[เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58  (อ่าน 28180 ครั้ง)

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย) เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #6 ลาและรอ   




                    ก่อนวันที่พี่ปั้นจะไปลอนดอน ผมได้ลงไปกรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อจะไปส่งพี่ปั้น    ผมได้มาเห็นคอนโดฯ ของพี่ปั้นเป็นครั้งแรก ผมตื่นเต้นมากที่ได้เห็นที่นอนของเขา ตู้เสื้อผ้าของเขา เรามีเวลาได้อยู่ด้วยกันหนึ่งคืน ก่อนที่จะไปส่งพี่ปั้นเช้าวันรุ่งขึ้น 
                          
                    เรามีเซ็กส์มาราธอนกัน ในพื้นที่ๆ เป็นของเรา ที่เรารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น เราสามารถเปลือยกายเดินไปมารอบๆ ได้เต็มที่ ตัวเราติดกันตลอดเวลา เราคลอเคลียกัน มีเซ็กส์กันทุกที่ในบ้าน อ่างอาบน้ำ โต๊ะอาหาร โซฟา และจบที่เตียงนอน

                    เราตกลงกันว่า พี่ปั้นจะใช้วิธีเขียนโปสการ์ดมาหาผม ทุกๆ หนึ่งสัปดาห์ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรอยู่ก็ตาม 
   
                    เป็นวิธีที่คลาสิกมาก ดีนะที่โทรเลขเลิกใช้ไปแล้ว
 
                    แต่ผมยังไม่มีที่อยู่ที่กรุงเทพฯ ผมเลยให้พี่ปั้นส่งมาที่คอนโดฯ ของเขานี่แหละ เดี๋ยวผมมารับไปเอง เพราะผมกำลังจะยึดห้องพี่ปั้น
 
                    ไปถึงสนามบินเราก็อยากจะจูบลากันเหมือนคนรักทั่วไป แต่ก็ทำไม่ได้ 

                    ผมอยากจะร้องไห้

                    ต้องห่างกันอีกแล้ว...      



                    แล้วผมก็กลับไปพิษณุโลกเพื่อเตรียมตัวที่จะย้ายเข้ากรุงเทพฯ อีกสักประมาณสักเดือนนี้เราก็จะเลิกเล่นดนตรีในผับแล้ว เพื่อให้น้องๆ ได้หยุดพักเพื่อมีสมาธิ ตั้งใจสอบให้เรียนจบกันเสียที

                    เรามีคอนเสิร์ตส่งท้ายที่ผับด้วย แขกหรือแฟนเพลงวงของเรา ที่เริ่มพอมีอยู่บ้าง เมามันส์สนุกสนานกันมาก มีคนมาขอลายเซ็นของเราไว้ด้วย เผื่อว่าวงของเราเกิดดังในอนาคต
 
                    ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า จริงๆ แล้วมีคนมาชอบผมมากเหมือนกัน ทั้งที่ผมก็เงียบๆ ไม่ค่อยสนใจใคร แค่ภาวนาขอให้เล่นไม่ผิดไม่เพี้ยนก็พอแล้ว


                    ในที่สุดเราก็ได้ย้ายมากรุงเทพฯ มีแค่ผมกับชินที่ย้ายมาก่อน มาเตรียมที่ทางรอน้องๆ หลังเรียนจบ

                    บ้านที่เรามาอยู่เป็นทาวน์เฮ้าส์สามชั้น เป็นบ้านหลังใหญ่ มีหลายห้องมาก แถมยังมีห้องซ้อมดนตรีด้วย ซึ่งค่าเช่าส่วนหนึ่งค่ายเพลงที่เซ็นสัญญากับเราออกให้ ชินหอบลูกเมียมาอยู่ด้วย เพราะมันไม่อยากไกลลูกเมีย ผมก็ว่าดี เพราะผมจะได้เล่นกับลูกชิ้น ยามเหงาๆ

                    เมียชิน ชื่อ ‘มะปราง’ เป็นผู้หญิงที่ต้องอดทนมาก เมื่อเป็นแฟนนักดนตรี ต้องจากบ้านมา มะปรางเป็นผู้หญิงเรียบร้อย น่ารัก เหมาะแล้วที่จะดูแลชินและลูกชิ้น
 
                    เมื่อเรามาอยู่กรุงเทพฯ ผมเลยไปคอนโดฯ ของพี่ปั้นบ่อยๆ ได้แล้ว
   
                    หนึ่งเดือนครึ่งแล้ว หลังจากที่พี่ปั้นไปลอนดอน ผมเพิ่งไปรับโปสการ์ด มีทั้งหมด 4 ฉบับ

                    ฉบับที่หนึ่ง โปสการ์ดรูปบ้านเมืองที่ลอนดอน พื้นๆ ทั่วไป


To Tar

ผมมาถึงลอนดอนแล้ว เจอยีนส์แล้ว ยีนส์อึ้งไปเลยเมื่อเจอผม

ผมก็นอนที่บ้านยีนส์นี่แหละ

นอนไม่ค่อยหลับแฮะ สงสัยผิดที่

Love you

Pun Pathimar 


   
                    ผมแค่หวังว่า เขาจะบอกว่า นอนไม่หลับเพราะคิดถึงผม แต่ก็เปล่า แต่คำลงท้ายว่าเลิฟยู ก็ปลอบใจได้ดี

                   
                    ฉบับที่สอง โปสการ์ดรูปศิลปะเก๋ๆ พัฒนาขึ้นมาหน่อย


To Tar

ยีนส์พาไปเที่ยวที่เก่าๆ ที่เราเคยไปกัน รำลึกความหลังกัน

โดยเฉพาะย่าน SoHo ยังอบอวนไปด้วย กลิ่นไอดนตรีและศิลปะที่คุ้นเคย

อยากให้ต้าร์มาอยู่ด้วย

Love U

Pun Pathimar 



                    บอกตามตรงว่าผมรู้สึกอิจฉา ผับดนตรีที่ลอนดอน คงแตกต่างจากผับที่พิษณุโลก หรืองานประจำจังหวัด อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน โดยสิ้นเชิง มันเป็นอย่างไรกันหนอ ผมได้แต่จินตนาการ    ‘อยากให้ต้าร์มาอยู่ด้วย’ คงปลอบใจได้บ้าง
   

                    ฉบับที่สาม โปสการ์ดรูปชนบทนอกเมืองหน่อย


To Tar

สัปดาห์นี้ ยีนส์ยังพาผมไปเที่ยวที่เก่าๆ ที่เราเคยไปกัน เหมือนเดิม

แต่คราวนี้ออกไปนอกเมืองหน่อย

ผมสนุกมาก ยีนส์ก็สนุก คงเพราะไม่มีเพื่อนมาเยี่ยมนาน

Pun


                          
                    ฉบับนี้ไม่มีอะไรปลอบใจเลยว่ะ แถมลืมลงท้ายเลิฟยู คือถ้าดูตามไทม์ไลน์แล้ว นี่มันสัปดาห์ที่สามเข้าไปแล้ว เขาอาจจะลืมๆ ผมไปบ้าง
      

                    ฉบับที่สี่ โปสการ์ดรูปกราฟิกฟอนท์ภาษาอังกฤษ เขียนว่า I LOVE YOU, I หัวใจ LONDON


To Tar

สัปดาห์หน้า ยีนส์ชวนผมไปเที่ยวปารีส ขับรถข้ามไปหน่อยเดียว

แล้วคงล่องต่อไปทะเลทางตอนใต้ของฝรั่งเศส

ผมอาจจะไม่ได้ส่งโปสการ์ดนะ

Pun


                    ฉบับที่สี่ ยิ่งห่างเหินไปอีก เขียนก็น้อยมาก แถมยังบอกจะเลิกส่งโปสการ์ดมาอีก เฮ้อ...
   
                   
                    อ่านโปสการ์ดเสร็จ จากนั้นแล้วผมก็ขึ้นไปห้องพี่ปั้น ห้องยังสภาพเหมือนเดิม จากวันที่เราจากกัน ผมมองไปรอบๆ ด้วยความคิดถึง นั่งตรงโซฟา ที่เราเคยมีเซ็กส์ด้วยกัน เปิดตู้เสื้อผ้า ดมกลิ่นเสื้อผ้าของเขา ดมชุดชั้นในของเขา อย่างกับเป็นคนโรคจิต
                     
                    ผมไปนอนบนที่นอนของเขา เอาหน้าซุกหมอน ดมกลิ่นพี่ปั้นที่หมอน เอาเสื้อผ้าเขามากอด
   แล้วผมก็สร้างความสุขให้ตัวเอง ผมคลอเคลียไปกับเสื้อผ้าเหล่านั้น เอามือล้วงเข้าไปในกางเกงและลูบไล้มัน...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2015 23:56:51 โดย boy2gether »

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
กอดต้าร์  :กอด1:
เดี๋ยวพี่ปั้นกลับมาก็เป็นเหมือนเดิมแหละใจคนรอก็เงี้ย มันทรมานสมกับที่ต้าร์ชอบไหมล่ะ (แอบประชดเบาๆ :katai3:)

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :serius2:  สงสารต้าร์ เป็นคนรอมันทรมาน
แถมไม่รู้ว่าถ่านไฟเก่าจะคุเมื่อไหร่

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #7 ซุปตาร์ของผม


               ผ่านไปอีกเดือน ที่โปสการ์ดขาดหายไป ผมเวียนไปดูเกือบทุกสัปดาห์ บางครั้งก็ไปสองครั้งต่อสัปดาห์ด้วยซ้ำ ก็ไม่มีโปสการ์ดมาส่ง สิ่งที่ผมกลัว มันจะเป็นจริงไหม พี่ปั้นหายเข้ากลีบเมฆอีกครั้ง
 
               ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยมีอะไรทำ ผมมักจะนั่งเล่นกีตาร์เรื่อยเปื่อยที่ห้องของผม ผมเอาของส่วนตัวมาน้อยมาก เสื้อผ้าแทบไม่ได้เอาออกจากกระเป๋า จนชินต้องทักว่าผมทำท่าเหมือนจะย้ายตลอดเวลา จริงๆ ผมคิดว่าผมคงจะย้ายออกสักวันหนึ่ง แต่ชินคงคิดว่าผมจะไปอยู่กับพี่ปั้น ไม่หรอก...ถ้าจะไป ผมคงไปนานแล้ว

               ตอนนี้วงเรายังมาไม่ครบ ชินก็ไปติดต่อกับที่ค่ายเป็นครั้งคราว แต่งเพลงที่เหลือ เรามีห้องที่ทำเพลงและอัดเสียงได้อยู่ในบ้านด้วย ส่วนงานของผมมีอย่างเดียว คือเล่นกับลูกชิ้น ลูกชิ้นทำให้ผมหายเหงา เด็กคือความบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรต้องคิด มีความสุขก็ยิ้ม หัวเราะ ปวดท้อง หิวนม ก็ร้องไห้ ไม่ต้องคอยคิดถึงใครๆ และฟุ้งซ่าน เหมือนที่ผมเป็นอยู่

               ผ่านไปเกือบสองเดือน โปสการ์ดที่หายไปหลังจากที่เขาไปฝรั่งเศสกัน ในที่สุดวันนี้ผมก็ได้โปสการ์ดที่ผมรอคอย พี่ปั้นเขียนมาบอกสั้นๆ ระบุวันที่จะกลับเมืองไทย ก็ประมาณอีกสองอาทิตย์ ไม่มีคำหวาน ไม่มีคำว่าคิดถึงหรือบอกรัก ไม่มีอะไรปลอบใจผมอีกต่อไป
 
               พี่ปั้นจะกลับมาแล้ว ผมตื่นเต้นนอนไม่หลับเลย ผมไปที่คอนโดฯ ก่อนจะไปรับเขาที่สนามบิน เพื่อไปดูคอนโดฯ ให้เรียบร้อยและไปเอารถด้วย ผมซื้อดอกกุหลาบติดมือไปด้วย แม้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับความสัมพันธ์ของเรา ผมเอากุหลาบดอกที่สวยที่สุด วางบนหมอนของพี่ปั้น แล้วเอากุหลาบมาโรยๆ ที่เตียง ทำเป็นรูปหัวใจ ทำเป็นตัวอักษร LOVE ชวนอ้วกมาก ผมเลยเปลี่ยนเป็นรูปไอ้จู๋แทน แล้วผมก็หยิบกุหลาบติดมือไปหนึ่งดอกเพื่อไปเวลคัมพี่ปั้นที่สนามบิน คงไม่โอเว่อร์ไป

               ถึงแม้ผมจะกังวลใจอยู่บ้าง แต่ผมก็ห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มหน้าระรื่น ระหว่างที่ขับรถไปสนามบินไม่ได้

               ผมไปรอซุปตาร์ของผมตรงทางออกผู้โดยสารขาเข้า เที่ยวบินของพี่ปั้นมาถึงแล้ว หัวใจผมเต้นตึกตัก ผมนึกภาพว่า ผมอยากจะวิ่งไปกระโดดกอดเขา เหมือนลูกลิง อยากจะจูบๆๆๆๆ แต่ด้วยความเป็นซุปตาร์ของเขา ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ ดอกไม้ที่จะเอามาให้ ผมยังไม่กล้าถือติดมือมาเลย กลัวเขาอาย ผมเลยซ่อนไว้ในรถ 

               และแล้วผมเห็นพี่ปั้นกำลังเดินลากกระเป๋าออกมา ไปอยู่เมืองนอกมาสามเดือน ผิวขาวและอ้วนขึ้นนิดหน่อย ผมยังยืนยิ้มไม่หุบ แล้วผมก็เห็นพี่ปั้นเดินคุยมากับใครสักคน ผมยังมองไม่ถนัด เพราะมีผู้โดยสารคนอื่นเดินบังอยู่ข้างหน้า ผมชะเง้อดูว่าเขาเดินมากับใคร

               และภาพที่เห็นก็ทำให้ผมต้องอึ้งไป

               ตัวผมชาเหมือนโดนฉีดยาชาชนิดแรง

               ผู้ชายที่พี่ปั้นเดินคุยมาด้วย ตัวสูงกว่าพี่ปั้นเล็กน้อย ผอมแบบบาง หน้าเรียวสวยเหมือนผู้หญิง ผมปรกหน้าที่ได้รูป ท่าทางการเดินบวกกับออร่าที่กระจัดกระจาย จนดูเหมือนหลุดมาจากแคทวอล์กแฟชั่นท่านชาย จนคนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นต้องเหลียวหลังไปมอง เมื่อเขาเดินมาใกล้ๆ ผมจึงเห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาก ผิวหน้าขาวใส คิ้ว ตา ปาก ฟัน ได้รูปไปหมด

               เขาเดินมากับพี่ปั้น ถ้าผมไม่โง่ ตาบอด หรือสติเสียไปเสียก่อน ผมก็ต้องรู้ได้ทันทีว่าเขาคนนี้คือ...

               'พี่ยีนส์' แฟนเก่าพี่ปั้น...

               ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองในใจที่ไม่ได้ถือดอกกุหลาบมาด้วย เงิบแน่!

               พี่ปั้นเห็นผมแล้ว เดินยิ้มมาหาผม เหมือนอยากจะเข้ามากอดผมเหมือนกัน แต่ก็ต้องชงักไปนิดนึง ก็แค่เอามือมาลูบที่ท้ายทอยผมไว้ ยิ้มให้ผม ถามผมว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผมยกมือไหว้พี่ปั้นและคนที่มากับพี่ปั้น พี่ปั้นแนะนำ ว่านี่คือพี่ยีนส์และแนะนำผมกับพี่ยีนส์

               พี่ยีนส์เอื้อมมือมาเช็คแฮนด์เหมือนฝรั่ง พี่ยีนส์ยิ้มให้ผม รอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากของพี่ยีนส์ ยังเท่เลย   

               ผมก็เรียกสติกลับมาและพาพี่ทั้งสองคนเดินไปที่รถ พี่ปั้นพยายามมาแตะหลังผมไปตลอดทาง เหมือนอยากจะบอกอะไร แต่ก็เหมือนพูดไม่สะดวก

               ผมกับพี่ปั้นพยายามเก็บกระเป๋าขึ้นหลังรถ พี่ยีนส์ขึ้นรถไปแล้วเพราะอากาศร้อนจัด ผมเลยแอบเอากุหลาบให้พี่ปั้น แต่หน้าของผมก็เรียบเฉย ไม่ได้ยิ้มระรื่นเหมือนตอนขับรถมา จังหวะนี้พี่ปั้นเลยโน้มตัวมาหอมแก้มผมหนึ่งที ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้เรายังแทบไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกัน

               ระหว่างทางไปคอนโดฯ ที่ปั้นกับพี่ยีนส์คุยกันไปตลอดทาง ที่ยีนส์คนที่ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ มาหกปี ชี้ชวนคุยเมื่อเห็นสิ่งแปลกใหม่ตลอดข้างทาง บางครั้งก็พูดเรื่องที่เขาอยู่ที่อังกฤษกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่รู้เรื่องด้วย ตอนนี้ผมไม่ต่างอะไรกับพนักงานขับรถ

               ผมไม่ได้เจอพี่ปั้นตั้งสามเดือน พี่สองคนอยู่ด้วยกันมาตั้งสามเดือน ผมเองสิต้องอยากคุยกับพี่ปั้นมากกว่า แต่ผมก็ต้องนั่งเงียบไปตลอดทาง พี่ปั้นนั่งข้างผม พยายามมองผม บางทีตอนพี่ยีนส์ไม่พูดอะไร พี่ปั้นก็แอบเอามือมาแตะมือผมบ้าง
   
               ที่สำคัญคือ...

               ที่สำคัญคือพี่ปั้นบอกผมว่า พี่ยีนส์จะไปนอนที่คอนโดฯ ด้วย พี่ปั้นบอกว่าตอนเขาไปลอนดอนก็ไปนอนห้องพี่ยีนส์ มาเมืองไทยเลยเป็นการตอบแทนคืน

               ผมหายใจยาวๆ แต่พยายามให้แผ่วเบา กลัวคนนั่งข้างหลังจะได้ยิน แต่กลับอยากให้พี่ปั้นได้ยิน เขาสองคนจะอยู่กันอย่างไร คอนโดฯ ของพี่ปั้นก็ไม่ได้ใหญ่มาก มีห้องนอนแค่ห้องเดียว เขาจะนอนกันอย่างไร เตียงก็มีแค่เตียงเดียว ตอนนี้ความคิดของผมเริ่มเตลิดมากขึ้น โปสการ์ดที่หายไปเกือบสองเดือน ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความฝันของผม ที่อยากจะทำอะไรโรแมนติกให้พี่ปั้น ทำอาหารไทยให้กิน จุดเทียนแล้วนอนแช่น้ำอุ่น แล้วก็มีเซ็กส์มาราธอนรอบสองกับพี่ปั้นเพื่อให้หายคิดถึง ฝันของผมสลายไปเหมือนน้ำที่หกลงพื้น

               ยังมีกลีบดอกกุหลาบรูปกระเจี๊ยว ที่ผมต้องรีบไปกำจัดมันทิ้งอีก

               เวรกรรม!
 
