วันต่อมาเมื่ออ้นลงไปทานมื้อกลางวันที่แคนทีนตามปกติก็เป็นที่แน่นอนว่าเขาต้องพบกับเรย์เช่นเคย อ้นกับเรย์มักจะเขม่นกันตั้งแต่ในลิฟต์ เนื่องจากบริษัทของเรย์ตั้งอยู่บนชั้นที่สูงกว่าอ้น เมื่ออ้นก้าวเข้าลิฟต์ไปจึงต้องยืนอยู่ด้านหน้าของเรย์เป็นประจำ และหนนี้เขาก็ต้องขนลุกเกรียวเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนก้มลงมาใกล้ๆ ต้นคอ อ้นพยายามทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้ อาศัยว่าโชคดีที่ลิฟต์นี้ไม่มีกระจก และพนักงานออฟฟิศคนอื่นไม่มีใครสนใจเขา อ้นจึงยังแกล้งเนียนต่อไปได้
จนกระทั่งออกจากลิฟต์อ้นก็รีบเดินหนี ปกติแล้วระหว่างพวกเขาสองคนมักจะแข่งชิงธงกันก็ตอนนี้ และเรย์ก็มักจะเป็นฝ่ายชนะด้วยช่วงขาที่ยาวกว่าและท่าทางการเดินที่จ้ำเหมือนควายหาย ทว่าหนนี้เรย์จงใจชะลอฝีเท้าเดินไปยังห้องอาหารด้วยความเร็วเท่ากับอ้น
“เมื่อกี้แกทำบ้าอะไรของแกฮะอีแว่น”
“ดมดูว่านายใส่มารึเปล่า”
“อีบ้า! แกเป็นหมารึไง มาดมอะไรแบบนั้นในลิฟต์ ฉันอายคนเค้า”
“ก็อยากรู้”
“ถามเอาก็ได้”
คู่กัดเดินเถียงกันไปจนถึงร้านก๋วยเตี๋ยว หนนี้อ้นไม่พลาดอีกรีบเอ่ยขึ้น
“แกก่อนสิ เอาเลย สั่งเลย”
แต่เรย์คลี่ยิ้มแสยะเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วแกล้งก้าวถอยหลังไปยืนซ้อนต่อจากอ้น อ้นเสียฟอร์มที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาด ลูกค้าคนอื่นก็ต่อแถวอยู่ด้านหลังเขาจึงจำต้องเข้าคิวตำแหน่งก่อนหน้าเรย์ และนั่นก็ทำให้คนตัวสูงกว่าก้มลงมาคุยด้วยแบบเนียนๆ
หอมจัง
เรย์ชอบกลิ่นนี้ แม้จะเป็นน้ำหอมชนิดเดียวกันกับที่แม่ของเขาใช้แต่ในความคุ้นจมูกก็มีบางอย่างแตกต่างไปจากความหอมหวานละมุนละไมแบบที่เขาคุ้นเคย ร่างกายของอ้นปรุงแต่งกลิ่นหอมหวานของกุหลาบอังกฤษผสานเข้ากับบุคลิกเฉพาะตัวออกมาเป็นความร่าเริงแสนบริสุทธิ์ได้อย่างลงตัวพอดิบพอดี ช่างเหมาะสมกับบุคลิกของผู้ใช้ เรย์คาดไม่ถึงว่าจะมี “ผู้ชาย” ที่เหมาะกับน้ำหอมกลิ่นกุหลาบจ๋าแบบนี้อยู่ด้วย หรือบางทีอาจเป็นเพราะเพศสภาพที่แสดงความสดใสของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา อ้นจึงเหมาะกับกลิ่นหอมหวานเช่นนี้
ถึงจะสะใจที่วันนี้อ้นไม่จิกกัดเขาตามปกติแต่เรย์กลับรู้สึกหมดสนุกที่อดหาเรื่องปะทะคารมกับอ้น ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครยอมทนพูดคุยกับเขาได้นาน แม้แต่ในกลุ่มเพื่อนสนิทเองก็ดูจะเห็นเขาเป็นตัวแถมจนบางครั้งเรย์ก็แอบเซ็งนิดๆ ดังนั้นเรย์จึงพยายามชวนอ้นคุย
“ทำไมไม่รับแอดเราล่ะ เมื่อวานเราแอดเฟซนายแล้วนะ ฟอลอินสตาแกรมแล้วด้วย”
อ้นแทบสำลัก! แค่โดนฉกสมาร์ตโฟนไปกดแอดไลน์กันหน่อยเดียวกลายเป็นการเปิดโอกาสให้เรย์เข้าถึงข้อมูลโซเชี่ยลต่างๆ ของเขาได้เชียวหรือ?!
ไวเกินไปละอีแว่น! มาแอบสำรวจโทรศัพท์ฉันตอนไหนกันยะ!
“สงสัยเมื่อวานนอนเร็วมั้ง”
“รับตอนนี้เลยสิ”
เมื่อเห็นสายตามุ่งมั่นของเรย์ที่จ้องมาอ้นจึงปฏิเสธไม่ออก ใครจะกล้าบอกว่าเขามัวแต่ฟินกับของขวัญกันเล่า!
