ตอนที่ 6ลูกหมู“ลูกหมู...หมูน้อย ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปสอบไม่ทันนะครับ” สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้แม้จะไม่ลืมตาคือ เสียงนุ่มๆชวนฝันและฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบหัวอย่างอ่อนโยน
“พี่ลีโอ” เมื่อลืมตาขึ้นจึงพบว่าเป็นพี่ลีโอที่กำลังระบายยิ้มน้อยๆ และจ้องมาที่ผมด้วยแววตาเอื้อเอ็นดู
ผมล่ะอยากจะมุดหน้าหนีกลับไปที่หมอนใบเดิมอีกครั้ง แต่คำเตือนถึงภารกิจที่ผมต้องทำในวันนี้จากพี่ ทำให้ผมเลือกที่จะหลบสายตาอบอุ่นคู่นั้นด้วยแก้มร้อนๆ พร้อมขยับตัวลุกจากที่นอนโดยมีมือคู่เดิมช่วยประคองให้
“ให้พี่ช่วยดีกว่า เดี๋ยวเด็กขี้เซาจะไปไม่ทันเข้าสอบเสียก่อน” จบคำพี่ลีโอก็ช้อนตัวอุ้มผมขึ้นจากเตียงทันที
“พะ...พี่ครับ ลูกหมูเดินเองได้” ผมต้องหลบตาพี่อีกครั้งและซ่อนหน้าไว้กับซอกคอพี่
แม้คำพูดและการกระทำของผมจะสวนทางกัน แต่นาทีนี้ผมไม่อาจสบตาคู่นั้นได้จริงๆ เพราะเมื่อผมเงยขึ้นไปเจอเข้ากับสายตาคู่คมดุที่พี่ใช้มองผมเข้า ก่อนผมจะรีบรัดวงแขนให้แน่นขึ้น ด้วยพี่ออกเดินเพื่ออุ้มผมไปยังห้องน้ำ แม้ผมจะกลัวสายตาดุๆแต่อดดีใจไม่ได้ที่มีพี่ลีโอคอยดูแลอย่างดี ผมอ้วนขนาดนี้ไม่รู้ว่าพี่จะหนักบ้างมั้ยนะ
“รีบอาบน้ำเข้านะครับ หรือถ้าไม่ถนัดพี่อาบให้ดีกว่ามั้ย”
“ไม่ครับ! ลูกหมูอาบเอง! พะ...พี่อาบน้ำแต่งตัวแล้ว ไม่ต้องลำบากเพราะลูกหมูหรอกเนอะ แหะๆ” ผมรีบส่งยิ้มแหยๆให้พี่ เมื่อรอยยิ้มบนใบหน้าพี่ค่อยๆหุบลง ยามที่ผมเผลอตัวปฏิเสธเสียงดัง แต่จะให้ผมปิดปากเงียบยอมรับชะตากรรมง่ายๆก็อย่างไรอยู่
การโดนพี่ลีโออาบน้ำให้มันไม่สนุกเลยนะครับ แม้ว่าตอนเด็กๆผมจะชอบอาบน้ำพร้อมพี่ก็ตามเถอะ แต่ปัจจุบันอะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ขืนต้องให้ผมแก้ผ้าต่อหน้าพี่ ผมยอมกลั้นใจตายเสียยังดีกว่า เพราะรูปร่างที่น่าเกลียดของผมมันไม่ได้น่าดูสักนิด ขืนให้พี่เห็นผมเปลือย พาลจะทำให้พี่รังเกียจผมเอาน่ะสิ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่ผมจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด ใครจะรังเกียจผมผมก็ไม่แคร์ แต่ต้องไม่ใช่พี่ลีโอ
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ คิดมากอีกแล้วนะเรา รีบอาบน้ำเข้าหมูน้อย ถ้าช้า...พี่จะเปลี่ยนใจอาบให้เราเอง”
“ครับ! ลูกหมูจะรีบอาบ” ผมตอบรับเสียงดังและพยักหน้าหัวแทบหลุด ส่วนพี่ลีโอระบายยิ้มบางเบาใส่ตาผม ก่อนที่จะหมุนตัวออกไป
ตั้งแต่ผมได้รับอุบัติเหตุเมื่ออาทิตย์ก่อน และต้องกลับมาใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนพิการที่บ้านนั้น พี่ลีโอคอยดูแลและเอาใจใส่ผมอย่างดี ผมแทบไม่ต้องหยิบจับหรือทำอะไรเองเลย เพราะพี่คอยเป็นแขนเป็นขาให้ผมหมด แน่นอนว่าผมทั้งดีใจและภูมิใจที่มีพี่ชายอย่างพี่ลีโอ แต่จะมีน้องชายคนไหนบ้างมั้ย ที่จะรู้สึกแปลกๆกับพี่ชายตัวเองเหมือนอย่างที่ผมรู้สึก
ความรู้สึกแปลกๆที่ว่าคือ ทุกครั้งที่ผมสบตาคมวาวของพี่ ผมจะมีอาการใจเต้นแรงและเขินจัดจนต้องหลบตา ความรู้สึกแปลกๆอีกอย่างคือ ยามที่พี่เข้าใกล้จนรู้สึกถึงไออุ่นจากผิวกาย ผมมีอาการขนลุกแบบแปลกๆและแก้มเห่อร้อนแทบทุกครั้ง หรือแม้แต่ยามที่พี่สัมผัสตัวผม เพียงแค่แตะโดนมือไม่ต้องพูดถึงจับแก้มลูบหัว หรือการอุ้มผมไปไหนมาไหนแบบเมื่อครู่หรอกครับ ผมมักจะรู้สึกวูบวาบบริเวณผิวที่โดนสัมผัสเสมอ ก่อนความร้อนเหล่านั้นจะลามไปทั่วร่าง และพาลพูดไม่ออกไปเสียทุกครั้ง ที่สำคัญตอนที่ผมโดนพี่กอดพี่หอมอย่างพี่ชายเอ็นดูน้อง ยามนั้นจะรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงพาลยืนไม่อยู่เสียทุกครั้งไป
ผมแน่ใจว่าไม่ได้รังเกียจสัมผัสและไม่รังเกียจสิ่งที่พี่ทำกับผมแม้แต่นิด ออกจะมีความสุขและดีใจจนบอกไม่ถูก แต่เพราะความรู้สึกเหล่านี้นี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกผิด ด้วยคงไม่มีน้องชายคนไหนจะมีอาการอย่างที่ผมเป็น หากวันหนึ่งพี่ลีโอรู้เข้า ‘ลูกหมูจะโดนพี่เกลียดมั้ยครับ’
สำคัญไปกว่านั้นผมดันรู้สึกไม่ชอบใจ ยามที่เห็นพี่ลีโอให้ความสนิทสนมกับคนอื่นมากกว่าผม ทั้งๆที่ก็รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์รู้สึกแบบนั้น เพราะผมก็แค่น้องชายบุญธรรมของพี่ลีโอ ที่ไม่มีเลือดในกายแม้แต่หยดเดียวที่เหมือนกัน แต่ผมห้ามความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้จริงๆ
เห็นได้ชัดจากกรณีของพี่ดาด้า นักร้องสาวสวยรุ่นน้องของพี่ลีโอ เมื่อสามวันก่อนที่พี่ดาด้ามาหาพี่ลีโอถึงบ้าน และพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ในสายตาผมพี่ๆเหมาะสมกันมาก ทั้งหน้าตาและความสามารถพิเศษอย่างการร้องเพลง แถมยังเป็นนักร้องที่ได้รับความนิยมสูงทั้งคู่อีกด้วย นาทีที่เห็นความใกล้ชิดของพี่ทั้งสอง ยอมรับว่าไม่พอใจและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน
แม้ผมจะรู้ว่าทั้งคู่ก็แค่คุยกันเรื่องงาน แต่ภาพความใกล้ชิดระหว่างคนทั้งคู่ และรอยยิ้มแสนหายากของพี่ที่มอบให้พี่ดาด้า มันก็ย้ำเตือนให้ผมเจียมตัวและให้อยู่ในที่ๆควรอยู่ ไม่ควรโลภที่จะยึดพี่มาเป็นของผมคนเดียว เหมือนอย่างที่ผมเคยคิดและยึดติดพี่ลีโอมาตลอดช่วงที่ผมเจ็บ อาจจะเป็นเพราะพี่ลีโอใจดีเป็นพิเศษกับผมที่ป่วยอยู่นั่นเอง
ดังนั้นในยามนี้ที่มีสายตาชื่นชมหลายสิบคู่มองมายังพี่ลีโอ ผมจึงได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ และได้แต่ก้มหน้าเดินตามแรงประคองของพี่ ที่ใจดีพาผมมาส่งเพื่อเข้าสอบถึงตึกคณะด้วยตัวเอง ด้วยไม่อยากกลายเป็นคนน่ารังเกียจในสายตาของพี่ที่ทำตัวแย่ๆออกไป หากว่าพี่ได้เห็นสีหน้าบูดบึ้งของผมเข้า
ที่สำคัญผมไม่อยากเห็นแววตาดูถูกเหยียดหยามจากผู้คนรอบตัว ให้ต้องรู้สึกสมเพชตัวเองยิ่งขึ้น ด้วยต้องมีไม่น้อยที่คิดว่าผมไม่เจียมตัว เผยอหน้าควงนักร้องดังมาโชว์ ทั้งที่ใจจริงผมไม่อยากให้พี่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนสักนิด เพราะผมหวงและไม่อยากให้ใครมองพี่ลีโอของผมเลย แต่ผมก็ขัดพี่ไม่ได้ เราจึงต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์วุ่นวายเช่นตอนนี้
“ลีโอใช่มั้ยคะ...กรี๊ดดด ลีโอ วง Chic จริงๆด้วย....พี่ลีโอรู้จักพี่ลูกหมูด้วย อ๊ายยย...พี่ลูกหมูกับพี่ลีโอ อะไรยังไง...พี่ลีโอขอถ่ายรูป ขอลายเซ็นหน่อยค่ะ” เมื่อทุกคนต่างแน่ใจแล้วว่า ผู้ชายสวมแว่นกันแดดตัวสูงผิวขาวมาดเนี้ยบ ที่ประคองผมอยู่คือลีโอแห่งวง Chic ความโกลาหลย่อมๆก็เกิดขึ้น ผู้คนต่างเข้ามารุมล้อมเราสองคนอย่างที่ผมไม่ทันตั้งตัว
“อ๊ะ! โอ๊ย!...พี่ครับ เป็นอะไรมั้ย” ผมเสตามแรงกระแทก จนชนเข้ากับอกพี่อย่างจัง ดีที่พี่ลีโอรวบกอดผมไว้ได้ทัน และแข็งแรงพอที่จะเป็นหลักให้เราไม่ต้องล้มหน้าคะมำขายหน้าอยู่ตรงนี้
ผมนั้นอดห่วงพี่ไม่ได้ที่ต้องรับน้ำหนักผม และคอยกันกลุ่มคนที่พยายามเข้ามาถึงตัวพี่เอง ทำเอารู้สึกผิดที่ผมต้องมาเป็นภาระของพี่ จนพี่ลี่โอต้องมาลำบากเพราะผม
“หยุดก่อนครับ!!” น้ำเสียงกระแทกเพื่อห้ามปรามดังขึ้นมาจากพี่ลีโอ ทำเอาผมสะดุ้งทั้งๆที่พี่เองก็กอดผมไว้ทั้งตัว
ผมเงยหน้ามองผ่านปลายคางเขียวๆ ผ่านริมฝีปากที่เหยียดตรงอย่างคนเจ้าอารมณ์ ไปยังปลายจมูกโด่ง ถึงกรอบแว่นดำยี่ห้อดังที่บดบังดวงตาคู่คมไว้ ทำให้ผมไม่รู้ว่าพี่ลีโออยู่ในอารมณ์โกรธระดับไหน แต่เสียงของพี่และท่าทางนิ่งขรึมยามนี้ ก็ทำให้ทุกเสียงที่ดังจนวุ่นวายเงียบได้ราวปาฏิหาริย์ ซึ่งหากมีใครหายใจดังสักนิด แน่นอนว่านาทีนี้ย่อมไม่เล็ดลอดจากการได้ยินไปได้
แม้แต่ผมเองก็อดเกร็งตัวขึ้นมาไม่ได้ เผลอกลั้นลมหายใจและจ้องไปยังพี่ลีโอเขม็งไม่ต่างจากคนอื่นๆ แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้ง เมื่ออยู่ๆพี่ก้มลงมามองผม แม้จะไม่เห็นแววตาภายใต้แว่นสีดำ แต่ผมก็รู้ว่าดวงตาคู่นี้ต้องคมกริบได้อย่างน่าหวาดหวั่นไม่น้อยเชียวล่ะ พี่ลีโอมองผมอยู่พักเดียว ก่อนจะเงยหน้าขึ้น แต่ผมแอบเห็นมุมปากพี่กระตุกยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเลือนหายไปในชั่วพริบตา
“วันนี้ผมมาเป็นการส่วนตัว มาส่งน้องเข้าสอบ ไม่สะดวกถ่ายรูปและแจกลายเซ็นนะครับ...คงต้องขอโทษทุกคนด้วย” หลังคำขอโทษอย่างเป็นทางการพร้อมการก้มหัวของพี่ลีโอนั้น
แฟนคลับทุกคนรอบตัวต่างยืนตัวแข็งดวงตาเบิกโพลง เพราะเพียงพี่ค่อยๆถอดแว่นกันแดดออก และระบายยิ้มน้อยๆพร้อมกวาดมองไปรอบตัว การกระทำดังกล่าวไม่ต่างจากการสะกดทุกคนให้แข็งเป็นหิน เหมือนต้องมนตราแห่งเทวดารูปงามเข้าอย่างจัง
“มาครับหมูน้อย พี่พาไปส่งที่ห้องสอบ” ผมเองก็มีอาการไม่ต่างจากคนอื่นๆ จึงได้แต่เดินลอยๆตามแรงประคองของพี่ จนมาถึงหน้าห้องสอบแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ตั้งใจทำข้อสอบนะครับ สอบเสร็จเดี๋ยวพี่มารับ” ผมที่เงยหน้ามองพี่เงียบๆ ได้แต่พยักหน้าตอบรับ จึงได้รับรอยยิ้มอบอุ่นชวนละลายจากพี่ที่กำลังลูบหัวผม
ขณะที่พี่ลีโอยิ้มอยู่นั้น ดวงตาคู่คมกลับทอประกายระยิบระยับถูกใจนักหนา ไม่ต่างจากช่วงเวลาที่พี่ชมผมว่าเป็นเด็กดี ซึ่งผมก็ชอบแววตาแบบนี้ของพี่เช่นกัน เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นน้องคนสำคัญของพี่ ในแบบที่ใครก็เป็นไม่ได้เหมือนผม
“ดีมากเด็กดี...ปูน ฉันฝากนายดูแลหมูน้อยด้วย สอบเสร็จไม่ต้องพาลงไป ฉันจะขึ้นมารับเอง” ผมเพิ่งรู้ว่าปูนมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆ เพราะต้องยอมรับว่าตั้งแต่พี่พาผมฝ่าฝูงแฟนคลับออกมา ความสนใจทั้งหมดของผมอยู่ที่พี่ลีโอเท่านั้น
ผมจึงได้แต่ยิ้มเก้อๆส่งให้ปูน ยามที่ปูนละสายตาจากพี่ลีโอมายังผม ซึ่งสายตาของปูนที่ใช้มองผมนั้นแปลกไป มันกึ่งไม่พอใจและเสียใจรวมกันอยู่ในดวงตาคู่นั้น แต่ผมยังไม่ทันวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้ปูนมีแววตาแปลกๆ ฝ่ามืออุ่นๆที่แสนคุ้นเคยก็วางแหมะลงบนหัวผม ผมจึงได้แต่หันมาให้ความสนใจพี่ลีโออีกครั้ง และผมต้องยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว เมื่อพี่เอ่ยลาผมพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ผมชอบ
ผมมองตามร่างสูงไปจนลับตา ก่อนเผลอถอนใจด้วยความสุขที่ล้นอก แต่เมื่อหันมาทางเพื่อนสนิทอีกครั้งด้วยตั้งใจจะชวนคุย ผมก็ต้องปิดปากสนิท ด้วยปูนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือไม่มีทีท่าสนใจกัน ผมจึงเลือกที่จะไม่กวนและทบทวนวิชาที่จะต้องสอบในอีกไม่กี่นาที
วิชานี้ผมอดกังวลไม่ได้ เพราะมีเวลาในการอ่านน้อยกว่าเคย ด้วยร่างกายที่ไม่พร้อมเพราะอาการบาดเจ็บ และสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว เพราะมัวแต่ให้ความสนใจกับคนที่มาอยู่ใกล้ๆ คอยมาเฝ้าผมอ่านหนังสืออย่างพี่ลีโอน่ะสิ ซึ่งพี่ลีโอเองก็ออกอาการเป็นห่วงผมมากอยู่เหมือนกัน พาเอาผมอดจะปลื้มใจไม่ได้ นี่ถ้าหากไม่มีสอบพี่คงไม่ยอมให้ผมมาคณะก่อนกำหนดของหมอแน่ๆ แต่ที่พี่ต้องยอมเพราะเป็นห่วงคะแนนที่มีผลต่อการจบการศึกษา และครอบคลุมถึงการไปฝึกงานของผมในปีถัดไปด้วย ขืนคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ผมคงต้องจบช้าจากเพื่อนรุ่นเดียวกัน
ระหว่างที่ผมคิดไปต่างๆนานา ทำให้ผมไม่รู้ความเป็นไปรอบตัวมากนัก จนกระทั่งเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เพราะได้เวลาสอบนั่นแหละ ถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนทั้งคลาส เล่นเอาทำตัวไม่ถูก ด้วยไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรไว้ถึงทำให้คนให้ความสนใจขนาดนี้ หันไปหาปูนก็เห็นว่าปูนมองมาพอดี ยังไม่ทันเอ่ยปากขอความกระจ่าง ปูนก็ส่งยิ้มยักคิ้วกวนๆมาให้ ผิดไปจากทีท่าเย็นชาก่อนหน้าลิบลับ
“ไม่ต้องแปลกใจหรอก ลีโอแห่งวง Chic นักร้องขวัญใจวัยรุ่น มาส่งลูกหมูคนน่ารักแสนลึกลับของคณะทั้งที ไม่มีคนให้ความสนใจก็แปลกแล้ว” ผมได้แต่ขมวดคิ้วมองเพื่อนสนิทด้วยความฉงน
คำพูดที่ปูนเอ่ยถึงพี่ลีโอไม่ได้สร้างความแปลกใจให้แก่ผมเลย แต่คำกล่าวอ้างถึงผมจากปากปูน อย่างคำว่าน่ารักนี่มันช่างขัดกับความเป็นจริงอย่างที่สุด เมื่อรวบรวมสติได้และเตรียมแย้งเพื่อนสนิท ผมกลับต้องล้มเลิกความตั้งใจนั้น เมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้อง พร้อมซองข้อสอบหอบใหญ่ ผมกับปูนจึงได้แยกย้ายเตรียมทำข้อสอบ
ผมใช้เวลาอย่างเต็มที่ ในการรวบรวมความคิดและวิเคราะห์ออกมาเป็นคำตอบ ก่อนจะทบทวนทั้งหมดอีกครั้ง ด้วยอยากทำคะแนนให้ดีที่สุด เพื่อคว้าเกียรตินิยมให้คนบ้านภักดิภูมิเมธีได้ภูมิใจ ว่าอย่างน้อยผมก็มีดีในเรื่องเรียน เพราะเรื่องอื่นผมรู้ตัวว่าทำมันไม่ได้เรื่องเลยสักเรื่อง แถมยังทำให้ทุกคนเป็นห่วงเสียอีก นับรวมความซุ่มซ่ามที่ทำเอาผมเจ็บตัวในครั้งนี้ด้วย
โดยเฉพาะกับพี่ลีโอ ผมอยากให้พี่ภูมิใจในตัวผม ที่สามารถเดินตามรอยเท้าพี่ในเรื่องเรียนได้เป็นอย่างดี ถึงแม้พี่ลีโอเป็นนักร้องบอยแบนด์ที่แสนโด่งดังเช่นปัจจุบันนี้ ทำให้ดูเหมือนว่าพี่ไม่น่ามีเวลาให้กับเรื่องเรียน แต่เป็นที่รู้กันว่าพี่ชายของผมสามารถคว้าปริญญาคณะบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยในฮ่องกงได้ตามกำหนดเวลา พิเศษตรงที่พี่ลีโอมีเกียรตินิยมห้อยท้ายให้ทุกคนได้ชื่นชมในความสามารถยิ่งขึ้นไปอีก ผู้ชายที่สมบูรณ์พร้อมทั้งรูปทรัพย์ ชื่อเสียง สติปัญญาอย่างพี่ ย่อมเป็นที่ชื่นชมของทุกคน รวมถึงน้องชายบุญธรรมอย่างผมด้วย ที่นับถือพี่เป็นไอดอลตลอดมา
“เอ่อ ลูกหมูทำข้อสอบได้มั้ย” ผมต้องแปลกใจเมื่อคำถามนี้ถูกส่งมาจากคนตรงหน้า
หากคุณจะจำกันได้เขาหรือเธอคนนี้คือเพื่อนร่วมคณะของผม ที่ร่างกายภายนอกสวยงามและบอบบางไม่แพ้ผู้หญิง แต่สภาพเพศที่แท้จริงกลับไม่ต่างจากผมเลย ‘กุ๊กไก่’ คือชื่อของเธอ นอกจากกุ๊กไก่แล้ว รอบตัวผมยังมีเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนในกลุ่มของกุ๊กไก่ยืนล้อมผมอยู่ แม้ผมจะแปลกใจที่อยู่ๆกลุ่มของกุ๊กไก่เข้ามาคุยด้วย ทั้งๆที่ผ่านมาเราแทบไม่เคยคุยกันมาก่อน แต่ผมก็ตัดสินใจตอบคำถามพวกเธอ
“เอ่อ ครับ พอทำได้” ก่อนผมจะเงียบไป เพราะไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อ พร้อมทั้งหลบสายตาจริงจังทั้งสามคู่ที่จ้องมายังผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
‘นี่ผมไปทำอะไรผิดต่อพวกเธอแบบไม่รู้ตัวไว้หรือเปล่านะ’ ระหว่างที่ผมกำลังสับสนและไม่มั่นใจในคำตอบตัวเองอยู่นั้น ผมต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ๆทั้งสามคนก็กรีดร้องออกมาเสียดัง
“อ๊ายยย!...กรี๊ดดด! ลูกหมูอายแก้มแดงน่าฟัดมากอ่ะ...อื๊อออ! น่ารัก นี่ฉันจะไม่ทนแล้วนะ!” ผมผวาและจับใจความในสิ่งที่เพื่อนๆพูดไม่ได้เลย เพราะตกใจกับสีหน้าคลั่งไคล้และท่าทางกรีดกรายของพวกเธอเป็นอย่างมาก
“อะไรกัน! เกิดอะไรขึ้น กุ๊กไก่ทำอะไรลูกหมู” ปูนมาจากไหนไม่รู้ครับ อยู่ๆก็มายืนค้ำหัวผมแล้ว แต่ก็ทำเอาผมโล่งอก เพราะอย่างน้อยผมก็มีเพื่อนสนิทอยู่เคียงข้าง หากเกิดอะไรขึ้นปูนน่าจะพอพูดคุยและต่อรองให้ผมได้
แม้ประโยคที่ได้ยินจากปูนจะฟังดูหาเรื่องไม่น้อย ด้วยเสียงเข้มๆติดดุ แต่ทำไมปูนถึงมีสีหน้าผ่อนคลายขัดกับน้ำเสียงนักก็ไม่รู้สิ ทำไมนะ!?
“หาเรื่องน่ะปูน! อย่ามาทำให้เสียเรื่องได้มั้ย จิ๊!” กุ๊กไก่พูดจบก็สะบัดค้อนใส่ปูน ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผม เล่นเอาผงะแต่ก็อดส่งยิ้มแหยๆให้เธอไม่ได้ แต่ทำไมกุ๊กไก่ต้องเบิกตากว้างจ้องผมอย่างตกใจด้วยนะ
“ใช่ เรารึอุตส่าห์หาจังหวะที่องครักษ์พิทักษ์องค์ชายน้อยไม่อยู่แล้วนะ ตามมากวนอีกจนได้” ถ้าจำไม่ผิดคนนี้น่าจะชื่อ ‘ป๋อมแป๋ม’ นะครับ ยิ้มให้ผมเสียหวานเชียว
ผมที่เริ่มปรับตัวได้ จึงส่งยิ้มบางเบาไปให้ป๋อมแป๋มด้วยต้องการผูกมิตร ทำเอาป๋อมแป๋มยิ้มค้างและจ้องผมไม่วางตา หน้าผมมีอะไรติดจนดูน่าเกลียดรึเปล่านะ
“ปูน นายรู้ตัวมั้ย ว่าคนเกือบทั้งคณะจะรวมตัวกันเอาเรื่องนายอยู่วันสองวันนี้แล้วเนี่ย ชิ! ทำปิดปากเงียบ ไม่ยอมบอกว่าลูกหมูอยู่โรงพยาบาลไหน พวกเราอดไปเยี่ยมลูกหมูเลย” วันนี้ผมก็เพิ่งจะรู้จากสาว ‘ลูกตาล’ ว่าการที่ผมเจ็บตัวต้องนอนโรงพยาบาล ได้รับความสนใจของเพื่อนในคณะด้วย
คนที่อยู่ในมุมมืดอย่างผมจึงทั้งแปลกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน จนเผลอฉีกยิ้มให้ลูกตาลที่เบือนหน้ามาทางผมพอดี ซึ่งนาทีนี้อาการของลูกตาลก็ไม่ต่างจากเพื่อนสนิททั้งสองของเธอ
“เอ่อ กุ๊กไก่ ป๋อมแป๋ม ลูกตาล เป็นอะไร หน้าเรามีอะไรติดเหรอ พวกเธอถึง...” ผมยังไม่ทันพูดจบประโยค แต่ต้องยกมือขึ้นมาอุดหูแทบไม่ทัน
“กรี๊ดดดด...ลูกหมูรู้จักชื่อฉันด้วยแก โอ๊ยดีใจ!...ลูกหมูเรียกฉันว่าลูกตาล นังกุ๊กไก่ได้ยินมั้ย!?” เสียงกรีดร้องและน้ำเสียงตื่นเต้นดังจนจับใจความไม่ได้
แถมในตอนนี้นอกจากเพื่อนทั้งสี่ที่ยืนล้อมรอบผมแล้ว ยังมีสายตานับสิบของเพื่อนร่วมรุ่นหันมาให้ความสนใจทางกลุ่มเราด้วย เล่นเอาผมเขินและขาดความมั่นใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยไม่ชินกับการที่โดนจับจ้องและให้ความสนใจเช่นนี้
“พวกเธอ! หยุดทำเสียงโวยวายก่อน ลูกหมูตกใจหมดแล้วเห็นมั้ย...ลูกหมู หน้าลูกหมูไม่มีอะไรติดหรอก และไม่ต้องตกใจ พวกนี้ก็แค่เครซี่ลูกหมูมากๆก็เท่านั้น” ปูนพูดกับผมด้วยเสียงนุ่มๆพร้อมรอยยิ้มปลอบใจ ต่างจากน้ำเสียงเข้มๆที่ใช้กับเพื่อนทั้งสาม
ผมฟังผิดหรือปูนตีความอาการของเพื่อนสาวสวยทั้งสามผิดกันแน่ครับ ความคิดของผมคงแสดงออกไปทางสีหน้าจนหมด เพราะปูนถึงกับส่ายหน้าอมยิ้มแบบเหนื่อยใจมาให้ แต่กุ๊กไก่ ป๋อมแป๋ม และลูกตาล เพียงแค่มองมายังผมด้วยใบหน้ายิ้มๆแววตาชื่นชมปนเอื้อเอ็นดู ทำเอาผมเริ่มทำตัวไม่ถูกและหลบตาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่จากความรู้สึกแปลกแยกด้วยตัวเองไม่เหมือนใคร จนไม่อยากเห็นแววตาดูถูก ครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะผมเขินสายตาอ่อนโยนเหล่านั้นต่างหาก หรือตลอดมาผมจะคิดไปเองว่าคนรอบตัวรังเกียจผม
“จริงอย่างที่ปูนว่านั่นแหละ เพราะลูกหมูมัวแต่ก้มหน้าแบบนี่ไงล่ะ ถึงไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา จริงๆไม่เฉพาะแค่เราสามคนหรอกนะ ที่อยากคุยอยากได้รอยยิ้มจากลูกหมู เพื่อนๆคนอื่นก็ด้วย...แต่พอลูกหมูคอยแต่หลบตา ชอบทำหน้านิ่งๆ และเอาแต่เก็บตัวเงียบ ไม่ยอมสุงสิงกับใครนอกจากปูน พวกเราก็ไม่กล้าเข้าไปกวนใจน่ะ ทั้งๆที่ทุกคนในชั้นปีอยากจะทำความรู้จักกับคนดังของคณะแท้ๆ แต่ก็ไม่มีโอกาสเลย ไหนๆวันนี้เราก็ได้คุยกันแล้ว ขอเป็นเพื่อนกับลูกหมูได้มั้ย”
ผมกวาดสายตาไปรอบห้องอย่างกล้าๆกลัวๆ ทำให้ได้พบกับแววตาจริงใจและชื่นชมจากเพื่อนๆ ยอมรับว่าผมทั้งตกใจและประหลาดใจมากถึงมากที่สุด แต่รอยยิ้มและแววตาเหล่านั้น ทำให้ความเชื่อของผมที่เคยมีมาค่อยๆสั่นคลอน และมันก็ทะลายลงเกือบทั้งหมด เมื่อปูนเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผมยืนยันหนักแน่น ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังอย่างน้อยครั้งที่ผมจะได้เห็นจากปูน
“พะ...พวกเธอไม่ได้รังเกียจเราเหรอ แต่อยากเป็นเพื่อนกับเรา!?”
“ใช่ พวกเราอยากเป็นเพื่อนกับลูกหมู!!!!”
วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตของผมวันหนึ่งเชียวล่ะ เพราะผมมีเพื่อนเพิ่มขึ้นเกือบเจ็ดสิบคนในวันเดียว เรื่องน่ายินดีแบบนี้ผมต้องเล่าให้พี่ลีโอรับรู้ พี่จะได้ร่วมยินดีไปกับผม แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนรูปร่างน่าเกลียดอย่างผมจะถูกชมว่าน่ารัก!!
“ลูกหมูยิ้มหวาน น่ารักจังเลย~ ฉันจะละลาย~”
.................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป^^หมูน้อยค่อยๆกะเทาะเปลือกมาพบความจริงทีละเล็กละน้อยแล้วน้า
เริ่มจากการรู้ใจตัวเอง มีพี่ชายที่รักอยู่เคียงข้าง และมีเพื่อนที่จริงใจรอบตัว
ต่อไปลูกหมูของเราก็จะปรับมุมมองมองโลกสดใสขึ้น และน่ารักน่าฟัดมากขึ้นไปอีก
เอาใจช่วยหมูน้อยกันด้วยนะคะ
ตอนที่แล้วมีน้องคนอ่านท่านหนึ่งเชียร์ให้สิงห์จับลูกหมูกินซะทีด้วย
ซึ่งตอนต่อไปน่าจะไม่ทำให้ผิดหวังนักคะ เพราะสิงห์ลีโอของเราลงมือชิมลูกหมูละ
น้องจะแตกตื่นแค่ไหนหรือภารกิจจะสำเร็จมั้ยต้องติดตามค่ะ
เจอกันวันจันทร์น้า+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