมเลิกคิ้ว จะถามทำไม?พี่ทิตย์เท้าแขนกับขอบกระจกแล้วรอคำตอบจากผม ผมเล่นตัวยืนนึกอยู่พักหนึ่งถึงพูดตอบไป
“คาบแปด” เป็นอันรู้กันว่าเลิกบ่ายสามครับพี่ทิตย์ยกมือขึ้นเกาหัวจนยุ่งแล้วหายเข้าไปในห้องครับ ผมก็งงสิแต่ก็ยังยืนรออยู่อย่างนั้น
“แต่พี่เลิกคาบเก้านี่สิ อุ่นลงกี่โมง”
“ลงสี่โมงนิดๆมั้ง” ผมขมวดคิ้วแน่นแต่ก็ยังตอบคำถามพี่ทิตย์
ผมนึกขึ้นได้ครับว่าผมกำลังโดดเรียนอยู่นี่หว่าผมมองซ้ายมองขวา ชะโงกหน้าเข้าไปในห้องก็ไม่เจอนาฬิกาเลยครับ ผมเหลือบไปเห็นนาฬิกาข้อมือบนข้อมือพี่ทิตย์เลยคว้ามือพี่ทิตย์ขึ้นมาดู เพราะว่าเราอยู่คนละด้านกันผมดูไม่รู้เรื่อง เลยเขยิบเข้าไปจนชิดแล้วยกข้อมือพี่ทิตย์ขึ้นดูอีกครั้ง
ตึกตัก ตึกตัก
ผมเงยหน้ามองพี่ทิตย์ทันทีอย่างสงสัยพร้อมอ้าปากจะถามครับ
“พี่...”
“เอ้า ไม่ไปเรียนล่ะ เลยมาห้านาทีแล้วนะ” ผมเลิกขมวดคิ้วแล้วก้มมองนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะปล่อยแขนพี่ทิตย์
“อือ ไปละ” ผมพูดขึ้นมาเบาๆ พี่ทิตย์ก็โบกมือไล่ผมผมเลยหันไปแลบลิ้นใส่แม่ง พี่ทิตย์ดูตกใจครับ แล้วก็ยิ้มออกมาก่อนที่จะเลื่อนกระจกให้ปิดลง
“หัวใจใครมันไม่เต้นบ้างวะ” ผมบ่นในหัวก่อนที่จะเดินออกมาจากหลังคาที่ยื่นออกมาจากตัวตึก แล้วแดดก็แยงตาผมทันทีเลยครับ ผมสะบัดหน้าไปมาก่อนที่จะยกมือขึ้นบังแดดวิ่งกลับตึกเรียนตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะมันสายแล้ว
…………………………………………………………………
ผมนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวอย่างเบื่อๆเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูเล่นๆ มือผมกดไปประวัติการค้นหาแล้วดูเฟสพี่เนยอีกครั้ง คราวนี้มีรูปที่เพิ่งอัพไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว แคปชั่นใต้รูปคือ ‘อยากให้เอาคืนมั้ยล่ะ’
ผมรอเน็ตช้าๆของตัวเองโหลดรูปจนมันขึ้นมาให้เห็น ภาพที่ผมเห็นคือมือของคนสองคนที่ไม่เชิงว่าเล่นกันอยู่ มือล่างแบออกแล้วมือขาวๆของพี่เนยแตะอยู่ด้านบน ผมจำนาฬิกาได้ นาฬิกาพี่ทิตย์ที่ผมเพิ่งดูเมื่อกี้ พี่เนยนี่ก็แอบแรงนะครับ ไม่รู้ว่ากระต่ายเห็นรูปนี้หรือยัง
ผมกินข้าวเสร็จแล้วกำลังเดินเอาจานไปเก็บก็บังเอิ๊ญไปเห็นพี่เนยพอดีที่ทางเข้าโรงอาหารด้านหลังครับ ที่เจ๋งกว่าคือพี่ทิตย์วิ่งตามพี่เนยมาด้วยแหละ หูย... ผมว่าจะมีดีกันก็เพราะกระต่ายแล้วมั้งเนี่ย
“เนย!” พี่ทิตย์เรียกพี่เนยด้วยสีหน้าเหมือนไปโกรธใครมาครับ แถมเรียกแบบไม่มีคำว่าพี่ขึ้นหน้าด้วยสิทั้งๆที่ห่างกันตั้งหลายปี พี่เนยยังคงเดินไปไม่สนใจพี่ทิตย์เลยครับ ผมเผลอสบตากับพี่ทิตย์พอดีเลยรีบหันหนีก้มวางจานลงกับที่เก็บแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
“ก็เนยรำคาญไง!”