“อืม เดี๋ยวรับเองแหละ”
“ห้ามจำกัดสถานะนะ”
“ชักเยอะละนะอีแว่น”
แม้ปากจะบ่นแต่อ้นก็หยิบสมาร์ตโฟนออกมากดเข้าแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก ทว่า
“เรย์มอนด์ เทย์ คนนี่ใช่มะ?”
อ้นถามพลางหันหน้าจอไปให้เรย์ดู เขาไม่แน่ใจเนื่องจากคนที่แอดเข้ามาใช้รูปโปรไฟล์แปลกประหลาดบ่งบอกรสนิยมโอตาคุด้วยภาพการ์ตูนญี่ปุ่น เรย์พยักหน้ารับแล้วยิ้มกว้าง อ้นแอบแหวะแล้วจึงกดยอมรับ
“นี่ชื่อเฟซแกเหรอ? ตัวการ์ตูนจากเรื่องอะไรอะ?”
“ท่านชิโดะ มาริยะยังไงล่ะ”
“ท่านมาเรีย?”
อ้นงง! ถึงเขาจะเป็นตุ๊ดแต่ส่วนใหญ่แล้วก็ดูแต่วันพีชกับนารูโตะตามป้อง ไม่อย่างนั้นก็อ่านแต่การ์ตูนผู้หญิง ดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้จักอนิเมเรื่องอื่นๆ มากนัก
“ช่างเถอะ แกนี่ประหลาดกว่าที่คิดอีกนะ หนังหน้าก็ดีแทนที่จะใช้รูปโปรไฟล์เกร๋ๆ ดันใช้รูปการ์ตูนเหมือนเด็กประถม ละยังชื่อนามแฝงอะไรนี่อีก เวลาคนที่บริษัทขอแอดแกๆ ไม่อายเหรอ?”
สำหรับอ้นภาพลักษณ์ในโลกโซเชียลถือเป็นเรื่องสำคัญ เขายอมไม่ได้ถ้ารูปโปรไฟล์ไม่เลิศ บางทีถึงกับรัวร้อยช็อตแต่งแล้วแต่งอีกผ่านสมรภูมิแอพเป็นสิบเพื่อรูปโปรไฟล์เพียงอาทิตย์เดียว
“นั่นชื่อเราจริงๆ นะ”
“หา?”
“เราชื่อเรย์มอนด์ เทย์ นั่นชื่อจริงนามสกุลจริงของเรา”
เรย์ตอบพลางตักข้าวเข้าปากเคี้ยวสบายอารมณ์ แต่อ้นนิ่งไปแล้ว เขาทำท่าแคะหูตัวเองแล้วพูดกับเรย์ว่า
“ขออีกรอบเซะ?”
คราวนี้เรย์รู้สึกได้ว่าอ้นไม่เชื่อ เจ้าตัวจึงควักบัตรประชาชนในกระเป๋าออกมาอวดชื่อนามสกุลยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
“นายเรย์มอนด์ นามสกุลเทย์ เชื่อยัง?”
“โอ๊ยขุ่นพระ! แกเป็นลูกครึ่ง?! ตายแล้วครึ่งอะไรอะ?”
อ้นเล่นใหญ่ตกใจอุทานดังลั่น เรย์จึงเผลอขมวดคิ้วส่งสายตาดุๆ ไปปราม
“เบาๆ สิ”
ทำไมต้องล้อเลียนกันแบบนี้ด้วย ยังไม่เชื่ออีกรึไง?
“แกชื่อเรย์มอนด์จริงเหรออีแว่น?”
“อาฮะ”
“แล้วชื่อเรย์ล่ะ? ละละคนที่ทำงานแกเค้าเรียกแกว่าอะไร? เหลือเชื่อ! แกเป็นลูกครึ่งเหรอเนี่ย? ไหนๆ ไม่เห็นมีเค้าเลย”
อ้นลืมตัวเอื้อมมือไปจับคางของเรย์พลิกไปมาจนเรย์เริ่มเซ็ง เขาถอนหายใจยาวเหยียดแล้วเริ่มอธิบายเชิงบ่น
“คนอื่นเค้าก็เรียกชื่อเล่นเรานั่นแหละ แม่เราตั้งให้ว่า ‘เรย์’ ย่อมาจากชื่อจริงไง ส่วนชื่อจริงพ่อเราเป็นคนตั้งให้ พ่อเราเป็นคนสิงคโปร์เราเลยใช้นามสกุลตามพ่อ”
“หนังหน้าแกไม่บอกเลยนะว่าอินเตอร์ โฮะๆ”
“สิงคโปร์ก็คนเชื้อสายจีนนั่นแหละ ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลย”
“ว้าว! น่าอิจฉาจัง แล้วทำไมแกถึงมาเรียนเมืองไทยได้ล่ะ แกไม่ไปอยู่โน่นหรอกเหรอ?”
“ก็เราเกิดเมืองไทยนี่ ตอนแรกพ่อกับแม่เราก็ทำธุรกิจอยู่ที่โน่นนะ แต่ค่าครองชีพมันแพงพอมีลูกเยอะๆ แล้วมันอึดอัดด้วย ที่โน่นคอนโดมันเล็กมากเลย พ่อเลยย้ายตามแม่มาอยู่เมืองไทย แล้วเราก็เป็นลูกหลง เกิดที่นี่โตที่นี่”
“โฮะๆ แกเป็นลูกคนเล็กนี่เอง มิน่าล่ะฉันว่าแระแกน่ะเอาแต่ใจเป็นบ้าเลย ฉันทายว่าพ่อแม่แกต้องตามใจสุดๆ เลยใช่แมะ?”
อ้นได้ทีแซะกลับจนเรย์ทำหน้าบึ้ง
“เราไม่ได้เอาแต่ใจซักหน่อย!”
“เอาแต่ใจ หลงตัวเองด้วย ฉันละคันปากมานานแระ แกน่ะท่าทางไม่มีใครคบด้วยละสิทำนิสัยแบบนี้ เมื่อก่อนก็นั่งกินข้าวคนเดียวบ่อยๆ ไม่ใช่รึไง นี่ดีนะมาเจอแม่พระอย่างฉัน ฉันจะยอมลดตัวลงไปคบด้วยก็ได้นะ โฮะๆ”
อ้นได้ทีจัดหนักจัดเต็มขี่แพะไล่กระทืบจนเรย์ฉุน แต่ส่วนหนึ่งในใจลึกๆ เขาก็ยอมรับจึงคิดคำเถียงไม่ออก นอกจากพวกสามเกรียนแล้วก็ไม่ค่อยมีใครทนเขาได้จริงๆ นั่นแหละ
“ถึงเราจะเป็นลูกคนเล็กแต่เราไม่ใช่คนที่ทำให้แม่ปวดหัวที่สุดซะหน่อย เราเรียนเก่งนะ ถึงจะไม่ได้ช่วยพ่อกับแม่ทำบริษัทต่อแต่เค้าก็ภูมิใจในตัวเรานะ เพราะเราดูแลตัวเองได้”
ต๊าย! นิสัยน้องเล็กชัดๆ
อ้นไม่รู้ตัวเลยว่าไปๆ มาๆ เขาเกิดความเอ็นดูต่อ “น้องเล็ก” เข้าเสียแล้ว
“แกมีพี่น้องกี่คน?”
“ห้า”
อ้นฟังจำนวนพี่น้องของเรย์แล้วก็ตกใจ เขาเกิดความเลื่อมใสศรัทธาผู้หญิงที่สามารถเบ่งทารกออกมาลืมตาดูโลกได้ถึงห้าคนนิดๆ
“โอ๊ยตายละ! นั่นมันครอบครัวใหญ่มากเลยนะ”
อ้นถึงกับพูดไม่ออก เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าบ้านของเรย์จะวุ่นวายมากแค่ไหน ตัวเขานั้นเป็นลูกคนเดียวแม่เสียไปตั้งแต่ยังเล็ก เขาจึงต้องอยู่กับพ่อโดยมีป้าที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของพ่อคอยช่วยดูแลอีกแรง เนื่องจากป้าของเธอก็เป็นสาวโสดไม่ได้แต่งงานในบ้านจึงมีกันอยู่แค่สามคนมาตลอด
“อาฮะ พี่ชายคนที่สองกับคนที่สามเป็นฝาแฝดกันน่ะ พอเค้ามีแอนดี้ก็เลยตัดสินใจย้ายกลับมาเมืองไทยกัน แล้วเราก็เป็นลูกหลงเกิดที่นี่ ห่างกับแอนดี้หกปี”
“บ้านแกนี่ชื่อฝรั่งกันหมดเลยเนอะ?”
“อืม เพราะพ่อเป็นคนตั้งชื่อให้น่ะ ในบ้านมีแต่แม่ที่เรียกชื่อเล่น ส่วนใหญ่เรากับพี่ก็เรียกชื่อจริงกัน มีแต่เพื่อนที่เรียกเราว่าเรย์”
“ไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อเหรอแก? อยู่เมืองไทยนะ มาเรมงเรย์มอนด์ ไม่เข้ากะหนังหน้าแกเลย โฮะๆ”
แม้จะแอบเคืองที่ถูกวิจารณ์หนังหน้าแต่เรย์ก็ตอบ ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าเผลอกินไปคุยไปจนแทบหมดเวลาพักเที่ยง นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่คุยกันเพลินติดลมขนาดนี้
“เราเองก็เกือบได้ชื่อไทยแล้ว แต่แม่เราแพ้พนันพ่อเราเลยชื่อเรย์มอนด์แทนไรวินท์”
“ฉันว่าเพราะออก นายไรวินท์เท่ดีนะ เกร๋ค่ะ”
“แปลว่าขุมทรัพย์น่ะ แม่บ่นเสียดายที่ไม่ใช่เด็กผู้หญิง บ้านเรามีเด็กผู้ชายสี่คนแล้วแม่เลยอยากได้ลูกสาวน่ะ แต่ก็ออกมาเป็นเด็กผู้ชาย แถมยังจับไม้สั้นไม้ยาวแพ้พ่ออีก”
“ขุ่นพระ! บ้านแกเลือกชื่อด้วยไม้สั้นไม้ยาว? โอ๊ยตายแระ! จากขุมทรัพย์กลายเป็นลำแสง”
“ไม่ใช่นะ! เรย์มอนด์ไม่ได้แปลว่าแสงซักหน่อย เป็นชื่อนักบุญหรอก แปลว่า ‘ผู้ปกป้อง’ นะ”
คำแปลของชื่อ “เรย์มอนด์” ทำเอาอ้นสะอึก บรรยากาศสนุกสนานในการพูดคุยหายวับไปกับตาเมื่อชื่อของใครบางคนถูกพูดถึง
“ชื่อแกมีความหมายด้วยเหรอ? ไม่คิดว่าชื่อฝรั่งจะมีคำแปลเนอะ”
“มีสิ ถึงส่วนใหญ่จะเป็นชื่อจากไบเบิ้ลแต่ก็มีความหมายนะ ชื่อเราแปลว่ามือที่คอยช่วยเหลือ ก็คือกาเดี้ยนหรือผู้ปกป้องยังไงล่ะ”
เรย์ยิ้มกว้าง และอ้นก็ยิ้มตอบ แต่ในของเขาไม่ได้ยิ้มตามเลย
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้!
“อโณทัยเองก็เพราะนะ แปลว่าแสงอาทิตย์ยามเช้าใช่มั้ยล่ะ? เข้ากับนายดี”
เรย์ชวนอ้นคุยโดยไม่ได้สังเกตอารมณ์ของคู่สนทนาเลย หรืออาจเป็นเพราะเรย์ไม่รู้เรื่องบางอย่างก็เป็นได้เขาจึงไม่ทันสังเกต
“นี่ชื่อเดิมเลยรึเปล่า หรือนายไปเปลี่ยนชื่อมาแล้ว?”
“ก็ชื่อเดิมสิ ทำไมเหรอ?”
“เห็นพวกที่แปลงเพศเขาชอบไปเปลี่ยนชื่อกันไม่ใช่เหรอ? แต่ ‘อโณทัย’ เพราะอยู่แล้วล่ะ นายไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ก็ได้ ความหมายดีด้วย ฟังดูสดใสเข้ากับนายดี”
“แกคิดแบบนั้นเหรอ? คำที่แปลว่าพระอาทิตย์มีตั้งเยอะ เพราะกว่านี้ก็มี ทำไมแม่ฉันถึงได้ตั้งว่าอโณทัยก็ไม่รู้ ไหนๆ จะเป็นพระอาทิตย์ทั้งที ขอแบบร้อนแรงแซ่บๆ ไปเลยก็ไม่ได้ ฮะๆ”
อ้นหัวเราะโดยพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
โลกนี้มีพระอาทิตย์ได้ดวงเดียวเท่านั้นแหละ แล้วพระอาทิตย์ดวงที่อีป้องเลือกก็ไม่ใช่ฉัน!
“แต่มันเข้ากันดีนะ อ้น อโณทัย เราชอบ ... เป็นอะไรอะ?”
“เปล่า รีบกินเถอะอีแว่น เดี๋ยวเข้างานไม่ทัน”
อ้นซึมเพราะถูกสะกิดแผลในใจเกี่ยวกับเรื่องชื่อของเรย์ เขาอยู่กับป้องนานจนพอจะรู้จักตัวตนของเด็กคนนั้น ป้องมักจะเผลอมอง “สัญลักษณ์” เกี่ยวกับพระอาทิตย์ทุกครั้งที่เห็น เด็กผู้ชายที่สดใสร่าเริงเหมือนพระอาทิตย์ “ตะวัน” ดวงที่สาดแสงอยู่ในใจของป้องเสมอมาจนแสงอ่อนๆ ยามเช้าอย่างเขาสู้ไม่ได้ อ้นอยากเป็นพระอาทิตย์ของป้องแต่แสงยามเช้าไม่เคยเทียบได้เลยกับดวงตะวันผู้เจิดจ้าคนนั้น และเรย์ก็ยังบังเอิญเป็น “ผู้ปกป้อง” เสียอีก ช่างบังเอิญจนอ้นสะอึก!
“เป็นอะไรจ้องหน้ากูอยู่ได้?”
“เปล๊า!”
“เออๆ เรื่องของมึง”
ป้องพยักหน้าเออออตามใจอ้นก่อนจะเงียบไปพักหนึ่ง
“อ้น พรุ่งนี้วันเกิดพี่โฟม พี่ๆ เค้ามีเลี้ยงกัน ไปกับกูมั้ย?”
เสียงของป้องเชิญชวนเหมือนขอร้องให้เขาไปด้วย แต่อ้นก็ยังลังเล
“จะดีเหรอแก คือฉันไม่ได้ทำงานที่นั่นแล้ว”
“แต่เขาเป็นรุ่นพี่พวกเรานะ มึงก็สนิทกับพี่เขานี่หว่า”
“แต่ก็กินกันเฉพาะในบริษัทปะ? ฉันโผล่ไปจะน่าเกลียดอะสิ ฉันฝากอวยพรไปกับแกก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นอ้นทำท่าไม่อยากไปด้วยกันป้องก็เลิกเซ้าซี้ เขาพยักหน้าตกลงกับเพื่อนโดยเก็บความหนักใจไว้ในอกไม่ปริปากบอก “แฟนเก่า” ป้องถูกรุกจากผู้หญิงคนอื่นจนอยากวิ่งหนี!
อ้นเองก็ยังซึมเพราะปมในใจจึงไม่ทันสังเกตท่าทีของป้อง เขาซึมต่อจนถึงเช้าวันต่อมา และเผลอขับรถมาทำงานด้วยความใจลอยจนเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเข้ากับรถอีกคันตอนเลี้ยวเปลี่ยนเลนส์ อ้นต้องรีบลงมาขอโทษขอโพยแท็กซี่ก่อนจะโทรเรียกประกันมาเคลียร์ แม้กายจะไม่บาดเจ็บแต่รถก็สาหัสเอาการ กันชนหน้ายับเยินเบียดจนถึงคานประตูและกระจกข้างซ้ายแตกเป็นเสี่ยงๆ อ้นจึงรีบโทรไปขอลางานกับจ๋าแล้วจัดการติดต่อรถยกมารับรถไปส่งซ่อมที่ศูนย์ สิ่งที่อ้นกลัวที่สุดก็คือการถูกพ่อดุ และเขามีปัญหากับรถคันนี้บ่อยเหลือเกิน!
อ้นกลับหอ โดดงานโดยอ้างอุบัติเหตุกลับไปนอนพัก ในห้องยังมีรอยร่องของป้องอยู่จนอ้นใจหาย
ผ้าเช็ดตัวของป้องยังชื้นอยู่เลย
อ้นอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเขาและป้องออกไปทำงานด้วยกันแต่เช้าจะเป็นเช่นไร? นับตั้งแต่ที่เลิกกันอย่างเป็นทางการ ป้องก็ปฏิเสธไม่ยอมออกไปทำงานพร้อมเขาอีกด้วยเหตุผลว่าขี้เกียจตื่น การที่อ้นขับรถไปทำงานทำให้เขาต้องรีบออกแต่เช้าเพราะต้องการหลบเลี่ยงการจราจรติดขัดบนถนนเพื่อรีบไปแย่งที่จอดรถบนตึกให้ทัน แต่ป้องอ้างว่าถ้าไปรถสาธารณะอย่างเช่นรถตู้หรือรถไฟฟ้านั้นเขาสามารถออกสายได้ ทำให้ได้นอนตื่นสายเพิ่มอีกนิดหน่อย แน่นอนว่าอ้นไม่ขัดใจป้องอยู่แล้ว พักหลังทั้งสองคนจึงแยกกันดำเนินชีวิตประจำวันของแต่ละคนไม่สวีทอย่างเคย
แกจะซึมทำไมยะนังอ้น! แกเป็นคนบอกเลิกเขาเอง “ถ้าเค้าไม่รักก็อย่าทนต่อเลยดีกว่า” แกบอกตัวเองแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? แกจะซึมทำไม!
อ้นเรียกสติตัวเองแล้วจัดการโทรหาป้องบอกข่าวเรื่องรถชน ป้องตกใจแสดงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน และนั่นทำให้อ้นหวั่นไหว
“อ้าว! ละมึงเป็นไรปะ?”
“ไม่อะ ฉันปลอดภัยดี มันเฉี่ยวกันด้านซ้าย ดีนะที่แกไม่ได้นั่งไปด้วยไม่งั้นคงเจ็บ”
“มาห่วงอะไรกูห่วงตัวเองเถอะ อย่าลืมไปเช็กร่างกายนะมึง”
“อืม ... ป้อง ฝากอวยพรพี่โฟมด้วยนะ”
“เออ เดี๋ยวบอกพี่เค้าให้ กูทำงานต่อก่อนนะ”
“บายจ้ะ”
อ้นบอกไม่ถูกว่าความว่างเปล่าโหวงเหวงในอกนี้คืออะไร? อาจจะเป็นเพราะเกิดอุบติเหตุขึ้นกระมังบรรยากาศรอบๆ ตัวเขาจึงหดหู่ อ้นกิน นอน เล่น ทำอะไรฆ่าเวลาว่างอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน นับตั้งแต่คบกับป้องแล้วป้องย้ายมาอยู่ด้วยกันเขาก็แทบจะลืมการอยู่คนเดียว แต่วันนี้เขากลับได้ไปอยู่คนเดียวเหมือนเมื่อตอนที่ไม่มีใคร และอ้นไม่คิดเลยว่าเขาต้องอยู่ตามลำพังจนถึงเช้าของอีกวันเมื่อคืนนั้นป้องไม่ได้กลับห้อง!
ในขณะที่อ้นกำลังเตรียมตัวเพื่อออกไปทำงาน ป้องก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง สีหน้าของป้องดูไม่ค่อยดีและมีอาการตกใจเมื่อเห็นว่าอ้นยังอยู่ในห้อง
“มึงยังไม่ออกไปทำงานเหรอ?”
“กำลังจะไปนี่แหละ นั่งรถตู้แล้วก็ออกสายเหมือนแกได้ไง”
อ้นอยากจะถามว่าทำไมถึงกลับเช้า อยากจะถามว่าป้องจะให้เขารอแล้วออกไปพร้อมกันไหม แต่ป้องกลับรีบถอดเสื้อผ้าแล้วตรงเข้าห้องน้ำ
“อีป้อง?”
ท่าทางของป้องแปลกจนอ้นกังวล
“กูเหม็นตัวเอง มีแต่กลิ่นเหล้าว่ะ”
“ย่ะ! เมื่อคืนคงเมามากสินะ ไม่โทรบอกกันเลยปล่อยให้เป็นห่วง ฉันนึกว่าแก”
แต่อ้นไม่มีโอกาสได้บ่นจบเมื่อป้องทำบางสิ่งที่เหนือความคาดหมาย!
“ขอโทษ กูขอโทษ”
อ้นที่กำลังบ่นถึงกับอึ้งเมื่อป้องเลี้ยวออกจากห้องน้ำมากอดเขา!
“กะแกเป็นอะไรอะ? คงไม่ได้ไปเมาแล้วฆ่าใครตายมาใช่มั้ยอีป้อง? เสื้อแกไม่มีคราบเลือดนะ?”
เรื่องที่เบสท์ถูกซ้อมจนน่วมเป็นข่าวลอยมาเข้าหูอ้นเช่นกัน และเขาเดาได้ว่าป้องจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์! เด็กคนที่ป้องแอบรักถูกเบสท์หักอก เบสท์จึงถูกแก้แค้น และถ้าหากป้องเผลอไปฆ่าใครเข้าอ้นก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด ดังนั้นการที่ป้องลุกลี้ลุกลนออกอาการผิดปกติเช่นนี้อ้นจึงระแวง
และป้องเองก็รับรู้ได้ว่าอ้นเริ่มกลัว เขาจึงฝืนยิ้มออกมาเพื่อให้เพื่อนสบายใจ
“อะไร? กูก็ขอโทษที่ทำให้มึงเป็นห่วงกูไง”
ป้องกล่าวพร้อมกับเขี่ยผมของอ้นไปทัดหูเล่นอย่างที่ชอบทำ เขาพยายามยิ้มแล้วอ่อนโยนกับเพื่อนชดเชยความรู้สึกผิด ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเพื่อนของเขาให้ความรู้สึกแบบ “ผู้หญิง” อ้นเหมาะสมกับการเป็นผู้หญิงมาก และอ้นจะเป็นผู้หญิงที่ดีเสียด้วย ดีจนหนุ่มๆ อยากได้เป็นแฟน แต่เสียดายที่ตาเขาไร้แววไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีในมือ
“มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูเลย”
แม้จะตัดใจแล้วแต่อ้นก็ยังเจ็บเมื่อป้องพูดออกมาเองว่าเขาเป็นได้แค่ “เพื่อน” เขาไปต่อไม่ถูกได้แต่งงว่าเกิดอะไรขึ้น
ทำไมแกต้องร้องไห้ด้วยอีป้อง?
“ขอบคุณที่คอยเป็นห่วงกู”
ทำไม?
“กูรักมึงนะอ้น”
อ้นมองใบหน้าของป้องที่มีหยดน้ำตากลั่นตัวไหลออกมาแล้วเริ่มร้องไห้ตาม เขาบอกไม่ถูกว่าทำไม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สายตาของป้องทำให้เขากลัว อ้นสัมผัสได้ถึงความเสียใจในน้ำเสียง แววตาของป้องราวกับรู้สึกผิดและต้องการขอให้เขาให้อภัย ที่สำคัญ อ้อมกอดของป้อง มันกอดเขาไว้ด้วยความสงสารเหมือนพยายามชดเชยไม่อยากให้มีอะไรมาทำร้ายเขาได้อีก อ้นไม่รู้ว่าทำไมแต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าป้องกำลังพยายามขอโทษเขา!
“แกรักฉันแบบไหนอะ? ใช่แบบนั้นมั้ย?”
อ้นถามได้แค่นั้นแล้วก็กระชับแขนของตัวเองกอดแผ่นหลังของป้องแน่น เขาปล่อยโฮออกมาผสานกับเสียงสะอื้นของป้องอย่างห้ามอารมณ์ไม่อยู่
เรย์เปิดฉากทักด้วยคำถามทันทีที่อ้นเข้ามายืนเคียงข้างกันในลิฟต์
“หายไปไหนมาสองวัน?”
อ้นเหลือบตามองคนถามแล้วตอบเบาๆ ด้วยเกรงใจผู้โดยสารคนอื่น
“รถชน เลยยุ่งๆ นิดหน่อย”
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
เรย์ไม่เพียงแต่ถามด้วยปากทว่าเขายังถามทางสายตาด้วยการกระทำอุกอาจ เขาเชยคางของอ้นให้หันไปประสายสายตากัน ดวงตาของเรย์จ้องเขม็งมายังดวงตาของอ้นที่ยังคงหลงเหลืออาการบวมแดงอยู่เล็กน้อย
อ้นปัดมือของเรย์ออกเบาๆ แล้วหันหน้าหนี ตอนนี้เขาเริ่มชินกับนิสัยของเรย์แล้ว จึงรับมือได้หนักแน่นขึ้น หรือพูดให้ถูกเขาไม่มีอารมณ์มาเขินเรย์เพราะความกังวลยังปั่นป่วนต่อเนื่องมาจากพฤติกรรมแปลกๆ ของป้อง
“ถ้าเป็นแล้วฉันจะมาทำงานมั้ยยะ?”
“ดีแล้ว”
เป็นอะไรมากรึเปล่านะ? ร้องไห้ชัดๆ
“รถซ่อมเยอะเหรอ?”
เรย์เป็นห่วงอ้น เขารู้สึกว่าอ้นผิดปกติแต่เขาไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรให้อ้นกลับมาสดใสเหมือนเดิม เขาคิดว่าบางทีอ้นอาจจะกำลังร้องไห้เพราะรถที่ยังผ่อนไม่หมดพังยับทั้งคัน แต่อ้นไม่ปล่อยให้เรย์สงสัย เขาเฉลยอย่างเรียบง่าย
“เยอะ แต่มีประกันชั้นหนึ่ง ไม่ต้องห่วงหรอกก็แค่ช่วงนี้ไม่มีรถใช้อะ”
“ลำบากเหรอ?”
“ก็นิดหน่อย”
เรย์มองอ้นเขี่ยข้าวในจานแล้วก็ยิ่งเป็นห่วง วันนี้อ้นต่อปากต่อคำกับเขาน้อยผิดปกติ
“ให้ช่วยมั้ย?”
“ไม่ล่ะฉันอิ่มแล้ว”
นอกจากจะเงียบผิดปกติแล้วยังใจลอยอีก วันนี้อ้นเป็นอะไร?
“ฉันไปก่อนนะเรย์ กินข้าวไม่ค่อยลงอะ”
อ้นทำท่าจะลุกไปเก็บจานเรย์จึงดึงแขนของอ้นไว้
“กินให้หมดสิ เสียดายนะ เดี๋ยวก็ไม่มีแรงทำงานตอนบ่ายหรอก”
อ้นมองมือของเรย์ที่จับข้อมือของเขาอยู่แล้วก็ตัดสินใจนั่งลงตามเดิม เขาพยายามตักเกาเหลาและข้าวในจานเข้าปากเคี้ยวกลืนลงคอแต่รสชาติหอมหวานที่เคยทานอร่อยมันช่างฝืดคอทุกคำ!
เมื่อวานนี้เขากับป้องกอดกันร้องไห้ ต่างคนต่างร้องไห้ ไปๆ มาๆ สรุปว่าเขากับป้องเลยโดดงานกันทั้งคู่ แต่ป้องไม่พูดอะไรเลย เขาถามก็ไม่ยอมบอก เมื่อป้องไม่อยากเล่าเขาจึงไม่กล้าเซ้าซี้ สุดท้ายเลยคุยกันเรื่องอื่น น่าแปลกที่ป้องพูดเรื่องสมัยเรียนเยอะผิดปกติ อ้นรู้สึกเหมือนป้องแคร์เขามากขึ้น แต่เป็นการพยายามเพื่อชดเชยบางอย่าง ดังนั้นอ้นจึงรู้สึกไม่ดี
“เครียดอะไร?”
“เรื่องงานมั้ง?”
อ้นถามคำตอบคำผิดปกติจนเรย์หงอยตาม เขาทำตัวไม่ถูก เรย์พึ่งเคยรู้สึกทำตัวไม่ถูกเพราะใส่ใจอารมณ์คนอื่นแบบนี้เป็นครั้งแรก ดังนั้นเขาจึงนิ่งตามแล้วนั่งมองอ้นพยายามฝืนทานข้าวที่เหลือในจานจนหมดก่อนจะเดินไปเก็บจานด้วยกัน
เมื่อลิฟต์มาถึงและทั้งคู่เข้าไปยืนเคียงข้างกันในลิฟต์แล้วเรย์ก็ยิ่งอึดอัด เขาอยากทำอะไรสักอย่างแต่คิดไม่ออก
จนกระทั่งลิฟต์ใกล้จะถึงชั้นที่อ้นทำงานอยู่แล้วเรย์ก็โพลงออกมา
“โทรหาเราได้นะ มีอะไรก็โทรมาด้วยล่ะ”
อ้นแปลกใจแต่ก็หันไปพยักหน้าให้เรย์แบบงงๆ
“อือๆ ละถ้าฉันมีอะไรจะโทรไปละกัน”
การเห็นอ้นรับคำทำให้เรย์เผลอยิ้มออกมา เขายิ้มด้วยเบาใจว่าอย่างน้อยก็ได้ทำอะไรสักอย่างแล้ว แต่เรย์ไม่รู้เลยว่าการเสนอตัวของเขาไม่อยู่ในความทรงจำของอ้นเลยสักนิด!๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
อ้นได้กินลูกครึ่ง!
มีใครเดาไว้บ้างว่าเรย์จะเป็นหนุ่มลูกครึ่งแบบนี้? แต่เค้าก็เฉลยชื่อตั้งแต่ตอนที่แล้วละนะ ฮ่าๆ ช่างเป็นลูกครึ่งที่ไร้ความไฮโซสิ้นดี!
อ่านนิยาย AzureICE แต่งเหรอ? อย่าคาดหวังความเวอร์วังในนี้ ไฮโซหนุ่มลูกครึ่งขับรถสปอร์ตตาสีเทาสูงยาวเข่าดีผมสีชา ... ฝันไปเหอะ! เอาลูกครึ่งแบบเรย์ไปก่อนนะกัน เดี๋ยวมาลุ้นกันว่านางขับรถอะไร?
หรือจะเอาไฮโซลูกมาเฟียบ้านนอกแบบอินางน้อยเติ้ลก็ได้นะ นั่นน่ะพี่ชายเป็นถึงหัวหน้าแก๊งอันธพาลประจำจังหวัดเลยนะ! #บ้านๆดีออก #โม้แบบสมจริง ฮ่าๆ
ส่วน "ชิโดะ มาริยะ" ที่ว่านั่นก็คือนางเอก(พระเอก?)จากการ์ตูนเรื่อง "Maria†Holic" นะจ้ะ ไปค้นเอาเอง ว่าแต่ทำไมเรย์ใช้รูปโปรไฟล์ในเฟซเป็น
ผู้หญิงล่ะ?
