ซุปตาร์ #12
ตอนนี้เราเริ่มซ้อมดนตรีกันเป็นเรื่องเป็นราว ที่จังหวัดพิษณุโลกตอนนี้มีมหาวิทยาลัยใหญ่
เพราะเป็นภาคเหนือตอนล่าง เป็นภาคกลางตอนบนก็คือจะมีทั้งนักเรียนนักศึกษา
จากทางภาคกลางและจากทางเหนือมารวมกันอยู่ที่นี่ ตอนกลางคืนจึงค่อนข้างคึกคัก
มีผับเกิดขึ้นมากมาย จึงมีที่ให้เราได้โชว์ แทบไม่ต้องห่วงเรื่องงานจ้าง
เราได้เริ่มเล่นดนตรีในแบบของเรา รู้สึกว่าคนฟังจะค่อนข้างชอบพอสมควร ร้านแน่นขนัดเลยทีเดียว
มีนักศึกษามาแอบชอบผมด้วย ...เป็นผู้ชาย ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง
แบบนี้สินะเขาถึงเรียกว่าผีเห็นผี
นักศึกษาคนนี้ไม่ได้มีท่าทางเป็นตุ๊ดแต๋วอะไรเลย หน้าตาออกจะใสๆ เหมือนเด็กกรุงเทพฯ
มาคนเดียวมานั่งมองผมเล่นดนตรีอยู่หลายวัน
หลังเล่นดนตรีเสร็จวันหนึ่ง ผมกำลังขี่รถเครื่องกลับบ้าน ผมก็เห็นน้องคนนี้เดินมาที่ผม ยิ้มให้ผม
ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เค้ามีรถเก๋งขับด้วย วันนั้นผมเลยออกไปกับเขา ผมอยากลองอะไรใหม่ๆ แล้วผมก็ได้ลองจริงๆ
ผมยืนพิงกำแพงในห้องพักอพาร์ทเม้นท์ของน้องเค้า กางเกงผมหล่นกองอยู่ที่เท้า
เด็กน้อยกำลังง่วนอยู่กับช่วงล่างของผม ผมกำลังเพลิดเพลินสุดๆ
แต่แล้วอยู่ดีๆ ผมก็ชะงักงันกับความคิด ผมไม่อยากเป็นอย่างพี่ปั้น
พี่ปั้นที่ใช้ความเป็นนักดนตรีมาล่อผู้หญิงขึ้นเตียง แล้วผมก็ให้เขาหยุดและผมก็ใส่กางเกง
น้องทำหน้าตกใจเหมือนหมดความมั่นใจไปเล็กน้อย ผมแค่บอกว่าผมยังไม่พร้อม
ผมขอโทษเค้า แต่แล้วอยู่ดีๆ เขาก็ถามผมขึ้นมาว่า
"พี่คือคนที่อยู่กับ ปั้นอาฟเตอร์ช็อก ใช่ไหม"
ผมได้ยินคำถามนี้อีกแล้ว จริงๆ แล้ว คงมีคนอยากถามผมหลายคน แม้แต่สมาชิกในวง
หรือใครๆ แต่ก็คงไม่มีใครกล้า ถ้าไม่ได้รู้ว่าผมเป็นเกย์
ผมรีบตอบแบบอัตโนมัติว่าไม่ใช่ และผมก็เสแสร้งต่อ ว่าทำไมใครๆ ก็ต้องมาทักแบบนี้
ผมไม่ใช่คนนั้นแน่นอน น้องคนนั้นยังพูดต่อว่า
“มีแต่คนเค้าลือกันให้แซ่ดว่าพี่เป็นเกย์ ไม่งั้นผมจะไปตามจีบพี่ได้ยังไง"
ผมยังเสแสร้งต่อไปอีกรอบ ว่าผมไม่ใช่ และผมก็พูดไปว่า
"คิดว่าหน้าอย่างผมจะเป็นแฟนปั้น อาฟเตอร์ช็อก ได้เหรอ"
แล้วผมก็รีบเดินหนีออกมา เป็นคำพูดสะเทือนใจตัวผมเหมือนกัน
'หน้าอย่างผมเหรอ จะเป็นแฟนปั้น อาฟเตอร์ช็อก'
อีกสองวันต่อมา ผมก็ใคร่คิดคำนวณดูแล้ว ผมเลยไปตัดผมทรงสกินเฮด
ตอนนี้หน้าของผมมีหนวดเครารุงรังอยู่แล้ว บวกกับหัวเกรียน รับรองตอนนี้ไม่มีใครจำผมได้
ถ้าใครทักอีกผมก็จะโกหกไป เหมือนที่พี่เก๋เคยสอนไว้ ปฏิเสธเข้าไว้
ผ่านไปเกือบครึ่งปี วงของผมก็ดูดีขึ้นมา เริ่มเป็นที่นิยมแถมยังได้ไปโชว์ตามจังหวัดต่างๆ
มีคนมาติดต่อให้เราไปเซ็นสัญญากับค่ายเพลงด้วยซ้ำ แต่ชินคิดว่าเรายังไม่พร้อม
น้องๆ ก็ยังเรียนไม่จบ ลูกชินก็ยังไม่คลอด ผมก็เห็นดีด้วยเพราะผมยังไม่อยากทำอะไรให้วุ่นวายตอนนี้
วันนี้ผมไปนั่งเล่นอยู่ที่ร้านกาแฟไอ้ชิน นั่งดูข่าวบันเทิงรอบเที่ยง ก็ได้เห็นข่าวพี่ปั้นเข้าโรงพยาบาล
เป็นโรคเครียดลงกระเพาะ ตรอมใจ ไม่กินข้าว เพราะข่าวเลิกกับเมียยังคาราคาซัง
ชินเห็นผมนั่งดูอยู่อย่างสนใจ เลยเดินมาถามผมว่า ผมอยากไปหาพี่ปั้นที่กรุงเทพฯ ไหม
ผมบอกว่าไม่เห็นสนใจ แม้ผมจะเข้าใจดีว่าคนป่วย ต้องการคนเอาใจเสมอ ถึงแม้บางคนจะปากแข็งก็ตาม
ผมพยายามติดตามเรื่องการป่วยของพี่ปั้นทางเว็บข่าวต่างๆ ด้วยความกระวนกระวายใจ ขนาดปากบอกไม่สนใจ
ผมน่าจะแวะไปหาเค้าตอนเค้าหลับ แล้วเขียนโน้ตแปะไว้ที่เตียง
“แดกข้าวบ้างนะพี่ จากต้า”
ผมคิดเรื่อยเปื่อย ถ้าหายตัวแบบนั้นได้คงดี
แต่แล้วความอ่อนแอของผม ทำให้ผมร้อนรนอยากไปกรุงเทพฯ ตอนนี้เลย
แต่วงของผมสิ ต้องเล่นโชว์งานเฟรชชี่ไนท์ ที่มหาวิทยาลัยวันศุกร์นี้ งานใหญ่ด้วย
เพราะจะมีกล้องมาถ่ายทำ และเราก็จะมีฟุตเตจภาพการแสดงสดของพวกเราเอง
เราอาจจะได้ขึ้นยูทูป แล้วเรายังจะโชว์เพลงที่เราแต่งขึ้นมาเองอีกสองเพลงด้วย
ผมจะหนีไปกรุงเทพฯ เพื่อไปหาเรื่องราวที่จับต้องไม่ได้ หรือจะอยู่กับสิ่งที่มันมีอยู่จริงตรงหน้า