เสียงเถียงกันยังมีอยู่แต่ผมไม่ได้ยินเท่าไหร่ ไม่รู้พี่ทิตย์จะไปโกรธอะไรพี่เนยนะครับเป็นผมคงไม่กล้าขึ้นเสียงใส่พี่เนยแน่ๆคนอะไรน่ารักชิบหาย ตัวก็ข๊าวขาว
“เอามันไปเก็บหน่อย” อยู่ดีๆก็มีคนสะกิดผมครับ ผมหันไปก็เจอพี่เนย งงสิครับ ผมไม่รู้จักอะไรกับพี่เขาเลยนะ แล้วอะไรคือเอาพี่ทิตย์ไปเก็บครับ แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับผมล่ะเนี่ย
“อย่ายุ่งได้ป่ะเนย” โอ๊ยยย เรื่องคู่รักทะเลาะกันอย่ามายุ่งกับผมเลยครับ ผมขออยู่อย่างสงบๆหน่อยเถอะ ผมอาศัยจังหวะที่พี่เนยหันไปด่าพี่ทิตย์เดินออกมาโดยที่ไม่ได้สนใจทั้งคู่อีก คาบก็คาบม.ต้นขยันมากินกันจริงๆ
“ก็น้องเขาระรานเนยก่อนปะวะ”
“แล้วใครใช้ให้เอารูปเก่าๆไปลงวะ”
เหมือนผมจะได้ยินอะไรที่เป็นเรื่องของชาวบ้านเขาล้วนๆเสียแล้วสิครับไม่อยากยุ่ง ไม่อยากยุ่ง ในหัวผมคิดอย่างนั้นแต่ผมกลับเดินเข้ามาในโรงอาหารอีกครั้งเพิ่งซื้อน้ำ น้ำอุ่นเอ๊ยย นี่มึงเป็นคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ นิสัยแย่ขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนที่จะเหล่มองโต๊ะพี่ทิตย์กับพี่เนยที่นั่งเถียงกันอยู่
พี่ทิตย์เงยหน้าขึ้นมองผมไอ้ผมก็ตกใจสิครับ รีบยื่นเงินให้ป้าคนขาย รับน้ำมาแล้วก็หันไปมองพี่ทิตย์อีกทีเงียบๆ พี่ทิตย์มองผมแต่ปากกำลังพูดกับพี่เนยอยู่ ม.ปลายเริ่มมาเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้วครับนั่นแสดงว่าใกล้หมดเวลาพักของผมเต็มที พี่ทิตย์มองผมแต่เหมือนไม่เห็นผมเลยสักนิดซึ่งมันต่างจากทุกที
มันแปลกที่ไม่ใช่เรื่องของผมแต่ผมก็อยากยุ่ง…
หืม? อะไรนะ? อยากยุ่ง?
อยากยุ่งก็เหี้ยละ
……………………………………………………………………………………
ครืดดดดครืดดดครืดดดด
โอ๊ย! มันจะอะไรนักหนาวะ ผมละมือจากการบ้านขึ้นมาคว้าโทรศัพท์ที่สั่นรัวๆอยู่ใต้เก๊ะจนน่ารำคาญแล้วผมก็เบ้ปากออกมาเพราะชื่อไลน์ที่แสดงอยู่ จะใครเสียอีกล่ะครับ ก็ไอ้คนที่เมมเบอร์ตัวเองไว้ในเครื่องผมพร้อมใส่ไอ้หัวใจไว้หลังชื่อด้วยไงครับ
น้องอุ่น
เลิกเรียนยัง
อยู่ไหน
คิดถึง
ผมกดเข้าไปอ่านตั้งแต่ข้อความแรกยันข้อความสุดท้ายแล้วก็ต้องขมวดคิ้วทำหน้าหงุดหงิดใส่โทรศัพท์ตัวเอง คิดถึงที่ว่ามันคืออะไรวะ เล่นอะไรขนลุกชิบหาย ผมยังไม่ทันได้พิมพ์อะไรตอบไปพี่ทิตย์ก็ส่งมาอีกข้อความ นั่นทำให้ผมถอนหายใจออกมาแรงๆแล้วพิมพ์ตอบไป
ล้อเล่น
-.-
เลิกแล้ว อยู่บนห้อง
ทำไมอ่ะ?
