ตอนที่ 7ลีโอผมยืนมองภาพความวุ่นวายในห้องสโลฟนิ่งๆ และเผลอระบายยิ้มทุกครั้ง ยามได้เห็นจุดรวมความสนใจของทุกคนในนั้น เปิดยิ้มและมีทีท่าเอียงอาย เมื่อบรรดาเพื่อนๆรอบตัวหยอกล้อด้วย แม้ภาพของผองเพื่อนจะอบอวลไปด้วยความสุขแห่งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่ผมอดสะท้อนในอกจนรู้สึกเจ็บหน่วงๆไม่ได้ ด้วยตลอดมาเหมือนว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกหมูต้องปิดกั้นตัวเองจากคนรอบตัว เพราะขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
ลูกหมูคิดว่ารูปร่างของตัวเองน่าเกลียด ทั้งๆที่สิ่งที่ลูกหมูเป็นออกจะตรงข้ามกับความจริง ด้วยรูปร่างที่แม้จะอวบอิ่มไปหน่อย แต่ก็ดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ช่วยขับให้ผิวผุดผ่องไปทั้งร่าง แถมด้วยหน้าตาที่แสนน่าเอ็นดู ตาตี่แก้มป่องปากแดงตลอดเวลา บวกท่าทางขี้อายชอบเก็บตัวชวนให้น่าค้นหา สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่มีคุณลักษณะที่แสนดึงดูดใจต่อคนรอบตัว แต่เป็นเพราะผมที่ใส่ความคิดร้ายๆเข้าไปในหัวน้อง ไม่เช่นนั้นหมูน้อยของผมคงสัมผัสถึงความรักความสุขระหว่างเพื่อนได้เร็วและมากกว่านี้แล้วแท้ๆ
ในเมื่อย้อนไปแก้ไขอดีตไม่ได้ ผมก็ขอทำปัจจุบันเพื่อคนที่ผมรัก ชดเชยในส่วนที่ทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะความเห็นแก่ตัวแบบเด็กๆ ด้วยการทอดเวลายืนรออยู่หน้าประตู ปล่อยให้หมูน้อยแสนรักได้มีเวลากับเพื่อนใหม่ และแบ่งปันความน่าเอ็นดูของน้องให้คนอื่นได้ชื่นชมบ้าง ซึ่งผมต้องพยายามข่มใจอย่างหนัก ยอมมองข้ามสายตาหยาดเยิ้มแสดงความพอใจอย่างออกนอกหน้าหลายคู่ที่มองลูกหมู โดยที่หนึ่งในนั้นมีสายตาของเพื่อนสนิทอย่างนายปูนรวมอยู่ด้วย
เมื่อเห็นเวลาผ่านไปพอสมควร ผมก็เดินเข้าไปท่ามกลางความจอแจ จากสายตาหนึ่งคู่ที่มองมา เพิ่มเป็นสองสามและมากขึ้นเรื่อยๆ จนเสียงที่เคยดังเงียบลง และคนที่เคยเป็นศูนย์รวมความสนใจของคนทั้งห้องก็หันมามอง ด้วยใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่มีรอยยิ้มน้อยๆติดใบหน้า ก่อนรอยยิ้มนั้นจะค่อยๆฉีกกว้างขึ้น ยามที่เราได้สบตากัน
“พี่ลีโอ” ผมส่งยิ้มในหมูน้อยก่อนก้าวเข้าหาช้าๆ จนกระทั่งถึงตัวน้อง ผมจึงวางมือลงบนกลุ่มผมยุ่งๆ
“พี่มารับกลับบ้าน” เจ้าของเส้นผมนุ่มมือที่ผมลูบอยู่ ยังคงฉีกยิ้มและพยักหน้าน้อยๆเป็นการตอบรับ ก่อนน้องจะกุลีกุจอเก็บของลงกระเป๋าสะพายใบเก่ง
ผมจึงมีโอกาสละความสนใจจากลูกหมูเงยหน้าขึ้นมองรอบตัว ทำให้ได้รู้ว่าทุกสายตาในห้องมองตรงมาที่เราไม่กระพริบ
สำหรับผมเรื่องการเป็นจุดรวมสนใจและถูกมองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่พบเจอ จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะส่งยิ้มบางเบาแจกจ่ายให้ทุกคนรอบตัว ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของสายตาบางคู่ที่มองมาด้วยแววตาหมั่นไส้
ผลก็คือเกิดเสียงกรี๊ดสนั่นที่ทำเอาคนที่นั่งเก็บของอยู่ ผวาเข้ามากอดเอวผมและเอาหน้าซุกเข้าที่หน้าท้องด้วยความตกใจ
“กรี๊ดดด!!! พี่ลีโอยิ้มให้ด้วย...อ๊ายยย!!! ลูกหมูกอดพี่ลีโอแน่นเชียว...ม้ายยย!!! คู่นี้อะไร ยังไงกัน!?”
ผมก้มลงมองเจ้าของร่างกลมที่กอดเอวผมอยู่อย่างรอคอยปฏิกิริยา ด้วยกลัวว่าน้องจะขวัญกระเจิงกับเสียงอื้ออึงรอบตัว พาลส่งผลกระทบต่อระบบความคิดในเรื่องการคบหาเพื่อนเข้าแล้วจะแย่เอา ผมจึงลงมือลูบหัวทุยเบาๆเพื่อเรียกขวัญ พร้อมเอ่ยเรียกชื่อน้องไปด้วย
ไม่นานลูกหมูค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยแววตาตื่นๆ ก่อนจะมองไปรอบตัวที่บรรดาผองเพื่อนเริ่มเงียบเสียงลงแล้ว แต่น้องก็ยังไม่ยอมคลายอ้อมแขนออกจากเอวผม ทำเอาผมหุบยิ้มไม่ลงกับท่าทางออดอ้อนอย่างไม่รู้ตัวของหมูน้อย
ท่ามกลางความเงียบและแววตาอยากรู้อยากเห็น พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มองผมสลับกับหมูน้อยไปมา กลับมีเสียงที่ถูกดัดจนหวานกว่าเสียงผู้หญิงทั่วไปดังขึ้น เรียกความสนใจจากทุกคนให้หันไปมองต้นเสียง รวมถึงผมและลูกหมูด้วย
“ขอโทษค่ะ...อาจจะฟังเป็นคำถามที่ก้าวก่ายไปหน่อย แต่กุ๊กไก่อยากรู้ ลูกหมูกับพี่ลีโอเป็น!?...” เจ้าของเสียงเกือบหวานที่มีใบหน้าสวยเฉี่ยวหยุดประโยคคำถามเอาเสียดื้อๆ
เหมือนว่าเจ้าของประโยคนั้น ต้องการให้ผมหรือลูกหมูได้เติมคำของเขาหรือเธอให้จบประโยค แถมเธอยังใช้แววตาวิบวับมองลูกหมู เหมือนกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างในคำตอบ แต่พอมองมายังผมกลับทอประกายสะเทิ้นอาย และหลบตาเอาดื้อๆ พาเอามุมปากผมกระตุกเกือบหลุดขำออกมาเชียวล่ะ
ผมเลิกคิ้วและอมยิ้มใส่ตาลูกหมูที่เงยหน้าขึ้นมอง และแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ เมื่อตาคู่เรียวเบิกกว้าง พร้อมแก้มใสขึ้นสีระเรื่อ เพราะเริ่มรู้ตัวว่ายังคงกอดเอวผมเสียแน่น ก่อนน้องจะคลายแรงกอดลง และเสหลบตามองเมินไปทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าผม แต่ดันมีอาการสะดุ้งไหล่เกร็งขึ้นมา ยามมองไปทางไหนก็มีสายตาจับจ้องอย่างรอคอย
ท่วงท่าของลูกหมูน่าเอ็นดูเสียจน ผมอยากอุ้มน้องออกไปฟัดแก้มแดงๆให้หายมันเขี้ยวเสียแต่นาทีนี้ แต่สิ่งที่ผมทำคือลงมือลูบกลุ่มผมนุ่มๆ เพื่อปลอบโยนเด็กขวัญเสีย และเป็นฝ่ายตอบคำถามเสียเอง
“เราเป็น...พี่น้องบุญธรรมกันครับ” หลังจากผมเว้นจังหวะให้ทุกคนลุ้นกันจนตัวโก่ง ผมก็บอกความสัมพันธ์แท้จริงระหว่างเราให้ทุกคนรู้ เรียกเสียงอื้ออึงให้ดังขึ้นอีกครั้ง
ความจริงที่น้อยคนจะได้รู้ ด้วยตั้งแต่ลูกหมูมาเรียนที่นี่ ผมแทบไม่มีโอกาสมาเหยียบที่นี่เลย น้อยครั้งที่ผมจะมารับส่งน้องด้วยตัวเอง แต่ผมก็อยู่เพียงแค่ในรถ วันนี้จึงไม่แปลกที่จะมีแต่คนแปลกใจในความสัมพันธ์นี้ของเรา อย่างนายปูนเพื่อนสนิทของลูกหมู ก็ยังเพิ่งรู้ก่อนหน้าทุกคนไม่นานด้วยซ้ำ
