『#ไม่ The Series』 - END จบแล้วจ้า #มีขายทั้งรูปเล่มและEbook [up22/7/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『#ไม่ The Series』 - END จบแล้วจ้า #มีขายทั้งรูปเล่มและEbook [up22/7/60]  (อ่าน 462954 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ssuchaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมอ้นน่ารัก หื้ออออ หลงอ้นแรง มาอ่านครั้งแรก ไม่ได้มาจาก ตูด แต่มาเพื่ออ่านอ้น ชอบอ้นว่ะงื้ออออ
 :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :impress2:

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
เพิ่งได้อ่าน สนุกดี ชอบเรื่องของอ้นที่สุด ดูสดใสดี
แล้วก็อ้นเป็นเด็กดี เรย์นี่แหละเหมาะที่จะเป็นสามีคนแรกและคนเดียว
ไหนๆ ก็เจอกันมานาน นึกถึงตอนเรย์ให้อ้นแต่งคอสเพลย์ แบบเซ็กซี่ๆ หรือแบบใสๆ แต่อยากจับกด คงฟินตัวแตก

ออฟไลน์ ryneyz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อย่าเพิ่งตันนนนนนน :ling1:

อยากอ่านน้องอ้นก่อนนนนนนนนน

สู้ๆนะค่ะ ตันก็พักก่อน แต่กลับมาแต่งต่อด้วยนะค่ะ รออ่านอยู่ค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   แม้ความสวยสดใสซาบซ่าของอ้นจะเป็นที่ฮือฮาไปทั้งบริษัททว่าความสาวไม่เก็บอาการของอ้นก็ถูกพูดถึงระบือไปทั่วทุกแผนกเช่นกัน คนที่ไม่จริงจังต่างเก็บมาแซวเฮฮามองเป็นเรื่องขำขัน แต่บางกลุ่มนั้นกลับเก็บมานินทาบ่งบอกอาการไม่กินเส้น และเรื่องที่ถูกเม้ากันสนุกปากมากที่สุดก็หนีไม่พ้นเรื่อง “ผัวเก่าสุดแซ่บ” ของอ้นนั่นเอง
   วันนี้เพราะความอยากสัมภาษณ์จ๋าถึงกับลงทุนมานั่งทานอาหารในแคนทีนด้วยกัน
   เมื่อเรย์มาถึงและเห็นอ้นนั่งอยู่กับเพื่อนร่วมงานอีกสองคนเขาจึงเลี่ยงไปนั่งคนเดียวอีกมุมหนึ่ง แม้จะไกลแต่เขาก็เลือกหันหน้าไปทางอ้น ไม่นานเขาก็เห็นอ้นมองมาทางเขา แต่สีหน้าของอ้นดูอึดอัดไม่ร่าเริงเช่นเคย

   “ก็ไม่มีอะไรค่ะพี่ แค่แฟนเก่าจริงๆ”
   “แน่นะคะคุณน้อง? เห็นสองป้านั่นบอกว่าแซ่บมาก แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ?”
   โอ๊ย! จะมาสัมภาษณ์อะไรเนี่ย! ชีวิตหนูก็เรื่องส่วนตัวหนูสิคะ! อีป้องนะอีป้อง!
   “ก็เพื่อนสมัยเรียนอะแหละคร่า ลองคบกันเล่นๆ ไปไม่รอดก็เลยเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไงคะ”
   “อ๊ะๆ แต่ได้ข่าวว่าอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ? เพื่อนบนเตียงอะไรแบบนี้ด้วยรึเปล่าอะ?”
   อ้นแทบปรี๊ดเมื่อหงส์หยอดคำถามแบบส่วนตั๊วส่วนตัวล้วงไปถึงเรื่องบนเตียง! เดี๋ยวนี้เพื่อนร่วมงานเขาจ้องจะเผือกเรื่องส่วนตัวซึ่งกันและกันเช่นนี้เชียวหรือ?
   ถ้าฉันบอกว่านอนเตียงเดียวกันหล่อนจะถามต่อมั้ยยะว่าเยกันท่าไหน! อีบ้า!
   “แหม หนูกับมันเป็นรูมเมทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วค่า! ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ มันก็แค่ชอบแกล้งหนูขำๆ ไปงั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก”
   “อ๋อ... สรุปว่าแค่เพื่อนกิ๊กกันขำๆ สินะ เสียดายนะอ้น ถ้าเป็นฉันนะรับรองว่าจะไม่ปล่อยให้หลุดมือ!”
   “นั่นสิ เสียดายออกคุณน้อง ทำไมถอยเสียล่ะในเมื่อเราภาษีดีขนาดนี้ พี่ว่าความใกล้ชิดนี่แหละโอกาสทองเลย ไม่น่าเลิกกันเลยอะ”
   ก็ถ้ามันรักหนูบ้างหนูคงไม่ปล่อยมือหรอกค่ะ นี่ก็ยื้อจนเจ็บไปทั้งมือแล้ว หนูทนไม่ไหวแล้วจริงๆ หนูถึงอยากปล่อยมือ
   อ้นเพียงแค่คลี่ปากยิ้มตามสถานการณ์ก่อนจะร่วมกันเม้าเรื่องอื่นต่อ แต่ในสายตาเรย์ ผู้ซึ่งสังเกตอ้นอยู่ห่างๆ เขาสัมผัสได้ถึงเปอร์เซ็นต์ความร่าเริงที่ลดลงฮวบฮาบ!

   “เมื่อวานคุยอะไรกันเหรอ? หน้านายดูไม่ได้เลย”
   “มันเรื่องของฉันปะอีแว่น ไปห่างๆ ฉันเลยนะยะ ฉันอยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากมีข่าวคาวอีก”
   “อ๋อ! เรื่องที่เขาพูดถึงพวกเราน่ะเหรอ?”
   น้ำเสียงของเรย์ทำให้อ้นหงุดหงิด ลำพังแค่เรื่องของป้องก็ทำให้เขาถูกเม้ามากพอแล้ว เขาไม่อยากกลายเป็นตุ๊ดร่านผู้ชายในสายตาใคร เดิมทีเรื่องระหว่างเขากับเรย์เป็นเพียงหัวข้อเม้ากันขำๆ เท่านั้น แต่เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่เมื่อป้องปรากฏตัว ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเขาซุกผัวไว้ที่ห้องแล้วยังแอบกินผู้ชายในที่ทำงาน!
   “พวกเราอะไรยะ? อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลยอีแว่น”
   เรียกแว่นอีกแล้ว สงสัยจะเป็นไทป์เอส ... แบบราชินีก็ไม่เลวนะ
   “ฉันอยากทำงานสงบๆ แกเข้าใจมั้ย? พร้อมไฟต์เรื่องงาน แต่ไม่อยากไฟต์เรื่องดราม่าในออฟฟิศ”
   “อาฮะ”
   “รู้มั้ยว่าเค้าลือกันไปถึงไหนแล้ว แกไม่เดือดร้อนบ้างรึไง? ฉันละเบื๊อเบื่อ แทนที่จะได้ทำงานอย่างสงบก็ถูกขัดแข้งขัดขาเพราะหมั่นไส้ที่ฉันมีผัว! คือฉันหมายถึงคนเราไม่ควรเอาเรื่องผู้ชายมาอิจฉากันแล้วกลั่นแกล้งเรื่องงานอะแกว่าปะ?”
   อ้นได้ทีบ่นยาวโดยมีเรย์นั่งตักข้าวเข้าปากอย่างไร้อารมณ์ร่วม เขาสนใจเรื่องไร้สาระพวกนั้นเสียที่ไหน
   “มันถูกมั้ยล่ะมาหมั่นไส้ฉันเพราะผู้ชาย! โอ๊ยทำงานไม่มีความสุขเลย!”
   “ลาออกสิ”
   “อีแว่น!”
   อ้นเผลอแหกปากตวาดแต่เรย์เพียงแค่เงยหน้าขึ้นจากจานมาสบตาก่อนจะยกช้อนที่มีลูกชิ้นหมูใส่ปากเคี้ยว แม้จะอายผู้คนในแคนทีนแต่อ้นก็หงุดหงิด เขาหมั่นไส้เรย์จนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว!
   “พูดง่ายนะยะ สมัยนี้งานมันไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะอีแว่น ที่นี่เงินดีด้วยออกให้โง่สิแก!”
   “อาฮะ”
   เรย์ตอบแค่นั้นแล้วตักข้าวทานต่อด้วยท่าทีสบายๆ
   เห็นท่าทางของเรย์ที่ไม่สนใจอะไรแล้วอ้นก็เพลีย เรย์นี่อยู่ด้วยยากจริงๆ

   ชีวิตการทำงานของอ้นยังดำเนินไปแบบลุ่มๆ ดอนๆ อันที่จริงงานเขาไม่มีปัญหาอะไรเลย พี่จ๋าที่เป็นหัวหน้าก็ดี ผลตอบแทนจากบริษัทก็สูง เพียงแต่พักหลังเขามักจะตกเป็นหัวข้อข่าวเม้าอยู่บ่อยๆ ช่วงแรกเขาไม่สนใจเพราะมั่นใจว่าไม่มีอะไรส่งผลกระทบต่อจิตใจตัวเอง เขาเป็นตุ๊ดจริงและไม่อายที่จะแสดงตัวตนผ่านรูปแบบการดำเนินชีวิต ส่วนเรื่องงานนั้นอ้นก็มั่นใจเต็มร้อย ทว่าพักหลังเริ่มมีเรื่องผู้ชายเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องจึงเริ่มคาวมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเพราะความริษยาของคน!

   ในขณะที่อ้นกำลังชงโกโก้อยู่ในห้องพักอย่างใจลอยเขาก็ถูกแกล้ง นิ้วปริศนาจิ้มเข้ามาที่เอวอย่างแรง!
   “จ๊ะเอ๋!”
   “ว้าย!”
   ผู้แกล้งตกใจกับเสียงอุทานลั่นของตุ๊ดสาว ทว่าโกโก้ในแก้วที่หกรดเสื้อผ้าของผู้ถูกแกล้งนี่สิทำเขาตกใจกว่า!
   “เฮ่ยเป็นอะไรมั้ยอ้น! ลวกมั้ย?”
   “พี่โจมเล่นอะไรอะ! ดูสิเลอะหมดเลย เดี๋ยวป้าใจแกก็มาด่าหนูหรอก”
   อ้นวีนแล้วรีบหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดคราบโกโก้ คิ้วบนหน้าผากผูกโบว์จนหน้าบึ้งส่งผลให้คนแกล้งงุนงงกับความดุที่ลืมแอ๊บ
   “ขอโทษๆ อ้นขี้ตกใจเหรอพี่ไม่คิดว่าเราจะเป็นขนาดนี้”
   โจมกล่าวขอโทษพลางช่วยอ้นเช็ดพื้น แต่อ้นกำลังโมโหจึงเห็นช้างตัวเท่ามด
   “ไม่ตกใจมั้งคะ อยู่ๆ ก็แกล้งกันแบบนี้ ดีเท่าไหร่แล้วที่หนูไม่สะบัดแก้วไปลวกหน้าพี่!”
   “เอาล่ะๆ พี่ขอโทษ เห็นอ้นเครียดๆ พี่เลยกะจะแหย่ให้หัวเราะ ไม่คิดว่า...”
   “อยากให้หนูอารมณ์ดี? เหอะ! อย่ามาแกล้งกันเป็นเด็กๆ แบบนี้สิคะ หนูบอกเลยค่ะวิธีนี้ ไม่เวิร์ก!”
   อ้นขยำทิชชู่เช็ดคราบโกโก้หย่อมสุดท้ายแล้วโยนใส่ถังขยะก่อนจะวางแก้วใช้แล้วลงในถาด
   “ทีหลังอย่าแกล้งหนูแบบนี้อีกนะคะ!”
   อ้นทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินหนีไปโดยไร้โกโก้แก้วใหม่ติดมือไปด้วย โจมรู้สึกผิดและคาดไม่ถึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ประทับใจบางอย่าง
   ไม่นานหลังจากนั้นระหว่างที่อ้นกำลังนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงาน เพื่อนร่วมงานขี้แกล้งก็โฉบมาหาถึงที่ โกโก้สตาร์บัคส์ถูกหย่อนลงบนโต๊ะ อ้นทั้งอึ้งทั้งงงปนดีใจ
   “อะไรคะพี่โจม?”
   ตุ๊ดสาวเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ผู้ชายตามโหมดปกติ และเมื่อเห็นโจมส่งยิ้มตอบอ้นก็ปลื้มจนยิ้มไม่หุบ
   “แทนคำขอโทษที่เมื่อกลางวันพี่ทำอ้นอดกินโกโก้ไง พี่กลัวเราจะอารมณ์เสียจนคิดงานให้พี่จ๋าไม่ทัน”
   อ๊าย! ตัวลอยเลยค่ะ มีหนุ่มซื้อโกโก้มาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ!
   “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
   “ยิ้มแบบนี้แปลว่าไม่โกรธพี่แล้วใช่มั้ย? โทษทีนะพี่เล่นไม่ดูเอง”
   ใครจะไปโกรธพี่ลงละคะแหม... เห็นรอยยิ้มกระชากใจแบบนี้แล้วหนูโกรธไม่ลงหรอกคร่า!
   “อุ๊ยไม่หรอกค่ะ หนูไม่โกรธพี่โจมหรอก เรื่องมันผ่านไปแล้วค่ะ”
   “ดีเลย งั้นเดี๋ยวเย็นนี้พี่เลี้ยงข้าวเย็นเอง ได้ข่าวว่าพี่จ๋าให้ทำโปรเจ็กเอสคิวดีใช่มั้ย? งานของพี่เองจะได้ไปคุยกัน”
   โอ๊ยตาย! ผู้ชายชวนฉันไปเดท กรี๊ด! หนูไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยคะ!
   “ค่ะ”
   อ้นยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า นาทีนี้ต่อให้ถูกคนทั้งบริษัทหมั่นไส้เขาก็ยอม!

   โจมพาอ้นมาทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บรรยากาศในร้านค่อนข้างสบายให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน อ้นนั่งลงบนเก้าอี้พลางมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางตื่นเต้น โจมหัวเราะท่าทางยุกยิกของอ้น
   “ไงร้านสวยมั้ย?”
   “ค่ะ บรรยากาศดี๊ดีนะคะ เอ่อ... มีแค่เราเหรอคะ?”
   เพราะแยกกันมาด้วยรถคนละคันอ้นจึงขับมาตามแผนที่และเดินเข้ามาในร้านโดยคิดเอาไว้ว่าต้องได้เจอหน้าเพื่อนร่วมงานคนอื่น โดยเฉพาะแทนที่ค่อนข้างสนิทกับโจม แต่เมื่อมาถึงโต๊ะกลับพบว่ามีเพียงเขาและคนชวนเท่านั้นจึงแปลกใจ
   “ใช่ ก็พี่ตั้งใจจะเลี้ยงเราไถ่โทษที่ทำเสื้อผ้าเราเลอะไง ตกลงเช็ดออกมั้ย?”
   แหม ถ้าเสื้อเลอะแล้วมีผู้ชายเลี้ยงข้าวหนูยอมสละเสื้อผ้าในตู้ทุกชุดเรยคร่า!
   “ช่างมันเถอะค่ะ เดี๋ยวเอาไปซักก็ออกเอง ว่าแต่ร้านนี้สวยจังเลยค่ะ อุ๊ยดูสิคะอาหารน่าอร่อยจัง แหมมาเร็วด้วย โอ๊ะ! รึพี่โจมมาถึงนานแล้วคะ?”
   อ้นแอ๊บสาวชวนผู้ชายคุยด้วยจริตราวกับเจ้าหญิงดิสนีย์ พลันเมื่อสายตามองไปเห็นหมูมะนาวในจานแล้วเขาถึงกับน้ำลายสอ คะน้าก้านอวบเสิร์ฟมาบนน้ำแข็งท่าทางกรอบจัดชวนให้เคี้ยว เมื่ออดใจไม่ไหวอ้นก็ทำตัวราวกับสโนว์ไวท์ยกส้อมจิ้มก้านคะน้ากรุบกรอบเข้าปาก มันอร่อยจนเขาเผลอยกมือขึ้นกุมแก้ม!
   อ้นยอมแหกกฎเหล็กประจำตัวเรื่องงดทานอาหารหนักมื้อเย็น แต่รสชาติของมันก็ช่างคุ้มค่าด้วยคุณภาพของรสชาติอาหารในปากและวิวทางสายตาที่มีหนุ่มหล่อเช่นโจมร่วมโต๊ะดินเนอร์ เขามีความสุขเหลือเกิน!
   ฟินสุดๆ เลยงานนี้!
   “อร่อยมั้ย? เมนูเด็ดของที่ร้านเลยนะ แล้วนี่ต้มแซ่บกระดูกอ่อน ของโปรดพี่เอง ลองชิมดูสิ”
   โจมตักต้มแซ่บแบ่งใส่ถ้วยเล็กๆ ส่งให้อ้นอย่างเชิญชวนแล้วเฉลย
   “สูตรนี้ได้มาจากคุณตาของพี่เลยนะ แกเป็นคนชอบกินเหล้าเลยทำกับแกล้มเก่ง พี่เลยมีวิชาติดตัวนิดหน่อย”
   “หาอะไรนะคะ?! พี่โจมอย่าบอกนะว่าพี่ทำเอง?”
   “เฮ้ยไม่ใช่ พี่แค่บอกสูตรให้พ่อครัว ฮ่าๆ ร้านนี้ร้านพี่เอง หุ้นกันกับเพื่อน ว่าอยากทำร้านเอาไว้นั่งกินเหล้าชิวๆ น่ะ”
   อ้นฟังแล้วก็เกิดความอิจฉา คนบางคนช่างเกิดมาแล้วครบเครื่องไปเสียทุกด้าน ดูอย่างโจมนี่สิ ทั้งหล่อและรวย โดดเด่นทั้งทางด้านไลฟ์สไตล์และหน้าที่การงาน คิดแล้วก็หมั่นไส้จนเผลอค้อนส่งไปให้เจ้ามือ
   “แหม งกนะคะ เลี้ยงข้าวหนูทั้งทีแต่เงินไม่กระเด็นเรย นี่เอาไว้แต่งบัญชีสวยๆ ด้วยรึเปล่าคะเนี่ย?”
   “ฮ่าๆ!”
   โจมระเบิดเสียงหัวเราะลูกใหญ่ อ้นต่างกับคนอื่นก็ตรงนี้แหละ ถึงจะชอบจิกกัดตามประสาเพศที่สามแต่ดูง่ายไม่ซับซ้อน
   “ก็คิดซะว่าพี่พาเรามากินข้าวที่บ้านไง พี่ตั้งใจจะทำร้านให้อบอุ่นเหมือนอยู่บ้านอยู่แล้ว ทีเรายังงกเลย ได้ข่าวว่าชอบไปกินข้าวที่แคนทีนแล้วยังถือกระบอกน้ำลงไปด้วยใช่มั้ย? ขี้เหนียวกว่าพี่อีก อาหารแคนทีนห่วยจะตายพี่กินไม่ลงเลย”
   แหม... ลิ้นเทพขนาดนี้พี่คงกินอย่างอื่นอร่อยหรอกค่ะ!
   แม้จะคิดจิกกัดอยู่ในใจแต่มือของอ้นก็ยังคงตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย อาหารที่โจมสั่งมาเลี้ยงเขาอร่อยทุกอย่างจริงๆ ดูท่าคงเป็นเมนูเด็ดของร้านที่เจ้าของภูมิใจ ดังนั้นอ้นจึงเพลิดเพลินกับของอร่อยอย่างตั้งอกตั้งใจ
   อ้นกับป้องอยู่หอ หุงหาอาหารไม่ได้ กินแต่อาหารเจ้าเดิมๆ จนเบื่อ มิหนำซ้ำพอทำงานเขาต้องรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยตัวเองทั้งหมด แค่ค่าน้ำมันรถไปกลับก็อ่วมแล้วไหนจะยังต้องเก็บเงินเพื่อความฝันสูงสุดของตนอีก เมื่อมีคนเลี้ยงจึงสวาปามสุดชีวิต
   อ้นกระพริบตาปริบๆ แล้วตักอาหารเข้าปากดื่มด่ำกับความอร่อยของของกินตรงหน้าปล่อยให้โจมวิจารณ์อาหารในแคนทีนไปเรื่อยๆ
   “ถูกก็จริงแต่กินไม่ลงว่ะ”
   “มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นมั้งคะ? บางอย่างก็ใช้ได้นะคะแต่หนูเห็นด้วยที่ว่าถูก”
   อย่างน้อยเกาเหลาร้านป้ายังอร่อยนะคะพี่โจม!
   “ท่าทางจะเก็บเงินเก่งนะเรา อ้นดูไม่ค่อยฟุ้งเฟ้อเลย ปกติพี่เห็นพวกตุ๊ดพวกเกย์เค้าติดหรูกัน เอ้ย! โทษนะ”
   โจมรีบแก้ตัวทันทีที่พูดคำบางคำออกมา แต่อ้นไม่ถือสา
   “โอ๊ยไม่เป็นไรค่ะพี่หนูไม่ถือ ก็หนูเป็นตุ๊ดจริงๆ นี่คะ”
   ท่าทางของอ้นทำให้โจมเกิดความรู้สึกเอ็นดู เขายิ้มให้รุ่นน้องในบริษัทแล้วเอ่ยต่อ
   “อ้นนี่ดูเป็นตัวของตัวเองดีเนอะ ปกติที่พี่เห็นเขาจะเก็กๆ กัน มีแต่เรานี่แหละเปิดตัวตั้งแต่วันแรกที่มาทำงาน”
   “แหม ของแบบนี้มันปิดกันได้ด้วยเหรอคะ หนูมาเต็มซะขนาดนี้เก็กชงไม่ทันแล้วค่ะ”
   “ฮ่าๆ รู้ปะขนาดเจ้เก้ยังเคยแอ๊บเลยนะ ไอ้แทนก็ด้วย ทำงานด้วยกันตั้งนานกว่าพี่จะรู้ว่ามันเป็นเกย์ เค้าว่าผีเห็นผี จริงปะ?”
   แต่ถ้าผีหลอกคนเก่งซะขนาดนั้นหนูก็ดูไม่ออกหรอกคร่า!
   “แหะๆ ไม่รู้สิคะ หนูไม่ค่อยได้สังเกตใคร”
   ขืนบอกว่าเที่ยวสอดส่องคนนั้นคนนี้ไปทั่วก็โดนหาว่าเสือกพอดีสิ!
   “ฮั่นแน่! มีแฟนแล้วนี่เองเลยไม่ค่อยสนใจใคร”
   “อันที่จริงตอนนี้หนูโสดค่ะ หนูกับเค้าเหลือแค่คำว่าเพื่อนกันแล้ว”
   ขอร้องล่ะเลิกลือเรื่องฉันกะอีป้องซะที! ขืนปล่อยไว้แบบนี้ฉันหาผัวใหม่ไม่ได้แน่ๆ
   “พี่ถามได้มั้ยว่าทำไมถึงเลิกกัน?”
   “ว้าย! พี่โจมจะขอรับบัตรคิวต่อรึไงคร้า?”
   “ฮ่าๆ ชงตลอดเลยนะเราเดี๋ยวพี่ก็เอาจริงหรอก”
   โจมหยุดหัวเราะก่อนจะถอนหายใจ เขาเอ่ยปากพูดต่อ
   “พี่ก็เลิกกับแฟนเหมือนกัน เลิกกันได้หลายเดือนแล้วล่ะ มันยังไงก็ไม่รู้ว่ะ รู้สึกต่างคนต่างเปลี่ยนไปเอาแต่ทะเลาะกันตลอด พี่ยังรู้สึกดีๆ กับเค้าอยู่ทั้งๆ ที่เค้าทำพี่เจ็บแทบตาย พี่สงสารเค้า พอจะคุยกับคนใหม่ก็รู้สึกผิดต่อเขา พี่ใจอ่อนจนเหนื่อย หลังๆ พอเฟดตัวเองออกมาเค้าก็ไม่ยอม เลยกลายเป็นยิ่งทะเลาะกัน พอพี่ได้ยินว่าแฟนเก่าเรามารับแถมยังอยู่ด้วยกันอีกพี่ทึ่งเลยนะ อิจฉาเราว่ะ ยังเป็นเพื่อนกันได้อีก”
   “คงเพราะหนูกับเค้าเป็นเพื่อนกันมาก่อนละมั้งคะ เค้าเห็นหนูเป็นแค่เพื่อนมาแต่ไหนแต่ไร พอเลิกกันก็เลยไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมาก แค่ปลดป้ายสถานะลงแต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”
   ถ้อยคำของอ้นทำให้โจมรับรู้ว่าอ้นไม่เคยได้รับความรู้สึกพิเศษจากแฟนเลย เขารู้สึกสงสารในขณะเดียวกันก็ทึ่งกับความเข้มแข็งของอ้น
   “แปลว่าเรายังรักเค้าอยู่ล่ะสิ?”
   “ค่ะ ก็ทำนองนั้น รักแรกนี่คะไม่ใช่ลืมกันได้ง่ายๆ”
   แววตาของอ้นตอนที่ยอมรับนั้นช่างเด็ดเดี่ยวจนโจมนับถือ เขาอิจฉาความเข้มแข็งของอ้นเหลือเกิน
   “หนูรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขารักคนอื่น แต่หนูชอบเขา ถึงเค้าจะยอมคบกับหนูแต่ถ้ามันไม่ใช่หนูก็ไม่อยากจะยื้อ สู้อยู่เป็นโสดสวยๆ รอคนที่ใช่จริงๆ ดีกว่า แถมยังมีเค้าเป็นเพื่อนเหมือนเดิมทุกอย่างด้วย หนูไม่อยากเกลียดกันเพราะความผิดหวังค่ะ”
   อ้นพยายามคิดบวกเป็นสาวโลกสวย ทว่าในใจยังคงเจ็บแปลบทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องของป้อง
   “ถ้าพี่ทำแบบอ้นได้ก็ดีสิ ทั้งๆ ที่พี่กับเค้าเคยรักกัน แต่ตอนนี้เค้าทำเหมือนเป็นศัตรูกับพี่ไปซะแล้ว”
   โจมระบายออกมาอย่างเศร้าสร้อยแต่แล้วก็ชะงักชวนเปลี่ยนเรื่อง
   “ช่างมันเถอะ เราอย่าสนใจเลย คุยเรื่องอื่นต่อดีกว่า โปรเจ็กไปถึงไหนแล้ว?”
   เห็นแววตาของโจมแล้วอ้นก็คิดถึงป้อง ระยะหลังป้องเปลี่ยนไปแม้จะเล็กน้อยแต่อ้นก็รู้สึกได้ อ้นไม่อยากให้ป้องหนีเขาเหมือนที่เคยทำกับคนอื่น เขายังอยากมีป้องในชีวิต แม้จะไม่ได้ครอบครองหัวใจแต่ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ได้แอบฟินเขาก็มีความสุขแล้ว
   ขออย่าให้ฉันกับแกกลายเป็นศัตรูกันเลยนะป้อง ฉันไม่อยากเสียแกไปจริงๆ

   “ปีใหม่นี้แกจะไม่กลับบ้านจริงเหรอ?”
   “งานกูไม่เสร็จ”
   ป้องตอบเรียบๆ ไม่สนใจเสียงตุ๊ดเซ้าซี้ ตาเขาจับจ้องอยู่แต่จอโน้ตบุ๊กจนอ้นเซ็ง
   “โอเคๆ ไม่กลับก็ไม่กลับ ว่าแต่แกอยู่ได้นะ? ต่อให้แกไม่อยากกลับบ้านแต่ก็ไม่เห็นจะต้องอยู่เฝ้าหอคนเดียวเลย ไปเที่ยวบ้านฉันก็ได้นะ”
   “ให้กูเป็นผัวมึงดิละกูจะยอมไปไหว้พ่อตา”
   “อีบ้า!”
   แม้อ้นจะด่าแต่ป้องไม่แคร์ เขาพูดต่อโดยไร้การถนอมน้ำใจ
   “ไม่งั้นละมึงจะให้กูไปในฐานะอะไร? เพื่อนเหรอ? มีอย่างที่ไหนวะมาบอกเลิกกันละยังกระแดะชวนกูไปเที่ยวบ้าน อีตุ๊ด!”
   “ก็คนสวยเป็นห่วงไม่อยากให้ป้องอยู่คนเดียวอะ รู้ว่าอยากหนีคนที่บ้านเกิดแต่ไม่เห็นต้องเก็บเนื้อเก็บตัวขนาดนี้เลย เอนจอยไลฟ์น่ะรู้จักมั้ย!”
   เมื่อถูกกระตุ้นป้องจึงของขึ้น
   “เดี๋ยวมึงได้เจอเอ็นกูบนเตียงคืนนี้แน่อีอ้น! พูดมากนะมึง ลงไปซื้อข้าวให้กูทีดิ๊ หิว!”
   แม้จะรู้ตัวว่าเผลอแตะต้องเขตหวงห้ามของป้องก่อนแต่อ้นก็ไม่แคร์ เขารู้ว่าป้องถึงกับยอมตัดขาดกับเพื่อนที่รักมากเพื่อตัดความเกี่ยวข้องทุกอย่างกับเด็กคนนั้น ที่ไม่ยอมกลับบ้านเลยสักครั้งหลังเรียนจบก็เพราะเหตุผลงี่เง่านี้ ทั้งที่ความจริงแล้วป้องคงรู้สึกโดดเดี่ยวเหงาสุดชีวิต อ้นจึงไม่อยากปล่อยป้องไว้คนเดียว เขาไม่อยากให้ป้องรู้สึกว่าไม่เหลือใคร เขาพยายามช่วยแต่ป้องกลับกวนบาทาใส่เขาเสียนี่!
   “เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็ใช้ฉันนะ อีขี้เกียจสันหลังยาว!”
   “เอ๊าละมึงเป็นใคร! แค่เพื่อนปะ? กูพิเศษให้เฉพาะแฟนว่ะ สม! อยากบอกเลิกกูเอง”
   “ย่ะ ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
   อ้นกระแทกเท้าเดินออกจากห้องไปหาซื้อเสบียงมาให้เขาตามคำสั่ง ป้องเหลือบตามองไปยังประตูที่ปิดลงแล้วถอนหายใจ มือของเขาหยุดนิ่งดวงตาเหม่อลอย
   อ้นพูดถูกทุกอย่าง และนั่นเป็นเพราะอ้นเข้าใจเขาทุกอย่างนั่นเอง แล้วทำไมทั้งๆ ที่อ้นดีกับเขาถึงเพียงนี้แล้วเขายังไม่รัก! ทำไมเขายังไม่ลืม!
   ทำไมกูถึงรักมึงไม่ได้วะอ้น

   และแล้วก็ถึงเทศกาลหยุดยาว เช้านี้อ้นตั้งใจจะตื่นสาย แต่แล้วกลับมีมือยื่นมาเขย่าตัวเขา
   “ไอ้อ้น ตื่น”
   เมื่อลืมตาขึ้นมองแล้วเห็นป้องอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยอ้นก็งง แต่มีหรือตุ๊ดจะแคร์
   “อะไร พึ่งเจ็ดโมงเองขอฉันนอนต่ออีกหน่อยสิ เดี๋ยวฉันต้องขับรถอีกไกลนะ”
   “ลุกได้แล้วอย่าอิดออด ออกสายรถติดนะมึง”
   “ช่างช้าน”
   ตุ๊ดสาวครางอย่างเกียจคร้านก่อนจะพลิกตัวหนีแถมยังไถศีรษะไปซุกใต้หมอนอีกต่างหาก
   “ไม่ตื่นกูปล้ำ เลือกเอาจะพากูไปหาพ่อมึงในฐานะเพื่อนหรือลูกเขย”
   เพียงได้ยินคำขู่อ้นก็ลืมตาตื่นโดยอัตโนมัติ เขาหันมาจ้องหน้าเพื่อนชายพลางกระพริบตาปริบๆ
   “แกว่าอะไรนะ?”
   “กูเปลี่ยนใจอยากไปเที่ยวสวนผึ้งไง ไป ไปอาบน้ำได้แล้ว”
   กรี๊ด หนูลากลูกเขยกลับไปอวดพ่อได้แล้ว!

   “อีอ้น! เสร็จยัง? แต่งอยู่นั่นแหละ นานแล้วนะมึง จะเก้าโมงแล้ว”
   “เดี๋ยวสิ แกไม่เข้าใจเหรอ ฉันจะกลับบ้านทั้งทีก็ต้องสวยสิยะ”
   “จะสวยไปอวดใครวะ? ทำไมต้องเยอะขนาดนี้ด้วยกูรำคาญ เร็วๆ ดิวะ”
   “โอ๊ย! คือแกเข้าใจมั้ยว่าฉันเป็นตุ๊ด!”
   อ้นหงุดหงิดจนหันกลับมาวีนแตกใส่แฟนเก่า เขาลืมไปเลยว่าตนยังแต่งหน้าไม่เรียบร้อยดี แต่ป้องเคยใส่ใจเรื่องแบบนี้เสียที่ไหน ไม่ว่าจะตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกอย่างไรอ้นก็ยังคงเป็นได้แค่ “อ้น” อยู่ดี
   “เออ!”
   “ละทีนี้คนแถวบ้านฉันเค้าก็รู้กันหมดแล้วว่าลูกชายพ่อเปลี่ยนเป็นลูกสาว ดังนั้นจะกลับบ้านทั้งทีจะปล่อยให้ตัวเองโทรมได้ยังไงยะ ฉันต้องสวยแซ่บให้ทุกคนโจษจันกันสิยะว่าลูกสาวพ่อ สวยมว๊าก! พ่อจะได้ภูมิใจว่าคิดไม่ผิดที่อนุญาตให้ลูกชายแต่งหญิงได้!”
   อ้นร่ายยาวเหยียดตอบป้องก่อนจะหันไปมองกระจกแล้วอ้าปากพลางปรือตา เขาขยับแท่งมาสคราในมือเข้าออกสองสามทีแล้วบรรจงปัดลงบนขนตา พอพัดกระพือขนตาแห้งดีแล้วอ้นก็บีบกาวลงบนขนตาปลอมที่ถูกคีบไว้ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้งโดยมีนิ้วก้อยคอยกรีดกราย ตุ๊ดสาวจับขนตาปลอมแกว่งไปมาพลางห่อปากเป่า เมื่อได้ที่แล้วเขาก็ค่อยๆ แปะขนตาปลอมแบบธรรมชาติสีน้ำตาลเข้มลงบนเปลือกตา อ้นขยับขนตาปลอมจนได้ที่แล้วก็กระพริบตาปริบๆ ส่งให้ตัวเองในกระจกพลางเล็งซ้ายขวาก่อนจะยิ้มออกมา และแล้วเขาก็เริ่มกระบวนการทำซ้ำกับดวงตาอีกข้าง
   ป้องมองแล้วส่ายหัวด้วยความเซ็ง
   กว่ามึงจะติดเสร็จหนึ่งข้าง นี่ยังเหลืออีกหนึ่งข้าง กูต้องรอมึงอีกนานมั้ยอีตุ๊ด!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-02-2016 03:00:11 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   เมื่อคนสวยพร้อม ข้าวของพร้อม ป้องก็พร้อม เขาลุกขึ้นยืนมีแค่กระเป๋าสะพายใบเดียวยัดเสื้อผ้าใส่มาไม่กี่ชุดผิดกับอ้นที่ขนของฝากกลับบ้านเพียบ
   ความจริงแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ป้องจะไปบ้านอ้น แต่เขารู้จักพ่อของอ้น และพอรู้ว่าที่บ้านอ้นเป็นสวนดอกไม้
   สวนเพาะพันธุ์ดอกไม้ขนาดกลางที่เน้นกุหลาบอังกฤษเป็นพิเศษ พ่อของอ้นเพาะพันธุ์ต้นกุหลาบขายเป็นหลักจนมีชื่อเสียงในวงการพอตัว แต่ลูกชายคนเดียวที่หวังอยากให้กลับไปสืบทอดทุกอย่างกลับกลายเป็นลูกสาวที่หลงใหลไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง แต่ป้องเข้าใจอ้น เขาเองก็ไม่อยากกลับไปทำนาที่บ้านเกิดเช่นกัน คิดแล้วเขากับอ้นก็มีอะไรคล้ายกันอย่างน่าประหลาด!
   อ้นขับรถโดยใช้ความเร็วคงที่อยู่ที่ระดับหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่เร็วและไม่ช้าจนเกินไป โชคดีที่รถไม่ติดมากนัก เมื่อเวลาผ่านไปได้สี่ชั่วโมงกว่าๆ ทั้งคู่ก็มาถึงจุดหมาย เลยมื้อเที่ยงมาพักใหญ่แล้วแต่ป้องบอกกับอ้นเองว่าเขาไม่ค่อยหิวทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะไปทานอาหารที่บ้านของอ้นเลย ป้าแท้ๆ ของอ้นคิดถึงหลานมากเตรียมสำรับไว้รอต้อนรับทั้งสองไม่อั้น ป้องเห็นภาพความอบอุ่นในครอบครัวเพื่อนแล้วก็อดคิดถึงยายไม่ได้ เขาได้แต่บอกตัวเองให้ตัดใจและค่อยหาวันลาที่ไม่ตรงกับเทศกาลหรือช่วงปิดเทอมของใครบางคนกลับบ้านแทน
   ทุกคนต้อนรับป้องอย่างอบอุ่นเป็นกันเองในฐานะเพื่อนสนิทของลูก แม้จะยังคาใจแต่ผู้เป็นพ่อก็เก็บงำความสงสัยเอาไว้ เขาดูออกว่าลูกคิดอย่างไรกับป้องแต่เขาไม่รู้ว่าทั้งคู่อยู่ในสถานะไหนกันแล้ว ลูกชายเขากลับบ้านมาทีไรก็สวยขึ้นทุกปี!

   “ครับผมก็คิดถึงยาย ขอโทษที่ปีใหม่นี้ผมกลับไม่ได้ ไว้ผมจะหาวันลากลับไปหายายนะครับ”
   ยามดึกคืนนั้นอ้นหอบเอาผ้าห่มมาส่งให้ป้อง เสียงพูดคุยที่แอบได้ยินทำให้อ้นสงสาร ป้องโกหกหัวใจตัวเองและพาลมาโกหกคนอื่นต่อจนวุ่นวาย แต่อย่างไรเขาก็ทิ้งป้องไว้คนเดียวไม่ได้จริงๆ
   “ก๊อกๆ คนสวยเอาผ้าห่มมาส่งค่า แถวนี้ตอนกลางคืนอากาศเย็นนะคะ ถ้าไม่อยากเป็นหวัดก็อย่าลืมห่มผ้านอนนะคนสวยเป็นห่วง จุ๊บๆ”
   อ้นส่งจูบให้อย่างดัดจริตป้องจึงออกอาการเซ็ง
   “มาให้กูกอดนี่มาเนื้อห่มเนื้อจะได้อุ่นๆ”
   “ว้ายอีบ้า!”
   อ้นพุ่งถลาเข้ามาปิดปากเพื่อนซี้ ป้องเห็นอาการตกใจหน้าตาตื่นพลางหันหลังไปชะโงกมองด้วยกลัวว่าจะมีคนแอบได้ยินของอ้นแล้วก็ขำ เขาจับมือของเพื่อนออกจากปากของตัวเองแล้วกวนต่อ
   “อะไร? ทำเป็นอายนะมึง ทีตอนอยู่กรุงเทพยังมานอนซุกอกกูทุกคืน หรือกลัวพ่อมึงรู้ว่าลูกแรด?”
   “อีบ้าไม่ตลกนะยะ! ถึงพ่อฉันจะยอมให้เป็นตุ๊ดแต่ฉันไม่กล้าให้พ่อรู้ว่าลูกแรดนี่ เรื่องแกฉันยังไม่กล้าบอกเลย! ฉันก็กลัวพ่อรับไม่ได้เหมือนกันนะ ทีละเรื่องเถอะ ถ้าพ่อยอมให้ลูกชายเป็นลูกสาวได้ทุกวันเมื่อไหร่ฉันค่อยหาผัวมาเปิดตัว”
   อ้นหย่อนก้นลงบนเตียงพลางระบายความอึดอัดใจ
   บ้านหลังนี้เป็นห้องว่างอยู่ใกล้เรือนคนงาน ตัวบ้านทำจากดินมีห้องน้ำในตัวพึ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ จากงานอดิเรกของเจ้าของสวนที่หันมาสนใจบ้านดิน อีกไม่นานสวนกุหลาบแห่งนี้อาจจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีบริการห้องพักค้างคืนสำหรับผู้ที่ขับรถมาซื้อกุหลาบสายพันธุ์แท้หายากแล้วต้องพบกับปัญหาที่พักใกล้ๆ สวนเต็ม
   “แค่ที่วันนี้แต่งหญิงเต็มพิกัดกลับบ้านก็กลัวพ่อตบจะตายอยู่แล้ว”
   “กลัวทำไม พ่อเค้าออกจะรักมึง”
   ป้องนั่งลงข้างๆ แล้วจับปอยผมที่หลุดออกมาไปทัดหูให้อ้นอย่างอ่อนโยน อ้นตัดผมบ็อบซอยไล่ระดับเทมาด้านหน้า บางเวลาปอยผมก็ตกลงมาเคลียแก้มด้วยอานุภาพของผมเส้นตรงมีน้ำหนักเงางาม อ้นพยายามดูแลร่างกายตัวเองให้สวยอย่างเป็นธรรมชาติอยู่เสมอแม้ว่าจะต้องรักษาบุคลิกภายนอกให้ใกล้เคียงกับการเป็นผู้ชาย บางทีเขาก็เห็นใจอ้น
   เห็นหน้าเพื่อนซี้ทำไหล่ตกแล้วก็เกิดความสงสาร ป้องรู้ว่าอ้นมีความฝัน และการจะทำตามความฝันนั้นจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาล อย่างน้อยๆ ก็หลักแสน ดังนั้นอ้นจึงพยายามทำงานเก็บเงินเพื่อทำตามความฝันของตัวเอง
   “มึงมีครอบครัวที่อบอุ่นมีคนที่รักมึงรอมึงอยู่นะอ้น เค้าคงไม่ตัดขาดกับมึงเพียงเพราะมึงมีหลานให้เขาไม่ได้หรอก”
   “แกคิดแบบนั้นเหรอ?”
   “เออ”
   “ขอบใจนะป้อง”
   อ้นยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย แม้ว่าอ้นจะอาบน้ำและลบเครื่องสำอางบนหน้าออกหมดแล้วแต่ป้องก็ยังคิดว่าอ้นในตอนนี้นั้นน่ารัก เพื่อนของเขามีมุมน่ารักๆ ไร้อาการวี้ดว้ายน่ารำคาญอยู่ในตัวเช่นกัน น่าเสียดายที่มันไม่เคยทำปฏิกิริยากับหัวใจเขาได้เลย

   บรรยากาศปีใหม่ในสวนกุหลาบเป็นไปด้วยดี เจ้าของสวนใจดีปล่อยให้ลูกจ้างหยุดงานแต่ต้นกุหลาบไม่สามารถขาดการดูแลได้ งานนี้เลยได้ “ลูกสาว” เจ้าของสวนกับคนงานเฉพาะกิจอย่างป้องมาช่วยดูแล และพ่อของอ้นก็ประทับใจทักษะทางการเกษตรของป้องมากทีเดียว
   คืนนั้นเมื่อมีโอกาสได้อยู่กับลูกสองต่อสองผู้เป็นพ่อจึงลองหยั่งเชิง
   “ไปไงมาไงถึงชวนเจ้าป้องมันมาด้วยได้ล่ะ? มันไม่กลับบ้านของมันรึ?”
   “แหมคนเราก็ต้องอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างสิพ่อ ก็ให้เพื่อนหนูอยู่ด้วยหน่อยไม่เห็นจะเป็นไร พ่อก็ใช้แรงงานเพื่อนหนูไปตั้งเยอะ ฉลองปีใหม่ท่ามกลางดอกกุหลาบ ชีวิตปีหน้าจะได้โรยด้วยกลีบกุหลาบยังไงละพ่อ”
   ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายที่บัดนี้ฉาบตัวเองไว้ในคราบของหญิงสาวแล้วก็ปลง กลับมาคราวนี้ไม่เพียงแต่อ้นจะแสดงอาการตุ้งติ้งพูดจา “คะขา” เต็มที่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของเขานั้นแต่งตัวประหนึ่งเป็นผู้หญิงทุกวันด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบบผู้หญิงและแต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางจนสวยหวานราวกับเทพธิดาสวนผึ้ง!
   ถึงตอนนี้เขาคงต้องยอมรับว่าอ้นได้กลายเป็น “ลูกสาว” ไปแล้ว
   เฮ้อ คนเป็นพ่อก็เลี้ยงลูกได้แต่ตัว!
   “แกแน่ใจนะว่าแค่เพื่อน?”
   “เก๊าะ... เพื๊อนอะพ่อ แค่เพื่อน”
   “แล้วทำเสียงสูงทำไม? ห๊ะๆ? นี่อ้น แกเป็นขนาดนี้แล้วก็บอกพ่อมาเถอะ บอกมาให้ชัดๆ เลยแกกับมันน่ะเป็นอะไรกันแน่?”
   เพราะผู้เป็นพ่อเสียงดุทำท่าทางเอาเรื่องอ้นจึงไม่กล้าบอกความจริง เขาตอบปัดเลี่ยงไปยกเหตุการณ์แย่ๆ ในอดีตขึ้นปิดบังความจริง
   “แค่เพื่อนจริงๆ นะพ่อ หนูกับป้องไม่ได้เป็นอะไรกัน แหม ถ้ามันจะสปาร์คอีป้องมันคงไม่กระทืบหนูจนเจ็บขนาดนั้นหรอก”
   อ้นกล่าวติดตลกแล้วยักไหล่ปิดท้าย เขาไม่ชอบโกหก และเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้พูดปดในเมื่อตอนนี้เขากับป้องเป็นเพียงเพื่อนกันจริงๆ แต่มีหรือที่ลูกจะหลอกสายตาของผู้เป็นพ่อได้
   “แกชอบมันใช่มั้ยอ้น?”
   “พ่ออ๊ะ! พูดแบบนี้หนูไม่คุยด้วยแล้วนะ”
   “ทำไม พ่อถามแทงใจดำแกล่ะสิ?”
   “อย่ามาหาเรื่องให้หนูกับเพื่อนผิดใจกันนะ ถ้าอีป้องมันรังเกียจหนูขึ้นมาแล้วใครจะหารค่าห้องกับหนูเล่าพ่อก็!”
   “ให้มันแน่นะ”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


อุ๊ยๆ อ้นลากว่าที่ลูกเขยกลับบ้านไปไหว้พ่อตาได้แล้ว!  :impress2:
... ใช่ที่ไหน นั่นมันลูกเขยลุงอาทิตย์ มาเฟียโต๊ะบอล เจ้ามือหวยใต้ดิน แถมยังเปิดบ่อน ชั่วครบสูตร พ่ออีนางน้อยเติ้ล ... o22

บทนี้ทำพระเอกหายอีกแล้ว ... นิสัยนี้ติดมาตั้งแต่แต่ง ดราม่าควีน แต่แบบ คนเรามันก็ต้องมีชีวิตส่วนตัวกันบ้างอะ จะให้พระเอกออกมาอยู่กับนางเอกทุกฉากมันก็ประหลาดนะ แบบละครไทยที่พระเอกจะต้องเป็นเจ้าของบริษัทมาตามเฝ้านางเอกได้ตลอดเวลาไม่ต้องทำมาหากินกันเบย!
แต่พี่โจมเด่นม๊าก! จบบทนี้คาดว่าคงมีคนยกป้ายเชียร์เพิ่มอีกหลายคน มีคนขอเปลี่ยนตัวพระเอกด้วย เหอๆ เอาล่ะมาดูกันว่าเราจะทำให้คนอ่านรักเรย์เพิ่มขึ้นได้รึเปล่า? ไม่แน่อาจมีคนเปลี่ยนใจกลับไปกลับมา

 :L1: :L1: อัพรับวาเลนไทน์ เพราะไม่ได้ปั่นตอนพิเศษอะไรไว้เลย มัวแต่เขียน #ไม่กินเส้น นี่แหละ!
เรย์ทำเราปวดตับมาก... พอเซ็ทคาแรคเตอร์ได้แล้วก็ปวดตับกับอินเนอร์ของอ้นอีก "จริตกะเทย" หรือ "อินเนอร์แบบตุ๊ด" นี่เขียนยากสุดๆ เราพูดแบบตุ๊ดไม่เป็น #อิด*กเป็นคำสร้อยของตุ๊ด เราก็พึ่งรู้ แต่ไม่อยากให้อ้นพูดแบบนี้เยย (ขอเล่นมุกเปลือกหอยให้เข้ากะสถานการณ์หน่อยนะ กำลังฮิตเลย ฮ่าๆ)
ถ้าเราแต่งตรงไหนไม่ถึงอารมณ์ต้องขอโทษน้า ภาค2นี้จะลดความเรียลลงนิดหน่อย ใส่ความมุ้งมิ้งลงไปค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะตัวละครที่มีบุคลิกแปลกๆ แบบเรย์ มันก็เข้ากันดีกับตัวละครล้นๆ แบบอ้นนะ ... คือกะให้พล็อตของอ้นฝันๆ เป็นเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยายหน่อยๆ อะ มันเลยมีหนุ่มๆ มาฮาเรมแบบนี้ แหะๆ (ถือว่าคืนกำไรให้ผู้อ่านละกันนะ ใครจะจิ้นตัวเองเป็นอ้นก็ไม่ว่ากัน)
แต่นอกนั้นความดราม่ายังมีครบจ้า แค่ลดลงนิดนึง เติบความเงิบเข้าไปแทน อะไรเสื่อมสัสก็อาจจะไม่เยอะเท่าภาคแรก (อิเด็กปากไม่หูรูดมันพัฒนาแย้ว! พี่ป้องก็โตขึ้นด้วยเลยไม่ค่อยฮาร์ดคอร์)

มีคนเชียร์ให้แยกเรื่องเยอะ ถึงตอนนี้คงทำไม่ได้แย้วล่ะ ... เค้าอุตส่าส่งข้อความไปหาแอดมินขอเอาเรื่องกลับมาต่อภาค2ง่ะ เกรงใจเค้า ขอโทษจริงๆ นะค้าบ คนอ่านทุกท่าน
 o1 แต่ที่เค้าตัดสินใจลงต่อในกระทู้เดิมเลยเค้าก็มีเหตุผลนะ เพราะว่าเนื้อเรื่องมันเกี่ยวพันกันค่อนข้างมาก


"ใครว่าเราไม่กินเส้น?" เป็นภาค2 เนื้อเรื่องจะต่อจาก"ตูดผมไม่ฟิตจริงเหรอพี่?"

ถามว่า "ไม่เคยอ่านภาคแรกจะอ่านรู้เรื่องมั้ย?" :confuse:
คิดว่าน่าจะอ่านรู้เรื่องนะ เพราะอธิบายที่มาที่ไปของป้องไว้นิดๆ หน่อยๆ เรย์นี่ก็พึ่งเปิดตัว
แต่ในสายตาคนที่ไม่เคยอ่านภาคแรก ป้องก็อาจจะเหี้ยมาก เหอๆ ....  o8  คือป้องดูติส ไร้เหตุผล งี่เง่า มีมุมดีๆ บ้างแต่นิสัยแย่ๆ กลบหมด
แต่ถ้าได้อ่านภาคแรก เห็นที่มาที่ไปก็จะอินล่ะ จะเข้าใจป้องขึ้นมาอีกนิดนึง และจะลุ้นกับการรับมือของอ้นแทน ในขณะเดียวกันก็จะได้เห็นพัฒนาการของป้อง ได้รู้ถึงช่วงเวลาที่หายไป และจะเห็นมุมมองกับความรู้สึกของป้องที่มีต่ออ้น ซึ่งมันจะค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิด เปลี่ยนจนเป็นแกนหลักของเรื่องเลยว่าทำไมผู้ชายคนนึงถึงได้มองตุ๊ดที่เคยแอบล้วงแมมมอธตัวเองด้วยสายตาอ่อนโยน (ซึ่งมันเคยกระทืบเค้าซะเละ!) มันก็มาจากการวางตัวของอ้น ทำอย่างไรก็ได้ผลแบบนั้น อยากเป็นอะไรก็ต้องวางตัวให้เป็นแบบนั้น อะไรทำนองนี้ (แต่ขออุบไว้ก่อนว่าจะเล่นประเด็นไหนสำหรับภาค2นี้ เหอๆ)


นอกจากนี้ยังมีตัวละครจากเรื่อง STR/INT : Love Tricks   มาร่วมแจม !!!!
เพราะจริงๆ แล้วเรย์เป็นตัวละครที่ถูกลืมในเรื่องนั้นมาก่อนที่จะมีเรื่องแยกเป็นของตัวเอง (โผล่มา2ฉาก มีบทพูด1ประโยค) #ห๊ะ! นี่ไม่ใช่เดดพูลนะ!
ซึ่งในเรื่อง "ใครว่าเราไม่กินเส้น?" นี้ก็มาครบแก๊งนะ พี(เทพ) เมฆ หิน เพราะก๊วนสามคนนี้เป็นแก๊งเดียวกันกับเรย์ "แก๊ง3(.5)เกรียน" บ่งบอกสถานะภาพตัวแถมของใครบางคนมาก ... T^T  ... พระเอกมีปมก็เงี๊ยะ! ชอบเขียนแต่เมะประหลาดๆ พระเอกมีปม ไม่ค่อยมีเฟอเฟ็กกายเล้ย!
แล้วก็ต้องมีพี่สตาร์กับน้องสไนเปอร์โผล่มาแน่นอน (วางพล็อตไปถึงละ ฮ่าๆ)
แต่ถามว่า "ไม่เคยอ่านจะอ่านรู้เรื่องมั้ย?" ก็รู้เรื่องแหละ เพราะเนื้อเรื่องมันก็ไม่เกี่ยวข้องกันเท่าไหร่ มาแต่ตัวละครเฉยๆ แต่ถ้าอยากอ่านก็มีลิงค์ด้านบนนั่นไง จิ้มเยย!
:teach:



** ขายของนิด เปิดรีปริ้นท์ STR/INT : Love Tricks อยู่นะ
https://www.facebook.com/AZI824/posts/531073817061465

ตอนนี้ยอดจองน้อยมาก ทำให้เราคิดว่าคนคงสนใจน้อย คนที่อยากได้อาจจะซื้อกันหมดแล้ว รอบนี้เลยว่าจะเป็นรอบเก็บตกให้คนที่เก็บเงินซื้อรอบแรกไม่ทัน อาจจะไม่ได้เปิดรีปริ้นอีกเพราะไม่มีคนอยากได้แล้วอะไรแบบนั้น
คือขี้เกียจเปิดโครงการบ่อยๆ ด้วยไง คนซื้อน้อยพิมพ์มาเหลือทุนมันจม เราจะได้เก็บตังค์ไว้ทำอย่างอื่นมั่ง เหอๆ ใครรอลุ้นไม่ฟิตบ้าง?

 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-02-2016 04:12:07 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คนเขียนเขียนอะไรมาก็ชอบทั้งนั้นเลยค่ะ ชอบเห็นความreal วามแปบกใหม่ในนิยาย แล้วแต่จินตนาการคุณคนเขียนเลยค่ะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew1:  อ้นน่ารักดี มีหัวคิด
พระเอกหายไปโมตัวเองอยู่ใช่ไหม
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Ssuchaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :-[ ชอบความเป็นอ้น นางน่ารักแบบที่ตัวเองเป็น แล้วอีพระเอกนี่หายบ่อยจังนะ อู้บ่อยจัง เดียวมีเปลี่ยนตัว อีป้องนี่รีบกลับไปดีกับเมียเก่าไปรำ ชิชะ อยากให้อ้นมีคนใหม่ล้าวว อยากเห็นอ้นใส่ชุดนางพยาบาล 55555555  :hao7:

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
อ๊ายยยยย..............อ้นศรี ตุ๊ดลำไย ของเค้า
และอีกหลากหลายคำพรรณาสุดน่ารัก(จากผู้เขียน)ที่มอบให้นาง

ตั้งแต่เรื่องของ ป้อง-เติ้ล เห็นแต่ความล้นเว่อร์วังของนาง
พอเข้าเรื่องของนางเอง เราเลยเห็นว่า #นางฮามาก #โลกสวยมาก
#ขำหนักมาก
  :laugh: :laugh: :laugh:

นี่เชียร์ โจม ณ บัดนาว อิเรย์เรายังสื่อสัมผัสไม่ได้หรือนางจะ deep เกินไป



ปล. ตั้งแต่ได้งานไม่ค่อยได้เข้าเล้าเป็ดเลย  :sad4: เค้าชอบงานของผู้เขียนเสมอ
มัน แปลก ล้ำ real และตัวละครเกรียนดี

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   เที่ยงคืนของวันที่สามสิบเอ็ดธันวาคม เสียงแอพพลิเคชั่นดังต่อเนื่องรัวๆ อ้นนั่งเฮฮาอยู่กับญาติพี่น้องและป้อง เขาจิ้มสมาร์ตโฟนตอบกลับข้อความสวัสดีปีใหม่ไปยังบรรดาเพื่อนในลิส นอกจากนี้เขายังเซลฟี่คู่กับบิดาในร่างหญิงแล้วอัพสถานะขึ้นโชว์ยังโลกโซเชียล รูปภาพของลูกสาวกับคุณพ่อท่ามกลางปาร์ตี้สไตล์บ้านๆ ในไร่กุหลาบมีแคปชั่นบ่งบอกความยินดีว่า “ปีใหม่นี้พ่ออิฉันมีลูกสาวคนใหม่แล้วนะคะ ปลื้มมากค่ะ #พ่อฝากบอกว่า #กำลังรับสมัครลูกเขย” เนื่องจากสเตตัสนี้เขาเปิดเป็นสาธารณะจึงมีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมายรวมทั้งเพื่อนร่วมงานที่บริษัท อ้นมีความสุขมากเสียจนไม่คิดว่าปีนี้จะมีความพลิกผลันรออยู่
   เช้าวันต่อมาทั้งครอบครัวพากันไปทำบุญ ขึ้นชื่อว่าวัดก็มักจะมีพวกอาศัยความเชื่อต่างๆ ทำมาหากินมีธุรกิจเชิงพุทธพาณิชปนอยู่ด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือซุ้มรับดูดวง หลังจากปล่อยปลาเสร็จและลากป้องไปถ่ายรูปจนพอใจแล้วอ้นก็เกิดอยากจะดูดวง
   “จะดูทำไม หมอดูก็คู่กับหมอเดานั่นแหละ”
   “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะแก มาๆ นั่งรอฉันก่อนฉันจะดู”
   ป้องส่ายหน้าด้วยความเซ็งแล้วนั่งรอข้างๆ อ้นเห็นดังนั้นจึงหันไปยิ้มให้แม่หมอ หญิงวัยใกล้ชราส่งยิ้มแล้วบอกให้อ้นแบมือ ขั้นตอนการดูดวงเป็นไปตามแบบแผน นางพูดไปตามลักษณะของเส้นสายที่เห็นบนฝ่ามือ แน่นอนว่าอ้นสนใจเรื่องความรักจนตัวสั่น แต่เมื่อแม่หมอพูดบางอย่างออกมาอ้นก็งง
   “อืม ดวงเรานี่มีแววจะได้แต่งงานสองทีนะ”
   “เดี๋ยวนะป้า! หนูเป็นตุ๊ดนะคะ จะแต่งงานได้ยังไง?”
   “ก็มีผัวสองคนไง!”
   ป้าหมอดูพูดพลางเหลือบมองไปทางป้องที่นั่งทำหน้าเซ็งอยู่ข้างๆ แต่อ้นไม่ทันสังเกต ด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิงและมีวิชาทำนาย นางฟันธงว่าอีกไม่นานนังตุ๊ดคนนี้จะต้องเลิกกับผู้ชายที่มาด้วยกันแน่นอน!
   แต่อ้นไม่รู้จึงคะยั้นคะยอต่อ
   “ไม่เอาอะป้าหนูอยากรู้ว่าหนูเจอเนื้อคู่แล้วรึยัง ป้าดูให้หนูได้มะ?”
   “ไอ้ดูน่ะมันดูได้ แล้วหนูจะจ่ายเพิ่มมั้ยล่ะ? เดี๋ยวป้าทายไพ่ยิบซีให้ วางค่าไหว้ครูอีกร้อยเก้าสิบเก้าบาท”
   “อ้าว! ไหนป้าบอกว่าเป็นหมอดูลายมือแม่นๆ”
   “ป้าดูแม่นทุกอย่างแหละ”
   “อะ ก็ดะ”
   อ้นยอมตกลงจ่ายเงินตามคาด ป้องมองแล้วส่ายหน้าด้วยความเซ็งเมื่อเห็นการตัดสินใจของเพื่อน เงินตั้งหลายร้อยเอามาทิ้งกับเรื่องไร้สาระ!
   แม่หมอให้อ้นเลือกไพ่แล้วเริ่มเปิดใบทีละใบ นางอ่านพื้นนิสัยของอ้นตามหน้าไพ่ ก่อนจะสรุปเรื่องที่เป็นประเด็นให้ฟัง
   “เอ... ช่วงนี้ดวงความรักกำลังมาแรงนะหนู จะเจอคนเข้ามาพร้อมๆ กัน อยู่ที่หนูแล้วล่ะว่าจะเลือกใคร แต่ต้องระวังเรื่องรักซ้อนนะ ไม่เราแอบซ่อนก็อาจจะไปซ้อนเป็นน้อยเขา”
   แม่หมอว่าพลางลอบมองท่าทีของป้อง แต่อ้นดีใจจนไม่ทันสังเกต เขารีบถามต่อทันที
   “ว้าย! แล้วหนึ่งในนั้นมีเนื้อคู่ของหนูมั้ยป้า? บอกได้มั้ยว่าคนไหน? เขาเป็นใครบอกชัดๆ หน่อยสิป้า!”
   “เอ... เรื่องนี้ป้าไม่รู้หรอก หนูต้องดูเอาเอง แต่หนูอย่าเลือกผิดก็แล้วกัน ถ้าเลือกผิดหนูจะขึ้นคานตลอดชีวิต ต้องผิดหวังซ้ำซากกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ”
   “หา! แล้วหนูจะรู้มั้ยว่าคนไหน โอ๊ย! มันดูไม่ได้เลยเหรอป้า เกิดเจอกันแล้วหนูไม่รู้ล่ะ?”
   “อืม... ขอป้าดูแป๊บ ... นี่เราเจอเขาแล้วนี่ น่าจะรู้จักกันแล้ว อาจจะเป็นเพื่อนเรานี่แหละเพราะอายุเท่าๆ กัน เนื้อคู่ของหนูน่ะสูงนะ ตัวไม่เตี้ย รูปร่างสูงสมส่วน หน้าตาผิวพรรณดี เป็นคนขาว แต่ดุนะ นิสัยใจร้อน ชอบเอาแต่ใจ แต่เขาจะรักหนูมาก ต่อไปหนูจะสบายเพราะเค้าเลยล่ะ”
   โอ๊ยนี่มันอีป้องชัดๆ ฟินเลย!
   “จริงเหรอป้า! เนื้อคู่ของหนูมาเกิดแล้วแน่นะ? อ๊ะถ้างั้นป้าดูดวงให้เพื่อนหนูหน่อย”
   เช็กเพื่อความชัวร์! ถ้าสอดคล้องกันละก็แกต้องใช่เนื้อคู่ของฉันแน่ๆ
   “เฮ้ยกูไม่ดู!”
   “โอ้ยไหนๆ ก็ไหนๆ มีโอกาสทั้งทีแกก็ดูหน่อยสิป้อง ป้าแกดูแม่นนะ”
   ป้องล่ะงง! แค่ทายว่าจะได้เจอเนื้อคู่อ้นก็พร้อมจะเชื่อหมอดูเชียวหรือ?
   “เออ เอาสิไอ้หนุ่ม เดี๋ยวป้าดูให้ฟรีๆ เลยไม่คิดเงิน นี่เห็นว่ามาด้วยกันหรอกนะ”
   แม่หมอเองก็อยากจะดูให้รู้แน่ชัดกันไปเลยเช่นกันว่าลูกค้าสาวประเภทสองคนนี้กำลังถูกผู้ชายหลอกอยู่หรือเปล่า หากคนๆ นี้เป็นคนไม่ดีเธอจะได้เตือนเด็กเอาบุญ ทว่าพออ้นคะยั้นคะยอให้ป้องวางมือแบให้แม่หมอดูได้นางกลับตกใจจนหน้าซีด!
   “นี่เราต้องระวังตัวนะพ่อหนุ่ม ยิ่งใกล้เบญจเพสดวงยิ่งแรง”
   “เอ๊ะทำไมเหรอคะป้า?!”
   แม่หมอเหลือบมองใบหน้าเฉยชาของป้อง ดวงตาคมกล้าแต่แฝงแววเหนื่อยล้าสับสนชีวิตทำให้นางเป็นห่วง
   “ผู้ชายก็แบบนี้แหละ ถ้ามีโอกาสบวชได้ก็บวชซะหน่อยนะ หรือหมั่นทำบุญให้มากๆ เจ้ากรรมนายเวรเขาจะได้ปล่อยเรา แต่ระวังเรื่องการสูญเสียนะ ในครอบครัวมีใครเจ็บไข้ได้ป่วยมั้ย?”
   นางไม่กล้าพูดความจริงออกไปด้วยกลัวว่าลูกค้าสาวประเภทสองจะตื่นตูมเป็นห่วงคนรัก แม้ชายคนนี้จะไม่ใช่คนไม่ดีแต่ก็ไม่ใช่เนื้อคู่กัน อีกทั้งดวงของเขายังไร้ญาติขาดมิตร ต้องยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเอง คนเอ็นดูน้อยกว่าคนเกลียด มีแววตายโหงตายห่าตั้งแต่อายุน้อย แต่ถ้าหากรอดไปได้เขาจะสุขสบายเพราะพบผู้อุปถัมภ์ที่เป็นคู่กันช่วยค้ำจุน เพียงแต่น่าเศร้าตรงที่ครอบครัวช่างเงียบเหงาไม่มีทายาทผิดกับน้องกะเทยที่ดวงบ่งบอกว่าจะสุขสบายในบั้นปลายห้อมล้อมไปด้วยลูกหลานเต็มบ้าน
   “ไม่มีหรอกป้า”
   แม้ป้องจะเป็นห่วงยายแต่ก็เลี่ยงไม่บอก เขาไม่อยากคิดมากจึงถามถึงเรื่องอื่น
   “แล้วเรื่องงานผมล่ะ ผมจะก้าวหน้าในหน้าที่การงานมั้ย?”
   ได้ยินป้องถามออกมาเองแล้วอ้นก็วิตกแทนเพื่อน ป้องทุ่มเทให้กับงานมาก ต้องพิสูจน์ฝีมือท่ามกลางความกดดันหลายอย่างในบริษัทด้วยข้อครหาจากคำว่า “เด็กเส้น” แม้ป้องจะเส้นได้เพราะฝีมือเข้าตาผู้ใหญ่แต่ระดับของฝีมือที่มีมันยังไม่เจ๋งพอจะปิดปากพวกขี้อิจฉาได้เด็ดขาด ป้องจึงต้องพัฒนาตัวเองไปให้ไกลมากกว่าเด็กใหม่คนอื่นๆ จนแบกความเครียดกลับมานอนกอดทุกวัน เห็นแล้วอ้นก็อดสงสารไม่ได้
   “ไปได้เรื่อยๆ นะ ก็โตแหละมีคนเอ็นดูเราอยู่ เอ... ดวงเรานี่นารีอุปถัมภ์นะ ได้ดีเพราะผู้หญิง”
   นางรู้ว่าพื้นนิสัยของป้องเป็นคนรักยากแต่รักใครรักจริง ทว่ามันก็ออกจะขัดกับดวงความรักที่พลิกผันไปมาเหมือนคนมากรักจึงเลือกจะเก็บงำคำทำนายไว้ไม่พูดออกไป เพราะชีวิตของพ่อหนุ่มคนนี้น่าเป็นห่วงกว่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หลายเท่านัก!
   “ขอบคุณครับป้า”
   ได้ยินแค่นั้นป้องก็สบายใจแล้ว ชีวิตเขามีวันนี้ได้ก็เพราะยาย แต่อ้นกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น คำว่านารีอุปถัมภ์ทำให้เขาคิดมาก ป้องมีเสน่ห์พอตัว ไม่ว่าจะสาวแท้สาวแก่หรือสาวเทียมต่างก็หลง กระทั่งผู้ชายที่ชอบบอกว่าตัวเองเป็นเกย์แบบแมนๆ ยังแอบทำน้ำลายหกใส่แฟนเก่าเขาเลย!
   ช่างมัน! ยังไงซะป้าแกก็บอกว่าอีป้องเป็นเนื้อคู่ฉัน คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันหรอก โฮะๆ โอ๊ยฟินจัง!

   เมื่อเทศกาลหยุดยาวจบลงก็ถึงเวลาทำงาน อ้นกลับมาทำงานด้วยความแฮปปี้ หลายคนแซวเรื่องที่เขาโพสรูปแต่งหญิงลงในสเตตัส
   ปกติแล้วถึงอ้นจะแอดเพื่อนในที่ทำงานไว้บ้างแต่ก็ตั้งสถานะให้ถูกจำกัด นอกจากนี้อ้นยังไม่ค่อยโชว์อะไรหวือหวาลงในเฟซแบบสาธารณะ แม้แต่รูปคู่กับป้องเป็นร้อยๆ รูปเขาก็ตั้งแบบไพรเวท อนุญาตให้เพื่อนในมหาวิทยาลัยไม่กี่คนดูได้เท่านั้น ซึ่งส่วนมากไม่มีใครระแคะระคายว่าป้องเคยมีใครมาก่อน จนถึงบัดนี้ทุกคนยังเข้าใจว่าป้องแพ้ใจอ้นอยู่เลยทั้งๆ ที่ป้องไม่เคยรักอ้นอย่างแฟน แต่อ้นไม่แคร์ เขาเชื่อคำทำนายจากหมอดูว่าตนกับป้องเป็นเนื้อคู่กันจึงแฮปปี้ดี๊ด๊าสุดชีวิต แม้จะถูกแซวมากแค่ไหนเขาก็ไม่หวั่นตอบกลับไปทีเล่นทีจริง
   “หนูก็อยากแต่งหญิงอยู่นะคะพี่โชค แต่หนูแต่งแล้วสวยอะเลยไม่กล้าแต่งมาทำงานกลัวเข้าห้องน้ำชายแล้วถูกฉุด อิๆ”
   “ใครเค้าจะฉุดเราฮะ? เปิดออกมาก็เจอกล้วย”
   “ว้ายพี่โชคทะลึ่ง!”
   อ้นแกล้งตีแปะเข้าที่ตัวรุ่นพี่หนุ่ม โชคเองก็ไม่ถือสาน้องตุ๊ดสุดดี๊ด๊าที่คอยสร้างสีสันในแผนก บรรยากาศการทำงานจึงสนุกสนานเฮฮาเป็นกันเอง พนักงานเม้ากันเบาๆ ในกลุ่มระหว่างทำงาน แต่แล้วก็มีคนเปิดประเด็นเมื่อหงส์ขี้สงสัย
   “เออ แล้วปกติพวกกะเทยผ่าแล้วเขาเข้าห้องน้ำหญิงหรือชายอะ?”
   “ก็คงห้องน้ำหญิงมั้ง นี่ๆ บริษัทข้างบนนี้ก็เคยมีกะเทยอยู่คนนะ นางแต่งหญิงแต่ยังไม่ได้ผ่าล่ะ วันดีคืนดีนางไปทะเลาะอะไรกับพนักงานอีกบริษัทไม่รู้ ก็อย่างว่าแหละชั้นข้างบนมีเช่ากันหลายเจ้า ละทีนี้นะคู่แค้นนางหมั่นไส้เลยเอาไปฟ้อง ตึกเค้าก็เลยออกมาติดประกาศสั่งห้ามไม่ให้กะเทยเข้าห้องน้ำหญิง น่าสงสารน้องคนนั้นนะ นางสวยด้วยทำนมแล้วแต่กำลังเก็บตังค์จะผ่าข้างล่าง เจอแบบนี้เข้าไปนางร้องไห้ทนไม่ไหวขอลาออกเลย บริษัทเลยส่งตัวไปอยู่สาขาอื่นแทน”
   จ๋าผู้รู้ลึกรู้จริงเล่าขึงขังจนผู้ฟังแต่ละคนเกิดอารมณ์สงสารร่วมด้วย อ้นเองก็อดไม่ได้
   “หูย! อีชะนีนั่นใจร้ายจัง ลองมาแกล้งหนูแบบนี้หนูไม่ยอมนะคะขอบอก!”
   “แหม คุณน้องอ้นอยากเข้าห้องน้ำหญิงเหรอจ้ะ? มาสิๆ ชั้นนี้มีแต่พนักงานบริษัทเราเค้าไม่ถือกันหรอก”
   “ว้าย! จะบ้าเหรอคะพี่จ๋า หนูแต่งบอยมาทำงานแบบนี้ขืนไปใช้ห้องน้ำหญิงก็เกรงใจคนอื่นๆ แย่ เอาไว้ให้หนูแปลงร่างก่อนค่ะ ค่อยเฉิดฉายไปเข้าห้องน้ำหญิงอย่างสมเกียรติ โฮะๆ”
   “นึกว่าติดใจห้องน้ำชาย แบบยืนไปลุ้นไปอะไรแบบนี้”
   “บ้า! หงส์นี่ละก็! ฉันนั่งส้วมย่ะไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ!”
   “แผนกนี้เฮฮาครึกครื้นกันดีนะครับ”
   เสียงของแทนทำให้แมงเม้าพากันสะดุ้งยกกลุ่ม จ๋ารีบแก้ตัวแล้วชิ่งกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนทันที
   “ว้ายโดนสอดส่อง ไม่ได้การละทำงานๆ ดูสิพวกคุณน้องอะชวนพี่เม้าเสียการเสียงานเลย”
   “ทิ้งกันเอาตัวรอดตลอดนะเจ้”
   โชคเปรยขำๆ ส่วนหงส์กับอ้นมองหน้ากันแล้วต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันเพราะคิดตรงกันว่าหัวหน้าของพวกเขานี่แหละที่เป็นแมงเม้าเบอร์หนึ่ง!
   ในขณะที่แทนตามไปคุยกับจ๋าโจมก็เฉียดมาหาอ้นที่โต๊ะ เขาหย่อนท็อฟฟี่ไว้หนึ่งเม็ดแล้วตามเพื่อนไปคุยเรื่องงาน
   อ้นงงแต่ก็หยิบขนมนั้นมาดู ท็อฟฟี่รสช็อกโกแลตเม็ดกลมใหญ่ถูกห่อแบบวินเทจด้วยกระดาษห่อสี่เหลี่ยมจตุรัสเป็นรูปโบว์ เมื่อแกะกระดาษห่อออกอ้นก็พบว่าพื้นที่ตรงกลางมีแถบสีขาวถูกเขียนข้อความไว้ ใจความของสารอ่านได้ว่า “กลางวันนี้ไปกินข้าวกัน?”
อ้นยิ้มไม่หุบแล้วแอบมองไปยังด้านหลัง เขาเห็นโจมหันมายิ้มให้ หัวใจของอ้นเต้นเร็วขึ้นทันควัน
   โอ้ยขอบคุณดวงความรักของฉัน!

   เที่ยงนี้เรย์มองหาคนคุ้นเคยเสียทั่วแต่ไม่พบ ไม่ว่าจะมองไปยังทางเข้าห้องอาหารมากเท่าไหร่แต่อ้นก็ไม่โผล่มา ถุงกระดาษสีหวานวางอยู่ข้างตัว แม้ข้าวและเกาเหลาในชามจะหมดเกลี้ยงแล้วแต่เขายังคงนั่งอยู่ในห้องอาหาร
   กาลเวลาผ่านไปแต่ไม่มีวี่แววของอ้นเลย ในที่สุดเมื่อใกล้หมดเวลาพักเขาก็จำต้องกลับขึ้นไปทำงาน
   เสียดายจัง อยากรู้ชะมัดว่าจะใช่รึเปล่า?

   “ที่บ้านเราขายกุหลาบเหรอ?”
   “คะ?”
   โจมเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมาสร้างความสับสนให้อ้น เขามัวแต่ปลาบปลื้มกับดวงความรักจนออกจะผิดหวังหน่อยๆ เมื่อโจมชวนเขามาทานข้าวแล้วคุยเรื่องกุหลาบ
   “พี่เห็นสเตตัสเรา มีแท็กสวนกระต่าย นึกว่าเราเพาะกระต่ายขายเลยกดเข้าไปดูเผื่อหาเพื่อนให้ลูกชาย ที่ไหนได้กุหลาบเต็มเพจเลย”
   “คือ... ‘ต่าย’ เนี่ย เป็นชื่อพ่อหนูค่ะ”
   โจมทำหน้าอึ้งก่อนจะระเบิดหัวเราะลั่น
   “ฮ่าๆ เหรอ โทษทีๆ พี่ไม่ได้ตั้งใจล้อชื่อพ่อเรา”
   “เมื่อกี้ไม่แต่ตอนนี้ก็ใช่แล้วค่ะคุณพี่”
   อ้นมองบนด้วยความเซ็ง
   “เออ แต่ดูไปดูมาก็สวยดีนะ แปลกดี แตกต่างกับกุหลาบทั่วๆ ไปเลย”
   “ค่ะ พวกนี้เป็นกุหลาบอังกฤษค่ะ มีนำเข้าจากฝรั่งเศสบ้าง ส่วนใหญ่พ่อหนูเล่นแต่พันธุ์ของเดวิดออสตินที่เค้านิยมกัน เพราะดอกมันสวยและหอมกว่า”
   “เหรอ ดูเรามีความรู้ดีนะ”
   “ก็นิดนึงค่ะ”
   อ้นตอบพลางเชิดหน้าขึ้นรับคำชม
   “เออ ละถ้าพี่อยากได้มาลงที่ร้าน ทำเป็นแปลงกุหลาบสวยๆ แบบถ้าพี่คิดจะทำซุ้มกุหลาบอะ อ้นช่วยพี่ได้มั้ย? คือเผื่อมีคนมาเหมาร้านจัดงานแต่งพี่จะได้มีจุดขายเอาไว้ให้คนถ่ายรูปไง”
   อ้นรู้ทันทีว่าโจมหมายถึงซุ้มดอกกุหลาบเลื้อยตรงทางเข้าแปลงกุหลาบที่พ่อเธอพยายามดัดเถากุหลาบเลื้อยให้กลายมาเป็นซุ้มประตูสุดอลังการ ผลงานนี้ใช้เวลาหลายปีกว่าจะสำเร็จอีกทั้งยังต้องคอยดูแลตัดแต่งกิ่งให้ได้รูปและอัดปุ๋ยเพื่อให้กุหลาบออกดอกสวยงาม
   “ในกรุงเทพ? หนูว่ายากค่ะ ใช้ซุ้มปลอมเถอะค่ะทนกว่า แล้วค่อยหากุหลาบสวยๆ ไปตกแต่งร้านเป็นไม้กระถางหรือทำแปลงเล็กๆ เอา”
   “เฮ้ยแต่พี่ว่า...”
   “เชื่อหนูเถอะค่ะพี่! กุหลาบนะคะไม่ใช่แพงพวย! อากาศต้องถึงดินปุ๋ยต้องถึงค่ะ แล้วก็ต้องคอยดูแลด้วย ไม่คุ้มที่จะทำซุ้มเดี่ยวๆ แล้วมีแต่หนามกับใบหรอกค่ะ สู้พี่หาต้นที่แข็งแรงๆ จัดใส่กระถางสวยๆ ประดับไว้น่าจะดูแลง่ายกว่า นอกนั้นก็มีแปลงกุหลาบธรรมดาที่ออกดอกเก่งๆ ทนๆ ปลูกไว้ คนเขาไม่สนหรอกค่ะกุหลาบมอญหรือกุหลาบอังกฤษ เค้าสนแค่ถ่ายรูปแล้วออกมาสวย”
   “สมแล้วที่เป็นพีอาร์”
   โจมยิ้มให้อ้นแล้วหลุดขำ ส่วนอ้นนั้นเขากลับไม่ค่อยพอใจ วิญญาณอีสาวชาวไร่เข้าสิง
   “ไม่เชื่อก็ตามใจนะคะ พี่ลองคุยกับพ่อหนูดูก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะคะ กุหลาบสวนหนูไม่ใช่ถูกๆ บางต้นต้องจองกันข้ามปีเลยค่ะ”
   อีสาวชาวไร่อวดสรรพคุณดอกไม้ในสวนของตนอย่างเย่อหยิ่ง โจมทั้งขำทั้งเอ็นดู อ้นทำให้เขาแปลกใจได้เสมอ
   “ขนาดนั้นเลย? แล้วมันเท่ากันกันล่ะ?”
   “ทั่วๆ ไปก็ห้าร้อยอัพค่ะ แต่ถ้าเป็นต้นใหญ่หายากก็หลายพันบาท”
   “โห!”
   น้ำเสียงตกใจของโจมกระตุ้นให้ใบหน้าของอ้นเผยรอยยิ้มสะใจ เขากล่าวตอกย้ำด้วยความภาคภูมิใจ
   “หนูบอกแล้วไงคะ กุหลาบของสวนหนูคัดคุณภาพค่ะ ไม่ใช่กุหลาบตลาดนัดต้นละสี่สิบห้าสิบนะคะ”
   “พี่กะจะติดต่อให้มาคอยส่งดอกไม้ให้หน่อย สงสัยคงหมดหวังแล้วมั้งเนี่ย”
   “สวนหนูเน้นขายต้นให้คนเอาไปดูแลต่อค่ะ ไม่ได้เน้นแนวตัดดอกขายส่ง งานฟูมฟักค่ะไม่ใช่งานผักชีโรยหน้าพอเหี่ยวก็โยนทิ้ง”
   โจมพยักหน้ายอมรับ เขาเกิดความรู้สึกนับถือเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องขึ้นในใจ
   “สงสัยพี่คงต้องหาโอกาสไปดูของจริงหน่อยละ”
   “สำหรับพี่โจม เดี๋ยวหนูบอกพ่อให้ลดพิเศษให้เลยค่ะ”
   “กี่เปอร์เซ็นต์?”
   “สิบห้าเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ”
   “โหพี่ก็นึกว่าซักห้าสิบ! งกนะเรา”
   “อะแน่นอน”
   “ฮ่าๆ”

   เมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานเดินยิ้มอย่างอารมณ์ดีกลับมาจากการไปทานมื้อกลางวันกับน้องใหม่ แทนก็อดใจไม่ไหว
   “เดี๋ยวนี้ไปกับเด็กคนนั้นบ่อยนะ ถูกคอกันมากรึไง?”
   “อ้าว น้องมันเก่งนะแทน เจ้าอ้นมันน่ารักดีออก ล้นๆ ดี”
   “หลงเสน่ห์ตุ๊ดเหรอ? หึ! ไหนบอกไม่ชอบผู้ชายไง?”
   “อืม... นั่นสิ ละตุ๊ดเนี่ย... เค้านับเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอะแทน?”
   เมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนเปลี่ยนจากสบายๆ เป็นทีเล่นทีจริงแทนก็ไม่กล้าหาเรื่องต่อ เขากลัวสายตาของโจม แววตาของโจมแฝงความจริงจังจนแทนกลัว

   อ้นมีความสุขเหลือเกิน ปีนี้ช่างดี๊ดีเสียจนเขาคิดว่าตัวเองฝัน เริ่มจากได้ฉลองปีใหม่กับป้องที่บ้าน ได้แต่งหญิงต่อหน้าคนในครอบครัวโดยไม่มีใครรังเกียจ แถมพอมาทำงานก็มีหนุ่มสุดหล่อชวนไปทานมื้อกลางวัน ชีวิตของอ้นดี๊ดีจนเขาลืมบางสิ่งบางอย่างไปถนัดใจ!
   “เมื่อวานไปไหนมา?”
   เรย์ถามเสียงบูดทันทีที่อ้นเดินเข้าลิฟต์
   ช่างประจวบเหมาะเคราะห์มาเยือนทุกครั้งที่อ้นลงมาทานอาหารในแคนทีนทีไรก็มักจะเจอเรย์ในลิฟต์แล้วหลังจากนั้นก็ต้องจ้ำแข่งกันไปชิงธงเข้าคิวหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว ทว่าหนนี้เรย์กลับมาแปลก หมอนี่ทักเขาเสียงเขียวตั้งแต่ประตูลิฟต์เปิด เมื่ออ้นเข้าไปในลิฟต์ก็ถูกดึงแขนไปยืนใกล้คนตัวสูงที่ยืนพิงผนังอยู่ด้านหลัง
   “เมื่อวานเราอุตส่าห์รอ”
   “เอ๊าละฉันจะรู้มั้ยล่ะ! แกมีอะไรเหรอ?”
   แต่เรย์ไม่ตอบ เขาจ้องเขม็งไปที่สมาร์ตโฟนกับกระเป๋าสตางค์ใบยาวในมือของอ้น และแล้วเรย์ก็ฉวยโทรศัพท์ไปจากมือเจ้าของ!
   “เอ๊ะอีบ้า!”
   ว้า! ติดพาสเวิร์ด!”
   “รหัสอะไร?”
   “นี่แกเอาของคนอื่นไปแล้วยังมีหน้ามาถามรหัสหน้าตาเฉยอีกเหรอ?”
   “อะแฮ่ม!”
   เสียงผู้โดยสารร่วมลิฟต์กระแอมบ่งบอกความรำคาญทำให้เรย์และอ้นยอมเงียบ อ้นเข่นเคี่ยวเขี้ยวฟันดึงแขนเรย์ให้คืนโทรศัพท์ ทว่าเรย์กลับทำไม่รู้ไม่ชี้ ดังนั้นเมื่อออกจากลิฟต์ได้อ้นจึงแทบกระชากแขนเรย์ แต่เรย์ไวกว่า เขาชูมือขึ้นเหนือศีรษะแล้วใช้อีกมือแตะหน้าผากของอ้นไว้ก่อนจะออกแรงดัน
   อ้นงง! เหมือนจะเบลอๆ แต่แล้วเขาก็ปล่อยผ่านความรู้สึกนั้นไป อ้นพยายามพุ่งเข้าไปแย่งโทรศัพท์ของตัวเองคืนต่อโดยลืมไปว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ!
   “โว้ว! ทำท่านี้ได้จริงๆ ด้วย!”
   เรย์ยิ้มกว้างดีใจพลางหัวเราะเสียงใส อ้นจึงเริ่มรู้ตัว
   “อีบ้า! เอาโทรศัพท์ฉันมานะ!”
   “บอกรหัสมาก่อนสิ”
   “เรื่องส่วนตัวปะ! นั่นมันของๆ ฉันนะอีแว่น!”
   อ้นพยายามตะกายเข้าไปใกล้ๆ เพื่อคว้าโทรศัพท์ของตัวเอง ทว่าเรย์ออกแรงดันด้วยท่อนแขนแข็งแรงที่ยืดจนตึง!
   “เอาคืนม้า!”
   ไม่ว่าจะพยายามยื่นแขนออกไปไขว่คว้าเท่าไหร่ก็แตะไม่ถึงแม้แต่ปลายเนกไทของคนแกล้ง อ้นเริ่มหมดแรง เขารู้สึกว่าโลกไม่ยุติธรรมสำหรับคนเตี้ยเลยสักนิด!
   “ระ หัด!”
   “แกจะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับโทรศัพท์ช้าน! อีบ้า อีแว่นโรคจิต อีตัวสูงใจดำรังแกคนไม่มีทางสู้!”
   “ก็เราจะแลกไลน์กับนายนี่ เราจะเมมเบอร์ติดต่อไว้จะได้โทรหากันได้ไง”
   “กะอีแค่จะขอไลน์แกต้องทำกับฉันถึงเพียงนี้เรยนะ!”
   อ้นสะบัดเสียงเล่นใหญ่ใส่อารมณ์จนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว!
   “แกเป็นเด็กสามขวบรึยังไงฮะอีแว่น!”
   แต่เด็กโข่งในร่างสูงโย่งเกินร้อยแปดสิบเซนติเมตรยักไหล่ไม่อินังขังขอบ
   “ซีนเมื่อกี้โมเอะดีออก นายตลกดี”
   “อีแว่น! ฉันจะฆ่าแก!”
   อ้นระดมทุบหมัดรัวไม่ยั้งใส่คนขี้แกล้ง เขาหงุดหงิดจริงๆ นะ แต่เจ้าตัวต้นเรื่องอย่างเรย์กลับยิ้มร่าหัวเราะสดใส
   “ฮะๆ”
   และนี่เป็นครั้งแรกที่อ้นเห็นเรย์ยิ้มทั้งหน้า แววตาของเรย์มีความซุกซนเจืออยู่มิใช่น้อย พอเรย์ยิ้มไปถึงตาแล้วก็ดูหล่อไม่เบา อยู่ๆ อ้นก็ใจสั่น เขาหยุดกำปั้นของตัวเองแล้วผละออก
   “แกนะแก เล่นบ้าอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้ อายคนเขามั้ยนั่น”
   “ไม่เห็นมีใครเลย?”
   “คนอื่นเค้าไปหมดแล้ว! แกนั่นแหละหาเรื่องฉัน ดูซิแทนที่จะได้รีบๆ ไปกินข้าว”
   “งั้นไปกินข้าวกัน เราหิวแล้วล่ะ เดี๋ยวเกาเหลาร้านป้าหมดอีก”
   “เอาโทรศัพท์ฉันมาก่อน”
   “แล้วไลน์นายล่ะ?”
   “เออน่ะเดี๋ยวฉันเมมเอง”
   อ้นตั้งใจว่าพอได้โทรศัพท์ก็จะชิ่ง แต่เด็กโข่งกลับหยิบมือถือของตัวเองออกมาเปิดหน้าคิวอาร์โค้ดรอ บ่งบอกว่ากระบวนการแลกเปลี่ยนจะต้องเสร็จสิ้นต่อหน้ากันเดี๋ยวนี้ อ้นเห็นดังนั้นเลยจำต้องเข้าแอพไลน์ของตัวเองบ้าง แต่คงไม่ทันใจคนที่ยื่นคางมาชะโงกขอดูด้วยใกล้ๆ จนลมหายใจแทบเป่ารดแก้ม เรย์ดึงโทรศัพท์ไปจัดการเองอีกจนได้ทว่าหนนี้อ้นกลับไม่ทักท้วง เขายืนตัวแข็งและมีสีแดงจางๆ ปรากฏบนแก้ม
   อีบ้า! เอาคางมาพาดไหล่คนอื่นเค้าเป็นแมวเชียวนะ!
   เรย์จัดการสำรองข้อมูลเบอร์ติดต่อของตนทุกช่องทางลงโทรศัพท์จนอ้นรำคาญ เขาไม่ได้อยากติดต่อสื่อสารกับหมอนี่เสียหน่อย!
   “เสร็จยัง? จะได้ไปกินข้าวกันซะที”
   “อาฮะเสร็จแล้ว”
   แต่ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของเรย์ก็เผลอทำอ้นสะอึกอีกรอบ
   “นี่ เลิกกันแล้วทำไมยังใช้รูปคู่เป็นแบ๊กกราวด์อีก?”
   “ยุ่ง!”
   อ้นว่าแล้วเดินนำเรย์ไปทานมื้อเที่ยง เรย์เห็นดังนั้นจึงเดินตาม แน่นอนว่าเขาเบียดอ้นโค้งสุดท้ายแซงไปสั่งเกาเหลาเจ้าประจำได้ก่อน แถมหนนี้เรย์ยังหันมายิ้มให้อ้นอีกด้วย หนุ่มแว่นยกนิ้วกลางขึ้นมาดันเบาๆ ใต้ขอบเลนส์ด้วยท่าขยับแว่นอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ดวงตาของเรย์ส่องประกายวิบวับกวนโมโหเช่นเดิม แต่ไม่รู้ทำไมอ้นไม่หงุดหงิด เขาใจสั่นจนต้องเสมองทางอื่น!
   ให้ตายอ้นก็ไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าอยู่ๆ วันนี้นายแว่นโฉดก็อัพออร่าความหล่อใสสไตล์โอปป้ามาเต็มแม็กซ์!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2016 20:52:58 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   จวบจนใกล้เลิกงาน อยู่ๆ โทรศัพท์ของอ้นก็ดัง เขามองชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอด้วยความสงสัย “Raymond Tey”
   ใครอะ? ลูกค้าเหรอ? เอ๊ะไม่สิ! เมมชื่อด้วย ฉันรู้จักฝรั่งชื่อเรย์มอนด์เหรอ?
   “สวัสดีค่ะ”
   อ้นรับสายด้วยเสียงสองดัดเสียหวาน ทว่าปลายสายกลับทำให้เขาแปลกใจ
   “เราเอง เลิกงานยัง? ขึ้นมาหาเราหน่อยสิ”
   โอ้วไม่นะ! อีแว่น!
   “นี่แกเองเหรออีแว่น!”
   “มาที่ชั้นยี่สิบหกนะ จะรอตรงบันไดหนีไฟ”
   “แล้วฉันต้อง”
   “ไปหาแกทำไม” ยังไม่ทันจะหลุดออกจากปากอ้น เรย์ก็วางสายไปเสียแล้ว อ้นปรี๊ดจนแทบกรี๊ด!
   อ้นฉุนจนอยากปล่อยให้คนเอาแต่ใจรอไปคนเดียว ทว่าพอคิดไปคิดมาแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ภาพของหนุ่มแว่นหน้าตาดีแต่งตัวภูมิฐานยืนโบกแท็กซี่ให้ตุ๊ดแฟนซีปรากฏขึ้นในความทรงจำ แล้วไหนยังเรื่องรถอีก สุดท้ายอ้นก็ไม่กล้าถามความจริงจากเรย์ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ทวงเขาก็เลยไม่ถาม
   เห็นแก่ที่แกเคยช่วยฉันหรอกนะอีแว่น!
   อ้นลุกออกจากโต๊ะทำงานทำทีเป็นไปเข้าห้องน้ำแล้วตรงไปยังบันไดหนีไฟเพื่อไปหาเรย์
   บานประตูกันไฟแสนหนักถูกผลักออกด้วยแรงของตุ๊ดผอมแห้ง อ้นบ่นกระปอดกระแปด ปกติแล้วเขาไม่ค่อยเข้ามาที่นี่ พวกพนักงานส่งของชอบอาศัยบันไดหนีไฟเป็นที่แอบสูบบุหรี่ เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเรย์ถึงได้นัดกันที่นี่ แต่บันไดหนีไฟชั้นที่ยี่สิบหกกลับสะอาดผิดคาด แถมยังมีหน้าต่างรับแสงที่เปิดออกได้ นอกจากนี้หน้าต่างยังกว้างพอให้เด็กมุดออกไปได้ทั้งตัว แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็คงลอดออกไปได้เพียงศีรษะ และขณะนี้ศีรษะของเรย์ก็อยู่นอกหน้าต่าง!
   “อีแว่น!”
   เรย์ชักศีรษะกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก
   “ไปทำอะไรตรงนั้นยะ!”
   “ของนาย”
   “อะอะไร?”
   อ้นงง เรย์เรียกเขามาพบ พอมาถึงก็เจอฉากหวาดเสียวเหมือนคนเรียกๆ เขามาสั่งลาก่อนฆ่าตัวตาย ทว่าความเป็นจริงเรย์กลับทำแค่หันมายื่นถุงกระดาษสีหวานใบเล็กให้เขา อ้นจึงรับของมาแบบงงๆ
   “ของขวัญปีใหม่ไง นายชอบรึเปล่า? แต่เราว่าน่าจะใช่นะ”
   อีแว่นให้ของขวัญปีใหม่ฉัน!
   อ้นตาโตด้วยความประหลาดใจ เขาเคยคิดว่าเรย์นั้นแปลกแต่มาบัดนี้เรย์ประหลาดจนเขาคาดเดาไม่ถูก อ้นมัวแต่ทึ่งยืนนิ่งไม่ขยับมองเรย์อยู่อย่างนั้นจนคนให้เริ่มเซ้าซี้
   “แกะดูสิ ใช่รึเปล่า?”
   “อะไร? ของขวัญเหรอ? ได้ๆ”
   เมื่อถูกคนเร่งรบเร้า คนรับก็เริ่มแกะกล่องของขวัญแบบงงๆ
   กล่องสี่เหลี่ยมสีทองหรูหราปรากฏสู่สายตาทันทีที่แกะกระดาษห่อของขวัญออก
   “อีฟลินโรส? แครบทรีแอนด์อีฟลิน! แกให้ฉันเหรออีแว่น!”
   “ถูกมั้ย?”
   อ้นทึ่ง! นอกจากจะทึ่งที่นายแว่นโฉดให้ของขวัญราคาแพงแก่เขาแล้วเขายังทึ่งเพราะของที่เรย์เอามาให้
   “ถึงเราจะสายตาไม่ดีแต่จมูกเราดีนะ”
   เรย์อมยิ้มพลางถูปลายจมูก ท่าทางของเรย์ภูมิอกภูมิใจคล้ายเด็กที่สอบได้คะแนนเต็ม อ้นทั้งซึ้ง ทั้งทึ่ง เหนือสิ่งอื่นใดความสุขมันตื้อในอกจนแทบกลั่นตัวออกมาเป็นหยดน้ำ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเรย์จะทำเรื่องน่าประหลาดใจด้วยการให้ของขวัญสุดล้ำค่าเช่นนี้
   “แกรู้ได้ยังไงอะ?”
   “ถูกใช่มั้ยล่ะ เหอๆ”
   “เลิกหัวเราะโรคจิตแบบนั้นซะทีได้มะ ฉันฟังแล้วสยอง”
   อ้นจิกขำๆ พลางแกะกล่องโอเดอเพอร์ฟูมออกแล้วเปิดขวดดม
   อ๊าย หอมชื่นใจ!
   เรย์มองสีหน้าฟินสุดขีดของอ้นแล้วยิ้มตาม
   ถูกจริงๆ ด้วยแฮะ
   อ้นปลดกระดุมข้อมือเสื้อเชิ้ตออกแล้วดึงปลายแขนเสื้อให้ร่นขึ้น เขาฉีดน้ำหอมลงบนข้อมือแล้วบรรจงถูกันไปมาก่อนจะขยับข้อมือไปถูหลังใบหูด้วยความเห่อของขวัญ
   ทันใดนั้นคนให้กลับก้มลงมาใกล้! จมูกของเรย์เฉียดซอกคออ้นไปแค่คืบ!
   อ้นเหวอ! เขาดีดตัวถอยหลังพลางด่าลั่น!
   “เล่นบ้าอะไรของแก! ฉันตกใจหมด”
   ประโยคหลังคนตกใจเสียงสั่นอย่างเอียงอาย หูสองข้างแดงจัดเพราะความเขิน
   แต่อ้นบอกกับตัวเองว่าเขารู้สึกร้อนเพราะอากาศตรงบันไดหนีไฟไม่ถ่ายเทและเกิดจากอารมณ์ตกใจที่แล่นปราดไปทั่วร่างชั่วขณะ เขาไม่ได้ร้อนวูบวาบเพราะการกระทำของเรย์!
   “ใช่จริงๆ กลิ่นนี้แหละเราจำได้ แครบทรีแอนด์อีฟลิน กลิ่นอีฟลินโรส”
   “รู้ได้ยังไง?”
   ใจจริงอ้นอยากจะถามว่าอีกฝ่ายถือวิสาสะมาดมกลิ่นบนตัวเขาตั้งแต่ตอนไหนมากกว่าทว่าไม่กล้าเอ่ย
   “ผ้าเช็ดหน้านายไง”
   มือนายก็ด้วย
   “กลิ่นแบบนี้เลย”
   รู้อีกนะ แค่แกบอกว่าจำกลิ่นได้ฉันก็ทึ่งละ นี่รู้ยี่ห้อด้วย คนรึหมาเนี่ย!
   แม้อ้นจะโล่งใจที่เรย์ไม่ได้พูดว่าได้กลิ่นจากผิวเนื้อของเขา แต่อ้นก็ไม่สบายใจไปแล้วเพราะถูกดมซอกคอซึ่งๆ หน้า
   “ยังไงก็ขอบใจแกนะแว่น เอ้ย! คือ... ขอบใจนะเรย์ ความจริงน้ำหอมนี่แพงจะตาย ฉันไม่มีปัญญาซื้อใช้หรอก ฉันใช้แค่แฮนด์ครีมน่ะ ว่าแต่นายนี่เก่งชะมัดเลย รู้จักกลิ่นนี้ด้วย ฉันชอบมากเลยแหละ ขอบใจนะ”
   เรย์ยิ้ม เขาตอบอ้นอย่างน่าฆ่าหมกบันไดหนีไฟว่า
   “ไม่เป็นไร ช็อปที่สิงคโปร์ถูกจะตาย แม่เราก็ชอบกลิ่นนี้”
   “แม่!”
   อ้นเซ็ง เขากลอกตาก่อนจะจิกหน้าใส่นายแว่นเต็มพิกัด!
   “มาจากกุหลาบพันธุ์อีฟลินใช่มั้ยล่ะ? หอมดีนะ”
   “รู้ด้วย?”
   อ้นทึ่ง! เรย์มีเรื่องคาดไม่ถึงให้เขาประหลาดใจเยอะจริงๆ
   “นายชอบก็ดีละ ไปนะ”
   “อ๊ะจะไปแล้วเหรอ? เรียกมาแค่เนี้ยะ? ทีหลังรอฉันเลิกงานก็ได้ปะจะได้ไม่ต้องแอบโดดมาคุยกันแบบนี้”
   แม้จะได้ของขวัญแต่อ้นก็ยังเหวี่ยง ฉากดมซอกคอลับๆ ตรงบันไดหนีไฟทำให้ความคิดเขาเตลิดไปไกล
   อะไรกันเนี่ยฉัน! อยู่ๆ ก็เกิดรักนวลสงวนตัวขึ้นมารึไง ทำไมต้องมาเขินอีแว่นนี่ด้วยนะ!
   “ช่วงห้าหกโมงเรายุ่งน่ะ บริษัทรันข้อมูลพอดี ว่างอีกทีก็ทุ่มนึง เรากลัวนายกลับไปก่อน”
   “นี่แกจะด่าว่าฉันเลิกงานตรงเวลาเป๊ะเหรอไงยะ!”
   เรย์ยิ้มแล้วเดินจากไป เสียงหัวเราะ “เหอๆ” กวนประสาทดังขึ้นเบาๆ อ้นละเกลียดนักเชียว!

   วันนี้ป้องกลับช้าเช่นเคย ปกติอ้นชินแล้ว แต่วันนี้การอยู่คนเดียวทำให้อ้นรู้สึกแปลกไป เขาหยิบน้ำหอมที่เรย์ให้ขึ้นมาดู กลิ่นหอมยามแรกสัมผัสฉุนเข้มกว่าครีมที่เขาใช้นิดหน่อย แต่ก็เป็นกลิ่นที่อ้นโปรดปราน พูดให้ถูกคือเขาหลงใหลกลิ่นของมันตั้งแต่วันที่ได้ทำความรู้จักกับดอกกุหลาบทรงถ้วยดอกโตสีส้มพีชอมชมพู กลิ่นของมันหอมหวานละมุนละไมแต่ดมแล้วสดชื่นอย่างน่าประหลาด ช่างเป็นกุหลาบที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยกลิ่นแฝงแบบผลไม้ อีฟลินคือสายพันธุ์กุหลาบสุดโปรดของเขา และน่าขำที่กุหลาบสายพันธุ์นี้ได้มาจากการผสมระหว่างสายพันธุ์ทาโมร่าและแกรแฮมธอมัส หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เลมอนพาโรดี้” อ้นนึกถึงชื่อของคนให้ของขวัญชิ้นนี้จนประหลาดใจตัวเอง



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


:L1: อยากมีโมเมนต์แบบนี้บ้าง เขินแทนอ้น! :-[
ในที่สุดพระเอกก็เริ่มออกตัว แต่สตาร์ทช้าไปหน่อยมั้ย?  :katai5:
วิธีทำคะแนนพี่แกแปลกๆ นะ? มันจะโรแมนติก มุ้งมิ้ง เอาแต่ใจ ป๋าใจป้ำ ทำอะไรก็ไม่่สุดซักอย่างเหมือนแมวจรจัดที่ผ่านมานอนเล่นในบ้านแล้วก็จากไปไม่โวยวายขอข้าวกินฟรี!
ก็แต่งฉากกุ๊กกิ๊กได้แค่นี้แหละ เป็นคนที่เขียนอะไรหวานๆ ไม่เก่ง เขียนฉากเรทก็ไม่ฟิน แต่เรื่องดราม่าขอให้บอก  o3 เตรียมไว้ให้อ้นแล้วล่ะ คุๆ

หวังว่าคนอ่านจะชอบเรย์น้า ...
แต่อีพี่โจมก็ยังออกตัวแรงเช่นเคย วิธีพี่แกเหนือกว่า เนียนกว่าเห็นๆ แถมยังเป็นผู้ชายเลี้ยงกระต่ายด้วยแหละ เหอๆ
ทว่าทุกคนแพ้พี่ป้องหมด ฮ่าๆ สาวอ้นนางยังมโนว่าตัวเองเป็นเนื้อคู่กับพี่ป้องอยู่ล่ะ
สำหรับฉากของพี่ป้อง พอดีนี่เป็นช่วงเวลาที่หายไปของพี่แก ก็จะเกิดก่อนเรื่องที่พี่ป้องถูกxxอะนะ ดังนั้นป้าหมอดูเลยทำนายออกมาแบบนี้ ฮ่าๆ

เอาเป็นว่าใครเริ่มชอบเรย์ขอเสียงกรี๊ดดังๆ น้า  :กอด1: มาลุ้นกันต่อว่าชะตากรรมความรักของสาวอ้นจะเป็นยังไง

ป.ล. ด้านล่างเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยล่ะ สามารถอ่านเพิ่มความฟินได้


*** ช่วงเกร็ดเบ็ดเตล็ด ***
คนอ่านอาจไม่อยากรู้ แต่คนแต่งอยากเล่า เอาเป็นว่ามาดูอะไรไร้สาระเล่นกันหน่อยนะ  :katai2-1:



1. น้ำหอม
สำหรับน้ำหอมที่เรย์หิ้วมาให้อ้นนั้น เป็นยี่ห้อ Crabtree & Evelyn ค่ะ (จริงๆ เค้าดังเรื่องครีมทามือนะ) หน้าตาแบบในรูปด้านบนเลย แต่ที่พิเศษคือกลิ่นอันเป็นซิกเนเจอร์ ง่ายๆ ว่าลิขสิทธิ์เฉพาะบริษัทแก "Evelyn Rose®"
แบบแกไปจ้างนักปลูกกุหลาบผสมพันธุ์กุหลาบพิเศษออกมาให้แกขายกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ แน่นอนว่าตั้งชื่อสายพันธุ์ตามบริษัทแก กลิ่นกุหลาบแดง กุหลาบชมพู กุหลาบอังกฤษมันธรรมดาไป เค้ามีกุหลาบพิเศษของเขาเอง เอากับเขาสิ!
ซึ่งก็ถือเป็นแบรนด์ luxury พอสมควร พูดง่ายๆ ว่า "แพง" อาจจะไม่ถึงกับนิชแต่ก็ราคาเอาเรื่อง (แต่เมืองนอกถูกกว่าไทยเยอะ!)
ราคาน้ำหอมขวดนี้ในไทยอยู่ที่เท่าไหร่นะเหรอ? ราคาที่อ้นพูดว่า "ไม่มีปัญญาซื้อ!" ก็แค่ 4100 บาท ถ้วนเอ๊ง! ใครสนใจสั่งซื้อได้ที่เว็บสาขาไทยแลนด์นะแจ๊ะ เกิน 500 บาท ก็ส่งฟรีแล้ว (ยังงงว่าของในสโตร์มีต่ำกว่า500ด้วยเหรอ?!) Crabtree & Evelyn
กลิ่นมันมีเอกลักษณ์จริงๆ แต่รุ่นปรับปรุงใหม่หลังปี 2012 (ถ้าเราจำข้อมูลไม่ผิดนะ) รู้สึกแฟนๆ จะแอนตี้ว่า "เอากลิ่นเก่าคืนมา!" เค้าว่ากันว่าของเก่าก่อนปรับสูตรใกล้เคียงกับกุหลาบจริงๆ มากกว่า ของใหม่มันมีความเป็นน้ำหอมสูงไป กลิ่นหอมแบบน้ำหอมแต่ไม่เหมือนกุหลาบอีฟลินสดๆ จากต้น รุ่นเก่านี้ราคาประมูลในอีเบย์พุ่งไปเป็นหมื่นๆ แม้จะเหลือแค่ครึ่งขวด!
สำหรับเรา เคยแค่ไปดมที่ช็อปฯ มันหอมจริงๆ แต่ไม่ค่อยสดชื่นเหมือนกุหลาบสายพันธุ์นี้แท้ๆ เราไม่มีปัญญาซื้อใช้หรอก ... จริงๆ มีปัญญาใช้แค่ yardley กลิ่น english rose น่ะ มันกุหลาบอังกฤษดี ไม่มีปัญญาใช้ Jo Malone "Red Roses" ในตำนาน เรามีแต่ Trussardi "delicate rose" ที่มีคนให้มา ซึ่งกลิ่นมันโคตะระจะคุณหนูเลย! ไม่เข้ากับบุคลิคเราอย่างแรง! เลยใช้ยาดเล่ดีกว่า เหอๆ ถูกและดีและหอมแบบกุหลาบจริงๆ ฉีดทิ้งฉีดขว้างไม่เสียดายราคา
 (*คนเล่นน้ำหอมจะเจอปัญหากลิ่นไม่เข้ากับบุคลิก กลิ่นไม่ติดผิวอะไรแบบนี้อยู่จริงๆ ฉีดแล้วแทนที่จะหอมกลับเหม็น หรือมึนหัวแพ้กลิ่นนั้นทั้งๆ ที่คนอวยเต็มกระทู้ ตอนแรกเราไม่เข้าใจแต่ลองเองแล้วใช่เลย ดังนั้นคิดดูสิ อีตาเรย์ให้น้ำหอมผู้หญิงกลิ่นกุหลาบกับอ้น! แล้วนางก็เข้ากับกลิ่นด้วยนะ! มันคือความมุ้งมิ้งที่อธิบายความหวานในตัวอ้นได้ตรงนี้แหละ!)


2. แฮนด์ครีม
100g 890 บาท (ราคาช็อป) แน่นอนว่าแพ๊ง! แต่มันหาซื้อง่าย จะ strawberrynet หรือ lazada ก็มี กระทั่งแม่ค้ารับหิ้วแบบเซ็ทกล่องใหญ่เอาหลอดเล็กๆ ข้างในออกมาแบ่งขายก็เพียบ พวก 50g หรือ 25g ไซส์พกง่ายอะไรแบบนั้น ซึ่งสรรพคุณมันก็คงจะทำให้มือนุ่มแหละ แต่หอมมว๊าก!
แล้วจินตนาการต่อว่าฉากที่อ้นช่วยเรย์ตอนแว่นแตก เรย์ได้กลิ่นหอมกุหลาบอ่อนๆ ตอนอ้นเอาผ้าเช็ดหน้าไปอุดจมูกให้! อันนี้ก็ต้องไปถามเรย์ว่าตกลงอ้นมือนุ่มมั้ย แต่หอมแน่นอน!
*มุกนี้เราได้มาจากกรณีที่สาวออฟฟิศชอบพกแฮนครีมไว้ทาที่โต๊ะเพราะบ่นว่า ทำงานในห้องแอร์ อากาศเย็น มือแห้ง บลาๆ ประกอบกับคุณน้องอ้นอยากหรูแต่เงินไม่ถึงคงจะไปสอยแฮนครีมที่ราคาเอื้อมถึงมาฟินแก้ขัดน้ำหอมราคาโคตรแพงที่ไร้ปัญญาซื้อ ก็สะท้อนค่านิยมยุคนี้นิดๆ นะ เหอๆ สะใจกว่าเขียนให้ตัวเอกหิ้วแอร์เมสขับเฟอรารี่เวอร์ๆ อะไรแบบนั้นซะอีก! This is REAL!

 
  +    = 

3. กุหลาบ
Evelyn เป็นกุหลาบทรงพุ่มสูงกึ่งเลื้อย ออกดอกตลอดทั้งปี ดอกขนาดกลางถึงใหญ่ สีครีมอมส้มพีชอ่อนๆ บางทีก็อมชมพู บางทีก็สีตกจนซีด! กลีบดอกกลางถึงแน่น ประมาณ 45-65 กลีบ หอมแรงกลิ่นกุหลาบสมัยเก่าผสมกลิ่นผลไม้ ลูกพีชและแอพปริคอต
กุหลาบสายพันธุ์อีฟลินนี้ ลุง David Austin ได้ผสมพันธุ์ขึ้นจาก Graham Thomas × Tamora ในปี 1991 ซึ่งหอมจนโดนใจของบริษัท Crabtree & Evelyn นี่แหละค่ะ ลุงเดวิดนี่ขึ้นชื่อเรื่องกุหลาบมาก กุหลาบของแกจะรวมเอาความสวยงามของสีสัน ความอ่อนช้อยของกลีบดอก ความชดช้อยของทรงดอกและพุ่ม และที่โคตรจะพิเศษคือกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของกุหลาบสมัยเก่า (กุหลาบเก่าก็อย่างเช่น กุหลาบมอญ กลิ่นมันจะคนละกลิ่นกับกุหลาบแดงไฮบริดทีตัดดอกประมาณนั้นแหละค่ะ)
ดูจากรูปด้านบนได้เลยว่าแต่ละสายพันธุ์หน้าตาเป็นยังไง แต่เหอะๆ ... ที่นี่เมืองไทย กรุงเทพ! มันไม่สวยแบบนั้นหร้อก!
ได้แค่นี้แหละ ของเค้าเอง ดอกเล็ก กลีบน้อย ไม่ซ้อน ไม่อลัง สีก็ซีด T^T


แต่ก็จะเห็นจากในรูปด้านบนสุดว่าดอกแน่นมาก กลีบพวกนางวิจิตรกันจริงๆ ความซับซ้อนของการเรียงตัวที่แน่นขนัดใจกลางดอกนี่แทบดิ้นตายจริงๆ มันดูอลังการณ์คนละแบบกับดอกกุหลาบ Red rose ที่เราเห็นจนชินตาทั่วไป แล้วถ้าได้ดูภาพพุ่มกุหลาบงามๆ ของเมืองนอกนะ! ราวกับเทพนิยายชัดๆ! ชวนให้นึกถึงเถากุหลาบที่แม่มดใจร้ายเสกให้ปกคลุมปราสาทเทพนิยายเลยแหละค่ะ!
คงอารมณ์ประมาณนี้


จุดพีคมันอยู่ที่การเล่นตลกของ "คำ"
ถึงตอนนี้คงรู้จักชื่อนามสกุลของพระเอก #ไม่กินเส้น กันแล้ว
และกุหลาบสายพันธุ์โปรดของอ้นก็คือ Evelyn
ถ้าใครเคยดมกลิ่นดอกจริงๆ นะจะปลื้มมาก อีฟลินมีความเป็นฟรุ๊ตตี้ในตัวสูง ไม่เหมือนกุหลาบอื่นๆ ที่เป็นกลิ่นกุหลาบธรรมดาๆ ที่"แค่หอม" ต้องลองไปดมๆ กุหลาบอังกฤษเปรียบเทียบกันดูค่ะ เหอๆ เท่าที่มีหลักๆ ก็จะกลิ่นแบบ Old rose กลิ่นผลไม้ กลิ่นน้ำชา(Tea)
คืออีฟลินนางหอม ดอกสวย สีหวาน ออกดอกเก่ง ทน ถึก เลี้ยงง่าย ซึ่งเราแอบใส่กิมมิกเล็กๆ ว่าคล้ายอ้น
ทีนี้อีฟลินเนี่ย มันมาจากการผสมพันธุ์ระหว่างสองสายพันธุ์นี้ Graham Thomas × Tamora ซึ่ง "Graham Thomas" เนี่ย มีชื่อเล่นว่า "Lemon Parody" เพราะสีสันของมันนั่นเอง ... lemon เลม่อน เรย์มอนด์ ... ก็เป็นการเล่นคำอะนะ เหอๆ เป็นการเล่นตลกของโชคชะตาที่ทำให้เรย์มอนด์อยู่รอบๆ ตัวอ้น คิกๆ ไงล่ะ เผลอนึกถึงหนุ่มแว่นเลยใช่มั้ยล่ะสาวอ้น? ฮ่าๆ
ต่อจากนี้ก็จะมีอีกเย้อ... เป็นการเล่นคำเล่นความหมายของคนแต่งเอง ให้มันเหมือนกับสีสัน #ดำ กับ #ขาว ระว่าง #ไม่ฟิต กับ #ไม่กินเส้น รอลุ้นกันนะคะ อ่านๆ ไปแล้วอาจจะค้นกิมมิกเล็กๆ กันเล็กน้อย ฮ่าๆ


:pig2: ขอบคุณที่ติดตามค้าบ  :pig4:
ติชมได้นะ เม้าได้ คุยได้ กรี๊ดได้ ไม่กัด เกรียนมาเกรียนกลับไม่โกง เหอๆ (จริงๆ คืออยากชวนเม้า)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2016 02:56:55 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
โอ้ยยย น่ารัก แต่เรย์นี่จมูกดีฝุดๆ
อ้น เนื้อคู่อ่ะ เรย์แน่ๆ
ป้องไม่ใช่ รู้ตัวเร็วๆนะ
จะได้มีความสุขเร็วๆ
แอบฟินเบาๆ   :o8:

ออฟไลน์ Ssuchaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งื้ออออออออ ตอนนี้น่ารักมาก  :-[
อีตาเรย์นี่จมูกดีไปไหมย่ะ แล้วนั่นลวนลามแฟนฉันหรอ ?? 55555555
อ้นจ๋าเธอเลิกขาดๆกับอีตาป้องได้แล้ว เดียวเรย์รอนานนะ เดียวได้ขึ้นคานตลอดชีวิตหรอก  :katai1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ่านถึงเรย์ให้น้ำหอมอ้นแล้วกรี๊ดเลยย
ชั้นชอบน้ำหอมกลิ่นกุหลาบมากกกกกก 5555
อยากได้มากค่ะ แต่เราชอบตัว Paul smith ROSE นะคะ
คือมันหอมชาๆกุหลาบๆมาก5555 ชอบบ
ของ Jo malone นี่ไม่ถูกกะเราจริงๆค่ะ
ยิ่งกลิ่น Orange blossomนี่แบบ ทำไมมีแต่คนอวยย 55 = =
เอ่อนี่นอกเรื่องไปไกลนะคะ เม้นนิยายสิๆ

ที่หมอดูว่าอ้นจะเป็นน้อยเค้านี่คือถ้าอ้นเลือกพี่โจมป่ะคะ ไม่ดีเลย
แต่ลุ้นที่บอกว่าลูกหลานเต็มบ้านน >< ดีใจแทนนาง
เรย์นี่หนุ่มซึนที่น่ารัก อะไรคือการที่อยากทำท่าตามในมังงะ55

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
#สตาร์ทช้าแต่ป๋ามาก  :impress2: น้องเรย์ทำไมทำคะแนนช้างี้
 :m26: ดูอีตาพี่โจมซิ คนอะไรจ้วงเอาๆ หาข้อมูลแบบเนียนๆ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   วันต่อมาเมื่ออ้นลงไปทานมื้อกลางวันที่แคนทีนตามปกติก็เป็นที่แน่นอนว่าเขาต้องพบกับเรย์เช่นเคย อ้นกับเรย์มักจะเขม่นกันตั้งแต่ในลิฟต์ เนื่องจากบริษัทของเรย์ตั้งอยู่บนชั้นที่สูงกว่าอ้น เมื่ออ้นก้าวเข้าลิฟต์ไปจึงต้องยืนอยู่ด้านหน้าของเรย์เป็นประจำ และหนนี้เขาก็ต้องขนลุกเกรียวเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนก้มลงมาใกล้ๆ ต้นคอ อ้นพยายามทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้ อาศัยว่าโชคดีที่ลิฟต์นี้ไม่มีกระจก และพนักงานออฟฟิศคนอื่นไม่มีใครสนใจเขา อ้นจึงยังแกล้งเนียนต่อไปได้
   จนกระทั่งออกจากลิฟต์อ้นก็รีบเดินหนี ปกติแล้วระหว่างพวกเขาสองคนมักจะแข่งชิงธงกันก็ตอนนี้ และเรย์ก็มักจะเป็นฝ่ายชนะด้วยช่วงขาที่ยาวกว่าและท่าทางการเดินที่จ้ำเหมือนควายหาย ทว่าหนนี้เรย์จงใจชะลอฝีเท้าเดินไปยังห้องอาหารด้วยความเร็วเท่ากับอ้น
   “เมื่อกี้แกทำบ้าอะไรของแกฮะอีแว่น”
   “ดมดูว่านายใส่มารึเปล่า”
   “อีบ้า! แกเป็นหมารึไง มาดมอะไรแบบนั้นในลิฟต์ ฉันอายคนเค้า”
   “ก็อยากรู้”
   “ถามเอาก็ได้”
   คู่กัดเดินเถียงกันไปจนถึงร้านก๋วยเตี๋ยว หนนี้อ้นไม่พลาดอีกรีบเอ่ยขึ้น
   “แกก่อนสิ เอาเลย สั่งเลย”
   แต่เรย์คลี่ยิ้มแสยะเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วแกล้งก้าวถอยหลังไปยืนซ้อนต่อจากอ้น อ้นเสียฟอร์มที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาด ลูกค้าคนอื่นก็ต่อแถวอยู่ด้านหลังเขาจึงจำต้องเข้าคิวตำแหน่งก่อนหน้าเรย์ และนั่นก็ทำให้คนตัวสูงกว่าก้มลงมาคุยด้วยแบบเนียนๆ
   หอมจัง
   เรย์ชอบกลิ่นนี้ แม้จะเป็นน้ำหอมชนิดเดียวกันกับที่แม่ของเขาใช้แต่ในความคุ้นจมูกก็มีบางอย่างแตกต่างไปจากความหอมหวานละมุนละไมแบบที่เขาคุ้นเคย ร่างกายของอ้นปรุงแต่งกลิ่นหอมหวานของกุหลาบอังกฤษผสานเข้ากับบุคลิกเฉพาะตัวออกมาเป็นความร่าเริงแสนบริสุทธิ์ได้อย่างลงตัวพอดิบพอดี ช่างเหมาะสมกับบุคลิกของผู้ใช้ เรย์คาดไม่ถึงว่าจะมี “ผู้ชาย” ที่เหมาะกับน้ำหอมกลิ่นกุหลาบจ๋าแบบนี้อยู่ด้วย หรือบางทีอาจเป็นเพราะเพศสภาพที่แสดงความสดใสของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา อ้นจึงเหมาะกับกลิ่นหอมหวานเช่นนี้

   ถึงจะสะใจที่วันนี้อ้นไม่จิกกัดเขาตามปกติแต่เรย์กลับรู้สึกหมดสนุกที่อดหาเรื่องปะทะคารมกับอ้น ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครยอมทนพูดคุยกับเขาได้นาน แม้แต่ในกลุ่มเพื่อนสนิทเองก็ดูจะเห็นเขาเป็นตัวแถมจนบางครั้งเรย์ก็แอบเซ็งนิดๆ ดังนั้นเรย์จึงพยายามชวนอ้นคุย
   “ทำไมไม่รับแอดเราล่ะ เมื่อวานเราแอดเฟซนายแล้วนะ ฟอลอินสตาแกรมแล้วด้วย”
   อ้นแทบสำลัก! แค่โดนฉกสมาร์ตโฟนไปกดแอดไลน์กันหน่อยเดียวกลายเป็นการเปิดโอกาสให้เรย์เข้าถึงข้อมูลโซเชี่ยลต่างๆ ของเขาได้เชียวหรือ?!
   ไวเกินไปละอีแว่น! มาแอบสำรวจโทรศัพท์ฉันตอนไหนกันยะ!
   “สงสัยเมื่อวานนอนเร็วมั้ง”
   “รับตอนนี้เลยสิ”
   เมื่อเห็นสายตามุ่งมั่นของเรย์ที่จ้องมาอ้นจึงปฏิเสธไม่ออก ใครจะกล้าบอกว่าเขามัวแต่ฟินกับของขวัญกันเล่า!
   “อืม เดี๋ยวรับเองแหละ”
   “ห้ามจำกัดสถานะนะ”
   “ชักเยอะละนะอีแว่น”
   แม้ปากจะบ่นแต่อ้นก็หยิบสมาร์ตโฟนออกมากดเข้าแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก ทว่า
   “เรย์มอนด์ เทย์ คนนี่ใช่มะ?”
   อ้นถามพลางหันหน้าจอไปให้เรย์ดู เขาไม่แน่ใจเนื่องจากคนที่แอดเข้ามาใช้รูปโปรไฟล์แปลกประหลาดบ่งบอกรสนิยมโอตาคุด้วยภาพการ์ตูนญี่ปุ่น เรย์พยักหน้ารับแล้วยิ้มกว้าง อ้นแอบแหวะแล้วจึงกดยอมรับ
   “นี่ชื่อเฟซแกเหรอ? ตัวการ์ตูนจากเรื่องอะไรอะ?”
   “ท่านชิโดะ มาริยะยังไงล่ะ”
   “ท่านมาเรีย?”
   อ้นงง! ถึงเขาจะเป็นตุ๊ดแต่ส่วนใหญ่แล้วก็ดูแต่วันพีชกับนารูโตะตามป้อง ไม่อย่างนั้นก็อ่านแต่การ์ตูนผู้หญิง ดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้จักอนิเมเรื่องอื่นๆ มากนัก
   “ช่างเถอะ แกนี่ประหลาดกว่าที่คิดอีกนะ หนังหน้าก็ดีแทนที่จะใช้รูปโปรไฟล์เกร๋ๆ ดันใช้รูปการ์ตูนเหมือนเด็กประถม ละยังชื่อนามแฝงอะไรนี่อีก เวลาคนที่บริษัทขอแอดแกๆ ไม่อายเหรอ?”
   สำหรับอ้นภาพลักษณ์ในโลกโซเชียลถือเป็นเรื่องสำคัญ เขายอมไม่ได้ถ้ารูปโปรไฟล์ไม่เลิศ บางทีถึงกับรัวร้อยช็อตแต่งแล้วแต่งอีกผ่านสมรภูมิแอพเป็นสิบเพื่อรูปโปรไฟล์เพียงอาทิตย์เดียว
   “นั่นชื่อเราจริงๆ นะ”
   “หา?”
   “เราชื่อเรย์มอนด์ เทย์ นั่นชื่อจริงนามสกุลจริงของเรา”
   เรย์ตอบพลางตักข้าวเข้าปากเคี้ยวสบายอารมณ์ แต่อ้นนิ่งไปแล้ว เขาทำท่าแคะหูตัวเองแล้วพูดกับเรย์ว่า
   “ขออีกรอบเซะ?”
   คราวนี้เรย์รู้สึกได้ว่าอ้นไม่เชื่อ เจ้าตัวจึงควักบัตรประชาชนในกระเป๋าออกมาอวดชื่อนามสกุลยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
   “นายเรย์มอนด์ นามสกุลเทย์ เชื่อยัง?”
   “โอ๊ยขุ่นพระ! แกเป็นลูกครึ่ง?! ตายแล้วครึ่งอะไรอะ?”
   อ้นเล่นใหญ่ตกใจอุทานดังลั่น เรย์จึงเผลอขมวดคิ้วส่งสายตาดุๆ ไปปราม
   “เบาๆ สิ”
   ทำไมต้องล้อเลียนกันแบบนี้ด้วย ยังไม่เชื่ออีกรึไง?
   “แกชื่อเรย์มอนด์จริงเหรออีแว่น?”
   “อาฮะ”
   “แล้วชื่อเรย์ล่ะ? ละละคนที่ทำงานแกเค้าเรียกแกว่าอะไร? เหลือเชื่อ! แกเป็นลูกครึ่งเหรอเนี่ย? ไหนๆ ไม่เห็นมีเค้าเลย”
   อ้นลืมตัวเอื้อมมือไปจับคางของเรย์พลิกไปมาจนเรย์เริ่มเซ็ง เขาถอนหายใจยาวเหยียดแล้วเริ่มอธิบายเชิงบ่น
   “คนอื่นเค้าก็เรียกชื่อเล่นเรานั่นแหละ แม่เราตั้งให้ว่า ‘เรย์’ ย่อมาจากชื่อจริงไง ส่วนชื่อจริงพ่อเราเป็นคนตั้งให้ พ่อเราเป็นคนสิงคโปร์เราเลยใช้นามสกุลตามพ่อ”
   “หนังหน้าแกไม่บอกเลยนะว่าอินเตอร์ โฮะๆ”
   “สิงคโปร์ก็คนเชื้อสายจีนนั่นแหละ ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลย”
   “ว้าว! น่าอิจฉาจัง แล้วทำไมแกถึงมาเรียนเมืองไทยได้ล่ะ แกไม่ไปอยู่โน่นหรอกเหรอ?”
   “ก็เราเกิดเมืองไทยนี่ ตอนแรกพ่อกับแม่เราก็ทำธุรกิจอยู่ที่โน่นนะ แต่ค่าครองชีพมันแพงพอมีลูกเยอะๆ แล้วมันอึดอัดด้วย ที่โน่นคอนโดมันเล็กมากเลย พ่อเลยย้ายตามแม่มาอยู่เมืองไทย แล้วเราก็เป็นลูกหลง เกิดที่นี่โตที่นี่”
   “โฮะๆ แกเป็นลูกคนเล็กนี่เอง มิน่าล่ะฉันว่าแระแกน่ะเอาแต่ใจเป็นบ้าเลย ฉันทายว่าพ่อแม่แกต้องตามใจสุดๆ เลยใช่แมะ?”
   อ้นได้ทีแซะกลับจนเรย์ทำหน้าบึ้ง
   “เราไม่ได้เอาแต่ใจซักหน่อย!”
   “เอาแต่ใจ หลงตัวเองด้วย ฉันละคันปากมานานแระ แกน่ะท่าทางไม่มีใครคบด้วยละสิทำนิสัยแบบนี้ เมื่อก่อนก็นั่งกินข้าวคนเดียวบ่อยๆ ไม่ใช่รึไง นี่ดีนะมาเจอแม่พระอย่างฉัน ฉันจะยอมลดตัวลงไปคบด้วยก็ได้นะ โฮะๆ”
   อ้นได้ทีจัดหนักจัดเต็มขี่แพะไล่กระทืบจนเรย์ฉุน แต่ส่วนหนึ่งในใจลึกๆ เขาก็ยอมรับจึงคิดคำเถียงไม่ออก นอกจากพวกสามเกรียนแล้วก็ไม่ค่อยมีใครทนเขาได้จริงๆ นั่นแหละ
   “ถึงเราจะเป็นลูกคนเล็กแต่เราไม่ใช่คนที่ทำให้แม่ปวดหัวที่สุดซะหน่อย เราเรียนเก่งนะ ถึงจะไม่ได้ช่วยพ่อกับแม่ทำบริษัทต่อแต่เค้าก็ภูมิใจในตัวเรานะ เพราะเราดูแลตัวเองได้”
   ต๊าย! นิสัยน้องเล็กชัดๆ
   อ้นไม่รู้ตัวเลยว่าไปๆ มาๆ เขาเกิดความเอ็นดูต่อ “น้องเล็ก” เข้าเสียแล้ว
   “แกมีพี่น้องกี่คน?”
   “ห้า”
   อ้นฟังจำนวนพี่น้องของเรย์แล้วก็ตกใจ เขาเกิดความเลื่อมใสศรัทธาผู้หญิงที่สามารถเบ่งทารกออกมาลืมตาดูโลกได้ถึงห้าคนนิดๆ
   “โอ๊ยตายละ! นั่นมันครอบครัวใหญ่มากเลยนะ”
   อ้นถึงกับพูดไม่ออก เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าบ้านของเรย์จะวุ่นวายมากแค่ไหน ตัวเขานั้นเป็นลูกคนเดียวแม่เสียไปตั้งแต่ยังเล็ก เขาจึงต้องอยู่กับพ่อโดยมีป้าที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของพ่อคอยช่วยดูแลอีกแรง เนื่องจากป้าของเธอก็เป็นสาวโสดไม่ได้แต่งงานในบ้านจึงมีกันอยู่แค่สามคนมาตลอด
   “อาฮะ พี่ชายคนที่สองกับคนที่สามเป็นฝาแฝดกันน่ะ พอเค้ามีแอนดี้ก็เลยตัดสินใจย้ายกลับมาเมืองไทยกัน แล้วเราก็เป็นลูกหลงเกิดที่นี่ ห่างกับแอนดี้หกปี”
   “บ้านแกนี่ชื่อฝรั่งกันหมดเลยเนอะ?”
   “อืม เพราะพ่อเป็นคนตั้งชื่อให้น่ะ ในบ้านมีแต่แม่ที่เรียกชื่อเล่น ส่วนใหญ่เรากับพี่ก็เรียกชื่อจริงกัน มีแต่เพื่อนที่เรียกเราว่าเรย์”
   “ไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อเหรอแก? อยู่เมืองไทยนะ มาเรมงเรย์มอนด์ ไม่เข้ากะหนังหน้าแกเลย โฮะๆ”
   แม้จะแอบเคืองที่ถูกวิจารณ์หนังหน้าแต่เรย์ก็ตอบ ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าเผลอกินไปคุยไปจนแทบหมดเวลาพักเที่ยง นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่คุยกันเพลินติดลมขนาดนี้
   “เราเองก็เกือบได้ชื่อไทยแล้ว แต่แม่เราแพ้พนันพ่อเราเลยชื่อเรย์มอนด์แทนไรวินท์”
   “ฉันว่าเพราะออก นายไรวินท์เท่ดีนะ เกร๋ค่ะ”
   “แปลว่าขุมทรัพย์น่ะ แม่บ่นเสียดายที่ไม่ใช่เด็กผู้หญิง บ้านเรามีเด็กผู้ชายสี่คนแล้วแม่เลยอยากได้ลูกสาวน่ะ แต่ก็ออกมาเป็นเด็กผู้ชาย แถมยังจับไม้สั้นไม้ยาวแพ้พ่ออีก”
   “ขุ่นพระ! บ้านแกเลือกชื่อด้วยไม้สั้นไม้ยาว? โอ๊ยตายแระ! จากขุมทรัพย์กลายเป็นลำแสง”
   “ไม่ใช่นะ! เรย์มอนด์ไม่ได้แปลว่าแสงซักหน่อย เป็นชื่อนักบุญหรอก แปลว่า ‘ผู้ปกป้อง’ นะ”
   คำแปลของชื่อ “เรย์มอนด์” ทำเอาอ้นสะอึก บรรยากาศสนุกสนานในการพูดคุยหายวับไปกับตาเมื่อชื่อของใครบางคนถูกพูดถึง
   “ชื่อแกมีความหมายด้วยเหรอ? ไม่คิดว่าชื่อฝรั่งจะมีคำแปลเนอะ”
   “มีสิ ถึงส่วนใหญ่จะเป็นชื่อจากไบเบิ้ลแต่ก็มีความหมายนะ ชื่อเราแปลว่ามือที่คอยช่วยเหลือ ก็คือกาเดี้ยนหรือผู้ปกป้องยังไงล่ะ”
   เรย์ยิ้มกว้าง และอ้นก็ยิ้มตอบ แต่ในของเขาไม่ได้ยิ้มตามเลย
   อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้!
   “อโณทัยเองก็เพราะนะ แปลว่าแสงอาทิตย์ยามเช้าใช่มั้ยล่ะ? เข้ากับนายดี”
   เรย์ชวนอ้นคุยโดยไม่ได้สังเกตอารมณ์ของคู่สนทนาเลย หรืออาจเป็นเพราะเรย์ไม่รู้เรื่องบางอย่างก็เป็นได้เขาจึงไม่ทันสังเกต
   “นี่ชื่อเดิมเลยรึเปล่า หรือนายไปเปลี่ยนชื่อมาแล้ว?”
   “ก็ชื่อเดิมสิ ทำไมเหรอ?”
   “เห็นพวกที่แปลงเพศเขาชอบไปเปลี่ยนชื่อกันไม่ใช่เหรอ? แต่ ‘อโณทัย’ เพราะอยู่แล้วล่ะ นายไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ก็ได้ ความหมายดีด้วย ฟังดูสดใสเข้ากับนายดี”
   “แกคิดแบบนั้นเหรอ? คำที่แปลว่าพระอาทิตย์มีตั้งเยอะ เพราะกว่านี้ก็มี ทำไมแม่ฉันถึงได้ตั้งว่าอโณทัยก็ไม่รู้ ไหนๆ จะเป็นพระอาทิตย์ทั้งที ขอแบบร้อนแรงแซ่บๆ ไปเลยก็ไม่ได้ ฮะๆ”
   อ้นหัวเราะโดยพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
   โลกนี้มีพระอาทิตย์ได้ดวงเดียวเท่านั้นแหละ แล้วพระอาทิตย์ดวงที่อีป้องเลือกก็ไม่ใช่ฉัน!
   “แต่มันเข้ากันดีนะ อ้น อโณทัย เราชอบ ... เป็นอะไรอะ?”
   “เปล่า รีบกินเถอะอีแว่น เดี๋ยวเข้างานไม่ทัน”

   อ้นซึมเพราะถูกสะกิดแผลในใจเกี่ยวกับเรื่องชื่อของเรย์ เขาอยู่กับป้องนานจนพอจะรู้จักตัวตนของเด็กคนนั้น ป้องมักจะเผลอมอง “สัญลักษณ์” เกี่ยวกับพระอาทิตย์ทุกครั้งที่เห็น เด็กผู้ชายที่สดใสร่าเริงเหมือนพระอาทิตย์ “ตะวัน” ดวงที่สาดแสงอยู่ในใจของป้องเสมอมาจนแสงอ่อนๆ ยามเช้าอย่างเขาสู้ไม่ได้ อ้นอยากเป็นพระอาทิตย์ของป้องแต่แสงยามเช้าไม่เคยเทียบได้เลยกับดวงตะวันผู้เจิดจ้าคนนั้น และเรย์ก็ยังบังเอิญเป็น “ผู้ปกป้อง” เสียอีก ช่างบังเอิญจนอ้นสะอึก!
   “เป็นอะไรจ้องหน้ากูอยู่ได้?”
   “เปล๊า!”
   “เออๆ เรื่องของมึง”
   ป้องพยักหน้าเออออตามใจอ้นก่อนจะเงียบไปพักหนึ่ง
   “อ้น พรุ่งนี้วันเกิดพี่โฟม พี่ๆ เค้ามีเลี้ยงกัน ไปกับกูมั้ย?”
   เสียงของป้องเชิญชวนเหมือนขอร้องให้เขาไปด้วย แต่อ้นก็ยังลังเล
   “จะดีเหรอแก คือฉันไม่ได้ทำงานที่นั่นแล้ว”
   “แต่เขาเป็นรุ่นพี่พวกเรานะ มึงก็สนิทกับพี่เขานี่หว่า”
   “แต่ก็กินกันเฉพาะในบริษัทปะ? ฉันโผล่ไปจะน่าเกลียดอะสิ ฉันฝากอวยพรไปกับแกก็แล้วกัน”
   เมื่อเห็นอ้นทำท่าไม่อยากไปด้วยกันป้องก็เลิกเซ้าซี้ เขาพยักหน้าตกลงกับเพื่อนโดยเก็บความหนักใจไว้ในอกไม่ปริปากบอก “แฟนเก่า” ป้องถูกรุกจากผู้หญิงคนอื่นจนอยากวิ่งหนี!
   อ้นเองก็ยังซึมเพราะปมในใจจึงไม่ทันสังเกตท่าทีของป้อง เขาซึมต่อจนถึงเช้าวันต่อมา และเผลอขับรถมาทำงานด้วยความใจลอยจนเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเข้ากับรถอีกคันตอนเลี้ยวเปลี่ยนเลนส์ อ้นต้องรีบลงมาขอโทษขอโพยแท็กซี่ก่อนจะโทรเรียกประกันมาเคลียร์ แม้กายจะไม่บาดเจ็บแต่รถก็สาหัสเอาการ กันชนหน้ายับเยินเบียดจนถึงคานประตูและกระจกข้างซ้ายแตกเป็นเสี่ยงๆ อ้นจึงรีบโทรไปขอลางานกับจ๋าแล้วจัดการติดต่อรถยกมารับรถไปส่งซ่อมที่ศูนย์ สิ่งที่อ้นกลัวที่สุดก็คือการถูกพ่อดุ และเขามีปัญหากับรถคันนี้บ่อยเหลือเกิน!

   อ้นกลับหอ โดดงานโดยอ้างอุบัติเหตุกลับไปนอนพัก ในห้องยังมีรอยร่องของป้องอยู่จนอ้นใจหาย
   ผ้าเช็ดตัวของป้องยังชื้นอยู่เลย
   อ้นอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเขาและป้องออกไปทำงานด้วยกันแต่เช้าจะเป็นเช่นไร? นับตั้งแต่ที่เลิกกันอย่างเป็นทางการ ป้องก็ปฏิเสธไม่ยอมออกไปทำงานพร้อมเขาอีกด้วยเหตุผลว่าขี้เกียจตื่น การที่อ้นขับรถไปทำงานทำให้เขาต้องรีบออกแต่เช้าเพราะต้องการหลบเลี่ยงการจราจรติดขัดบนถนนเพื่อรีบไปแย่งที่จอดรถบนตึกให้ทัน แต่ป้องอ้างว่าถ้าไปรถสาธารณะอย่างเช่นรถตู้หรือรถไฟฟ้านั้นเขาสามารถออกสายได้ ทำให้ได้นอนตื่นสายเพิ่มอีกนิดหน่อย แน่นอนว่าอ้นไม่ขัดใจป้องอยู่แล้ว พักหลังทั้งสองคนจึงแยกกันดำเนินชีวิตประจำวันของแต่ละคนไม่สวีทอย่างเคย
   แกจะซึมทำไมยะนังอ้น! แกเป็นคนบอกเลิกเขาเอง “ถ้าเค้าไม่รักก็อย่าทนต่อเลยดีกว่า” แกบอกตัวเองแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? แกจะซึมทำไม!
   อ้นเรียกสติตัวเองแล้วจัดการโทรหาป้องบอกข่าวเรื่องรถชน ป้องตกใจแสดงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน และนั่นทำให้อ้นหวั่นไหว
   “อ้าว! ละมึงเป็นไรปะ?”
   “ไม่อะ ฉันปลอดภัยดี มันเฉี่ยวกันด้านซ้าย ดีนะที่แกไม่ได้นั่งไปด้วยไม่งั้นคงเจ็บ”
   “มาห่วงอะไรกูห่วงตัวเองเถอะ อย่าลืมไปเช็กร่างกายนะมึง”
   “อืม ... ป้อง ฝากอวยพรพี่โฟมด้วยนะ”
   “เออ เดี๋ยวบอกพี่เค้าให้ กูทำงานต่อก่อนนะ”
   “บายจ้ะ”
   อ้นบอกไม่ถูกว่าความว่างเปล่าโหวงเหวงในอกนี้คืออะไร? อาจจะเป็นเพราะเกิดอุบติเหตุขึ้นกระมังบรรยากาศรอบๆ ตัวเขาจึงหดหู่ อ้นกิน นอน เล่น ทำอะไรฆ่าเวลาว่างอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน นับตั้งแต่คบกับป้องแล้วป้องย้ายมาอยู่ด้วยกันเขาก็แทบจะลืมการอยู่คนเดียว แต่วันนี้เขากลับได้ไปอยู่คนเดียวเหมือนเมื่อตอนที่ไม่มีใคร และอ้นไม่คิดเลยว่าเขาต้องอยู่ตามลำพังจนถึงเช้าของอีกวันเมื่อคืนนั้นป้องไม่ได้กลับห้อง!
   ในขณะที่อ้นกำลังเตรียมตัวเพื่อออกไปทำงาน ป้องก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง สีหน้าของป้องดูไม่ค่อยดีและมีอาการตกใจเมื่อเห็นว่าอ้นยังอยู่ในห้อง
   “มึงยังไม่ออกไปทำงานเหรอ?”
   “กำลังจะไปนี่แหละ นั่งรถตู้แล้วก็ออกสายเหมือนแกได้ไง”
   อ้นอยากจะถามว่าทำไมถึงกลับเช้า อยากจะถามว่าป้องจะให้เขารอแล้วออกไปพร้อมกันไหม แต่ป้องกลับรีบถอดเสื้อผ้าแล้วตรงเข้าห้องน้ำ
   “อีป้อง?”
   ท่าทางของป้องแปลกจนอ้นกังวล
   “กูเหม็นตัวเอง มีแต่กลิ่นเหล้าว่ะ”
   “ย่ะ! เมื่อคืนคงเมามากสินะ ไม่โทรบอกกันเลยปล่อยให้เป็นห่วง ฉันนึกว่าแก”
   แต่อ้นไม่มีโอกาสได้บ่นจบเมื่อป้องทำบางสิ่งที่เหนือความคาดหมาย!
   “ขอโทษ กูขอโทษ”
   อ้นที่กำลังบ่นถึงกับอึ้งเมื่อป้องเลี้ยวออกจากห้องน้ำมากอดเขา!
   “กะแกเป็นอะไรอะ? คงไม่ได้ไปเมาแล้วฆ่าใครตายมาใช่มั้ยอีป้อง? เสื้อแกไม่มีคราบเลือดนะ?”
   เรื่องที่เบสท์ถูกซ้อมจนน่วมเป็นข่าวลอยมาเข้าหูอ้นเช่นกัน และเขาเดาได้ว่าป้องจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์! เด็กคนที่ป้องแอบรักถูกเบสท์หักอก เบสท์จึงถูกแก้แค้น และถ้าหากป้องเผลอไปฆ่าใครเข้าอ้นก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด ดังนั้นการที่ป้องลุกลี้ลุกลนออกอาการผิดปกติเช่นนี้อ้นจึงระแวง
   และป้องเองก็รับรู้ได้ว่าอ้นเริ่มกลัว เขาจึงฝืนยิ้มออกมาเพื่อให้เพื่อนสบายใจ
   “อะไร? กูก็ขอโทษที่ทำให้มึงเป็นห่วงกูไง”
   ป้องกล่าวพร้อมกับเขี่ยผมของอ้นไปทัดหูเล่นอย่างที่ชอบทำ เขาพยายามยิ้มแล้วอ่อนโยนกับเพื่อนชดเชยความรู้สึกผิด ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเพื่อนของเขาให้ความรู้สึกแบบ “ผู้หญิง” อ้นเหมาะสมกับการเป็นผู้หญิงมาก และอ้นจะเป็นผู้หญิงที่ดีเสียด้วย ดีจนหนุ่มๆ อยากได้เป็นแฟน แต่เสียดายที่ตาเขาไร้แววไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีในมือ
   “มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูเลย”
   แม้จะตัดใจแล้วแต่อ้นก็ยังเจ็บเมื่อป้องพูดออกมาเองว่าเขาเป็นได้แค่ “เพื่อน” เขาไปต่อไม่ถูกได้แต่งงว่าเกิดอะไรขึ้น
   ทำไมแกต้องร้องไห้ด้วยอีป้อง?
   “ขอบคุณที่คอยเป็นห่วงกู”
   ทำไม?
   “กูรักมึงนะอ้น”
   อ้นมองใบหน้าของป้องที่มีหยดน้ำตากลั่นตัวไหลออกมาแล้วเริ่มร้องไห้ตาม เขาบอกไม่ถูกว่าทำไม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สายตาของป้องทำให้เขากลัว อ้นสัมผัสได้ถึงความเสียใจในน้ำเสียง แววตาของป้องราวกับรู้สึกผิดและต้องการขอให้เขาให้อภัย ที่สำคัญ อ้อมกอดของป้อง มันกอดเขาไว้ด้วยความสงสารเหมือนพยายามชดเชยไม่อยากให้มีอะไรมาทำร้ายเขาได้อีก อ้นไม่รู้ว่าทำไมแต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าป้องกำลังพยายามขอโทษเขา!
   “แกรักฉันแบบไหนอะ? ใช่แบบนั้นมั้ย?”
   อ้นถามได้แค่นั้นแล้วก็กระชับแขนของตัวเองกอดแผ่นหลังของป้องแน่น เขาปล่อยโฮออกมาผสานกับเสียงสะอื้นของป้องอย่างห้ามอารมณ์ไม่อยู่

   เรย์เปิดฉากทักด้วยคำถามทันทีที่อ้นเข้ามายืนเคียงข้างกันในลิฟต์
   “หายไปไหนมาสองวัน?”
   อ้นเหลือบตามองคนถามแล้วตอบเบาๆ ด้วยเกรงใจผู้โดยสารคนอื่น
   “รถชน เลยยุ่งๆ นิดหน่อย”
   “ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
   เรย์ไม่เพียงแต่ถามด้วยปากทว่าเขายังถามทางสายตาด้วยการกระทำอุกอาจ เขาเชยคางของอ้นให้หันไปประสายสายตากัน ดวงตาของเรย์จ้องเขม็งมายังดวงตาของอ้นที่ยังคงหลงเหลืออาการบวมแดงอยู่เล็กน้อย
   อ้นปัดมือของเรย์ออกเบาๆ แล้วหันหน้าหนี ตอนนี้เขาเริ่มชินกับนิสัยของเรย์แล้ว จึงรับมือได้หนักแน่นขึ้น หรือพูดให้ถูกเขาไม่มีอารมณ์มาเขินเรย์เพราะความกังวลยังปั่นป่วนต่อเนื่องมาจากพฤติกรรมแปลกๆ ของป้อง
   “ถ้าเป็นแล้วฉันจะมาทำงานมั้ยยะ?”
   “ดีแล้ว”

   เป็นอะไรมากรึเปล่านะ? ร้องไห้ชัดๆ
   “รถซ่อมเยอะเหรอ?”
   เรย์เป็นห่วงอ้น เขารู้สึกว่าอ้นผิดปกติแต่เขาไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรให้อ้นกลับมาสดใสเหมือนเดิม เขาคิดว่าบางทีอ้นอาจจะกำลังร้องไห้เพราะรถที่ยังผ่อนไม่หมดพังยับทั้งคัน แต่อ้นไม่ปล่อยให้เรย์สงสัย เขาเฉลยอย่างเรียบง่าย
   “เยอะ แต่มีประกันชั้นหนึ่ง ไม่ต้องห่วงหรอกก็แค่ช่วงนี้ไม่มีรถใช้อะ”
   “ลำบากเหรอ?”
   “ก็นิดหน่อย”
   เรย์มองอ้นเขี่ยข้าวในจานแล้วก็ยิ่งเป็นห่วง วันนี้อ้นต่อปากต่อคำกับเขาน้อยผิดปกติ
   “ให้ช่วยมั้ย?”
   “ไม่ล่ะฉันอิ่มแล้ว”
   นอกจากจะเงียบผิดปกติแล้วยังใจลอยอีก วันนี้อ้นเป็นอะไร?
   “ฉันไปก่อนนะเรย์ กินข้าวไม่ค่อยลงอะ”
   อ้นทำท่าจะลุกไปเก็บจานเรย์จึงดึงแขนของอ้นไว้
   “กินให้หมดสิ เสียดายนะ เดี๋ยวก็ไม่มีแรงทำงานตอนบ่ายหรอก”
   อ้นมองมือของเรย์ที่จับข้อมือของเขาอยู่แล้วก็ตัดสินใจนั่งลงตามเดิม เขาพยายามตักเกาเหลาและข้าวในจานเข้าปากเคี้ยวกลืนลงคอแต่รสชาติหอมหวานที่เคยทานอร่อยมันช่างฝืดคอทุกคำ!
   เมื่อวานนี้เขากับป้องกอดกันร้องไห้ ต่างคนต่างร้องไห้ ไปๆ มาๆ สรุปว่าเขากับป้องเลยโดดงานกันทั้งคู่ แต่ป้องไม่พูดอะไรเลย เขาถามก็ไม่ยอมบอก เมื่อป้องไม่อยากเล่าเขาจึงไม่กล้าเซ้าซี้ สุดท้ายเลยคุยกันเรื่องอื่น น่าแปลกที่ป้องพูดเรื่องสมัยเรียนเยอะผิดปกติ อ้นรู้สึกเหมือนป้องแคร์เขามากขึ้น แต่เป็นการพยายามเพื่อชดเชยบางอย่าง ดังนั้นอ้นจึงรู้สึกไม่ดี
   “เครียดอะไร?”
   “เรื่องงานมั้ง?”
   อ้นถามคำตอบคำผิดปกติจนเรย์หงอยตาม เขาทำตัวไม่ถูก เรย์พึ่งเคยรู้สึกทำตัวไม่ถูกเพราะใส่ใจอารมณ์คนอื่นแบบนี้เป็นครั้งแรก ดังนั้นเขาจึงนิ่งตามแล้วนั่งมองอ้นพยายามฝืนทานข้าวที่เหลือในจานจนหมดก่อนจะเดินไปเก็บจานด้วยกัน
   เมื่อลิฟต์มาถึงและทั้งคู่เข้าไปยืนเคียงข้างกันในลิฟต์แล้วเรย์ก็ยิ่งอึดอัด เขาอยากทำอะไรสักอย่างแต่คิดไม่ออก
   จนกระทั่งลิฟต์ใกล้จะถึงชั้นที่อ้นทำงานอยู่แล้วเรย์ก็โพลงออกมา
   “โทรหาเราได้นะ มีอะไรก็โทรมาด้วยล่ะ”
   อ้นแปลกใจแต่ก็หันไปพยักหน้าให้เรย์แบบงงๆ
   “อือๆ ละถ้าฉันมีอะไรจะโทรไปละกัน”
   การเห็นอ้นรับคำทำให้เรย์เผลอยิ้มออกมา เขายิ้มด้วยเบาใจว่าอย่างน้อยก็ได้ทำอะไรสักอย่างแล้ว แต่เรย์ไม่รู้เลยว่าการเสนอตัวของเขาไม่อยู่ในความทรงจำของอ้นเลยสักนิด!



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


อ้นได้กินลูกครึ่ง!  :impress2:
มีใครเดาไว้บ้างว่าเรย์จะเป็นหนุ่มลูกครึ่งแบบนี้? แต่เค้าก็เฉลยชื่อตั้งแต่ตอนที่แล้วละนะ ฮ่าๆ ช่างเป็นลูกครึ่งที่ไร้ความไฮโซสิ้นดี!
อ่านนิยาย AzureICE แต่งเหรอ? อย่าคาดหวังความเวอร์วังในนี้ ไฮโซหนุ่มลูกครึ่งขับรถสปอร์ตตาสีเทาสูงยาวเข่าดีผมสีชา ... ฝันไปเหอะ! เอาลูกครึ่งแบบเรย์ไปก่อนนะกัน เดี๋ยวมาลุ้นกันว่านางขับรถอะไร?
หรือจะเอาไฮโซลูกมาเฟียบ้านนอกแบบอินางน้อยเติ้ลก็ได้นะ นั่นน่ะพี่ชายเป็นถึงหัวหน้าแก๊งอันธพาลประจำจังหวัดเลยนะ! #บ้านๆดีออก #โม้แบบสมจริง ฮ่าๆ

ส่วน "ชิโดะ มาริยะ" ที่ว่านั่นก็คือนางเอก(พระเอก?)จากการ์ตูนเรื่อง "Maria†Holic" นะจ้ะ ไปค้นเอาเอง ว่าแต่ทำไมเรย์ใช้รูปโปรไฟล์ในเฟซเป็นผู้หญิงล่ะ? :o8:

เข้าคู่ดีเนอะ พี่ป้องน้องเติ้ล #งี่เง่ากับง๊องแง๊ง = #ปกป้อง&ตะวัน แหมๆ ... พอมาเป็น #ตุ๊ดลำไยกับนายแว่นโฉด อ้นเรย์ ก็กลายเป็น #อโณทัย&Her's_Guardian
เข้าคอนเซ็บ The SUN and Protector พอดีเป๊ะ!
สาบานว่าตอนแต่ง #STRINT ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย แค่อยากตั้งชื่อตัวละครอีกตัวว่า "เรย์" เพราะ "เทพ" นี่คือเกรียน มีมุกชื่อจริงชื่อเล่นนิดหน่อยในเรื่อง ตัวละครอื่นๆ ก็คิดนะ อย่าง "สตาร์=ดาว" งี้ ตัวประกอบ บรรดาเพื่อนๆ "เมฆ" ต้องดูให้เหมาะกับสาย Agi "หิน" นี่อยากได้ชื่อที่ดูหนักแน่น ทน ถึก! อีกชื่อคิดแล้วคิดอีกเอาไรดี เลยได้ชื่อธรรมดาๆ ที่เท่หน่อยๆ มาเป็น "เรย์"
ตอนแต่ง #ไม่ฟิต ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย "อ้น" มาเลย พอมาแต่งภาค #ไม่กินเส้น นี่ต้องคิดละ จะเปลี่ยนของเก่าก็ไม่ได้ด้วย หาชื่อ "เรย์" จากชื่อฝรั่งแล้วมีความรู้สึกว่าชอบชื่อ "เรย์มอนด์" เลยหาความหมาย เสริชๆ ไป เจอปุ๊บ! "ผู้ปกป้อง!" อ้าว เข้าเค้าเลยนิหว่า? เลยลองดูชื่อของ "อ้น" อ.อ่าง ตัว น. คำว่า "อโณทัย" มันปรากฏขึ้นในหัว
มีเพื่อนสาวคนนึง เค้าชื่อเอ็ด ชื่อจริงเค้าชื่อนี้แหละ นางน่ารักมาก ตอนเราไม่สบายเดินไม่ไหวในทริปนางพยายามมาอยู่เป็นเพื่อนเรา น่ารักกว่าชะนีคนอื่นๆ ซะอีก น่ารักกว่าเจ๊อีกคนที่เบี่ยงเบนเหมือนกัน นางดูใสๆ โลกสวย สีชมพู ฮาๆ เลยแอบหยิบความน่ารักของนางมาเป็นข้อมูลว่า "ตุ๊ดที่น่ารักและไม่แรง" เป็นยังไง?
แล้วพอมาดูความหมาย "อโณทัย" คือพระอาทิตย์ยามเช้า ต๊าย! "Raymond" ก็แปลว่าผู้ปกป้องอีก! คือมันเข้าคู่กันปะ? ตั้งแต่ตอนนั้นตัดสินใจคอนเซ็ปนิยายเลยว่า #สีดำและสีขาว ไม่ต้องบอกนะว่าคู่ไหนดำคู่ไหนขาว ฮ่าๆ
... จริงๆ มันก็ไม่ดีหรอกนะ ทำงานไปโดยไม่ได้วางคอนเซ็ป แต่สุดท้ายมันก็มีทางไปของมันจนได้แหละน่า!   :hao7:

ตอนนี้อ้นก็เลยต้องเจ็บปวดนิดนึง... ก่อนจะได้พบกับการ์เดี้ยนของตัวเอง เหอๆ ยกนายปกป้องให้อีนางน้อยตะวันไปเหอะ!
อาจจะหน่วงหน่อยน้า คนที่อ่านไม่ฟิตคงเดากันได้ว่าอีพี่ป้องไปก่อคดีร้ายแรงระดับ7เอาไว้! นางพึ่งสำนึกค่ะ! กอดคอร้องไห้กับเพื่อน เหอๆ

แต่ก็จบบทด้วยเรย์นะ  :katai2-1:
รู้สึกน้องแว่นเริ่มรุกล้ำอาณาเขตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการดมๆ ป้ายกลิ่นด้วย ถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ระวังมีเฮ!  :impress2:
ชอบโมเม้นที่นางอยากปลอบแต่ทำอะไรไม่ถูกมาก มันดูน่ารักดี นึกภาพตามสิคะ เหมือนเด็กน้อยที่พยายามทำอะไรเป็นครั้งแรกแล้วคิดไปเองว่า "ตูทำสำเร็จแย้ว!" นางมาฟีลแบบเด็กน้อยอะ!

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ ทั้งคนที่เม้น คนที่ตามอ่าน และคนที่คอยกดไลค์ในเพจ เอ้าโฆษณา! https://www.facebook.com/AZI824/
คิดถึงทุกคนที่เคยคุยกันมากๆ เลย ฮ่าๆ ดีใจที่กลับมาคุยกันนะคะ  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-02-2016 04:25:10 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
โอ้ยยย น่ารัก แต่เรย์นี่จมูกดีฝุดๆ
อ้น เนื้อคู่อ่ะ เรย์แน่ๆ
ป้องไม่ใช่ รู้ตัวเร็วๆนะ
จะได้มีความสุขเร็วๆ
แอบฟินเบาๆ   :o8:
เค้าคู่กัน Sun&Protector ค่ะ  :hao7:


งื้ออออออออ ตอนนี้น่ารักมาก  :-[
อีตาเรย์นี่จมูกดีไปไหมย่ะ แล้วนั่นลวนลามแฟนฉันหรอ ?? 55555555
อ้นจ๋าเธอเลิกขาดๆกับอีตาป้องได้แล้ว เดียวเรย์รอนานนะ เดียวได้ขึ้นคานตลอดชีวิตหรอก  :katai1:
เรย์ยังมือไวได้อีกค่ะ รอลุ้นเลย ฮ่าๆ  :hao6:


:z1:     มีเฮ
รออ่านน้า  :pig4: :L1:


#สตาร์ทช้าแต่ป๋ามาก  :impress2: น้องเรย์ทำไมทำคะแนนช้างี้
 :m26: ดูอีตาพี่โจมซิ คนอะไรจ้วงเอาๆ หาข้อมูลแบบเนียนๆ
พี่โจมยังจ้วงอย่างต่อเนื่อง อ้นโดนคอมโบ้จนคนอ่านอยากเปลี่ยนพระเอกแน่ ขอบอก!  :impress2:
ก๊ะเรย์มันบื้ออะ จีบสาวไม่เป็น เหอๆ  :ling1:


อ่านถึงเรย์ให้น้ำหอมอ้นแล้วกรี๊ดเลยย
ชั้นชอบน้ำหอมกลิ่นกุหลาบมากกกกกก 5555
อยากได้มากค่ะ แต่เราชอบตัว Paul smith ROSE นะคะ
คือมันหอมชาๆกุหลาบๆมาก5555 ชอบบ
ของ Jo malone นี่ไม่ถูกกะเราจริงๆค่ะ
ยิ่งกลิ่น Orange blossomนี่แบบ ทำไมมีแต่คนอวยย 55 = =
เอ่อนี่นอกเรื่องไปไกลนะคะ เม้นนิยายสิๆ

ที่หมอดูว่าอ้นจะเป็นน้อยเค้านี่คือถ้าอ้นเลือกพี่โจมป่ะคะ ไม่ดีเลย
แต่ลุ้นที่บอกว่าลูกหลานเต็มบ้านน >< ดีใจแทนนาง
เรย์นี่หนุ่มซึนที่น่ารัก อะไรคือการที่อยากทำท่าตามในมังงะ55
เพราะเรย์บ๊องค่ะ นางมีความโอตาคุในตัว เหอๆ แต่พยายามเขียนให้ออกมาชวนเพลียแต่ไม่ถึงขั้นน่ารังเกียจ  :man1:

เม้าเรื่องน้ำหอมนิดนึง ... แบบว่า .... ถ้าเราพูดไรแย้วอย่าว่าเรานะ เราว่า Paul smith ROSE นี่คือมีความคล้ายคลึงกับ Yardley English Rose มากค่ะ กลิ่นเปิดแตกต่างกันพอสมควร พอลฯ สดชื่นกว่า แต่กลิ่นกลางคล้ายมากสำหรับเรานะ แต่เบสนี่ไม่เหมือน ยาดเล่ห์หวานกว่า พอลฯ มันจะชาๆ ไม่หวานเท่า(มะใช่อาการชาน้า!)

เรามีรุ่นสีชมพูอะค่ะ แบบในรูปเลย ขวดใหญ่ 125 ml. ซื้อมา 700 กว่าเอง ดังนั้นเมื่อเทียบในเรื่องราคาสำหรับคนโลโซอย่างเราแล้ว ... ยาดเล่ห์เถอะ!  o7 เบสเค้าเข้ากับเรามากกว่าด้วย เราชอบตัดสินกันถึงเบสเลยอ่ะค่ะ
แต่จริงๆ แล้วเราชอบ Jo Malone "Red Roses" มากนะคะ คือลองแล้วชอบนะ กลิ่นกุหลาบแดงมาก เปิดสดชื่น พอกลางๆ ไปถึงเบสแล้วกลายเป็นกลิ่นแบบกุหลาบแห้ง ยิ่งจางยิ่งกลายเป็นกลิ่นบุหงาอะค่ะ เข้ากับผิวเราดีมาก รู้สึกถึงความอบอุ่นในบุคลิกของเราผสมกับกลิ่นเบสเลยค่ะ ในขณะที่ พอลฯ มันจะชาๆ เบสแล้วแทบไม่เหลือความเป็นกุหลาบ ไม่เข้ากับตัวเรา แต่ถ้าจะให้ซื้อโจฯ ใช้ มันแพงไปค่ะ T^T
เราเคยลองพวกน้ำหอมกลิ่นกุหลาบบางอัน อย่างทีโรสนี่ไม่ไหวค่ะ เวียนหัว เปิดดีแต่กลางนี่กลิ่นน้ำมันหึ่งไปหน่อย เหมือนน้ำมันหอมระเหยในบ้านเลย "Truly Pink" ของ Vera Wang นี่เกลียดอันดับ2 มึน ฉุน เวียนหัว จะอ้วก! หวานมากจนเลี่ยน เฟมินิสเกินไปค่ะ เราทนถึงเบสไม่ไหว เทียบกันแล้วเราชอบ "Rose Essentielle EDP" ของ Bvlgari มากกว่า กลิ่นมันสะอาด ไม่หวานเกิน แต่ Bvlgari เค้าก็เน้นสไตล์นี้อยู่แล้ว แต่คือชอบไม่ได้หมายความว่า "เข้ากับบุคลิก" เหอๆ เราไม่ใช่สาวเหมาะกับยี่ห้อนี้ค่ะ T^T
แต่ถ้าเอาที่ชอบจริงๆ เราชอบแนวกลิ่นหนักๆ แบบนิชมากกว่าโมเดิร์นนะคะ ชอบ Les Parfums de Rosine มาก! คือกลิ่นมันมีอะไรที่ยูนีค หอมแบบมีเอกลักษณ์ แต่มันหายากสุดๆ ในไทย เราชอบกุหลาบแบบที่คนเค้าพูดกันอ่ะค่ะว่า "กุหลาบแบบป้า" เหอๆ #อายนิดๆ แต่เบสมันเข้ากับเราจริงๆ นะ ดูซับซ้อนเข้ากับนิสัยเราเลยค่ะ ฮ่าๆ ไม่ชอบแบบกลิ่นโมเดิร์นหรือกลิ่นคลีนๆ เท่าไหร่ ชอบหนักๆ
แต่ที่เลือกให้เรย์ให้ "Evelyn Rose" ของ Crabtree & Evelyn ก็เพราะชื่อสายพันธุ์เลยค่ะ เหอๆ มันเป็นกิมมิกของนิยาย แหะๆ  :mew2:
ที่เราหาน้ำหอมกลิ่นกุหลาบมาลองๆ นี่คือหาแรงบันดาลใจค่ะ เพราะแต่งนิยายเรื่องนี้อะเนอะ อ้นนางก็ชอบอะไรแบบนี้ ทำสวนกุหลาบอีก เราเลยต้องลองนิดนึง แต่อันที่จริงเราไม่ใช้น้ำหอมฟอรัลค่ะ ชอบใช้แนวฟรุ๊ตตี้ คลั่งกลิ่นพีชเป็นพิเศษ ถ้ารู้จักพีชฉ่ำๆ บอกด้วยนะคะ  :impress2:
เราเฉยๆ กับน้ำหอมกุหลาบ แต่คลั่งกลิ่นจากดอกกุหลาบ จะชอบพวกกุหลาบอังกฤษเป็นพิเศษ ซึ่งเรารู้สึกว่า ยังไม่มีน้ำหอมยี่ห้อไหนทำออกมาได้เหมือนกลิ่นกุหลาบอังกฤษเป๊ะๆ แม้แต่โจฯ ก็ได้แค่กุหลาบแดงธรรมดาเองค่ะ ตรงนี้เราเลยสบายๆ กับน้ำหอมกุหลาบมั้งคะ ฮ่าๆ แต่ถ้าเป็นต้นกุหลาบละก็ ถึงไหนถึงกัน ยอมจ่ายค่ะ เหอๆ :L2:
มีอะไรก็แวะมาเม้ากันได้นะคะ ฮ่าๆ  :pig4: :pig2: :L1:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   อ้นทำงานตลอดช่วงบ่ายด้วยความเครียด เขาเครียดเรื่องของป้องแล้วยังเครียดเรื่องงาน ไหนจะยังเรื่องรถอีก พอเครียดมากหลายต่อก็ชักจะหน้ายุ่งแถมยังถูกดุเรื่องที่ลากะทันหันติดต่อกันสองวัน อ้นถูกจ๋าตำหนิแต่อ้นก็ยอมรับผิดด้วยรู้ตัวว่าผิดจริง ที่สำคัญเขาบอกเหตุผลไม่ได้ว่าเมื่อวานเขาหยุดไปเพราะอะไรจึงได้แต่ยืนรับการอบรมจากหัวหน้าแต่โดยดี พอเลิกงานจะกลับบ้านอ้นก็เซ็งยิ่งกว่าเดิมเพราะต้องใช้บริการรถสาธารณะ แต่ในขณะที่กำลังเก็บของอยู่ที่โต๊ะก็มีสายในโทรเข้ามา
   “อ้น มาดูงานให้พี่หน่อย”
   “คะพี่โจม?”
   โอ๊ย! มาใช้อะไรหนูตอนนี้หนูจะกลับบ้าน!
   “โปรเจ็กใหม่ไง มาดูทีว่าโอเคแล้วยัง? พี่รอที่ห้องนะมาเร็วๆ ล่ะ”
   “ค่าๆ ได้ค่า เดี๋ยวหนูไปดูให้นะค้า”
   อ้นรับคำยานคางแล้ววางกระเป๋าลงบนโต๊ะด้วยความเซ็ง
   “อ้าวไม่กลับด้วยกันเหรออ้น?”
   “โอ๊ย! ไปก่อนเลยหงส์ พี่โจมเรียกไปดูงาน”
   หงส์พยักหน้าอย่างเห็นใจแล้วเก็บของกลับบ้านต่อ อ้นผละจากโต๊ะของตัวเองเข้าไปยังแผนกของโจม

   เมื่ออ้นตรวจทานเนื้อหาของงานเรียบร้อยแล้วก็เริ่มบ่นกะปอดกะแปด
   “ก็โอเคนี่คะพี่โจม ทีหลังแค่นี้ไม่ต้องเรียกหนูมาถึงนี่ก็ได้มั้ง อัพขึ้นระบบเอาก็ได้”
   “เดินมาดูงานที่โต๊ะพี่มีคนไปส่งถึงบ้านฟรีนะ”
   “คะ?”
   “เรียบร้อยแล้วใช่ปะ ไม่ต้องแก้ตรงไหนแล้วนะ?”
   “ค่า”
   “โอเค งั้นกลับบ้านกัน ปะ”
   “ค่ะ งั้นหนูไปนะคะ”
   อ้นชักงง เขาไม่เข้าใจโจมเลยจริงๆ เรียกเขามาตรวจทานงานถึงโต๊ะทั้งที่ส่งเข้าระบบแล้วดูจากคอมพิวเตอร์ของเขาก็ได้ แต่พอเขาหันหลังเตรียมจะกลับโต๊ะของตัวเองโจมก็เรียกเขาไว้
   “เฮ้ยจะไปไหนอะ? เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
   “หา!”
   “ไปเร็ว กลับบ้าน เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง”
   อ้นแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง อยู่ๆ ก็มีหนุ่มสุดฮอตอาสาไปส่งเขาถึงบ้าน!
   “คือ... จริงหรือล้อเล่นคะเนี่ยพี่โจม หนูตามไม่ทัน”
   “ก็เห็นว่ารถเข้าอู่ไม่ใช่เหรอ พี่เลยจะให้เราติดรถกลับด้วยไง”
   อ้นมัวแต่อึ้งจนโจมต้องไล่ซ้ำอีกรอบ
   “ไปเก็บของเร็วเข้า เดี๋ยวออกช้าเจอคนกลับบ้านรถติดนะ”

   ในที่สุดอ้นก็มานั่งในรถของโจม การนั่งอยู่ในรถผู้ชายแบบสองต่อสองทำให้อ้นประหม่าเล็กน้อย อ้นบอกทางให้โจม เจ้าของรถพยักหน้าเมื่อเข้าใจจุดหมายแล้วจึงเปิดวิทยุฟังข่าวจราจรบนท้องถนน แต่เนื่องจากจำนวนรถมหาศาลที่หลั่งไหลกลับบ้านคนทั้งคู่จึงอึดอัดกับความเงียบบนถนนที่หยุดนิ่ง อ้นเงียบเพราะทำตัวไม่ถูก เขาเดาไม่ออกว่าโจมใจดีกับเขาไปเพื่ออะไร ดูเหมือนโจมเองก็รับรู้ได้ถึงความกังวลของอ้นเขาจึงคิดหาทางผ่อนคลายบรรยากาศ และแล้วโจมก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบด้วยการชวนคุย
   “รถซ่อมเยอะมั้ย?”
   “ก็เยอะอยู่ค่ะ”
   “ลำบากแย่เลยสิ ละไปชนอิท่าไหนเข้าอะ?”
   “เปลี่ยนเลนส์ค่ะ หนูพลาดเองมองไม่เห็นเลยโดยเต็มๆ”
   “ฮ่าๆ เตรียมเบี้ยขึ้นได้เลยอ้นเอ๊ย!”
   แทนที่จะเห็นใจหรือแสดงความเป็นห่วงโจมกลับเลือกแหย่ตุ๊ดสาว อ้นจึงออกอาการวีนนิดๆ เหมือนถูกโจมพูดแทงใจ
   “พี่โจมอะ! อย่าซ้ำเติมกันสิคะ”
   “เอาน่า ทีหลังก็ระวังๆ หน่อยละกัน ไม่งั้นถ้าอ้นเป็นอะไรไปพี่คงเซ็งน่าดู”
   ท้ายประโยคโจมหยอดอ้นเสียงหวานก่อนจะหันมายิ้มให้ อ้นจึงเบ้ปากแล้วตอบกลับไปอย่างรู้ทัน
   คิดว่าหนูจะละลายรึไงคะพี่? เสียงหวานแบบนี้ทีไรงานมากองบนโต๊ะหนูทุกที! ตุ๊ดไม่หลงกลหรอกค่ะ!
   “แหม ทำไมคะ? ไม่มีใครดิวงานด้วยรึไง?”
   “ก็คงงั้น ฮ่าๆ พี่ดิวกับพี่จ๋าไม่ค่อยไหวว่ะ รายนั้นเยอะเกิน เห็นไม่ตรงกันตลอด”
   “แหม ไม่มีใครตอบสนองความต้องการพี่ได้ถึงใจเท่าหนูแล้วใช่มั้ยคะ?”
   อ้นใช้น้ำเสียงจิกกัดจนได้ บางครั้งประชาสัมพันธ์กับการตลาดอาจต้องทำงานด้วยกันบ้าง แต่พักหลังโจมมักต่อสายตรงมาถึงเขาบ่อยๆ เพราะเหตุผลง่ายๆ ว่า “ขี้เกียจติดต่อผ่านพี่จ๋า ยังไงเดี๋ยวเราก็เป็นคนทำงานนี้อยู่ดี พี่คุยกับเราเลยดีกว่า” ข้ามหน้าข้ามตากันสุดๆ โชคดีที่หัวหน้าของเธอไม่ใช่พวกคิดเยอะเรื่องมากอ้นจึงยังทำงานในองค์กรได้อย่างมีความสุข
   “ช่าย อ้นตรงใจพี่ที่สุดเลย ถ้าพี่ขาดอ้นไปพี่ตายแน่! ฮ่าๆ”

   บทสนทนาสัพเพเหระชวนให้อ้นผ่อนคลาย แม้จะไม่ถึงกับนินทาหัวหน้างานแต่อ้นก็อดเม้าองค์กรที่ทำงานอยู่ไม่ได้ โจมเองก็พูดหลายสิ่งหลายอย่างให้เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องฟัง อ้นจึงลืมตัวยิ่งพูดก็ยิ่งมันยิ่งใส่อารมณ์
   “หนูอะเบื๊อเบื่อ แผนกหนูก็มีกันอยู่แค่นั้นรักกันดีแต่ชอบมีคนมาจับผิดนินทาว่าหนูปรับตัวเข้ากับคนอื่นไม่ได้ เป็นประชาสัมพันธ์อะไรไม่เข้าสังคมกะอีแค่เพราะหนูชอบไปกินข้าวเที่ยงที่แคนทีน! ดีนะที่พี่จ๋าแกไม่บ้าตามไม่งั้นหนูคงอึดอัด”
   “ดีแล้ว ปล่อยคนอื่นเขางัดข้อกันไป เราตัวเล็กคอยหลบให้ดีก็พอ เอาจริงๆ พี่ว่าพี่จ๋าแกก็ยุติธรรมดีนะ ถึงงานจะหนักแต่ไม่มีแทงข้างหลังกันในแผนก”
   “พูดเหมือนมีลับลมคมในเลยนะคะ”
   “มันก็ต้องมีบ้าง แต่ของแบบนี้เค้าไม่พูดกันโต้งๆ หรอก แค่ห้ามกระพริบตา หึๆ”
   “แล้วมาหลอกให้หนูพูดซะเยอะเลยนะพี่โจมอะ!”
   อ้นทำงอนส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจ โจมหัวเราะร่วนแล้วจึงเอ่ยต่อ
   “เห็นเราวี้ดว้ายแบบนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อย เมื่อเช้าดูซึมๆ ไปนะ พี่นึกว่าเราจะหัวกระแทกจนเบลอซะแล้ว”
   นี่ฉันซึมขนาดนั้นเชียว?!
   “หนูก็มีเรื่องต้องคิดบ้างแหละค่ะ”
   อ้นตอบแบบเลี่ยงๆ ก่อนจะต่อมุกขำๆ
   “ไหนจะค่าห้อง ค่าน้ำมันรถ นี่ยังค่าประกันอีก โอ๊ยเครียดค่ะ!”
   “มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ”
   “แหมมาทำใจดีกับหนู ระวังตุ๊ดหลงรักนะคะ นี่ถ้าหนูมีมดลูกเหมือนชะนีหนูคงคิดว่าพี่จีบหนูไปละ”
   อ้นวี้ดว้ายไปอย่างนั้นเอง แต่เขาคิดไม่ถึงว่าโจมจะยังคงยิงมุกอย่างต่อเนื่อง
   “อ้าว ละเป็นตุ๊ดแล้วพี่จีบไม่ได้เหรอ?”
   “ว้ายพี่โจมอะ! บร้า! จีบได้ค่ะ แต่ผู้ชายที่ไหนจะมาชอบตุ๊ดละคะ หนูรู้ตัวดีค่ะไม่ต้องให้ความหวัง”
   “ไม่รู้สิ พี่เห็นเราแต่งหญิงสวยดีมั้ง”
   อ้นอึ้ง เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าโจมจะพูดแบบนี้
   “พูดเล่นน่ะพี่ไม่จีบเราหรอก เรามีคนที่ชอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
   โจมคลีคลายสถานการณ์ด้วยคำว่า “พูดเล่น” แต่รอยยิ้มของเขาก็ทำให้อ้นสับสน อ้นไม่อยากดีใจเก้อแม้จะยอมรับว่ารู้สึกดีกับการที่โจมเทคแคร์กันเช่นนี้ การมีคนรักย่อมดีกว่าถูกเกลียด แต่เขาเป็นเพียงแค่ “ตุ๊ด” ที่ไม่มีอะไรจะตอบแทนโจม เขาทำดีกับป้องเพราะหวังจะได้ความรัก แต่สิ่งดีๆ ที่ป้องคืนกลับมาเป็นแค่เพียงมิตรภาพแบบเพื่อน ดังนั้นอ้นคิดไม่ตกจริงๆ ว่าโจมต้องการอะไรจากตน
   อ้นทั้งสับสนปนเขินเขาจึงเลือกเงียบไปตลอดทางที่เหลือ ทว่าการเงียบคราวนี้ไม่ใช่เพราะอาการซึมดั่งตอนแรก อ้นเงียบเพราะพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของโจม!

   “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
   “ให้พี่ส่งแค่นี้เหรอ? พี่ไปส่งถึงหอได้นะ”
   “ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูนั่งรถต่อเองดีกว่า พี่โจมรีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
   อ้นเข้าโหมด “แอ๊บ” ทำตัวเป็นสาวน้อยแสนดีทันที เขาเริ่มหวั่นไหวอยากรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าโจมเข้าเสียแล้ว
   “โอเค”
   เมื่อเห็นโจมยิ้มตอบตกลงอ้นจึงโบกมือบ๊ายบายแล้วยิ้มส่ง เขาตั้งใจจะยืนส่งจนกว่าคนใจดีจะจากไปทว่าโจมกลับยังไม่ออกรถ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้อ้นใจสั่น
   “อ้น เดี๋ยวคืนนี้พี่ไลน์หานะ ไปละ กลับบ้านดีๆ ล่ะ”
   ถ้าอ้นตาไม่ฟาดเขาสาบานได้ว่าเห็นโจมหน้าแดง! อย่าว่าแต่โจมเลย อ้นเองก็เขินเช่นกัน!
   รึพี่เค้าจะจีบฉันจริงๆ โอ้ย! ดวงความรักฉันมีจริงเหรอนี่!
   อ้นดี๊ด๊ากลับห้องอย่างมีความสุข เขาไม่รู้เลยว่าบางครั้งในความโชคดีก็มีเรื่องร้ายๆ ตามมาเพราะความริษยาของคน!

   “ทำอะไรของมึง ยิ้มเชียว”
   “เปล่านี่”
   น้ำเสียงแอ๊บแบ๊วของอ้นทำให้ป้องหงุดหงิด อ้นเอาแต่สนใจสมาร์ตโฟนมาเกือบชั่วโมงแล้ว เสียงแอพไลน์ดังขึ้นรัวๆ จนป้องรำคาญ เมื่อประกอบกับท่าทางบิดไปบิดมาของอ้นป้องก็พอจะเดาออก
   “ใครไลน์มารัวๆ วะ ปิดเสียงดิกูรำคาญ”
   ป้องตัดสินใจถามหยั่งเชิงโดยปกปิดความรู้สึกของตนไว้
   “อ๊ะแกรำคาญเหรอ? ได้ๆ เดี๋ยวฉันปิดแจ้งเตือนแพร๊บ”
   “คุยกะใครอะ ใช่คนที่ให้น้ำหอมมึงปะ?”
   “บ้า! แค่คุยกับพี่ที่ทำงาน ไม่เกี่ยวอะไรกับ... เอ๊ะ! ว่าแต่แกรู้เรื่องน้ำหอมได้ยังไง?”
   ท่าทีระวังตัวของอ้นทำให้ป้องสงสัย และเกิดคำถามในหัวมากกว่าเดิม
   หรือคนที่ให้น้ำหอมมันจะเป็นคนละคนกับพี่ที่ทำงาน?
   “มึงฉีดน้ำหอมซะหอมฟุ้งขนาดนั้นทุกวันกูไม่ได้กลิ่นก็จมูกตายด้านแล้ว ทำไมอะ? ใครให้มาเหรอ? อย่าบอกนะว่ามึงมีปัญญาซื้อของแพงๆ ใช้เอง?”
   “ก็...ก็คนรู้จัก เขาไปเมืองนอกเลยซื้อมาฝาก”
   “อ้าว? แล้วมึงไม่ได้อินเลิฟกะคนรู้จักคนนี้หรอกเหรอ? กูนึกว่ามีหนุ่มมาจีบมึงลงทุนซื้อน้ำหอมให้เป็นของขวัญซะอีกเห็นคุยไลน์บิดไปบิดมา”
   “เค้าไม่ได้จีบฉันหรอก! บะบ้าแล้ว ฉันเป็นตุ๊ดนะแกจะมีใครมาจีบฉัน!”
   “กูไงหนึ่งคน”
   ป้องตอบเรียบๆ แล้วลุกไปนั่งข้างอ้น เขาละมือจากงานที่ทำค้างไว้หันไปสนใจเพื่อนร่วมห้อง อ้นเองก็แปลกใจที่อยู่ๆ ป้องก็ทำเหมือนสนใจสารทุกข์สุขดิบของเขาอีกแล้ว
   “อ้น สมมุติว่าถ้ามีคนมาจีบมึง แบบ... เค้าชอบมึงจริงๆ อะ มึงจะเปิดใจให้เขามั้ย?”
   “บะบ้า! พึ่งจะรู้ตัวรึไงยะว่าชอบฉัน แหมๆ เดี๋ยวนี้โรแมนติกนะแก”
   อ้นรู้ดีว่าป้องไม่ได้หมายถึงตัวเองแต่เขายังไม่อยากยอมรับความจริง!
   “ถ้ามีคนดีๆ มาชอบมึง มึงจะรักเค้ามั้ย?”
   “มึงจะเลิกรักกูได้มั้ย?” คือสิ่งที่ป้องอยากถามแต่ไม่กล้าเอ่ยมันออกไป ถ้าหากวันหน้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ อย่างน้อยเขาก็ยังเบาใจว่าอ้นจะลืมเขาได้หากมีใครเข้ามาแทนที่ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการที่อ้นได้พบกับใครสักคนที่รักและดีต่ออ้นมากกว่าเขา การที่อ้นเลิกรักเขาจะทำให้อ้นไม่ต้องเจ็บเมื่อเวลานั้นมาถึง ป้องไม่รู้ว่ามันจะมาถึงหรือไม่แต่เขาไม่อยากให้อ้นต้องร้องไห้เพราะเขาอีกแล้ว
   อ้นเองก็เหมือนจะรู้สึกได้ นับตั้งแต่ที่เปิดอกเคลียร์กันแล้วป้องก็ดีกับเขามากขึ้น ทว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ป้องอ่อนโยนกับเขาเป็นพิเศษ พูดให้ถูกคือป้องดีจนอ้นกลัว!
   และการที่ป้องยังนิ่งเฝ้ารอคำตอบเงียบๆ ก็บีบคั้นหัวใจอ้น เขาตัดสินใจทำเป็นเข้มแข็งเพื่อให้คนถามสบายใจ
   “แน่น๊อน! ถ้ามีผู้ชายหล่อและรวยกว่า นิสัยดีกว่าแกแถมเป้าก็เด้งกินขาดผ่านมาจีบฉันละก็ฉันจะรีบไปถวายตัวจับทำผัวเรยแกร ไม่ต้องห่วงหรอก”
   ได้ยินคำของอ้นแล้วป้องก็ยิ้ม แววตาอ่อนโยนของป้องเขย่าหัวใจของอ้นจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงแค่ความใจดีนิดๆ หน่อยๆ ก็ทำให้อ้นลืมเรื่องที่คุยค้างในไลน์กับโจมเสียด้วยซ้ำ
   “เออหาให้ได้ละกันแต่คงหายากหน่อยนะคนที่ดีกว่ากูขนาดนั้นอะ”
   รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ ของป้องทำให้อ้นใจเต้นจนแทบคุมอาการของตัวเองไม่อยู่ ป้องก็ช่างไม่รู้บ้างเลยว่าตัวเองมีเสน่ห์มากแค่ไหน!
   “สัญญากับกูนะ ถ้ามีคนดีๆ มาจีบมึง อย่าจมปลักอยู่กับกู”
   “ทำไมต้องให้สัญญาด้วยอะ ชีวิตฉันปะ? ฉันจะรักใครชอบใครก็เรื่องของฉันสิ”
   อ้นหลบตาป้องแล้วเถียงเสียงเบา เขาทนประสายสายตากับป้องไม่ไหวแล้ว!
   “เพราะกูเป็นห่วงมึงไง แต่กูดูแลมึงไม่ได้ดีพอกูเลยอยากเห็นมึงมีความสุขกับคนที่ดีกว่ากู”
   “ไม่ได้” กับ “ไม่ดี” แม้จะออกเสียงใกล้เคียงแต่ก็คนละความหมาย หัวใจของป้องบอกออกมาแล้วว่าอ้นนั้น “ไม่ใช่” จึง “ไม่ได้”
   มันไม่ใช่การดูแล “ไม่ดี” แล้วคิดจะปรับปรุง ป้องดูแลอ้นไม่ได้จึงอยากผลักไสเขาไปให้คนอื่นดูแลแทน!
   “เลิกก็เลิกปะ? จบปะ? ก็แค่คนเลิกกันอะแกไม่ต้องมาทำเท่หรอก ตุ๊ดนะยะไม่ใช่แบรนด์เนมมือสองจะได้ไม่ใช้แล้วแต่ยังเสียดายเลยพยายามส่งต่อ อีบ้า! ฉันสตรองพอย่ะ!”
   “เออ ได้แบบนั้นก็ดี สตรองไว้ละกันละมึง”

   เช้านี้โจมแวะมาทักทายอ้นถึงโต๊ะพร้อมด้วยรอยยิ้มเรียกให้สายตาหลายคู่หันมาจับจ้องด้วยความสงสัย
   “ทิ้งกันได้ลงคอนะอ้น”
   “อุ๊ยตายแล้วหนูขอโทษค่ะพี่หนูหลับ!”
   อันที่จริงอ้นไม่ได้หลับแต่เขาอารมณ์ค้างกับป้องจนหมดอารมณ์คุยจึงรีบนอนหนีความจริง อย่างไรเสียป้องก็มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุดอยู่ดี
   “ใช่ซี่พี่มันไม่สำคัญนี่ พอหมดประโยชน์เราก็ไม่สนใจ”
   “แหมๆ พี่โจม หนูควรจะเป็นคนพูดประโยคพวกนั้นมากกว่าปะคะ?”
   “ฮ่าๆ บ่ายนี้เอากาแฟมาแลกละเดี๋ยวเย็นนี้พี่รอที่เดิม”
   โจมยักคิ้วทิ้งท้ายไว้ให้อ้นแล้วเดินกลับไปยังแผนกของตัวเอง อ้นถอนหายใจยาวเหยียดให้กับความขี้เล่นของพนักงานรุ่นพี่ เพราะน่ารักอัธยาศัยดีแบบนี้แหละสาวๆ ถึงได้จ้องกันตาเป็นมัน แต่ทำไมคนอย่างโจมถึงได้มาสนใจเขากันหนอ? แล้วยังเรื่องของป้องอีก ป้องแปลกไปจนอ้นสัมผัสได้แต่อ้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับป้อง เขาทั้งกังวลและสับสนจนเครียด!

   “จะไปไหนเหรอ?”
   เรย์ถามเมื่อเห็นอ้นไม่ตรงไปยังลิฟต์หลังเสร็จภารกิจอาหารเที่ยงเหมือนทุกที
   “ไปซื้อกาแฟ พี่ในออฟฟิศฝากมา”
   ไม่มีเสียงตอบจากเรย์ทว่าขายาวๆ ก็ยังคงก้าวตามอ้นไปยังร้านกาแฟด้วยกัน อ้นสั่งกาแฟให้โจมแล้วยืนรอรับสินค้า เรย์ที่มาด้วยกันจึงถามขึ้น
   “ทำไมสั่งแก้วเดียวล่ะ?”
   “ฉันไม่ชอบกินกาแฟ”
   อ้นหันไปจิกใส่เรย์ แต่แล้วเขาก็นึกสงสัยขึ้นมาเลยหันไปมองหน้าหนุ่มแว่นอีกครั้ง
   “ละแกไม่สั่งอะไรเหรอ?”
   “ไม่อะ เราก็ไม่ชอบกินกาแฟ”
   “เอ๊า! ละแกจะตามฉันมาทำไมเนี่ย?”
   เรย์ยักไหล่ไม่ตอบ เขายืนดูเมนูอยู่ข้างๆ ปล่อยให้อ้นทำหน้าหงิกใส่ จนกระทั่งรับของออกจากร้านแล้วนั่นแหละที่มือของเรย์จับหมับเข้าที่ต้นแขนของอ้น เรย์ดึงเสื้อของอ้นแล้วชี้ไปยังร้านน้ำปั่นบูธเล็กๆ
   “อยากกินสตรอเบอร์รี่ปั่นใส่นมอะ”
   แม้ไม่ได้พูดออกมาแต่ท่าทางของเรย์ก็บอกกันอยู่โต้งๆ ว่า “ไปด้วยกันหน่อย” อ้นกำลังจะด่าว่าทำไมเขาต้องตามใจเรย์ แต่เรย์กลับใช้สายตาสื่อความหมายมาให้ แววตาของเรย์อ่านได้ความว่า “ทีเมื่อกี้เรายังไปกับนายเลย” อ้นที่กำลังจะอ้าปากด่าจึงชะงัก เขาเปลี่ยนเป็นถอนหายใจแล้วเดินไปยังร้านน้ำปั่นกับเรย์แทน และนั่นทำให้หนุ่มแว่นยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
   “กินอะไร?”
   อ้นหันไปมองหน้าเรย์ด้วยกลัวว่าตัวเองจะเข้าใจผิด แต่เรย์ยังคงยืนยันเช่นเดิม
   “เราเลี้ยง”
   “งั้น...เอาน้ำมะเขือเทศปั่นละกัน”
   “ชอบกินมะเขือเทศเหรอ?”
   “เปล่าแต่กินแล้วผิวดีเลยจำใจกิน”
   อ้นตอบด้วยความเซ็ง แต่เรย์ไม่เข้าใจ หนุ่มแว่นพร้อมจะขวางโลกด้วยข้อเท็จจริงตลอดเวลา
   “แต่มะเขือเทศต้องกินสุกนะถึงจะได้ประโยชน์ ถ้าไม่ชอบก็ไม่เห็นต้องฝืนเลย อ้นก็ผิวดีออก”
   อ้นรีบตะปบมือของเรย์ที่จับแก้มของตนออกอย่างรวดเร็วแล้วเริ่มด่า
   “แล้วถ้าฉันไม่ฝืนบำรุงตัวเองมันจะดีแบบนี้มั้ยละยะ? ละขอร้องเลยนะเลิกแตะเนื้อต้องตัวฉันซักที ไม่สนิทอย่าเล่นถึงตัวได้ปะ? แกนี่ติดนิสัยมือไวนะ ระวังไปทำกับคนอื่นแล้วเค้าจะตบเข้าให้”
   “ถ้าเราไม่สนิทเราไม่เล่นด้วยหรอก เราสนิทกับคนน้อย ปกติไม่ทำแบบนี้กับคนอื่นหรอก”
   “ย่ะ ฉันก็ว่า”
   มีคนคบแกก็แปลกแล้ว!
   อ้นแอบด่าเรย์อยู่ในใจโดยไม่ตระหนักเลยว่าเรย์ได้เหมาเอาเขาเข้าไปอยู่ในรายชื่อ “สนิท” แล้ว!

   ทั้งสองถือน้ำปั่นเดินต่อไปยังลิฟต์ คนเริ่มซาแล้วเพราะใกล้หมดเวลาพักเที่ยง ภายในลิฟต์จึงค่อนข้างโล่ง เรย์ยืนพิงผนังสบายๆ มองอ้นดูดน้ำมะเขือเทศปั่นแล้วยิ่งสงสัย
   “ไหนบอกไม่อร่อยไง?”
   “ใครบอกว่าไม่อร่อย? ฉันแค่บอกว่าจำใจกิน”
   เมื่อเห็นเรย์ยังคงมองเหมือนไม่เข้าใจอ้นจึงอธิบายเพิ่ม
   “คือมันก็กินได้ แต่ไม่ได้ชอบมาก มีอย่างอื่นที่ชอบมากกว่าแต่ถ้ามันไม่ดีกับสุขภาพฉันก็ไม่อยากกินหรือแบบอาจจะนานๆ กินทีให้รางวัลกับชีวิตอะไรแบบเนี้ยะ”
   “เข้าใจยากจัง ไม่ชอบแล้วจะฝืนทำไม”
   “ย่ะ คนอย่างแกเกิดมาชาตินี้คงไม่เคยอดทนอะไรเลยล่ะสิ เอาแต่ใจตัวเองตัลหลอด!”
   ใจจริงอ้นอยากด่าแถมไปให้อีกว่า “อีลูกคนเล็ก” ทว่าตัวเลขที่โชว์อยู่ในลิฟต์นั้นใกล้จะถึงชั้นของเขาแล้วจึงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด คิดไม่ถึงว่าเรย์จะจับมือเขายกแก้วน้ำมะเขือเทศปั่นขึ้นไปดูด
   “ชิมแล้วนะ และมันไม่อร่อย”
   อ้นเข้าใจความหมายของเรย์ว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่อว่าตัวเองไม่ได้เอาแต่ใจ ทว่าฉากดูดน้ำมุ้งมิ้งคาลิฟต์แบบนี้มันน่าอายสำหรับเขา สาวออฟฟิศด้านหน้าหันมามองแล้วแอบซุบซิบกันกับเพื่อน! อ้นต้องข่มความโกรธและเก็บความอายทั้งหมดเอาไว้แล้วแกล้งดุเรย์แต่เบาะๆ
   “บ้า แกนี่ละก็ อย่ามาตลกแดกสิ โฮะๆ อีตะกละ เพื่อนหนูมันตะกละมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วค่ะ โฮะๆ”
   เรย์อยากประท้วงว่าเขาไม่ได้ตะกละแต่ประตูลิฟต์เปิดพอดีแล้วอ้นก็ชิ่งหนีไปเสียแล้ว
   ไม่ได้ทำเพราะตะกละซะหน่อย
   เรย์หงุดหงิด แต่อ้นหงุดหงิดยิ่งกว่า เขาทั้งโกรธทั้งอาย นับวันเรย์ก็ชักจะดื้อเข้าไปทุกที ทำตัวเหมือนเด็กไม่ยอมโต!
   อ้นเข่นเคี่ยวเคี้ยวฟันโดยลืมสังเกตบางสิ่งบางอย่างไป อ้นไม่ตระหนักเลยว่าตนนั้นเข้าใจเรย์มากแค่ไหน เรย์เปิดใจกับอ้น แม้จะยังเอาแต่ใจแต่ก็แตกต่างไปจากวันแรกที่รู้จักกัน เรย์ยอมเปิดประตูให้อ้นเข้าไปอยู่ในโลกของเขา และอ้นก็เผลอก้าวเท้าเข้าไปโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งยังปรับตัวเข้าใจโลกของเรย์จนก้าวตามได้ทัน เรย์ตระหนักเรื่องนี้ดี แต่อ้นกลับไม่รู้ตัวเลย!



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


ขอโทษที่หายไปนาน แหะๆ  :undecided: o9 :sad2:
พอดีมันเครียดๆ เลยไม่มีอารมณ์ลงนิยายหนีไปแอบซุ่มแต่งจนได้โครงเรื่องมาละ เย้วๆ ในที่สุดก็วางพล็อตจนจบแย้ว!  o7

พูดถึงนิยายตอนนี้ ถ้าพี่โจมจะรุกหนักขนาดนี้ น้องแว่นของเค้าจะทำคะแนนตามทันมั้ย? ฮือๆ  :serius2:
ทุกคนรอก่อนนะ อีเรย์นี่แหละโฉดน้องๆ พี่สตาร์เลย  :interest:

พยายามแต่งคู่นี้สุดๆ ในชีวิตอะ ขอบ่นหน่อยได้มั้ย แบบมันยากกว่า #ป้องเติ้ล อีก! ดราม่าอาจไม่หน่วงเท่าแต่เพราะเราไม่เข้าใจ "ตุ๊ด" ไง คือเราไม่มีจริตตุ๊ด ไร้อินเนอร์ความเบิกบานของเพศที่สาม แถมนิสัยส่วนตัวก็ค่อนข้างตรงๆ แมนๆ เอียงไปทางเถื่อน (ลองเอาผู้ชายโมโหร้ายแบบเฮียชัชบวกกับเกรียนปากหมาแบบพี่ป้องนั่นแหละคือเรา)
นอกจากนี้เรย์ก็ทำความเข้าใจยากมากๆ เพราะนางไฮเปอร์ ตอนเขียนแรกๆ มันยังเข้าไม่ถึงแก่นของคาแรคเตอร์ เลยต้องผลักตัวเองให้จมกับมันทุกวันแล้วเค้นตัวเองให้ถ่ายทอดวิธีคิดของเรย์ออกมาอีกที กว่าจะเก็ทตัวละครที่ตัวเองปั้นขึ้น แบบ #จะอ้วก! "คนแบบนี้ควรจะนิสัยยังไง?" เรางมแทบตายกว่าจะหาทางไปต่อเจอ! ตอนแต่งแรกๆ เราไม่เข้าใจมองไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าคาแรคเตอร์ที่ตัวเองปั้นออกมานั้นคิดอะไรในหัว
เราอยากให้ทุกคนอินในขณะเดียวกันก็อยากให้คนกรี๊ดเรย์ ไหนจะยังมุกต่างๆ ที่ใส่เอาไว้อีก แบบ... กล้าพูดเลยว่าไม่เคยจงใจเขียนคาแรคเตอร์ตัวไหนให้ "น่ารัก" มากเท่าเรย์มาก่อน แต่ก็นะ... น่ารักของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน คนอ่านอาจจะเขวี้ยงหินใส่เรา ฮ่าๆ
แต่ก็ประมาณนี้แหละ เราชอบแต่งนิยายที่เต็มไปด้วยตัวละครสีเทาๆ ซึ่งสีเทาที่ว่าไม่ใช่มุก "ดี-เลว" ดาษๆ แบบนั้น เวลาเราเขียนคนเอาแต่ใจหรือนิสัยร้ายๆ เราไม่ได้เขียนแบบสีดำชัดเจน เราเขียนค่อนข้างเรียล ซึ่งความเรียลที่เราพยายามใส่มันจะคล้ายๆ "กระจก" เส้นแบ่งมันก้ำกึ่งมาก ประมาณว่าถ้าเป็นเจ้าตัวเขาจะไม่รู้หรอกว่านิสัยชวนเหม็นเบื่อ แต่ถ้าเป็นคนรอบข้างถ้าไม่รักก็คือยี้ไปเลย เราชอบแต่งนิยายด้วยโจทย์ประมาณนี้ว่า "ถ้าเขานิสัยไม่เพอร์เฟ็กเขาจะมีโอกาสเจอรักแท้มั้ย? จะมีใครยอมรับตัวตนของเขา" อะไรทำนองนั้นอะ
แต่เรย์นี่คือแทบจะใสที่สุดเท่าที่เคยแต่งมาเลย พอๆ กับเทพเลยมั้ง แต่นางจะเอาแต่ใจคล้ายๆ "ไปป์" อืม... ไอ้ตัวละครน่ารำคาญที่คนเกลียดเยอะๆ อ่ะ
อยากให้ทุกคนช่วยติดตามความรักของเรย์กับอ้นด้วยน้า เราก็ไม่รู้หรอกมันสนุกมั้ย แต่เราก็พยายามสุดชีวิตอะ หวังว่าพล็อตเรื่องมันจะน่าติดตามและมีสาระให้คนอ่านเก็บไปตกผลึกไม่มากก็น้อย จากนี้ไปน่าจะอัพได้เรื่อยๆ แล้วล่ะ #แต่ยังไงก็ยังต้องการกำลังใจนะ

ขอบคุณจ้า  :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
มาต่อแล้วววววว คิดถึงอ้นกับเรย์มากเลย พอมีโจมเข้ามาชีวิตอ้นดูสดใสขึ้นมาหน่อย แต่ยังไง้ยังไงอ้นก็ต้องคู่กับเรย์เท่านั้น สมกันอย่างกะกิ่งทองใบหยกแบบนี้ ขอบคุณความrealในนิยายค่ะ มันแหวกแนวมากเลย

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   การที่อ้นกลับบ้านกับโจมบ่อยขึ้นย่อมเป็นหัวข้อที่ถูกนำมาเม้า แม้อ้นจะพยายามปฏิเสธเพราะเริ่มรู้แล้วว่าฤทธิ์สัมพันธ์รักในที่ทำงานนำมาแต่ความเดือดร้อน ทว่าเถียงเท่าไรก็ฟังไม่ขึ้นเมื่อทุกคนเห็นกันจะๆ คาตาว่าโจมยิ้มให้อ้นได้หวานกว่ารอยยิ้มทักทายเพื่อนร่วมงาน แล้วไหนจะยังหนุ่มหล่อใส่แว่นที่นั่งทานข้าวกลางวันด้วยกันเกือบทุกวันอีก แม้จะเป็นครั้งแรกที่ดวงความรักพุ่งแรงมีหนุ่มๆ มารุมล้อมทว่าอ้นกลับเริ่มขยาด ไม่ว่าจะมีคนเข้ามามากเท่าไหร่ถ้าแต่คนเหล่านั้นไม่ใช่มันก็ไร้ความหมาย คนที่อ้นรอคอยให้เขาหันมามองกลับมีแต่จะห่างออกไปทุกที
   อ้นเบื่อกับเสียงนินทาเคล้าแรงริษยาทว่าเขาไม่อยากตัดสัมพันธ์กับโจม การที่โจมเว้นระยะห่างให้อ้นได้ขยับตัวเช่นนี้ทำให้อ้นเกรงใจ โจมเป็นฝ่ายออกตัวเสมอว่ารู้อยู่แล้วว่าอ้นรู้สึกเช่นไรแต่เลี่ยงที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองออกมาตรงๆ อ้นจึงไม่มีช่องให้ปฏิเสธ แต่ลึกๆ แล้วอ้นเองก็สับสน เขาสับสนกับสิ่งที่ป้องพูดและอยากทำได้อย่างนั้น ทว่าไม่ว่าโจมจะแสนดีแค่ไหนเมื่อเทียบกับการเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ จากป้องอ้นพบว่าเขาหวั่นไหวกับความรักที่ยังฝังใจอยู่มากกว่านัก
   อ้นมองตัวเลือกทั้งสองอย่างลำบากใจโดยไม่ได้เตรียมรับมือกับ “ทฤษฎี Third Choice” หรือ “ตาอยู่” เลยแม้แต่น้อย หรือจะเป็นเพราะตาอยู่นิ่งเกินไปอ้นจึงไม่รู้สึกอะไรสักนิด!
   “พรุ่งนี้ตอนเย็นไปกับเรานะ”
   อ้นชะงัก เขาเหลือบมองเรย์เพื่อรอให้คนชวนเฉลย แต่เรย์เงียบเขาไม่อธิบายต่อทำเป็นตักข้าวทาน อ้นจึงรับมือด้วยการทานข้าวเงียบๆ บ้าง พอเห็นอ้นไม่สนใจเรย์ก็เริ่มเซ้าซี้ต่อ
   “เดี๋ยวไปส่ง”
   เมื่อเห็นอ้นปรายตามองเหมือนคำอธิบายเมื่อครู่ยังไม่ถูกใจพอเรย์ก็ไปต่อไม่ถูก เขาก้มหน้าลงตักข้าวทานต่อ อ้นเห็นแล้วจึงหงุดหงิดจนทนไม่ไหว
   “แกจะไปส่งฉันไปไหน?”
   “กลับบ้านไง”
   ณ เวลานี้ภาพของ “นายแว่นโฉดสุดชั่ว” กลายเป็น “อีแว่นโฉดเอาแต่ใจนิสัยเด็ก” ไปแล้วสำหรับอ้น เขาถามเรย์เสียงดุเหมือนคุณแม่สอบสวนลูกชายยามโกหก
   “แล้วบ้านแกอยู่ไหน?”
   “เราอยู่คอนโด”
   “อย่าเบี่ยงประเด็นอีแว่น! ฉันรู้นะว่าแกขึ้นรถไฟฟ้าไปกลับทุกวัน”
   “เดี๋ยวพรุ่งนี้เอารถมาไง”
   อ้นอยากจะกรี๊ด! เขารู้ว่าเรย์กำลังพยายามดื้อไปส่งเขาให้ได้ แต่อ้นกลับลืมตั้งคำถามกับตัวเองว่าเพราะอะไรเรย์ถึงอยากไปส่งเขา อ้นมัวแต่ปรี๊ดกับเรื่องไร้สาระที่เรย์เอาแต่ใจจนลืมวิเคราะห์สาเหตุว่าเรย์ทำไปทำไม
   “ละแกจะไปส่งฉันทำไม! บ้านก็คนละทาง อีบ้า!”
   อ้นบ่นทว่าเรย์กลับเชิดคอขึ้นไม่ยอมแพ้
   “เผื่อนายไม่อยากอาศัยรถคนอื่นกลับแล้วไง”
   อ้นกระแทกช้อนส้อมในมือก่อนจะลอยหน้าลอยตาจิกเสียงตอบเรย์
   “นี่ พี่โจมเค้าเป็นพี่ในบริษัทย่ะ ทางเดียวกันไปด้วยกันคาร์พูลน่ะรู้จักมั้ย? ฉันก็แค่กลับกับเค้าไม่มีอะไรสักหน่อย”
   ไม่ว่ามันจะมีอะไรหรือไม่อ้นก็ไม่อยากให้ใครมาจับผิด การถูกนำไปเม้าเป็นหัวข้อนินทาไม่สนุกเลยสักนิด โดยเฉพาะเมื่อรู้ตัวว่าคนที่นินทากำลังรอสมน้ำหน้าตัวเอง!
   “เราไม่อยากให้นายอึดอัดนี่”
   “ฉัน... ก็ไม่ได้อึดอัดอะไรซักหน่อย”
   ในขณะที่อ้นยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องของหัวใจ เพราะทางหนึ่งก็ไม่รู้ว่าโจมจะเอาจริงแค่ไหนอีกทางก็ยังตัดใจจากป้องไม่ขาด ทว่าแมงเม้ากลับอื้ออึงท่วมท้นไปด้วยเสียงริษยาสาปแช่งให้เขาถูกโจมหักอกมโนไปเองว่าผู้ชายมีใจ
   อ้นติดแหงกท่ามกลางปัญหา สภาพจิตใจเขาตอนนี้คล้ายกับรถน้ำมันหมดตอนที่ผ่านสะพานไม้ผุๆ มาได้ครึ่งทางแถมยังพบว่าหนทางข้างหน้านั้นไปต่อไม่ได้ อ้นพยายามบาลานซ์ปัญหารักหนักอกที่ยังคิดไม่ตกและพยายามคีปลุคเวิร์กกิ้งตุ๊ดเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ดี แต่ตอนนี้ การมีผู้ชายโปรไฟล์ดีเข้ามาพัวพันทำให้เขาถูกเขม่นและมันเริ่มลามมาถึงเรื่องงาน จากเสียงนินทาเริ่มขยายออกไปถึงการไม่ให้ความร่วมมือเล็กๆ น้อยๆ และนี่ยังไม่รวมการเป่าหูที่คอยยุแยงให้เขากลายเป็นพนักงานตุ๊ดที่วันๆ ที่ดีแต่ขยันเรื่องผู้ชายใส่หูผู้บริหารระดับสูง อ้นเหนื่อยใจจริงๆ
   “ก็แค่พี่ในที่ทำงาน ทำไมฉันจะต้องอึดอัด ฉันไม่สนใจเสียงนกเสียงกาหรอกย่ะฉันสตรองพอ!”
   “อาฮะ เราเข้าใจแล้ว”
   แค่พี่ในที่ทำงานสินะ
   เรย์ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ เขาสบายใจขึ้นเมื่อรู้ว่าอ้นยังสตรองอยู่ เพียงเท่านี้ก็หมดตัวปัญหาไปอีกทาง ที่เหลือก็มีแค่เขาต้องพยายาม ซึ่งเรย์รู้ดีว่าต้องใช้เวลา
   “พรุ่งนี้อย่าลืมรอเรานะ อาจจะค่ำหน่อยแต่ห้ามหนีกลับก่อนล่ะ”
   อ้นมึน!
   “นี่แกเข้าใจจริงๆ ปะอีแว่น?”
   “วันเกิดหลานสาวเรา เราไม่อยากไปซื้อของขวัญคนเดียว ไม่ถนัดเรื่องบาร์บี้”
   “แกมีหลานดั๊วะ?”
   อ้นนึกไม่ถึงว่าเรย์จะใช้มุกนี้ แต่ถ้าเขาจำไม่ผิดเหมือนเรย์จะมีพี่ชายที่อายุห่างกันมากเนื่องจากเป็นลูกหลง ดังนั้นเลยยังไม่ตัดสินว่าเรย์โกหก เขาจึงให้โอกาสเรย์ได้เล่า
   “มีสิ พี่ชายคนโตเราแต่งงานแล้ว เขามีลูกสาว กำลังจะสามขวบ ถ้าเราไม่ให้ของขวัญหลานเดี๋ยวพี่เรายึดคอนโดคืน”
   “โธ่เอ้ย! ฉันก็นึกว่าอะไร นี่แกเคยทำดีกับคนอื่นแบบไม่หวังผลบ้างมั้ยเนี่ย?”
   เรย์หน้าบึ้งทันทีที่ถูกอ้นว่า
   “แต่เราไม่เอาส่วนแบ่งในบริษัทนะ แค่คอนโดห้องเดียวเอง แล้วเราก็ผ่อนต่อเฮนรี่ทุกเดือนด้วย เขาแค่ขู่ให้เรากลับบ้านบ้างเท่านั้นแหละ”
   “อ๋อ แกไม่ค่อยกลับบ้านว่างั้น?”
   ท่าทางของเรย์ทำให้อ้นนึกภาพออกเลยว่า “น้องเล็ก” คนนี้แสบและอินดี้มากแค่ไหน
   “ก็คนเยอะ เราไม่ชอบ รำคาญ ออกมาอยู่คนเดียวสบายใจกว่า เฮนรี่ขี้บ่น อเล็กซ์ก็น่ารำคาญ แอนดี้ชอบหาเรื่องเราด้วย”
   แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เรย์เล่าเกี่ยวกับตัวเองให้อ้นฟัง ทว่าอ้นก็ชักมึนๆ กับบุคคลที่สามสี่ห้าในประโยคบอกเล่าของเรย์ เรย์เห็นสีหน้าของอ้นจึงอธิบายเพิ่ม
   “เฮนรี่เป็นคนโต อเล็กซ์กับแอรอนเป็นฝาแฝดกัน ส่วนแอนดี้ห่างกับเราหกปี เขาชอบหาเรื่องว่าพ่อกับแม่ตามใจเรามากกว่า บางทีก็เผลอต่อยกัน เราไม่อยากทะเลาะกับแอนดี้ให้แม่เห็นเลยออกมาอยู่เอง เฮนรี่ซื้อบ้านใหม่พอดีเลยยกคอนโดให้เราผ่อนต่อ พอแอนดี้รู้ก็หาว่าเฮนรี่ลำเอียงอีก”
   “เอิ่ม...ฟังแล้วครอบครัวแกวุ่นวายดีเนอะ”
   อ้นเงิบตั้งแต่ประโยคที่เรย์บอกว่าต่อยกับพี่ชายแล้ว! เขานึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่านายแว่นมาดเนี้ยบแบบเรย์มีมุมเถื่อนๆ ต่อยมาต่อยกลับแบบแมนๆ ด้วย!
   “อาฮะ”

   แม้จะคิดไปเองว่านัดกันดิบดีแล้วทว่าเรย์กลับแห้ว เมื่อวันต่อมาเจออ้นตอนกลางวันแล้วเจ้าตัวบอกปฏิเสธ
   “แต่นายสัญญากับเราแล้วนะ”
   “ใครสัญญากับแก แกชวนฉันฝ่ายเดียวแต่ฉันยังไม่ตกลงเลยนะยะ”
   เรย์หน้าบึ้งเข้าโหมดงอนเต็มพิกัด หากเป็นเมื่อก่อนอ้นคงคิดว่า “นายแว่นโฉด” น่ากลัว เพราะคิ้วของเรย์ขมวดจนผูกปมแถมยังมีสายตาจ้องเขม็งแบบแทงทะลุร่าง ทว่าพอรู้จักกันมากขึ้นอ้นกลับรู้สึกว่าเห็นภาพของน้องเล็กเอาแต่ใจกำลังงอนเพราะถูกขัดใจแต่พยายามทำเป็นนิ่งไม่อาละวาดแทน
   “คืองานฉันยังไม่เสร็จอะ ต้องทำโอที เคปะ?”
   “เดี๋ยวรอ”
   “ไม่ต้องเลยขอร้อง ฉันไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ย่ะ”
   เรย์จนปัญญาจะตื้อแต่ยังไม่อยากยอมแพ้ การเงียบของเรย์สำหรับอ้นถือเป็นการดื้อ เรย์อาจจะเงียบจริงแต่ก็ต้องระวังเพราะเมื่อไหร่ที่เรย์หาหนทางได้เขาพร้อมจะกลับมาเสมอ
   แต่อย่างน้อยอ้นก็เบาใจไปถึงเย็น ได้เวลาเลิกงานแล้วแต่งานของอ้นยังไม่เสร็จ เขานั่งทำงานไปเรื่อยๆ โดยลืมเรื่องของเรย์เสียสนิท!

   “เหนื่อยหน่อยนะวันนี้”
   “หนูขอโบนัสเยอะๆ นะคะพี่จ๋า”
   “ไม่พลาดเลยนะอ้น”
   “ไม่ได้ค่ะหนูจะเก็บตังค์ไปทำนม อิๆ”
   หัวหน้าส่ายหัวให้กับคำพูดของลูกน้องเพศที่สาม ทุกคนหัวเราะเฮฮาเตรียมตัวกลับบ้าน ทว่าพอเดินออกมาหน้าบริษัทอ้นก็พบกับสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ควรยืนอยู่หน้าลิฟต์ของเขา!
   “อุ๊ต๊ะอีแว่น!”
   จ๋าและหงส์แอบหันมามองอ้น อ้นเกิดอาการทำตัวไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าเรย์จะใช้ไม้นี้
   อีแว่นนะอีแว่น! ต่อหน้าคนอื่นด้วย แล้วฉันจะทำยังไงละทีนี้!
   “เสร็จแล้วใช่มั้ย กลับบ้านกัน”
   เรย์ไม่อ่านบรรยากาศเลย เขาแค่พูดออกมาอย่างเรียบง่ายแล้วหันไปกดลิฟต์ บรรยากาศการยืนรอลิฟต์จึงอึดอัดไม่มีใครพูดอะไร สองสาวต่างอายุเพื่อนร่วมบริษัทพากันแอบมองด้านหลังของเรย์ที่สะพายกระเป๋าโน้ตบุ๊กติดพวงกุญแจลายการ์ตูนสุดโอตาคุไม่เข้ากันกับลุคหนุ่มออฟฟิศสุดเนี้ยบ หงส์ทำหน้ารับไม่ได้อย่างแรงแล้วหันไปส่งสายตาเสียดายให้อ้นก่อนจะยิ้มล้อเลียน ทว่าอ้นรีบส่ายหน้าแล้วหลบตาทุกคนเพราะกลัวการถูกจับคู่
   “ลิฟต์มาแล้ว ไม่ไปเหรอ?”
   เรย์ถามเสียงเรียบเมื่อลิฟต์มาจอดตรงหน้าแล้วไม่มีใครเดินตามเขาเข้าลิฟต์ คราวนี้ทุกคนรู้ซึ้งถึงความสามารถในการทำตัวแปลกแยกของเรย์ ไม่มีการเกริ่นแนะนำตัวช่วยผ่อนคลายบรรยากาศจนเงียบเป็นเป่าสาก เรย์ไม่แม้แต่จะคิดกระชับความสัมพันธ์! เขาใส่ใจแต่เฉพาะเรื่องที่ตัวเองสนใจ! แถมท่าทางไม่แคร์โลกเสียด้วย หลังจากทุกคนยืนกระพริบตาปริบๆ สดุดีด้วยการอึ้งแล้วจ๋าจึงคลี่คลายสถานการณ์
   “ไปๆ ลงลิฟต์ กลับบ้าน”

   เป็นอันว่าถูกมัดมือชกแน่แล้วอ้นจึงเดินตามเรย์ไปยังรถของหนุ่มแว่น ฮอนด้าแจ๊สธรรมดาๆ ที่บนคอนโซลหน้ารถเต็มไปด้วยของเล่นกาชาปองหลากหลายเซตทำให้อ้นแอบสนใจ ทว่าเรื่องที่ต้องบ่นก็คือต้องบ่น! เมื่ออยู่กันสองต่อสองในรถแล้วอ้นจึงเปิดฉากวีน
   “ใครใช้ให้แกแอบมารอแบบนั้นยะ? ฉันบอกแล้วไงว่าวันนี้ดึก มายืนรอตั้งแต่กี่โมงเนี่ย บ้าปะ?”
   “พึ่งลงไป เราบอกยามบริษัทนายว่าถ้าเห็นนายกำลังจะกลับบ้านให้โทรตามด้วย”
   “นี่แกแอบซื้อตัว รปภ. บริษัทฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ! โอ๊ยตายแล้ว! ฉันบอกแล้วไงว่าวันนี้ดึกอะ ไม่ต้องรอ!”
   “ก็เพราะดึกไงเลยรอ เพราะวันนี้นายอยู่ดึกแล้วต้องกลับเอง”
   อ้นจนปัญญาจะเถียงจึงเปลี่ยนเรื่อง
   “ดึกป่านนี้ห้างปิดหมดละ คงไปซื้อบาร์บี้ให้หลานแกไม่ได้แล้วล่ะ”
   “พรุ่งนี้เราจะไปรับนายแต่เช้านะ”
   อ้นเหวอ!
   “แกว่าอะไรนะอีแว่น? ฉันฟังไม่ถนัด”
   “จะไปส่งถึงบ้าน พรุ่งนี้จะได้ไปรับถูก”
   โอ้วขุ่นพระ! ทำไมอีนี่มันดื้ออย่างนี้เจ้าคะ!

   เขาว่ากันว่านิสัยที่แท้จริงของคนเราจะแสดงออกในยามที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย อ้นตกใจกับนิสัยยามขับรถของเรย์มิใช่น้อย!
   “อีแว่น ฉันว่าแกขับช้าๆ ก็ได้มั้ง”
   “ดึกแล้วพรุ่งนี้นัดกันแต่เช้าเราอยากรีบกลับบ้านนอน”
   ถ้าแกง่วงขนาดนั้นแกไม่ต้องมาส่งฉันก็ด้าย! กรี๊ด!
   นิสัยการขับรถของเรย์พูดอย่างสุภาพได้ว่าไม่ค่อยมีมารยาทต่อเพื่อนร่วมทาง แต่ถ้าพูดให้ชัดเจนก็คือ “เหี้ยขับรถ” เขานึกจะเปลี่ยนเลนส์ก็เปลี่ยนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ตรงไหนเร่งได้ก็เร่ง ทั้งแซงทั้งปาด มุดไปมาแบบกระชั้นชิดหลายครั้งจนอ้นหวาดเสียว
   “แก ช้าๆ หน่อยเรย์ อ๊ายเบาๆ ฉันเสียว!”
   อ้นแทบร้องไห้ เขาเกาะมือจับเหนือศีรษะแน่น!
   “เชื่อมือเราเถอะ เราเล่นนีดฟอร์สปีดเก่งนะ”
   “แต่นี่มันชีวิตจริง! ชีวิตฉันมีชีวิตเดียว อ๊าย!”

   ในที่สุดรถจอดก็อย่างสงบที่หน้าอะพาร์ตเมนต์แต่หัวใจของอ้นไม่สงบเลย มันเต้นรัวประหนึ่งมีกลองศึกประดังเข้ามาลั่นกลองรบอยู่ในอก อ้นกลัวจนฉี่แทบเล็ด!
   “เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามารับตอนเก้าโมงนะ”
   “แกยังคิดจะเอาฉันไปทรมานอีกเหรออีแว่น”
   อ้นกัดฟันจิกเรย์กลับไปด้วยเสียงหวานหยดย้อยพลางเบนสายตาหันไปดูหน้าสารถีตีนผีให้ชัดๆ แต่เรย์ไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย เขาทวงสัญญาเหมือนเด็ก
   “สัญญากันแล้ว”
   “ถ้าวันนี้ฉันรถคว่ำตายพรุ่งนี้ฉันคงรักษาสัญญากับแกไม่ได้หรอกนะ”
   เรย์หน้าง้ำ เขาแก้ตัวเสียงขุ่น
   “เราไม่พลาดหรอกน่า!”
   อ้นของขึ้น!
   “แต่ถ้าพลาดเนี่ยตายโหงเลยนะยะ! ขับรถแบบนี้แกจะรีบไปตายเรอะ! อันตรายแบบนี้ฉันคงอยากไปด้วยหรอก! ทีหลังไม่ต้องเสนอหน้าขอไปส่งใครเลยนะยะ ขับรถแบบนี้จะส่งไปลงนรกรึไงฮะ!”
   เพราะถูกอ้นวีนแตกเรย์เลยเสียงอ่อย เขารับคำแกนๆ
   “รู้แล้วน่ะ พรุ่งนี้เราจะขับให้ช้าลงก็ได้”
   “ดี! เริ่มตั้งแต่วันนี้เลยนะยะ ไม่ใช่พรุ่งนี้ฉันเจอข่าวด่วนพบฮอนด้าแจ๊สสีขาวเสยเกาะกลางถนน!”
   “เป็นห่วงเราเหรอ?”
   “ก็เออเซะ!”
   อยู่ๆ เรย์ก็ยิ้มออกมา อ้นถึงกับเงิบ!
   “อาฮะ ต่อไปนี้เราจะขับรถให้ช้าลง”
   นี่มันเข้าใจที่ฉันด่ามั้ยเนี่ย!
   สีหน้ายิ้มภูมิใจในตัวเองเสียเต็มประดาของเรย์ทำให้อ้นหมดอารมณ์วีน เขาถอนหายใจก่อนจะกล่าวขอบคุณ
   “ยังไงก็ขอบใจที่มาส่งนะ”
   “อาฮะ ไปล่ะ”
   และแล้วอ้นก็ลงจากรถของเรย์ เขามองส่ง “นายแว่นโฉดเอาแต่ใจนิสัยเด็ก” ออกรถไปจนลับซอย
   เป็นวันที่เหนื่อยที่สุดในชีวิต! นี่หนูทำบาปทำกรรมอะไรคะถึงต้องมาผจญกับมัน! แล้วพรุ่งนี้หนูยังต้องไปนีดฟอร์สปีดกับมันอีกเหรอ? โอ๊ย! คนสวยเพลีย!
   อ้นล้าจากการทำโอทีแล้วยังต้องหมดแรงเพราะฝีมือการขับรถระทึกขวัญของเรย์ต่ออีกทอด เขาแทบหมดสภาพเมื่อขึ้นมาถึงห้อง
   “กลับดึกจังมึง”
   “อืม เหนื่อยอะ ฉันอาบน้ำนอนก่อนนะ”
   “กินไรมายังอะ?”
   “ไม่เอาแล้ว หัวหน้าเลี้ยงมื้อเย็น”
   เมื่อเห็นป้องพยักหน้าให้อ้นก็พาตัวเองเข้าห้องน้ำ เขาหยิบชุดนอนและผ้าขนหนูหายเข้าไปในห้องน้ำพักใหญ่
   ป้องปล่อยให้อ้นใช้เวลาผ่อนคลายตัวเองในห้องน้ำ กลิ่นหอมของกุหลาบฟุ้งอบอวลจนลอยออกมาเตะจมูกเขา ป้องเคยนึกเอียนกลิ่นหอมแบบที่อ้นชอบ แต่พออยู่ไปนานเข้าเขาก็ชิน ไม่มีปัญหากับกลิ่นหอมหวานแบบผู้หญิงที่อ้นคลั่งไคล้
   หลังจากผ่อนคลายความเหนื่อยล้าแบบอโรมาเธราพีด้วยชุดปรนนิบัติผิวยามอาบน้ำกลิ่นกุหลาบแล้วอ้นก็ออกมาล้มแผ่บนเตียง ป้องมองรูมเมทหมดพลังแล้วก็ลดเสียงทีวีลง แต่แล้วอ้นกลับเรียกชื่อเขา
   “ป้อง พรุ่งนี้ฉันออกไปข้างนอกนะ”
   “ไปไหนอะ? จะกลับกี่โมง”
   “ไม่รู้สิ บอกไม่ได้ว่าธุระจะเสร็จเมื่อไหร่ แกไม่ต้องรอฉันนะ”
   แล้วอ้นก็หลับ แต่พอเวลาผ่านไปได้พักใหญ่โทรศัพท์ของอ้นกลับดังขึ้น ป้องมองโทรศัพท์ที่ดังอยู่แล้วตัดสินใจหยิบมันขึ้นมา เขาตั้งใจจะกดปิดเสียงทว่าชื่อ “อีแว่นโฉด” ที่อ้นแอบเปลี่ยนใหม่ทำให้ป้องรู้สึกตงิดๆ
   เสียงเงียบไปแล้ววุ๊ย
   เสียงริงโทนเงียบไปเองก่อนที่ป้องจะลงมือจัดการ แต่ดันมีเสียงแอพไลน์ดังขึ้นแทน ป้องแอบอ่านข้อความด้วยความสงสัย
   “ถึงคอนโดแล้ว เราขับรถช้าลงแล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วง” ใครวะ? ใครมาส่งไอ้อ้นมัน?
   มองท่าทางเพลียจัดของอ้นแล้วป้องยิ่งสงสัย!



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


#กรุณาอย่าทำแบบเรย์ บอกได้เลยว่าถ้ามาขับรถมารยาทแย่ๆ ข้างๆ เรา เราไม่แค่เลื่อนหน้าต่างลงละโบกปืนขู่แน่นอน ถ้าจอดได้เราลงไปเคลียร์ถึงที่นะคะ ไม่กลัวโดนสวนด้วย #สวนมาสวนกลับไม่โกง #ตบแม่ม!
 :try2: แต่เค้าก็ถอยกล้องติดหน้ารถมาแย้วนะ ยุคนี้แม่xอยู่ยาก #กล้องน่ากลัวกว่าตำรวจ #โซเชี่ยลศักดิ์สิทธิ์กว่ากฏหมาย

ช่างเป็นนักเขียนประหลาดจริงๆ คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า "นิสัย" แบบไหนที่นักเขียนมันใส่เอาเท่ๆ รึเขียนเพราะชอบ/ตัวเองนิสัยแบบนั้น หรือมันเขียนขึ้นมาเพราะรังเกียจหงุดหงิดจนต้องหาทางระบาย ถ้ามันไม่มาทอล์กหลังนิยาย!
แต่ก็นี่แหละสีเทาที่เราว่า ถ้าไม่ได้โรคจิตมากระดับของมนุษย์มันก็ราวๆ นี้แหละ นิสัยเสียนิดๆ กำลังดีเลยเราชอบ แต่มันไม่น่าเอ็นดูใช่ปะล่ะ? ชอบร้ายแบบยุกยิกหัวใจ? เชิญได้ที่เว็บแจ่มใสนะลูก #อัญเชิญแม่ชีมา!
อยากให้คุณนักอ่านๆ นิยายเรื่องนี้ไปแล้วส่องกระจกตาม ฟุ้งเฟ้ออยากหรูดูดีแบบอ้นนิดๆ หรือไม่? มีนิสัยโทษคนอื่นแบบป้องหรือเปล่า? หรือชอบเรียกร้องความสนใจแบบเติ้ล? ไม่แน่นะ ไอ้ที่แต่ละคนเม้นๆ บ่นๆ ปากบอกรำคาญ ตัวจริงเป็นๆ ของคุณอาจจะทุเรศกว่าตัวละครที่เราเขียนก็ได้ ประมาณทุกคนด่าแต่ตัวเองไม่รู้สึก "ฉันว่าฉันก็ไม่ได้...นะ" แต่คนเรามันก็ต้องมีมุมที่นิสัยเสียใช่มั้ยล่ะ? มันต้องมีบ้างแหละเราว่า จะดีแค่ไหนกันน้าที่เรานิสัยแย่และหน้าตาไม่ได้เรื่อง แต่มีคนเอา!
เห็นในกระทู้พันทิปมาเยอะ "สวยแต่ทำไมไม่มีผัว?" ลืมเช็กสันดานตัวเองมั้ยอะ?  /  "ทำไมเกย์ถึงหารักแท้ยากจังครับ?" พี่ก็เลิกแอดคนจากหนังหน้าและกล้ามท้องก่อนดิ๊! ... นั่นแหละ ประเด็น "รักกับความไม่สมบรูณ์ของคนธรรมดาๆ"(แบบที่ไม่ต้องหน้าเน่าในตอนแรกแต่มีการเมคโอเวอร์ในตอนท้ายด้วยนะ) ที่เราอยากบอก #ผัวหรือแฟนไม่ใช่กระเป๋าแบรนด์ แค่หาอันที่ใส่ของได้ ใช้สบาย มีปัญญาซื้อ ถือแล้วไม่เกะกะก็พอแล้ว ไม่ต้องคล้องแขนควงอวดไปอวดมาก็ได้นะจ้ะ คุณตาคุณยายข้างบ้านอยู่กันมา60ปีจนตายกันไปข้างยังไม่เห็นพวกแกต้องแชร์สถานะอัพรูปคู่เลย หลายคนเดี๋ยวนี้วัลลาบีมากไปนะ

บางทีการอ่านนิยายสักเรื่องแล้วมีความรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าก็สะใจดีนะ
ในภาคของอ้นจะมีประเด็นหลายๆ ประเด็นเลยที่ค่อนข้างแรงและไม่ให้เกียรติเหยียดหยามตัวละครเพศที่สาม เราไม่ใช่คนชอบอวยดังนั้นเราเลยแต่งแบบไม่เกรงใจสังคม แต่อันที่จริงมันก็เป็น "สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคม" อยู่แล้วอะนะ #ถ้าไม่ดัดจริตโลกสวยอ้วกเป็นสายรุ้งเกินไปอะนะ
เราก็พยายามยกมาหลายปมเลย พยายามจะใส่เนื้อหาของเพศที่สามลงไปให้พอเหมาะกับตัวละคร "อ้น" ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วนางเป็นตุ๊ดคิดบวก ... ก็โลกสดใสสายสตรองพอจะกลับไปแซะอีพี่ป้องจนได้ตำแหน่ง "แฟนคนแรก" ของพี่ป้องไปครองอะนะ
ดังนั้นตามเชียร์ได้นะคะ ติได้ แต่ถ้าติเรื่อง "อ้นแมนไป ละมุนนีเกินไป ไร้จริตตุ๊ด" อันนี้เราขอยกมือยอมรับผิดก่อนเลย คือ...แต่งไม่ได้ค่ะ ทางนี้ขาดสำนวนภาษาและกิริยาแบบเทย ถึงจะเป็นผู้หญิงปกติแต่ก็เป็นสายเถื่อนฮาร์ดคอง่ะ #ราวแอ๊บมะเปนจีจี
ถ้ารับไม่ได้แนะนำให้ถอย ปมและประเด็นรุนแรงละเอียดอ่อนกว่า #ไม่ฟิต (#ป้องเติ้ล) แต่ฉากล่อแหลมและความถ่อยเถื่อนน้อยกว่ามาก... เอ๊ะยังไง?
แต่อยากบอกว่าแต่งภาคนี้เพื่อแฟนๆ ที่เคยอ่าน #ดราม่าควีนกับคิงซื้อบื่อ และ #ตูดผมไม่ฟิตจริงเหรอพี่? ซึ่งบางคนบอกกับเราว่าเป็นเพศที่สาม และอยากอ่านนิยายที่มีเพศที่สามดำเนินเรื่องเป็นตัวเอก เค้าจำได้นะเหอๆ แต่งให้แล้วนะ หวังว่าจะชอบนิยายที่เราพยายามเขียนเพื่อคุณๆ เน้อ! ลองมาดูกันว่าเราจะเล่นอะไรกับคาแรคเตอร์ "เพศที่สาม" ฮี่ๆ

พูดถึงข้อเสียแล้วแอบตั้งการ์ดว่าทุกคนไม่ต้องหันกระจกมาส่องเรากลับนะ คาถา "mirror mirror" ใช้กับเราไม่ได้ผล เพราะส่วนมากเรารู้ข้อเสียของตัวเองอยู่แล้ว แต่ขี้เกียจแก้
นี่มัน "เรย์" ชัดๆ นี่หว่า! แต่เดี๋ยวบทต่อๆ ไปจะรู้ว่าเรย์มันสันดานเสียยังไง เหอๆ  :katai2-1:
ตอนท้ายพี่ป้องมีแอบหวงนิดๆ สังเกตกันมั้ยว่าพี่แก "อ่อนโยน" ขึ้นจมเลย คือตอนอยู่กับเติ้ลไม่มีแบบนี้อะ มีการเบาเสียงทีวีให้เพื่อน ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ คือถ้าดีแล้วพี่แกดีใจหาย แต่ตอนอยู่กับเติ้ลนี่คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกนิยายตบจูบใช่มั้ย? ดราม่าเหลือเกิ๊น! หรือเพราะจับคู่กับอิเติ้ลง๊องแง๊งเลยงี่เง่าตาม ฮ่าๆ อยากบอกว่า พาร์ตหลังสองคนนี้ออกเยอะนะจ้ะ!
แต่จะว่าไปตอนนี้เรย์มันก็เริ่มๆ เนียนแล้วล่ะ เราส่งเรื่องไปให้เพื่อนช่วยดูเรื่องภาษาซิงลิชให้ พอเค้าอ่านจบเค้าบอกว่าเรย์น่ารักดีกวนพอๆกับพี่สตาร์ ชอบพระเอกเจ้าเล่ห์ ... คิดม่ายออกละซี่ว่าเรย์จะกวนได้ยังไง ฮี่ๆ
แต่ลักษณะท่าทางเหมือนคนจีบหญิงไม่เป็น ... หรือควรต้องบอกว่าแม้แต่สกิลเข้าสังคมพื้นฐานหนุ่มแว่นคนนี้ก็ไม่มี ฮ่าๆ ใบ้ว่าบทหน้าชวนกรี๊ดสุดๆ เรย์กับอ้นและเดท! รออาทิตย์หน้านะจ้ะ ถ้าไม่ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ก็อาจจะจันทร์
*แต่ถ้ามีคนปั่นเมนต์ให้ถึงสิบเมนต์เดี๋ยวลงตอนถัดไปต่อให้เลยอะ ดูดิ๊จะมีคนอยากอ่านต่อแบบด่วนๆ ถึง10คนมั้ย ฮ่าๆ
ขอบคุณจ้า  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2016 01:34:45 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ Zyse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากอ่านต่อ อยากรู้ว่าไปเดทกันจะเป็นไงละอิพี่ป้องจะหึงอ้นมั้ย แบบหวงของอ่ะ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4

ออฟไลน์ zaturday

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
อ่านจบภาคพี่ป้อง น้องเติ้ลแล้ว
ขอเม้นก่อนละกัน เมื่อคืนเราทำงานเสร็จเกือบๆตีหนึ่ง เลยอยากหานิยายคลายเครียดอ่านก่อนนอน กะว่าจะอ่านสักสองสามตอนแล้วไปนอน เลยเลื่อนหานิยายที่หน้าแรกของเล้า เจอชื่อเรื่องคือสะดุดตามากจนต้องกดเข้ามาอ่าน ไม่ได้คาดหวังอะไร คิดว่าชื่อเรื่องแบบนี้น่าจะเป็นนิยายขายฉาก nc ทั่วไปสาระไม่มี
อ่านได้สามตอนแรก เฮ้ยยยย มันเรียลหว่ะ พี่ป้องเป็นพระเอกที่มีคาแรกเตอร์เป็นผู้ชายธรรมมาก ไม่ใช่พระเอกนิยาย มีความซกมก กาก ขาก ถุย พี่มันไม่แอ้บเลย ขี้เกียจสันหลังยาวและเห็นแก่ตัวได้อย่างที่ไม่คิดว่าจะเจอได้ในคาแรกเตอร์ของพระเอกนิยายเพราะความเรียลของพี่ป้อง และมุขฮากากๆนี่เราไม่คิดว่าจะเจอนี่หล่ะ ทำให้อ่านแล้ววางไม่ลง อ่านไปได้ถึงจุดพีคของเรื่อง พระเจ้า!! ร้องไห้กับอิพี่ป้องหนักมากกกก ย้อนไม่ถึงความรู้สึกแรกที่อ่านไม่คิดเลยว่าจะมีฉากที่เรียกน้ำตาเราเป็นสายได้ขนาดนี้ไม่ใช่ตอนเดียว แต่ตั้งสี่ห้าตอน อ่านไปอ่าามามองดูนาฬิกา อ้าว หกโมงเช้าแล้ว นี่ยังไม่ได้นอนเลยตัดสินใจไปนอน ตื่นมาอีกที สิบโมง นอนไปแค่สี่ชั่วโมง แต่ยังอ่านไม่จบ ลุกไปล้างหน้า แล้วมาอ่านต่อ เราอ่านนิยายมาเป็นสิบๆปี เจอหลายรูปแบบ แต่นิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เราวางไม่ลงจริงๆ ครบรสมากกก แซ่บลืม ฮา กาก เกรียน ดราม่า หื่น ซึ้ง คือมาหมดอ่ะ คนเขียนเก่งมาก ปูเรื่องนิสัยของตัวละครทุกตัวมาดูให้เราค่อยๆซึมซับ เวลาอ่านเราจะไม่ขัดใจเลยว่าทำไม ตัวละครตัวนี้ถึงทำแบบนี้ เพราะเราเข้าใจพื้นฐานของตัวละคร เราว่าคุณเป็นนักเขียนที่เก่งนะ มีนักเขียนหลายคนที่ปูพื้นฐานไม่แน่น และมาบรรยายความรู้สึกของตัวละครยาวเหยียดในการกระทำแต่ละอย่างทำให้นิยายเรื่องนั้นๆกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ ป่าวอวย นี่พูดจริง
คือตอนนี้ติดใจงานเขียนของคุณแล้วหล่ะ มีเรื่องอื่นที่แต่งอีกมั้ย เราจะไปตาม

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
จริงๆอ่านแล้วชอบอ้นนะ นางงน่ารักเสมอ แต่ตอนมาอ่านในภาคของอ้นแล้วเรารู้สึกสงสารเติ้ลอะ ดูป้องอยู่กับอ้นแล้วก็รู้สึกดี จริงๆนะ
.
.
.รักคนเขียน ติดตามต่อไปจ้า :ling2:

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
เราหายไปนานพี่เพิ่งแว๊บมาได้
อ่านเพลินมากกกอิเรย์นี่ดื้อตาใส
มากๆเลยสงสารนางอุตส่าห์จะมี
ผู้เป็นของตัวเองซักทีแต่ไหงผู้เธอ
ถึงได้ขาดๆเกินๆอย่างนี้
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zaturday

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ดวงผู้ชายมาแรงนะช่วงนี้ ถ้าไม่ติดว่าป้องฝังใจรักกับเติ้ลมาก เราก็อยากให้อ้นสมหวังกับป้องนะ คู่นี้อยู่ด้วยกันแล้วน่ารัก

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   เมื่อยามเช้ามาถึง อ้นตื่นสาย! เขาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงริงโทนโทรศัพท์ดัง
   “ฮัลโหล ค่ะ!”
   “อยู่หน้าอะพาร์ตเมนต์แล้ว”
   “ฮะแกมาแล้วเหรอ! ได้ๆ แป๊บนึงนะเดี๋ยวฉันอาบน้ำแต่งตัวแป๊บ”
   “พึ่งตื่นเหรอ?”
   เหมือนมีลูกศรปักลงกลางใจอ้นดังฉึก! อ้นรีบเบี่ยงประเด็นเพราะไม่อยากกลายเป็นคนตื่นสาย อีกทั้งเขาไม่อยากให้นายแว่นตีนผีคนนี้โกรธ!
   “แป๊บนึง ขอสิบห้านาที อ๊ะสิบก็ได้ เดี๋ยวฉันลงไปนะ”
   “ไม่เป็นไร ครึ่งชั่วโมงเราก็รอได้”
   เรย์ว่าอย่างนั้นแล้ววางสายไป อ้นมองโทรศัพท์แบบงงๆ เขารีบดีดตัวเองลุกจากที่นอนแล้ววิ่งไปเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดที่จะใส่
   แม้ว่าอ้นและป้องจะเคยเป็นรูมเมทกันมาก่อน แต่เมื่ออ้นตั้งใจที่จะเป็นตัวของตัวเองแล้วเขาก็เลิกเก็กชง ดังนั้นอ้นจึงไม่เคยโป๊ต่อหน้าป้องอีกเลย เขามักจะหอบเสื้อผ้าไปใส่ให้มิดชิดก่อนออกมาจากห้องน้ำเสมอไม่ว่าจะเป็นชุดนอนหรือชุดทำงาน ดังนั้นอ้นจึงมักจะเสียเวลาไปกับการเลือกชุด กว่าจะพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำได้ก็นาน ยิ่งถ้าวันไหนแต่งหญิงอ้นจะใช้เวลาพินิจพิจารณาเลือกเสื้อผ้านานเป็นพิเศษ
   เอ... จะแต่งแบบไหนดีนะ? อยากแต่งหญิงจัง แต่ว่าอีแว่นมันจะอายมั้ย? อ๊ะละมันจะรับได้รึเปล่า?
   เพราะชีวิตหลังเรียนจบของอ้นมีแต่ป้อง และป้องก็ยอมรับตัวตนของอ้นยอมให้แต่งหญิงได้ เลยทำให้ตอนนี้อ้นมีแต่เสื้อผ้าชุดลำลองแบบผู้หญิง แม้จะไม่ถึงกับเป็นชุดกระโปรงหรือเดรสหวานๆ แต่ก็มีแต่เสื้อยืดลายน่ารักๆ กับกางเกงขาสั้นแบบผู้หญิง
   อ้นลำบากใจเพราะเวลาไปทำงานเขาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็ค แม้จะแอบสลิมฟิตเข้ารูปและลงรองพื้นทาเพียงแป้งฝุ่นบางๆ แต่คิ้วของอ้นไม่เคยรก อีกทั้งเขายังไม่เคยปล่อยให้ปากขาดลิปบาล์ม และนี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาทำงานอย่างมีความสุข เพราะบริษัทนี้ไม่เคยจู้จี้จุกจิกเรื่องบุคลิกภาพการแต่งกายของเขาเลย ตราบใดที่ลุคของเขายังคงดูสุภาพและสามารถทำงานให้บริษัทได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แต่ตอนนี้เขาต้องออกไปข้างนอกกับเรย์ และอ้นไม่แน่ใจว่าเรย์จะรับตัวตนของเขาได้มากแค่ไหน
   ป้องขยับตัวตะแคงหันมาหาอ้นโดยยังไม่ลุกจากที่นอน เขามองอ้นที่มีผ้าเช็ดตัวพาดอยู่บนไหล่เปิดตู้เสื้อผ้ารื้อหาเสื้อผ้าวุ่นวายแล้วถาม
   “จะไปไหน?”
   “ไปธุระกับเพื่อน”
   “ผู้หญิงผู้ชาย?”
   อ้นสะดุ้งแต่ก็ยังพยายามรักษาฟอร์ม เขายังไม่อยากบอกป้องเรื่องของเรย์
   “เพื่อนธรรมดาแหละ คนในออฟฟิศ วันนี้ต้องไปซื้อของกันเฉยๆ”
   “กูว่าเสื้อสีชมพูนั่นอะสวย ผมมึงเริ่มยาวแล้ว แต่งหน้าอ่อนๆ เอาก็ได้ ไม่ดูกะเทยควายหรอก”
   แม้อ้นจะแปลกใจที่อยู่ๆ ป้องก็ให้ความเห็นเรื่องเสื้อผ้า แต่อ้นก็อยากได้ความมั่นใจเพิ่ม เพราะถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากแต่งสวยทุกวันตลอดเวลา อ้นรู้ตัวตั้งแต่เด็กว่าเขาเกิดมาเพื่อ “สวย” ไม่ใช่ “หล่อ” เขาอยากแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบผู้หญิงแล้วสวยเริ่ดเชิดไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตุ๊ดแต่งบอยดูดีไปวันๆ
   “แต่มันเป็นแบบผู้หญิงนะ แขนตุ๊กตา มีโบว์ตรงหน้าอกด้วย”
   อ้นหยิบเสื้อขึ้นมาโชว์ให้ป้องดูว่าเสื้อตัวนี้เป็นเสื้อยืดตกแต่งแบบผู้หญิง ไม่ใช่แค่เสื้อยืดธรรมดาๆ
   “กูบอกให้แต่งหน้าไปด้วยไง ให้มันรอนิดหน่อยจะเป็นไรวะ”
   อ้นแปลกใจกับท่าทีของป้องแต่ก็พยักหน้า
   ทำไมฉันรู้สึกเหมือนอีป้องพยายามสนับสนุนให้ฉันสวย?

   อ้นใช้เวลาไม่นานสำหรับการอาบน้ำแต่งตัวในห้องน้ำ แต่เมื่อเขามานั่งหน้ากระจกอ้นใช้เวลาแต่งหน้าไปเกือบยี่สิบนาที สรุปว่าวันนี้ “การแต่งหน้าใสๆ แบบธรรมชาติ” ของอ้นก็จัดเต็มด้วยรองพื้นแน่นทั้งหน้าและที่ขาดไม่ได้ก็คือขนตาปลอมลุคธรรมชาติ อ้นผูกผ้าทำเป็นโบว์คาดผมให้ตัวเองและหมุนตัวดูภาพในกระจกอีกครั้ง เสื้อยืดสีชมพูพิมพ์ลายกราฟิกแขนตุ๊กตากับกางเกงสามส่วนขาบานผ้าฝ้ายสียีนส์ แน่นอนว่าลุคนี้อ้นไม่พลาดที่จะหยิบกระเป๋าสะพายเก๋ๆ และรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตามาแมตคู่กัน
   อ๊าย! ชมพู่ชัดๆ ลุคนี้ปังมากค่ะ สวยจริงๆ เลยฉัน!
   “อีอ้น ยัดนมให้เท่าๆ กันด้วย นมมึงเบี้ยว”
   ปากของป้องทำเอาอ้นเซ็ง
   “ขอบใจที่เตือนย่ะ! ฉันยัดซิลิโคนดีแล้วแกไม่ต้องห่วง!”
   การที่อ้นไม่ได้เทคฮอร์โมนเหมือนสาวประเภทสองบางคนทำให้อ้นไม่มีหน้าอก เขาตั้งใจว่าเมื่อทำงานเก็บเงินได้ครบแล้วค่อยไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ การมีหน้าอกโดยยังต้องใส่ชุดพนักงานออฟฟิศเพศชายจะทำให้เขาใช้ชีวิตลำบาก และป้องก็ชอบแกล้งล้อเขาเรื่องนี้ เพราะอ้นแบนไปทั้งตัว!
   “ฮ่าๆ”
   “อีบ้า!”

   กว่าอ้นจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ปาไปเกือบสี่สิบนาที รถของเรย์จอดรออยู่ในลานจอดหน้าอพาร์ตเมนท์ เจ้าของรถไม่ได้ติดเครื่องเอาไว้แต่กลับหลับอยู่ในนั้นโดยไม่เปิดหน้าต่าง อ้นเดินมาถึงแล้วเคาะกระจกไปหนึ่งครั้งแต่ดวงตาหลังเลนส์แว่นยังปิดสนิทไม่กระพริบ อ้นตกใจมาก เขาเป็นห่วงกลัวเรย์จะขาดอากาศจึงทุบกระจกรถอย่างแรง
   “เรย์! อีแว่น แกได้ยินฉันมั้ย? เรย์!”
   กว่าเรย์จะลืมตาตื่นอ้นก็ทุบไปหลายปึก เขาสตาร์ตรถแล้วปลดล็อกประตูให้อ้น อ้นไม่รอช้ารีบอ้อมไปอีกด้านแล้วก้าวเข้ามานั่งในรถทันที
   “แกเป็นอะไรมั้ย?”
   “โทษทีเราหลับ”
   หนุ่มแว่นตอบแบบหน้ามึน อ้นแทบกรี๊ด!
   “แกหลับ! ถ้าแกตื่นไม่ไหวแล้วแกจะมาแต่เช้าทำไม อีบ้า! ฉันนึกว่าแกตายคารถไปแล้วใครสั่งใครสอนให้แกหลับในระบบปิดแบบนี้ยะ!”
   “ก็ต้องไปซื้อของขวัญก่อน ไปช้าเดี๋ยวเฮนรี่บ่นอีก”
   ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนไม่อยากไปมากกว่าอีกย่ะ!
   “ตื่นรึยังเนี่ยแก? ถ้าเอาฉันไปเสี่ยงอีกฉันไม่ไปด้วยนะบอกไว้ก่อน!”
   “อาฮะ ตื่นแล้วก็ได้”
   อ้นอยากจะกรี๊ด!

   ทั้งคู่เลือกห้างใกล้ๆ เป็นแหล่งเลือกซื้อของขวัญ อ้นเดินสวยอย่างมั่นใจไม่หวั่นสายตาใครต่อใคร ทว่าเป็นการเดินช็อปปิ้งที่ห่างกับคนมาด้วยกันเกือบเมตร!
   ใครใช้ให้เรย์ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบไร้รสนิยมด้วยเสื้อยืดสกรีนลายการ์ตูนสาวน้อยเซอร์วิสโชว์กางเกงในกันเล่า! อ้นอายจนไม่อยากรู้จัก แถมเรย์ยังคล้องหูฟังไว้ที่คออีก หนุ่มแว่นใส่เสื้อยืดลายการ์ตูน ดูอย่างไรก็โอตาคุเต็มพิกัด!
   “อ้น เราหิวข้าว”
   เมื่อเห็นอ้นทำเป็นไม่ได้ยินเรย์จึงก้าวยาวๆ เข้ามาใกล้แล้วดึงมือของอ้นให้หยุดเดิน
   “เราหิวข้าว”
   สตรองเอาไว้นะ คีปลุค ห้ามวีน อีแว่นนะอีแว่น แต่งตัวไม่ได้ให้เกียรติลุคฉันเลย!
   ข้าวของบนตัวเรย์ดูก็รู้ว่าแพง นาฬิกาข้อมือเรือนที่เรย์ใส่อยู่ก็หลายพัน หูฟังก็ยี่ห้อไฮเอน แต่น่าเสียดายที่หมอนี่ไม่มีรสนิยม! หรือบางทีรสนิยมของเรย์อาจจะเป็นเช่นนี้เอง
   คนอะไรใส่ของแพงได้ลุคชีปมาก! ฉันใช้ของก๊อบยังดูแพงกว่าแกเรย!
   “หาอะไรกินกันเถอะเราหิว”
   “ได้สิ แกอยากกินอะไรล่ะ?”
   “คงต้องหาอะไรเร็วๆ แล้วล่ะ เราต้องไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านให้ทัน”
   เมื่อตกลงกันได้แล้วเรย์ก็พาอ้นไปทานฟ้าสต์ฟู้ดในร้านแดกด่วน เรย์ไม่สนใจใครตามเคย เขาซื้ออาหารแล้วยกถาดมานั่งทานเหมือนรีบทำเวลา อ้นที่นั่งทานแฮมเบอเกอร์ด้วยกันจึงมีโอกาสพิจารณาเรย์ในลุคแคชชวลให้ชัดๆ
   วันนี้เรย์ไม่ใส่แว็กซ์จัดแต่งทรงผม ผมเส้นตรงจึงทิ้งตัวปรกหน้าผากคล้ายกับสมัยเรียนแตกต่างจากวันทำงานที่เรย์จะเสยผมไปด้านหลังดูเรียบร้อย แม้จะเป็นแว่นสายตาอันเดิมแต่พอไม่ใส่ชุดมนุษย์เงินเดือนแล้วแต่งตัวเหมือนวัยรุ่นเช่นนี้อ้นก็พบว่าความจริงแล้วเรย์หน้าเด็กพอสมควร ติดที่ผ่านมาชอบทำหน้ายุ่งขมวดคิ้วตลอดเวลาเลยดูบุคลิกเคร่งขรึม
   การเลือกใช้นาฬิกาจีช็อกสีฟ้าสดใสแตกต่างจากนาฬิกาข้อมือสายโลหะในวันทำงานทำให้รู้ว่าเรย์แต่งตัวเป็น ปกติแล้ววันทำงานเรย์เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว แขนเสื้อของเรย์รีดเรียบกลีบคมกริบแทบบาด! ทั้งเชิ้ตทั้งสแล็คได้ลุคสุภาพเป็นหนุ่มออฟฟิศสุดแพง แต่พอเป็นวันสบายๆ เรย์ก็ใส่แต่สิ่งที่ชอบโดยไม่สนว่ามันจะเข้ากันหรือไม่ เหมือนใช้สิทธิ์ในการเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่โดยไม่แคร์สายตาใคร
   คิดแล้วอ้นก็อิจฉา เขาอยากแต่งสวยแต่ก็อยากให้ตัวเองดูดี อ้นไม่อยากแต่งตัวออกมาแล้วถูกคนอื่นหัวเราะเยาะว่าเป็นกะเทยควาย แม้เขาจะได้เปรียบที่ตัวเล็กแต่อ้นรู้ตัวดีว่ายังมีอีกหลายส่วนในร่างกายของตนที่ “ไม่เหมือน” ผู้หญิง อ้นจึงเลือกเพลย์เซฟด้วยการแต่งตัวเป็นผู้ชายไปทำงานมาตลอด แม้แต่ในวันสบายๆ เช่นนี้อ้นก็ผ่านขั้นตอนการเลือกสรรด้วยความกังวล กลัวว่าเสื้อผ้าที่ตนเลือกจะทำให้ตัวเองกลายเป็นตัวตลก แต่เรย์ไม่สนใจเลย เขาไม่แม้แต่จะทักเรื่องที่อ้นแต่งหญิง ไม่ชม ไม่วิจารณ์ใดใดทั้งสิ้น คิดแล้วอ้นก็แอบห่อเหี่ยวเล็กๆ ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงอยากฟังความคิดของเรย์มากนัก
   หลังทานเสร็จเรย์ลากอ้นไปยังแผนกตุ๊กตาแล้วทิ้งเขาไว้พร้อมกับคำสั่งเรียบง่ายหนึ่งประโยค “เอาตุ๊กตาที่เด็กผู้หญิงชอบนะ” แล้วก็หายไปทางชั้นวางหุ่นกันพลา อ้นชอบบาร์บี้ เขามีความสุขกับข้าวของในแผนกนี้อย่างเพลิดเพลิน ทว่าอ้นรู้ดีว่าบาร์บี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อเด็กผู้หญิงทุกคน และการจะให้ของขวัญใครก็ควรมีความหมายไม่ใช่เพียงแค่สิ่งของ เมื่อตัดรสนิยมของตัวเองออกแล้วแต่ยังคิดไม่ออกอ้นจึงเดินไปตามหาเรย์ที่แผนกโมเดล เขาเห็นเรย์พลิกกล่องไปมาอย่างสนใจ
   เหมือนเด็กเชียวนะอีแว่น
   “เรย์”
   เมื่อเห็นคุณอายังเด็กหันมามองอ้นจึงถามสิ่งที่ตนอยากรู้
   “นี่ หลานแกนิสัยยังไงเหรอ? เค้ามีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษมั้ย?”
   “ไม่รู้สิ เราไม่สนิท”
   ตอบได้น่าตบม้าก! นี่ถ้าฉันเป็นพี่แกฉันตัดญาติไปละย่ะ!
   “แบบหลานสาวแกเค้านิสัยยังไง ชอบอะไร เคยบ่นอยากได้อะไรมั้ย? อะไรทำนองเนี๊ยะ ฉันจะได้เลือกของขวัญถูก”
   “สามขวบ เป็นเด็กผู้หญิง ซน ไม่ค่อยเรียบร้อย เคยทำกันพลาเราพัง”
   นี่แกแค้นเด็กมากใช่มั้ยเนี่ย! ช่วยจำเรื่องดีๆ ของญาติตัวเองหน่อยเถอะ!
   “ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ซื้อกันดั้มที่เด็กชอบให้ไปล่ะ? แกจะมาให้ฉันเลือกบาร์บี้ให้ทำไม?”
   “ไม่เอา! เดี๋ยวเฮนรี่บอกให้เรายกของสะสมให้หลาน! เป็นเด็กผู้หญิงก็ต้องเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ไม่ใช่รึไง?”
   ชัดเลย ปมในใจเรย์ถูกเฉลยออกมาจนเกลี้ยง! อ้นทึ่งกับนิสัยเด็กน้อยหวงของเล่นผู้เห็นแก่ตัวของเรย์สุดๆ
   “โอเคๆ แล้วยังไงอีกบ้าง? เขามีอะไรที่ชอบมั้ย?”
   “ไม่แน่ใจนะ แต่สมัยก่อนตอนที่เรายังไม่ย้ายมาอยู่คอนโด เวลาเฮนรี่พาฮานะกลับบ้านเค้าชอบมาจ้องโมเดลในตู้สะสมของเราอะ แล้วก็ชอบเล่นกับโอเลี้ยง”
   อ้นมึนตึ๊บ!
   “โอเค ฮานะนี่หลานแกใช่มั้ย? แล้วโอเลี้ยงนี่อะไรยะ?”
   “หมาที่แม่เราเลี้ยงไว้น่ะ ฮานะอยากเลี้ยงหมา แต่ตอนนั้นเขาอยู่คอนโดเลยไม่สะดวก รู้สึกจะชอบสัตว์ตัวเล็กๆ มั้ง”
   “อืม หมาสีดำสินะเลยชื่อโอเลี้ยง”
   “เปล่า สีขาว แต่แม่เราเจอมันหลงมาตอนออกไปซื้อโอเลี้ยงหน้าบ้าน”
   อ้นเงิบไปสามวิ เขาหันหน้าหนีแล้วแอบถอนหายใจแรงๆ สองที
   อินดี้กันทั้งครอบครัว! อดทนไว้นะ เป็นตุ๊ดสวยแล้วต้องจิตใจดีงามด้วย ห้ามวีน จะได้หาผัวได้ง่ายๆ
   “งั้นซื้อตุ๊กตาหมาดีมั้ย? ทางโน้นมีตุ๊กตาน่ารักๆ เพียบเลย”
   “ไม่เอามันดูสิ้นคิดอะ”
   แล้วบาร์บี้แกไม่สิ้นคิดเลยเนอะ!
   อ้นกรี๊ดกับนิสัยเอาแต่ใจของเรย์ ไอ้โน่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่ได้ พอออกไอเดียให้ก็เรื่องมาก แต่ไม่ยอมคิดเอง!
   “โอเค๊! ของที่ดูไม่สิ้นคิดใช่มะ ด้าย... หลานแกชอบอะไรอลังๆ ใช่มะ งั้นนี่เลยเป็นไง? “ครอบครัวซิลวาเนียน” ซื้อเป็นเซ็ตให้เด็กสะสมจะได้สอนให้รักของเล่นด้วยไง ดีมะ? เปิดไลน์ใหม่ไปเล้ยจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับโมเดลของแก”
   อ้นหยิบกล่องใส่ตุ๊กตาสัตว์ตัวเล็กน่ารักแต่ราคาแรงเอาเรื่องให้เรย์ดู เขาแค่ประชดแต่คิดไม่ถึงว่าเรย์จะเอาจริง เรย์มองอยู่พักใหญ่ก่อนจะตอบตกลง
   “ถ้านายว่างั้นเราก็โอเค”
   เรย์หยิบบ้านตุ๊กตาขนาดเล็กไปจ่ายเงินหลายพันอย่างไม่สะทกสะท้าน!
   เมื่อเสร็จธุระแล้วอ้นก็กะจะบอกลาเรย์ เขาตั้งใจจะขอตัวแล้วขึ้นรถสาธารณะกลับเอง แต่ว่าเรย์กลับรั้งเขาไว้
   “จะไปไหน”
   “กลับห้องฉันสิยะ”
   “เดี๋ยวไปส่ง”
   “ไม่ต้องอะแกรีบไม่ใช่เหรอ”
   “ไปกับเราก่อนเดี๋ยวไปส่ง”
   สมองของอ้นกำลังทำงานหนักมาก เขานึกถึงข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมาจากเรย์
   เดี๋ยวนะ มันบอกว่าวันเกิดหลาน ต้องไปกินข้าวเที่ยงที่บ้าน ต๊าย! งานรวมญาติ! อย่าบอกนะว่ามันจะลากหนูไปงานรวมญาติ!
   “ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้ แกไปเถอะ”
   อ้นปฏิเสธพลางก้าวถอยหลังตั้งใจชิ่งเต็มที่แต่เรย์กับฉวยข้อมือเขาเอาไว้ไม่ยอมให้เขาหนีแถมยังก้าวมาประชิดตัว
   “บอกให้ไปกับเราก่อน”
   นายแว่นโฉดกดเสียงเน้นหนักชัดทุกคำ! อ้นเริ่มขนลุก เขาเถียงแบบกล้าๆ กลัวๆ
   “งานรวมญาติบ้านแกแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน แกก็ไปคนเดียวสิ ไม่เอาอะ ฉันไม่อยากไป”
   อยู่ๆ ให้หนูไปบ้านผู้ชาย กรี๊ดไม่เอาอะหนูเขิน!
   “เราไม่อยากไปเหมือนกัน ไปกับเราหน่อยไม่ได้เหรอ?”
   เพราะเสียงขู่สุดสยอง? เพราะแววตาเว้าวอน? หรือเพราะอายคนที่เริ่มหันมามอง? อ้นบอกไม่ถูก แต่ลงท้ายเขาก็ตามใจหนุ่มแว่นยอมให้เรย์ลากกลับมานั่งบนเบาะข้างคนขับไปงานรวมญาติด้วยกัน

   เรย์จอดรถข้างรั้วบ้านสี่ชั้นขนาดใหญ่หลังหนึ่ง เขาดับเครื่องด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่สุดเท่าที่อ้นเคยเห็นมา แม้จะหวั่นใจกับอาการของเรย์แต่อ้นมีปัญหาใหญ่กว่านั้น
   “แกจะให้ฉันเข้าไปด้วยจริงๆ เหรอ?”
   โอ๊ยตายแล้วได้ไปบ้านผู้ชาย! ถึงหนูจะไม่คิดอะไรกับมัน แต่งานรวมญาติ! กรี๊ด ตื่นเต้น!
   อ้นตื่นเต้นไม่รู้จะวางตัวให้เหมาะสมอย่างไรต่อหน้าครอบครัวของเรย์ แต่เรย์กลับหน้าบูดไม่สบอารมณ์เหมือนพร้อมจะระเบิดตลอดเวลา
   “อยู่เป็นเพื่อนเราหน่อย”
   แววตาของเรย์ที่จ้องตรงมาทำให้อ้นกลืนน้ำลายลงคอไม่กล้าปฏิเสธ เขารีบรับปากทันที
   “ดะได้!”
   แต่แล้วอ้นกลับเปิดกระเป๋าหยิบตลับแป้งขึ้นมาเช็กหน้าตาตัวเอง เขาหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าก่อนจะตบพัฟลงไปเบาๆ เมื่อเอียงซ้ายเอียงขวาเม้มปากพิจารณาความเรียบร้อยของลิปสติกที่เคลือบอยู่บนริมฝีปากเสร็จแล้วอ้นก็จัดผ้าผูกผมของตัวเองให้เข้าที่
   โอเค๊ หนูสวยแล้วค่ะ ตุ๊ดพร้อม!
   “ฉันพร้อมแระ”
   “อาฮะ”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


ที่เอามาลงให้ทั้งๆ ที่มีคนเม้นไม่ถึง 10 เม้น เพราะ .... แต่นแตนแต้น! รู้ว่าตัดจบแบบนี้คนจะกรี๊ดยิ่งกว่า ฮ่าๆ
เรื่องของเรื่องก็คือนักเขียนอินดี้มันอยากแกล้งคนอ่านนั่นแหละ  :laugh3:
อ้นได้ไปบ้านเรย์ล่ะ ... เนียนเนาะ หน้ามึนเนียนได้ใจ ฮ่าๆ  :hao7:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
อยากอ่านต่อ อยากรู้ว่าไปเดทกันจะเป็นไงละอิพี่ป้องจะหึงอ้นมั้ย แบบหวงของอ่ะ

 :katai4: จงอ่านต่อละค้างต่อยิ่งกว่า กรั่กๆ #เผ่น  :katai5:


รอตาอยู่มาฉกไปนะคะ

โอ้ว สวัสดีค่ะ หายไปนานมากเลย คิดถึงๆ  :กอด1:
ตาอยู่มันฉกทีนึงถึงบ้านเรยคร่า  :haun5:


อ่านจบภาคพี่ป้อง น้องเติ้ลแล้ว
ขอเม้นก่อนละกัน เมื่อคืนเราทำงานเสร็จเกือบๆตีหนึ่ง เลยอยากหานิยายคลายเครียดอ่านก่อนนอน กะว่าจะอ่านสักสองสามตอนแล้วไปนอน เลยเลื่อนหานิยายที่หน้าแรกของเล้า เจอชื่อเรื่องคือสะดุดตามากจนต้องกดเข้ามาอ่าน ไม่ได้คาดหวังอะไร คิดว่าชื่อเรื่องแบบนี้น่าจะเป็นนิยายขายฉาก nc ทั่วไปสาระไม่มี
อ่านได้สามตอนแรก เฮ้ยยยย มันเรียลหว่ะ พี่ป้องเป็นพระเอกที่มีคาแรกเตอร์เป็นผู้ชายธรรมมาก ไม่ใช่พระเอกนิยาย มีความซกมก กาก ขาก ถุย พี่มันไม่แอ้บเลย ขี้เกียจสันหลังยาวและเห็นแก่ตัวได้อย่างที่ไม่คิดว่าจะเจอได้ในคาแรกเตอร์ของพระเอกนิยายเพราะความเรียลของพี่ป้อง และมุขฮากากๆนี่เราไม่คิดว่าจะเจอนี่หล่ะ ทำให้อ่านแล้ววางไม่ลง อ่านไปได้ถึงจุดพีคของเรื่อง พระเจ้า!! ร้องไห้กับอิพี่ป้องหนักมากกกก ย้อนไม่ถึงความรู้สึกแรกที่อ่านไม่คิดเลยว่าจะมีฉากที่เรียกน้ำตาเราเป็นสายได้ขนาดนี้ไม่ใช่ตอนเดียว แต่ตั้งสี่ห้าตอน อ่านไปอ่าามามองดูนาฬิกา อ้าว หกโมงเช้าแล้ว นี่ยังไม่ได้นอนเลยตัดสินใจไปนอน ตื่นมาอีกที สิบโมง นอนไปแค่สี่ชั่วโมง แต่ยังอ่านไม่จบ ลุกไปล้างหน้า แล้วมาอ่านต่อ เราอ่านนิยายมาเป็นสิบๆปี เจอหลายรูปแบบ แต่นิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เราวางไม่ลงจริงๆ ครบรสมากกก แซ่บลืม ฮา กาก เกรียน ดราม่า หื่น ซึ้ง คือมาหมดอ่ะ คนเขียนเก่งมาก ปูเรื่องนิสัยของตัวละครทุกตัวมาดูให้เราค่อยๆซึมซับ เวลาอ่านเราจะไม่ขัดใจเลยว่าทำไม ตัวละครตัวนี้ถึงทำแบบนี้ เพราะเราเข้าใจพื้นฐานของตัวละคร เราว่าคุณเป็นนักเขียนที่เก่งนะ มีนักเขียนหลายคนที่ปูพื้นฐานไม่แน่น และมาบรรยายความรู้สึกของตัวละครยาวเหยียดในการกระทำแต่ละอย่างทำให้นิยายเรื่องนั้นๆกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ ป่าวอวย นี่พูดจริง
คือตอนนี้ติดใจงานเขียนของคุณแล้วหล่ะ มีเรื่องอื่นที่แต่งอีกมั้ย เราจะไปตาม

นิยายเรื่องอื่นของเรา นิยายเรื่องยาวมี 2 เรื่องค่ะ
1. ดราม่าควีนกับคิงซื่อบื้อ  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42131.0
แม้ชื่อจะแลดูเกาหลี แต่ระดับความปวดตับของคุณน้องต้นน้ำนายเอกของเรื่องระดับสูงลิบลับกว่าอินางน้อยเติ้ลมาก และพี่ชัชคือเมะที่ชั๊วชั่ว(ในสายตาคนอ่าน)แต่มีความธรรมดาของผู้ชายเจ้าชู้ที่เต่าถุยตามปกติทั่วไป แค่เดินไปกลางถนน 1ใน10จะมีคนแบบเฮียชัชนี่แหละ
เออ! ลืมบอกไปค่ะ พระเอกเรื่องนี้กินเด็ก เฮียแกเลี้ยงต้อยตะแต่มัธยมเลยทีเดียว มีฉากข่มขืน และมีนางร้ายกับผู้ร้ายแบบละค๊อนละครไทยด้วยแหละค่ะ เราว่าดราม่ากว่า "ตูดผมไม่ฟิตจริงเหรอพี่?" เยอะค่ะ
2. STR/INT : Love Tricks  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44552.0
ใสๆ เกรียนๆ เกี่ยวกับเกมออนไลน์ เป็นชีวิตของเด็กติดเกมกับเทพทรูไฮโซค่ะ มุ้งมิ้ง(มั้งนะ?) เรากะแต่งเอาฮาเอาเงิบ เกรียนๆ ขำๆ ยิงมุกเล่น แต่ไม่รู้ทำไม คนอ่านกรี๊ดพระเอกเหลือเกิน ถูกอกถูกใจแม่ยกมากจนเรางง ... เอาเป็นว่าใสๆ ไม่หน่วงอะค่ะ

แล้วก็มีเรื่องสั้น 2 เรื่อง
เรื่องของผม กับเขา ... ที่ใต้เงาแห่งร่มไม้  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44255.0
เราชอบเรื่องนี้ที่สุดนะ มันอบอุ่นหัวใจ พระเอกเท่มาก กวนดีด้วย
เมื่อผมเห็น"เขา"...อุ้มท้อง(?) ถือชะลอม(!) เข้ากรุง!?  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49676.0
พยายามแต่งเคะมุ้งมิ้งค่ะ รับวันฮาโลวีน สาระไม่มี

ขอบคุณที่ชื่นชอบนะค้า ดีใจมากๆ เลย  :sad4: :กอด1: :3123: :pig4:
ไม่รู้จะพูดไรเลย ดีใจที่มีคนบอกว่าวางคาแรคเตอร์แน่ะง่ะ ฮือๆ พยายามแทบตาย คิดหัวแทบแตก ตะโกนได้แล้วว่า "สำเร็จแย้วเว้ย!"
เราพยายามแต่งนิยายให้ตัวละครออกมาธรรมดามากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะเดิมพันไว้ว่าจะเอาคนธรรมดากับเหตุการณ์ธรรมดามาสร้างพล็อตง่ะ ดีใจ มีคนชอบ ปลื้มมาก ขอบคุณจริงๆ นะค้าบ
 :mew4:

ป.ล. ฝากเพจค้าบ https://www.facebook.com/AZI824  :pig2: :pig2: :call: :call:


จริงๆอ่านแล้วชอบอ้นนะ นางงน่ารักเสมอ แต่ตอนมาอ่านในภาคของอ้นแล้วเรารู้สึกสงสารเติ้ลอะ ดูป้องอยู่กับอ้นแล้วก็รู้สึกดี จริงๆนะ
.
.
.รักคนเขียน ติดตามต่อไปจ้า :ling2:

ตอนนี้เป็นตอนที่เติ้ลกำลังทำใจ ... ช่วงเคว้งคว้างหว้าเหว่ก่อนจะเจอป้องควงกับสาว เติ้ลกำลังเฮิร์ตสุดๆ เลยค่ะขณะนั้นอะ
แต่มันก็ยากนะ ต้องเขียนป้องให้อยู่กับอ้นแล้วดูดีในขณะที่ยังต้องเกรียนๆ ไม่เข้าที่เข้าทางมากนัก เพราะป้องก็เริ่มมาปรับให้กลายเป็นผู้ชายอบอุ่นตอนอยู่กับอ้นนี่แหละ อ่านๆ ไปละจะรู้ว่าป้องเจออะไรไปบ้างตอนที่กลับไปเจอเติ้ลอีกครั้งถึงได้พัฒนาขึ้น เหอะๆ .... #ขอบคุณเจ๊อ้นเค้าซะนะน้องเติ้ล


เราหายไปนานพี่เพิ่งแว๊บมาได้
อ่านเพลินมากกกอิเรย์นี่ดื้อตาใส
มากๆเลยสงสารนางอุตส่าห์จะมี
ผู้เป็นของตัวเองซักทีแต่ไหงผู้เธอ
ถึงได้ขาดๆเกินๆอย่างนี้
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่ขาดนะ เรย์นี่เกินมาก อิๆ อีพี่ป้องแหละขาด พ่อเรย์นี่เค้ามาพร้อมจนล้นพอๆ กะอ้นเลย ฮ่าๆ
แต่ดีไม่ดีผู้คนใหม่ของอ้นอาจจะแซ่บกว่ากิ๊กเก่าอย่างป้องก็ได้นะค้า
ดีใจจังเลย นึกว่านิยายไม่สนุกจนคนอ่านเก่าๆ เลิกอ่านแล้วซะอีก แง๊ๆ  :กอด1: :sad4: :pig4:


ดวงผู้ชายมาแรงนะช่วงนี้ ถ้าไม่ติดว่าป้องฝังใจรักกับเติ้ลมาก เราก็อยากให้อ้นสมหวังกับป้องนะ คู่นี้อยู่ด้วยกันแล้วน่ารัก

ช่ายๆ พยายามเขียนให้โมเมนต์ของสองคนนี้ออกมาน่ารักแบบธรรมชาติ ซึ่งมันยากมาก!  :hao5:
สมหวังไม่สมหวังก็... รออ่านตอนจบเน้อ เคลียร์ทุกคู่อะ  :mew1: ขอบคุณมากๆ ค่ะ

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด