โว้ว! กล้าใส่ชุดแบบนี้ไปจากนี่เลย!
เรย์ตกตะลึงเมื่อเห็นชุดเทพธิดาแฟรี่ของอ้น ปีกเล็กๆ ที่ทำจากผ้าแก้วสีชมพูผืนบางติดอยู่ด้านหลัง เวลาที่อ้นขยับตัวยุกยิกอย่างขัดเขินมันก็จะกระดิกไปมาดูสมจริง
ขออย่าให้มันจำหนูได้เลยนะคะ กรี๊ด หนูอายมันอะ ไม่อยากโดนมันทัก!
อ้นเองก็ตกใจที่เจอเข้ากับเรย์ เขาได้แต่สวดภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอร้องให้เรย์จำเขาไม่ได้ แต่เหมือนเบื้องบนไม่เห็นใจ
“แต่งเป็นอะไรเหรอ?”
อ้นแกล้งไม่ตอบพลางมองจำนวนชั้นแล้วภาวนาให้มันลดลงโดยเร็ว แม้จะโชคดีที่เลยเวลาที่คนส่วนใหญ่กลับบ้านกันหมดแล้วแต่การที่ต้องอยู่สองต่อสองในลิฟต์ก็ทำให้อ้นอึดอัด
เมื่อเห็นอ้นนิ่งแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเรย์จึงดึงปีกด้านหลังจนสายรัดรั้งหัวไหล่ของอ้น
“เอ๊ะอีบ้า!”
อ้นหันมาแว้ดเอาเรื่อง แต่เรย์กลับยิ้ม
“ตัวอะไรอะ?”
“ภูติดอกไม้”
อ้นตอบอย่างเสียไม่ได้ด้วยใบหน้างอเป็นจวัก เรย์พยักหน้าพึมพำตามเมื่อนึกถึงโลโก้บริษัทของอ้น
“อาฮะ แฟรี่”
แต่เงียบได้ครู่เดียวเรย์ก็วอนหาเรื่องอีกแล้วเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าตรงหน้าอกที่ควรจะดูมๆ จนล้นทะลักนั้นกลับนูนเพียงเล็กน้อย เมื่อมองจากมุมสูงเฉดดิ้งที่ระบายไว้ก็ดูจะไม่ช่วยเพิ่มขนาดมากนัก
“ทำไมแบนจัง? ปกติเราเห็นพวกกะเทยชอบทำหน้าอกโตๆ กันไม่ใช่เหรอ? อ้อ! นายยังไม่ได้เสริมอึ๋มสินะ เข้าใจละ!”
“อีแว่น!”
อ้นแทบหันไปตบปากเรย์! แต่เมื่อหันกลับไปเผชิญหน้ากันเขาก็จำเป็นต้องเงยขึ้นเพื่อส่งสายตาไปขู่นายแว่นปากเสีย
นี่ฉันก็โกยมาตั้งแต่ตาตุ่มแล้วนะ ใจคอจะให้ฉันโกยมาจากแกนโลกเลยรึไงยะอีบ้านี่!
“แกไม่เห็นรึไงว่าชุดมันคับ มันยัดได้แค่นี้! ฉันไม่อยากทำชุดที่เช่ามาปริ อีกอย่างยัดเยอะไปไม่สมส่วนมันไม่สวยด้วย แกเข้าใจคอนเซปต์มั้ย? แฟรี่คือภูติน้อยน่ารักผู้งดงามและอ่อนหวาน ฉันจะต้องดูบริสุทธิ์ราวกับสาวน้อยแรกแย้ม ให้เกียรติมงกุฎดอกไม้บนหัวฉันบ้าง! ฉันไม่ได้แรดตลอดเวลานะยะ!”
ท่าทางเหวี่ยงวีนสลับกับซีนมโนอย่างเคลิบเคลิ้มฝันหวานแล้วจบด้วยมาดตุ๊ดแรงได้อีกทำให้เรย์ขำ
เล่นใหญ่ดีจัง เหอๆ
“อืม แบบนี้ก็น่ารักดีนะแต่เราชอบแบบสวีทเดวิลมากกว่า งั้นเดี๋ยวคราวหน้าลองแบบอื่นบ้างนะ ถึงชั้นหนึ่งแล้วล่ะ”
เรย์เปลี่ยนเรื่องไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วก้าวออกจากลิฟต์ อ้นจึงทำได้แค่ก้าวตาม
“ลองบ้าอะไรของแก?”
“จะเรียกแท็กซี่ไปไหนเหรอ?”
มันรู้ได้ยังไง?
อ้นแปลกใจแต่ก็ยอมตอบ
“ฉันจะไปโรงแรมน่ะสิ ใกล้จะได้เวลาแล้วด้วย เนี่ยมีอีบ้าที่ไหนไม่รู้มันมาปล่อยลมยางรถฉัน ดูซิฉันต้องลำบากเอาตัวเองในชุดแฟนซีนี่ไปให้ถึงโรงแรมอีก”
ถึงอ้นจะไม่ชอบใจเรย์มากนักแต่เมื่อมีคนมายืนด้วยข้างๆ ท่ามกลางสายตาที่มองมายังชุดภูติดอกไม้สีชมพูแล้วอ้นก็รู้สึกดีกว่าการอยู่คนเดียว
“นั่นสินะ”
เรย์มองสำรวจอ้นขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะหันไปโบกมือเรียกแท็กซี่ที่มีไฟสีแดงสว่างเป็นคำว่า “ว่าง” ให้อ้น
“แท็กซี่คันนั้นว่างล่ะ”
อ้นแอบเหวอเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนมัวแต่บ่นเพลินจนลืมมองหาแท็กซี่ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะลอบมองนายแว่นโฉด เรย์ก็ยังคงเป็นเรย์ แต่หนนี้อ้นรู้สึกว่านายแว่นโฉดคู่กัดตัวฉกาจดูหล่อกว่าเดิมเล็กน้อยเพราะคะแนนความใจดี
คนอะไร ทำอะไรคาดเดาไม่ได้เลย คิดจะทำอะไรก็ทำ!
เมื่อแท็กซี่มาถึงอ้นจึงบอกจุดหมายปลายทางแก่คนขับแล้วหันมาขอบคุณเรย์
“ขอบใจนะนายแว... อื้ม เรย์”
เรย์ไม่ได้ตอบอะไรแต่เขายิ้ม แม้จะเป็นเพียงมุมโค้งเล็กๆ บนริมฝีปากแต่อ้นก็ขนลุก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนวูบวาบตามเนื้อตัวและใบหน้า เขารีบหนีขึ้นแท็กซี่ทิ้งเรย์ให้ยืนอยู่ที่เดิม
แฟรี่เหรอ? ... ก็ไม่เลวแฮะ แต่ยังไงนางพยาบาลก็ดีกว่า
เมื่ออ้นจากไปแล้วเรย์ก็ย้อนกลับไปในตัวอาคาร เขาตรงไปยังห้องเก็บของในบริษัทเพื่อค้นหาสิ่งของบางอย่าง
รปภ. กะดึกผ่านมาเห็นจึงทัก
“อ้าว คุณเรย์มอนด์ กลับไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ? หรือลืมของ? แล้วมาทำอะไรในนี้ครับเนี่ย?”
“ผมมาหาที่สูบลมยาง จำได้ว่าพี่จักรเคยเอามาเก็บไว้ในนี้”
เรย์กล่าวถึงรุ่นพี่ในบริษัท บุคคลที่สามผู้เป็นฮิปสเตอร์ปั่นจักรยานมาทำงานและได้แอบเก็บอุปกรณ์ฉุกเฉินของจักรยานคู่ใจไว้ในห้องเก็บของ หรืออีกนัยหนึ่ง พนักงานผู้ใช้ห้องเก็บเอกสารซึ่งเป็นทรัพย์สินบริษัทเสมือนห้องเก็บของส่วนตัวของตัวเอง
“มาครับ เดี๋ยวผมช่วยหา”
เรย์ต้องถือเจ้าอุปกรณ์สูบลมอัจฉริยะขนาดพกพาเดินวนหารถของเป้าหมายอยู่หลายชั้นกว่าจะเจออีโก้คาร์สีชมพูจอดอยู่อย่างโดดเดี่ยวในลานจอด เขาอาศัยเส้นสายของ รปภ. กะดึกสืบจนได้ข้อมูลว่าบริษัทของอ้นเช่าที่จอดรถไว้ชั้นไหนบ้าง ก่อนจะลงมือจำกัดการค้นหาอย่างมีระเบียบแบบแผน
เมื่อพบเป้าหมายเรย์ก็ลงมือสำรวจล้อทั้งสี่ ล้อหลังทางด้านขวาคือจุดเสียหายที่ต้องการๆ ซ่อมแซม แต่เป็นเพราะที่สูบลมอัจฉริยะเครื่องนี้เป็นขนาดเล็ก แรงลมจึงน้อย เรย์ต้องใช้ความพยายามในการอดทนนั่งรอเครื่องทำงานจนเบื่อ แต่แล้ว!
“มึง!”
เสียงดุๆ ตวาดขึ้นทำให้เรย์หันไปมอง เมื่อเห็นผู้รบกวนชัดเจนเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเองบ้าง ทว่าเรย์ก็ยังรู้สึกเตี้ยกว่าผู้มาใหม่ราวหนึ่งฝ่ามือ
“ทำอะไรกับรถอะ!”
“คุณขึ้นมาได้ยังไง? ตึกนี้ไม่มีบัตรห้ามเข้านะ”
“กูถามว่ามึงทำอะไรกับรถ!”
ป้องใช้น้ำเสียงข่มขู่คุกคามผู้ต้องสงสัยแล้วย่างสามขุมเข้าหา แต่เรย์ดันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือตัวเองแล้วขยับแว่นบนสันจมูกตามความเคยชินโดยไม่สะทกสะท้าน เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงโอหัง
“ไม่เห็นเหรอว่ากำลังเติมลมยาง ”
ป้องมองไปยังเครื่องสูบลมตัวจิ๋วที่กำลังพยายามทำหน้าที่ของตนสุดชีวิตแล้วก็มองมายังเรย์ เขาลังเลเพราะเชื่อในคำพูดของอีกฝ่ายแต่ไม่เข้าใจสถานการณ์
“คุณนั่นแหละ เข้ามาในตึกได้ยังไง?”