เข้าคู่ดีเนอะ
พี่ป้องน้องเติ้ล #งี่เง่ากับง๊องแง๊ง = #ปกป้อง&ตะวัน แหมๆ ... พอมาเป็น
#ตุ๊ดลำไยกับนายแว่นโฉด อ้นเรย์ ก็กลายเป็น
#อโณทัย&Her's_Guardian เข้าคอนเซ็บ
The SUN and Protector พอดีเป๊ะ!
สาบานว่าตอนแต่ง
#STRINT ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย แค่อยากตั้งชื่อตัวละครอีกตัวว่า "
เรย์" เพราะ "
เทพ" นี่คือเกรียน มีมุกชื่อจริงชื่อเล่นนิดหน่อยในเรื่อง ตัวละครอื่นๆ ก็คิดนะ อย่าง "
สตาร์=ดาว" งี้ ตัวประกอบ บรรดาเพื่อนๆ "
เมฆ" ต้องดูให้เหมาะกับสาย Agi "
หิน" นี่อยากได้ชื่อที่ดูหนักแน่น ทน ถึก! อีกชื่อคิดแล้วคิดอีกเอาไรดี เลยได้ชื่อธรรมดาๆ ที่เท่หน่อยๆ มาเป็น "เรย์"
ตอนแต่ง
#ไม่ฟิต ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย
"อ้น" มาเลย พอมาแต่งภาค
#ไม่กินเส้น นี่ต้องคิดละ จะเปลี่ยนของเก่าก็ไม่ได้ด้วย หาชื่อ "
เรย์" จากชื่อฝรั่งแล้วมีความรู้สึกว่าชอบชื่อ "
เรย์มอนด์" เลยหาความหมาย เสริชๆ ไป เจอปุ๊บ!
"ผู้ปกป้อง!" อ้าว เข้าเค้าเลยนิหว่า? เลยลองดูชื่อของ "
อ้น"
อ.อ่าง ตัว
น. คำว่า
"อโณทัย" มันปรากฏขึ้นในหัว
มีเพื่อนสาวคนนึง เค้าชื่อเอ็ด ชื่อจริงเค้าชื่อนี้แหละ นางน่ารักมาก ตอนเราไม่สบายเดินไม่ไหวในทริปนางพยายามมาอยู่เป็นเพื่อนเรา น่ารักกว่าชะนีคนอื่นๆ ซะอีก น่ารักกว่าเจ๊อีกคนที่เบี่ยงเบนเหมือนกัน นางดูใสๆ โลกสวย สีชมพู ฮาๆ เลยแอบหยิบความน่ารักของนางมาเป็นข้อมูลว่า "ตุ๊ดที่น่ารักและไม่แรง" เป็นยังไง?แล้วพอมาดูความหมาย
"อโณทัย" คือพระอาทิตย์ยามเช้า ต๊าย! "Raymond" ก็แปลว่าผู้ปกป้องอีก! คือมัน
เข้าคู่กันปะ? ตั้งแต่ตอนนั้นตัดสินใจคอนเซ็ปนิยายเลยว่า
#สีดำและสีขาว ไม่ต้องบอกนะว่าคู่ไหนดำคู่ไหนขาว ฮ่าๆ
... จริงๆ มันก็ไม่ดีหรอกนะ ทำงานไปโดยไม่ได้วางคอนเซ็ป แต่สุดท้ายมันก็มีทางไปของมันจนได้แหละน่า!
ตอนนี้อ้นก็เลยต้องเจ็บปวดนิดนึง... ก่อนจะได้พบกับการ์เดี้ยนของตัวเอง เหอๆ ยกนายปกป้องให้อีนางน้อยตะวันไปเหอะ!
อาจจะหน่วงหน่อยน้า คนที่อ่านไม่ฟิตคงเดากันได้ว่าอีพี่ป้องไปก่อคดีร้ายแรงระดับ7เอาไว้! นางพึ่งสำนึกค่ะ! กอดคอร้องไห้กับเพื่อน เหอๆ
แต่ก็จบบทด้วยเรย์นะ
รู้สึกน้องแว่นเริ่มรุกล้ำอาณาเขตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการดมๆ ป้ายกลิ่นด้วย ถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ระวังมีเฮ!
ชอบโมเม้นที่นางอยากปลอบแต่ทำอะไรไม่ถูกมาก มันดูน่ารักดี นึกภาพตามสิคะ เหมือนเด็กน้อยที่พยายามทำอะไรเป็นครั้งแรกแล้วคิดไปเองว่า "ตูทำสำเร็จแย้ว!" นางมาฟีลแบบเด็กน้อยอะ!
ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ ทั้งคนที่เม้น คนที่ตามอ่าน และคนที่คอยกดไลค์ในเพจ เอ้าโฆษณา!
https://www.facebook.com/AZI824/คิดถึงทุกคนที่เคยคุยกันมากๆ เลย ฮ่าๆ ดีใจที่กลับมาคุยกันนะคะ