เดี๋ยวเอาของไปให้ รออยู่บนห้องนะ
ไม่ต้องมา จะลงแล้ว
แปลว่าเจอกันข้างล่าง?
อืม
ผมตอบตัดบทสนทนาไปเพราะไม่รู้จะเถียงให้ยืดยาวไปเพื่ออะไรครับ แต่ผมก็แค่ตอบเออออไปงั้นๆไม่ได้บอกว่าผมจะลงไปเจอพี่ทิตย์ข้างล่างสักหน่อย ผมเอาปลายปากกากดที่ปากตัวเองเบาๆอยู่สองสามครั้งอย่างใช้ความคิด การบ้าน
“อุ่นกลับยัง” เพื่อนผู้ชายในห้องผมทักขึ้นมาผมเลยส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“ไม่อ่ะ ทำอันนี้เสร็จค่อยกลับ ขี้เกียจแบกกลับบ้าน” มันยิ้มให้ผมก่อนที่จะเดินลงไปกับเพื่อนอีกหลายคน ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบไปพร้อมกับก้มหน้าก้มตามองโจทย์ตรงหน้าด้วยความเบื่อหน่าย
น่าจะประมาณเกือบครั่งชั่วโมงแล้วที่ผมตอบพี่ทิตย์แต่ยังนั่งอยู่บนห้อง ตอนนี้ผมเดินลงมาชั้นล่างแล้วโยนรองเท้าลงสวม และตรงหน้าผมเห็นพี่ทิตย์ที่ยืนพิงเสาอยู่ พี่ทิตย์ก้มหน้ากดโทรศัพท์ไม่ได้มองผมหรอก ผมแอบรู้สึกแปลกๆขึ้นมาแว๊บหนึ่งครับ พี่เขารอผมนานหรือเปล่า หรือจริงๆไม่ได้รอ แล้วทำไมต้องทำเหมือนมายืนรอผมด้วย
ให้ตายสิครับ ผมต้องทำยังไงให้เข้าใจความคิดพี่ทิตย์ได้สักที
“ทำไมลงมาช้าจัง” ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยแต่ก็สะบัดหน้าไปมาไล่ความสงสัย ตกลงพี่เขามารอผม?
“ทำการบ้าน”
“หรอ ขยันดีเนอะ” เงียบแล้วก็เงียบครับ ผมเลยพยักพเยิดหน้าให้รู้ว่าผมจะออกข้างนอกแล้ว พี่ทิตย์ก็เดินอยู่ข้างผมเฉยเลยแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร
เดินฝ่าแดดไปถึงคอปเปอร์เวย์ก็ยังเงียบครับ ผมนึกขึ้นได้ว่าพี่ทิตย์ยังไม่คืนตังผมเลยแต่ไม่กล้าทักทวงอะไรตอนนี้ครับ ผมเม้มปากเป็นเส้นตรงอย่างใช้ความคิดแล้วอ้าปากพูดขึ้น
“วันนี้ไม่เห็นคืนอะไรเลย เฮ้ย รถยังไม่มาอ่ะ” ผมหยุดเดินกลางคอปเปอร์เวย์เพราะจากตรงนี้มองข้ามรั้วไปจะเห็นรถตู้ที่จอดเต็มหน้าโรงเรียนแล้วผมก็ไม่เห็นรถผมด้วย
“งั้นนั่งรอตรงนี้ไหม?” ผมพยักหน้างึกงัก พี่ทิตย์เลยหย่อนตัวลงนั่งที่นั่งตรงคอปเปอร์เวย์ผมเลยลงไปนั่งอยู่ข้างๆ
“ของวันนี้” ผมเผลอตื่นเต้นออกมาอย่างไม่รู้ตัวครับ แล้วก็ต้องทำหน้าบึ้งแล้วเผลองอแงต่อทันที
“อะไรเนี่ยพี่” ผมงอแงแทบจะลงไปดิ้นกับพื้นแต่ก็ขำครับ แม่งเหมือนด่ากันทางอ้อมเลยแต่ผมก็หลุดหัวเราะออกมาจนได้ครับ ไม่รู้ทำไมแต่ผมตลกจริงๆ
“แลคตาซอยไง แลคตาซอยห้าบาท ร้อยยี่สิบห้ามิลลิลิตร นี่พี่ซื้อรสช็อคโกแล็ตด้วยนะ” โอ๊ยแม่ง ผมกลั้นขำชิบหายก็กลั้นไม่อยู่ นั่งหัวเราะไม่สนคนที่เดินผ่านไปมาด้วยซ้ำครับ พี่ทิตย์มันเขย่าๆกล่องตอนร้องให้ผมฟังแล้วยังมีบอกว่าซื้อรสช็อคโกแล็ตด้วย
“ตลกมากไหม” พี่ทิตย์แกล้งทำหน้าดุแล้วก็หลุดยิ้มออกมา ผมก็หัวเราะคิกคักแล้วก็นึกขึ้นได้นี่ผมตลกมากไหม ไอ้บ้าเอ๊ย
“จะได้สูงบ้าง” โอ้โห เมื่อวานพาผมดูหนังผีแล้วว่าผมหน้าเหมือนหมาวันนี้ยังมาตอกย้ำความสูงโปร่งของผมอีก เกลียดพี่ทิตย์จริงๆ เกลียดที่พี่เขาหน้าตาดีผู้หญิงรุมล้อม จริงๆพี่ทิตย์ไม่ได้หน้าตาดีขนาดที่ว่าต้องเหลียวหลัง แต่ถ้าได้จ้องพี่เขาผมเชื่อว่าทุกคนต้องชอบ
“ก็ไม่ได้เตี้ยขนาดนั้น” ผมพึมพำแล้วหยิบกล่องนมในมือพี่ทิตย์มาถือไว้ ข้างกล่องยังมีหยดน้ำเกาะอยู่เลยครับเหมือนกับว่าเพิ่งซื้อมาไม่นาน ผมสะบัดมือไล่น้ำออกแล้ววางมันไว้บนตัก
“ก็ไม่สูงอยู่ดี”
“เรื่องของผมเถอะน่า” ผมทำหน้ายุ่งแล้วชะเง้อคอมองรถตู้แต่มันก็ยังไม่มา เลยถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายพร้อมกลิ้งกล่องนมไปมาอย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อ
“แหม ดอกไม้ใครอ่ะ ขอได้ป้ะ” ผมเห็นพี่รหัสตัวเองเดินผ่านก็เลยทักขึ้นมาครับ พี่เขาก็เดินปกติหรอกครับแต่ในมือถือดอกกุหลาบไว้ด้วย คนบ้าอะไรจะถือไว้ทั้งวันถ้าไม่ได้ได้มาจากคนอื่น ตอนเช้าผมก็ไม่เห็นพี่เขาถืออะไรด้วยนะ
“อะไรอุ่น อะไร” พี่เขาทำท่าจะตบหัวผม ผมเลยเอามือกันไว้พร้อมหัวเราะออกมา เพราะผมเบี่ยงตัวหนีกล่องนมที่พี่ทิตย์ให้เลยหล่นกับพื้น ผมยิ้มค้างมองหน้าพี่ทิตย์ที่ทำหน้าเรียบเฉยแล้วสะบัดมือพี่รหัสผมออกเพื่อหยิบกล่องนมขึ้นมาวางไว้ข้างตัวแทน
“ใครให้มา” ผมถามแล้วดึงตัวพี่เขาให้เข้ามาใกล้เพราะมันบังทางคนอื่น
“ไม่บอก” ผมเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ออกมาครับ
“เด็กเยอะเนอะ” ผมบ่นอุบอิบเบาๆออกมาเพราะหมั่นไส้พี่รหัสตัวเองครับ
“คงไม่เท่ามันหรอกมั้ง”
“เสือก” นั้นแหน่ะ รู้ครับว่าม.เดียวกันแต่มันจำเป็นต้องมาอะไรกันแถวนี้ด้วยหรอครับ พี่ทิตย์นี่ก็ปากไวใช้ได้เลยเถอะ
“งั้นขอได้ป่ะ” ผมพูดล้อเล่นออกไปแต่พี่เขาดันยื่นกุหลาบมาให้ผมเลยไอ้ผมก็งงสิครับ เท่าที่ผมคิดได้นะพี่เขาไปได้มันมาจากใครสักคนแล้วไม่ชอบเลยจะเอาไปทิ้งแต่ไม่กล้าทิ้ง แล้วมายัดเยียดผมแทนแน่ๆ
“เอาป่ะล่ะ”
“ใครให้มาล่ะ”
“แล้วเอาป่ะล่ะ”
“ก็ถามว่าใครให้มา”
“แล้วจะเอาไหมล่ะ”
ผมยกมือขึ้นขยี้หัวอย่างหงุดหงิดเพราะคำที่เอาแต่เถียงกันไปมาของผมกับไอ้เหี้ยพี่รหัส มันยื่นกุหลาบมาตรงหน้าผมแล้วพูดย้ำๆอยู่อย่างนั้นผมเลยทำหน้าบูดเป็นตูดหมาใส่มัน
“ไม่เอา ล้อเล่น จะไปไหนก็ไปเหอะ” ผมบ่นแล้วผายมือให้มันเดินออกไปจากตรงนี้ พี่เขายิ้มครับแล้วก็ยังยื่นกุหลาบให้ผมอีกครั้ง
“ก็เอาๆไปดิ” ผมถอนหายใจออกมาแล้วกลอกตาไปมาอย่างรำคาญนิดหน่อย ไม่น่าทักเลยครับ พี่รหัสผมแม่งกวนตีนชิบหาย
“แล้วเมื่อไหร่จะใส่เหล็ก” ผมขมวดคิ้วทันทีครับ เพราะผมกำลังจะจัดฟันแล้วก็จะใส่เหล็กในอีกไม่กี่วันนี้ แค่คิดก็ปวดฟันแล้วครับ ไหนจะกินลำบากอีก
“เออ กลับบ้านไปเถอะพี่” ผมหยิบดอกกุหลาบมาถือไว้แล้วโบกมือไล่ทันที พี่เขาก็เดินเกาหัวออกไปเลยครับ ผมอยากรู้ว่าใครให้พี่เขามาเหมือนกันนะ เขาจะคิดยังถ้ารู้ว่าผมรับมาแบบนี้ เสียใจน่าดูเลยสิ
“ได้กุหลาบก็ปล่อยนมพี่ตกไง” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ทิตย์แล้วฉีกยิ้มออกมาแล้วก็หุบลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับถอนหายใจครับ ผมวางดอกกุหลาบไว้บนกล่องนม วางไว้อย่างนั้นแล้วก็ชะโงกหารถตู้ที่ยังคงไม่มาสักที
“มันชอบอุ่นหรอ?” ผมเอียงคออย่างสงสัยแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา
“ชอบอะไร” ผมถามไปทั้งที่รู้ว่าพี่ทิตย์หมายถึงอะไร
“ก็มันจีบอุ่นอะไรแบบเนี้ย แบบให้กุหลาบ…” ผมส่ายหัวไปมาอย่างนึกขำนิดหน่อย รู้นิสัยพี่รหัสครับมันต้องมีใครให้มาแน่ๆ
“บ้าหรือเปล่า ของใครก็ไม่รู้ พี่เขาชอบผู้หญิงด้วย” พี่ทิตย์พยักหน้าขึ้นลงแล้วทำหน้าเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง ผมเลยจ้องพี่เขารอให้พี่ทิตย์พูด พี่ทิตย์ดูอึดอัดมากกว่าเดิมแต่ก็ยอมพูดออกมา
“สมมตินะ ว่าอุ่นมีผู้ชายมาชอบอุ่นจะรู้สึกยังไง จะรังเกียจไหม” ผมขมวดคิ้วทำไม่ต้องถามอะไรชวนขนลุกไม่รู้ แต่ผมก็นึกได้ครับว่าพี่ทิตย์ต้องกำลังเครียดกับอะไรสักอย่างแน่ๆ หรือว่าจะมีผู้ชายมาชอบพี่ทิตย์ อี๋ น่ากลัวนะครับ แต่ผมคงต้องปลอบใจไว้ก่อนมั้งเนี่ย เพราะพี่ทิตย์ดูซีเรียสมาก
“อือ… ผมว่ามันก็ไม่น่ารังเกียจ มั้ง ไม่ๆๆ ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แต่ว่ามันก็คงไม่ได้รู้สึกแย่หรอก มีคนรักดีกว่ามีคนเกลียดนะ” ผมทำหน้าเห็นใจพี่ทิตย์สุดๆครับ แต่พี่ทิตย์หันมองทางอื่นซะงั้น ผมก็ได้แต่เกาหัวงงๆแล้วก็กลับมานั่งท่าเดิม
“อุ่นจะดัดฟันหรอ” ผมพยักหน้าขึ้นลงตอบรับ
“ไม่ดัดไม่ได้เหรอ” เอ้า อะไรของพี่เขาวะ ผมได้แต่กลอกตาไปมาแทนคำตอบ แล้วผมก็เห็นรถตู้ผมที่จอดอยู่หน้าโรงเรียนเมื่อไหร่ไม่รู้พอดีครับ ผมเลยลุกขึ้นยืนพร้อมคว้ากระเป๋ามาสวมก่อนที่จะถือกล่องแลคตาซอยและดอกกุหลาบขึ้นมา
“พี่ขอได้ไหม” พี่ทิตย์พูดแล้วชี้มาที่ดอกกุหลาบ ผมงงๆนิดหน่อยแต่ก็ยื่นให้ไป
“เอาไปทำอะไรเหรอ”
“เอาไปทิ้งมั้ง” ผมขมวดคิ้วให้กับคำตอบที่ได้รับทันที แล้วพี่ทิตย์ก็แย่งไปจากมือผมก่อนจะยัดมันไว้ในกระเป๋าถือของตัวเอง
“งั้นผมไปนะ” ผมยกมือข้างที่ถือแลคตาซอยกล่องเล็กๆขึ้นโบกไปมาเบาๆตรงหน้าพี่ทิตย์ก่อนจะกลับตัวเดินไปตามคอปเปอร์เวย์
ผมนั่งถอนหายใจอยู่บนรถเอากล่องนมขึ้นมาพลิกพิจารณาดูแล้วก็ยิ้มออกมานิดหน่อย ถ้านับๆดูก็เหลืออีกสามสิบบาทแล้วสิ พี่ทิตย์แม่งไปสรรหาอะไรพวกนี้มาจากไหนก็ไม่รู้นะครับ แต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง คือเชื่อว่าพี่เขาว่างจริงๆ ฮ่าๆ แล้วก็แอบคิดด้วยว่า วันพรุ่งนี้พี่เขาจะไปหาอะไรมาอีก
__________________________________________________________________________
สิ่งที่พี่ทิตย์คืนให้ไม่ได้มีแค่ของจริงๆนะ

ขอบคุณทุกคนๆที่ติดตามอ่านเรื่องนี้กันนะคะ ขอบคุณจริงๆ ทั้งทุกข้อความทุกบวกเป็ดเลยน้า
ปล. มาช้าอีกแล้ว ขอโทษค่าาา จริงๆมั่นใจมากว่าเปิดเทอมก็ยังปั่นได้แต่เราคงดูถูกอานุภาพของเปิดเทอมมากเกินไป กลับบ้านทีทำได้แต่คลานขึ้นเตียงไปสลบT_T