นายปูนเองก็ได้แต่ยืนกอดอกอยู่ไม่ห่าง และมองมาที่ผมนิ่งๆ ท่าทางไม่ได้ยินดีแต่ก็ไม่ชื่นชมเหมือนหลายๆเสียงในเวลานี้ สำหรับหมูน้อยก็ได้แต่ระบายยิ้มเอียงอาย มีบ้างที่พยักหน้ารับ เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ที่ผมเอ่ยถึง ยามที่มีเพื่อนย้ำถามเอาคำตอบ ผมเห็นว่าทุกคนได้คำตอบจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงเอ่ยชวนหมูน้อยของผมกลับบ้าน
แม้ร่างกายลูกหมูจะแข็งแรงเพียงพอ ให้ผมปล่อยเจ้าตัวมาสอบในวันนี้ได้ก็ตาม แต่แผลบนหัวก็ยังไม่หายสนิทดี สำคัญที่ขาก็ยังเข้าเฝือกอ่อนเดินเองไม่ถนัด ต้องมีไม้ค้ำยันหรือผมคอยประคองเดินนั้น หมูน้อยยังต้องการการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
ดังนั้นเมื่อลูกหมูตอบรับคำชวน ผมจึงหันไปขอตัวเพื่อนตัวกลมของทุกคนกลับบ้าน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี บอกลาลูกหมูเสียงดังกระหึ่ม ทำเอาทั้งผมและคนที่ได้รับความสนใจจากเพื่อนมากที่สุด อดที่จะยิ้มออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ยามนี้เมื่อผมได้สบตาสดใสของน้อง ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย
“มาครับ พี่ประคอง” ผมเข้าไปประคองร่างกลมขึ้นจากเก้าอี้ แน่นอนว่าอยู่ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ ทำเอาแก้มเปล่งปลั่งของหมูน้อยขึ้นสีจัดอย่างยากที่จะเจือจาง
ลูกหมูยอมให้ผมประคอง แต่น้องก็เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาทั้งของผมและเพื่อนๆ ซึ่งก่อนที่เราจะออกเดิน บุคคลที่เกือบถูกลืมก็เอ่ยแทรกเสียงซุบซิบเสียงหัวเราะคิกคักขึ้นมา พอให้เราได้ยินแบบไม่ดังนัก
“ลูกหมู เราช่วยถือกระเป๋าไปส่งที่รถให้...ส่งกระเป๋ามาสิ” ผมเลือกที่จะเฉยต่อภาพที่ลูกหมูส่งกระเป๋าไปให้นายปูนตามความต้องการของนายนั่น เพราะอย่างน้อยนายปูนก็เป็นเพื่อนที่ดี แม้จะแอบชอบคนของผมอยู่ก็ตาม
“ขอบใจนะปูน” ผมเชื่อว่ารอยยิ้มสดใสบนใบหน้ากลมๆนั่น คงทำให้คนที่ได้รับหลงเพ้อไปอีกนานเชียวล่ะ
หากเราได้เปิดใจต่อกันแล้ว ผมคงต้องสั่งห้ามไม่ให้หมูน้อยไปยิ้มหวานชวนละลายใจแบบเรี่ยราดให้ใครอีก ครั้งนี้ผมได้แต่ทำใจมองข้าม เพราะถือเสียว่าเป็นรางวัล สำหรับน้ำใจที่นายปูนมีให้ลูกหมูมาตลอดก็แล้วกัน
........................................
“ลูกหมูยิ้มได้แบบนี้ แสดงว่าวิชาที่เพิ่งสอบเสร็จ ต้องคว้าเอมาให้ป้าได้แน่ๆใช่มั้ยจ๊ะ” ทันทีที่เราก้าวเข้าบ้าน คุณแม่ก็ส่งเสียงทักคนในอ้อมกอดผม ด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมรอยยิ้มละมุน
ลูกหมูเองก็อมยิ้มอายๆ มีเงยหน้าแอบเหลือบมองมาที่ผมด้วย ก่อนจะหลบตาอย่างไวเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่ ทำเอาผมต้องกลั้นยิ้มแทบแย่กับอาการเขินสายตาผมของน้อง จนเรามานั่งบนโซฟาข้างกันเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ คนน่ารักของคุณป้าสุมนาถึงจะตอบคำถามที่ถูกส่งมาให้ ที่สำคัญนั่งเอียงข้างให้ผมได้เห็นแต่ข้างแก้มแดงๆ และไม่ยอมสบตากันเหมือนเดิม
“เรื่องสอบลูกหมูก็ทำเต็มที่ครับ แต่จะได้เอรึเปล่าคงต้องรอผลสอบอีกที” คุณแม่ยิ้มละมุนรับคำ ก่อนถามย้ำหาคำตอบว่าลูกหมูยิ้มทำไม ยิ่งทำให้คนตัวกลมแก้มแดงหนักกว่าเดิม พาลก้มหน้าหนีสายตาท่านเอาดื้อๆ
คุณแม่จึงหันมาสบตาผมเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ ด้วยเห็นความผิดปกติของลูกบุญธรรมที่ท่านรักดังดวงใจ ผมสบตาท่านยิ้มๆ แววตาท่านวาววับขึ้นมาทันทีที่อ่านสายตาผมออก ก่อนจะขมวดคิ้วฉับและถอนใจเฮือกใหญ่ อย่างเหนื่อยหน่ายใจที่ทำอะไรผมไม่ได้มากไปกว่าการปรามเหมือนที่ผ่านๆมา
แต่การกระทำของท่านกลับทำให้ใครบางคนสะดุ้ง และเงยมองผมกับแม่สลับไปมาอย่างไม่แน่ใจ ว่าตัวเองได้ทำอะไรผิดไว้ อาการของหมูน้อยทำให้คุณป้าผู้เป็นที่รักของลูกหมู ถึงกลับรีบคลี่ยิ้มสวยและยื่นมือมาลูบหัวเพื่อปลอบใจทันที ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มกริ่มมองภาพว่าที่แม่สามีและว่าที่ลูกสะใภ้ปลอบใจกันไปมาอย่างสบายใจ
คุณคงสงสัยมากแล้วสิครับ ว่าทำไมหมูน้อยของผมถึงมีอาการเช่นนั้น แน่นอนว่าผมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องและเป็นต้นเหตุให้เกิดอาการผิดปกติดังกล่าว เหตุการณ์มันเกิดขึ้นในรถระหว่างทางที่ผมพาหมูน้อยกลับบ้าน ด้วยความมันเขี้ยวและความขี้หวงของผมที่มีต่อคนตัวกลมแท้ๆครับ ผลักดันให้ผมปล้นจูบน้องก่อนเลี้ยวรถเข้าประตูบ้านนี่เอง
ก็ใครใช้ให้ลูกหมูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะความดีใจที่ได้เพื่อนใหม่มาตลอดทางกัน บวกเข้ากับน้ำเสียงสดใสที่น้องเอ่ยชมนายปูนที่ช่วยติวข้อสอบให้ในคืนก่อนสอบเข้าไปอีก ผมจึงได้จูบหวานๆจากหมูน้อยมาเป็นรางวัลปลอบใจ ทำให้คนตัวกลมเคลิ้มทำตาเยิ้มมาตั้งแต่นั้น
จนกระทั่งคุณแม่ที่แสนรู้ใจของผมหรืออีกนัยคุณป้าสุมนาที่แสนใจดีของลูกหมูทักขึ้นมานั่นแหละครับ และถึงนาทีนี้หมูน้อยก็ยังอายไม่เลิก ทั้งๆที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราจูบกัน
“ลูกหมูมาเหนื่อยๆไปพักผ่อนก่อนเถอะลูก ยังต้องอ่านหนังสือสอบอีกหลายวิชาใช่มั้ยครับ” ลูกหมูยิ้มและตอบรับคำคุณแม่
