ข่ม ขืน ฝืน รัก
ตอนที่26
เย็นของอีกวัน มินนั่งรอครามในห้องด้วยความใจจดใจจ่อ รอที่จะพูดเรื่องผลดีเอ็นเอ
“ก็อกๆ”
มินลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูก็เจอคิมที่ยืนรออยู่
“เข้ามาสิ” มินพูดเสร็จถอยกลับมานั่งบนโซฟาอย่างเคย คิมปิดประตูและมาน้องข้างๆมิน คิมกวาดสายตามองรอบห้องก็ถามขึ้น
“น้องซันละ”
“น้องซันอยู่กับแป้น” มินพูดจบเงยหน้ามองนาฬิกา อีกไม่นานครามก็จะกลับมาแล้ว
“ผลตรวจออกแล้วใช่ไหม น้องซันเป็นลูกฉันใช่ไหม” คิมพูดพร้อมจะจับมือมินแต่มินกลับลุกขึ้นซะก่อน
“เดี๋ยวนายก็รู้ รู้พร้อมกันทั้งหมด” มินยืนหลังให้คิม โดยไม่สนใจเลยว่าคิมจะสลดไปทันทีที่อีกฝ่ายพูดแบบนี้
“ก็อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งและเปิดเข้ามา ครามมองคิมที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว มินยิ้มให้ครามน้อยๆก่อนจะพูดขึ้น
“นั่งสิคราม เราจะได้รู้ผลพร้อมกัน”
ครามนั่งลงข้างคิม มินหันไปมองทั้งสองก่อนจะหยิบผลตรวจในลิ้นชักออกมาและส่งให้ทั้งสองคนอ่าน
คิมหยิบผลตรวจออกมาอ่านด้วยความตื่นเต้น ครามนั่งอยู่ข้างๆก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน คิมปิดอ่านจากหน้าตาที่ตื่นเต้นก็ค่อยๆสลดทีละนิด
“น้องซันเป็นลูกของพี่” คิมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและส่งกระดาษให้คราม
ครามยิ้มกว้างทันทีก่อนจะหยิบผลตรวจมาอ่านซ้ำ ครามเงยหน้ามองมินด้วยแววตาตื่นเต้นก่อนจะเดินเข้ามากอดมินแน่น
“ผมดีใจที่สุดเลยมิน”
มินกลั้นหายใจเม้มปากแน่น เขาไม่อยากหลอกคราม แต่เขาต้องทำเพื่อยื้อเวลา ระหว่างนั้นมินบังเอิญสบตากับคิมที่นั่งหน้าเจื่อนมองมินด้วยแววตาเริ่มแดง มินเบี่ยงสายตาหลบทันที เขาจะสงสารใครไม่ได้
คิมนั่งมองภาพของครามกอดกับมินแล้วก้มหน้าเม้มปากแน่น พยายามสะกดอารมณ์ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปะทังเข้ามา เขารู้สึกจุกไปหมด จะร้องก็ร้องไม่ออก เขามั่นใจว่าน้องซันคือลูกเขา ทั้งการที่เขาแพ้ท้องแทน ทั้งความรุ้สึกอะไรหลายๆอย่าง แต่ผลกลับไม่ใช่ มันทำให้เขาเจ็บไม่น้อย
ฟางเส้นสุดท้ายที่พอจะรั้งให้มินเป็นของเขาได้ขาดลงแล้ว มินไม่มีทางที่มินจะเป็นของเขาได้แล้ว
คิมลุกขึ้นยืนจะเดินออกจาห้อง ครามมองแผ่นหลังน้องชายที่กำลังจะออกไปก็พูดขึ้น
“ฉันหวังว่าแกจะตัดใจจากมินนะคิม”
คิมชะงักก่อนจะหันหน้ามายิ้มเจื่อนๆให้ทั้งสองคนที่เพิ่งผละออกจากกัน
“พอก็หวังว่าผมจะทำได้ ผมใช้เวลาแอบรักเขามาเกือบ5ปี จะให้ตัดใจกันง่ายๆมันไม่ได้หรอก แต่ผมหวังว่าการที่ผมไปอยู่อังกฤษอาจจะทำให้อะไรๆมันดีขึ้น” ยิ้มยิ้มให้ทั้งคู่น้อยๆก่อนจะพูดต่อ
“พี่ต้องดูแลมินและน้องซันให้ดีที่สุด จากทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าวันนั้นพี่ทำมันไม่ได้ ผมจะมาทวงมินคืน!” ครามพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะสลตากับมินและเดินออกจากห้องไป
มินยืนมองคิมที่เดินออกไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่มันเป็นแบบนี้แหล่ะดีที่สุดแล้ว
“มิน น้องซันละ” ครามถามขึ้นเมื่อไม่เห็นลูก
“อยู่กับแป้น”
“งั้นผมไปหาลูกนะ” ครามยิ้มกว้างก่อนจะรับออกจากห้องไป
มินยืนมองครามที่เดินออกไปลับสายตาแล้วเชิดหน้านิ่ง เขาจะต้องใจแข็ง คนพวกนี้ทำกับเขาไว้ไม่น้อย เขาจะใจอ่อนกับเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ถ้าจะทำการใหญ่กว่านี้
มินโทรให้พี่มัตถ์ขับมารับเขากลับไปที่บ้าน ระหว่างทางพี่มัตถ์ชวนเขาคุยตลอดทาง มินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อได้อยู่กับครอบครัว เขาไม่ต้องระแวงอะไร
“น้องซันกี่เดือนแล้วนี่มิน อ้วนเชียว” มัตถ์ถามพร้อมก้มมองหลานชายที่นั่งกัดยางสำหรับกัดฟันของเด็กบนตักของผู้เป็นแม่
“7เดือนแล้วครับ”
“เออ ใช่ พี่ได้ข่าวว่าคิมจะไปเรียนต่ออังกฤษใช่ไหม”
“ใช่ครับ พี่มัตถ์รู้ได้ไง” มินหันไปถามพี่ชาย
“พี่บังเอิญเจอคิมที่ผับ เลยได้คุยกันนิดหน่อย คิจะเดินทางอีกไม่กี่วันนี่แล้วใช่ไหม”
“ใช่ครับ” มินพูดจบยิ้มให้พี่ชาย มัตถ์ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
มาถึงบ้าน ป้าแสงที่ยืนรอมินอยู่ยิ้มร่าทันทีที่มินลงจากรถ
“คุณหนูซันน่ารักจังเลยนะคะ ขาวจ้ำม่ำเชียว” ป้าแสงยื่นมือขออุ้มน้องซันมินส่งให้ด้วยรอยยิ้ม
“มินคิดถึงป้าแสงจังเลย” มินเข้าไปกอดแสงอย่างออดอ้อน
“ป้าก็คิดถึงคุณหนูคะ” แสงยิ้มอย่างอบอุ่นให้มิน
“คุณพ่ออยู่ข้างบนใช่ไหม”
“ใช่คะ คุณท่านรอคุณหนูอยู่”
“งั้นมินขอตัวนะครับ ฝากน้องซันด้วยนะครับ”
แสงพยักหน้าให้มิน มินเลยเดินขึ้นมาบนห้องของพ่อ ระหว่างทางมินมองไปรอบบ้านๆแล้วอดที่จะน้ำตารื้นขึ้นมาไม่ได้ เขารู้สึกคิดถึงบ้าน อยากกลับมาอยู่บ้านที่สุด บ้านที่เขาสามารถไว้ใจทุกคนได้ และออยู่ได้อย่างปลอดภัยไม่ต้องระแวง
“ก็อกๆ”
“มินใช่ไหม เข้ามาเลย” เสียงเข้มตามฉบับดังขึ้น มินเปิดประตูเข้าไปเจอพ่อยืนอยู่กลางห้อง มินเข้าไปกอดพ่อแน่น
มิ่งภพตกใจเล็กน้อยที่ลูกเข้ามากอดเข้าแน่น แต่ก็อดยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอ็นดูไม่ได้
“ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ มีลูกแล้วนะเรา”
“ก็อ้อมกอดของพ่อเป็นอะไรที่มินอบอุ่นและรู้สึกว่าปลอดภัยที่สุดแล้วนิครับ” มินซึมซับความรู้สึกไว้ เขาจะต้องเข้มแข็ง
“พูดอะไรแปลกๆ”
มินผละออกและมองหน้าผู้เป็นพ่อ ก่อนจะมีสีหน้านิ่งขึ้นและเดินไปนั่งบนโซฟา
“มินอยากให้คุณพ่อส่งคนฝีมือดีของบ้านเราเข้าไปอยู่ในบ้านนั้นได้ไหม” มินพูดขึ้นนิ่งๆ ทำเอามิ่งภพรู้สึกแปลกใจกับอารมณืของลูกชายที่เปลี่ยนขึ้นอย่างฉับพลัน
“ทำไมละมิน อาคมจะทำอะไรลูกรึเปล่า”
“มินไม่ไว้ใจ มินอยากให้พ่อส่งคนฝีมือดีของเราไปอยู่ในบ้านนั้นเงียบๆ แทรกแซงไปสักสองสามคน ไปคอยคุ้มกันมิน”
อาคมเดินไปนั่งข้างๆลูกชายก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“มินจะทำอะไรลูก”
“มินไม่ทำอะไรหรอกครับ มินแค่อยากให้มีคนของเราเข้าไปอยู่ในบ้านบ้าง มินอยากให้ตัวเองสบายใจ”
“สบายใจจากอะไร” มิ่งภพถามลูกชายด้วยความสงสัย
“จากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นไงละครับ” มินพูดเสียงนิ่ง อาคมมองลูกชายที่นิ่งและดูโตขึ้น
“ก็ได้ พ่อจะจัดการให้”
“เอาให้เนียนที่สุดนะครับ มินไม่อยากให้ฝ่ายนู้นรู้ตัว” มินหันไปมองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาแน่วแน่
“มินรู้ไหม ว่าตลอดสองปีที่ลูกอยู่บ้านนู้นมีคนของบ้านเราคอยคุ้มกันลุกอยู่ตลอดประมาน5คน พ่อส่งไปตั้งแต่รู้ว่าลูกต้องแต่งงาน พ่อก็ไม่ไว้ใจอาคมเหมือนกัน คนอย่างอาคมไม่สามารถคาดเดาอะไรได้”
มินมองพ่ออย่างทึ่ง เขาไม่รู้มาตลอดมีคนคอยดูแลเขา
“แต่รอบนี้พ่อจะส่งไปอีก2คนที่ฝีมือดี จะให้ดูแลมินอย่างใกล้ชิด”
“ก็ดีครับพ่อ ส่วน5คนนั้นก็ให้อยู่ปกติ”
“ได้สิ”
มินยิ้มกว้างเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด อาคมลูบหัวลูกชายเบาๆก่อนจะพูดอย่างเป็นห่วง
“มินกังวลอาคมใช่ไหม”
“ใช่ มินกลัวความแค้นของเขา วันนั้นเขาสามารถทุ่มแจกันใส่มินได้ วันต่อไปเขาจะทำอะไรมินไม่สามารถคาดเดาได้” มินพูดขึ้นทำให้มิ่งภพนิ่งไปทันที
“อาคมกล้าทำแบบนั้นกับลูกเลยเหรอ” น้ำเสียงที่อ่อนโยนแปลเปลี่ยนเป็นแข็งขึ้นทันที
“เขาพูดว่าเขาเกลียดแม่ เขาเกลียดที่แม่แย่งพ่อไปจากเขา และเขามาลงที่มินเพราะมินเหมือนแม่” มินมองพ่ออย่างสังเกต
“อาคมบอกลูกเหรอว่าแม่แย่งพ่อไป”
“เขาเล่าให้มินฟังว่าพ่อกำลังจะหมั้นกับเขา แต่ต้องยกเลิกเพราะพ่อไปเจอแม่ทีหลังที่เป็นเพื่อนรักเขา และแม่ก็ท้องขึ้นมา พ่อต้องมาดูแลแม่และทิ้งเขา” มินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่สังเกตปฏิกิริยาของมิ่งภพ
มิ่งภพนิ่งไปหลบตามินก่อนจะหันหน้ามองไปทางอื่น
“เรื่องมันหลายปีมาแล้ว ทำไมอาคมยังแค้นไม่เลิก”
มินเม้มปากทันทีที่ได้ยินแบบนั้น พ่อพูดแบบนี้แปลว่าทุกอย่างที่อาคมพูดคือเรื่องจริงงั้นเหรอ
“แปลว่าทุกอย่างที่อาคมพูดคือเรื่องจริง”
มิ่งภพหันมามองหน้าลูกชาย ก่อนจะถอนหายใจ
“พ่อยอมรับพ่อมันเลวเอง พ่อลังเล พ่อเป็นคนที่ทำให้ทุกอย่างมันแย่แบบนี้”
“และพ่อก็ทำให้มินต้องตกนรกไปอยู่บ้านหลังนั้น” มินพูดเสียงเข้มก่อนจะลุกขึ้นยืน มินพยายามสูดลมหายใจเข้าปอด
“พ่อขอโทษ” มิ่งภพพูดออกมาก่อนจะเดินเข้าไปยืนข้างลูกชายคนเล็ก
มินหันมามองพ่อก่อนจะถอนหายใจ
“พ่อรู้จักอาคมพอตัวใช่ไหม งั้นพ่อก็ต้องรู้สิว่าจุดอ่อนของอาคมคืออะไร” มินถามผู้เป็นพ่อด้วยแววตานิ่ง
“อาคมเป็นคนร่างกายไม่แข็งแรงเท่าไหร่ตั้งแต่เด็ก อีกอย่างอาคมไม่ใช่คนใจร้ายใจมารอะไรมากหรอก แต่ต้องพยายามสร้างภาพให้ตัวเองดูเข้มแข็ง แข็งแรงเพราะต้องดูแลกิจการ”
“ใครจะไปรู้ละ เวลาผ่านมาหลายปี ผสมกับความแค้นในใจ ทำให้อาคมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณพ่อคิดก็ได้” มินพูดแค่นั้นก่อนจะหันไปพูดกับพ่อในเรื่องปกติทั่วไป และไม่นานนักก็ลงไปด้านล่าง
มินกลับมาที่บ้านสุริยะทิพย์ในตอนค่ำ เขากลับมาถึงก็อาบน้ำจัดการตัวเองและลูกเสร็จ กล่อมลูกเขานอนจนหลับ มินหันไปมองนาฬิกาที่สี่ทุ่มกว่าแล้ว แต่ครามยังไม่กลับมาจากห้องทำงานอีกเลยตัดสินใจเดินไปที่ห้องทำงานของคราม
“ก็อกๆ”
“ใคร”
“ฉันเองมิน”
“เข้ามาสิมิน” มินเปิดประตูเข้าไปเจอครามที่นั่งเคลียร์เอกสารหลายกองด้านหน้า
“จะสี่ทุ่มแล้วคุณไม่นอนเหรอ”
“งานยังไม่เสร็จเลย ช่วงนี้งานกลับมาเยอะอีกแล้ว คิมจะไปเรียนต่ออีก ผมยุ่งๆแน่ช่วงนี้” ครามวางปากกาก่อนจะเงยหน้ามองมิน มินยิ้มให้อีกฝ่ายน้อยๆ
“อย่าหักโหมมากนะ”
“ครับ ยังไงคุณก็นอนก่อนเลย ไม่ต้องรอผม” มินหยักหน้าให้อีกฝ่าย นั่งคุยด้วยอีกไม่นานก็ขอตัวออกมา
ระหว่างนั้นเองมินสวนกับเด็กรับใช้ที่เดินถือเหมือนจะเป็นซุปไก่ มินเลยทักขึ้น
“นั้นอะไร”
“ซุปไก่บำรุงร่างกายของคุณผู้ชายนะคะ”
มินหยักหน้าให้อีกฝ่ายก่อนจะถามต่อ
“คุณพ่อทานทุกวันเลยเหรอ”
“ใช่คะ ทุกวันก่อนนอน”
มินยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะเดินผละออกมา เขาสังเกตมาหลายวันแล้วว่าอาคมว่าต้องกินซุปไก่ตลอด และแผนที่เขาวางไว้ก็จะเป็นไปตามที่คิดไว้ มินสะแหยะยิ้มร้ายก่อนจะเดินเข้าไปในห้อหยิบบางสิ่งที่แอบแวะซื้อตอนออกไปข้างนอก
มินเดินลงมาในครัวไม่มีคนอยู่สักคนอาจจะเพราะดึกมากแล้ว มินเห็นหม้อซุปไก่ที่ตั้งบนเตาแก๊สก่อนจะยิ้มร้าย
“ตึก ตึก” มีเสียงเดินมา มินหันซ้ายขวาก่อนจะรีบมุดลงไปซ่อนใต้โต๊ะ
“เคร้ง!” เสียงวางถ้วยแก้วดังขึ้น คงเป็นเด็กคนนั้นเอาถ้วยมาเก็บสินะ
มินนั่งอยู่ไม่นานเสียงก็เงียบไป เขาค่อยๆแง้มพาปูโต๊ะดูเมื่อเห็นว่าครัวปิดไฟเรียบร้อย มินค่อยๆออกจากโต๊ะ เขาปรับสายตากับความมืดไม่นานก็พอมองเห็นเพราะยังมีแสงไปจากด้านนอกส่องเข้ามา มินมองหาหม้อซุปไม่เจอแล้วก็เปิดดูในตู้กับข้าว มินรู้สึกโล่งอกที่หม้อซุปไก่ยังอยู่
มินตัดสินใจฉีกซองยาเบื่อหนูออกและเทออกไปเล็กน้อย ถ้าเทมากไป อาคมตายขึ้นมาก็จะทำให้ตรวจพบเจอสารหนูได้ แต่ถ้าค่อยเททีละนิด ทีละช้าๆ สารหนูที่ตกค้างจะน้อยกว่าและตรวจพบได้ยากกว่า ยิ่งอาคมเป็นคนที่ร่างกายอ่อนแอ อีกฝ่ายอาจจะไม่สังเกตที่ตัวเองไม่สบายทีละนิด ทีละนิด
“มีทางเดียวที่ฉันจะไม่ตาย คือฉันต้องฆ่าให้แกตายก่อนไงละอาคม”
มินเก็บซองยาเบื่อไว้ก่อนจะคนหม้อซุปไก่และเดินออกจากครัวไป
เขาจะไม่มีให้อาคมทำอะไรเขาและลูกได้เด็ดขาด!!
_____________________________________________________________________________________
มินเดินหน้าแล้วนะหลังจากที่คนอ่านบอกว่ามินไม่ค่อยทำอะไร
ตอนหน้าเราจะมาส่งคิมไปอังกฤษ และมาฟังความรู้สึกเรื่องในอดีตของอาคมกัน
ขอบคุณทุกคนที่่อ่านและคอมเม้นต์ครับ