               มาถึงคอนโดฯแล้ว ผมกับพี่ปั้นก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกัน เพราะพี่ปั้นก็ต้องคอยเทคแคร์ ตอบคำถามพี่ยีนส์ อะไรเก็บไว้ตรงไหน พี่ยีนส์เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า แล้วเอากระเป๋าเปล่าเก็บเรียบร้อย แสดงท่าทีว่า กูอยู่นานแน่นอน ขนาดผมมีบ้านเช่าของตัวเอง ผมยังแทบไม่เอาเสื้อผ้าของผมออกจากระเป๋า 

               หลังจากกินอาหารเย็นกันเสร็จ เราก็นั่งดื่มกันตรงโซฟา แต่ผมไม่ดื่มเหมือนเคย เขาคุยกันเรื่องตอนที่อยู่อังกฤษ คุยกันอยู่ได้ เรื่องที่ผมไม่รู้เรื่องด้วย บางทีเขาก็พูดภาษาอังกฤษใส่กัน ผมก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องอีก

               ผมก็เหมือนเป็นแค่รูปปั้นประดับห้อง ได้แต่นั่งเงียบๆ นั่งมองเขาคุยกัน ช่างเป็นคู่ที่ดูเหมาะสมกันดีนะ คนหน้าตาดีสองคน อายุไล่เลี่ยกัน มีเสน่ห์ เป็นนักดนตรี พูดจาสุภาพ เขาเหมือนเสาโรมันที่สูงสง่าที่ตั้งไว้คู่กัน ส่วนผมเป็นเด็กน้อย ที่ยืนอยู่ระหว่างสองเสานั้น ได้แต่แหงนหน้ามอง

               จากนั้นพี่ยีนส์ก็ขอตัวไปนอน พี่ปั้นยกเตียงนอนให้พี่ยีนส์ไปเรียบร้อย พอพี่ยีนส์เข้าห้องปิดประตูไป พี่ปั้นก็โผเข้ามากอดผมอย่างรวดเร็ว พี่ปั้นขึ้นมานั่งคร่อมบนตักผม แล้วกอดผมไว้แน่น ผมอยากจะสลัดตัวออกเพราะงอนเขาเหมือนกัน แต่พี่ปั้นก็กอดแน่นขึ้น แล้วหอมผมไปทั่วทั้งตัว ตอนนี้ผมเริ่มจั๊กจี้ เลยขำออกมา พี่ปั้นเลยยิ่งแหย่ผมเข้าไปใหญ่

               พี่ปั้นหอมผมไป ปากก็พูดว่า คิดถึงๆ แล้วถามผมว่าผมคิดถึงเขาไหม

               “มากอ่ะ” ผมตอบเขาไป แบบไม่อาย

               ตอนนี้ความงอน ความน้อยใจของผมหายไปหมดแล้ว มีแต่เสียงหัวเราะคิกคัก ผมไม่อยากเป็นเด็กงอแง ถามว่าเขามีอะไรกับพี่ยีนส์ไหม เรายังเหมือนเดิมไหม พี่ยีนส์มาทำอะไรที่เมืองไทย ผมไม่อยากเซ้าซี้ แม้ว่าอยากจะรู้มากแค่ไหน

               จากนั้นเราก็มีเซ็กซ์กันที่โซฟานั่นแหละ ตอนนี้ผมเลิกกังวลถึงคนที่อยู่ในห้อง ถ้าเรามีเซ็กส์กันได้ ระหว่างที่พี่ยีนส์นอนอยู่ในห้อง ผมควรจะมั่นใจได้ว่า พี่ปั้นไม่น่าจะนอกใจผม ระหว่างที่เขาอยู่ที่ลอนดอน

               เซ็กส์ของเราก็ยังเร่าร้อน ดุเดือดทุกครั้ง หลังจากเราไม่ได้เจอกันนาน

               ผมดมกลิ่นกายของพี่ปั้น มันช่างเย้ายวนผม ริมฝีปากที่ประกบกันแทบไม่ได้ถอนมาหายใจ มันหวานฉุ่ม ลิ้นที่ตวัดไปมา ได้ลิ้มรสชาติปากของอีกฝ่ายด้วยความโหยหา เสื้อผ้าถูกถอดกระจายไปแถวๆนั้น แบบไม่ได้ใยดีมัน อยากให้เนื้อเราแนบกันไว้มากกว่า มือเราต่างลูบไล้กันและกัน สลับกันจูบไปทั่วร่างให้หายคิดถึง

               แล้วผมก็เอามือล้วงไปในกางเกงชั้นในของเขา โอ้! ยังเหมือนเดิมคิดถึงจัง พี่ปั้นก็ไม่ต่างอะไร เขยิบตัวลงมาต่ำด้านล่างของตัวผมและจูบมัน ลูบไล้มันราวกับเป็นของรักของหวง
 
               เราอยากจะสอดใส่กัน แม้มันจะยากนิดหน่อย แต่ใครล่ะจะอดใจได้ ผมขยับตัวเนิบๆ เพื่อไม่ให้เขาเจ็บ เรามองหน้ากัน ผมจูบเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาเกร็ง เมื่อมันเข้าที่เข้าทาง มันเหมือนว่าเราจะหยุดหายใจไปเลย แล้วเราก็เปล่งเสียงออกมาตามจังหวะของมัน       

               เราสองคนออกจะเปล่งเสียงแบบไม่ได้ปิดบัง ผมอาจจะดูนิสัยไม่ดีนิดหน่อย ก็เพื่อให้ผู้ชายอีกคนที่อยู่ในห้องได้รับรู้ว่า...

              ซุปตาร์เป็นของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2015 14:08:09 โดย boy2gether »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :hao5:   ไม่มีดอกกุหลาบรูปกระเจี๊ยวก็ช่างมันแล้ว

หวังว่าจะคลีนนะพี่ปั้น เพื่อนกันจริงๆนะ ไม่ได้นอกกายใช่ไหม

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ต้านายไปตรวจเลือดและอย่าลืมใส่ถุงยางนะ พฤติกรรมของซุปตาร์นี่มันชวนหลอนมาก

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ไม่มีอะไรในกอไผ่ใช่ไหมพี่ปั้น ดูน่าระแวงนะ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #8 ยังไม่ได้ตั้งชื่อ


               ตอนเช้าเราก็นอนกอดกันบนร่างเกือบเปลือยอยู่ที่โซฟา พี่ยีนส์ตื่นก่อนแล้วอาจจะเกิดอาการเจ็ตแล็ก นอนไม่ค่อยหลับ หรือเพราะเมื่อคืนเราส่งเสียงดังกันก็ไม่รู้

               พอผมเห็นพี่ยีนส์ตื่นมาทำอาหารเช้า ผมก็ตื่นมาสวมเสื้อผ้า ที่กระจุยอยู่แถวนั้น พี่ปั้นยังไม่ตื่น ผมเลยสะโหลสะเหล เดินเข้าห้องน้ำ ออกมานั่งที่โต๊ะทานอาหาร คอนโดฯ มันเล็กแค่นั้นผมคงหลบหน้าพี่ยีนส์ไปไหนไม่ได้แน่ ก็เลยนั่งสู้หน้ากันไปเลย

               พี่ยีนส์ในชุดกางเกงขาสั้นแค่เข่ากับเสื้อกล้าม ยิ่งทำให้เห็นรูปร่างที่บาง ผิวขาวที่เผยที่ไหล่และแขน กล้ามเนื้อแขนเล็กๆ ที่ดูมีเสน่ห์ พี่ยีนส์ถามผม ว่าจะดื่มอะไร ผมบอกว่าผมจะทำเอง แต่พี่ยีนส์ก็ห้ามไว้ พี่ยีนส์ชงโกโก้มาให้ผม แล้วเราก็เริ่มคุยกันจริงจังเป็นครั้งแรก

               พี่ยีนส์ชวนผมคุยเป็นส่วนใหญ่ คงเป็นเรื่องที่พี่ปั้นเล่าเรื่องผมให้พี่ยีนส์ฟังนั่นแหละ ถ้าเขาไม่ถาม ผมก็ไม่ได้ถามหรือพูดอะไร ผมนั่งกอดอก สูดน้ำมูกฟึดฟัดไปเรื่อย เพราะตอนเช้าๆ ผมมักแพ้อากาศ

               "เป็นอะไร สูดน้ำมูกฟึดฟัด" พี่ยีนส์ถามระหว่างยื่นแครกเกอร์ให้ผม

               "แพ้อากาศนิดหน่อย มักเป็นตอนเช้าๆ ตอนตื่นนอน เดี๋ยวสักพักก็หายครับ"

               พี่ยีนส์พยักหน้ารับทราบ ตายังจ้องเขม็งมาที่ผม ตอนนี้ผมเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง ว่าผมทำอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า แล้วพี่ยีนส์ก็ยิ้ม ยิ้มแบบสดใสสุดๆ ไม่แปลกใจหรอก ถ้าใครๆ จะหลงรักผู้ชายคนนี้

               "มีวงดนตรีด้วยใช่ไหม ต้าร์อ่ะ" พี่ยีนส์ถามขึ้นมา

               "อ๋อครับ กำลังจะได้ทำอัลบั้ม" ผมรีบคุยทับ ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ แต่ไม่รู้ต่อมสมองส่วนไหน ของผมมันกำลังทำงาน

               "เล่นอะไรนะ เห็นปั้นบอกว่าเล่นกีตาร์"

               "ครับ กีตาร์ แต่ก็ไม่ใช่ตัวเด่นนะครับ เพื่อนผมเด่นกว่า" นี่คือต่อมของผมจริงๆ ถ่อมตัวก่อน

               "ชื่อต้าร์ มาจากคำว่ากีตาร์ใช่ไหม"

               "ครับ พ่อผมตั้งให้ พ่อเป็นนักดนตรี แต่เสียไปแล้ว"

               "อ้า...เสียใจด้วยนะเรื่องพ่อ ผมก็เล่นกีตาร์เหมือนกัน" พี่ยีนส์ชี้ที่ตัวเอง ผมพยักหน้า เพราะผมรู้จากพี่ปั้นอยู่แล้ว

               พี่ยีนส์กำลังจะพูดอะไรต่อ แต่พี่ปั้นตื่นมาพอดี พี่ปั้นใส่กางเกงชั้นในตัวเดียว เดินมาที่โต๊ะอาหาร แล้วเดินมากอดผมจากข้างหลัง และดมหัวผมไปหนึ่งที เปล่งเสียงเบาๆ ว่า "มอร์นิ่ง" ก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ พี่ปั้นไม่ได้ลืมใช่ไหม ว่ามีพี่ยีนส์นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย

               "ผมเห็นนะ เทียนที่วางอยู่ตรงอ่างน้ำ" พี่ยีนส์พูดหลังจากพี่ปั้นปิดประตูห้องน้ำแล้ว

               "อ่อ ครับ" ผมยิ้มเจื่อนๆ 

               เทียนที่ผมไปเจอ แล้วผมซื้อไว้นานแล้ว ระหว่างที่พี่ปั้นไม่อยู่ มันเป็นลายเขียนที่เทียนว่า ‘Welcome Home’ ผมไม่ได้เก็บออกไปทิ้ง เพราะมันก็ไม่ได้มีความหมายเจาะจงอะไร

               "ผมมาขัดจังหวะคุณสองคนหรือเปล่า" พี่ยีนส์คงหมายถึงพี่ปั้นกับผม

               จะให้ผมตอบว่าอะไรล่ะ ใช่! ขัดจังหวะมากเลย ไม่งั้นป่านนี้ เราก็มีเซ็กส์มาราธอน สามารถเดินแก้ผ้าได้ แล้วผมไม่ต้องมาคอยกังวล ว่าผู้ชายหน้าสวยๆ คนนี้ จะมาแย่งคนรักของผมไป

               "รู้แล้วใช่ไหม ว่าผมจะกลับมาเล่นดนตรีกับปั้น" พี่ยีนส์พูดขึ้นมาระหว่างที่พี่ปั้นเข้าห้องน้ำ

               ผมอึ้งไปนิดหนึ่ง เพราะพี่ปั้นไม่เคยพูดเรื่องนี้กับผม เรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลยเรื่องพี่ยีนส์ 

               "ว่าจะมาช่วยทำเพลง แล้วมาเล่นแบ็คอัพให้ ไม่ได้มาตั้งเป็นวงอะไรหรอก" พี่ยีนส์ยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงร่าเริง จนหน้าหมั่นใส้ หรือผมอคติ ผมพยักหน้าเบาๆ พี่ปั้นออกมาจากห้องน้ำแล้ว

               พี่ปั้นเดินเข้ามาจูบผมอีกครั้ง ต่อหน้าพี่ยีนส์

               นี่คือวิธีของพี่ปั้น วิธีบอกรักของเขา วิธียืนยันว่าเขาเลือกผม

               วิธีที่ทำให้ผมต้องแพ้พี่ปั้นราบคาบอีกครั้ง...

               ผมถามว่าพี่ปั้นจะดื่มอะไร ผมกำลังจะลุกไปหยิบให้ แต่พี่ยีนส์เร็วกว่า

               พี่ปั้นถามว่าเราคุยอะไรกัน

               "เล่าเรื่องเล่นดนตรี ต้าร์เล่าเรื่องวงเขา เราเลยเล่าเรื่องที่เราจะมาร่วมทำเพลงกัน" พี่ยีนส์หันไปบอกพี่ปั้น

               พี่ปั้นชงักไปหน่อยหนึ่ง ระหว่างที่พี่ยีนส์กำลังยื่นเครื่องดื่มให้พี่ปั้น ก็รับรู้ถึงปฎิกิริยาของพี่ปั้นได้

               "อ้าว! นี่คุณยังไม่ได้คุยกันเหรอ เรานึกว่าคุณคุยกันไปแล้วเมื่อคืน" พี่ยีนส์แทนตัวเองว่าเรากับพี่ปั้น แล้วทำหน้างงๆ แล้วมองผมที มองพี่ปั้นที

               พี่ปั้นผมยังพอรับมือได้ แต่สำหรับพี่ยีนส์ บางทีผมก็ยังไม่เข้าใจทริกของเขา จะมาไม้ไหนนะ

               "งั้นเราให้คุณสองคนเคลียร์กันก่อนแล้วกัน" พี่ยีนส์ทำมือชี้มาที่เราสองคน แล้วพี่ยีนส์ก็เดินเข้าห้องนอนไป

               พี่ปั้นเงียบไปหน่อยหนึ่ง ส่วนผมนั่งกอดอกสูดน้ำมูกไป

               "แพ้อากาศอีกแล้วเหรอ"
         
               "อืม"

               "แอร์เย็นเหรอ"

               "ไม่แน่ใจ อาจจะมีฝุ่น"

               พี่ปั้นเอามือมาจิ้มจมูกผมเบาๆ ผมยิ้มๆ

               "ยีนส์เขา อยากมาเริ่มทำเพลงใหม่ เลยเอ่อ...ให้ผมช่วยหน่อยในช่วงเริ่มต้น ผมเลยชวนเขามาอยู่วงผมก่อน มันฉุกละหุกมาก เลยไม่ได้บอกต้าร์ก่อน"

               "พี่ปั้นไม่ต้องขออนุญาตผมก็ได้ พี่ยีนส์เขาไม่ได้จะมาอยู่วงผมนี่"

               ผมก็พูดเอาเท่ไปอย่างนั้น จริงๆ ผมโคตรอิจฉาพี่ยีนส์เลย จะได้เล่นดนตรีกับพี่ปั้น ได้ทำงานด้วยกันตลอดเวลา ได้ไปไหนด้วยกัน ไปโปรโมท ไปทัวร์ต่างจังหวัด ผมเริ่มนึกถึงภาพวันเก่าๆ ที่เคยทัวร์คอนเสิร์ตกับพี่ปั้น

               แล้วพี่ปั้นก็พูดเหมือนเสียงกระซิบ ว่าพี่ยีนส์จะมาอยู่ด้วยสักพัก สิ่งนี้ต่างหาก ที่เขาควรจะบอกผม ผมน่าจะอารมณ์เสียเรื่องนี้มากกว่า พี่ปั้นชอบเกรงใจเพื่อนจนตัวเองต้องลำบาก

               "ตอนไปอยู่ลอนดอน ผมก็ไปอาศัยเขามา จะให้ผมปฏิเสธได้ยังไง"

               เรื่องนี้ผมก็เถียงไม่ออก ถ้าผมจะกังวล ผมควรกังวล ตั้งแต่ตอนเขาอยู่ที่อังกฤษ

               แล้วผมจะมาหาพี่ปั้นได้ตอนไหน เราจะมีเวลาส่วนตัวกันตอนไหน ผมนั่งเกาคิ้วแบบไม่เข้าใจ แล้วพี่ปั้นก็พูดขึ้นมาแบบลอยๆ แบบที่เขาชอบพูด

               "เราหาที่อยู่ใหม่ แล้วย้ายไปอยู่ด้วยกันไหม"

               ผมไม่รู้ว่าเขาประชด หรือพูดเรื่อยเปื่อย เขาชอบพูดลอยๆ เหมือนทุกครั้ง ที่ขอให้ผมไปอยู่ด้วย เพราะเขาคงคิดว่ายังไงผมก็ต้องปฏิเสธ

               "ผมแค่ไม่เข้าใจว่า นี่เป็นบ้านของพี่ แล้วทำไมเราต้องย้ายออกไปด้วย" ตอนนี้ผมเริ่มพูดเสียงแข็งขึ้นมาหน่อย แต่ก็เบาพอให้แน่ใจว่าคนในห้องจะไม่ได้ยิน พี่ปั้นยังคงก้มหน้าไม่ตอบอะไร ผมถอนหายใจยาวๆ

               พี่ปั้นเอามือมาลูบหัวผม แล้วบอกว่า ค่อยๆ แก้ปัญหากันไป ผมก็ต้องอดทนรอไปอีก แต่พี่ปั้นน่าจะรู้ดีกว่าใครๆ ว่าถ้าผมมีงานอัลบั้มแล้ว ผมจะไม่มีเวลาให้เขาอีกแล้วนะ

               ผมรับรู้ถึงความไม่มั่นคงของอนาคตเรา แม้เราจะรู้ว่าเรารักกันดี แต่ไม่รู้ว่ามันจะไปกันตลอดรอดฝั่งไหม

               พี่ยีนส์เดินออกมาจากห้อง พอรู้ว่าผมรับทราบแล้วเรื่องพี่ยีนส์จะมาทำเพลงกับพี่ปั้น เขาสองคนก็เริ่มคุยเรื่องดนตรีกันใหญ่ แนวเพลงที่เขาอยากจะทำ ผมเลยได้โอกาสแทรกมานิดนึง

               "แล้วเพลงอะคูสติก เพลงรักอะไรนั่น ไม่ทำแล้วเหรอ" ผมหันไปถามพี่ปั้น

               พี่ปั้นมองผมแล้วยิ้มเก้อ ซึ่งแปลว่าไม่มีคำตอบ

               พี่ยีนส์พูดแทรกขึ้นมา "เพลงรักที่เขียนโดยคนที่ไม่มีความรัก อ่ะเหรอ"

               ผมนึกถึงประโยคเด็ดจากหนังเรื่องหนึ่งได้เลย รอประโยคเด็ดจากปากพี่ปั้นมากกว่า

               "ไม่ใช่แบบที่คุณพูดหรอก" พี่ปั้นเหมือนหันไปดุพี่ยีนส์ว่าอย่าพูดแบบนั้น แล้วหันมาอธิบายกับผม

               "ผมคิดว่า ช่วงนี้เราได้พักนาน มีเวลาทำเพลงนาน ผมเลยอยากทำอัลบั้ม ที่แบบว่าอยากทำมานานแล้วกับยีนส์ ตั้งแต่ที่เรายังทำเพลงด้วยกัน ตอนนั้นเรายังไม่มีชื่อเสียง ทำไปตอนนั้นดับแน่ ตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ เราก็โตแล้ว คนฟังก็โตแล้ว อาจจะยอมรับฟังเพลงแบบที่เราอยากทำ"

               เพลงที่ดี ก็คือเพลงที่มีทำนองไพเราะ เนื้อร้องที่กินใจ ไม่จำเป็นหรอก ว่าต้องหรู หูสูง คนฟังเขาตัดสินเอง ผมคิด ผมอคติ ผมอารมณ์เสีย

               เพลงรักอะคูสติก ที่ผมเคยเข้าข้างว่ามันเป็นเพลงที่พี่ปั้นแต่งให้ผม มันกำลังโดนกลืนหายไปที่โต๊ะกาแฟเช้านี้ ตอนนี้มีแต่เพลง ปั้น-ยีนส์ ปั้น-ยีนส์ ปั้น-ยีนส์...   

               "วันนี้ต้าร์ทำอะไร" พี่ยีนส์ถามผม
 
               "อืม วันนี้ผมมีซ้อมครับ"

               "อ้าวเหรอ ว่าจะชวนกันออกไปซื้อของใช้หน่อย เสื้อผ้าที่เอามา เหมือนจะไม่เหมาะกับอากาศว่ะ งั้นคงต้องไปกับปั้นสองคน"
               
               ซวยละ!

               จริงๆ ผมก็ตอบไปอย่างนั้นแหละ ว่าผมมีซ้อมดนตรี เพื่อจะแสดงว่าผมก็มีงานดนตรีทำอยู่เหมือนกัน ไม่ได้มาทำตัวไร้สาระ มาตามซุปตาร์ไปวันๆ แต่จริงๆ ผมโกหก วงของผมยังมากันไม่ครบเลย ผมจะไปซ้อมกับใคร ผมกลับไปบ้านตอนนี้ก็ไปเลี้ยงเจ้าลูกชิ้นเท่านั้นแหละ

               ผมบอกพี่ปั้นว่า กุญแจบ้านกับรถ ผมแขวนไว้ที่ประตู พี่ปั้นบอกให้ผมเอากุญแจสำรองไป แต่ผมปฏิเสธ ผมบอกว่าพี่ยีนส์อาจจะต้องการใช้มันมากกว่าผม มันไม่ใช่ห้องของเราอีกต่อไป มีแต่ห้องของเขาสองคน เฮ้อ...

               พี่ปั้นขับรถไปส่งผมที่บ้าน เพื่อจะได้รู้จักไว้ แล้วผมก็กลับมาเล่นกับลูกชิ้น ลูกชิ้นทำให้ผมสบายใจ ไม่คิดมาก

               สักพักใหญ่ๆ มือถือของผมก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกๆ ผมเกรงว่าจะเป็นคนที่ค่ายเพลง เลยรับสาย

               เสียงที่ปลายสายเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคย

               เสียงพี่ปั้น 

               เขาบอกว่าซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เพราะยีนส์ยุให้ซื้อ ผมอารมณ์เสียต่อเนื่องไปเลย ทีอยู่กับผมตั้งนานไม่ซื้อ พอพี่ยีนส์พูดเท่านั้นแหละ ยอมใช้เลย แถมบอกว่าเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด พี่ปั้นโลว์เทคขนาดนั้น

               ดัดจริต! ผมด่าเขาในใจ

               วางหูแล้ว ผมก็เมมชื่อพี่ปั้นว่า ‘กระเจี๊ยวน่ารัก’ ด้วยความหมั่นใส้ แล้วนั่งนึกว่าเขาไปเดินซื้อของกันหนุงหนิง แล้วต่อมอิจฉาของผมมันก็พุ่งปรี๊ดๆ แต่ดีที่ลูกชิ้น ชวนผมเล่นของเล่นโน่นนี่ นั่งตีของเล่นไปเรื่อยเปื่อย

               เมื่อผมหายอิจฉาตาร้อนแล้ว ผมมานั่งทบทวนเรื่องโทรศัพท์มือถือ มันเป็นพี่ยีนส์นั่นแหละที่ทำให้พี่ปั้นเลิกใช้มือถือ ตอนนี้พี่ยีนส์เป็นคนเสนอให้พี่ปั้นใช้มือถืออีกครั้ง ผมว่าพี่ปั้นเหมือนได้ปลดล็อกแล้ว

               แต่การที่พี่ปั้นมีมือถือ ยิ่งทำให้ผมบ้าบอไปใหญ่ เพราะต้องคอยกังวลว่าเขาจะโทรมาหาผมไหม

               เวรไหมล่ะ!

               ชินกลับมาถึงบ้าน ถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะรู้ว่าผมไปรับพี่ปั้นกลับมาจากลอนดอนเมื่อวานนี้ ผมตอบไปว่าก็โอเค พี่ปั้นก็สบายดี

               "มาพร้อมเพื่อนคนหนึ่งด้วยและจะทำดนตรีด้วยกัน ชื่อพี่ยีนส์ ซึ่งเขาเป็นแฟนเก่าพี่ปั้น คนที่พี่ปั้นเคยแถลงข่าว ตอนนี้มาอาศัยอยู่ที่คอนโดฯด้วยกันด้วย" ผมเล่ารัวๆ แล้วต่อด้วยเสียงถอนหายใจยาว

               แค่นี้ชินก็น่าจะรับรู้ได้ทันทีว่า

               ความรักของผมนั้นกำลังมีอุปสรรคอีกครั้ง


-----------------------

ขอบคุณผู้อ่าน ที่ห่วงเรื่องไม่สวมถุงยางอนามัยนะคะ คือเราข้ามขั้นตอนนั้นไปนะ บางเรื่องก็ข้ามไปบ้าง

เราเข้าใจนะ เพราะเราก็ดูหนังเกย์(เพื่อศึกษานะ อิอิ) แล้วเห็น นักแสดงก็ใส่ทุกครั้ง พอคนไหนที่ไม่ใส่ ทำให้เรากังวลแทนนักแสดงเหมือนกัน เฮ้ย จะปลอดภัยไหม เราเข้าใจผู้อ่านนะคะ ขอบคุณมากที่ช่วยใส่ใจรายละเอียดให้ด้วย 

 o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2015 19:39:08 โดย boy2gether »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ขอบคุณค่ะ.  :mew1:

อ่านตอนนี้จบก็คิดว่าซุปตาร์น่าหมั่นไส้
ทำเพลงด้วยกัน ทำคนละวง อึดอัดสุดๆเพราะนั่นคือแฟนเก่าแถมสานฝันกันต่ออีกต่างหาก

แล้วฝันของแฟนคนปัจจุบันล่ะคืออะไรลมๆแล้งๆหร่อเปล่า

เรื่องถุงเราว่าแทรกได้จะดีมากค่ะเพราะคนอ่านมักจะเป็นห่วงสวัสดิภาพของตัวละครเสมอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #9 วงโคจร


               ตอนนี้น้องๆ เรียนจบการศึกษากันแล้ว ได้ฤกษ์ย้ายเข้ามาที่บ้านที่กรุงเทพฯ สักที แกะกับศินะ จะอยู่บ้านทาวน์เฮ้าท์นี้กับเรา ส่วนว่าน จะมาๆ ไปๆ เพราะว่านเป็นคนกรุงเทพฯ อยู่แล้ว

               ศินะเลือกห้องอยู่ชั้นสาม ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับผม แต่ห้องน้ำเราต้องใช้ร่วมกัน ผมก็ไม่ได้มีปัญหา

               ผมดีใจมาก เพราะว่าเราจะได้ซ้อมดนตรีกันสักที เพลงที่แต่งเกือบเสร็จจะได้รีบทำต่อ เพราะส่วนที่เหลือคือส่วนของว่านที่ต้องมาเรียบเรียงเสียงต่างๆ เข้าไป ผมอยากให้เพลงออกเร็วๆ อยากรู้ปฏิกิริยาคนฟัง ที่สำคัญ คือผมอยากเล่นดนตรีแล้ว หลังจากที่ไม่ได้เล่นดนตรีในผับมานาน

               ในช่วงที่เราทำเพลงกันอยู่ ผมก็ว่าง ผมก็พยายามไปหาพี่ปั้นบ่อยครั้ง เพื่อให้เราได้มีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง คงไม่ได้คิดว่าผมไปตามจิก ติดตัวเขาตลอดเวลาหรอกนะ

               เราก็หาเวลาไปเที่ยวกันบ้าง เหมือนกับคนคู่รักทั่วไป เราไปดูหนังกัน ไปดินเนอร์ ตอนไปดูหนัง เราก็ต้องซื้อตั๋วแยกกันแล้วถึงค่อยเดินเข้าไปนั่งติดกัน หรือบางทีก็ทำเป็นเจอกันโดยบังเอิญแล้วก็ต่างคนต่างเข้าไปนั่ง

               เพื่อ ?...
 
               บางทีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องทำเป็นไม่รู้จักกันด้วย อาจจะเป็นผมเองแหละ ที่รู้สึกไม่กล้าที่จะควงเขาออกนอกหน้า จากงานที่ผมเคยทำ เคยต้องดูแลเขาไม่ให้มีข่าวเสียหาย ตอนนี้ผมก็ยังติดนิสัยนี้มาด้วย

               วันนี้เราก็ไปเที่ยวกันตามปกติ เพราะอีกไม่กี่วันผมก็จะไม่ว่างแล้ว พี่ปั้นเลยให้สิทธิ์ผมก่อน แต่พอเรากลับมาคอนโดฯ กลับเจอพี่ยีนส์ นั่งหน้าขมึงเกลียวอยู่ที่โซฟา

               "ไปไหนกันมา" พี่ยีนส์ถามพี่ปั้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเท่าไร

               "วันนี้เรามีนัดทำเพลงไม่ใช่เหรอ เรารอตั้งแต่บ่ายสอง" น้ำเสียงยังคงเครียด คิ้วขมวด

               ผมหันไปมองหน้าพี่ปั้น เหมือนถามว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นความผิดของผมหรือเปล่า

               "เราส่งแมสเสจบอกไว้แล้วไง ว่าวันนี้จะออกไปข้างนอกกับต้าร์ ขอเลื่อนเวลาไปก่อน" พี่ปั้นพยายามอธิบายเสียงเรียบๆ ไม่ได้บ่งบอกว่ามีอารมณ์

               "เราไม่ได้รับแมสเสจ ทำไมไม่โทรบอก แล้วมือถือก็ปิด" พี่ยีนส์ยังเหวี่ยงต่อไป

               ผมเข้าใจพี่ปั้นนะ แกไม่อยากโทรคุย เพราะแกคงไม่อยากตอบคำถามพี่ยีนส์ แล้วแกปิดมือถือ เพราะว่าเข้าไปดูหนัง แล้วคงลืมเปิด แม้จะมีมือถือใช้แล้ว แต่พี่ปั้นเป็นคนไม่สนใจมือถือเลย มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของอวัยวะ เหมือนที่คนอื่นเป็น   

               "โอเค เป็นความผิดของเราเอง" พี่ปั้นพูดเหมือนตัดรำคาญ

               "ต้าร์ก็อย่ามาทำให้ปั้นเสียสมาธิสิ ผมรู้ว่าในวงของคุณ คุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเยอะ คุณเลยมีเวลา แต่ปั้นเขาต้องทำงาน" พี่ยีนส์หันมาดุผม

               อ้าว! ไรวะ นี่ถ้าไม่เห็นแก่พี่ปั้น ผมอยากเดินเข้าไปต่อยพี่ยีนส์สักที

               "เฮ้ย! อย่าไปว่าต้าร์สิ เราเป็นคนชวนเค้าเอง เดี๋ยวต้าร์เค้าก็ไม่ว่างแล้ว เราก็เลยหาเวลาไปดูหนังกันบ้าง" พี่ปั้นแก้ตัวให้ผม

               จริงๆ ผมชวนพี่ปั้นเองแหละ เพราะอย่างที่บอกว่า อีกสองสามวันผมจะไม่ว่างแล้ว พี่ปั้นจะมาชวนได้ไง เมื่อรู้ว่าวันนี้มีคิวทำเพลง

               แต่เหมือนจะพี่ยีนส์จะรู้ ว่าเป็นฝีมือผมแน่ๆ เขายังจ้องเขม็งมาที่ผม ผมก็รู้สึกผิดนิดหน่อย ที่พี่ปั้นโดดงานมาเพื่อผม ผมเลยขอตัวกลับก่อน เพื่อให้เขาเคลียร์กันเอง ผมจูบลาพี่ปั้นไปทีหนึ่ง คงยิ่งทำให้อีกคนอารมณ์เดือดเข้าไปใหญ่

               พอผมเดินลงมาที่ล๊อบบี้คอนโดฯ ลุงสงวน ยามคนประจำที่คอนโดฯ แกเห็นผมกับพี่ปั้นบ่อยๆ จนแกคงรู้อะไรเป็นอะไรดี ช่วงที่พี่ปั้นอยู่อังกฤษ ผมไปรอรับโปสการ์ด แกก็จะแซวตลอด ถ้าโปสการ์ดไม่มา แกก็จะคอยบอกผมก่อนเลย ว่าไม่มีโปสการ์ดมาส่ง แล้วผมก็ทำหน้าเจื่อนๆ ไปทุกครั้ง
               
               แต่วันนี้แกเรียกผม เหมือนรอเจอผมมาหลายวัน

               "คุณต้าร์ๆ" ลุงสงวนเรียกผม

               "อ้าวหวัดดีครับ" ผมยกมือไหว้แก ตอนแรกผมรีบเดินออกจากลิฟท์เลยไม่ทันสังเกตแก

               "นี่ๆ ไปดูตู้จดหมายสิ มีโปสการ์ดส่งมาอีกแล้วนะ" ลุงสงวนบอกผม

               ผมก็นึกสงสัย ว่าโปสการ์ดอะไรกัน ก็พี่ปั้นกลับมากรุงเทพฯ ตั้งนานแล้ว โปสการ์ดจะมีได้อย่างไร

               เมื่อผมไปเปิดตู้จดหมายดู ลุงสงวนแกเดินมาดูด้วย ผมหยิบโปสการ์ดขึ้นมาดู มันเป็นโปสการ์ดที่แสตมป์วันที่ที่พี่ปั้นยังอยู่ที่ฝรั่งเศส มีทั้งหมดสี่ใบ เป็นรูปหอไอเฟลใบนึง แล้วรูปวิวทะเลทางใต้ของฝรั่งเศสสองใบ และอีใบเป็นรูปวาดศิลปะของฝรั่งเศส มันเป็นโปสการ์ดตกค้างจากตอนที่พี่ปั้นไปฝรั่งเศสนั่นเอง โปสการ์ดที่หายไป ที่ทำให้ผมกังวลอยู่นาน

               ข้อความในนั้น ยังหวานแหววอีกด้วย ถ้าผมได้เห็นโปสการ์ดนี้ก่อน ผมคงไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องพี่ยีนส์ ผมอ่านโปสการ์ดเสร็จ ผมก็ยิ้มแก้มแทบปริ จนลุงสงวนแซวใหญ่

               ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น เมื่อผมมาหาพี่ปั้นที่คอนโดฯ พี่ยีนส์ไม่เคยทำหน้าญาติดีกับผม คอยแต่จะแขวะผมในตอนที่พี่ปั้นไม่เห็น บางทีก็ชอบมานั่ง มาทำอะไรใกล้ๆ เหมือนจะยั่วผม เขาต้องการอะไรกันแน่

               วันนี้พี่ปั้นโทรให้ผมไปหาที่คอนโดฯ ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร พอผมเข้าไป เจอพี่ยีนส์แต่งตัวอย่างหล่อ นั่งหน้านิ่งเล่นกีตาร์อยู่ที่โซฟา เหมือนดั่งภาพปกนิตยสารแฟชั่น ส่วนพี่ปั้นก็ไม่ต่างกัน

               แต่ผมนี่สิ เสื้อยืดมือสองกับกางเกงสกินนี่สีดำ รองเท้าคอนเวิร์สหุ้มข้อสีดำ ผมก็เลยเพิ่งรู้ว่าที่เขาแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้ เพราะพี่ปั้นกับพี่ยีนส์ จะไปงานปาร์ตี้เลี้ยงรุ่นเพื่อนที่สาธิต เป็นปาร์ตี้ส่วนตัว จัดขึ้นเพื่อต้อนรับพี่ยีนส์กลับมาจากเมืองนอก 

               แล้วเขาเรียกผมมาทำไม ให้มาเฝ้าบ้านเหรอ    

               พี่ปั้นเดินมาหาผมทำหน้ากังวลเล็กน้อย ผมว่าแล้ว มันต้องไม่ปกติ พี่ปั้นชวนผมไปปาร์ตี้ด้วย ผมปฏิเสธพัลวัน ผมโกรธพี่ปั้นนิดหน่อย ทำไมไม่บอกผมก่อน พี่ปั้นบอกว่า ถ้าบอกก่อนผมก็คงไม่มา เราถกเถียงกันอยู่ พี่ยีนส์คงหมั่นใส้ผมเต็มที่ ที่ผมปฏิเสธจนน่าหมั่นใส้ แล้วเขาก็ต้องมานั่งรอผม

               พี่ปั้นรู้อยู่แล้ว ผมไม่ชอบออกสังคม พี่ปั้นรู้ว่าผมไม่พอใจ เดินมากระซิบใกล้ๆ ว่า ให้ผมไปเป็นเพื่อนเขาหน่อย พี่ปั้นแกก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน ผมเกาคิ้วท่าประจำ เมื่อผมหงุดหงิดเวลาที่พี่ปั้นชอบเกรงใจคนอื่นมากกว่าผม

               แล้วผมก็ต้องตามน้ำไป เพราะพี่ยีนส์กำลังนั่งจิกตามาที่ผม พี่ปั้นเอาเสื้อมาให้ผมเปลี่ยน ผมอารมณ์ขุ่นมัวอยู่แล้ว การที่ให้ผมต้องเปลี่ยนเสื้อ มันก็เหมือนเป็นการบอกว่า ผมไม่ดีพอสำหรับพวกเขา เสื้อที่ผมใส่มันไม่เข้ากับพวกเขา แต่ผมยอมทำ เพราะพี่ปั้นคนเดียว

               แต่ผมก็เปลี่ยนเสื้อแค่ตัวเดียว เป็นเสื้อยืดสีดำคอวีธรรมดา แต่มีแบรนด์ชื่อดัง แล้วเอาผ้าพันคอมาคล้องผมไว้ แล้วมีหมวกสีดำเท่ๆ มาใส่ให้ผม ถ้าไม่คิดอะไรมาก ผมก็ดูดีขึ้นมาทันตาเห็น ภายในเสื้อผ้าสามชิ้น

               เราขับรถไปที่คอนโดฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านใจกลางเมือง ขึ้นไปที่ชั้นสูงสุด มันเป็นคอนโดฯส่วนตัวที่กินบริเวณทั้งชั้น มีลิฟท์ส่วนตัวของชั้นนี้โดยเฉพาะ มันเป็นคอนโดฯที่หรูหรามาก ต้องเรียกว่าแมนชั่นมากกว่า ของตกแต่งบ้านก็หรูหราอลังการงานสร้าง วิวแม่น้ำยามค่ำคืนจากคอนโดฯ ชั้นสี่สิบสาม ก็สุดจะบรรยาย

               เราเดินออกจากลิฟท์แล้วไปถึงตัวแมนชั่นเลย มีผู้ชายสองคน คนหนึ่งอ้วนกับอีกคนหนึ่งล่ำ แต่งตัวจัดเต็ม เดินมาต้อนรับเรา ไม่ใช่ผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ท่าเดินกรีดนิ้วก็บ่งบอกอะไรบางอย่างได้ พอเห็นว่าเป็นพี่ยีนส์กับพี่ปั้น สองหนุ่มนั้นก็ร้องกรี๊ดกร๊าดเสียงดัง

               "ว๊าย! มาแล้วอียีนส์ คิดถึงมึงมาก" พี่เกย์อ้วนทักพี่ยีนส์แล้วเข้ามาหอมแก้มทักทายแบบฝรั่ง พี่เกย์ตัวบึกก็ตามมากอดอีกคน

               "อีปั้น คราวนี้มึงมาได้แล้วเหรอเนี่ย กูจัดปาร์ตี้ทีไร มึงไม่เคยปรากฏร่าง" คราวนี้หันมาทักพี่ปั้นบ้าง แล้วก็เข้ามากอดและหอมเหมือนกับพี่ยีนส์

               คราวนี้มาถึงผมที่ทำตัวลีบอยู่ ผมยกมือไหว้พี่เขาก่อนเลย กลัวเขาเข้ามาหอม

               "ว๊าย! รูปหล่อ" คราวนี้แกไม่กอดไม่หอม แต่เอามือมาจับแก้มผมแทน เหมือนทีเล่นทีจริง

               "ใครหิ้วหนุ่มคนนี้มา ฉันจองนะ ฉันจอง คืนนี้นอนนี่นะ" ผมได้แต่ยิ้มเขินๆ ทุกคนก็หัวเราะขำๆ กับท่าทางของพี่เกย์อ้วน

               พี่ยีนส์หันไปมองพี่ปั้น ว่าพี่ปั้นจะแนะนำผมว่าเป็นใคร ต่อหน้าเพื่อนเก่าๆ ของเขา พี่ปั้นเลยแนะนำว่าผมเป็นแฟนพี่ปั้น เพื่อนพี่ปั้นกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ แล้วพี่ยีนส์รีบเดินหนีไปจากตรงนั้นทันที 

               พี่ปั้นแกรนด์โอเพ่นนิ่ง

               จริงๆ หน้าที่ที่ผมมาก็เพื่อสิ่งนี้แหละ พี่ปั้นไม่อยากกระอักกระอ่วนกับเพื่อนเก่า กับเรื่องพี่ยีนส์ในอดีต และหรือแม้แต่พี่เนเน่ พี่ปกรณ์ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมางานนี้ไหม

               "อีปั้นนี่ มึงได้ผัวหล่อตลอดเลยนะ มีดีอะไรเนี่ย อียีนส์ก็คนหนึ่งละ กูอุตส่าห์ไปตามกรี๊ดมัน ตามขอบเวที แล้วมึงก็วาปไปเหอะ" พี่เกย์อ้วน ยังคงพูดพร่ำไประหว่างเชิญเราไปนั่งโซฟาเพื่อรอโต๊ะอาหาร พี่ปั้นเดินจูงมือผมเข้าไปเพื่อไม่ให้ผมประหม่า

               ระหว่างรอ ผมได้รู้ประวัติของ พี่เกย์อ้วน แกชื่อ ‘พี่ธีร์’ และแฟนแกพี่เกย์ล่ำชื่อ ‘พี่แก๊บ’ พี่ธีร์เห็นแกเป็นเกย์อ้วนตลกๆ แต่จริงๆ แกเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้า แกรับตกทอดกิจการธุรกิจจากที่บ้าน เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหมื่นล้าน คอนโดฯ ตึกนี้ก็ของแกนี่แหละ

               ผมรู้สึกตื่นเต้นกับวิวแม่น้ำที่เห็น เลยขออนุญาตเจ้าของบ้านออกไปยืนชมที่ระเบียง ซึ่งมีสระว่ายน้ำเล็กๆ และมีมุมเก้าอี้กึ่งนั่งกึ่งนอนสำหรับชมวิวด้วย วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ผมคิดถึงบ้านนิดหน่อย พี่ปั้นเอาเครื่องดื่มมาให้ผม ถามผมว่าชอบวิวเหรอ

               "อืม บ้านผมเป็นแม่น้ำน่านนะ ก่อนจะเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา" ผมชี้ไปที่แม่น้ำ แล้วไล่ไปตามทิศทางของมัน 

               "ถ้าโลกไม่กลม เราคงได้เห็นพิษณุโลกอยู่ไกลๆ" ตาผมยังจ้องไปที่แม่น้ำที่มีแสงสะท้อนวิบวับ พี่ปั้นโอบผมไว้

               "อยากอยู่ใกล้แม่น้ำแบบนี้ไหมล่ะ" พี่ปั้นถามผม

               โอ้! ผมคงไม่กล้า มันคงแพงมากเลย ผมได้แต่เบ้ปาก ส่ายหัว เหมือนว่าชาตินี้คงไม่มีปัญญา

               งานปาร์ตี้ยังไม่มีใครมาถึง ผมเริ่มกังวล ว่ามันจะเป็นปาร์ตี้รวมเกย์อะไรแบบนั้นหรือเปล่า แต่แล้วผมก็โล่งอก เมื่อมีเพื่อนพี่ธีร์เข้ามาอีกสามสี่คน เป็นคู่สามีภรรยาและผู้หญิงอีกสองคน แต่ละคนแต่งตัวกันดูหรูหรา ภูมิฐาน สรุปได้ว่า กลุ่มเพื่อนพี่ปั้นเป็นไฮโซของจริง

               เมื่อมีเพื่อนๆ มาได้ประมาณสักสิบกว่าคน พี่ธีร์ก็เชิญทุกคนไปที่โต๊ะอาหาร โต๊ะอาหารจัดไว้แบบเลิศหรู จาน ชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ วางอย่างถูกระเบียบประเพณีฝรั่งเป๊ะ ผมมองดูอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ตรงหน้าผมแล้ว ผมตายแน่

               ปาร์ตี้อะไรกันวะนี่ ชีวิตผมอย่างดีก็ปาร์ตี้หมูกระทะแถวบ้าน

               แล้วก็มีเพื่อนคนนึง ถามถึงพี่เนเน่กับพี่ปกรณ์ขึ้นมา ยังไม่ทันขาดคำ เสียงลิฟท์ก็เปิดออกมา พี่เนเน่เดินมากับพี่ปกรณ์

               ซวยละ! ผมคิด

               ผมหันไปมองพี่ปั้น เหมือนถามความคิดเห็น พี่ปั้นนิ่ง ผมก็นิ่งตาม พี่ยีนส์รอดูปฏิกิริยาของเรา ผมกับพี่ปั้นเหมือนกำลังโดนกดน้ำไม่ให้หายใจ

               "นี่จะกินกันแล้วไม่รอกูเหรอ" พี่เนเน่พูดเสียงดัง เพราะยังไม่เห็นพี่ปั้น แล้วเดินเข้าไปทักพี่ยีนส์ แล้วพี่เนเน่กวาดทั่วโต๊ะถึงเห็นพี่ปั้นกับผม พี่เนเน่หน้าถอดสี ตอนนี้เพื่อนๆ เงียบกันกริบ

               "เอ้า! มาด้วยเหรอ" พี่เนเน่ หันไปพูดกับพี่ธีร์เหมือนเชิงถามว่า เชิญพี่ปั้นด้วยเหรอ เดาว่าพี่ธีร์คงไม่ได้บอกพี่เนเน่ เพราะกลัวพี่เนเน่ไม่มา ตอนนี้ผมเข้าใจพี่ปั้นแล้ว ว่าทำไมถึงอยากให้ผมมาด้วย

               "กินข้าวๆ อย่าทำให้ข้าวไม่อร่อยน่า อียีนส์มันไม่อยู่ตั้งนาน แกควรจะยินดีกับเพื่อน มาคิดเล็กคิดน้อยอยู่ได้" พี่ธีร์รีบไกล่เกลี่ย เลื่อนเก้าอี้ให้พี่เนเน่นั่ง พี่ธีร์ก็ยังคงปล่อยมุกตลก ทำให้บรรยากาศไม่ตึงเครียดเท่าไหร่

               ผมกับพี่ปั้นเหมือนเป็นส่วนเกินของงานนี้จริงๆ พี่ปั้นแม้จะมีวงศ์ตระกูลดี ร่ำรวยเหมือนกัน แต่เหมือนพี่ปั้นเลิกใช้ชีวิตแบบนี้มานานแล้ว ระหว่างกินอาหาร พี่ปั้นก็หันมาถามผมเรื่อยๆ ว่ากินได้ไหม ผมก็พยักหน้าว่าพอกล้อมแกล้ม

               แต่อย่าถามว่าอร่อยไหม กินอาหารภายใต้ความกดดัน จากสายตาพี่เนเน่ ที่จ้องมองตลอดเวลา ไหนจะพี่ปกรณ์แฟนใหม่พี่เนเน่ แล้วยังพี่ยีนส์ ที่รอดูปฏิกิริยาของเราสองคน ตอนนี้ผมรู้สึกอยากเดินทะลุกระจกบานกว้างที่มองเห็นวิวสูงๆ นั่น ออกไปเลยทีเดียว

               เมื่อหมดอาหารชุดใหญ่นี้ ผมถึงกับโล่งอก แล้วทุกคนก็อัพเดทชีวิตกันว่า แต่ละคนทำอะไรกันบ้าง พี่ธีร์เป็นผู้นำการสนทนา ผมว่าพวกพี่ๆ ทุกคน เขาค่อนข้างมีการศึกษาดี ถูกเลี้ยงดูมาดี เขามีวิธีการพูดคุยกันแบบสุภาพ ให้เกียรติกัน แม้ใครจะมีฐานะหรืออาชีพการงานที่ด้อยกว่ากันก็ตาม แต่ก็มีพูดกูมึงบ้างก็เพื่อความเฮฮา เมื่อถึงคิวพี่ปั้น พี่ธีร์ก็ใส่เลย

               "ปั้นมันแกรนด์โอเพ่นนิ่งแล้วนะ นั่งข้างๆ นั่นน้องต้าร์" ผมกับพี่ปั้นพยักหน้ารับเบาๆ ผมเหลือบไปมองพี่เนเน่ แต่เขาทำเป็นไม่มองผม เพื่อนๆ ของพี่ปั้น ไม่ได้มีใครจ้องมองจนทำให้ผมอึดอัด เหมือนทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว ว่าพี่ปั้นเป็นเกย์ ตั้งแต่เรียนหนังสือ แค่มาผิดเพี้ยนตอนที่แต่งงานกับพี่เนเน่นี่แหละ ผมได้แต่จ้องมองไปที่จานช้อนบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่บนโต๊ะ แล้วก็มาถึงเจ้าของงาน พี่ยีนส์

               "เนี่ย ยีนส์หลังจากห่างหายไปหกปีนะยะ นางกลับมาคราวนี้ จะมาทำวงดนตรีกับอีปั้น" พี่ธีร์แนะนำพี่ยีนส์

               "อ้าวเหรอ ยีนส์ แกจะทำเพลงเหรอ ก็ปั้นเค้าโดนแบนอยู่" พี่เนเน่หันไปถามพี่ยีนส์

               "ก็ปั้นมันไปลอนดอน เลยได้คุยกัน ก็เลยกลับมากรุงเทพฯ" พี่ยีนส์ตอบพี่เนเน่ไป

               "แล้วตอนนี้แกนอนไหน"

               "ก็นอนคอนโดฯปั้น"

               "อ้าวแล้วแฟนเขาไม่ว่าเหรอ" พี่เนเน่หันมามองผม พูดเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น

               "อืม..." พี่ยีนส์ไม่ได้ตอบ แต่หันมามองพี่ปั้นเหมือนขอความคิดเห็น ผมรู้สึกว่าพี่เนเน่คงแอบดีใจนิดหน่อย ที่เหมือนมีพี่ยีนส์ มาขวางทางผมเอาไว้หน่อยก็ยังดี

               "นี่ๆ อีเนเน่ ไม่ต้องไปเสือกเรื่องผัวชาวบ้าน ถึงแม้จะเคยเป็นผัวมึงมาบ้างบางคน มึงก็จะแต่งงานใหม่กับไอ้ปกรณ์ มึงก็บอกไปเลย ไม่ต้องมากั๊ก" พี่ธีร์พูดทำลายความอึดอัด

               "จะมาพูดอะไรตอนนี้เล่า" พี่เนเน่หันไปมองพี่ธีร์ตาขวาง

               "ก็มึงบอกเอง ว่าจะมาประกาศว่ามึงหมั้นกันแล้วที่งานนี้ มึงบอกกูเอง แรดนักนะ" พี่ธีร์พูดหยอกพี่เนเน่

               "เออๆ หมั้นกันแล้ว จะแต่งปีหน้า" พี่เนเน่พูดเสียงโกรธๆ พี่เนเน่คงไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะว่าแกก็มีชนักติดหลังเรื่องพี่ปกรณ์อยู่ เรื่องงานหมั้นก็จัดเงียบๆ เฉพาะในครอบครัว ไม่อยากให้นักข่าวรู้

               "มึงพูดไม่เกรงใจไอ้ปกรณ์เลย มันก็นั่งหัวโด่อยู่" ทุกคนหัวเราะกันครื้นเครง เหมือนไม่ได้เป็นเรื่องซีเรียสสำหรับพวกเขา เรื่องผัวเมีย เรื่องคู่เกย์ เรื่องเปลี่ยนคู่นอน ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับสังคมของเขา     

               เมื่อหมดเรื่องตึงเครียดที่โต๊ะอาหาร ทุกคนก็ย้ายมาปาร์ตี้กัน ตรงโถงรับแขก มีไวน์ชั้นดี แชมเปญชั้นยอด ไว้คอยเติมให้ทุกคนที่มางาน ส่วนผมนั่งเฉยๆ เหล้าก็ไม่กิน บุหรี่ก็ไม่สูบ แถมไม่รู้จะคุยกับใคร พี่ปั้นตอนนี้เริ่มเมาได้ที่ พวกผู้ชาย ที่สูบบุหรี่ ดื่มหนักๆ ก็ออกไปนั่งคุยกันตรงริมสระระเบียงด้านนอก

               พี่ปั้นกำลังคุยออกรสออกชาติกับกลุ่มผู้ชายด้านนอก ส่วนผมก็เลยเหมือนต้องอยู่ในกลุ่มผู้หญิงไปโดยปริยาย ผมแก้เก้อด้วยการเล่นมือถือไป ทั้งที่มือถือรุ่นเก่าของผมก็เล่นอะไรไม่ได้มาก รอให้ใครสักคนโทรเข้ามา ก็ไม่มี

               เมื่อเริ่มเมากันได้ที่ พี่เนเน่ก็เดินมานั่งข้างผม เอาล่ะสิ ความตึงเครียดระหว่างผมกับพี่เนเน่ ตั้งแต่ที่พี่ปั้นไปจับได้ว่า พี่เนเน่เป็นชู้กับพี่ปกรณ์ที่บ้านวันนั้น ผมยังไม่ได้เจอพี่เนเน่อีกเลย

               "ทำไมวันนั้นไม่รับโทรศัพท์" พี่เนเน่ ถามเรื่องเหตุการณ์ในวันนั้น

               "ก็พี่ปั้นโยนมือถือทิ้ง"

               พี่เนเน่พยักหน้าเหมือนเข้าใจว่าพี่ปั้นเป็นคนยังไง จริงๆ พี่เนเน่กับผมก็ค่อนข้างสนิทกัน คุยกันเยอะเหมือนกันช่วงทัวร์คอนเสิร์ต ผมเลยไม่ค่อยเกร็งเวลาคุยกับแก

               "แล้วปั้นเป็นไงบ้าง จากวันนั้น" พี่เนเน่ ถามเหมือนอยากเช็คอาการว่าพี่ปั้น ยังหลงเหลือความรักให้กับเธออยู่บ้างหรือเปล่า ผมเลยตอบแบบเอาใจพี่เนเน่ไปหน่อย

               "ไม่กินไม่นอน ไม่คุยกับใครไปเกือบสิบวัน" ผมโกหก

               "เหรอ! ..." เสียงพี่เนเน่ เหมือนเป็นห่วงเป็นใยพี่ปั้น

               "แล้วแกก็ไปรักษาหัวใจเขาที่ทะเล ในรูปนั้นอ่ะเหรอ" พี่เนเน่เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นกระแนะกระแหนทันที

               "มันไม่มีอะไรหรอก ผมคิดว่าเขาคงประชดมากกว่า หลังจากนั้นเกือบปี เราก็ไม่เจอกันเลย แล้วพอเจอกันแป๊บนึงพี่ปั้นก็ไปเมืองนอก แล้วก็มาเจอกันตอนกลับมาแล้วเนี่ยครับ" ผมพูดเพื่อให้พี่เนเน่สบายใจ ว่าเราไม่มีอะไรกันก่อนหน้านั้น ตอกแรกผมแค่โกหก ตอนนี้ผมเริ่มตอแหล อยากให้หมดคำถามเรื่องยุ่งๆ นี้สักที 

               "แล้วแกไปเป็นแฟนกันตอนไหน" พี่เนเน่ยังไม่ลดความพยายาม

               "ผมก็ไม่รู้ ผมอาจจะไม่ใช่แฟนหรอก อาจเป็นแค่กันชน" ผมพูดน้ำเสียงน้อยใจ มองไปที่ผู้ชายข้างนอก ที่กำลังร่าเริงเต็มที่

               พี่เนเน่ ครุ่นคิดนิดนึง "แกจะบอกว่าปั้นเขา แกล้งโอเพ่น เพราะเรื่องของพี่ เรื่องของยีนส์เหรอ"

               "ผมไม่ได้ถูกเชิญมาแต่แรกด้วยซ้ำ ถ้ารู้ว่ามาแล้วต้องมาเจอแบบนี้ ผมคงไม่มาหรอก ผมโดนหักคอมา" ผมพูดด้วยความน้อยใจ บ่นๆ แต่ส่วนหนึ่งผมก็อยากให้พี่เนเน่รู้สึกดี

               "ไม่หรอกต้าร์ พี่รู้ว่าปั้นเขารักแก เราเคยคุยกัน ก่อนที่ปั้นจะแถลงข่าว ว่าเราเลิกกันแน่ๆ พี่ก็บอกว่าพี่มีคนใหม่ ปั้นก็บอกว่าเขามีคนที่เขารักแล้ว เราก็เลยเลิกกันแต่โดยดี"

               คราวนี้พี่เนเน่ปลอบใจผมบ้าง เรื่องนี้พี่ปั้นไม่เคยบอกผม

               เราก็ต่างนิ่งไปครู่นึง เพื่อได้ครุ่นคิด สิ่งที่ผ่านๆ มา

               "ต้าร์ ถ้าแกรักปั้น แกต้องอดทนหน่อยนะ ปั้นมันเหมือนคนจิตลอยๆ เหมือนไม่มั่นคงทางอารมณ์ วันไหนรักก็รักฉิบหาย วันไหนจะเมิน ก็เหมือนไม่มีเราอยู่ในสายตา จนเราเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ ว่าเราหรือเปล่า...คนที่ใช่"

               ผมแน่ใจว่าที่พี่เนเน่พูด ไม่ได้เป็นการใส่ร้ายพี่ปั้น เพราะผมเองก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวบ่อยๆ

               "คือแกยิ่งเป็นแฟนกันแบบว่า เอ่อ...เป็นเกย์อะไรแบบนี้เนี่ย มันยิ่งมั่นคงยาก ขนาดพี่แต่งงานกันแล้ว สร้างบ้านด้วยกัน ยังไปกันไม่รอด ถ้าแกรักเขา แล้วมั่นใจว่าเขารักแก แกก็อย่าท้อนะ อย่าถอดใจ"

               พี่เนเน่มองเหม่อไปที่ระเบียงข้างนอก เห็นพี่ปั้นกับพี่ยีนส์ยืนคุยกันออกรส

               "ที่ฉันพูดนี่ ไม่ได้จะอะไรกับแกนะ แต่ฉันว่าอีปั้นกับอียีนส์เนี่ย มันเหมาะกันที่สุด ไม่ใช่อะไรนะ เพราะนิสัยมันเหมือนกัน อ่อนไหวไปเรื่อย แต่อียีนส์หนักกว่า จนอีปั้นต้องทำตัวให้เข้มแข็งเข้าไว้ ไม่งั้นมันพากันลงเหว ดีละที่อีปั้นมันทิ้งอียีนส์ออกมาก่อน" พี่เนเน่พูดถึงความหลัง ความสนิทกันของพี่ปั้นกับพี่ยีนส์ ที่ใครก็เข้าไปแทรกยาก   

               ผมเดินมาเข้าห้องน้ำ แม้แต่ในห้องน้ำวิวยังสวยเลย ซึ่งเป็นวิวอีกด้านของคอนโดฯ ผมไม่มีอะไรทำ เลยยืนพิงกระจกใสๆ ชมวิวอยู่คนเดียวในมุมมืดหน้าห้องน้ำ 

               ขณะที่ผมกำลังเพลินๆ พี่ยีนส์ก็เดินจะมาเข้าห้องน้ำ ผมมองเขานิดนึง ก่อนจะรีบเดินผละออกไปจากมุมกระจกนั้น แต่พี่ยีนส์แทนที่จะเข้าห้องน้ำไป ก็ปรี่เข้ามาหาผม เอาสองมือกดไหล่ผมให้พิงอยู่ที่กระจกใส ที่เบื้องหลังเป็นวิวมุมสูงชวนหวาดเสียว เขามองหน้าผมอยู่นาน เหมือนสำรวจให้แน่ใจ ว่าผมมีอะไรดีนักหนา พี่ปั้นถึงขนาดต้องพามาแกรนด์โอเพ่นนิ่ง

                "นี่คิดจริงๆ เหรอว่า ปั้นมันจะเปิดตัวว่าคุณเป็นแฟนมัน คิดว่าไอ้ตาใสๆ ซื่อๆ แบบนี้มันจะช่วยได้" พี่ยีนส์พูดน้ำเสียงเหมือนเยาะเย้ย แล้วเอาหน้ามาใกล้ผมเข้ามาอีก ถึงจะเมา แต่แรงยังคงดีอยู่ กดผมไว้กับกระจก จนผมเริ่มเสียวถ้ากระจกมันแตก ผมพยายามจะขยับตัวนิดหน่อย ไม่ได้แรงมาก เพื่อไม่อยากให้พี่ยีนส์คิดว่าผมกำลังขืน ผมต้องทำเป็นกล้า ยืนมองเขาตาเขม็ง ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

               "ผมกับปั้น เราเคยสัญญากันไว้ เราจะเป็นคู่ที่อินฟินิตี้ คือมันจะไม่มีวันจบ ไม่มีวันจบอ่ะ เข้าใจมั้ย แม้เราจะอยู่ห่างกัน แต่ผมก็เชื่อเสมอว่าวันหนึ่งเราต้องมาเจอกันอีก แล้วก็ต้อง...มาเจอกันอีก ไม่มีใครมาพรากผมกับปั้นได้หรอก ผมบอกคุณไว้ก่อนเลย ว่าอย่าไปหลงดีใจที่เค้าเปิดตัวเป็นแฟน เดี๋ยวจะเสียใจภายหลัง" ถึงเสียงพี่ยีนส์จะอ้อแอ้ แต่ก็ดุดันพอที่จะทำให้ผมฝ่อ

               "ผมไม่ยอมเสียปั้นไปอีกครั้งแน่ มันกำลังครบรอบวงโคจรของปั้นแล้ว เตรียมตัวเก็บตาใสๆ ที่มันไม่ได้ใสซื่อจริงๆ เอาไว้ร้องไห้ได้เลย" พี่ยีนส์รู้ว่าผมไม่ใช่พวกใสซื่อเหมือนแววตาของผม แล้วพี่ยีนส์ก็พูดเรื่องวงโคจรอะไรของพี่ปั้นที่ผมไม่เข้าใจ ผมรู้เพียงว่าพี่ยีนส์ประกาศเป็นศัตรูกับผมอย่างเป็นทางการ

               พี่ยีนส์เหมือนจะก้มหน้ามาจูบผม แต่ผมเบือนหน้าหลบได้ทัน แล้วมีเสียงคนเดินมาตรงทางเดิน พี่ยีนส์จึงรีบปล่อยผม แล้วผมก็รีบผละออกมา ก่อนที่จะมีคนเห็นอะไร

               ผมมีอาการวิ้งๆ อยู่ในหัวอีกแล้ว พี่ยีนส์พูดอะไรที่ผมไม่เข้าใจ พี่ยีนส์ยังรักพี่ปั้นอยู่ แล้วจะเอาพี่ปั้นคืนให้ได้ แล้วเขาจะมาจูบผมทำไม เขาแค่ยั่วผม อยากพิสูจน์ว่าผมมั่นคงแค่ไหน ไม่คิดว่าพี่ยีนส์จะพิศวาสอะไรผม แต่ที่ผมรู้แน่ๆ คือ ชีวิตรักของผมกับพี่ปั้น คงจะไม่มีทางเป็นสุขแน่ นับจากนี้ไป     

               ปาร์ตี้เริ่มเลิกรา คนที่มีครอบครัวแล้ว เริ่มทะยอยกลับไปก่อน รวมทั้งพี่เนเน่กับพี่ปกรณ์ด้วย พี่ปั้นพี่ยีนส์ก็เมาเต็มที่ ผมเลยมีหน้าที่ขับรถพาคนเมาไปส่งที่คอนโดฯ

               ปกติพี่ปั้นจะนั่งเบาะหน้าคู่กับผม แต่คืนนี้โดนพี่ยีนส์ ลากไปนั่งเบาะหลังด้วยกัน ตอนนี้พี่ปั้นก็เมาได้ที่ เลยไม่ได้ขัดเท่าไร แล้วเขาก็คุยความหลังกันไปตลอดทาง พี่ยีนส์ก็พยายามขุดเรื่องเก่า ที่เขาเคยทำกันเมื่ออดีตมาคุย แล้วพยายามส่งสายตามาที่กระจกมองหลัง เพื่อยั่วผม ดีนะเขายังไม่พูดถึงเรื่องที่เขามีอะไรกันครั้งแรก เพราะพี่ยีนส์ที่มีสติกว่า น่าจะรู้ว่าชีวิตของเขาสองคน ตอนนี้อยู่ในมือที่จับพวงมาลัยของผม อย่ามายั่วอะไรผมตอนนี้เลย ขอร้อง 

               สักพักเสียงจากข้างหลังรถก็เงียบไป ทั้งคู่หลับไปแล้ว เมื่อผมมาจอดรถที่คอนโดฯ เมื่อเข้ามาถึงห้อง ทั้งคู่ก็ถอดเสื้อ สะโหลสะเหลลงไปนอนที่เตียง ผมได้แต่ยืนพิงประตูห้องนอน มองสองร่างที่หลับไหล

               ใช่เขาเหมาะสมกันมาก เหมือนที่พี่เนเน่พูด ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ อายุ แนวความคิด พี่ยีนส์ไม่ได้เข้ามาสอดแทรกระหว่างผมกับพี่ปั้น ผมต่างหากที่เข้ามาสอดแทรกระหว่างเขาสองคน

               ผมกำลังสิ้นสุดวงโคจรของพี่ปั้น ส่วนพี่ยีนส์คืออินฟินิตี้เหรอ ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี ผมจะทนได้ไหม ผมจะถอดใจไหม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2015 22:32:51 โดย boy2gether »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ boyslover

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
สงสัยครับถามหน่อยตกลง ใครผัวใครเมียหรือผมอ่านข้ามไปทำไมเพื่อนปั่นเรียกต้าร์ว่าผัวอีปั่น หรือสองคนนี้ผลักกันครับ

เนเน่นิคงตัดไปได้ ส่วนยีนส์คงจะเป็นตัวปัญหาชิ้นใหญ่เลยละ

แฟนอารมณ์ศิลปินแบบนี้ รับมือยากไม่รู้ปรอทจะแตกวันไหนคงได้มีมวยกันสักวัน  :katai1:

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
เอาตรงๆนะเราชักเริ่มรำคาญอีปั้นมันขึ้นมาล่ะ เบื่อพวกที่เรียงลำดับความสำคัญของคนไม่ถูก
ทิ้งมันไปเถอะ หาคนใหม่ดีกว่า ปล่อยมันไปอย่าได้แคร์
เพราะเอาตรงๆเรายังไม่เห็นว่าปั้นมันจะแคร์ความรู้สึกอะไรเลย ททำอะไรไม่รู้จักคิด เกลียดคนแบบปั้นมาก

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
พี่ปั้นกับต้าร์ก็ไม่เหมาะกันจริงๆอ่ะแหละ :mew2:
สังคม ความคิด ชีวิตมันคนละอย่าง รักอย่างเดียวมันไม่พออ่ะ :katai1:
ไหนจะนังคุณยีนส์ที่อยากถ่านไฟคุอีก ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ถอย รักได้ก็เลิกรักได้นะต้าร์ ให้กำลังใจ :กอด1:

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #10


               เมื่อคืนเมื่อผมส่งพี่ปั้น พี่ยีนส์แล้ว ผมก็กลับบ้านเลยไม่ได้นอนค้าง เช้านี้ผมไม่มีอะไรทำ นั่งเหม่อๆ เล่นกีตาร์อยู่ที่ห้องบนเตียงนอน ผมเริ่มครุ่นคิดเรื่องพี่ปั้นพี่ยีนส์ เรื่องที่พี่เนเน่พูด ผมรู้สึกโหวงเหวงแปลกๆ

               ประตูห้องผมเปิดอยู่ ศินะคงเห็นผมเหงาๆ เลยเดินเข้ามาคุยกับผมที่ห้อง ศินะหาที่นั่งตรงเก้าอี้ปลายเตียง เขาพยายามชวนผมคุย เขาบอกว่า เขาชอบนะที่ผมเป็นแฟนกับพี่ปั้น ผมก็แปลกใจนิดหน่อย อยู่ดีๆ ศินะทำไมมาพูดเรื่องนี้กับผม แต่ผมก็สังเกตหลายครั้งแล้ว ศินะชอบมองและสนใจดูผมกับพี่ปั้นเวลาเราอยู่ด้วยกัน เหมือนเป็นเรื่องตื่นเต้นสำหรับเขา บางทีผมก็เริ่มตะหงิดๆ

               ศินะพักอยู่ห้องชั้นสามชั้นเดียวกับผม ห้องของเราอยู่ตรงข้ามกัน มีห้องน้ำกั้นอยู่ระหว่างกลาง เราต้องใช้ห้องน้ำเดียวกัน บางทีเวลาผมเข้าไปอาบน้ำ เมื่อนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวออกจากห้องน้ำมา ผมมักจะเห็นศินะ ยืนพิงราวบันได กอดอกรอที่หน้าห้องน้ำ นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเหมือนกัน ผมก็งง เพราะเขาไม่เห็นต้องออกมายืนรอเลย แค่อยู่ในห้อง พอห้องเสียงน้ำเงียบ เสียงประตูปิดเปิด ก็น่าจะรู้ได้แล้ว ว่าผมอาบเสร็จแล้วหรือยัง

               เขาอ่อยผม ผมเดา

               เราก็คุยกันไปเรื่อยสักพักหนึ่ง มีเสียงตึงตังเดินขึ้นบันไดมา พี่ปั้นโผล่พรวดเข้ามาที่ห้องผม พี่ปั้นเข้ามานั่งใกล้ผม แล้วเข้ามากอดผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ ผมตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตาก็มองศินะที่นั่งอยู่ปลายเตียง ที่พี่ปั้นคงไม่ทันเห็นตอนเข้ามา 
พี่ปั้นเข้ามาขอโทษผมที่เมื่อคืนเมาหลับไปโดยที่ทิ้งผมให้กลับบ้านคนเดียว เขาตื่นมาแล้วงงจำไม่ได้ นึกว่าผมนอนอยู่ข้างเขา

               ผมอึ้งไปเล็กน้อย คนที่นอนข้างพี่ปั้นเมื่อคืนคือพี่ยีนส์ต่างหาก ถ้าเขาคิดว่าพี่ยีนส์คือผม อะไรจะเกิดขึ้น...

               แล้วแค่ปล่อยผมกลับบ้านคนเดียว ก็ไม่เห็นต้องลุกลี้ลุกลน รีบมาขอโทษผมถึงบ้าน แค่โทรมาก็พอแล้ว

               พี่ปั้นเป็นพวกโกหกไม่เนียนจริงๆ

               พี่ปั้นยังกอดผมอยู่ แล้วพยายามจะจูบผม เอามือมาล้วงจู๋ผม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกอารมณ์ไม่ดี ผมเอามือปัดออก ผมบอกพี่ปั้นว่า ศินะนั่งอยู่ปลายเตียงไม่เห็นเหรอ ศินะยกมือไหว้สวัสดีพี่ปั้น แล้วก็เดินออกไป

               พอศินะเดินออกไปแล้ว ปิดประตูห้องให้เรา ผมก็ถามพี่ปั้นก่อนเลย

               "เมื่อคืนพี่มีอะไรกับพี่ยีนส์เหรอ" ผมถามด้วยน้ำเสียงเข้ม ไม่อยากหลุดความอ่อนแอ เมื่อได้พบคำตอบ ที่ไม่อยากได้ยิน

               พี่ปั้นที่นอนกอดผมอยู่ ลุกขึ้นมามองหน้าผม

               "อยู่ดีๆ ก็จะมาหึงเอาตอนนี้เหรอ" พี่ปั้นพูดแล้วจับคางผมไว้

               "ผมนอนกับยีนส์ มาตั้งแต่อยู่ลอนดอน ตอนนั้นคุณก็อยู่ไกล ผมยังไม่เคยคิดอะไรหรือทำอะไรแบบนั้นเลย แล้วเพิ่งมาหึงแค่เรื่องเมื่อคืนเนี่ยนะ"
   
               อ้าว! นี่กูผิดใช่ไหมเนี่ย ที่ไม่ไว้ใจเขา

               "เมื่อคืนมีใครพูดอะไรเข้าหูอีกหรือเปล่า อย่างน้อยเมื่อคืน คุณก็ควรให้ยีนส์ไปนอนข้างนอก แล้วคุณก็ต้องนอนกับผม ไม่ใช่ปล่อยให้ผมนอนกับผู้ชายอีกคน"

               อีกครั้ง นี่กูผิดใช่ไหมเนี่ย

               "ต้าร์ คุณควรจะหึงผมแบบนี้บ้างก็ดีแล้ว แสดงความเป็นเจ้าของบ้าง"

               อะไรวะ พี่ปั้นบางทีก็ดูเหมือนคนเป็นโรคไบโพล่าร์อ่อนๆ (โรคไบโพล่าร์ = Bipolar disorder หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว) จะให้ผมหึงยังไงวะ จะให้ผมไล่พี่ยีนส์ได้อย่างไร พี่ปั้นต้องทำเองสิ เขาเป็นเพื่อนพี่นะ เตียงนอนก็ของพี่ ห้องก็ของพี่ ร่างกายและหัวใจก็เป็นของตัวเอง ดูแลเองสิ

               ตอนนี้ผมมัวแต่กังวลเรื่องอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเขามากกว่าที่ผมจะพยายามจับผิดเขา ผมเลยไม่ได้ติดใจอะไร
แล้วผมก็จูบพี่ปั้น เพื่อขอโทษเขาด้วย ที่ผมคิดไม่ดี



               ผมไม่รู้ว่าเพลงของวงผมกับของพี่ปั้น ใครจะเสร็จก่อนกัน แต่พี่ปั้นยังเหลือเวลาที่โดนแบนอีกสามเดือน ผมไม่ได้คิดว่าเราจะเป็นคู่แข่งกัน เพราะว่าเพลงคนละแนว กลุ่มคนฟังของเราน่าจะวัยรุ่นกว่า

                  วันนี้อยู่ดีๆ พี่ปั้น พี่ยีนส์ ก็มาหาผมที่บ้าน พี่ปั้นท่าทางร่าเริงสุดขีด ผมเกลียดเวลาที่เขามีท่าทางสุดขีด

               เขาบอกให้ผมไปฟังเพลงของเขา หลังจากที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย คราวนี้พยายามคะยั้นคะยอให้ฟัง ให้ผมไปนั่งฟังในรถที่เบาะหลังโดยมีพี่ปั้นกับพี่ยีนส์นั่งอยู่เบาะหน้า

               ผมอยากจะปฏิเสธ เพราะว่าเหมือนที่ชินบอกไว้ ว่าเราไม่ควรฟังเพลงของคู่แข่ง

               เพลงเอกของพี่ปั้น พี่ยีนส์ เพลงแรกที่เขาเปิดให้ผมฟัง มันคล้ายเพลงบัลหลาด เหมือนบทสวดมนต์ในท่อนอิโทรล เป็นเสียงประสานของเขาทั้งคู่ ผมว่ามันไพเราะจนผมอิจฉา เสียงที่ผสมลงตัว เข้ากันเป็นอย่างดี แต่พอกลางเพลง ก็เป็นดนตรีที่เร็วขึ้น มีเสียงเมโลดี้แปลกๆ หน่อย ไม่ได้ป๊อปมาก และกีตาร์โซโล่ของพี่ยีนส์ เสียงที่กรีดใจผม มันพริ้วไหว โหยหวน ปนเศร้าอยู่ในที แม้ว่าพี่ยีนส์จะเล่นกีตาร์คนละสไตล์กับผม แต่ผมก็รู้สึกอิจฉาฝีมือของเขาอยู่ดี 

               ผมไม่ควรฟังเพลงของพี่ปั้นเลย ผมรู้สึกปั่นป่วน

               มาดูเพลงของวงผมบ้าง วงเราเป็นแนวสนุกสนาน แด็นซ์ได้ เนื้อเพลงเข้ากับยุคสมัย มันป๊อปมากๆ ผมหวังว่ามันจะติดตลาดเร็วๆ แล้วก็ได้แสดงสด ผมชอบแสดงสดมากกว่า

                  เมื่อเราทำเพลงเสร็จแล้ว ก็ต้องมีการคุยเรื่องคอนเซ็บ ว่าเราจะโปรโมทแนวไหนอย่างไร จะเปลี่ยนลุกของเราอย่างไร ให้ดูดีกว่าเด็กบ้านนอกจากพิษณุโลก เราเข้าไปคุยกับค่ายหลายครั้ง เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด เราก็ไม่ค่อยเรื่องมากอยู่แล้ว ถ้าชินหัวหน้าวงเราโอเค น้องๆ ทุกคนรวมทั้งผมเราก็ไม่ค่อยขัดเท่าไร

               แต่วันนี้งานเข้า เมื่อประธานบริษัทค่ายเพลงของเรา ซึ่งจริงๆ แกทำธุรกิจหลายอย่างมาก ค่ายเพลงก็เป็นแค่ธุรกิจหนึ่ง ท่านเกิดอยากเจอวงของผมขึ้นมา

               วันนี้เราเลยมีนัดประชุมเป็นเรื่องใหญ่โตมาก เพราะเห็นได้ว่าพนักงาน ทีมโปรโมท โปรดิวเซอร์ เตรียมพรีเซนเตชั่นกันเต็มที่ มีการซักซ้อมว่าเราควรพูดอย่างไรต่อหน้าประธานด้วย

               ในห้องประชุมของค่ายเพลง มากันพร้อมแล้ว สักพักท่านประธานก็ปรากฏกาย เป็นชายสูงวัย อายุราวห้าสิบปลายๆ ถึงแม้แกจะใส่สูทมา แต่ก็ยังดูไม่แก่ ออกจะดูกระฉับกระเฉง ท่านชื่อ 'ประธาน' ทุกคนเลยเรียกติดปากว่า ‘ท่านประธาน’

                  โปรโมเตอร์ของเราก็พรีเซ็นต์รูปลักษณ์ของวงเรา มาสเตอร์ช็อตที่ถ่ายไปแล้ว แนวทางการโปรโมท และให้ฟังเพลงของเรา เพลงไหนจะใช้โปรโมทบ้าง ระหว่างนี้ท่านประธานก็ดูยุ่งเหมือนกัน มีเลขามากระซิบตลอดเวลา บางทีก็ต้องรับโทรศัพท์ด้วย
   
               เมื่อทำตามขั้นตอนทุกอย่างแล้ว พี่โปรโมเตอร์ของเรา ก็พรีเซ็นต์ต่อว่า วงเราประวัติสะอาดเอื่ยมมาก ไม่มีเรื่องเสียหาย รับรองว่าไม่มีข่าวคาว พี่เขาพูดยังไม่ทันจบ ท่านประธานก็ขัดขึ้นมา แล้วบอกให้พวกเราเป็นคนเล่าเอง ว่าเราเป็นใครมาจากไหน ทำอะไรมาบ้าง เหมือนสัมภาษณ์งานก็ไม่ผิด

                  แต่ละคนก็เล่าเรื่องแต่ละคนไป พอมาถึงชิน ชินบอกว่าเค้ามีลูกมีเมียแล้ว พอพูดเท่านั้นแหละ พี่โปรโมเตอร์ก็พูดขัดขึ้นมา เรื่องประเด็นที่ชินมีลูกเมียแล้ว อยากให้เก็บเป็นความลับ คือไม่ได้โกหก แต่ใช้วิธีบอกไม่หมด ผมรู้ว่าชินมันก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไร แต่ให้มันก็ทำเพื่อวง มันก็ทำได้ ไม่ต่างจากผม เราต้องฝืนใจตัวเองบ้าง หากอยากประสบความสำเร็จ

                  พอมาถึงคิวผมต้องพูด เพราะผมอยู่ท้ายสุดของโต๊ะประชุม ด้วยความที่ผม ไม่พอใจเท่าไร ที่ค่ายไม่อยากให้ชินเปิดเผยเรื่องมะปรางกับลูกชิ้น ผมเลยอยากกวนตีน อยากดูปฏิกิริยาคน
           
               "ผมเป็นมือกีตาร์ และเป็นเกย์ครับ มีแฟนเป็นผู้ชาย" เข้าใจตรงกันนะ

               พอผมพูดเท่านั้นแหละ ทุกคนในห้องประชุมก็อ้าปากค้าง แต่น้องๆ ในวงหัวเราะกันคิกคัก ส่วนชินทำหน้าเคร่งเครียด เหมือนว่าผมไม่น่าพูดออกไป จะไม่ให้อึ้งได้อย่างไร ใครเห็นหน้าผมแล้ว ยังไงก็ไม่เชื่อ

               "ผมไม่ได้อยาก โอเพ่นนิ่งต่อสื่อหรืออะไร แต่ก็แค่อยากบอกให้ทุกคนรู้ ถ้าเราต้องทำงานด้วยกัน ผมอยากซื่อสัตย์ต่อตัวเอง แล้วก็...แฟนของผม"

               ตอนนี้ทุกคนในที่ประชุมนิ่งกันไปหมด จนพี่โปรโมเตอร์ของวงเรา จึงต้องทำลายความเงียบ

               "ผมว่าเรื่องนี้ เราคงต้องไม่เปิดเผย ผมว่าเมืองไทยตอนนี้ คงยังรับเรื่องเกย์ไม่ได้ พี่ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ นะ" พี่โปรโมเตอร์พูด หันมามองผม

               "ดูอย่าง ปั้นอาฟเตอร์ช็อกสิ พอเปิดตัวว่าเป็นเกย์ เป็นไบ เลิกกับภรรยา แฟนเพลงก็ยี้กันหมด ถึงกับต้องหนีไปเมืองนอกเลย โดนแบนไปหนึ่งปี เห็นว่ากลับมาทำเพลง เพลงก็ไม่ค่อยโดน"

               พอผมได้ฟังที่พี่เข้าพูด ผมก็ฉุนฉียว พี่ปั้นไม่ได้ตกต่ำสักหน่อย เขาไปเมืองนอกไปเยี่ยมเพื่อน ไม่ได้หนีสักหน่อย แฟนคลับตัวจริงเค้าก็ยังเหมือนเดิม ผมทำหน้าไม่พอใจ แต่ชินก็สะกิดผม ว่าอย่าเยอะ

               แต่แล้วคำพูดที่ทำให้ทั้งวงที่ประชุม ต้องเงียบไปสนิท

               "ลูกชายผมก็เป็นเกย์" ท่านประธานพูดขึ้นมา ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจและมีความหวัง ผมยิ้มน้อยๆ ให้ท่านประธาน แบบว่ารู้สึกขอบคุณ

              "ผมมีลูกชายเป็นเกย์เหมือนกัน ก็เป็นตั้งแต่เด็กนะ แต่เราไม่มีวันรู้ ถ้าเค้าไม่บอก ตอนแรกครอบครัวเราก็เครียดกันมาก แต่ตอนนี้เค้าโตแล้ว เค้าก็ทำงานเก่งนะ ถ้าลบเรื่องรสนิยมทางเพศออกไป เค้าก็คือคนๆ หนึ่งนี่แหละ เราคงต้องค่อยๆ ปรับทัศนคติคนไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ใช่วันนี้วันพรุ่งนี้ ครอบครัวผม กว่าจะยอมรับได้ก็ยังต้องใช้เวลาเหมือนกัน แต่พอได้เปิดเผย ได้รู้กันแล้ว มันก็จะสบายใจและดีกับทุกคน ตอนนี้ครอบครัวผมชิลมาก โดยเฉพาะแม่เค้า อยากเห็นลูกเขยมาก ยังไงอยู่ในสายตาของเราย่อมดีกว่า ดีกว่าไปต่อต้านเค้า จนเค้าเตลิดไปเลย"

               ท่านประธานพูดแบบจริงจัง แต่ก็สีหน้าใจดี มองมาที่ผมตลอดเวลา เหมือนบอกว่าผมๆ ไม่ต้องกังวลไป

               ผมนึกถึงพี่ธีร์ เพื่อนจากสาธิตของพี่ปั้นขึ้นมาก่อนเลย พี่ธีร์เป็นเกย์ที่ทำธุรกิจต่อจากครบครัว ก็สามารถทำได้โดยไม่มีข้อกังขา

               ผมรู้สึกซาบซึ้งท่านประธาน ที่ยอมเปิดเผยเรื่องที่เป็นความลับสุดยอดของครอบครัว คือเรื่องลูกชายเป็นเกย์

               ก่อนท่านประธาน จะออกไป ท่านก็มาอวยพรวงของเรา ขอให้ประสบความสำเร็จ แล้วก็เดินมาตบบ่าผม แล้วพยักหน้าให้

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
พี่ปั้น อารมณ์จะศิลปินไปไหน
ท้อใจแทนต้าร์จริงๆๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :กอด1:  โอ๋ๆนะต้าร์ คิดจะรักกับศิลปินมันก็ต้องเผื่อใจไว้งี้แหละ ตาร์ก็คงรู้ตัวแล้ว รอแค่เวลาที่จะทนไม่ไหว

ตาร์ยังมีอนาคตนะ ถอนตัวตอนนี้ยังทัน ยังมีเพื่อนๆในวง ยังมีลูกชิ้นที่ต้องแคร์ ถึงจะไม่ใช่ลูกเราแต่เราจะมาเสียงานเพราะเรื่องส่วนตัวไมไ่ด้หรอก  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2015 12:39:05 โดย YueLiang »

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ท่านประธานใจดีจัง เป็นแฟนคลับได้ไหมอ่ะ :laugh:
ยังไงก็ขอให้ไปได้สวยๆเลยนะต้าร์และสมาชิก :L2:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
มันคงมีเรื่องให้เราอ่านแล้วรู้สึกหักมุมอีกแน่ๆ เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #11


               ในที่สุดเพลงของวงทั้งสอง อาฟเตอร์ช็อก และ เนฟเวอร์ฟอร์เก็ต ก็ออกซิงเกิ้ล แต่ของพี่ปั้นออกก่อนวงเรา ไปสองสัปดาห์ได้มั้ง
     
               ผลการตอบรับ ของพี่ปั้นก็ดีนะ คนพูดถึงปั้น อาฟเตอร์ช็อก กันมาก หลังจากโดนแบนไปเกือบหนึ่งปีเต็ม ทำให้เรื่องของพี่ปั้น มีสื่อสนใจกันมาก ว่าเขาไปทำอะไรมาบ้างในช่วงที่โดนแบน เพลงเลยเหมือนถูกสนใจน้อยไปหน่อย

               ส่วนเพลงแรกของวงเรา จะถูกเปิดวันนี้ เราไปทำมิวสิกวิดิโอกันมาแล้ว สนุกมาก เหนื่อยที่ต้องร้องเพลงหลายๆ รอบซ้ำๆ ไปมา แต่มันก็เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเรา เราได้แต่งตัวในสไตล์ที่แตกต่างจากที่เราชอบใส่ ตอนออกอัลบั้มแรกๆ แบบนี้ เราก็ยังไม่ขัดอะไรหรอก เพราะเราอยากออกอัลบั้มมากกว่า ไม่มานั่งเรื่องมากแค่เรื่องเสื้อผ้า

               เพลงของวงเราที่ปล่อยไปเพลงแรก แน่นอนว่าเป็นเพลงสนุกๆ ดนตรีแน่นๆ ผสมฮิปฮ็อปนิดๆ ฟังติดหูทีเดียว ประกอบกับมิวสิกวิดิโอ สุดจะเท่ เพลงก็ได้รับการตอบรับดีมากๆ แล้วเราก็ส่งเพลงไปตามผับแดนซ์ชื่อดังย่านอาร์ซีเอ ซอยสี่ เอกมัย แล้วเราก็ไปนั่งฟังเสียงตอบรับจากลูกค้าในร้าน คนฟังถือว่าสนุกตื่นเต้น เต้นตาม ร้องตามได้ ผมแอบปลื้มอยู่เหมือนกัน ที่มีคนร้องเพลงของเรา เหมือนที่เราเคยร้องเพลงคนอื่น

               ถึงแม้วงของเราจะไม่อยากแข่งกันวงอาฟเตอร์ช็อก แต่เราก็ต้องแข่งกันโดยปริยาย เพราะเราต้องแย่งพื้นที่สื่อกัน ถ้าค่ายนี้พาวงนี้ไปออก วงนี้ก็ห้ามมาออกนะ อะไรแบบนั้น แล้วค่ายของพี่ปั้นก็ใหญ่กว่าค่ายผม ซึ่งแน่นอนว่าวงของผมถูกกีดกันไปบ้างบางรายการ แต่วงผมสู้ด้วยรายการวิทยุ เพราะเพลงของวงผมโดนขอให้เปิดมากกว่า เพลงเราขึ้นอันดับหนึ่งหลายคลื่นเลย

               พี่ปั้นกับผม ตอนนี้เราก็ต้องห่างกันไปบ้าง แทบไม่มีเวลาคุยกัน มีแค่ก่อนนอน ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน ยังไงต้องพยายามโทรหากันให้ได้



               วันนี้เราว่าง ไม่ได้เดินสายโปรโมทเหมือนทุกวัน ผมนั่งรอหน้าทีวี จนชินแปลกใจ เพราะผมไม่เคยดูทีวีเลย นอกจากมิวสิกวิดิโอของวงตัวเอง ผมเลยบอกว่า วันนี้พี่ปั้นมีคอนเสิร์ตแสดงสด ในคอนเสิร์ตร็อกเฟสติวัล ที่มีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ

               วงของอาฟเตอร์ช็อกกำลังเริ่มแสดง น้องในวงๆ เลยเข้ามานั่งดูด้วย เพลงเอกของพี่ปั้นกำลังเริ่ม แสงสีเสียงอลังการใช้ได้เลย อินโทรเพลงที่เป็นเสียงประสานพี่ปั้นกับพี่ยีนส์ ไพเราะมากจนขนลุก มาถึงท่อนโซโล่กีตาร์ของพี่ยีนส์ พี่ยีนส์โคตรหล่อ โคตรเท่ ตั้งแต่หัวจรดเท้า พี่ยีนส์กำลังโซโล่ท่อนกีตาร์สำคัญ

               แต่มัน...

               "เสียงเพี้ยนว่ะ"

               ทุกคนในวงผมพูดขึ้นมาพร้อมกัน

               จริงด้วย เสียงกีตาร์หวานๆ ของพี่ยีนส์มันเพี้ยนไม่เป็นท่า อาจจะเพราะการเซตมอร์นิเตอร์ไม่ดี เพราะมีวงเล่นหลายวง อาจจะเซตเพี้ยนไป หรือเอียร์มอร์นิเตอร์อาจจะดับ ผมคิดเรื่อยเปื่อยเรื่องเทคนิคบนเวทีที่อาจเกิดขึ้น

               ผมนั่งเงียบ ขมวดคิ้ว คนในวงยังนั่งวิจารณ์กันอยู่ ชินหันมาหาผม เป็นเชิงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมยักไหล่ ส่ายหัว ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ตอนนี้ผมเริ่มสงสารพี่ปั้น เพลงดีๆ มาเน่าเพราะงานนี้ แถมเป็นรายการสดและถ่ายทอดทั่วประเทศ กล้องเริ่มจับมาที่หน้าพี่ปั้น ที่พยายามหันไปมองพี่ยีนส์หลายครั้ง

               พอถึงเพลงอื่นๆ พี่ปั้นพยายามไปกระซิบอะไรกับพี่ยีนส์บางอย่าง พี่ยีนส์เหมือนเข้าใจ แล้วผมก็เห็นว่า พี่ปั้นเริ่มเอาท่อนของพี่ยีนส์ไปโซโล่เองบ้าง รวมทั้งเพลงเก่าๆ ที่ถูกเล่นขึ้น พี่ปั้นก็เล่นเองทั้งหมด

               เกิดอะไรขึ้น...

               เมื่อวงพี่ปั้นแสดงเสร็จแล้ว ผมอยากโทรหาเขาตอนนี้เลย ผมรอจังหวะ จนเขาน่าจะอยู่ในห้องพักศิลปินแล้ว ผมจึงโทรไปหาเขา

               "สวัสดีครับ คุณเลิฟ อันนี้มือถือคุณปั้น ตอนนี้คุณปั้นไม่สะดวกคุย กำลังไปให้สัมภาษณ์รายการอยู่ ฝากอะไรไว้ไหมครับ"
       
               เสียงปลายสายร่ายยาว มันไม่ใช่เสียงพี่ปั้น คนนี้คงชื่อ ‘อั๋น’ เป็นผู้จัดการวงคนใหม่ ที่พี่เก๋ส่งมาดูแลวงอาฟเตอร์ช็อก แล้วจะมารับโทรศัพท์ทำไม ก็แค่วางไว้ ไม่กดรับมัน มันก็มิสคอลล์เอง

               ซื่อบื้ออีกต่างหาก เรียกผมว่าคุณเลิฟ คือมือถือพี่ปั้นมีเมมเบอร์โทรอยู่สามคน คนแรกคือผม เขาเมมชื่อของผมว่า Love เบอร์ที่สองคือพี่ยีนส์ เมมว่า Friend ส่วนคนที่สามเบอร์พี่เก๋ เมมว่า Manager แค่นั้น ไม่มีรูป ไม่มีเสียงเรียกเข้า ก็บอกแล้วว่าพี่ปั้นแกโลว์เทค

               แต่จนแล้วจนรอดจะห้าทุ่มแล้ว พี่ปั้นก็ไม่ได้โทรกลับมาสักที อาจจะเกิดการผิดพลาด จากผู้จัดการคนใหม่ เขาอาจจะไม่ทันได้บอกพี่ปั้น

               ผมเลยโทรหาพี่ปั้นอีกที ก็ไม่รับสาย ผมโทรอีกหลายที ก็ไม่รับ    

               ตอนนี้ผมเริ่มกังวล ว่าเกิดอะไรขึ้น ปกติพี่ปั้นก็ไม่เคยหายไปแบบนี้

               ผมเลยตัดสินใจ ไปที่คอนโดฯพี่ปั้น โชคดีมากที่พี่ปั้นอยู่ ตอนนี้ผมโล่งอก ที่เขาไม่ได้เป็นอะไร

               พี่ปั้นมาเปิดประตูรับผมด้วยใบหน้าบึ้งตึงสุดๆ ผมเข้าไปให้ห้อง เห็นพี่ยีนส์นั่งอยู่ที่โซฟา ก็นั่งคิ้วขมวดด้วยอารมณ์ไม่ต่างจากพี่ปั้น ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น

               "มีอะไรต้าร์ มาทำไมดึกดื่น" พี่ปั้นถามผม น้ำเสียงดุๆ เหมือนรำคาญ

               "ก็ผมโทรไปหา ตั้งหลายครั้ง ไม่รับสาย"

               แล้วพี่ปั้น ก็ทำท่าหมุนตัว เหมือนมองหามือถือ

               "เออ ไม่รู้ผมไปวางไว้ที่ไหน ตั้งแต่เลิกคอนเสิร์ต ผมก็ลืมมันไปเลย สงสัยติดไปที่อั๋น"

               ผมพยักหน้ารับ มองเหลือบไปที่พี่ยีนส์ ว่าจะทักเขาสักหน่อย แต่ดูหน้าแล้ว ตาที่จ้องเขม็งไปข้างหน้า ไม่พูดอะไร ผมไม่ทักดีกว่า ปกติก็ไม่ค่อยญาติดีกันอยู่แล้ว

               เราเงียบกันไปครู่นึง พี่ปั้นเลยพูดขึ้นมาว่า

               "ต้าร์มีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มี กลับไปก่อนได้ไหม ผมมีเรื่องต้องคุยกับยีนส์" 

               ผมหน้าชาไปเลย เหมือนผมเข้ามาเสือกเรื่องที่เขากำลังคุยกันอยู่ ผมรู้สึกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก ผมเป็นห่วงพี่ปั้น พี่ยีนส์ ว่าเกิดอะไรขึ้นที่คอนเสิร์ตวันนี้ แต่มันเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาสองคน ผมกลายเป็นคนนอกสำหรับเขาไปแล้ว

               ผมเลยเดินออกจากห้องมา ไม่ได้บอกลาใคร พรางนึกด่าตัวเองในใจ กูไม่น่ามาเสือกเลย นอนอยู่บ้านดีๆ ก็ดีละ

               พี่ปั้นคงเพิ่งนึกอะไรได้ ว่านี่มันก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว เขาวิ่งมาที่หน้าประตู แล้วโยนกุญแจรถคันเล็กให้ผม ให้ผมเอารถไปใช้ ผมบอกว่าไม่เอา กำลังเดินกลับไปคืนกุญแจให้เขา พี่ปั้นก็พูดเสียงเข้มขึ้นมา

               "อย่าให้ต้องเป็นห่วงอีกคนได้ไหม"

               ผมเลยชงักเท้าไปนิดนึง แล้วพี่ปั้นก็ปิดประตูใส่หน้าผม ปล่อยผมยืนอยู่ตรงนั้น น้ำตาผมก็เออมาที่ขอบตา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2015 02:03:23 โดย boy2gether »

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #12


               นี่ก็เกือบสัปดาห์มาแล้ว ที่เราไม่ได้ติดต่อกัน พี่ปั้นไม่โทรหาผม ผมก็ไม่โทรหาเขา ดูสิว่าใครจะใจแข็งกว่ากัน ยังดีที่ช่วงนี้เรามีเดินสายโปรโมท มีซ้อมวงเกือบทุกวัน ทำให้ผมไม่ต้องว่างและคิดมาก
 
               วันนี้วันหยุด ผมเลยนอนตื่นสายได้ แต่ก็ยังไม่สายดี ก็มีมารมารังควาน ชินมาที่ห้องผม นั่งลงที่ข้างตัวผม ผมงัวเงียถามมันว่ามีอะไร อยู่ดีๆ มันก็ถามว่า

               "มึงได้เจอพี่ปั้นมั่งเปล่าวะ"

               คำถามของชิน ทำให้สลัดความงัวเงียของผมออกไปได้ ผมหันไปตอบมัน

               "เจอเมื่อสัปดาห์ก่อนที่คอนโดฯ เอารถให้กูมาขับ แต่ปิดประตูบ้านใส่หน้ากูซะงั้น กูเลยไม่โทรไปเลย ยังไม่ได้เอารถไปคืนเลย"

               ชินพยักหน้ารับฟัง แต่สีหน้ามันดูเครียดๆ ผมเลยถามมัน

               "มีอะไรวะ มีเรื่องอะไรอีกล่ะ หนังสือพิมพ์มีอะไรเหรอ" พอเป็นเรื่องมาเช้าๆ แบบนี้ ผมนึกถึงข่าวจากหนังสือพิมพ์ก่อนเลย โคตรหลอน

               "ไม่ใช่จากหนังสือพิมพ์โว้ย มึงยังเจอพี่ยีนส์ด้วยหรือเปล่า"

               "ใช่ วันนั้นเค้าอยู่ด้วยกัน บอกกำลังเคลียร์อะไรกัน หน้าแม่งยังกับตูดทั้งคู่ กูเลยโดนไล่ออกมาก่อน มีไร มึงก็เล่ากั๊กๆ อยู่ได้"

               "มึงจำได้ไหม วันที่เขาเล่นคอนเสิร์ตร็อกเฟส ที่พี่ยีนส์แม่งเล่นกีตาร์เพี้ยนอ่ะ กูได้ข่าวมาจากวงใน เม้าท์กันให้รึ่ม พี่ยีนส์แม่งเทกว่ะ" ชินพูดเสียงเหมือนกระซิบ

               "เทกคืออะไรวะ" ผมยังงง

               "เล่นยาไงมึง ยาไอซ์อ่ะ"

               คราวนี้ผมเริ่มเก็ต หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

               "ก็คอนเสิร์ตร็อกเฟส มันมีหลายวงใช่ไหม แม่งก็ขาทั้งนั้น ทั้งศิลปิน ทั้งแบ็คอัพ ทั้งเด็กวง แม่งก็เล่นกันทั้งงาน จะเหลือเหรอ" ชินเล่าต่อ

               "ไม่มีพี่ปั้นใช่เปล่าวะ" ผมถามถึงพี่ปั้นก่อน ด้วยความเป็นห่วง

               "ไม่มีชื่อพี่ปั้นมึงหรอก กูว่าพี่ปั้นมึงไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าพี่ยีนส์มันเมา กูว่าพี่ยีนส์ คงไปแอบเล่น"

               ผมเลยพอจะปะติดประต่อเรื่องได้ พี่ปั้นคงมารู้ทีหลัง ถึงได้นั่งหน้าเครียดกันวันนั้น คงจะเคลียร์กันเรื่องนี้ เลยไม่อยากให้ผมเข้าไปรับรู้ด้วย

               ผมเริ่มกังวลแทนพี่ปั้น ไม่ใช่เรื่องเพลง เรื่องวงหรืออะไรหรอก พี่ปั้นคงเป็นห่วงพี่ยีนส์มากกว่า พี่ยีนส์อุตส่าห์ไปบำบัดเลิกยาได้แล้ว คลีนแล้ว เป็นผู้เป็นคนแล้ว แต่กลับมาเสพอีก แม้ว่าจะแค่ครั้งเดียว แต่มันจะต้องติดใจแล้วกลับไปตามคำเรียกร้อง ไม่งั้นคงไม่เรียกมันว่าสิ่งเสพติดหรอก



               ผมกระวนกระวายใจ รีบไปหาพี่ปั้นที่คอนโดฯ ถ้าเขาไล่กลับ ก็แค่บอกว่าเอารถไปคืน

               ผมไปถึงคอนโดฯ พี่ปั้นใส่กางเกงชั้นในตัวเดียว มาเปิดประตูให้ พี่ปั้นยังไม่ตื่นดี เขาไม่ได้จูบทักทายผมเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน เขาอาจจะงัวเงียอยู่

               ผมมองดูในบ้านทั่วๆ พี่ยีนส์ไม่อยู่ พี่ปั้นเดินไปล้มตัวลงนอนต่อบนเตียง

               "พี่ยีนส์ล่ะ" ผมถามพี่ปั้นที่กำลังนอนคว่ำอยู่บนเตียง   

               "ไม่รู้แม่งไปไหน เมื่อคืนก็ไม่กลับ มาอยู่ไทยหลายเดือนแล้วนี่ เริ่มช่ำชอง ไปไหนก็ไป แม่งไม่เคยบอก" พี่ปั้นเริ่มพูดหยาบ แสดงว่าโมโหจริง

               ผมเลยแกล้งลงไปนอนคว่ำทับพี่ปั้นไว้ แล้วก็จูบๆๆๆๆ ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ด้วยความหมั่นเขี้ยว

               "อย่าดิ อย่าแกล้งดิ จะนอนต่อ" พี่ปั้นพูดเสียงไม่เป็นภาษา เพราะหน้าโดนกดทับหมอนอยู่

               ผมเลยจับเขานอนหงาย พี่ปั้นหรี่ตายิ้มให้ผม รู้ว่าผมแกล้ง แล้วผมก็จูบเลียเขาไปทั้งหน้า ไล่มาถึงคอ หน้าอก และหน้าท้อง

               "อู้... ว๊าว... พี่คนนี้ เซ็กซี่จังเลย" ผมแกล้งทำเสียงเซ็กซี่หยอกแก พี่ปั้นยิ้ม เริ่มเอามือปัดป้อง บอกว่าไม่เล่น จะนอนต่อให้ได้

               หน้าผมก็ไปซุกอยู่ที่เป้าของเขา คราวนี้ผมเลยล้วงเข้าไปจับน้องชายเขา ที่กำลังคอพับคออ่อน นอนหลับสลบสไล ผมบีบคอมันแล้วเขย่า

               "ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว มีเรื่องแล้ว" ผมทำเสียงล้อเลียน

               พี่ปั้นขำ "บอกว่าอย่าเล่น" พี่ปั้นพยายามป้องปัด ตายังหลับอยู่
 
               ไม่ทันละ ตอนนี้มันถูกจูบ ถูกคลึง ถูกบีบ ทารุณทุกรูปแบบจากปากของผม
 
               เสียงพี่ปั้นจากที่พูด "อย่าเล่น อย่า..." เปลี่ยนเป็น "เอิ่ม... อืม..."

               จากที่เอามือปัดป้องไม่เล่น แต่ตอนนี้กลับจับหัวผมกดขึ้นลง เพื่อให้ได้จังหวะ เอ้า! ไรวะ...

               ผมถอดเสื้อและกางเกงผมออก เพื่อให้เนื้อเราได้แนบกัน แล้วกำเนื้อสะโพกทั้งสองของเขาไว้แน่น

               อวัยวะที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาให้กับผู้ชาย ผมรู้สึกหลงไหลมันในทันที แบบนี้กระมังที่ทำให้ผมสนใจและมีอารมณ์กับเพศชายมากกว่า ทั้งรสชาติและกลิ่น มันมีความคาวเฉพาะตัว ผิวสัมผัสนั้นให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการจูบที่ริมฝีปาก มันสร้างอารมณ์ได้ทั้งคนทำและคนถูกกระทำ

               สักพักพี่ปั้นก็เร่งจังหวะให้ผมด้วยการแอ่นสะโพกขึ้นลง ก่อนจะกดหัวผมไว้แน่น ก่อนที่จะหลั่งมันออกมา พี่ปั้นจิกหัวผมให้ขึ้นไปจูบที่ปากของเขา ให้ลำตัวผมถูไถเนื้อแข็งนั้นไว้เป็นจังหวะ จนเขาหายใจหอบถี่
 
               "จะให้ผมเลอะด้วยทำไมเนี่ย" ตอนนี้ผมนอนทับตัวเขาไว้ แต่ตรงกลางระหว่างเรา คือน้ำเมือกขาวที่ชุ่มแฉะ

               "ฮาฮ่า... สมน้ำหน้าแกล้งดีนัก" พี่ปั้นกอดผมไว้แน่น นอนหลับตาพริ้ม ยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์

               "ตาผมมั่ง"

               ว่าแล้วพี่ปั้นก็พยายามจับไอ้เจี๊ยวผม ที่ไม่ต้องบอกว่าตอนนี้มันตื่นตัวขนาดไหน ผมปัดป้องมั่งคราวนี้ พยายามจะหนีลุกไปหยิบผ้าขนหนู แต่ก็โดนพี่ปั้นเอาขาก่ายกอดรัดเอวเอาไว้ พี่ปั้นเอามือกำมันไว้แน่น แล้วทำมือขึ้นลงเบาๆ แล้วเขาก็จูบผม แค่นั้นแหละ ผมก็หายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็แตกสลายอย่างรวดเร็ว จนพี่ปั้นขำออกมา

               "เสร็จแล้วเหรอ... "

               "อืม..." ผมตอบนิ่งๆ เป่าลมหายใจออกจมูกอย่างอารมณ์เสีย

               "อ่อนว่ะ...ฮาฮาฮ่า" พี่ปั้นขำกลิ้ง มือยังคงคลำเจ้าหนูของผมเล่น จนผมต้องงอตัวป้องปัด

               "เดี๋ยวมีต่อย... จะทำทำไมนานๆ เมื่อยมือแย่ ไม่ได้จะทำเอาสถิติ ขึ้นกินเนสบุคเว้ย" ผมแก้ตัวไปน้ำขุ่น 

               "แบบนี้ได้ขึ้นกินเนสบุ๊คแน่ ผู้ชายที่ออกัสซั่มเร็วที่สุดในสามโลก" พี่ปั้นยังล้อผม

               "พี่ก็คงได้เป็นผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุดในสามโลก เพราะสามารถทำให้ผู้ชายคนนี้ออกัสซั่มเร็วที่สุด" ผมทำหน้าล้อเลียน พี่ปั้นยังคงขำผม

               ผมขอเล่าย้อนนะ เมื่อกี้ที่ผมใช้ปากให้เขา ผมก็จะขีดสุดอยู่แล้ว ผมบอกแล้วว่าจะเบรก แต่ไม่ทัน มันก็เลยล่มไม่เป็นท่า แค่จูบของพี่ปั้น ผมก็เขื่อนพังแล้วล่ะ


               "วงเป็นไงบ้าง" พี่ปั้นชวนคุย พร้อมกับจิบกาแฟยามเที่ยง

               "ก็ดี มีเดินสายโปรโมทเยอะมาก งานไม่ได้ตังค์ ผมอยากแสดงโชว์มากกว่า"

               "ต้องปรับตัวหน่อย อีกหน่อยงานก็เยอะเอง"

               "อืม... เบื่อหน่อยช่วงนี้ งานเยอะแต่ไม่ค่อยสนุก เวลาไปออกรายการ ตอบแต่คำถามเดิมๆ บลาๆๆ ผมไม่เคยพูดเลย ให้ชินรับผิดชอบไป ชอบให้ใส่ชุดแปลกๆ สีๆ ผมชอบสีดำๆ มากกว่า รู้สึกเหมือนลูกกวาดไปหน่อย" ผมบ่นๆ 

               "ผมว่าเพราะเพลงคุณมันสนุกสนานด้วยแหละ สไตล์เสื้อผ้าเลยออกมาแบบนั้น เพลงก็ขึ้นอันดับดีนี่ ผมเช็คๆ ดูอยู่ ดังใหญ่ละนะ เฮ้ย! ขอลายเซ็นหน่อยเร็ว...เร็ว..." พี่ปั้นเอื้อมมือจะมาจี้เอวผม

               "อีกหน่อยโทรไปหาก็คงไม่รับสาย" พี่ปั้นยังล้อผม

               "อืม ใครนะ ปั้นไหนนะ ไม่รู้จัก...เราเคยคบกันด้วยเหรอ ฮาฮาฮ่า..." ผมรับมุกต่อ ทำท่าเหมือนคุยมือถือ   

               "แล้วเรื่องที่คุณเป็นเอ่อ...คบกับผู้ชายแบบนี้ คนอื่นๆ ว่าไง" พี่ปั้นพูดเสียงซีเรียสขึ้น "คุณมีชื่อเสียงแล้ว จะทำอะไรมันก็ยาก แฟนๆ เพลงจะรับได้ไหม ทางค่ายรู้ไหม"

               "รู้สิ ตอนผมบอกว่าผมเป็นเกย์ ห้องประชุมอึ้งกิมกี่ไปเลย แต่ที่อึ้งกว่า คือท่านประธานบริษัทเว้ย อยู่ดีๆ ก็บอกมากลางห้องประชุม ว่าลูกชายผมก็เป็นเกย์ คือแบบว่าอึ้งกว่าเรื่องผมอีก ปลื้มมากท่านประธานยังเข้าข้างเกย์อย่างผม"

               "คุณก็ขอลูกชายท่านประธานเค้าแต่งงานเลยสิ" พี่ปั้นพูดหยอก

               "บ้าแล้ว ผมนี่..นึกถึงพี่ธีร์เพื่อนพี่เลย แต่คงไม่ใช่หรอก แต่ก็นั่นแหละ โปรโมเตอร์เค้าไม่ให้พูดเรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องชินที่มีลูกมีเมียแล้ว เฮ้อ เมื่อไรจะดังๆ แล้วก็โตๆ แบบพวกพี่สักที จะได้ทำอะไรตามใจตัวเองได้"
 
               "พอถึงตอนนั้น เค้าก็หาว่าเราติ๊ดแดกว่ะ ทั้งที่เราแม่งก็ติ๊ดมาตั้งแต่ก่อนออกอัลบั้มอีกใช่ไหม”

               พี่ปั้นพูดเหมือนปลงๆ กับวงการนี้

               "พอต้าร์เริ่มมีชื่อเสียง ต้าร์จะเริ่มเข้าใจ ต้าร์อาจจะไม่แคร์ข่าว ไม่แคร์สังคม แต่ก็ต้องแคร์เพื่อนๆ ในวง ชิน หรือแม้แต่ครอบครัวตัวเอง"

               จริงอย่างที่พี่ปั้นพูด บางทีผมก็ทำปากดี ว่าไม่แคร์ๆ แต่จริงๆ ตัวผมเองนั่นแหละ ที่ดูจะเดือดร้อนใจมากกว่าคนอื่นเสียอีก ไม่อยากเอาความแปลกประหลาดของเราไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน

               "ผมว่าคุณเงียบๆ ไว้ เหมือนที่ทางค่ายเตือนก็ดีกว่า เพื่อตัวคุณเองนะ ไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศหรอก ว่าผมเป็นเกย์ ผมเป็นเกย์ คุณจะอยู่ในวงการไปได้ด้วยดี ไม่ต้องมีชนักมาติดหลังให้กังวลใจ"

               ผมรู้สึกอึ้นๆ ไปเหมือนกัน หรือพี่ปั้นจะแค่ห่วง เพราะว่าเขาไม่อยากเปิดเผยเรื่องเขากับผม

               ผมอยากจูงมือเขาไปออกรายการท็อกโชว์ ผมนึกฝันไป พิธีกรคงจะถามเรื่องราวของเรา ว่าเราคบกันตั้งแต่เมื่อไร ผมจะเล่าให้หมด แล้วเราก็มองตากัน แล้วเขาก็ขอผมแต่งงานกลางรายการ ผมเซอร์ไพรซ์ เอามือปิดปากด้วยความดัดจริต

               มโนของผม 



               วันนี้ผมไม่ได้แค่เอารถมาคืนหรือมาเซ็กส์เซอร์วิสให้ตอนตื่นนอนหรอกนะ ผมจะมาถามเรื่องพี่ยีนส์ต่างหาก

               "มีคนเล่ามา ไม่รู้จริงไหมนะ ว่าพี่ยีนส์กลับไปเทกยา" ผมพูดเสียงเบาเหมือนไม่มั่นใจนัก พยายามสังเกตสีหน้าพี่ปั้น

               พี่ปั้นหน้านิ่ง ไม่ตอบอะไร นั่งกอดอก มองเหม่อไปนอกหน้าต่าง เราต่างคนต่างเงียบ

               ในที่สุดพี่ปั้นคงหาคำพูดได้ พี่ปั้นหันมามองหน้าผม

               "มันเป็นความผิดของผมเอง..."

               "เรื่อง..." ผมถามขัดขึ้นมา ก่อนที่จะมีคำดราม่าหลุดมาจากปากพี่ปั้น

               "เรื่อง...ทั้งหมดของยีนส์ ที่ผมดูแลเขาไม่ดีพอ"

               "พี่ยีนส์เขาโตแล้ว เขาควรจะดูแลตัวเองได้" ผมพูดขัดอีกครั้ง ไม่อยากฟังเสียงพร่ำพรรณา ความใจอ่อนของพี่ปั้น

               "คือผมเหมือนไปทำร้ายเขาเมื่อครั้งก่อน และคราวนี้ผมก็อยากจะขอแก้ตัว อยากให้เขาได้กลับมาเล่นดนตรีที่เขารัก แต่ก็เหมือนยิ่งไปซ้ำเติมแผลเดิมจากครั้งก่อนมากกว่า"

               พี่ปั้นเอื้อมมือมาแตะมือผม ที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ ผมดึงมือออก เพื่อบอกว่าผมไม่พอใจ

               "แล้วพี่ก็ต้องดูแลเขาไปตลอดชีวิตหรือไงล่ะ" ผมพูดเสียงแข็ง นั่งกอดอก มองจ้องไปที่พี่ปั้น ผมนึกถึงคำว่า 'อินฟินิตี้' ของพี่ยีนส์ขึ้นมาแล้วปวดใจ มันคงจริงสินะ
 
               พี่ปั้นเดินอ้อมโต๊ะมานั่งข้างผม จับตัวผมให้นั่งประจันหน้ากับเขา เขามองหน้าผมก่อนจะพูดว่า...


               ...."เราเลิกกันเถอะต้าร์"...
 

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

ไอ้เฮี้ยยยยยพี่ปั้น!!  :z6:  :z6:  #หมดคำบรรยาย สงสารต้าร์   :hao5:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :serius2:  พี่ปั้นแม่ม
ค่อนข้างจะโล่งอกนะ ตาร์หลุดวงโคจรออกมาแหละดีแล้ว. ตาร์ต้องสู้นะ เพื่อตัวเองและคนรอบข้าง. เสียใจได้แต่อย่าเสียศูนย์.

ชิ คนอย่างพี่ป้นเหรอจะไปดูแลใครได้ ถ้าคิดว่าทิ้งยีนส์ไม่ได้ก็อยู่กันจนกว่าจะตายไปช้างละกัน

บางทีก็เป็นคู่เวรคู่กรรมกันอะนะคนเรา

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ก็ดี เลิกไปเลย บอกตรงๆมองไม่เห็นความรักจากพี่ปั้นเลย สงสารต้าร์จริงๆ :กอด1:

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
บอกต้าร์ไม่แคร์คนอื่น แต่ตัวเองกับแคร์คนรักเก่ามาก ทำงี้ได้ว่ะพี่ปั้น
แล้วรับปากแม่ต้าร์ว่าจะดูแลอย่างดี แต่ก็ทำไม่ได้
คอนโดอยู่แถวไปไหนเนี่ย จะฝากระเบิดไปส่งที่ห้องพี่ปั้นแม่งเลย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #13



               "เราเลิกกันเถอะต้าร์"


               ผมเกิดอาการตัวชาแข็งทื่อไปกระทันหัน เกิดเสียงวิ้งๆ อยู่ในหู ใบหน้าพี่ปั้นที่อยู่ตรงหน้าดูเลือนลาง

               ...เราเลิกกันเถอะต้าร์...

               ผมทบทวนคำนั้นของพี่ปั้นอีกที ก่อนจะเรียกสติกลับคืนมา

               ผมจำคำที่พี่เนเน่พูดได้ ผมต้องไม่ถอดใจจากพี่ปั้น เพียงเพราะอารมณ์แปรปรวนของเขา

               "ผมไม่เลิก จะเลิกทำไม ไม่ใช่ความผิดของผม" ผมพูดเสียงสั่น พยายามกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเต็มที่

               "ในสถานการณ์แบบนี้... ผมจะช่วยผู้ที่อ่อนแอกว่า ยีนส์ต้องการผมมากกว่า"

               "นี่มันเป็นเรื่องความรัก ไม่ใช่สงสาร ไม่ใช่สังคมสงเคราะห์เว้ย! พี่ปั้น" ผมเริ่มพูดขึ้นเสียง ด้วยความโกรธ

               "ถ้าผมปล่อยยีนส์ไป โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยเหมือนครั้งก่อน ผมก็จะรู้สึกผิดอีกครั้ง ผมก็เหมือนคนมีชนักติดหลังไปตลอด ผมไม่มีวันเป็นอิสระ"   

               "พี่ยีนส์เขาบอกให้พี่เลิกกับผมเหรอ" ผมนึกถึงวันงานปาร์ตี้ที่บ้านพี่ธีร์ ที่พี่ยีนส์พูดเรื่องพี่ปั้นกับผมหน้าห้องน้ำ

               "ไม่เกี่ยว..." พี่ปั้นตอบอ้ำอึ้ง

               "ผมจะเลิกกับพี่ ด้วยเหตุผลเดียว คือเราไม่รักกันแล้ว บอกสิว่าไม่รักผมแล้ว เอาให้สบายใจ"

               ผมยังทำใจแข็ง ทำเสียงแข็ง กลั้นน้ำตาเอาไว้ ผมพยายามจับหน้าเขา โอบเขาไว้ ให้เขาแน่ใจว่า เขาจะไม่เลิกกับผม แต่พี่ปั้นแข็งขืน เบี่ยงหน้าหลบ จนผมจับหน้าเขาให้มองที่ตาผม ผมกำลังจับผิดแววตาพี่ปั้น

               จังหวะนั้น ก็มีเสียงไขกุญแจประตูคอนโดฯ เข้ามา พี่ยีนส์มาได้จังหวะมาก พี่ยีนส์เห็นเราสองคน กำลังฟัดเหวี่ยงกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร

               "มีอะไรกัน..." พี่ยีนส์ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน กำลังเดินมาหาเราทั้งคู่ แต่พี่ปั้นก็ห้ามไว้

               "อย่ายีนส์ ปล่อยเราคุยกับต้าร์ก่อนได้ไหม นี่มันเรื่องของเราสองคน"

               "มีคำว่าแค่เราสองคนด้วยเหรอ น่าจะเราสามคนมากกว่านะ" พี่ยีนส์พูดน้ำเสียงเย้ยหยัน 

               ผมงงกับคำว่า เราสามคน ผมมองจ้องพี่ปั้น จับหน้าเขาไว้ทั้งสองมือ เอียงคอมองเขาเป็นเชิงถาม พี่ยีนส์เดินเข้ามาใกล้เราอีกนิด

               "บอกไปสิปั้น เรื่องของเรา" พี่ยีนส์ยังคาดคั้นพี่ปั้นต่อไป แต่ตาจ้องมาที่ผม เหมือนว่าเขากำลังเป็นผู้ชนะ

               "ผมนอกใจคุณ...ต้าร์ ผมกับยีนส์...เรา..."

               พี่ปั้นพูดเท่านั้นแหละ ลาวาที่กำลังเดือดของผม มันก็พร้อมจะพุ่งออกจากปล่องภูเขา

               ผมพุ่งเข้าไปจับคอเสื้อพี่ยีนส์ ผลักเขาจนไปชิดกำแพง แล้วผมก็ชกพี่ยีนส์ไปเต็มแรง พี่ปั้นรีบเข้ามาห้าม ก่อนที่มันจะมีหมัดที่สอง พี่ปั้นดึงผมออกมาจากพี่ยีนส์ แล้วกอดผมไว้ ผมบีบคอพี่ปั้นด้วยมือเดียว ผมไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน

               "เมื่อไหร่..." ผมเค้นถามพี่ปั้น อยากรู้จากปากเขา

              "เมื่อคืนวันที่...กลับจากปาร์ตี้..." พี่ปั้นหลบตาผม ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เหมือนไม่มั่นใจ หรือกลัวที่ผมบีบคอเขาอยู่ก็ไม่รู้ แต่ผมก็เห็นน้ำตาที่คลอเบ้าของเขา

               "ทำไม..." มือผมยังบีบคอพี่ปั้นอยู่ พี่ปั้นนิ่งไป เขากลืนน้ำลาย พยายามหายใจ จนมือผมรู้สึกได้ถึงลูกกระเดือกที่มันขึ้นลง เขาไม่ตอบ ผมเลยบีบแรงขึ้นไปอีก จนพี่ปั้นละล่ำละลักพูดออกมา

               "ผมไม่รักคุณแล้ว...ต้าร์"

               ผมเหมือนถูกก้อนหินขนาดใหญ่หล่นทับลงที่หัว เหมือนจะหมดสติอยู่ตรงนั้น ผมปล่อยมือจากคอพี่ปั้นช้าๆ แต่มืออีกข้างของผม...

               ฟาดไปที่หน้าพี่ปั้นเต็มแรง...

               มือใหญ่ๆ ที่มีแต่หนังหุ้มกระดูก ผมรู้ว่าพี่ปั้นเจ็บ แต่ผมก็เจ็บ

               น้ำตาพี่ปั้นที่มันเอ่อรออยู่ ตอนนี้มันไหลอาบสองแก้ม เลือดซึมออกจากมุมปาก พี่ยีนส์พยายามจะเข้ามาช่วยดึงพี่ปั้นไป แต่พี่ปั้นก็ป้องปัด ผลักพี่ยีนส์ให้ไปห่างๆ จากตรงนั้น

               ผมยืนจ้องพี่ปั้น น้ำตาผมก็ไหลออกมา แต่ผมไม่ฟูมฟาย

               เหตุผลเดียวที่พี่ปั้นจะเลิกกับผม คือเขาไม่รักผมแล้ว ตอนนี้ผมก็ได้รู้แล้วไง

               ผมไม่มีอะไรจะต้องยื้อ ไม่มีแรงดึงกลับ มันอยู่ในภาวะไร้น้ำหนัก ไร้แรงดึงดูด ผมหลุดจากวงโคจรของพี่ปั้นแล้ว

               ผมเอื้อมมือไปเช็ดเลือดที่ซึมออกจากมุมปากพี่ปั้น แล้วก็บรรจงจูบลงที่มุมปากนั้น เหมือนเป็นการบอกลา
ได้เวลาแล้วที่ผมต้องเดินจากไป

               พี่ปั้นพยายามจะรั้งแขนผมไว้ แต่พี่ยีนส์ก็มารั้งแขนพี่ปั้นไว้อีกที พี่ปั้นสบัดแขนจากพี่ยีนส์แล้วหันไปพูดกับพี่ยีนส์

               "พอใจแล้วใช่ไหม"

               ผมเดินออกมา ได้ยินเสียงพี่ปั้นเรียกชื่อผมไล่หลังมา ผมไม่จำเป็นต้องทำเป็นโกรธเขาแล้ววิ่งหนีไป เพื่อให้เขามาง้องอนอีกต่อไป เพราะมันไม่มีประโยชน์

               ผมเลยยืนรออยู่หน้าห้องว่าเค้าจะพูดอะไร พี่ปั้นเดินมาหาผม

               "ต้าร์ ผมรู้ว่าคุณเสียใจ ผิดหวัง... ผมขอโทษ คุณไม่จำเป็นต้องให้อภัยในสิ่งที่ผมทำ แต่ที่ผมจะพูด ในฐานะที่เราเป็นคนอาชีพเดียวกัน ในฐานะที่ผมเป็นรุ่นพี่"

               ผมพยายามปาดน้ำตา ยืนกอดอกฟังสิ่งที่พี่ปั้นจะพูดต่อไป

               "ต้าร์คุณเป็นคนเข้มแข็งอยู่แล้ว อย่าเอาสิ่งไม่ดีเหล่านี้มาทำร้ายคุณ อนาคตของคุณ ผมรู้ว่าคุณจะยืนขึ้นได้แน่ คุณจำไว้นะต้าร์ วันหนึ่งคุณจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดัง คุณจะดังกว่าผม แล้วคุณจะไม่เสียใจเลย เมื่อมองกลับมา...ที่เราต้องเลิกกันวันนี้"

               ผมพยักหน้าเบาๆ เหมือนรับฟัง แต่ผมกลับไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นในตอนนี้



               ผมปวดหัว ปวดตา เพราะร้องให้หนักๆ แต่ก็ต้องเก็บกดเสียงสะอื้นไว้ ไม่ให้คนขับแท็กซี่ผิดสังเกต จนผมมาถึงบ้าน ผมเดินตึงตังขึ้นห้องผม จนชินกับน้องๆ สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

               พอผมถึงที่นอนเท่านั้นแหละ ผมก็ปล่อยโฮ แบบไม่อายใคร แล้วชินก็เข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

               ผมโผเข้าไปกอดชินไว้แน่น พูดเสียงสะอื้นไม่เป็นภาษา

               "พี่ปั้นขอเลิกกับกู"

               เสียงชินถอนหายใจ มือก็ลูบหลังผมอยู่ ชินมันคงอยากด่าผมเต็มแก่ เพราะผมไม่เคยเข็ด เรื่องที่ยังคบกับพี่ปั้น

               "กูรู้ว่ามึงกำลังด่ากูในใจ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งได้ไหม" ผมชิงพูดก่อนชินจะทันพูดอะไร

               "กูยังไม่ได้ด่าเลย เลิกร้องก่อนได้ไหม เดี๋ยวก็ตาบวม ปวดหัว" ชินปล่อยผม ให้ลงนั่งพิงที่หมอน หยิบผ้าขนหนูไปชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ผม

               มะปราง คงได้ยินเสียงผมก็คงตกใจ ห่วงว่าผมเป็นอะไร เลยอุ้มลูกชิ้นตามขึ้นมาดูผมด้วย

               มะปรางเห็นผมร้องไห้ เลยให้ลูกชิ้นมาปลอบใจผม ลูกชิ้นมานั่งบนตัวผม เอามือป้ายที่น้ำตาผม ผมเลยยิ้มออกมาได้

               "นี่มันลูกใครกันแน่เนี่ย" ชินปล่อยมุก เมื่อเห็นผมเล่นกับลูกชิ้น แล้วยิ้มออกมาได้

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #14


               หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมก็ตกอยู่ในอาการซึมเศร้า ถ้าไม่มีงานผมก็นอนเงียบๆ หมกตัวอยู่แต่ในห้อง

               ผมเล่นดนตรีแบบไม่มีกะจิตกะใจ สีหน้าของผมมันเศร้าสุดๆ แม้ว่าเราจะเล่นเพลงสนุกสนานอยู่ก็ตาม แต่ผมไม่มีอารมณ์ร่วมเอาซะเลย 

               จนวันหนึ่ง สมาชิกในวงทนไม่ไหว ถ้าให้ผมเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ดีแน่ ชินคงต้องจัดการอะไรกับผมสักอย่าง เขาคุยกันไปไกลถึงขนาดว่า จะให้ผมออกจากวงไปเลย

               แต่ชินในฐานะที่เป็นเพื่อนของผม ก็บอกว่าจะมาคุยกับผมให้

               "ตั้งแต่มึงเลิกกับพี่ปั้น มึงยังไม่ได้คุยกับกูว่าเกิดอะไรขึ้น"

               "เขานอกใจกู พี่ปั้นกับพี่ยีนส์... แล้วยังโกหกกูอีก"

               "คนเขาของเคยๆ อยู่แบบนั้นทุกวัน มันก็ต้องสปาร์กกันเป็นธรรมดา แต่แบบนี้ มึงต้องขอเลิกกับเขาสิ ชั่วขนาดนี้" ชินด่าแรง ไม่รู้เพื่อเอาใจผมหรือเปล่า

               "มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว พี่ปั้นเขาบอกว่าไม่รักกูแล้ว ก็จบ" ผมพูดน้ำเสียงเศร้าๆ นอนตามองเหม่อไปที่เพดานที่ว่างเปล่า 

               "มึงทำใจได้ยัง"

               ผมส่ายหน้าเบาๆ

                  "กูอยากจะพูดนะ ว่ากูเตือนมึงแล้วใช่ไหม ว่ามึงจะต้องมานั่งเสียใจ แล้วมึงก็บอกเอง ว่ามึงเลือกเอง มึงจะรับความผิดหวังเอง วันนี้มึงก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่มึงเลือกเหมือนที่มึงพูดไว้สิ มึงจะเอาความทุกข์ของมึงมาลงที่วงของพวกเราไม่ได้นะเว้ย มึงทำหน้าหมาหงอยแบบนี้เล่นดนตรี น้องๆ มันใจไม่ดี เล่นเพลงก็ไม่สนุก" ชินทั้งด่า ทั้งสั่งสอนผม

               “ตอนนี้ที่ค่าย รู้เรื่องว่ามึงอกหักแล้ว พี่ๆ ก็เป็นห่วงกันใหญ่ ท่านประธานยังโทรมาฝากถามเลยนะ ว่ามึงเป็นไงบ้าง เล่นดนตรีแล้วหน้าไม่ดีเลย ใครๆก็ดูกันออก”   

               "มึงจะเอายังไง จะเดินหน้าต่อหรือมึงจะเลิกเล่น" ชินพูดเหมือนยื่นคำขาดให้ผม

               ผมหันไปมองหน้าชิน ตาผมยังคงเศร้า ชินเอามือมาลูบหัวผมเหมือนปลอบ

               "กูก็พูดไปงั้นแหละ ยังไงกูก็ไม่ให้มึงออกจากวงหรอก แต่มึงช่วยมีอารมณ์ร่วมหน่อยได้ไหม มึงนอนคิดทบทวนดูนะ มึงจะมานั่งเสียใจให้คนที่ไม่รักมึงทำไม มึงมีคนที่รักมึงอยู่ตรงนี้ตั้งหลายคน มีแม่ มีพวกกู มีแฟนคลับคอยให้กำลังใจมึงตอนขึ้นเวที แล้วมึงมาทำหน้ายังกับตูดหมาเนี่ยนะ เลิกคร่ำครวญได้แล้ว" ชินเอาสองมือมาขยี้หัวผม เหมือนกำลังส่งพลังมาให้ผม

               ผมมัวแต่ไปคิดถึงคนที่ทำผมเจ็บหลายครั้งหลายคราทำไม ผมน่าจะนึกถึงพ่อที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมชอบเล่นดนตรี แต่ก็ด่วนจากไปก่อน คิดถึงแม่ของผม ที่ยังยอมให้ผมเล่นดนตรี ทั้งที่ไม่อยากเสียผมตามพ่อไปอีกคน

               ผมบอกตัวเองว่า ผมจะทำตัวเองให้ดีขึ้น จริงๆ ผมก็คิดได้เอง ไม่ต้องมารอให้ชินมาพูด แต่ผมแค่ไม่พยายาม

               หรือว่าผมรู้สึกชอบภาวะซึมเศร้า เพราะผมจะได้สงสารตัวเอง



               จากวันนั้นมาผมก็ฟิตมาก ซ้อมดนตรีตลอดเวลา เล่นดนตรีอย่างคนบ้าคลั่ง เปลี่ยนความเศร้าให้เป็นพลัง

               และแล้วช่วงที่ผมโปรดปรานมากๆ ก็มาถึง เมื่อเราเริ่มได้เดินสายโชว์ตัวตามต่างจังหวัด เราได้ไปเล่นตามผับ เหมือนที่เราเคยเป็น เริ่มได้ไปเล่นงานเฟสติวัล ร่วมกับศิลปินดังๆมากมาย แต่ไม่มีวงอาฟเตอร์ช็อก

               ที่แปลกก็คือ สไตล์การแต่งตัวของวงเราก็เปลี่ยนไปด้วย เหมือนเป็นชุดอีกแบบสำหรับเรา มันออกสีเข้มๆ ดูร็อกๆ มากขึ้น บางคนก็ผสมสไตล์เด็กฮิบฮ็อบเข้าไปนิดหน่อย ผมว่ามันเท่กว่าชุดสีลูกกวาดอีกนะ

               เวลาไปเดินสายต่างจังหวัด ผมก็มักได้จับคู่รูมเมทกับศินะ ผมเลยได้สนิทกับเขามากขึ้น ตั้งแต่ผมเลิกกับพี่ปั้น ศินะก็เริ่มจู่โจมผม จนผมค่อนข้างอึดอัด ศินะทำตัวสนิทกับผม เทคแคร์ผม ยังกับผมเป็นแฟนเขา เขาดูแลปกป้องทุกอย่าง ไม่ว่าใครจะว่าอะไรผม เขาก็ออกรับแทนให้ทุกอย่าง ผมก็ซาบซึ้งในน้ำใจเขานะ แต่ผมไม่พร้อมจะมีใครเป็นเรื่องเป็นราวในเร็ววันนี้หรอก

               ถ้าคืนไหนเราได้พักโรงแรมตามต่างจังหวัด บางโรงแรมที่ผมเคยมาพักตอนออกทัวร์กับพี่ปั้น มันก็ทำให้ผมอึ้นๆ ไปได้ทั้งคืน

               แต่คืนนี้เราได้กลับมานอนบ้านที่กรุงเทพฯ กิจกรรมอาบน้ำของผมกับศินะก็เหมือนเดิม ศินะจะให้ผมอาบก่อน แล้วเขาก็จะนุ่งผ้าขนหนู มายืนพิงราวบันไดรอผมหน้าห้องน้ำ แต่คราวนี้ พอผมออกจากห้องน้ำ เขาก็เข้ามาประชิดตัวผม แล้วเขาก็เปิดผ้าขนหนูออก เชิญชวนให้เห็นของของเขาชัดๆ แล้วผมก็เดินเข้าห้องผมไป ผมไม่เล่นด้วย

               เสียงน้ำจากฝักบัวในห้องน้ำยังดังอยู่ ศินะยังอาบน้ำอยู่ แต่สัญชาตญาณหื่นของเพศชายของผม มันเรียกร้องหรืออย่างไร บวกกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผมที่มีน้อยลง เพราะผมโสด ผมไม่มีใคร ผมเลยเดินออกจากห้องของผม แล้วเข้าไปในห้องอาบน้ำ ซึ่งแน่นอนศินะ ไม่ล็อกประตู

               ผมเปิดเข้าไป เขารู้อยู่แล้วว่าเป็นผม เขายิ้มให้ผม ร่างกายเปลือยเปล่าที่เปียกไปด้วยน้ำของเขา มันดูเซ็กซี่ทีเดียว รูปร่างผอมแต่มีกล้ามเนื้อได้รูปและเพราะเขาต้องใช้แรงในการตีกลอง กล้ามเนื้อมัดเล็กๆ ที่แขน ทำเอาผมเริ่มมีอารมณ์ แล้วผมก็ไปร่วมอาบน้ำกับเขา สายน้ำจากฝักบัวยังคงไหลออกมา ผมเข้าไปกอดรัดเขาแน่น แล้วจูบศินะเหมือนผมไปตายอดตายอยากมาจากไหน ศินะตัวอ่อนจนยืนเซ มันอาจจะเป็นสัมผัสครั้งแรกของเขากับผู้ชาย ผมรู้ว่าเขาตื่นเต้นมากจนตัวสั่นนิดๆ ผมจับของสำคัญของเขาไว้ แล้วช่วยเขาจนเสร็จ แล้วผมก็รีบเดินออกมาจากห้องน้ำ ปล่อยให้ศินะงงอยู่แบบนั้น

               ผมบ้าไปแล้ว ปล่อยให้ตัวเองอารมณ์ค้างเติ่ง ผมมันบ้า ผมมันหัวโบราณ ผมคิดไปเองคนเดียว ว่าถ้าผมหลั่งต่อหน้าใคร มันจะหมายถึงผมมีอะไรกับเขาคนนั้นแล้ว ผมกำลังมีคนใหม่ ผมกำลังไปจากพี่ปั้น คนที่ผมไม่มีอะไรกับเขาแล้ว แต่ผมยังคิดถึงเขา ผมบ้าไหมล่ะ 

               วันนี้วันหยุดของวง ชินและน้องๆ นัดกันไปกินข้าวและไปเดินห้างกัน แต่ผมไม่ไป ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าผมไม่ไปไหนทั้งนั้น วันทำงานผมก็ทำหน้าที่สมาชิกของวงที่ดี แต่วันหยุดของผม ผมก็ปลีกวิเวกต่อไป วันนี้บ้านจึงเป็นของผม

               ตอนที่ทุกคน เพิ่งออกไปไม่นาน ก็มีเสียงคนเข้ามาในบ้าน ศินะนั่นเอง คงไม่ต้องเดาก็รู้ว่า เขาอยากมาสานต่อ เรื่องที่ทำค้างไว้

               ศินะเชิญชวนผมไปที่ห้องของเขา คราวนี้เราค่อยๆ เริ่มกันเบาๆ จับโน่นจับนี่ ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าให้กัน สำรวจร่างกายกันและกัน จูบเพื่อศึกษากันเบาๆ เขาพร่ำบอกว่าเขาชอบผมมากแค่ไหน เขาอยากได้ผมมากแค่ไหน จริงๆ แล้วผมไม่ชอบเสียงสนทนาระหว่างมีเซ็กส์ ผมว่ามันพิลึก ผมกับพี่ปั้น เราแทบไม่ค่อยพูดกัน มีแต่ยิ้มให้กัน แล้วผมจะคิดถึงพี่ปั้นทำไมเนี่ย

               แต่ศินะมันก็เป็นความแปลกใหม่ของผม ไม่วันใดวันหนึ่ง ผมก็ต้องเจอผู้ชายคนอื่นอยู่ดี ลองศึกษาไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย     

               ผมจับเขานอนลง แล้วลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเขา กล้ามท้องเซ็กซี่กำลังงาม ผิวขาวใสแต่ไม่ซีด แล้วผมก็จูบไปทั่วตัวของเขา ผมคิดถึงกลิ่นกายของชาย กลิ่นที่ทำให้ผมมีอารมณ์และผมก็ใช้ปากทำให้เขา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาสุขสมขนาดไหน ถึงตอนนี้ถุงยางอนามัยอยู่ในมือผมแล้ว ศินะยกสะโพกกลมกลึงรอรับการสอดใส่

               แต่แล้ว อีกครั้งครับที่ผมเกิดบ้าขึ้นมา

               ผมทำไม่ได้ว่ะ

               อยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกผิด ผมผิดเพราะผมไม่ได้รู้สึกรักคนที่นอนอยู่ตรงหน้า ผมไม่ควรไปทำอะไรเขา เพียงเพราะผมว่าง ผมโสด เขากำลังจะมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรก เขาควรต้องประทับใจ ไม่ใช่จะโดนผมทิ้งในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า เพราะตอนนี้ผมไม่พร้อมจะมีใครจริงๆ

               และที่มันปั่นป่วนใจผมจริงๆ ก็เพราะผมยังรักพี่ปั้นอยู่ แม้ว่าผมไม่จำเป็นต้องซื่อสัตย์ต่อพี่ปั้นแล้ว แต่ผมควรจะซื่อสัตย์ต่อใจตัวเอง

               ผมทิ้งตัวลงนอนที่ข้างๆ ศินะ แล้วเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ผมปอดแหกอีกแล้ว

               คราวนี้ศินะคงอยากจะต่อยผมมาก แต่เขาก็วิ่งเข้าห้องน้ำไป

               ผมใส่เสื้อผ้าบางส่วน แล้วนั่งรอศินะที่ข้างเตียง เขาเข้ามาแต่งตัว ผมขอโทษเขา ผมรู้ว่าเขาอาย ผมเลยบอกเขาว่า

               "เสียหน้ากันวันนี้ ดีกว่ามานั่งเสียใจวันหน้า ว่าเราไม่น่าทำแบบนี้เลย"

               ผมไม่น่าทำแบบนี้เลย ถ้าชินรู้ ชินคงเอาผมตายแน่ เซ็กส์คือบ่อนทำลายมิตรภาพ

               ผมจะเข้าไปกอดศินะ แต่เขาก็เบี่ยงตัวหนี

               ผมบอกศินะไปว่า ถึงผมจะเป็นเกย์ เกย์ที่มักถูกมองว่าง่ายมากที่จะมีเซ็กส์กัน แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ ผมคงอ่อนไหวเรื่องนี้มากเกินไป

               ศินะเลยถามผมว่า ผมยังรักพี่ปั้นอยู่ใช่ไหม

               ผมไม่ได้ตอบ แต่สิ่งที่ผมตอบได้ คือผมไม่ได้รักศินะแบบนั้นและผมไม่อยากมีใครตอนนี้ แต่ผมก็ไม่ได้ตอบ

               เราคุยกันว่า เราไม่ควรไปบอกใครๆ เพราะผมไม่แน่ใจว่าศินะเขาจะเปิดตัวว่าเป็นเกย์ หรือไบเซ็กส์ชวล หรือแค่เผลอ หรือแค่อยากลอง ส่วนตัวผมยังไงก็ได้ แต่สำหรับศินะ กับอนาคตของเขายังอีกยาวไกล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2015 00:12:53 โดย boy2gether »

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #15.1


               ผมปิดมือถือไปตั้งแต่วันที่ผมเลิกกับพี่ปั้น ผมไม่อยากกังวลใจ ว่าเมื่อไรเขาจะโทรมาง้อ ผมควรจะหักดิบ ผมให้แม่หรือใครที่จะติดต่อผมโทรไปที่มือถือของชินแทน

               ข่าวบันเทิงข่าวใหญ่วันนี้ วงอาฟเตอร์ช็อก ยกเลิกคอนเสิร์ตสี่จังหวัดใหญ่ เนื่องจากบัตรคอนเสิร์ตไม่เดิน เพราะเพลงอัลบั้มที่เงียบสนิท แม้จะมีชื่อเสียงเดิมอยู่บ้าง มีเพลงเก่าที่คนยังร้องได้ แต่คนก็ไม่เห่อมันอีกแล้ว

               เมื่อก่อนตอนที่ผมยังเป็นแบ็คสเตจให้พี่ปั้น คอนเสิร์ตตามต่างจังหวัด แฟนๆ จะมารอเข้าแถวซื้อบัตรกันตั้งแต่เช้า ตอนวันงานก็ต้องมารอต่อแถวตรงทางเข้า เพื่อจะจับจองที่นั่งที่ยืนใกล้ๆ เวทีที่สุด

               เวลาผ่านไปยังไม่ถึงสองปีดี เหตุการณ์มันกลับตาลปัตร วันนี้ไม่มีใครซื้อตั๋วคอนเสิร์ตพี่ปั้น ไม่มีใครไปรอต่อแถวเพื่ออยากไปอยู่ใกล้เวที มันเป็นสัจจะธรรม

               ผมอยากเข้าข้างพี่ปั้นนิดหน่อย ว่ามันผิดพลาดที่เพลงชุดนี้ เขาทำมาไม่ดีพอ มันหรูไปสำหรับ แว๊นและสก๊อย ผมไม่อยากคิดไปในแนวทางที่ว่า ชื่อเสียงเขาตกต่ำลง แฟนเพลงน้อยลง เพราะเขาดันไปเปิดตัวว่าเป็นเกย์หรือไบเซ็กช่วล มีเพศที่ผิดปกติ ข่าวเลิกกับเมีย จนต้องหนีไปทำใจที่เมืองนอก

               บางทีผมน่าจะเชื่อพี่ปั้น ว่าผมไม่ควรเปิดตัวว่าเป็นเกย์ เพราะมันอาจต้องแลกกับบางอย่างในชีวิต ตอนนี้พี่ปั้นคงเข้าใจดีแล้ว เลยไม่อยากให้ผมต้องผจญชะตากรรมเดียวกันกับเขา

               ผมก็คิดถึงพี่ปั้นเหมือนกันนะ เราคุยกันได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเพลง ดนตรี เราชอบนั่งกันเงียบๆ พูดกันน้อยๆ หันมาหัวเราะให้กันกับเรื่องไร้สาระ กับมุกตลกฝืดๆ จริงๆ แล้วถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เราคบกันลึกซึ้งและเรื่องเซ็กส์ เราน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
             
            ผมคิดถึงพี่ปั้น...

               แต่ผมไม่กล้าไปหาเขาหรอก ผมกลัว...

               ผมกลัวใจตัวเองมากที่สุด

               ข่าวดีสำหรับพี่ปั้นก็ยังมี เพราะคอนเสิร์ตที่กรุงเพทฯ ที่ตอนแรกตั้งเป้าจะเป็นคอนเสิร์ตปิดท้าย ยังดำเนินต่อไป แฟนๆ ที่กรุงเทพฯ ยังเหนียวแน่น บัตรยังเดินได้เรื่อยๆ



               แต่ก็เหมือนฟ้าผ่ากลางวง เมื่อมีข่าวใหญ่ต้องขึ้นหน้าหนึ่งอีกครั้ง ยีนส์หนึ่งในสมาชิกวงอาฟเตอร์ช็อก โดนจับตรวจฉี่ม่วงกลางผับใหญ่ย่านสีลม

               ฟางเส้นสุดท้ายของพี่ปั้น คอนเสิร์ตใหญ่ที่กรุงเทพฯ ต้องถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน เรื่องข่าวยาเสพติด มันเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเค้าถือว่าคุณต้องเป็นต้นแบบให้กับวัยรุ่น ทางค่ายพี่ปั้นจึงต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยการแบนวงอาฟเตอร์ช็อก ออกจากสื่ออีกครั้ง

               พร้อมกับประกาศ ยกเลิกคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ

               มันเป็นข่าวใหญ่มาก สำหรับศิลปินเบอร์ใหญ่ของวงการ ยกเลิกคอนเสิร์ตห้าแห่งภายในหนึ่งเดือน เกิดอะไรขึ้นกับซุปตาร์ของผม

               พี่ยีนส์ คนที่พี่ปั้นเลือก ทำอะไรให้พี่ปั้นบ้าง นอกจากปัญหา

               ผมคิดว่าตอนนี้พี่ปั้นคงกำลังสติแตกเต็มที่ เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองเดือนที่ผมอยากจะเปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรไปหาพี่ปั้น

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด