ตอนที่ 9ลีโอ“ขอบคุณครับ” เจ้าของร่างนุ่มที่ผมหย่อนตัวให้นั่งลงบนเก้าอี้เอ่ยขอบคุณเสียงหวาน ก่อนจะหลบตาผมก้มคางเกือบชิดอก แถมลูกหมูตัวกลมยังอมยิ้มแก้มตุ่ย จนผิวแก้มแดงๆเปล่งปลั่งกระจ่างคาตา น่ากดจมูกลงพิสูจน์ความหอมเฉพาะตัวที่ผมเฝ้าสูดดมเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อนักเชียว
“ยินดีอย่างยิ่งครับหมูน้อย แฟนพี่ทั้งคนจะปล่อยให้ลำบากได้ยังไง...จริงมั้ย” ผมที่ก้มกระซิบชิดแก้มกลมได้คำตอบเป็นอาการเขินจัดของแฟนหมาดๆแทนคำพูด ด้วยอาการบิดชายเสื้อจนผ้าแทบขาด แถมผิวแก้มที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงกว่าเดิม จนผมกลัวว่าเจ้าของมันจะเป็นลมอยู่ในอ้อมกอดเสียก่อนที่จะได้ทานข้าวเช้า
ผมจึงเลือกที่จะลูบหัวลูกหมูและนั่งลงยังเก้าอี้ตัวข้างๆกัน น้องเองก็เอาแต่เงียบมีเหลือบตามามองผมเป็นระยะ แต่ทุกครั้งเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่ก็จะกลับไปนั่งก้มหน้าแก้มแดงตามเดิม จนผมล่ะอยากหยิกแก้มเปล่งปลั่งคู่นั้นและดอมดมให้หนำใจ แม้ว่าตลอดคืนผมจะกอบโกยกลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายกล้วยไม้ป่ามาจากน้องทั้งคืนแล้วก็ตาม ที่สำคัญผมไม่ได้ขโมยกลิ่นหอมๆนั้นเพียงแค่ผิวแก้ม เรียกได้ว่าผมแอบสูดดมกลิ่นกายน้องในทุกๆที่ๆใจผมปรารถนา แต่ก็เป็นไปแบบหลบๆซ่อนๆในระหว่างที่หมูน้อยตัวกลมหลับใหล
แม้น้องจะไม่รู้สึกตัวไร้การตอบสนอง แต่กลิ่นหอมและความเนียนนุ่มของน้อง กลับปลุกสัญชาติญาณดิบที่อยากครอบครองคนตัวกลมภายในตัวผมให้ลุกโชน จนต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่ลักหลับน้องที่นอนยั่วไม่รู้ตัว สุดท้ายผมก็ต้องไปเอาความต้องการครอบครองคนรักออกในห้องน้ำเป็นครั้งที่สองของวัน
หากถามหาสาเหตุของครั้งแรก ผมคงต้องตอบว่าก็มาจากคนแก้มแดงข้างตัวนี่แหละ ด้วยน้องอาจหาญมาปลดปล่อยความต้องการ ต่อหน้าต่อตาแถมยังปล่อยคามือผมอีก เรื่องนี้ยังไม่เท่าไหร่แต่ทั้งสีหน้าและแววตาของน้อง ยามที่ถูกผมกระตุ้นนั้นช่างเย้ายวนติดตา ทำเอาผมหายใจไม่เต็มปอด เผลอสะดุดลมหายใจขณะช่วยน้องไปก็เสียหลายรอบ แต่ต้องสะกดกลั้นความต้องการให้ลึกสุดใจ ไม่ปล่อยให้สัญชาติญาณดิบของตัวเองโชว์แก่สายตาหมูน้อย เพราะผมกลัวว่าน้องจะตื่นตระหนก พาลขยาดไม่อยากให้ผมเข้าใกล้ไปเสียก่อน ด้วยผมยังหวังที่จะสร้างความเคยชิน เพื่อเตรียมพร้อมให้แก่น้อง ก่อนที่ผมจะล่วงล้ำครอบครองลูกหมูตัวกลมมาเป็นของราชสีห์เยี่ยงผมอย่างถาวร จนเป็นต้นเหตุให้ผมต้องไปปลดปล่อยความต้องการด้วยตัวเอง ยามที่เข้าไปอาบน้ำหลังกล่อมหมูน้อยเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว
เมื่อวานนี้ต้องยอมรับว่าเป็นวันที่น่าจดจำวันหนึ่งของผม เพราะอย่างที่รู้กันว่าผมสารภาพกับน้องแล้ว ว่าผมรักลูกหมูตัวกลมของผม แต่หากจะบอกว่าเป็นการสารภาพแบบไม่ได้เตรียมตัวไว้ก็ว่าได้ เพราะถ้าหมูน้อยจะไม่ร้องไห้และตัดพ้อแกมน้อยใจ หาว่าผมมักง่ายกอบโกยเอากับน้องด้วยอยู่ใกล้มือเข้าล่ะก็ ผมคงยังต้องเก็บความรักที่สุกงอมไว้เพียงในใจ รอจนกระทั่งถึงวันเกิดน้องในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ด้วยตั้งใจไว้แล้วว่าวันเกิดปีนี้ของลูกหมู นอกจากผมจะสารภาพรักกับน้องแล้ว ผมและบุพการีจะบอกความจริงบางอย่างที่เราปกปิดไว้ให้น้องได้รับรู้ด้วย
แม้จะไม่ได้เตรียมใจแต่ความสุขและความตื้นตันใจที่เกิดหลังจากผมสารภาพนั้น ก็บังเกิดท่วมท้นหัวใจไม่ต่างกัน ในเมื่อหมูน้อยเองก็สารภาพว่ารักผมเช่นกัน คืนที่ผ่านมาจึงเป็นช่วงเวลาที่แสนหวานสำหรับผม แม้ผมจะมีเวลานอนจริงๆไม่กี่ชั่วโมง ด้วยตามใจตัวเองสำรวจร่างกายอวบอิ่มที่แสนน่าหลงใหลเสียเพลินก็ตาม แต่เมื่อยามเช้ามาเยือนผมกลับสดชื่นมากกว่าเช้าไหนๆที่ผ่านมาเสียอีก
เมื่อคุณได้รับรู้ประกอบกับเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลที่ผ่านมาจากผมแล้ว คงไม่ทำให้คุณแปลกใจที่ผมเรียกลูกหมูว่าแฟน ไม่เหมือนกับคุณพ่อคุณแม่ที่เพิ่งได้ยินและได้เห็น ผมพูดและปฏิบัติตัวกับน้องในสถานะใหม่นี้ของเรา
ปฏิกิริยาของท่านทั้งคู่แตกต่างกัน โดยที่ท่านพ่อมองมายังเราด้วยความแปลกใจ และจับสังเกตผมเงียบๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างเข้าใจส่งตรงมาให้ผม เราพ่อลูกสบตากันเงียบๆก็เป็นอันเข้าใจ ส่วนคุณแม่นอกจากจะแปลกใจถึงขั้นตกใจจนตาเบิกโพลงแล้ว ท่านยังหมั่นตวัดค้อนส่งมาให้ผมเสียหลายวง เมื่อแน่ใจแล้วว่าผมได้ทำตามสิ่งที่เอ่ยขอท่านไว้ แต่ดันทำก่อนเวลาที่บอกไป
แม้คุณแม่จะหมั่นไส้ผมแค่ไหน แต่ยังมีแก่ใจระบายยิ้มอ่อนหวานส่งให้ลูกหมูตัวกลมของท่านเสมอ ยามที่น้องเงยหน้าจากชามข้าวต้ม เพื่อลอบมองคนรอบตัวด้วยต่างปิดปากเงียบไม่ชวนคุยดังเคย หลังจากหมูน้อยก้มหน้าก้มตาหลบสายตาทุกคนบนโต๊ะอยู่นาน
“เมื่อคืนหลับสบายมั้ยลูก” คำถามแสนธรรมดาจากคุณแม่ที่ส่งให้ลูกหมูจะไม่สะดุดหูผมเลย หากเมื่อคืนผมจะไม่ลอบหากำไรจากคนตัวกลมของท่าน แต่ผมพยายามรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ ยามที่หมูน้อยเหลือบสายตาขึ้นมองกัน
“คะ...ครับ ลูกหมูหลับสบายดี หละ...หลับรวดเดียวยันเช้าเลยครับ” คำพูดตะกุกตะกักแอบสั่นน้อยๆ และไม่ยอมสบตาคุณแม่ของลูกหมู ทำให้ผมเริ่มเอะใจว่าน้องน่าจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้
หรือว่าร่องรอยบางจุดที่ผมไม่ได้ตั้งใจทำไว้บนตัวน้องจะถูกน้องสังเกตเห็นเข้า เพราะอย่างที่บอกคำถามของคุณแม่เป็นคำถามที่แสนธรรมดา ไม่ต่างจากคำถามว่าทานข้าวรึยังอะไรแบบนั้น ถ้าในเหตุการณ์ปกติหมูน้อยของผมน่าจะตอบท่านด้วยน้ำเสียงสดใสและแสดงสีหน้าแช่มชื่นไปแล้วนี่ครับ
จังหวะที่น้องก้มหน้าและเสให้ความสนใจ ในการคนถ้วยข้าวต้มแบบตั้งใจเกินจำเป็นนั้น ผมเอื้อมมือไปคว้าอีกมือของน้องที่วางบนตักมากุมไว้ แน่นอนว่าลูกหมูตัวกลมของผมสะดุ้งโหยง เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยความตกใจ ผมจ้องลึกไปในตาคู่เรียวด้วยอยากค้นหาร่องรอยแห่งความไม่พอใจหรือความผิดปกติ
เมื่อไม่พบร่องรอยดังกล่าวอย่างที่นึกกังวล ผมถึงกลับโล่งใจ ก่อนยกยิ้มและถ่ายทอดความรักผ่านแววตาไปให้น้อง จนคนได้รับกลับไปอายม้วนต้วนดังเดิม ทำเอาผมอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หากไม่มีเสียงกระแอมกระไอของคุณพ่อ เชื่อได้ว่าสายตาของผมคงไม่อาจละไปจากวงหน้ากลมเกลี้ยงที่มีพวงแก้มแดงก่ำของลูกหมูไปได้
“อะแฮ่ม!...ตกลงลูกจะพาลูกหมูไปฮ่องกงด้วยใช่มั้ย” ผมตอบรับคุณพ่อด้วยสีหน้ายิ้มๆไม่ต่างจากท่านนัก
“พาน้องไปต้องดูแลน้องดีๆนะลีโอ ต่างบ้านต่างเมืองแม่ล่ะเป็นห่วง ลูกแน่ใจใช่มั้ยว่าจะมีเวลาดูแลน้อง ไม่ใช่มัวแต่ยุ่งเรื่องงาน จนทิ้งน้องให้เฝ้าคอนโดนะ ถ้าเป็นแบบนั้น แม่ว่าอย่าพาน้องไปเลย ให้ลูกหมูอยู่กับแม่ที่บ้านดีกว่า” ท่านแม่พูดไปพูดมาทำท่าจะไม่ยอมให้ลูกบุญธรรมสุดรักห่างจากอกเสียแล้วครับ
แต่ครั้งนี้ผมคงยอมไม่ได้ ด้วยตั้งใจไว้แล้วว่าอยากให้คนรักได้เปิดหูเปิดตา และได้เห็นชีวิตอีกด้านหนึ่งของผม ซึ่งเรื่องนี้เป็นความตั้งใจของผมมานานแล้ว แต่ทุกครั้งที่ขอคุณแม่เพื่อพาลูกหมูไปฮ่องกงจะโดนยับยั้งเสียทุกที ที่ผ่านมาผมเข้าใจได้ เพราะผมคงไม่มีเวลาดูแลน้องจริงๆกับการเป็นนักร้องที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ๆ แถมเรายังไม่ได้เปิดใจกันเหมือนเช่นครั้งนี้
ผมรู้และเข้าใจในความเป็นห่วงที่ท่านมีให้ลูกหมู ด้วยท่านเลี้ยงน้องมาดั่งเช่นไข่ในหิน จนบางเรื่องก็เหมือนจะปกป้องเกินเหตุ พาลให้คนตัวกลมที่นั่งมองคนโน้นทีคนนี้ทีในขณะนี้ ขาดความมั่นใจและพาลคิดว่าตัวเองโดนกีดกัน อาจจะเผลอกดตัวเองว่าต่ำต้อยกว่าคนอื่นไปแล้วเสียด้วยซ้ำ ซึ่งนาทีนี้ผมคงต้องขัดใจท่านแล้วล่ะครับ
“แม่ครับ ให้หมูน้อยไปกับผมเถอะ ผมอยากพาน้องเปิดหูเปิดตาบ้าง แถมครั้งนี้บริษัทก็แค่เรียกไปคุยเท่านั้น คงยังไม่มีงานมาทำให้ยุ่ง จนดูแลน้องไม่ได้หรอกครับ ที่สำคัญ...ผมไม่อยากให้ ‘แฟนผม’ อยู่ห่างสายตา คงได้คิดถึงไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ แม่ให้หมูน้อยไปฮ่องกงเถอะครับ” ผมชี้แจงพร้อมตอกย้ำสถานะของผมกับลูกหมูไปเสียทีเดียว
“พะ...พี่ลีโอ” แฟนของผมเรียกผมเสียงเบาหวิว สีหน้าแววตาตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหมูน้อยจะหันไปทางคุณพ่อและคุณแม่ น้องคงกลัวว่าท่านทั้งคู่จะไม่พอใจกับสถานะใหม่นี้ของเรา แต่หารู้ไม่ว่าท่านทั้งคู่ออกจะยินดีที่เรามีวันนี้
“พูดถึงขนาดนี้ แม่คงห้ามยากแล้วล่ะ...ลูกหมูเป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแปลกๆแบบนั้นล่ะลูก หรือไม่อยากไปครับ บอกป้าได้เลยนะ ลีโอบังคับรึเปล่า” เจอคำถามนี้ไป ลูกหมูตัวกลมถึงกลับเลิ่กลั่กตกใจขึ้นไปอีก ด้วยคงผิดคาดกับปฏิกิริยาของคุณแม่
ผมเองก็แอบตกใจกับคำถามตีคลุมของคุณแม่อยู่เหมือนกัน เพราะถ้าน้องยอมไหลตามน้ำที่คุณแม่ชักจูง งานนี้ผมคงอดนอนกอดคนตัวกลมหลายวันแน่ๆ จึงได้แต่ลุ้นในคำตอบของหมูน้อยที่นั่งเงียบอยู่ข้างกัน
“คือลูกหมู เอ่อ...พี่ลีโอไม่ได้บังคับลูกหมู คุณป้าอนุญาตให้ลูกหมูไปกับพี่ได้มั้ยครับ แต่ถ้าคุณป้าคิดว่าไม่ควรไป ลูกหมูก็จะไม่ไปครับ”
‘อ้าว!? เป็นเรื่องแล้วครับ’ ผมรึอุตส่าห์ดีใจจนฉีกยิ้มเสียกว้าง แต่ดันหุบยิ้มแทบไม่ทันที่ได้ยินประโยคปิดท้ายของหมูน้อยตัวกลมเข้า
“คิกๆ ให้ได้แบบนี้สิลูกหมูของป้า อะไรกันตาลีโอ อิจฉาแม่รึไงที่แฟนเราเห็นแม่ดีกว่าตัวเองน่ะ หืม” ผมล่ะรักคุณแม่สุมนาจริงๆ จนไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกไปดี ฮึๆ
คำพูดของคุณแม่ได้สร้างความตื่นตะลึงขั้นสุดให้กับว่าที่ลูกสะใภ้เสียแล้วครับ ลูกหมูจ้องคุณแม่ตาค้างและปล่อยช้อนลงชามเสียงดังเคร้งคร้าง ในแบบที่คนมีมารยาทดีแบบน้องไม่เคยทำมาก่อน แม้ผมจะบีบมือเพื่อเรียกสติคนตัวกลมก็ไม่เป็นผล เพราะดูเหมือนว่าน้องจะตกใจจนจิตหลุดไปแล้ว ทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน
“ฮึๆ คุณสุมนาอย่าแกล้งลูกเลย เจ้าลีโอน่ะผมไม่ห่วงหรอก ห่วงก็แต่ลูกหมูนี่แหละ ตกใจจนไม่เป็นอันทานข้าวแล้ว ลีโอดูแลแฟนเราหน่อยเร็ว...ลูกหมู ลุงอนุญาตให้เราไปฮ่องกง ไปเที่ยวให้สนุกเถอะ แต่ที่สำคัญขากลับต้องมีของฝากกลับมาฝากคุณป้าของเราด้วยล่ะ ถ้าไม่มีติดไม้ติดมือกลับมา ลุงก็ไม่รับประกันว่าคุณป้าเราน่ะ จะให้เราไปไหนมาไหนกับลีโออีกรึเปล่า ฮึๆ”
งานนี้ไม่ใช่แค่คุณแม่แล้วครับที่ตั้งใจเย้าแหย่ว่าที่ลูกสะใภ้ เห็นทีผมคงต้องช่วยคนรักตัวกลมของผมเสียหน่อยแล้ว ดูสิสีหน้าลูกหมูแดงสลับซีดอย่างน่าเป็นห่วงเชียว
“รับประกันครับแม่ ผมกับลูกหมูจะเลือกของฝากจากฮ่องกงกลับมาให้ แม่ต้องถูกใจแน่นอนครับ...จริงมั้ยหมูน้อย” ผมเอื้อมมือไปลูบพวงแก้มยุ้ยๆของคนรักตัวกลม ตั้งใจเรียกสติน้องให้กลับมาอยู่กับตัว และหวังปลอบประโลมลูกหมูขี้ตื่นไปด้วย
ดวงตาคู่เรียวคลายความตื่นตระหนกพอให้ผมได้เบาใจ แต่แล้วตาคู่เดียวกันนี้กลับเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ทำเอาผมเปลี่ยนเป็นฝ่ายที่ตกใจขึ้นมาแทน พร้อมกับหยาดน้ำใสๆนั้นไหลรินมาตามแก้มป่องๆ แต่น้องกลับไม่มีเสียงร้องออกมาให้ได้ยินสักแอะ
หลังจากนั้นเป็นที่โกลาหลของคนทั้งครอบครัว ไม่เพียงแค่ผมที่กอดปลอบหมูน้อยขี้แย แต่คุณป้าสุมนาที่เจ้าตัวรักนักหนาก็ดึงน้องออกจากอกผมไปปลอบเสียเอง กว่าน้องจะหยุดร้องไห้ได้ คุณแม่ก็แทบจะร้องตามน้องเลยทีเดียว และต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าพวกเราจะทำความเข้าใจกับลูกหมูได้ว่า
เรื่องที่ผมกับน้องเป็นแฟนกันนั้น บุพการีของผมไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่อย่างไร เพราะท่านทราบถึงความรู้สึกที่ผมมีกับเจ้าตัวมานานแล้ว แถมผมเองก็ได้บอกกล่าวคุณแม่ไว้ก่อนแล้ว ว่าจะเปิดเผยความในใจให้เจ้าตัวได้รู้ ดังนั้นการที่ผมกับลูกหมูจะเป็นแฟนกัน ท่านไม่คัดค้านแต่ยังสนับสนุนให้เรารักและดูแลกันอีกด้วย
“ขอบคุณคุณลุงคุณป้าที่เมตตาเด็กกำพร้าอย่างลูกหมูนะครับ ลูกหมูสัญญาจะดูแลพี่ลีโออย่างดี ให้สมกับที่คุณลุงและคุณป้าเป็นผู้มีพระคุณกับลูกหมู” คนตัวกลมมีสีหน้าแววตาซาบซึ้งใจยามมองไปที่บุพการีของผม ก่อนหมูน้อยจะย่อตัวก้มกราบลงบนตักคุณแม่และคุณพ่อตามลำดับ
ผมเองได้แต่ฉีกยิ้มแก้มแตกที่ได้ยินคำสัญญาของพ่อหมูน้อยแสนรักที่มีให้แด่พ่อและแม่ของผม แม้ฟังแล้วเหมือนว่าน้องกำลังเป็นฝ่ายขอผมจากพวกท่าน แทนที่หน้าที่นี้ต้องเป็นของผมก็ตาม แต่ในเมื่อผลลัพธ์คือหมูน้อยมีความตั้งใจจริงที่จะอยู่เคียงข้างและดูแลผม ไม่ต่างจากสิ่งที่ผมตั้งใจทำให้น้อง ทำให้ผมไม่คิดแย้งและออกจะดีใจมากๆด้วยซ้ำ จึงได้แต่นั่งนิ่งและตั้งใจเก็บภาพประทับใจตรงหน้าไว้ ก่อนจะเข้าไปประคองหมูน้อยตาฉ่ำแก้มแดงให้กลับมานั่งตามเดิม เมื่อเหตุการณ์ตรงหน้าทุกคนเข้าใจกันดีแล้ว
“ขอบคุณนะหมูน้อย ที่คิดจะดูแลพี่ แต่จะดีกว่านี้มากๆ ถ้าหมูน้อยของพี่คิดจะดูแลพี่เพราะรัก มากกว่าตอบแทนบุญคุณคุณพ่อกับคุณแม่ของพี่เพียงอย่างเดียว ลูกหมูคิดว่าไงหืม” แม้คำพูดของผมจงใจให้ลูกหมูคิดว่าผมกำลังน้อยใจน้อง แต่สายตาและรอยยิ้มที่ผมมีให้น้อง เชื่อได้เลยว่าผมทำเพียงแค่หยอกเย้าให้คนตัวกลมเก้อเขินเล่นเท่านั้น
“โธ่ พี่ครับ...พี่ลีโอรู้แก่ใจอยู่แล้วนี่ว่าลูกหมูคิดยังไง ทำไมต้องแกล้งถามด้วย” หมูน้อยทำเสียงตัดพ้อตาละห้อยแฝงแววเขินอายชัดตา ทั้งๆที่พวงแก้มยังคงแดงก่ำ ริมฝีปากสีสดก็ยื่นย้อยอย่างน่ามันเขี้ยว
ส่วนคำตอบของคำถามแน่นอนว่าเป็นไปตามที่น้องตัดพ้อเอากับผม ด้วยเมื่อคืนผมได้ยินชัดมาเต็มสองหูเชียวล่ะ
“ตาลีโอเลิกแกล้งน้องได้แล้ว เรานี่ยังไง เดี๋ยวว่าที่ลูกสะใภ้แม่ก็เป่าปี่อีกหรอก” ทั้งผมและหมูน้อยในอ้อมแขนตกใจพอกันที่ได้ยินคุณแม่สุมนาพูด จะผิดกันก็ตรงที่ผมไม่ได้ตกใจอย่างเดียว แต่ดีใจและนึกขอบคุณท่านสุดหัวใจจริงๆ
“ผมไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไมลูกชายเราถึงขี้แกล้ง ได้จากใครคงไม่ต้องเดาให้เสียเวลา ฮึๆ” ผมก้มลงไปยิ้มใส่ตาตื่นๆของลูกหมู น้องเองก็เริ่มทำหน้าไม่ถูก คงทั้งขัดเขินและคาดไม่ถึงที่ได้ยินคุณแม่พูดถึงสถานะใหม่ให้ได้ยินชัดๆ
“คุณคะ! เหอะ!...ลูกหมูต่อไปให้เรียกป้าว่าแม่เหมือนพี่ลีโอนะลูก และให้เปลี่ยนจากคุณลุงเป็นคุณพ่อด้วยนะจ๊ะ ต่อไปนี้ลูกหมูเป็นลูกของแม่ไม่ต่างจากลีโอแล้วนะ” ทั้งรอยยิ้มและใบหน้าอ่อนหวานของคุณแม่ ยิ่งดูละมุนหวานยิ่งขึ้น ยามที่ลูกหมูตอบรับคำท่านเสียงแผ่ว และมีแววตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
คุณพ่อและผมเองก็พลอยสุขใจไปกับความรักความปรารถนาดีที่คุณแม่มีให้แก่หมูน้อยตัวกลมของผมด้วย แน่นอนว่าต้องเป็นผมที่มีความสุขมากกว่าทุกคนในนี้ เพราะคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่ผู้ให้กำเนิดรักและเอ็นดูคนที่เรารัก พร้อมที่จะอ้าแขนรับเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวอัครภูมิเมธีอีกแล้ว
............................................
“ทำอะไรหมูน้อย!” ผมคงมาแบบเงียบเชียบเกินไป และใช้น้ำเสียงดังกว่าปกติสักหน่อย
“โอ๊ะ!...อ๊ะ! ซี้ดดด” คมมีดบาดลงยังปลายนิ้วขาว จนเลือดแดงๆไหลซึมออกมาทันทีคาตาผม
“หมูน้อย!” ผมดึงมีดปอกผลไม้ออกจากมืออวบอย่างเบามือ ก่อนจะคว้ามือข้างที่โดนมีดบาดของน้องไว้
เลือดแดงๆไหลอาบไปทั่วปลายนิ้วอย่างน่ากลัว แถมบางส่วนยังหยดแมะลงบนพื้นครัว ทำเอาผมใจเสียที่เป็นต้นเหตุให้หมูน้อยได้แผล แถมดูท่าแผลจะลึกเสียด้วย ยิ่งล้างน้ำเลือดก็ยิ่งไหล บวกเสียงครางแผ่วในลำคอที่ได้ยินเป็นระยะ ทำให้ผมเริ่มใจไม่ดี คงต้องพาน้องไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเสียแล้ว
ผมนี่ใช้ไม่ได้จริงๆ เอ่ยรับปากเป็นมั่นเหมาะกับพ่อแม่ว่าจะดูแลน้องอย่างดีแท้ๆ แต่นี่อะไรยังไม่ทันข้ามวัน กลับเป็นต้นเหตุให้ลูกหมูของพวกท่านบาดเจ็บเสียได้
ระหว่างที่ผมกังวลกับบาดแผลบนปลายนิ้วขาวที่มีเลือดซึมไม่หยุด ทั้งๆที่กดด้วยกระดาษทิชชู่อยู่นานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลง่ายๆนั้น ปลายนิ้วเย็นๆของน้องก็ยื่นมาแตะยังข้างแก้ม ผมจึงได้มีโอกาสเงยหน้าขึ้นสบตาคู่เรียวที่ทอประกายอ่อนโยน พาลให้จิตใจว้าวุ่นเริ่มสงบลง แต่ความรู้สึกผิดก็ยังไม่เจือจางไปเท่าไหร่ ซึ่งความรู้สึกที่ว่าคงฉายชัดออกไปทางแววตา
“พี่ครับ ลูกหมูไม่เป็นอะไร แค่มีดบาดนิ้วแผลนิดเดียวเอง ดูสิครับ เลือดเริ่มหยุดไหลแล้วด้วย...พี่ลีโออย่าทำหน้าแบบนี้สิ เห็นแล้วลูกหมูรู้สึกผิดขึ้นมาเลย ไม่ใช่ความผิดของพี่เลยนะครับ ลูกหมูเองที่ไม่ระวัง ดูสิสาลี่แพงๆทานไม่ได้เพราะลูกหมูแท้ๆ” เสียงออดอ่อยและแววตาออดอ้อนกึ่งรู้สึกผิดของน้อง ทำให้ผมค่อยๆยกยิ้มด้วยไม่อยากให้น้องเป็นฝ่ายคิดมากเสียเอง
ผมประกบมือลงบนหลังมืออวบที่อยู่ข้างแก้ม ก่อนจะพลิกหน้าเพื่อจูบลงบนฝ่ามือนุ่มๆ และหันกลับมาสบตาที่มีแววขัดเขินอีกครั้ง
“ช่างสาลี่เถอะ เดี๋ยวให้แม่บ้านซื้อเข้ามาใหม่ แต่แฟนพี่นี่สิต้องมาเจ็บตัว นึกยังไงหมูน้อยถึงมาปอกสาลี่เองแบบนี้ หืม” ผมพยุงน้องกลับมานั่งยังเก้าอี้ตัวเดิม โดยเดินเลี่ยงรอยเลือดบนพื้น
ภาพตรงหน้าเป็นจานสาลี่ที่ยังปอกไม่เสร็จแถมมีคราบเลือดติดอยู่ ผมจึงดันมันให้ห่างสายตาไม่อยากให้คนตัวกลมรู้สึกผิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่พอได้ยินคำตอบจากน้องก็ทำเอาตื้นตัน และยิ่งนึกเอ็นดูในตัวหมูน้อยขึ้นมาจับใจ
“ลูกหมูอยากปอกสาลี่ให้คุณลุง...เอ่อ คุณพ่อคุณแม่กับพี่ลีโอทานน่ะครับ เมื่อเช้าเห็นคุณแม่ทักว่าน่าทาน ตอนที่พี่หวานหิ้วเข้าบ้านหลังจากกลับจากจ่ายตลาด ลูกหมูเห็นคนอื่นๆยุ่งอยู่ เลยคิดจะปอกให้ท่านทานเอง”
“หมูน้อย~” ผมดึงร่างกลมเข้าหาอก ก่อนจะกดจูบลงบนกลุ่มผมหอมๆ และรั้งต้นคอขาวให้หัวกลมๆซุกลงกับลาดไหล่ เพื่อลูบหัวและแผ่นหลังนิ่ม
หมูน้อยยอมให้ผมกอดนิ่งๆและซุนหัวเข้าที่ไหล่มากกว่าเดิม ต่อมาผมจึงได้ยินเสียงเล็กๆไม่ต่างจากเสียงกระซิบเท่าไหร่ เป็นคำถามในทำนองว่าผมโกรธเจ้าตัวรึเปล่า ที่ทำตัววุ่นวายให้ผมต้องเดือดร้อนไปด้วย ผมกดจมูกและปากแช่เข้าที่ข้างขมับหอมๆ และรัดร่างนิ่มเข้าหาอกมากกว่าเดิม
ส่วนคำตอบของผมย่อมไม่ต่างจากที่คุณคิด ใครโกรธลูกหมูตัวกลมแสนน่าเอ็นดูคนนี้ลง ก็คงเป็นคนใจยักษ์ใจมารขนานแท้แล้วล่ะ ก่อนผมจะดันร่างน้องออกจากอกช้าๆ และเชยคางมนขึ้นเพื่อให้น้องได้มองตาผม พร้อมๆกับรั้งมือข้างที่น้องเจ็บขึ้น และบรรจงแตะริมฝีปากลงบนปลายนิ้วที่มีเลือดซึมน้อยๆอย่างแผ่วเบา โดยที่สายตาไม่ละไปจากตาคู่เรียวที่มีหลากหลายอารมณ์ของหมูน้อยสักนิด
แววตาแห่งความรู้สึกผิดและไม่แน่ใจ ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความคาดหวังเมื่อผมส่งยิ้มปลอบประโลมให้ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแววสะเทิ้นอายพร้อมกับที่พวงแก้มขึ้นสีชมพูอ่อนๆ ในยามที่ริมฝีปากผมแตะต้องปลายนิ้ว และจ้องแป๋วมายังผมอย่างรอคอย แน่นอนว่าในตาคู่เดียวกันนี้ แม้จะมีหลากหลายอารมณ์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นชัดคือแววหวานจางๆและร่องรอยแห่งความสุขใจ
“พี่ไม่ได้โกรธ แต่คราวหลังต้องระวังมากกว่านี้นะครับ รู้มั้ยว่าหมูน้อยเจ็บ พี่เองเจ็บยิ่งกว่า เป็นไปได้อยากจะเจ็บแทนซะด้วยซ้ำ หมูน้อยเป็นของพี่ ช่วยดูแลร่างกายของคนที่พี่รักด้วยนะครับ”
“พี่ลีโอ~...ครับ” ชื่อผมแทบไม่หลุดออกจากลำคอระเรื่อสักนิด ก่อนน้องจะเอนซบกับมายังแผ่นอกของผม และรับคำเสียงเบาหวิว ทำเอาผมแทบหุบยิ้มไม่ลงกับกิริยาน่ารักแสนว่าง่ายของน้อง
“ดีมากเด็กดีของพี่ แบบนี้ต้องให้รางวัล” ผมไม่คิดให้ความกระจ่างแก่เจ้าของแววตางงงวย แต่เลือกที่จะแสดงให้เห็นมากกว่า ว่ารางวัลสำหรับเด็กดีคืออะไร
ผมได้แต่หวังว่าคนอื่นๆในบ้านจะยุ่งกับภารกิจของตัวเอง จนไม่มีเวลาจะเข้ามาในครัว หรือมาใส่ใจว่าผมกับหมูน้อยหายไปอยู่ที่ไหน ไม่เช่นนั้นผมก็ไม่รับประกันเหมือนกันว่าจะมีใครเป็นตากุ้งยิงมั้ย หากเข้ามาเห็นว่าผมกำลังมอบรางวัลให้เด็กว่าง่ายของผมอยู่ สำคัญที่คนให้รางวัลอย่างผมเองดันไม่อยากหยุดง่ายๆเสียด้วย เมื่อความหวานล้ำของริมฝีปากนุ่มและเรียวลิ้นของลูกหมูตัวกลมนั้น ช่างหอมหวานและน่าหลงใหลจนไม่อยากถอดถอนสักนิด
.....................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป^^งื้ออออ “มดกัด”
ลีโอจัดหวานให้สมใจคุณผู้อ่านมั้ยคะ และขอเตือนว่าความหวาน
จะทวีหวานขึ้นเรื่อยๆ ให้เตรียมรับมือได้เลย
ส่วนความลับที่คนครอบครัวภักดิภูมิเมธีปกปิดไว้ บางท่านน่าจะทราบแล้ว
แต่ตอนหน้าจะมีอีกปริศนามาให้คุณผู้อ่านได้ฉงนสงสัย
ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรขอให้ตามอ่านได้ในวันอังคารค่ะ+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