ผมเองก็เตรียมจะเข้าไปประคองน้องพาขึ้นห้อง แต่กลับโดนคุณแม่กักตัวไว้ด้วยเหตุผลเรื่องงาน ส่วนลูกหมูได้ป้าแม่บ้านพาขึ้นห้องแทน ซึ่งก่อนที่น้องจะเดินพ้นห้องรับแขก มีหันมามองผมด้วยแววตากังวลนิดหน่อย แต่พอผมส่งยิ้มให้คนตัวกลมก็ชะงัก พร้อมแก้มขึ้นสีระเรื่อน่ามอง มีแอบเม้มปากทำตาสั่นๆพอให้ผมรู้ว่าความคิดน้องนั้นวนเวียนอยู่ที่เรื่องใด ก่อนหมูน้อยจะก้มหน้าและเดินออกไปตามแรงประคอง
“ยังยิ้มอยู่ได้อีกนะตาลีโอ อย่าคิดนะว่าแม่ไม่รู้ว่าเราทำอะไรไว้กับลูกหมู” หากอาการสะบัดค้อนของคุณแม่สุมนาทำร้ายผมได้ ตามร่างกายผมคงเต็มไปด้วยร่องรอยเขียวช้ำไปหมดแล้วล่ะครับ
“โธ่ คุณแม่ครับ ผมแค่ชื่นใจน้องเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ผมไม่กล้าขัดคำสั่งคุณพ่อกับคุณแม่หรอกครับ เฮ้อออ” แอบถอนใจเรียกคะแนนสงสารนิดหน่อยครับ และดูท่าจะได้ผลเสียด้วย เพราะตาแข็งๆของคุณแม่อ่อนแสงลง แต่ท่านยังคงมองมาที่ผมด้วยแววตาหมั่นไส้ไม่เปลี่ยน
“ลีโอ ลูกก็น่าจะรู้ดีว่าเพราะอะไร คุณพ่อกับแม่ถึงต้องห้ามลูกไว้ น้องพิเศษกว่าใคร ลูกจะทำอะไรก็ขอให้นึกถึงความเป็นจริงข้อนั้นด้วย” สายตาคุณแม่จริงจังเสียจน ผมต้องปรับอารมณ์ตามท่าน แต่ผมก็เข้าใจและรับรู้ถึงความรักความหวังดีที่ท่านมีให้แก่ผมกับลูกหมูเป็นอย่างดี
“เพราะผมคำนึงถึงความจริงข้อนั้นน่ะสิครับ ผมถึงเชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่และอดทนรอน้องมาจนถึงตอนนี้ แต่แม่ครับ ความรักที่มันล้นอก แต่ไม่สามารถบอกออกไปได้...บางครั้งมันก็อึดอัด จนผมแทบคลั่งได้เหมือนกัน...คุณแม่ครับ วันเกิดลูกหมูปีนี้ ผมจะบอกความในใจกับน้อง และบอกความจริงทุกอย่าง ผมว่าน้องโตพอที่จะรับรู้ความจริง และไม่ว่าน้องจะรู้สึกอย่างไร ผมนี่แหละจะประคับประคองน้องให้ผ่านความรู้สึกเหล่านั้นมาให้ได้...ผมสัญญาครับแม่”
เรื่องนี้ผมคิดมานานแล้ว วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่ผมจะบอกและขออนุญาตท่านเสียทีเดียว คุณแม่นิ่งคิดและมองมายังผมแบบไม่ละสายตา แววตาที่ท่านใช้มองผมนั้นเรียบสนิทแทบอ่านไม่ออก ท่านคงทั้งประมวลความคิดกับสิ่งที่ผมพูด และกำลังชั่งใจอย่างหนักถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดกับลูกหมูบุตรบุญธรรมของท่าน แต่ในที่สุดท่านก็ถอนใจยาวเหยียดและยกยิ้มน้อยๆ มองมาที่ผมด้วยแววตาอ่อนโยนปะปนไปด้วยแววตาแห่งความภาคภูมิใจ
“เฮ้อออ ยอมรับว่าแม่หวั่นใจในปฏิกิริยาของลูกหมูอยู่ไม่น้อยเชียวล่ะ หากน้องได้รับรู้ความจริง แต่แม่เชื่อใจในตัวลูกว่าจะดูแลหมูน้อยของลูกได้เป็นอย่างดี เพราะลูกพิสูจน์ให้แม่เห็นแล้วว่าลูกรักน้อง และพร้อมแล้วจริงๆที่จะดูแลน้องได้” ผมนี่แทบกระโดดและร้องตะโกนด้วยความดีใจ หากประโยคต่อมาของคุณแม่จะไม่ดังขึ้น
“แม่ยอมให้ลูกทำในสิ่งที่ขอ แต่ถ้าลูกหมูไม่ได้คิดแบบเดียวกับลูก ลูกห้ามบังคับและฝืนใจน้องให้รับรักเด็ดขาด รวมถึงความสัมพันธ์ทางกายด้วย ห้ามขาดถ้าน้องไม่เต็มใจ” ผมถึงกลับพรูลมหายใจยาวเหยียดด้วยความโล่งอก
“ผมสัญญา แต่ถ้าลูกหมูเองก็รักผม และยินยอมพร้อมใจ แม่คงไม่ว่านะครับ ถ้าผมจะ ‘รัก’ น้อง” จะว่าผมมั่นใจเกินกว่าเหตุก็คงไม่ได้ เห็นๆอยู่ว่าอาการของหมูน้อยเป็นอย่างไร ยามที่ผมตั้งใจใกล้ชิดน้อง เหลือก็แต่พูดออกมาเป็นคำพูดเท่านั้น