ในขณะที่ป้องสงสัยเรย์ เรย์ก็กำลังพยายามพลิกคดี โชคดีที่มีคนออกรับแทนป้อง
“เอ่อ... คือคุณคนนี้เขาเป็นแฟนกับเจ้าของรถครับ พอดีรถมันยางแบน เจ้าของรถเขาเลยฝากผมไว้ว่าเดี๋ยวจะมีคนมาเอารถ”
เรื่องของเรื่องก็คือทันทีที่อ้นรู้ว่ายางแบนเขาก็โทรไปโวยวายกับป้อง ป้องอยู่ไม่ไกลจึงรีบบึ่งมายังบริษัทของอ้นเพื่อดูรถให้ ปกติอ้นมีชุดปะยางด่วนกับที่สูบลมฉุกเฉินรวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ติดไว้ท้ายรถอยู่แล้ว อีกทั้งอ้นยังฝากกุญแจไว้กับ รปภ. และจัดแจงโชว์รูปของป้องให้ดูเป็นการเน้นย้ำอีกทางป้องจึงไม่คิดมาก คิดเพียงแค่รีบมาจัดการรถให้อ้น แต่อ้นไม่ได้บอกเขาว่าจะมีคนแปลกหน้ามาแอบสูบลมยางให้
ป้องยักคิ้วส่งไปกวนตีนเรย์อย่างเป็นต่อ แต่เรย์ตอบโต้กลับไปไม่ได้เขาจึงหงุดหงิด
ไอ้นี่ไม่น่าคบเลย!
“ผมเป็นแฟนเจ้าของรถ แล้วคุณล่ะเป็นใคร?”
เรย์หลุดแสยะยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าป้องไม่รู้จักเขา ต่อให้อ้นไม่เคยเล่าเรื่องของเขาให้ฟังแต่เขาเคยเจอกับป้องตั้งหลายครั้ง ผู้ชายคนนี้มีกะลาปิดกั้นจนโลกส่วนตัวคับแคบกว่าเขาเสียอีก!
“ผมก็เป็นเพื่อนร่วมงานของอ้นไงล่ะ เรารู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วด้วย เหอะๆ”
มันพูดจริงดิ?! ทำไมกูไม่รู้จักมันวะ?
ป้องงง! อ้นไม่เห็นบอกเรื่องนี้กับเขาเลย!
ชายหนุ่มสองคนกำลังฟาดฟันกันทางสายตาท่ามกลางความเงียบ!
เมื่อเห็นเรื่องคลี่คลาย รปภ. ก็สบายใจ เขาไม่อยากทำรถของน้องตุ๊ดหาย รวมทั้งไม่อยากให้เกิดปัญหาเพราะแอบพาคนนอกเข้ามาในตัวอาคาร เมื่อเห็นทั้งคู่ตกลงกันได้ไม่ใช่คนร้ายจึงเอ่ยปากจบเรื่อง
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพอคุณคนนี้เขาสูบลมยางเต็มแล้ว คุณก็เอารถไปได้เลยนะครับ น้องอ้นแกฝากกุญแจไว้ที่ผมแล้ว”
เพราะความน่ารักอัธยาศัยดีของอ้นที่คอยปะเหลาะ รปภ. ประจำลานจอดรถเอาไว้นี่เองที่ทำให้ รปภ. คอยอำนวยความสะดวกให้อ้นมากเช่นนี้ นับตั้งแต่เกิดเรื่องถูกจี้ชิงรถ อ้นก็พยายามรักษาสายสัมพันธ์กับพี่ยามเป็นพิเศษ ขนมของฝากตามเทศกาลไม่เคยขาด ดังนั้นแม้จะมาสายเกือบๆ จะไร้ที่จอดรถ แต่ก็จะมีกรวยปริศนาแปะเลข กท. มาวางจองที่ให้อ้นเสมอ ใกล้ๆ กับจุดพักของ รปภ. ประจำชั้นนั่นเอง ด้วยขนาดของอีโก้คาร์ทำให้ช่องเล็กๆ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับอ้น
แต่เพราะคราวนี้เขารีบมาทำงานแต่เช้าจึงได้จอดในซองใกล้ประตูเข้าตึกแต่ดันห่างจากที่ตั้งวงของพี่ รปภ. อ้นจึงซวยเจอคราวเคราะห์เต็มๆ!
และยิ่งซวยสองชั้นเมื่อตุ๊ดสาวไม่รู้ว่านายแว่นโฉดเกิดอุตริทำตัวเป็นคุณภูติใจดีประหนึ่งตัวละครจากนิทานเรื่อง “ภูติวิเศษกับช่างซ่อมรองเท้า” ได้ปะทะเข้ากับหมาหวงเจ้าของอย่าง “ปกป้อง” ผู้เป็นแฟนเก่า!
อ้นมัวแต่เพลิดเพลินกับโชว์ของตน เขาแสดงความสามารถบนเวทีเรียกเสียงฮือฮาจากแขกในงานด้วยจินตลีลาสุดสร้างสรรค์ที่หยิบยกเอาสถานการณ์ของบริษัทมาดำเนินเรื่องเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน การแสดงของอ้นน่าประทับใจก็จริง แต่เพราะการเล่นใหญ่จึงทำให้ผู้บริหารระดับสูงเอ็นดูตบรางวัลด้วยสร้อยคอทองคำสองสลึง
“เอ สวยแบบนี้ทีหลังใส่กระโปรงมาทำงานเลยหนูอ้น แผนกนั้นจะได้มีอะไรเจริญหูเจริญตาบ้าง เบื่อคุณจ๋าแล้ว”
“ว้าย...ชมแบบนี้หนูก็เขินนะคะ เอาไว้รอให้หนูมีนมก่อนค่ะแล้วเดี๋ยวหนูจะใส่เดรสมาทำงานทุกวันเลย”
เมื่อผู้ใหญ่ในบริษัทเป็นฝ่ายเย้าเขาก่อนอ้นก็กล้าเล่นกลับไปอย่างไม่ขัดเขิน แต่อ้นไม่รู้เลยว่าอาการระริกระรี้ของตนได้เพิ่มพูนความหมั่นไส้ในใจใครบางคน อ้นไม่ใช่ตุ๊ดคนแรกในบริษัทก็จริง แต่ไม่เคยมีใคร “สาว” เท่าอ้นมาก่อน ทุกคนพยายามรักษาภาพลักษณ์เก็บอาการผิดกับอ้นที่เปิดตัวอย่างครื้นเครง ที่สำคัญ ทั้งๆ ที่อ้นสาวเต็มพิกัดแต่ผลลัพธ์กลับมีแต่คนเอ็นดู อ้นไม่รู้ตัวเลยว่าความเป็น “ตุ๊ดผู้เบิกบาน” ของตนนั้นจะไปกระตุ้นต่อมอิจฉาในใจใครคนอื่น
อ้นดี๊ด๊าดีใจกินเลี้ยงในงานอย่างมีความสุข จนกระทั่งงานเลี้ยงใกล้เลิกราเพื่อนสาวจึงได้เอ่ยปากถาม
“แล้วนี่แกจะกลับยังไง? มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนรึเปล่า? ให้ฉันนั่งแท็กซี่เป็นเพื่อนกลับไปเอาของที่รถมั้ย?”
“โอ๊ยไม่ต้องหรอกหงส์ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ชิวๆ จ้ะ”
“อ้าว ทำไมอะ? มีอะไรเหรอ?”
เมื่อหัวหน้าเอ่ยปากถาม อ้นก็ใส่เต็มพิกัด ตุ๊ดสาวเล่าไปใส่อารมณ์ไปก่อนจะปิดท้ายสวยๆ ด้วยการอวดของรางวัล
“คืองี้ค่ะพี่จ๋า รถหนูยางแบน มีอีบ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาแกล้งปล่อยลมยางรถหนู! เนี่ยต้องนั่งแท็กซี่มา หนูนึกว่าจะมาไม่ทันซะละ นี่ดีนะคะมาทัน เลยได้ทองมาใส่เล่นสวยๆ อิๆ”
“จ้าๆ แหมๆ แล้วนี่จะกลับยังไงล่ะ?”
หัวหน้าสาวอดไม่ได้ที่จะเกิดอารมณ์หมั่นไส้ลูกน้อง ความเบิกบานเกินร้อยของอ้นบางครั้งก็ล้นไปจริงๆ แต่อย่างไรเสียเรื่องที่อ้นเล่าก็น่าเป็นห่วง เธอเกือบจะเสนอให้อ้นติดรถเธอกลับบ้านแล้วคาดไม่ถึงว่าจะมีคนเอ่ยปากชวนก่อน
“อ้าว? น้องอ้นไม่ได้เอารถมาเหรอครับ? ให้พี่ไปส่งมั้ย? รังสิตกับปทุมใกล้ๆ กัน พี่แวะไปส่งได้นะ”
โจมได้ยินเพียงแค่ “จะกลับยังไงล่ะ?” จึงออกปากด้วยความใจดี
โอ๊ยตายแล้วพี่โจม! มีผู้ชายขอไปส่งฉันกลับบ้าน! ท่องเอาไว้ ห้ามแรดนะนังอ้น! อ๊ายไม่ไหว ฉันฟิน!
“พี่โจมชวนหนูกลับบ้านแบบนี้แอบคิดอะไรกับหนูอ๊ะป่าว?”
ในที่สุดอ้นก็ทนไม่ไหวเผลอแรดเข้าจนได้ เขาห้าม “นิสัยเล่นใหญ่ไม่มีแอ๊บ” ของตนไม่ได้จริงๆ แต่คิดไม่ถึงว่ามุกของเสือหนุ่มจะทำเอาเขาเขินไปไม่เป็น
“คิดสิ”
“คิดอะไรเหรอคร้า?”
“คิดเป็นห่วงไงครับ สวยแบบนี้เดี๋ยวมีคนมาฉุดไปละแย่เลย”
แม้วันนี้อ้นจะแต่งเป็นแฟรี่ในธีมแฟนซี แต่พอพอกใบหน้าด้วยเครื่องสำอางประกอบกับวิกผมยาวประบ่าสีชมพูแล้วอ้นก็ดูสวยโดดเด้งเข้าตาใครหลายคนเช่นกัน หนุ่มๆ แผนกอื่นเริ่มให้ความสนใจ “ตุ๊ดสวย” คนนี้ ในฐานะหัวหน้าพี่จ๋าจึงต้องตั้งด่านสกัดเอาไว้บ้าง
“แกเลยวางแผนจะฉุดเค้าก่อนใช่มั้ยโจม?”
“ฮ่าๆ”
แม้จะรู้ดีว่าเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่หยอดมาหวาน(ตา)เยิ้มเพราะฤทธิ์สุราแต่อ้นก็อดเขินไม่ได้ เขาเงียบพลางจับปอยวิกผมของตัวเองเล่นแก้เก้อ
“คือ... ไม่ดีกว่าค่ะ พอดีหนูมีคนมารับแล้ว คือ...หนูกลับเองได้ค่ะ”
อ้นเขินจนตัวแทบบิดเป็นเกลียว!
ป้องเรียกเก็บเงินค่ากาแฟแล้วถือกระเป๋าใส่เสื้อผ้าตรงไปยังห้องน้ำบนชั้นที่บริษัทของอ้นจัดงานสังสรรค์ เขามองซ้ายขวาหาอ้นก่อนจะเห็นรูมเมทของตนกวักมือยิกๆ อยู่หลังเสา
“ทางนี้”
“มึงไปหลบตรงนั้นทำไมวะ?”
“เออน่า แกเอาเสื้อผ้าฉันมาด้วยรึเปล่า? ละรถฉันเรียบร้อยดีนะ?”
แม้จะกำลังผงะกับขนตาปลอมสีชมพูฟรุ้งฟริ้งบนดวงตาของอ้นแต่เมื่อนึกถึงเรื่องรถแล้วป้องก็หงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เขาตัดสินใจพยักหน้ารับคำง่ายๆ โดยไม่เล่าถึงคนอื่น
“อืม ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหอะ กูจะได้กลับบ้านนอน”
“จ้าๆ เดี๋ยวฉันขับเองอันเชิญแกหลับให้สบายตลอดทางเลยจ้า อ๊ะ! ละนี่แกกินข้าวยัง?”
“กูกินก๋วยเตี๋ยวข้างโรมแรมไปละ”
“ต๊าย! น่าสงสารอะ คิกๆ”
อ้นเอามือปิดปากแกล้งหัวเราะยั่วป้อง และมันก็ได้ผล
“เดี๋ยวโดนอะมึง ไปๆ ไปเลยไปเปลี่ยนชุด จะได้รีบกลับห้อง”
“ว้าย! ใครอะคะน้องอ้น!”
ซวยแล้วฉัน!
อ้นกรีดร้องอยู่ในใจก่อนจะพยายามปั้นหน้ายิ้ม ป้องเองก็หันไปมองผู้ส่งเสียงทักเช่นกัน
“สาว” รุ่นดึกประจำบริษัทส่งเสียงทักทันทีที่เห็นน้องใหม่ยืนคุยอยู่กับผู้ชายสุดแซ่บ!
“สวัสดีค่ะพี่เก้ พี่ปอมมี่ กำลังจะกลับบ้านเหมือนกันเหรอคะ”
“ว้ายยังไม่เฉลยเลยนะคะคุณน้อง พ่อหนุ่มสุดหล่อคนนี้เป็นใครเอ่ย?”
ว่าแล้วรุ่นพี่ในวงการทั้งสองคนก็ถลาเข้ามาเกาะแกะแขนป้องกันคนละข้าง อ้นหึงแต่เขากลัวป้องโกรธมากกว่า ทว่าป้องก็ทำเพียงแค่แกะมือของทั้งคู่แล้วดึงแขนของตนออกมาอย่างสุภาพ
“แฟนเก่าอ้นครับ แต่ตอนนี้เป็นแค่รูมเมท”
อีป้อง! นี่แกยังโกรธฉันอยู่ใช่ม้าย!
อ้นอ้าปากค้างเมื่อถูกป้องจงใจวางยา แต่อ้นทายถูกแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ป้องหงุดหงิดเพราะ “เพื่อน” ปริศนาคนนั้นของอ้น ความรู้สึกเคว้งคว้างก่อตัวขึ้นผสมกับความโกรธเมื่อนึกถึงยามที่ตนถูกอ้นบอกเลิก
“ว้ายคุณน้องโอ้น! มีผัวแล้วก็ไม่บอกนะค้า!”
เสียงแปดหลอดของสองตุ๊ดแก่ทำให้อ้นเพลีย อ้นได้แต่ยิ้มแห้งให้ตัวเอง
พรุ่งนี้คงลือกันทั่วบริษัท! อีป้องนะอีป้อง!
แม้จะถูกป้องแกล้งแต่อ้นก็ไม่โกรธ ลำพังแค่ที่ป้องยอมมาช่วยจัดการธุระเรื่องรถให้อ้นก็ซึ้งใจแล้ว เขารู้สึกได้ว่าป้องหงุดหงิดแต่เขากลับเดาผิดนึกว่าป้องแค่อารมณ์เสียเพราะเหนื่อย อ้นจึงปล่อยให้ป้องนอนมาตลอดทางกลับห้อง
เมื่อต่างฝ่ายต่างอาบน้ำสดชื่นดีแล้วป้องก็หยิบโน้ตบุ๊กของตนออกมาเหมือนจะทำงานต่อ
“อ๊ะ! แกไม่นอนเหรอป้อง?”
“ไม่อะ กูนอนมานิดหน่อยละเลยยังไม่ง่วง ว่าจะทำตรงนี้ให้เสร็จก่อนค่อยนอน”
อันพยักหน้าเข้าใจ ป้องบ้างานมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเขารู้ดีจึงไม่ขัด
“งั้นคนสวยนอนก่อนน้า เพลี๊ยเพลียอะใช้แรงไปเยอะเรย แต่ก็คุ้มนะอิๆ ได้ทองมาตั้งสองสลึง”
อ้นกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างมีความสุขจนป้องหมั่นไส้ ความหงุดหงิดที่สุมมาแต่เดิมเริ่มออกฤทธิ์
“ดีใจเรื่องทองหรือดีใจเรื่องผู้ชาย? แรดนักนะมึง”
อ้นตกใจคิดว่าป้องหมายถึงเรื่องโจม แต่อีกอึดใจก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าป้องไม่มีทางรู้เรื่องนี้ ทว่าปากของป้องยังไม่หยุด
“จะสวยไปหาผัวใหม่เหรอ? ไงอะ? อ่อยได้มากี่คนแล้ว? เก่งนะมึง เปิดตัวได้ถูกจังหวะอ่อยผู้ชายได้ทั้งบริษัท”
“อีป้อง! แรงไปแล้วนะ!”
“กูแรงตรงไหน? มึงก็ทิ้งกูเพราะจะหาผัวใหม่ไม่ใช่เหรอ?”
ป้องยวนไม่แคร์ความรู้สึกของอ้นเลย ในยามที่ป้องหงุดหงิดเขาเป็นเช่นนี้เสมอ ทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นด้วยคำพูดภายใต้ท่าทีไม่สนใจทั้งที่รู้ดีว่าผลลัพธ์ของมันต้องออกมาเลวร้าย แต่โชคดีที่คราวนี้คนที่อยู่ตรงนี้คืออ้น “เพื่อนผู้อดทน” และอ้นก็ให้อภัยเขาเสมอเช่นกัน
“ฉันเปล่ามีผัวใหม่ แกก็รู้ว่าฉันเลิกกับแกเพราะอะไร แกเป็นอะไรอะป้อง?”
“กูพาลไง คนพึ่งอกหัก มีปัญหาปะ!”
ป้องเริ่มตอบโต้แรงขึ้นทุกที อ้นพยายามจะสงบสติอารมณ์ของป้องแต่เขาทำไม่สำเร็จ
“ฉันไม่รู้ว่าแกโกรธอะไรฉันแต”
“งั้นไอ้นั่นอะใคร? ผู้ชายใส่แว่นคนที่ไปดูยางรถมึงอะ ถ้ามึงมีคนช่วยแล้วจะเรียกกูไปอีกทำไมวะ สัด!”
อีแว่น? อีแว่นมาเกี่ยวอะไรด้วย?!
“ฉันไม่รู้ว่าแกหมายถึงอะไรนะป้อง ฉันโดนแกล้งปล่อยลมยางรถแล้วฉันก็โทรหาแกทันทีก่อนจะออกไปโรงแรม ฝากกุญแจไว้กับยาม แล้วแกก็ไปรับฉันกลับมานี่ ฉันรู้แค่นี้ เกิดอะไรขึ้นเหรอ? แกโกรธอะไรฉัน?”
เมื่อหันไปมองหน้าเพื่อนที่เริ่มเสียงสั่นแล้วป้องก็เย็นลง เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเผลอระบายอารมณ์ใส่เพื่อน แววตาของอ้นมีความกลัวปรากฏออกมา
“เออช่างเหอะ มึงเหนื่อยก็นอนซะไม่ต้องรอกู เดี๋ยวงานเสร็จแล้วกูก็นอนเอง”
คืนนั้นอ้นนอนไม่หลับ ในขณะที่กำลังหลับตานับแกะข่มตัวเองให้ง่วงอ้นก็รู้สึกว่าเตียงอีกด้านยุบ เสียงถอนหายใจดังขึ้นใกล้ๆ ก่อนจะมีเสียงของป้องพึมพำเบาๆ
“กูขอโทษนะ อ้น”๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ตอนนี้เครียดมาก "ตัน" มีปัญหากับพล็อตนิหน่อย กำลังตัดสินใจว่าจะผลักคาแรคเตอร์เรย์ไปทางไหนดี
ถ้ายังไงคุณผู้อ่านท่านไหนใจดี อ่านแล้วช่วยคอมเม้นหน่อยนะค้าบ อยากได้ฟีดแบ็กของเรย์สุดๆ ไปเลย ทำไมตอนที่แล้วเงียบจัง ไม่ได้เป็ดบวกซักตัวเยย คนเม้นแค่คนเดียว เป็นฉากเปิดตัวที่ทำให้เรย์กับอ้นหลุดเข้ามาอยู่ในวงโคจรเดียวกันแท้ๆ อารมณ์คนแต่งนี่คือแบบ... "เฮ้ย หรือพระเอกแบบนี้จะไม่เวิร์กวะ? วางคาแรคเตอร์พลาดเหรอ?" หรือคนอ่านมีปัญหากับบทของอ้น? แบบบทมันยังดีไม่พอ ไม่ถูกใจ?
ค่อนข้างสับสนนิดๆ โดยเฉพาะตอนนี้กำลังตันด้วย แต่งไปถึงกลางๆ เรื่องแล้วนึกไม่ออกว่าจะผลักเรย์เดินไปทางไหนดีเพราะไม่คุ้นกับนิสัยของเรย์สุดๆ เรื่องเกรียนๆ ขี้โมโหนี่ถนัดนะ แต่นิสัยแบบเรย์นี่เราเข้าไม่ถึงจริงๆ เขียนยากมากก...
นี่ถ้าสปอยได้สปอยไปแล้ว แบบว่าตอนนี้นะ สมมุติว่าเรย์กับอ้นมีปัญหากันละกัน แบบที่มองหน้ากันไม่ติดเลย คิดไม่ออกว่าจะให้เรย์ทำตัวยังไง คิดแบบไหน อารมณ์ไหน จะสื่ออารมณ์ไปให้ถึงอ้นยังไง แล้วก็ไม่แน่ใจด้วยว่าคนอ่านอยากให้สาวอ้นมีโมเม้นแบบไหนบ้าง
*เค้าบอกว่านักเขียนไม่ควรแต่งนิยายตามใจคนอ่าน มันจะลำบาก แต่งานนี้เราเขียนสาวอ้นออกมาเพื่อเอาใจนักอ่านที่ขอตอนของนางมาอยู่แล้ว เลยกลัวว่าเขียนแล้วคนอ่านจะไม่ชอบรึเปล่า ขัดใจมั้ย? อยากให้อ้นเป็นแบบไหน ได้โมเม้นไหน?*นั่นคือปัญหาของคนแต่งที่เกิดช่วงนี้นะ ก็รับประกันไม่ได้ว่าจะคิดตกมั้ย มันยังไม่มีความคิดแวบเข้ามาเลย ถ้าเขียนต่อไม่ได้อาจจะลงช้านิดนึง (ปกติจะอาทิตย์ละตอน อาทิตย์ไหนตอนสั้นก็ลงเพิ่มเป็น2ตอน)
ทีนี้มาถึง "พี่ป้อง" พระเอกจากภาค 1 คิดว่าหลายๆ คนคงลำดับไทม์ไลน์ได้แล้วว่าภาค #ไม่กินเส้น นี้เป็นช่วงเวลาที่หายไประหว่าง #ไม่ฟิต กับ #ไม่รัก ช่วงที่พี่ป้องหายไปจากเติ้ลนั่นแหละ
อยากบอกว่าพี่ป้องไม่ได้หมดออร่าพระเอกหรอก พี่แกก็เอี้ยแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว เป็นพระเอกแบบงี่เง่า มาในภาคนี้ที่ทำกับอ้นนี่คืออัพเลเวลความงี่เง่ามาจนตันเลยล่ะ ชอบตรงที่พี่ป้องมีโมเม้นหึงหวงเพื่อนนิดนึง ถึงไม่ได้รัก แต่ก็เคยคบกัน พอโดนทิ้งแล้วมีคู่แข่งพี่ป้องก็หึง หึงละพาลด้วย ฮ่าๆ
อ้นก็รับมือได้สตรองมาก! ฉากตอนท้ายเหมือนสาวน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเลย แต่ตอนระริกระรี้เล่นกับพี่ในบริษัทนี่เยอะไปนะ นางยังคงเล่นใหญ่มีความลำไยอย่างต่อเนื่อง
ถามว่าทำไมต้องทำแบบนั้น? คือภาค 1 เค้ามีคาแรคเตอร์แบบนี้ ภาคสองคงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นนางฟ้าได้ภายในพริบตา เราพยายามเขียนให้มีมิติมากขึ้น แต่เราไม่สามารถซัดน้ำยาเปลี่ยนนิสัยใส่ปากอ้นแล้วเสกให้กลายเป็นตุ๊ดโลกสวยไทป์นางเอกได้ทันที (แบบที่นิยายภาคต่อที่มีตัวละครจากภาคแรกหลายๆ เรื่องชอบทำ ปรับบทซะเปลี่ยนเป็นคนละคน จากตัวร้ายกลายเป็นพระเอกนางเอกซะงั้น!)
ภาคนี้เราก็จะพยายามนำเสนออ้นในมิติที่หลากหลายขึ้น เราจะได้เห็นนางในหลายๆ มุม แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลง มีพัฒนาการ เพชรบุรี คลองตัน
เอ้ยมะใช่ละ! ความแซ่บมีแน่นอน เพราะอ้นนางก็แรงมิใช่น้อย และบาดแผลของอ้น สิ่งที่อ้นไขว่คว้าอิจฉามาตลอด ความรู้สึกที่รู้ว่าตัวเองด้อยกว่า หวังว่าจะถ่ายทอดมันออกมาได้ดีนะคะ
ส่วนเรย์....
ซิกๆ ตันมากกกกกกกก
จากบท เราวางให้เรย์หยิ่งยะโส เอาแต่ใจแบบเอาตัวเองเป็นใหญ่ เป็นคุแบบน่าแหวะนิดๆ (มีดีที่"ภายนอก"แต่นิสัยสุดทน)
*ถ้าไม่เข้าใจว่าคุเอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งเป็นเช่นไรอันเชิญวาปไปพันดริฟ มีตัวอย่างพอสมควรเรย์จะไม่เนิร์ดมากนะ แต่ออกจะ Geek ซะมากกว่า มีปมปัญหาแน่ๆ แต่เดี๋ยวค่อยๆ ลุ้นไปละกันว่าเรย์จะมีปมอะไรในใจ
จริงๆ วางคาแรคเตอร์ไว้หมดแล้ว แต่มันติดขัดนิดหน่อย ไม่ค่อยเข้าใจตัวละคร อยากรู้ความความหวังจากคนอ่านด้วย เพราะมันมีแรงที่จะผลักให้เรย์ทำอะไรหลายๆ อย่างได้ เป็นตัวละครแบบคาดเดายาก สามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น อารมณ์แบบ "อย่าถามหาเหตุผลจากหมอนี่" จะเขียนหวานก็เขียนได้ เขียนเก็บอารมณ์ก็ใช่คาแรคเตอร์ เขียนให้ระเบิดก็มีโอกาสเป็นไปได้ แบบว่า.... ตอนนี้แอบมึนตึ้บนิดหน่อยค้าบ T^T
ถามว่าได้แรงบันดาลใจคาแรคเตอร์เรย์มาจากไหน?
ถ้าสังเกตจะเห็นความ"การ์ตูน"ในตัวเรย์ ไทป์แบบหนุ่มแว่นจิตๆ มันดูการ์ตูนมากพอๆ กับ "สีแดง=ใจร้อน" "สีฟ้า=ใช้สมอง" ที่เราวางพล็อตใน STRINT ซึ่งพี่ตาจะเป็นสายแบ๊วแอบดาร์ก
เรื่อง "ใครว่าเราไม่กินเส้น?" นี่เราเอาส่วนผสมความดราม่าเรียลๆ แบบ #ไม่ฟิต มาผสมกับ อารมณ์เงิบๆ คาแรคเตอร์ไทป์แนวการ์ตูนๆ เนื้อเรื่องเวอร์ๆ แบบ #STRINT มายำกัน ... ก็หวังว่ามันจะออกมาดีนะ เหอๆ แอบเครียด
ดังนั้น ความอินดี้ไม่แคร์ใคร แว่นจิตๆ หรือแม้แต่เสียงหัวเราะแปลกๆ (ซึ่ง"คุ"ส่วนใหญ่จะชอบมีเอกลักษณ์บางอย่างที่ทำแล้วคิดว่าตัวเองเท่ แต่คนรอบข้างแบบ.."อะไรของเมิง!") ถ้าลองนึกถึงตัวการ์ตูนสักตัว เรายกให้เป็นคนนี้ละกัน "クルル" (KURURU จาก ขบวนการกบ Keroro Gunsou) คงคล้ายๆ แบบนั้นแหละ (เทพคงเป็นกิโรโระ จอมเดือดที่ถูกแกล้ง แพ้ชาวบ้านตลอด ส่วนพี่ตาก็แนวทามามะ แอ๊บแอบดาร์ก ฮ่าๆ)
หยิบไทป์มาใช้
บางส่วน มีการปรุงแต่งอีกนิดให้กลมกล่อม ออกมาเป็นหนุ่มแมว จริงๆ เรามีภาพของเรย์เป็นแมวดำตัวใหญ่เอาใจยาก ส่วนอ้นก็แนวชิวาว่าตัวน้อยเห่าแบ๊กๆ นางวิ่งตามป้องมาตั้งแต่ภาคแรกละ พี่ป้องเป็นมีความเป็นหมามากสุดๆ เลย คือยังไงก็ไม่ลืมเจ้าของ อินางน้อยเติ้ลนั่นเอง ฮ่าๆ ...
จริงๆ เค้าผูกเรื่องไว้หมดแล้วแหละ คิดคาแรคเตอร์ประมาณนี้ ที่ชวนคุยนี่คือตันจริงๆ เลยสปอยความคิดตัวเองหมด เอิ้กๆ ไม่ใช่แค่คนอ่านลุ้นเนื้อหานะ คนแต่งยังลุ้นเลย ลุ้นว่าตัวเองจะเขียนออกมายังไงให้ไปตามที่คิดไว้ T^T