หลงยอมรับว่าตัวเองไม่ต่างอะไรจากคนอกหัก ทั้งที่ยังไม่ทันได้เริ่มก็พ่ายแพ้หมดรูปเสียแล้ว
อันที่จริง..เขาควรจะตระหนักได้ดีว่าอาจารย์พฤทธิ์เป็นแบบคนแบบไหน พอได้ถลำลึกลงไปหลงก็ไม่ต่างอะไรจากแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ดูอย่างอาจารย์ฉลองขวัญ..หล่อนเริ่มต้นคบหากับอาจารย์พฤทธิ์มาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ ตอนนี้ก็ดูเหมือนไม่ได้รับความรู้สึกดีๆ จากอีกฝ่ายเท่าที่ควร แล้วนับประสาอะไรกับเขา..คนที่รู้จักกันไม่ดีแต่แรก
“หลง..ช่วงนี้ซึมๆ ไปเป็นอะไรไปล่ะ”
“นอนน้อยครับ” เขาตอบสั้นๆ ขณะนั่งรับประทานอาหารเช้าพร้อมวุฒิและกรณ์
“พักผ่อนเยอะๆ หน่อยแล้วกัน ฉันยังไม่อยากไปโรงพยาบาลเป็นครั้งที่สองหรอกนะ”
“ครับ” หลงคุยกับวุฒิและกรณ์สักพักก่อนก่อนจะไปเรียนหนังสือ อันที่จริงหลังจากอุบัติเหตุคราวนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอีกฝ่ายเป็นไปอย่างราบรื่นหากเทียบกับเมื่อก่อน ส่วนแม่..หล่อนยังดีเสมอต้นเสมอปลายกับวุฒิและกรณ์เท่านั้น กับหลง..คงไม่ต้องพูดถึงว่าหน้ามือกับหลังมือเป็นอย่างไร
การทำใจมาเรียนวิชาของอาจารย์พฤทธิ์ยากขึ้นก็ต่อเมื่อเขาหวนคิดไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ถูกล่ะ..หลงเผลอไผลกับความอ่อนโยนเพียงเสี้ยวหนึ่งจากอาจารย์พฤทธิ์และต้องมาผิดหวังเมื่ออีกฝ่ายประกาศอย่างชัดเจนว่ามันคือความผิดพลาด
สำหรับอาจารย์พฤทธิ์แล้วมันคงเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิต แต่สำหรับหลงแล้วการได้สัมผัสความอ่อนโยนเพียงเสี้ยวหนึ่งจากอีกฝ่ายกลับกลายเป็นความรู้สึกลึกซึ้งที่ไม่ควรเกิดขึ้นแต่แรก
ภายในห้องเรียนยังเต็มไปด้วยนิสิตเช่นเคย ไม่ว่าจะเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ดูเหมือนว่าความนิยมของอาจารย์พฤทธิ์จะไม่ลดลงด้วย ตรงกันข้ามคนที่ไม่เข้าเรียนอยู่บ่อยๆ ก็มานั่งเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจแทน เขาคงหนึ่งที่รู้สึกตรงกันข้ามกับคนพวกนี้ ยิ่งถึงเวลาเรียน..หลงยิ่งอยากเดินออกไปข้างนอกมากขึ้น
จริงอยู่ที่อาจารย์พฤทธิ์ไม่ค่อยเช็คชื่อนิสิตในห้อง แต่บางครั้งก็ให้ทำแบบทดสอบแทน ดูอย่างครั้งก่อนที่หลงมาช้า..อีกฝ่ายก็จัดเสียหนักจนเขาแทบกระอักเลือดตายคากระดาษ ก็อย่างว่า..โชคไม่เคยเข้าข้างหลงสักครั้ง
เด็กหนุ่มนั่งเงียบๆ อยู่หลังห้อง หลีกเลี่ยงการเผชิญกับอีกฝ่ายให้มากที่สุด กระนั้นท่วงท่าที่อาจารย์พฤทธิ์เดินเข้ามาก็น่ามองเสียยิ่งกว่าอะไร ไม่ใช่แค่หลงคนเดียว คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน
แม้การเรียนจะต้องจดจ้องไปยังตัวหนังสือข้างหน้า ทว่าหลงก็ไม่อาจทำใจให้มองเพียงตัวเองหนังสืออย่างเดียวได้ เขารู้ว่านี่ไม่ต่างอะไรจากการกระทืบใจตัวเองซ้ำๆ ยิ่งเห็นหน้าอีกฝ่ายเขาก็ยิ่งคิดถึงเรื่องที่ถูกตอกกลับมาในวันนั้นอยู่ร่ำไป
“อาจารย์พฤทธิ์นี่พูดอะไรก็น่าฟังไปหมดเลยนะ”
หลงหันไปมองเพื่อน ใครๆ ก็ชอบของสวยของงามเป็นธรรมดา แต่สำหรับหลงแล้ว..อาจารย์พฤทธิ์ไม่ต่างอะไรจากยาขม
“อือ”
“ไม่ชอบอาจารย์หรือหลง”
“เปล่า”
เด็กหนุ่มมองไปยังอาจารย์ที่ยืนบรรยายอยู่ อีกฝ่ายยังคงพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมรอยยิ้มตามมารยาทที่ทำให้ใครต่อใครใจสั่นรวมถึงหลงด้วย ต่อให้หลงพยายามตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเองในห้องเรียน แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับตีรวนขึ้นมาจนอยากร้องไห้เดี๋ยวนั้น
ลำคอของเขารีบแสบร้อนขึ้นมา ทว่าน้ำตาที่คล้ายจะไหลรอมร่อกลับหยุดชะงักเมื่อสายตาคมเหลือบมองขึ้นมา ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการแสดงด้านอ่อนแอของตัวเองให้คนอื่นเห็นโดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งขยี้ใจเขาไปหมาดๆ
หลายคนบอกว่าชั่วโมงของอาจารย์พฤทธิ์ไวเหมือนโกหก แต่สำหรับหลงแล้วมันยาวนานเสียจนคิดว่าไม่มีทางสิ้นสุดแน่ๆ
“วันนี้ไม่น่าเบื่อเลยจริงๆ”
“อือ”
“รู้แบบนี้ตั้งใจเรียนตั้งแต่แรกดีกว่า เผื่อคะแนนสอบปลายภาคจะไม่เน่าหนอนแบบนี้อีก” ภัทรบ่นกระปอดกระแปด ปกติแล้วอีกฝ่ายหลับเกือบทุกครั้งที่อาจารย์พฤทธิ์สอนด้วยเหตุผลที่ว่าแค่ฟังชื่อวิชาก็รู้ว่าต้องหลับแน่ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว..ก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด
“คะแนนออกแล้วหรือ”
“ยังไม่ออก อาจารย์บอกถ้าออกแล้วให้เข้าไปขอดูกับอาจารย์ได้” น้ำเสียงของภัทรสดใสแม้จะอยู่ในช่วงบ่ายคล้อยก็ตาม สำหรับหลงแล้วการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวไม่ต่างอะไรกับการกระโดดลงเหวลึก “อยากให้คะแนนออกเร็วๆ จัง”
“ไม่เห็นอยากรู้เลย” ส่วนหนึ่งเพราะหลงทำข้อสอบได้ไม่ค่อยดี แต่ส่วนใหญ่ก็มาจากอาจารย์พฤทธิ์มากกว่า
“ถึงจะน้อยแต่อย่างน้อยก็ได้เจออาจารย์นะ”
ภัทรยังคงพูดได้เรื่อยๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เรื่องของอาจารย์พฤทธิ์ที่เจ้าตัวเพิ่งมาสนใจตอนนี้ก็เป็นเรื่องหลับในห้องเรียนที่ไม่ว่าอย่างไรก็หาทางแก้ไขไม่ได้สักที
“เราไม่เข้าเรียนวิชาของอาจารย์พฤทธิ์ทั้งอาทิตย์นี้นะ” เขาพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงชานชาลารอรถ
“ทำไม หลงไม่ชอบที่เราพูดถึงอาจารย์เยอะใช่ไหม”
“ไม่ใช่” เด็กหนุ่มหลบสายตาเพื่อน เขาหรือจะไม่ชอบพฤทธิ์ แต่เพราะความปวดร้าวเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายทำราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมันทำให้หลงอดเสียดในใจไม่ได้ ก็อย่างว่า..เขามันโง่ที่หลงใหลได้ปลื้มกับความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายพร่ำบอกว่าเป็นแค่ความห่วงใยจากอาจารย์ถึงลูกศิษย์เท่านั้น กับคนอื่นพฤทธิ์ก็คงปฏิบัติไม่ต่างกัน
“แล้วอะไรล่ะ เมื่อก่อนเราเห็นหลงเข้าเรียนประจำ แถมยังนั่งหน้าชั้นเรียนอีกต่างหาก”
นั่นมันเมื่อก่อนที่เขาไม่สามารถหาที่นั่งข้างหลังได้ หนำซ้ำเขาไม่ได้อยากเป็นคนนั่งหน้าที่อาจารย์คอยทำหน้าดุใส่ตลอดเวลา
“เอาเป็นว่าเราไม่สะดวกใจจะเข้าเรียนก็แล้วกัน” หลงพูดสั้นๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่จอดเทียบชานชาลาแล้ว ถึงเขาจะเคยโดดเรียนบ้างเป็นครั้งคราว แต่สำหรับวิชานี้แล้ว..เขาไม่ควรโดดเรียนทั้งอาทิตย์เลยจริงๆ
หลงเคยคิดว่าความโชคร้ายที่เกิดขึ้นกับเขาอาจจะเป็นเพราะความบังเอิญ แต่เมื่อเช้านี้หลงกลับพบว่าเขาเกิดมาพร้อมความโชคร้ายต่างหาก ในสัปดาห์ที่หลงไม่เข้าเรียนวิชาของอาจารย์พฤทธิ์..อีกฝ่ายไม่เพียงบรรยายในหัวข้อสำคัญๆ เท่านั้น แต่กลับมีแบบทดสอบเพื่อ ‘เช็คชื่อนิสิต’ อีกต่างหาก แม้ว่าน้อยครั้งพฤทธิ์จะทำแบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำ
ตอนแรกเขากังวลใจไม่น้อยที่อาจารย์พฤทธิ์ทำแบบนั้น แต่ความกังวลใจกลับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อได้ยินจากกรณ์ว่าวันนี้พฤทธิ์พร้อมคุณเพ็ญแขจะมาเยี่ยมที่บ้าน
“วันนี้คุณป้าแขกับคุณพฤทธิ์บอกจะมาเยี่ยมที่บ้านครับคุณพ่อ”
“อ้อ..ดีเลย ไม่ได้เจอกันเสียนาน บอกให้กิ่งทำอาหารให้เยอะหน่อยแล้วกัน” วุฒิบอกสั้นๆ พลางหันมาบอกเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเช่นเคย “อยู่ด้วยกันเสียล่ะ อย่าหนีไปทำงานแบบครั้งที่แล้วนะหลง”
“ป้ากิ่งคงทำเผื่อเลี้ยงคนทั้งบ้านไปสามสี่วันแน่ๆ”
หลงนั่งเงียบๆ ทว่าในใจของเขากลับวุ่นวายไปหมด หากคุณเพ็ญแขมาคนเดียวคงไม่ทำสับสนขนาดนี้ แม้ว่าหล่อนจะทำไม่ดีกับเขาอย่างไรหลงก็ไม่เคยเก็บมาใส่ใจ ตรงกันข้ามกันอาจารย์พฤทธิ์ ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายทำไม่ดี แต่เป็นหลงต่างหากที่ทำไม่ดี ถึงการโดดเรียนจะเป็นสิทธิ์ของเขา ทว่ากับพฤทธิ์อีกฝ่ายไม่ใช่แค่อาจารย์ประจำวิชา แต่พ่วงตำแหน่งญาติห่างๆ ของเขาอีกด้วย แล้วมีหรือเจ้าตัวจะไม่รายงานให้คนอื่นรับรู้
“ผม..” เขาอ้าปากจะพูด แต่แล้วก็เงียบลงเมื่อคิดว่าข้ออ้างไม่ถูก
“มีอะไรหลง”
“ไม่มีครับ”
บ่ายวันนั้นหลงกระสับกระส่ายจนสังเกตได้ เขาพยายามนึกหาข้ออ้างที่ไม่ต้องเจอหน้ากับพฤทธิ์เพราะตัวเองก่อเรื่องไว้ แต่อันที่จริงถึงเขาจะทำมันก็ไม่ส่งผลกระทบต่ออาจารย์พฤทธิ์แม้แต่ปลายก้อย ทว่าความรู้สึกหน่วงๆ กลับตีรวนขึ้นมาคล้ายจะต้องย้ำว่าหลงก้าวพลาด
“ผมไปช่วยป้ากิ่งทำอาหารนะครับ”
“อืม”
เด็กหนุ่มเดินไปยังห้องครัว เขาเห็นป้ากิ่งทำอาหารมากกว่าปกติ ไม่ใช่แค่ปริมาณ แต่รวมถึงความหลากหลายที่เห็นอยู่บนโต๊ะด้วย ถูกล่ะ..ใครๆ ต่างก็รักและชื่นชมคุณพฤทธิ์เพราะอีกฝ่ายทั้งหล่อและเก่ง ทำให้ใครต่อใครภูมิอกภูมิใจไม่เว้นแต่คนในครอบครัว แต่รวมถึงคนที่บ้านของหลงด้วย ทว่าสำหรับหลงที่เห็นมุมต่างๆ ของพฤทธิ์กลับไม่เห็นด้วยที่จะเทิดทูนอีกฝ่ายขนาดนั้น
“เป็นอะไรคะคุณหลง ยืนขมวดคิ้วเชียว”
“ทำเยอะจะกินหมดหรือครับ” หลงถามเสียงเขียว อันที่จริงป้ากิ่งทำอาหารให้ทำกินแทบทุกวัน แต่ไม่ได้มากมายขนาดเลือกได้เท่ามื้อนี้
“อย่าเพิ่งอิจฉาคุณพฤทธิ์นะคะ ก็นานๆ ทีแกจะมา ป้าก็อยากเอาใจแกสักหน่อย”
“ไม่ได้อิจฉาครับ”
หลงอยู่ช่วยในครัวจนกระทั่งไฟในสวนด้านนอกจึงสว่างขึ้นพร้อมกับรถยนต์สีดำสนิทค่อยๆ จอดเทียบชานบ้าน นี่แหละ..ความรู้สึกที่ดิ่งไปถึงตาตุ่ม เขาพอจะรู้ว่าพฤทธิ์เป็นคนแบบไหน ยิ่งมีเรื่องด้วยแล้วอีกฝ่ายใช่ยอมง่ายๆ
สำหรับเขาแค่โดดเรียนคงไม่ใช่ปัญหาที่จะมาเอาเรื่องเอาราวกับเขา..
“คุณพฤทธิ์กับคุณแขมาแล้ว คุณหลงช่วยยกอาหารไปวางที่โต๊ะหน่อยนะคะ”
“ผมไม่อยากออกจากครัว”
“ทำไมล่ะคะ วันนี้อาจารย์อุตส่าห์มาเยี่ยมบ้าน”
ถ้าเจตนาของใครบางคนคือการเยี่ยมเยียนลูกศิษย์เขาคงไม่กังวลขนาดนี้
“ผมไม่อยากเจออาจารย์”
“ถึงไม่อยากเจอก็ปฏิเสธไม่ได้นี่คะ คุณวุฒิเธอบังคับคุณให้ร่วมโต๊ะ แล้วอีกอย่างป้าอุตส่าห์ทำอาหารขนาดนี้ คุณจะปล่อยให้เหลือหรือคะ”
หลงยืนเงียบๆ ก่อนยกอาหารใส่ถาดแล้วเดินไปยังห้องอาหาร
ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่หลงคิดเสมอไป คุณเพ็ญแขไม่ได้มาพร้อมกับอาจารย์พฤทธิ์เพียงสองคน แต่ยังพ่วงว่าที่ลูกสะใภ้มาด้วย อันที่จริงหล่อนก็ไม่ได้ทำผิดอะไรหากจะพาอาจารย์ฉลองขวัญมาแนะนำให้วุฒิรู้จัก เพราะงานวันคล้ายวันเกิดของคุณหญิงดุลยาวุฒิและกรณ์ก็ไม่ได้เข้าไปร่วมงาน กระนั้นหลงก็อดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ที่เห็นอาจารย์ฉลองขวัญอยู่ในวงสนทนา
เด็กหนุ่มวางจานอาหารด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเดินกลับไปห้องครัว แต่ไม่ว่าจะพยายามเลี่ยงไปทางไหน สุดท้ายแล้วความอยากรู้ก็เอาชนะให้เขายืนฟังเงียบๆ หน้าประตู
“ตอนนั้นคุณวุฒิกับกรณ์ไม่ได้ไปงาน เลยอดเห็นว่าที่ลูกสะใภ้เลยค่ะ”
ฉลองขวัญสวยโดดเด่นอย่างที่เขาคิด ถึงขนาดวุฒิเอ่ยชมย่อมไม่ธรรมดา “เหมาะสมกับคุณพฤทธิ์มาก”
“แต่งเมื่อไหร่ผมจะไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนะครับ”
หัวใจเด็กหนุ่มปวดหนึบ เขารู้ความความไม่คู่ควรเสียดแทงความรู้สึกแค่ไหน หนำซ้ำ..คนที่ผิดไม่ใช่อาจารย์ฉลองขวัญ แต่เป็นเขาที่ไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรถึงได้กล้าคาดหวังจากอาจารย์พฤทธิ์
ถูกล่ะ..เขาก็แค่เด็กโง่ๆ ที่ตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่ง..
ยิ่งฟังก็ยิ่งปวดใจ หลงจึงไม่รีรอจะเดินกลับเข้าห้องครัวก่อนจะยกอาหารมาวางบนโต๊ะจนเสร็จ ถึงหน้าที่นี้ไม่ใช่ของเขา แต่จะให้หลงนั่งร่วมสนทนาให้ห้องรับแขกก็กะไรอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาที่เป็น ‘คนนอก’
อันที่จริงอาหารค่ำมื้อนี้ควรจะเป็นมื้อที่มีความสุขมากกว่า ทว่าสำหรับหลงแล้วกลับไม่ต่างอะไรจากอาหารมื้อสุดท้ายของเขาเมื่อวุฒิเริ่มต้นพูด
“คุณพฤทธิ์หลงตั้งใจเรียนหรือเปล่า” วุฒิพูดขึ้นทันทีที่นึกขึ้นได้ เขาไม่เคยถามเรื่องการเรียนจากหลง แต่อยากรู้จากปากคนอื่นมากกว่า
“ผมไม่ทันสังเกตว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจครับ”
“นิสิตในห้องเยอะมากใช่ไหม อาไม่แปลกใจถ้าจะไม่เห็นหลง”
หลงรู้ตัวดีว่าเขาทำอะไรลงไปบ้างในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ขาดเรียน จริงอยู่เขาไปมหาวิทยาลัยทุกวัน เข้าเรียนวิชาอื่นและส่งงานครบทุกอย่างยกเว้นวิชาของพฤทธิ์วิชาเดียว ถึงเขาจะไม่ได้เข้าเรียน แต่ใช่จะละเลยงานที่สั่ง
“ประมาณนั้นครับ” พฤทธิ์ยิ้มบางๆ ทว่าหลงกลับรู้ดีว่ามันไม่ใช่ยิ้มตามมารยาทอย่างที่หลายๆ คนคิด แต่เป็นยิ้มที่พร้อมเชือดเฉือนอริอย่างไม่มีชิ้นดี
“หลงตั้งใจเรียนหรือเปล่า” วุฒิหันมาถามเขาบ้าง
“ครับ” หลงตอบสั้นๆ วิชาอื่นเขาไม่เคยโดนเรียนและตั้งใจเรียนอย่างที่ตอบจริงๆ แต่สำหรับวิชาของอาจารย์พฤทธิ์แล้วหลงยอมรับว่าเขาก็แค่หายไปหนึ่งอาทิตย์เพราะไม่อยากเห็นหน้าคนสอนก็เท่านั้น
“ตั้งใจเรียนล่ะ โตมาจะได้มีอนาคตดีๆ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนบทสนทนาจะเป็นเรื่องอื่น ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของพฤทธิ์และฉลองขวัญมากกว่า อันที่จริงหลงควรจะรู้สึกยินดีที่อีกฝ่ายแต่งงานเสียที แต่เขาก็ทำได้แค่นั่งเงียบๆ แล้วขมวดคิ้วเท่านั้น
เสียงรถจอดบริเวณชานบ้านดึงความสนใจไปจนหมด ไม่นานนักแม่ของหลงก็เดินออกมาจากรถสปอร์ตคันใหม่ที่เจ้าตัวเพิ่งขอจากคุณวุฒิ
“คุณวุฒิ ลดากลับมาแล้วค่ะ” หล่อนเดินเข้ามาพร้อมกลิ่นเหล้าหึ่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหล่อนคงไปเที่ยวกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าอีกตามเคย
“ทำไมกลิ่นเหล้าหึ่งแบบนี้”
“ขอโทษนะคะ ลดาแค่เพลินไปหน่อย” ลดากอดคอสามีที่นั่งรับประทานอาหารอยู่หัวโต๊ะอย่างไม่เกรงกลัว จริงอยู่หล่อนไม่มีอะไรต้องกลัว แต่สายตาเหยียดหยามจากคุณเพ็ญแขก็ทำให้หลงยอกใจไม่น้อย ถึงไม่โดนกับตัว แต่อย่างน้อยหล่อนก็เป็นแม่ของเขา
“ไปนอนเถอะ แล้วค่อยคุยกัน”
ป้ากิ่งดึงหล่อนออกอย่างแรง หลงรู้ว่าป้าไม่ชอบแม่ของเขาและคอยพร่ำบอกว่าหล่อนเป็นผู้หญิงไม่ดี ถึงหลงจะเห็นด้วยอย่างไร ทว่าก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าหล่อนเป็นแม่ของเขา
“คุณวุฒิไปขุดผู้หญิงแบบนี้จากไหนคะ”
“เอาน่า หล่อนแค่เมา ปกติไม่เคยทำเสียเรื่องแบบนี้หรอก”
“จะเมาก็ควรให้เกียรติกันนะคะ แบบนี้เหมือนไม่ได้รับการอบรมเลยค่ะ” ถ้าเทียบกับภรรยาเก่าของวุฒิแล้ว ผู้หญิงที่ชื่อลดาไม่ต่างอะไรจากมดปลวกตามซอกดิน หนำซ้ำ..หล่อนไม่ได้มาตัวคนเดียว แต่ยังเอาเด็กหนุ่มไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาอยู่ในบ้านอีกด้วย
“ผมจะจัดการให้นะครับคุณแข” วุฒิบอกสั้นๆ เป็นการตัดบทสนทนาเสียดื้อๆ
หลังจากมื้อค่ำจบลงพวกเขาก็ยังไปคุยกันต่อตามประสาญาติที่ห้องรับแขก ส่วนอาจารย์พฤทธิ์ก็ขอตัวไปห้องซ้อมดนตรีที่อีกฝ่ายเคยสอนหลงเล่นเปียโน กระนั้นหลงก็ไม่อยากพลาดโอกาสคุยกับอีกฝ่าย
เด็กหนุ่มแอบมองจากข้างนอก เห็นพฤทธิ์กำลังเล่นเปียโนด้วยท่าทางสบายก่อนเจ้าตัวจะหยุดแล้วหันมาทางเขา “มีอะไรครับ”
เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อถูกจับได้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ เดินเข้ามาในห้อง “ผม..”
พฤทธิ์มองหลงเงียบๆ
“ผมโดดเรียนวิชาของคุณ”
“ผมทราบแล้ว” พฤทธิ์ตอบเรียบๆ เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่เข้าเรียน กระนั้นก็ไม่คิดว่าเป็นปัญหาของตัวเอง เพราะอย่างไรผลเสียก็ย่อมตกกระทบต่อนิสิตไม่ใช่อาจารย์ ส่วนพฤทธิ์ก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็เท่านั้น แต่อันที่จริง..น้อยคนจะโดดวิชาของเขาถ้าไม่จำเป็น การกระทำของหลงจึงไม่ต่างจากการฉีกหน้า แม้พฤทธิ์อยากโกรธมากแค่ไหน แต่เขาไม่อยากให้หลงมามีอิทธิพลต่อตัวเองมากกว่าเกินไปก็เท่านั้น
“ผมอยากขอบคุณที่คุณไม่บอกคุณวุฒิเรื่องนั้น”
“นิสิตหลายคนเพิ่งจะก้าวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย ความรับผิดชอบมากขึ้นเป็นธรรมดา ไม่ต้องแปลกใจถ้าจะถูกตำหนิน้อยลงเพราผมเชื่อว่าคุณมีวุฒิภาวะพอ” อีกฝ่ายยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
รอยยิ้มของพฤทธิ์ไม่ต่างจากหนามทิ่มใจ อย่างอีกฝ่ายหรืออยากจะช่วยเหลือเขาจากใจจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดตอกหน้าเขาจนหงายหลังแบบนี้หรอก!
_____________________________________
หายไปนานเกือบเดือนอีกแล้ววว หลังจากกลับบ้านไปก็ไม่ได้เขียนอะไรต่ออีกเลย แต่เข้ามาอ่านคอมเม้นท์อยู่บ่อยๆ นะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มาก อย่าเพิ่งหมั่นไส้อาจารย์พฤทธิ์ของคนเขียนนะคะ อาจารย์เป็นคนดีและเหมาะสมจะเป็นพระเอกมากๆ ค่ะ
ตอนหน้าจะมาให้เร็วกกว่าเดิม
Fan Page:
https://www.facebook.com/AUTHOR.ELLETTE