แม้จะมีเปอร์เซ็นต์น้อยยิ่งกว่าน้อยที่น้องจะไม่คิดอะไรกับผม แต่ผมนี่แหละจะรุกให้น้องมารักผมให้ได้ สีหน้าแววตาคุณแม่ที่ใช้กับผมแสดงออกชัด ว่าทั้งหมั่นไส้และเหนื่อยหน่ายใจอยู่ไม่น้อย แต่กลับไม่มีแววต่อต้านให้เห็น ทำเอาผมสบายใจจนสามารถยิ้มออกมาได้ และผมก็ต้องยิ้มมากขึ้นไปอีก กับประโยคต่อมาของท่าน
“ลีโอ ลูกไปเอานิสัยเจ้าเล่ห์นี้มาจากใครกัน คุณพ่อรึก็เป็นคนตรงไปตรงมาแท้ๆ แต่เอาเถอะ แม่เห็นแก่ความอดทนและความรักของลูก แต่ลูกรู้ใช่มั้ยว่าควรที่จะป้องกัน แม่ยังต้องการให้ทุกอย่างพร้อมจริงๆ อย่างน้อยก็ขอให้ลูกหมูเรียนจบเสียก่อน ถึงตอนนั้นหลานกี่คนแม่ก็เลี้ยงได้”
“ครับ ผมสัญญาว่าจะมีหลานให้คุณแม่เยอะๆ ฮึๆ”
“ตาลีโอ! ทำเป็นพูดเล่นไปเถอะ ลูกหมูจะคิดเหมือนลูกรึเปล่ายังไม่รู้เลย ทำเป็นสัญญาดีเถอะ ถึงเวลานั้นถ้าแม่ไม่มีหลานให้ชื่นชมล่ะก็...เหอะ!!” ผมรีบเข้าไปกอดเอวท่านอย่างประจบ แม้จะรู้ว่าคุณแม่แค่ขู่เล่นก็ตาม แต่ขืนไม่ง้อท่านมีหวังผมโดนงอนจริง
ใช้เวลาไม่นานที่ผมอ้อนท่านด้วยเสียงนุ่มๆ พร้อมหอมแก้มเอาใจเหมือนยามที่ผมเป็นเด็ก ภริยาของท่านธราเทพก็คลี่ยิ้มหวานออกมาจนได้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคลายอ้อมกอด เจ้าของคุณสุมนาตัวจริงเสียงจริงก็ปรากฏกายขึ้น คุณพ่อแกล้งกระแอมกระไอพร้อมเอ่ยขู่ผมให้ปล่อยศรีภรรยาอันเป็นที่รัก ก่อนจะเดินผึ่งผายเข้ามานั่งแทนที่ผมข้างๆคุณแม่ และโอบเอวท่านไว้หลวมๆ มีก้มหน้าส่งยิ้มละมุนจนคุณแม่แก้มแดงเสียอีก
นาทีนี้ทั้งคุณพ่อคุณแม่คงไม่สนใจก้างอย่างผมแล้วล่ะครับ ผมจึงหลบฉากออกมาอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ท่านทั้งคู่ได้มีโอกาสใช้เวลาร่วมกัน ซึ่งบรรยากาศอ่อนหวานระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่นั้น ผมค่อนข้างเคยชินและรับรู้ได้ เพราะซึมซับบรรยากาศแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ว่าความรักของท่านทั้งคู่คือการแสดงออก
แสดงออกให้คนที่เรารักรู้ว่ารักมากมายเพียงใด ทั้งคำพูดและการกระทำ ซึ่งมันคงใกล้ถึงเวลาของผมแล้วเช่นกันที่จะแสดงออกให้หมูน้อยรู้ว่าผมรักน้องมากมายแค่ไหน
“อย่าหักโหมนักเลย คืนนี้นอนก่อนเถอะ ฝืนไปก็ใช่ว่าจะอ่านรู้เรื่อง” ผมลูบหัวเจ้าของดวงตาปรือปรอยที่นั่งอ่านหนังสือมาตั้งแต่หัวค่ำ
ผมพอเข้าใจนะว่าคณะที่หมูน้อยเรียนค่อนข้างหนัก แถมเจ้าตัวเองยังมีร่างกายแข็งแรงไม่เต็มร้อย จึงยิ่งกดดันตัวเองให้อ่านหนังสือเข้าไปใหญ่ ลูกหมูมีแววตาครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนจะยอมพยักหน้าให้ผมและปิดหนังสือเรียน พร้อมทำท่าว่าจะลุกขึ้นเอง แต่ผมเลือกที่จะอุ้มน้องมาไว้กับอกเสียก่อน
แม้ว่าผมสามารถเลือกที่จะเข้าไปประคอง เพื่อพาคนตัวกลมไปเข้าห้องน้ำก่อนนอน ตามความเคยชินของเจ้าตัวก็ย่อมได้ แต่แบบนั้นมันยุ่งยากไปเพราะผมอยากให้น้องได้พักผ่อนเร็วๆ การได้อุ้มน้องอยู่แบบนี้ไม่ได้สร้างความลำบากแก่ผมสักนิด ด้วยผมออกจะพอใจที่ได้แนบชิดนวลเนื้ออุ่นๆ ที่ไม่ว่าจะสัมผัสไปตรงไหนก็นุ่มมือไปเสียหมด แถมด้วยกลิ่นกายพิเศษหอมๆคล้ายกลิ่นดอกไม้ป่าด้วยแล้ว ผมยิ่งกว่าเต็มใจบริการหมูน้อยตัวกลมคนนี้
“พะ...พี่ลีโอ ไม่ต้องอุ้มหรอกครับ ให้ลูกหมูเดินเองดีกว่า ลูกหมูตัวหนักออก” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบใส่ตาคู่เรียวที่มีแววลำบากใจของคนในอ้อมแขน
“อย่าขัดใจพี่ ใครบอกว่าหมูน้อยตัวหนัก สำหรับพี่ ตัวลูกหมูกำลังพอดีกับอ้อมกอดของพี่ต่างหาก กอดทีน่ะอุ่นไปทั้งคืนเลยรู้มั้ย” จากลูกหมูกลายร่างเป็นกุ้งต้มไปเสียแล้วครับ
หลังจากนั้นผมก็บรรจงวางคนตัวกลมลงกับพื้น แต่ก็ยังคงช่วยประคองเอวนิ่มไว้ ด้วยหมูน้อยยังทิ้งน้ำหนักลงบนขาข้างที่ใส่เฝือกอ่อนไม่ได้มากนัก ก่อนพยุงน้องให้หันหน้าไปยังชักโครก โดยมีผมยืนซ้อนหลังน้องอยู่ ผมเอื้อมมือผ่านข้างเอวเตรียมรั้งขอบกางเกงยางยืดของน้องลง แต่มีอันชะงักเมื่อฝ่ามืออุ่นๆแตะเข้าที่ข้อมือ
“ให้ลูกหมูทำเอง ดะ...ได้มั้ยครับ” น้องพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ โดยที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นจากอก ทำเอาผมต้องอมยิ้มกับความน่าเอ็นดู และเลือกที่จะทำตามความตั้งใจเดิม
“จะอายพี่ทำไมกัน พี่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กนะ เห็นจนไม่รู้จะเห็นยังไงแล้ว ขืนปล่อยให้ลูกหมูทำเอง จะมาล้มอยู่ในนี้ พาลเจ็บหนักกว่าเดิมน่ะสิ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง” สุดท้ายเจ้าของแก้มแดงๆก็ต้องยอมตามใจผม ด้วยการปลดทุกข์โดยมีผมคอยบริการให้อย่างเต็มใจ
ลูกหมูจูเนียร์ขาวอวบน่ารักน่าชังในอุ้งมือผม ร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสาย โดยที่เจ้าของเจ้าจูเนียร์น้อยๆเอาแต่ก้มหน้าคางชิดอก ทั้งแก้มลำคอและใบหูเห่อแดง ปลายนิ้วอูมก็เกร็งจิกเข้าที่ข้อมือผมจนซีดขาว ร่างกลมยืนนิ่งหลังงอ และเหมือนจะมีอาการกลั้นลมหายใจไว้อีกด้วย
ผมดูก็รู้แล้วว่าหมูน้อยกำลังเขินจัด จึงทั้งสงสารทั้งพอใจในเวลาเดียวกัน แต่แล้วหัวใจในอกผมก็กระตุก เมื่อลูกหมูจูเนียร์ในอุ้งมือบวมเป่งและร้อนผะผ่าว เปลี่ยนสีเป็นอมชมพูเกือบแดงจัด
“อ่า~ คือ พะ...พี่ครับ ละ...ลูกหมู ขอโทษ ฮึก ขอโทษครับ มัน ฮึกๆ” เมื่อหมูน้อยรับรู้การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองว่าดันมีอารมณ์ จนลูกหมูจูเนียร์แข็งคาอุ้งมือผม
น้องก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ด้วยแววตาแห่งความรู้สึกผิดที่แฝงไปด้วยความละอาย จนเกือบกลายเป็นอาการขวัญเสียไม่กล้าสู้หน้า แถมในดวงตาคู่เรียวก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆที่จวนหยาดหยดลงตามร่องแก้ม
“ชู่ว์ๆๆ ไม่ร้องนะครับ และไม่ต้องอาย พี่เข้าใจดี ปล่อยตัวตามธรรมชาตินะหมูน้อยของพี่ ไว้ใจพี่นะครับ” ผมจบประโยคด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนส่งใส่ตาคู่เรียว ด้วยต้องการปลอบประโลมหมูน้อยที่กำลังขวัญเสีย ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน พร้อมขยับมือปลอบโยนหมูน้อยจูเนียร์
“พะ...พี่ลีโอ~ อ่าๆ” เสียงครางหวานๆสลับเสียงเรียกชื่อผมดังตลอดเวลา ที่ผมช่วยน้องปลดปล่อยจากความทรมาน
ภาพใบหน้ากลมๆของน้องที่กำลังเห่อแดง และตาคู่เรียวก็ยังคงฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำใสๆ สำคัญที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่ขยับผะแผ่วเรียกหาแต่ผมนี่สิ ทำเอาผมอดใจไม่อยู่ประกบปากดูดกลืนเสียงวาบหวิว และจงใจกอบโกยความหวานของโพรงปากอุ่นอย่างเอาแต่ใจ
กระทั่งร่างกลมนุ่มนิ่มของหมูน้อยกระตุกเกร็ง ปลดปล่อยสายธารอุ่นร้อนมาเต็มหลังมือ ก่อนน้องจะตัวอ่อนระทวยลงกับอกผม หายใจตัวโยนปากเผยอฉ่ำแดงและหลับตาพริ้ม จนผมต้องใช้กำลังใจมหาศาลในการข่มใจ ไม่ให้ลงมือขย้ำหมูน้อยเสียแต่ตอนนี้
ผมตั้งใจไว้แล้วว่าครั้งแรกของผมกับน้อง ต้องเกิดหลังจากที่ผมสารภาพความในใจแล้วเท่านั้น เพราะขืนเอาแต่ได้ทำตามใจตัวเองเพื่อหวังครอบครอง คงได้ถูกคนช่างคิดมากอย่างลูกหมูเข้าใจผิด คิดว่าผมไม่จริงใจและเห็นน้องเป็นแค่ของเล่น เพราะน้องอยู่ใกล้มือเอาก็เป็นได้
ผมข่มใจเพื่อจัดแจงคนตัวกลมแสนรักให้สะอาดหมดจด ก่อนจะช้อนก้นกลมขึ้นให้วงขาโอบรอบเอว หมูน้อยเองก็เอาแต่ซุกหน้าไว้กับซอกคอผม ไม่มีหลุดคำพูดอะไรออกมาให้ผมได้ยินเลย ทำให้ผมเริ่มวิตกกลัวว่าหลังจากคืนนี้น้องจะคิดมาก จนพาลจะหลบหน้าผมเข้าน่ะสิครับ
แต่เมื่อผมได้เห็นใบหน้ากลมที่เต็มไปด้วยเลือดฝาดและแววตาสะเทิ้นอาย ยามที่น้องแอบมองผม หลังจากที่ผมวางนอนลงกับเตียงแล้วนั้น ทำให้ผมเริ่มสบายใจขึ้น จึงล้มตัวนอนข้างคนตัวกลม และดึงน้องเข้ามาซุกอก แต่ลูกหมูกลับมีอาการเกร็งและฝืนร่างไว้อย่างเห็นได้ชัด
“นอนซะนะหมูน้อยของพี่ ฝันดีครับลูกหมู” ผมกดจูบเข้าที่แก้มใสและหน้าผากเนียน หวังให้น้องได้ผ่อนคลาย
ลูกหมูที่ตัวแข็งทื่อเริ่มคลายความเกร็งลง ก่อนผมจะยิ้มออกมาจนได้ ยามที่ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังขึ้นท่ามกลางความมืด
“ฝันดีครับพี่ลีโอ”
แน่นอนว่าค่ำคืนนี้ผมคงหลับฝันดีอย่างที่คนตัวกลมอวยพร แต่อดไม่ได้ที่จะวางแผนการขั้นต่อไป เพื่อพิชิตใจหมูน้อยให้ได้ในเร็ววัน กระทั่งผมหลับไปพร้อมรอยยิ้มอย่างไม่รู้ตัว สำนึกสุดท้ายที่ผมรับรู้ได้คือรอยอุ่นชื้นแถวปลายคาง และคำกระซิบบางเบาที่ผมจับใจความไม่ได้
เจ้าของรอยจูบคงเป็นใครไม่ได้นอกจากว่าที่คนรักตัวกลมของผม...’หมูน้อยของพี่ลีโอ’
................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป^^อ่านตอนนี้จบแล้วมีใครกำลังนั่งอมยิ้มอยู่รึเปล่าเอ่ย!?
รับของหวานเบาๆเป็นออเดิร์ฟไปก่อนน้า ของแบบนี้จัดหนักเลย
เดี๋ยวลูกหมูจะแตกตื่นไปเสียก่อน
รอให้น้องค่อยๆเติบโตและเปิดรับ
ความรู้สึกดีๆจากคนรอบตัวและพระเอกอย่างลีโอหน่อยน้า
ตามเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้ลูกหมูน้อยของลีโอได้ตอนหน้าในวันเสาร์ค่ะ+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตาม