[เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58  (อ่าน 28211 ครั้ง)

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

อยากจะสมน้ำหน้าปั้นนะ  คงยีงรักต้าร์แหละ

แต่ฝังใจกับยีนส์มากไป รู้สึกผิดที่ไม่รักษาสัญญา

พอกลับมามีอะไรกัน ยีนส์คงฟูมฟาย จะทิ้งก็ไม่ได้

แต่ทั้งหมดพี่ปั้นทำตัวเองทั้งนั้น

ส่วนน้องต้าร์ดีแล้วที่ไม่ดึงศินะเข้ามา

ความรักถ้ามันไม่มีปัญหาก็ดีไป แต่ถ้ามีปัญหาเมื่อไหร่มันยะกระทบกับทีมจริงๆ สู้สู้ นะต้าร์

ปล.เรทว่าพี่ปั้นก้อรู้ตัวอยู่แล้วล่ะว่ายีนส์จะพาปัญหามาให้ แค่ช้าหรือเร็วเท่านั้น เดาเอาจากที่พี่แั้นตามออกมาคุยกับต้าร์ตอนหลังน่ะ  ดป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สนุกมากเลย สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :กอด1:  เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ

แวะมาอ่านเม้นท์แล้วก็หดหู่ ยังไม่ขออ่านเนื้อหาช่วงนี้ละกัน

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
แสดงความห่วงใยในฐานะพี่น้องก็พอเถอะต้าร์  :mew6:
ถ้าพี่ปั้นเขารักต้าร์มากพอ เขาต้องเลือกต้าร์ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ :katai1:
บางทีที่เขาทำท่าอาลัยอาวรณ์ต้าร์ (ซึ่งเราอาจจะรู้สึกไปเอง) ตอนนั้น อาจจะเพราะยังมีความรู้สึกดีๆต่อกันในฐานะพี่น้องก็ได้ :เฮ้อ:
ไม่รู้สินะ ความรักบางทีก็เข้าใจยาก เราตัดสินแทนต้าร์ไม่ได้หรอก นี่อินมากบอกเลย :hao5:

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #15.2


               เมื่อผมเปิดโทรศัพท์มือถือครั้งแรก เสียงตึ๊ดๆ รัวๆ เจอมิสคอลล์เป็นร้อยมิสคอลล์ แน่นอนว่ามีแต่ของ...

               ‘กระเจี๊ยวน่ารัก’

               พี่ปั้นโทรหาผมทุกวัน ผมดูเวลาแล้ว ส่วนใหญ่จะสี่ทุ่มขึ้นไปทุกวัน เขายังทำเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เรายังคบกันอยู่ คือเราจะโทรหากัน ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาจะเพียรโทรมาอีกทำไม

               วันนี้ผมอยากโทรหาเขา ไม่ได้มีเรื่องโรแมนติกอะไร อยากโทรเพราะห่วงเรื่องการงานของเขามากกว่า

               ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ต้องโทรหาพี่ปั้น ไม่รู้ทำไม การที่เราโหยหาและคิดถึงใครมากๆ บางทีก็ทำให้เราใจสั่น เหงื่อออกมือ หน้าร้อนผ่าว ด้วยความกลัว

               ผมมัวแต่ละล้าละลัง จะโทรหาเขาดีไหม ก็มีสายเข้ามา แจ็กพ็อทว่ะ กระเจี๊ยวน่ารัก กำลังเรียกสายอยู่ ใจของผมเต้นระรัวก่อนจะรับสาย

               "ต้าร์..." เสียงพี่ปั้นจากปลายสาย

               "พี่ปั้น..." เราพูดกันแค่นี้ แต่ผมเหมือนได้ยินเสียงสะอื้นของพี่ปั้นในความเงียบ 

               พี่ปั้นยังคงเงียบ ตอนนี้ผมเดาอารมณ์เขาไม่ถูก ว่าผมควรจะพูดต่อ หรือผมควรจะรอเขาพูดก่อน แล้วเราก็ชิงจังหวะพูดพร้อมกัน

               "ผมอยากคุยกับพี่..."  "ผมอยากคุยกับคุณ..."

               แล้วเราก็หัวเราะเบาๆ ขึ้นมาพร้อมกัน

               แต่ผมยังไม่ทันจะได้พูดอะไร แบ็คสเตจของผม มาเร่งให้ผมไปสแตนด์บาย เพื่อขึ้นโชว์ ผมเลยต้องขอวางสายจากพี่ปั้น



               คืนนี้ผมมาเล่นคอนเสิร์ตงานประจำจังหวัดเลย ผมจะเข้ากรุงเทพฯ วันพรุ่งนี้ตอนดึก แล้วอีกวันต้องบินไปภูเก็ตต่อ ตอนเช้าตรู่เลย ผมมีเวลานิดหน่อยที่จะไปหาพี่ปั้นคืนวันพรุ่งนี้ ผมหวังว่าเขาจะอยู่

               เป็นครั้งแรก ที่ผมร้อนรน อยากให้รถตู้ขับเร็วๆ ผมอยากถึงกรุงเทพฯ เร็วๆ แต่ก็นั่นแหละ กว่าจะถึงก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม พอผมมาถึงกรุงเทพฯ ลงจากรถตู้ได้ ผมก็รีบเข้าบ้าน เตรียมเก็บของสำหรับไปภูเก็ต ผมทำอะไรรีบเร่ง จนชินสังเกตได้ เพราะปกติผมจะเป็นเหมือนเด็กขี้เกียจ เนือยๆ ไม่รีบร้อน ยิ่งตั้งแต่ผมเลิกกับพี่ปั้น ชินแทบจะต้องแซะผมตลอดเมื่อผมเกิดอาการเหม่อๆ 

               แล้วผมก็รีบออกจากบ้านตรงไปหาพี่ปั้นที่คอนโดฯ พี่ปั้นไม่รู้ว่าผมจะมา แต่ผมก็มั่นใจว่าเขาจะอยู่ พี่ปั้นเดินมาเปิดประตู



               พี่ปั้นยิ้มเหมือนผมเป็นแสงสว่างของเขา แต่เขาก็เป็นแสงสว่างของผมเหมือนกัน ผมอยากจะกอดเขามาก แล้วผมก็รู้ว่าเขาก็อยากกอดผมเหมือนกัน มันเป็นอะไรที่ทรมานมาก ที่เราต้องฝืนใจตัวเองแบบนี้ เราแค่ทักทายกันธรรมดา ผมยกมือไหว้พี่ปั้น พี่ปั้นแตะที่แขนผมเบาๆ เท่านั้น

               หน้าพี่ปั้นเมาได้ที่ หน้าตาโทรมมาก ผมเผ้ายุ่ง เสื้อไม่ใส่ ใส่แต่กางเกงยีนส์เน่าๆ 

               ห้องดูรกรุงรัง พื้นเลอะเทอะ เต็มไปด้วยขยะ เกลือนไปด้วยกระป๋องเบียร์ ขวดไวน์ ก้นบุหรี่ จานชาม เศษอาหารที่กินทิ้งไว้ กลิ่นบุหรี่อับไปทั้งห้อง รวมทั้งอุปกรณ์เล็กๆ สำหรับ...เสพยาไอซ์

               ผมเดินไปหยิบมันให้พี่ปั้นดู ถามว่าเป็นของเขาเหรอ พี่ปั้นบุ้ยปากไปที่ห้องนอน ผมชโงกไปดู เห็นพี่ยีนส์นอนหลับสลบไสลบนที่นอน ผมตรวจเช็คหาร่องรอยการเสพยาของพี่ปั้น จากดวงตา กลิ่นตัว จากในช่องปาก ผมตรวจจนแน่ใจว่าพี่ปั้นไม่ได้เล่น ผมเลยขู่เขาว่า

                "ถ้าผมรู้ว่าพี่เล่นยา ผมจะเรียกตำรวจมาจับถึงที่เลย คอยดูเถอะ" 

                ผมอารมณ์เสีย จากสภาพห้องที่เห็น จากห้องที่เคยเป็นสวรรค์สำหรับเรา ตอนนี้มันเหมือนขุมนรกมากกว่า

               ผมเลยไปหยิบถุงดำ มาเก็บขยะ ผมเปิดหน้าต่างระบายอากาศ เก็บถ้วยชามล้าง กวาดถู ล้างห้องน้ำ สะอาดเอี่ยม ผมเอาพลังมาจากไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้ก็เกือบตีหนึ่งแล้ว



               ภารกิจต่อไปของผม คือจับพี่ปั้นอาบน้ำ ผมลากพี่ปั้นที่กำลังเมาๆ ให้ไปอาบน้ำ แน่นอนคนเมาดื้อสุดๆ ผมจับเขาแปรงฟัน ถอดเสื้อผ้าออก แล้วจับไปนอนในอ่างอาบน้ำ แล้วล้างตัว อาบน้ำ สระผม แล้วผสมน้ำอุ่นให้เขาแช่ตัว ตอนนี้พี่ปั้นคงจะสร่างเมานิดหน่อยแล้ว พี่ปั้นให้ผมลงไปแช่ในอ่างด้วย แต่ผมปฏิเสธ

               “ผมจะกลั้นหายใจในน้ำจนตาย” พี่ปั้นพูดเสร็จ ก็นอนลงในอ่างน้ำ ให้ใบหน้าจมลงไปใต้น้ำ ผมมองดูพฤติกรรมของเขา ด้วยความขันและความเอือม ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหน ก็ชนะผมได้ทั้งนั้น

               เรานั่งมองหน้ากันในอ่างน้ำ คราวนี้ไม่มีเซ็กส์ ไม่มีโรแมนติก มีแต่เสียงถอนหายใจหนักๆ จากพี่ปั้น

               "โทรมาหาทำไมทุกคืน ตั้งเป็นร้อยมิสคอลล์ ก็รู้ว่าไม่เปิดมือถือ" ผมหาเรื่องคุยระหว่างที่เราเงียบๆ

               "เผื่อฟลุ๊ก... กดโทรๆ มันทุกคืนเหมือนการเสี่ยงดวง แล้วมันก็มีวันที่ผมมีโชค เมื่อคืนนี้ไง"

               "ว่างมากขนาดนั้นเลย" ผมพูดประชด ผมปัดน้ำใส่หน้าเขา

               ผมหยิบเทียนเก่าที่วางที่ขอบอ่าง ที่มันเขียนว่าเวลคัมโฮมมาดู มันทำให้ผมเศร้าใจ บ้านที่ๆเรากลับมาแล้วจะมีคนรักรออยู่ แต่ตอนนี้บ้านก็ไม่เป็นบ้าน คนรักก็ไม่มี

                  "เราเลิกกันเพื่อสิ่งนี้เหรอ คอนเสิร์ตถูกยกเลิกหมด การงานก็ไม่ทำ พี่ยีนส์ก็ยังเมาอยู่ ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมา" ผมพูดด้วยความน้อยใจ นั่งกอดเข่าเอามือตีน้ำเล่นเบาๆ

               "ทำไม่สำเร็จไง..." พี่ปั้นพูดลอยๆ ขึ้นมา เหมือนไม่ได้ตั้งใจตอบคำถามของผม ผมกำลังเอาผ้าขนหนูผืนเล็ก ชุบน้ำจะไปโปะหัวพี่ปั้น ก็ชงักไปหน่อย ผมมองหน้าเขา เพื่อให้แน่ใจว่าเขาต้องการสื่ออะไร

               "...แย่งผมไปจากคุณไม่สำเร็จ..."

               ผมถอยตัวห่างพี่ปั้นมานั่งอีกฟากของอ่าง ผมไม่อยากโดนแรงดึงดูด ดูดผมกลับไป ด้วยคำพูดอะไรบางอย่างของพี่ปั้น

                "ผมเลิกคบกับคุณ...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า...ผมจะเลิกรักคุณ..."

               นี่แหละพี่ปั้น คำบอกรักแบบนี้ ทำให้คุณตัวอ่อน ใจอ่อนและในที่สุดก็ยอมที่จะถูกรัก

               แต่...ผมจะไม่หลงไปกับคำพูดเหล่านี้อีกแล้ว

                  “ถ้ารัก แล้วทำไมทำแบบนั้นล่ะ เพื่ออะไร” ผมพูดแล้วส่ายหัว ทำเสียงพ่นจมูกเบาๆ
   
               พี่ปั้นเงียบ ถอนหายใจยาวๆ มองหน้าผม เหมือนมีเรื่องที่เขาอยากพูด แต่ก็เก็บงำไว้

                  “มีอะไรก็พูดมาสิ ยังไงเราก็ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว”

                  พี่ปั้นพยักหน้ารับ คำว่า เราไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว ของผม

               “ตอนผมไปอังกฤษ ผมเจอยีนส์ ยีนส์ดีใจมาก ผมก็ดีใจเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า เราคุยสนิทสนมกันเหมือนเดิมเหมือนเราไม่ได้จากกันไปไหนเลย ยีนส์ก็ถามว่าผมมีใครไหม ผมก็บอกว่าผมมีคุณแล้ว
   
               แต่หลังจากเราไปฝรั่งเศส ด้วยบรรยากาศมันพาไป...”
   
               กูว่าละ! ฝรั่งเศส ผมนึกหมั่นใส้เขาในใจ คงนอกใจกันตั้งแต่ตอนนั้น
   
               พี่ปั้นหันไปมองหาบุหรี่สูบ

                  “ยีนส์ก็มาบอกว่า อยากกลับมาคบกับผม เค้าจูบผมด้วย... อย่า! อย่าเพิ่งด่า” พี่ปั้นชี้นิ้วมาที่ผม พี่ปั้นคงเริ่มรับรู้ได้กับอาการอารมณ์ร้อนของผม จากเมื่อโดนตบครั้งที่แล้ว

                  “โอเค... ผมแค่จูบ เพื่อระลึกชาติ ว่าเรารู้สึกยังไงกับเค้า แต่ผมไม่รู้สึกอะไร เข้าใจไหม”
   
               แค่จูบก็ผิดแล้วเว้ย! ผมคิด มิน่าเขียนโปสการ์ดจากฝรั่งเศส โปรยคำหวานมาเพียบ รู้สึกผิดล่ะสิ ที่ไปจูบคนอื่น

                  “ผมไม่รับรักเค้า ผมบอกเค้าว่า ผมมั่นใจว่าผมรักต้าร์”

                  “ทำไมล่ะ ทำไมถึงคิดว่ารักผม” ผมถามแทรกขึ้นมา อยู่ดีๆ ผมก็อยากรู้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรวะ

                  “ผมเคยรักกับยีนส์ อาจจะเพราะวัยของเราตอนนั้น มันเป็นป็อปปี้เลิฟ เราก็หลงรักเพื่อน เราติดเพื่อน เรานิสัยเหมือนกัน ไลฟ์สไตล์คล้ายกัน เราชอบคนเท่ คนหน้าตาดี ป็อปปูล่าและที่สำคัญเป็นเกย์ แต่กับต้าร์ มันเป็นอีกแบบ ผมรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ผมรู้สึกเป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่ใกล้คุณ...

                ผมชอบจูบกับคุณ ชอบมองหน้าคุณ ชอบวิธีที่คุณดูแลผม...

               ชอบ...ที่คุณรักผม...”

               คิดว่าคนฟังคำพูดแบบนี้ จะเกิดอาการยังไงล่ะ มันก็ล่องลอยไปเลยน่ะสิ
   
               “พอกลับจากฝรั่งเศส ผมก็คิดว่าเราเข้าใจกันดีแล้ว ตอนที่ผมกำลังจะกลับกรุงเทพฯ ยีนส์ก็เกิดบอกว่าอยากกลับเมืองไทย อยากกลับมาเล่นดนตรี ผมก็โอเค เพราะว่าเค้าเป็นคนมีความสามารถนะ ผมก็ไม่คิดอะไร แต่มันไม่เป็นแบบนั้น ผมว่าเค้าอยากมาเจอต้าร์มากกว่า เค้าคงอยากรู้ว่าคุณมีดีอะไร ก็แค่ผู้ชายหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง”

               คราวนี้พี่ปั้นแกล้งตีน้ำใส่หน้าผม ที่กำลังฟังเคลิ้ม
   
               “ผู้ชายธรรมดาที่ยีนส์อยากเอาชนะ แต่ก็ทำไม่ได้ วันที่ไปปาร์ตี้ ผมอยากให้คุณไปด้วยจริงๆ นะ ผมไม่อยากไปกับยีนส์สองคน เพราะผมรู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ ผมอยากยืนยันตัวต้าร์กับทุกคน ผมไม่ได้อายเนเน่เลย ผมเคยบอกเนเน่ไปแล้ว ว่าผมชอบคุณ เนเน่รู้อยู่แล้ว”

                  “ผมจำได้เลือนลาง คืนนั้นผมก็กลับมาจากปาร์ตี้กับคุณ แล้วก็นอนไป แล้วก็อืม...เรามีสัมผัสกันในความมืด อืม... คือพูดไปก็เหมือนแก้ตัว โอเคเพราะเมา... แต่มันไม่ได้ลึกซึ้ง เอ่อ คือยังไม่ได้ทำอย่างว่าอ่ะนะ ผมก็เริ่มรู้สึกตัว เราก็เลยทะเลาะกัน เกือบจะต่อยกัน แล้วเราก็ไม่คุยกันตั้งแต่นั้นมา แล้วยีนส์ก็เลยยิ่งโมโห ผมแทบไม่นอนคอนโดเลย ไปนอนที่อื่น พอวันคอนเสิร์ต ผมถึงรู้ว่ายีนส์ไปเล่นยา โดยอ้างว่าเพราะผมไม่ใส่ใจเค้าเหมือนเมื่อครั้งก่อนที่เราเลิกกัน ผมโกรธมาก ผมถามว่าเค้าจะเอายังไง เค้าบอกให้ผมเลิกกับคุณแล้วเค้าจะเลิกยา ผมก็เลย...”

                  “ทำไมต้องเอาผมเป็นตัวประกันด้วย ผมเกี่ยวอะไรด้วย” ผมบ่นแทรกขึ้นมา ตาร้อนผ่าวไปด้วยความโกรธจนน้ำตาเอ่อขึ้นมา
   
               “เพราะยีนส์รู้ว่าคุณ มีค่าที่สุดในชีวิตผม...”
   
               ผมส่ายหน้า ก้มหน้ามองน้ำ แม่งปัญญาอ่อนทั้งคนขอสัญญาและคนที่ดันไปให้สัญญา
   
               “มีค่าที่สุด ก็ยังยอมเลือกที่จะทิ้งผมเนี่ยนะ คิดอะไรอยู่วะ” ผมต่อว่าพี่ปั้น พยายามกลั้นน้ำตาไว้
   ผมทำท่าจะลุกจากอ่างน้ำ แต่พี่ปั้นก็มาดึงไว้ เค้าดึงผมมานั่งกอดไว้
   
               “ผมขอโทษ จะบอกว่าเป็นข้ออ้างก็ได้ แต่ผมคิดดีแล้ว ผมอยากให้คุณไปมีสมาธิกับเรื่องงาน เรื่องอัลบั้มใหม่ ไม่อยากให้มาเสียสมาธิกับเรื่องยุ่งเหยิงนี้”

               “แล้วดูผมสิ แล้วดูดีไหม กว่าผมจะทำใจได้ ผมจะไม่มีวันกลับไปเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว จำคำผมไว้เลย” ผมพูดเหมือนยื่นคำขาดกับพี่ปั้น

               พี่ปั้นปล่อยตัวผม จากที่โอบผมไว้ เขามองหน้าผม พรางถอนหายใจยาว

               ผมจะไม่มีวันเข้าไปวงโคจรของ ปั้นยีนส์ ปั้นยีนส์ อีกแล้ว...

               "แล้วกับพี่ยีนส์ จะยังไงต่อ" ผมถามเพื่อให้แน่ใจ ว่าผมจะไม่อาลัยอาวรณ์ 

               "ถ้าคุณอยู่กับคนที่เขาไม่ได้รักคุณ คุณจะทำยังไงล่ะ ผมหมดภาระแล้ว ผมไม่มีอะไรติดค้างกับยีนส์ ตอนนี้ก็อยู่ที่ตัวเขาแล้ว เดี๋ยวผมจะหนีละ หนีไปไกลๆ ต้าร์ก็อยู่ได้โดยไม่มีผมอยู่แล้ว ผมบอกแล้วว่าคุณเข้มแข็ง ผมซะอีกที่ทำใจไม่ได้ เที่ยวโทรไปหาทุกวัน อย่าเอาเรื่องปวดหัวไปใส่สมองเลย ทำงานให้เต็มที่ แล้วไปเจอคนที่ดีกว่าผม"
   
               นี่เป็นคำบอกเลิกบอกลา ที่เศร้ากว่าครั้งก่อนเสียอีก บอกเลิกเพราะยังรักกัน มันทรมานเว้ย!

               แล้วจะเขาหนีไปไหนเหรอ ผมรู้สึกว้าเหว่ วังเวงอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนึกถึงวันที่จะไม่มีเขาจริงๆ จะไม่มีหน้ามาให้เห็น ไม่มีเสียงมาให้ได้ยิน นี่ผมเข้มแข็งแล้วใช่ไหม ผมอยู่ได้โดยไม่มีพี่ปั้นจริงๆ หรือ 
 
               แล้วพี่ปั้นก็เอื้อมมาดึงตัวผมไปกอด ให้ผมนอนพิงตัวเขาไว้ เหมือนที่เราเคยเป็น แต่มันไม่มีอารมณ์ทางเซ็กส์ใดๆ เราก็แค่มีเวลาได้คิด

               "หิวไหม เดี๋ยวไปซื้ออะไรมาให้กิน" ผมบอกพี่ปั้น

               "ตีสามแล้ว"

               "ร้านมันเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง"

               "ไปดิไปดิ ลงไปด้วย"



               เราแต่งตัวลงไปร้านสะดวกซื้อข้างล่างหน้าคอนโดฯ พี่ปั้นหัวยุ่งจากที่สระผมเมื่อกี้ ใส่กางเกงนอนขาสั้น เสื้อกล้ามตัวใหญ่ๆ ส่วนผมใส่ชุดที่ผมใส่มา

               ผมจัดการซื้อโจ๊กคัพให้พี่ปั้นกับผมคนละถ้วย แล้วก็น้ำขวด แล้วเราก็นั่งกินกันตรงหน้าร้าน พี่ปั้นจะได้ออกมานั่งสูดอากาศบ้าง

               "ขอชิมหน่อย ป้อนหน่อยดิ" พี่ปั้นพูดเหมือนอ้อนผม

               "มันก็รสเดียวกัน จะชิมทำไม" ไม่สำเร็จหรอก ผมไม่ใจอ่อน

               ระหว่างนี้มีสองสาวขาเที่ยวกลางคืน คงเมามานิดหน่อย เดินมาที่ร้านสะดวกซื้อ พอเธอเห็นผม ก็เข้ามาทักทันที

               "นี่ ต้าร์จะเนฟเว่อร์ ใช่ไหมคะ"

               "ครับ" ผมยิ้มให้สองสาว

               "ว๊าย ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ" สาวหนึ่ง พยายามให้เพื่อนหยิบมือถือมาถ่ายรูปคู่กับผม

               ผมถ่ายกับทั้งสองคนเสร็จแล้ว เธอก็เข้าไปหาซื้ออะไรในร้าน ผมก็กินต่อ

               สักพักเธอก็มาหาที่นั่งกินหน้าร้าน แถวๆ ผมกับพี่ปั้นนั่นแหละ แต่ก็ห่างไปหน่อย แต่ผมก็ยังได้ยินเธอเม้าท์ถึงพี่ปั้น

               "แกๆ แกว่าผู้ชายคนข้างๆ ต้าร์เนฟเว่อร์ คือปั้นอาฟเตอร์เปล่าวะ"

               "กูว่าไม่ใช่ว่ะ หน้าคล้ายๆ คงไม่ใช่ ถ้าใช่ แม่งก็โทรมชิบหาย"

               สองสาวที่มีอาการมึนๆ คงไม่รู้ว่าเสียงที่เธอเม้าท์กัน ได้ยินเสียงชัดมากในความเงียบสงัดกลางดึกแบบนี้ มาพูดต่อหน้าพี่ปั้นเลยก็ได้นะ ถ้าจะพูดเสียงดังขนาดนั้น

               สักพักมีเสียงมือถือดังขึ้นที่สองสาว เธอเลยเดินจากไป

               ตอนนี้ผมหันมามองพี่ปั้น พรางนึกขำ ขำเรื่องที่สองสาวนั้นเม้าท์พี่ปั้น ต่อให้เมาแค่ไหนพี่ปั้นก็ต้องฟังรู้เรื่อง

               "มาๆ ป้อนให้ โอ๋ๆ" ตอนนี้ผมแหย่พี่ปั้น พยายามป้อนโจ๊ก เพราะรู้ว่าเขาคงอารมณ์เสีย

               "ไม่ต้องแล้วเว้ย! อิ่มแล้ว" พี่ปั้นค้อนผมไปหนึ่งขวับ

               "ฮาฮาฮ่า..." ผมหัวเราะพี่ปั้นเสียงดัง พี่ปั้นเอาขวดน้ำตีหัวผมเบาๆ

               "โดนตบเจ็บไหม" ผมแกล้งแหย่แกต่อ

               "อยากลองไหม" พี่ปั้นเงื้อมือรอผม

               "ไม่ๆ ไม่เป็นไร...นะ เก็บไว้ๆ นะ มืออ่ะ" ผมพยายามจับมือแกเก็บไป พี่ปั้นกับผมเลยหัวเราะออกมาได้



               ผมยังมีเวลาอยู่กับพี่ปั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง ผมต้องรีบกลับบ้านไปเอาของแล้วไปสนามบินเพื่อเช็คอินหกโมงเช้า

               พี่ปั้นมานอนตักผมที่โซฟา ผมไม่นอน เพราะกลัวไม่ตื่น

               "ไปกี่โมงเนี่ย"
               
               "ตีห้า"

               "ไม่ไปไม่ได้เหรอ"

               ผมตีหน้าผากพี่ปั้นไปเบาๆ พี่ปั้นรู้ว่าผมไม่ทำอะไรแบบนี้ อย่าได้ขอ

               "เมื่อไหร่ จะตื่นมาแล้วเห็นหน้าคุณเลย จะมีวันนั้นไหม มีแต่ทำงานๆ ต้องรอให้แก่ก่อนหรือไง"

               "ถ้ายังใช้ชีวิตแบบนี้ จะไม่ได้อยู่จนแก่หรอก ดูพ่อผมเป็นตัวอย่าง"

               "นึกถึงตอนทัวร์คอนเสิร์ต ตื่นเช้ามาจะต้องเจอต้าร์นั่งรออยู่ทุกเช้า ตอนนี้ไม่ได้ละ เขาดังละนะ"

               "ไม่รู้ทำไปได้ยังไงนะ ช่วงนั้นฟิตมากอ่ะ นอนก็ดึก ต้องตื่นก่อนอีก คือแบบไม่ให้ขาดตกบกพร่อง กลัวตกงาน"

               ผมรู้ว่าทำไปได้ยังไง เพราะผมทำแล้วมีความสุข ความสุขที่ได้นั่งมองคนที่นอนหลับไหล ใบหน้าบริสุทธิ์ที่ไร้อารมณ์และความรู้สึก ความสุขที่ตื่นมาแต่ละวันจะได้เห็นหน้าซุปตาร์ของผม

               “แล้วเรื่องจะย้ายออกมาอยู่คอนโดฯ จะซื้อคอนโดฯ ไปถึงไหนแล้ว” พี่ปั้นถามผม เรื่องโครงการที่ตั้งใจจะย้ายออกมาอยู่คนเดียว

               “ไม่มีตังค์ ตังค์ที่ได้มาจากออกอัลบั้มคงไม่พอ คอนโดฯที่ดูๆ ก็สองล้านอัพหมด ต้องขอตังค์แม่มาดาวน์ แต่ไม่เอาดีกว่า ตอนนี้ก็แทบไม่ได้อยู่กรุงเทพฯอยู่แล้ว”

               ไม่รู้พี่ปั้นฟังผมจนจบไหม พี่ปั้นหลับคาตักผม ผมนอนเอนตัวที่โซฟา มองไปที่หน้าต่าง ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสีจากดำมืดเป็นเทาๆ ผมคงต้องไปแล้ว

               ผมหนุนศีรษะพี่ปั้นด้วยหมอนแทนตักผม ผมจูบลาเขาที่หน้าผาก ผมบอกตัวเองว่า ไม่เป็นไรหรอกน่า ยังไงเราก็เปิดมือถือแล้ว ยังไงเราก็ต้องได้ติดต่อกัน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2015 22:34:37 โดย boy2gether »

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ขอเล่าตอนเขียน ตอน 15.2 คือจริงๆ มันไม่ยาวขนาดนี้นะคะ เพิ่มบทมา

เราสปอยไปบางอย่าง แต่ก็ลบทิ้งก่อนค่ะ ขอโทษที   :ling3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2015 22:49:25 โดย boy2gether »

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เราก็เป็นคนใจอ่อนอ่ะ :o8:
พอจะเข้าใจแล้วนะ ว่าทำไมบางคนถึงยังทนอยู่กับคนที่เคยทำให้เราเสียใจต่อไปได้ เพราะรักคำเดียวจริงๆ :เฮ้อ:
สรุปว่ากับพี่ยีนส์รอบนี้ ไม่มีรีเทิร์นทางกายใช่ไหมอ่า งั้นลดโทษให้ครึ่งนึงนะพี่ปั้น :z1:
เอาเป็นว่า เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างเองแหละเนอะ เคลียร์ตัวเองดีๆซักทีนะพี่ปั้น ต้าร์น่าจะรออยู่ หรือเปล่า :katai1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew2:    อ่านตอนล่าสุดแล้วต้องบอกว่าแค่รักมันยังไม่พอจริงๆ
รักแล้วไงล่ะ ต้าร์เองก็ไม่พร้อมจะกลับไปรีเทริ์นเพราะไม่งั้นจะเป็นพวกง่ายเกิน
พี่ปั้นก็ยังไม่เข้าที่ สัญญาข้อตกลงปัญญาอ่อนของยีนส์ที่ยังสลัดไม่หลุด แล้วไงล่ะไม่เห็นอนาคตเลยที่จะกลับมาเป็นแฟนกัน
เป็นเพื่อนกันเถอะถ้าเป็นตอนนี้ก็ยังพอเป็นได้อยู่

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

พี่ปั้นอ่อนไปไหม....คิดแต่จะหนี เคยรับความจริงตอนไหนบ้าง ตอบ!!!  :m31:

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16.1

         
          ผมกับสมาชิกวง มาเช็คอินที่สนามบินเพื่อเดินทางไปภูเก็ตกันตั้งแต่เช้า เมื่อไปถึงที่นั่งรอผู้โดยสาร ชินก็ลากผมไปนั่งที่ไกลๆ ชินคงมีอะไรจะพูดกับผม มันฮึดฮัดมาตั้งแต่เช้าแล้ว

          "เมื่อคืนมึงไปไหนมา เพิ่งกลับมาตอนเช้า ไปหาพี่ปั้นมาใช่ไหม"

          ผมถอนหายใจ ชินคงจะกร่นด่าผมอีกตามเคย

          "อืม... กูแค่สงสารเขา อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไง คอนเสิร์ตก็โดนยกเลิก แต่ไม่มีอะไร กูไม่มีอะไรกับเค้าแล้ว"

          "แล้วพี่ปั้นเป็นไงบ้างวะ" ชินถามด้วยความเป็นห่วงเหมือนกัน

          "ก็ไม่ค่อยดีว่ะ ฉุดกันลงเหว ทั้งพี่ปั้นพี่ยีนส์ แต่พี่ยีนส์หนักหน่อย กู่ไม่กลับ พี่ปั้นมันก็แค่ต้องทำใจหน่อย คือคนกำลังตกต่ำในอาชีพ ก็น่าสงสารนะเว้ย กูก็ไปคุยเป็นเพื่อน ไม่มีอะไร" 

          "แล้วพี่ปั้นเขาจะทำยังไงต่อวะ"
         
          "คือกูก็ไม่ได้ถามว่ะ เมื่อคืนพี่ปั้นมันก็เมา กูว่าเดี๋ยวกลับจากภูเก็ต ค่อยถามเขาอีกที ว่ามีอะไรให้กูช่วยไหม คือพี่ปั้นมันเป็นพวกอ่อนไหว มันฟื้นตัวช้า ต้องมีตัวกระตุ้น คือถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ แบบนี้ กูว่าอีกนาน กว่าจะออกมาทำอัลบั้มได้อีก"

          "แม่งโคตรอารมณ์ศิลปินเลย" ชินพูดลอยๆ

          "แล้วมึงล่ะ มึงจะกลับไปคืนดีกับเขาเหรอ" ชินถามผม น้ำเสียงดุๆ เหมือนไม่อยากให้ผมกลับไป

          "เขาไม่ได้ขอ" ผมตอบเสียงอ่อยๆ 

          "อ๋อ ถ้าเขาขอมึงก็ไม่ปฏิเสธล่ะสิ"

          คราวนี้ผมไม่ได้ตอบ นั่งมองปลายเท้าตัวเอง นึกน้อยใจนิดหน่อย ที่เขาไม่ได้ขอให้กลับไปคืนดีกัน ซึ่งในมโนของผม ผมคงจะทำเป็นปฏิเสธเล่นตัว แต่เขาก็ไม่ได้ขอ เสียใจด้วยนะต้าร์...ผมบอกกับตัวเอง

          ชินมองซ้ายมองขวา ก่อนจะพูดเสียงกระซิบ

          "มึงไปทำอะไรไอ้ศินะมันหรือเปล่าวะ"

          ผมหันขวับไปที่ชิน ชินรู้ได้อย่างไร หรือว่ามันมีกล้องวงจรปิดติดไว้ โดยที่ผมไม่รู้ตัว

          "กู ปะ...เปล่า" ผมปฏิเสธไว้ก่อน ก่อนจะหาคำพูดที่ดีกว่านี้

          "มึงไม่ต้องโกหกเลย ศินะมันบอกกูเอง"

          ฉิบหายละ ผมหันไปมองหน้าชิน ชินต้องด่าผมแน่

          "น้องนุ่งในวงมึงก็ไม่เว้น แล้วมันไม่ใช่เกย์ มึงไปทำให้มันเป็นเกย์ทำไม พวกเกย์เนี่ย พวกมึงหื่นกันมาก กูไม่น่าให้น้องไปนอนชั้นเดียวกับมึงเลย"

          ศินะเนี่ยนะ ไม่ใช่เกย์ การที่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน ก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะเป็นชายแท้ๆ นะเว้ย

          "มึง ชิน มึงฟังกูบ้างก่อนจะปรักปรำกู โอเค กูมีอะไรกับมันไป แค่ดูดจู๋ไปแ..." ชินรีบเอามือมาปิดปากผม อย่าให้ผมเสียงดังไปกว่านี้

          "มึงอย่ามาพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าลูกกูเชียวนะ เดี๋ยวกูต่อย"

          "คือมึงเข้าใจเปล่าชิน แม่งมานุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว อ่อยกูทุกครั้งที่กูอาบน้ำ แต่กูยังไม่ได้ทำอะไรมาก กูทำมันเสียวไปสองที แค่เนี้ย ต้องเอาไปฟ้องมึงด้วย" ผมทำหน้าเสแสร้งว่าผมก็ซีเรียส และอยากฟ้องชินไปด้วย ไม่อยากให้ชินมันด่าผมคนเดียว

          "ก็กูบอกศินะ มันไปแล้ว ว่าให้เก็บเป็นความลับ มันจะมาบอกมึงทำไม กูไม่เข้าใจ" ผมเล่าต่อ ทำน้ำเสียงแกล้งฉุนเฉียว ตอนนี้คนผ่านไปมา หันมามองเรา ว่าเราคุยอะไรกัน ชินพยายามเอามือปิดปากผมไม่ให้พูดเสียงดัง

          "ก็เมื่อคืน มึงออกจากบ้านไปตอนดึก มันก็คงรู้ละ ว่ามึงไปหาพี่ปั้นแน่ มันก็คงเสียใจ กูเลยถามมัน มันเลยเล่าว่ามันชอบมึง...แล้วก็เคยอื้มอึ้มกันด้วย"

          อื้มอึ้ม อะไรของชิน สงสัยเป็นระหัสมอสภาษาใหม่ของมัน

          "มึงจะเอาไงวะ จะกลับไปคืนดีกับพี่ปั้นที่เขาไม่ได้ขอให้คืนดีด้วย คนที่ทำมึงช้ำใจมาตั้งกี่ครั้ง หรือกับศินะคนที่เค้าบอกว่ารักมึง"

          ถึงตอนนี้ ผมก็เข้าไปกอดชินไว้แน่น ชินคงรับรู้ได้ แม้แต่ศินะ ที่นั่งเฝ้ามองเราคุยกันอยู่ไกลๆ ก็คงเดาได้เช่นกัน

          "มึงยังรักพี่ปั้นใช่ไหม" ชินถามผม

          ผมพยักหน้า ทั้งที่ผมยังซบที่ไหล่มันอยู่

          ชินพูดว่าศินะรักผม ใช่ว่าพี่ปั้นเขาจะไม่รักผมนะ ขนาดรักกัน มันก็ยังไปกันไม่รอด บางทีความรักมันอาจจะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่จะทำให้คนสมหวังหรือครองคู่กันไปนานแสนนาน

          ชินผลักตัวผมออกจากอกมันเบาๆ มองหน้าผม เหมือนนึกอะไรได้

          "นี่! ที่มึงไปมีอะไรกับศินะ นี่เป็นแผนของมึงใช่ไหม จะได้เป็นข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวให้ตัวมึงเอง มึงจะได้มีข้ออ้างในการให้อภัยพี่ปั้นที่เขานอกใจมึง เพราะมึงก็ไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นเหมือนกัน แผนสูงนะเนี่ย" ชินเอานิ้วจิ้มมาที่หน้าผากผม

          "กูไม่ได้คิดขนาดนั้น" ผมพูดเลี่ยงๆ "กูจะไปบอกศินะเอง ถึงกูจะไม่ได้กลับไปคืนดีกับพี่ปั้น แต่กูก็ไม่ได้รักมันอยู่ดี"

          ผมนึกถึงตัวเองที่ไปหลงรักพี่ปั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับศินะตอนนี้ ผมเข้าใจความรู้สึกของเขาดี ผมจะพูดกับเขาอย่างไรดีให้เขาเสียใจน้อยที่สุด 

         
          แล้วผมก็หาโอกาสคุยกับศินะ ผมบอกเขาว่าไม่ต้องรอผม จะทำให้เขาเสียใจเปล่าๆ เพราะยังไงผมก็ถอนตัวจากพี่ปั้นไม่ขึ้นแน่ๆ


          ระหว่างที่ผมทัวร์อยู่แถวภาคใต้ ชินเข้ามาที่ห้องผม มันเหมือนเป็นภาพเดจาวู ถ้าชินมาปลุกผมแต่เช้า หมายถึง

          มีเรื่องแล้ว ชินยื่นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งให้ผมดู 


ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16.2 จบบริบูรณ์


          มีข่าวใหญ่อีกแล้ว วงอาฟเตอร์ช็อก โดนตำรวจบุกจับปาร์ตี้ยาไอซ์ถึงที่คอนโดฯหรู ย่านใจกลางเมือง มันเป็นภาพตำรวจกำลังจับพี่ยีนส์ที่สวมกุญแจมืออยู่ กำลังเอามือปิดหน้าไว้ กับหญิงและชายอีกสามถึงสี่คน ที่ผมไม่รู้จัก

          แต่ผมไม่เห็นพี่ปั้น

          "มึงอ่านข่าวหรือยังวะ มีพี่ปั้นไหม" ผมรีบถาม เพราะพาดหัวข่าว มีชื่อวงอาฟเตอร์ช็อก แต่ไม่มีพี่ปั้น แต่คอนโดฯที่ว่านี้ ใช่มันเป็นคอนโดฯของพี่ปั้น

          "กูอ่านข่าวด้านใน บอกว่าคอนโดฯ เนี้ยเป็นของปั้น แต่เจ้าของบ้านไม่อยู่" ชินเล่าข่าวให้ผมฟัง

          "แต่ข่าวมันลงชื่อวงไปแล้วไง เชี้ยไหม คือพี่ยีนส์มันก็ไม่ใช่อาฟเตอร์ช็อก คนในรูปคนอื่นก็ไม่ใช่ ชื่อวงแม่งก็ป่นปี้หมด ค่ายแม่งเล่นพี่ปั้นแน่นอน"

          ผมพูดจบ ก็มองหามือถือ ผมรีบโทรหาพี่ปั้น แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ

          "พี่ปั้นมึงก็ปิดมือถือหนีไปแล้วสิ เขาจะรอให้ตำรวจกับนักข่าวโทรหาอยู่เหรอ" ชินทักขึ้นมา

          "เออจริง... เอาไงดีวะ กูแค่อยากรู้ว่าเขาโอเคไหม เขาจะไปไหนได้มั่งวะ" ผมรำพึงรำพันกับชิน

          "ไปบ้านที่ประจวบหรือเปล่า..." ชินยังจำบ้านที่ประจวบได้

          "กูว่าไม่ พี่ปั้นมันระวังตัวไปแล้วจากเรื่องคราวก่อน ประจวบไม่ปลอดภัยแน่นอน" ผมยังคงครุ่นคิด ตอนนี้ผมคิดในแง่ดีที่สุด ผมว่าเขาน่าจะกลับไปหาครอบครัวของเขา

          เมื่อผ่านไปสองสามวัน ข่าวเรื่องพี่ยีนส์โดนจับ หายไปจากกระแสอย่างรวดเร็ว ผมได้ข่าวมาจากเด็กวง  มีเรื่องเม้าท์กันว่า พี่ยีนส์เป็นลูกชายตะกูลนายตำรวจใหญ่ มีอิทธิพลทางการเมืองด้วย ข่าวจึงปิดไวมาก

          สามวันมาแล้วผมก็ยังโทรหาพี่ปั้นไม่ได้ ใจผมเริ่มร้อนรนเหมือนกัน พี่ปั้นทำแบบนี้อีกแล้ว ชอบทิ้งความทุกข์ไว้กับผมแบบนี้ ทำให้ผมต้องกังวล กระวนกระวายใจ จนไม่เป็นอันทำงาน

          ผมจะโทรหาใครดี พี่เก๋หรือพี่เนเน่ แต่ผมเลือกโทรหาลุงสงวน ยามประจำคอนโดฯพี่ปั้น ผมแค่อยากรู้ว่าวันเกิดเหตุ พี่ปั้นอยู่ที่ไหน กลับมาที่คอนโดฯ แล้วไปไหน เอารถไปด้วยหรือเปล่า

          ผมโทรไปหาลุงสงวนที่โทรศัพท์ประจำโต๊ะของแก แล้วแนะนำว่าผมชื่อต้าร์ที่เป็นเพื่อนพี่ปั้น ลุงสงวนบอกว่าจำผมได้ ผมก็เลยจะถามเรื่องพี่ปั้น แต่แกเหมือนจะฉุกคิดอะไรได้หน่อยหนึ่งว่า ผมอาจจะเป็นนักข่าวปลอมตัวมา เพื่อหลอกถามแกเรื่องพี่ปั้น แกเลยทดสอบผม ว่าผมคือต้าร์ตัวจริงใช่ไหม

          "คุณต้าร์จริงๆ เหรอ"

          "ใช่ครับ"

          "ลุงถามอะไรหน่อย ถ้าเป็นคุณต้าร์จริงๆ วันที่เราไปหยิบโปสการ์ดที่ตู้จดหมาย ลุงทักรูปอันนึงไป เป็นรูปที่ลุงรู้จักแต่จำชื่อไม่ได้ คุณต้าร์เลยบอกผมว่ามันชื่ออะไร..."

          "หอไอเฟลครับ" ผมตอบแบบเฟิร์มมาก

          "แล้วคำลงท้ายจดหมาย ที่คุณต้าร์ยื่นให้ลุงดู คุณปั้นเขียนว่าอะไร" ลุงสงวนยังคงเล่นเกมต่อ

          "เขียนว่า 'รักต้าร์' ครับ" อันนี้ผมตอบเสียงแผ่วเบา รู้สึกละอายปากนิดหน่อย

          ลุงสงวนเหมือนไขปริศนาได้ แกเชื่อแล้วว่าเป็นผม แกเลยบอกให้ผมโทรหาแกที่มือถือแก เพราะกลัวคนแอบฟัง ลึกลับดีแท้

          ผมก็แค่อยากถามว่า ลุงจำได้ไหม ว่าวันนั้นพี่ปั้นอยู่คอนโดฯหรือเปล่า

          "วันนั้นคุณปั้นอยู่คอนโดฯ ตอนค่ำๆ แล้ว ลุงเห็นแกคงออกไปหาอะไรกิน เห็นถือของกินมาด้วย คงไปร้านฝั่งตรงข้าม ลุงยังทักแกเลย ปกติลุงไม่ค่อยเห็นแกนะ พอดีวันนั้นลุงเข้าเวรเย็นพอดี สักพักเกือบเที่ยงคืน ก็เห็นคุณยีนส์ใช่ไหม เพื่อนคุณปั้น พาเพื่อนมาสี่ห้าคน ขึ้นคอนโดฯกันไป เสียงดังโหวกเหวกเลย สักพักลุงดูจากกล้องวงจรปิด คุณปั้นแต่งตัวแล้วขับรถออกไป"

          ผมใจชื้น ว่าพี่ปั้นไม่ได้เป็นอะไรแน่ๆ แต่ลุงยังเล่าไม่จบ

          "สักพัก ก็มีเสียงลึกลับ โทรมาบอกลุงว่า ห้องเลขที่นี้ เสียงดังมาก ให้ลุงขึ้นไปเตือนหน่อย ไม่งั้นเขาจะเรียกตำรวจ ลุงก็เลยขึ้นไปเคาะประตู ก็มีคุณยีนส์เดินมาเปิด ลุงก็บอกไปว่าเพื่อนบ้านบอกว่าเสียงดังให้ลดเสียงหน่อย เพื่อนๆ เขาก็หัวเราะกันใหญ่ เปิดเพลงเสียงดังขึ้นอีก ลุงเลยเดินลงมา โอ้ย! พอสักพักเท่านั้นแหละ ตำรวจมาเต็มเลย"

          มันก็น่าจะเป็นเรื่องปกติ พอมีเสียงดัง เพื่อนบ้านก็เรียกตำรวจเป็นปกติ แต่ที่ผิดปกติคือ ถ้าไม่ได้เป็นดารานักร้อง ตำรวจจะสนใจหรือ หรือคนที่แจ้งไปรู้ว่าห้องนี้คือห้องของปั้น อาฟเตอร์ช็อก แต่อย่างน้อย ผมก็สบายใจไปได้เปราะหนึ่ง ว่าพี่ปั้นน่าจะปลอดภัย

          วันที่เจ็ดผ่านไป ผมก็เฝ้ากดมือถือโทรหาพี่ปั้นทุกวัน ตอนนี้ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่ปั้นแล้ว ตอนที่พยายามโทรหาผมเป็นร้อยมิสคอลล์ จากที่กระวนกระวายใจด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ผมเริ่มเปลี่ยนเป็นโมโห ทำไมต้องทำแบบนี้ ไม่คิดบ้างเหรอว่าคนอื่นเขาเป็นห่วง ตอนนี้ผมคิดไปไกลกว่านั้น พี่ปั้นยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม ผมเริ่มมโนไปไกล ว่าแกอาจจะเมาจมน้ำอยู่ที่ไหนสักที่ ผมเริ่มคิดการตายสารพัดแบบ ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่

          แต่แล้ว เหมือนสวรรค์มาโปรด เป็นครั้งแรกที่ผมรักสายเรียกเข้าเบอร์นี้มาก พี่เก๋นั่นเอง ถ้าไม่เลวร้ายจริงๆ พี่เก๋คงไม่กล้าโทรหาผม เอ๊ะ! หรือว่ามันจะเลวร้ายจริงๆ วะ

          "ต้าร์เหรอ เจอพี่ปั้นมั่งหรือเปล่า"

          "ไม่เลยครับ โทรไปก็ไม่รับสาย"

          "เอ้า นี่ฉันก็คิดว่าแกเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้วนะ ก็แกเป็นแฟนพี่ปั้นไม่ใช่เหรอ"

          "อืม...เลิกกันตั้งนานแล้วครับ" ผมตอบเสียงราบเรียบ พี่เก๋ไปอยู่ที่ไหนมา ถึงไม่รู้เรื่องนี้ ไม่รู้เรื่องพี่ปั้นกับพี่ยีนส์ คู่จิ้นของแฟนคลับได้ยังไง

          "ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ก็ปั้นเขายังให้พี่ ไปโอนรถเป็นชื่อต้าร์...เอ่อ...คือ...ไม่มีอะไรพี่คงเข้าใจผิด" พี่เก๋เหมือนเข้าใจอะไรผิด เลยหยุดพูดไป ผมไม่รู้พี่เก๋จะมามุกไหนอีก

          ตอนเราเป็นแฟนกันก็ไม่เคยประกาศให้ใครรู้ ตอนเราเลิกกัน ต้องบอกใครด้วยเหรอ

          "พี่เช็คทุกที่ที่เขาไปแล้วใช่ไหม คือผมว่าเขาคงไม่ได้ไปบ้านที่ประจวบแน่นอน มีที่เดียวที่ผมไม่รู้จัก คือครอบครัวเขา พี่โทรเช็คก่อนดีไหม" ผมแนะนำพี่เก๋เท่าที่ทำได้

          "เอาจริงนะแก พี่ก็ไม่รู้จักครอบครัวเขาหรอก ปั้นมันเก็บเงียบเรื่องส่วนตัวจะตาย"

          "ถามพี่ยีนส์หรือยัง พี่ยีนส์เป็นไงบ้าง" ผมแสร้งถามไปอย่างนั้น เพราะจริงๆ ก็อยากรู้เรื่องพี่ยีนส์เหมือนกัน

          "โอ้ย! ยีนส์หนักกว่าปั้นอีก วันที่คนที่บ้านเขาไปพาออกมาจากโรงพักนะ ยังกับกองกำลังอะไรสักอย่าง พี่เข้าไม่ถึงตัวเลยอ่ะ แถมยังโดนขู่อีก เรื่องข่าวเรื่องอะไร ให้ปิดให้เรียบ บอดี้การ์ดเสื้อดำอย่างโหด พี่นี่สงสารยีนส์เลย กลับไปบ้านก็คงเหมือนไปติดคุกอยู่ดี" พี่เก๋เล่าเหมือนอยากระบายให้ใครสักคนฟังมากกว่า

          ผมก็เริ่มสงสารพี่ยีนส์เหมือนกัน ไม่รู้เขาต้องเจออะไรบ้าง แต่เท่าที่ฟัง บ้านพี่ยีนส์คงน่ากลัวสุดๆ มิน่าแกถึงไม่ยอมกลับบ้าน ต้องมาอาศัยอยู่กับพี่ปั้น พี่ยีนส์คงต้องหาทางไปอยู่เมืองนอกอีกครั้งเร็วๆ นี้แน่     

          "เนี่ยพี่ก็เช็คทุกอย่างแล้ว ก็ปกตินะ ไม่มีข่าวเข้าโรงพยาบาล หรือสถานีตำรวจ ไม่มีแจ้งเหตุรถชนหรืออะไร" ผมฟังพี่เก๋แล้ว ก็สบายใจได้นิดนึง

          "ไปเมืองนอกหรือเปล่าครับ พี่เช็คดูหรือยัง"

          "เช็คหมดแล้ว พี่อ่ะใช้วงในสุดๆ ชื่อนี้ยังไม่ผ่านตอมอแน่ๆ"

          คนๆ เดียว ทำไมชอบให้คนอื่นเขาตามหา มันสนุกนักใช่ไหม หนีๆ มีแต่หนีๆ มันหนีไม่ได้ตลอดหรอก ผมอยากบอกพี่ปั้น   

          แต่แล้วผมก็ฉลาดขึ้นมาในบัดดล ผมบอกพี่เก๋ว่า ถ้าแกวงในสุดๆ แกก็ต้องตรวจสอบได้ว่า พี่ปั้นกดเงินสดหรือรูดบัตรเครดิตที่ไหนไปบ้าง อาจจะจ่ายเป็นค่าโรงแรมที่แกพักก็ได้ ผมคิดว่าซุปตาร์ของผม แกปลอมตัวไม่เนียน อาจจะได้เบาะแสอะไรบ้าง 

          พี่เก๋เลยถึงบางอ้อ แล้วเลยบอกผมว่าจะไปตรวจเช็คดู อีกสองวันน่าจะรู้ผล

         
          ยังไม่ถึงสองวันดี พี่เก๋ก็โทรหาผมด้วยความร้อนรน ดีเหมือนกัน ผมก็ร้อนใจ

          "นี่แกต้าร์ ฉันไปตรวจดูแล้วนะ มีการกดเงินสดจริงๆ ด้วยเว้ย ตั้งแต่เมื่อวันที่สิบห้า ก็เมื่อห้าวันก่อน ที่ตู้เอทีเอ็มในปั๊มบางจากชื่อ บางจากพญาเสือ แกรู้จักไหมวะ มันอยู่ส่วนไหนของประเทศไทยวะ นี่ๆ แล้วมีอีกนะ ไปใช้บัตรเครดิตซื้อของที่ร้านจิวเวอรรี่ ชื่อร้านสีฟ้า ชื่อยังกับร้านอาหาร แต่ซื้อไปไม่เยอะมากนะ ไม่กี่หมื่น"

          "ไม่กี่หมื่น! โดนแฮ็กบัตรแล้ว พี่ปั้นมันไม่เข้าหรอกร้านจิวเวอร์รี่ พี่สั่งระงับบัตรไปหรือยัง" ผมพูดเสียงเกือบเหมือนตะโกน

          "สั่งระงับแล้วเว่ย แกไม่ต้องตื่นเต้นไป เงินมันยังไม่ได้จ่ายออกไป คือตอนนี้พี่ก็รีบโทรมาหาแก ไอ้ชื่อร้านจิวเวอร์รี่สีฟ้า อะไรนั่น พี่ลองมาเซิร์ท มันมีตั้งหลายสาขาทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ก็กำลังเช็คให้อยู่"

          ตอนนี้ผมกระวนกระวายใจ เพราะคิดว่าพี่ปั้นอาจจะโดนปล้น หรือแค่ทำกระเป๋าเงินหาย แล้วจะเป็นอะไรไหม พี่เก๋ก็รีบวางสายไปก่อน เพราะต้องไปติดตามสืบอีกหลายเรื่อง

          ผมเลยต้องมาอารมณ์หงุดหงิด งุ่นง่านเหมือนหนูติดจั่น ชินเห็นผมผิดสังเกตจนต้องเดินมาถาม ผมเล่าให้ชินฟัง เรื่องที่ผมคุยกับพี่เก๋

          "ปั๊มน้ำมันบางจากพญาเสือ ก็ตรงถนนพญาเสือไงมึง ใช่เปล่าวะ มึงจำได้ไหม ตรงนั้นมีปั๊มอยู่ทางซ้าย ใกล้ๆ ร้านข้าวมันไก่อ่ะ ปั๊มเดียวกันเปล่าวะ" ที่ชินพูดมันคือถนนพญาเสือในตัวจังหวัดพิษณุโลก แต่ก็เหมือนไม่แน่ใจเหมือนกัน ส่วนผมก็เหมือนเส้นผมบังภูเขา มันอยู่ในจังหวัดบ้านเกิดผมเองแท้ๆ ทำไมอยู่ดีๆ ผมก็เกิดจำไม่ได้

          "แล้วมันมีร้านจิวเวอร์รี่ชื่อสีฟ้า อะไรนั่นหรือเปล่าวะ" ผมลองถามชินดูเผื่อมันนึกอะไรออก แล้วเราก็ไปถามมะปราง เพราะเป็นผู้หญิงน่าจะรู้ดีกว่าเรา แจ็กพ็อตครับ มะปรางรู้จักร้านนี้ เพราะอยู่แถวใกล้ๆ ห้างเซ็นทรัลพิษณุโลก

          ผมเริ่มจับเส้นทางได้ว่า ถ้าโจรมันขโมยของไป มันต้องอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก แล้วพี่ปั้นไปทำไมที่พิษณุโลก หรือว่าขโมยที่กรุงเทพฯ แล้วไปใช้ที่พิษณุโลก ผมยังไม่ได้โทรหาพี่เก๋ ผมกำลังครุ่นคิด

          หรือพี่ปั้นไปสิงอยู่ที่พิษณุโลก...

          "แม่กูโทรหามึงมั่งเปล่าวะช่วงนี้" ผมถามชิน เมื่อนึกอะไรได้บางอย่าง

          "จะโทรหากูทำไม ก็มึงเปิดมือถือแล้ว"

          "แม่ก็ไม่โทรหากูนานแล้วเหมือนกันว่ะ" ว่าแล้วผมก็รีบหยิบมือถือโทรหาแม่ทันที

          เมื่อผมถามสารทุกข์สุขดิบแม่เรียบร้อย ผมก็เรียบๆ เคียงๆ ถามเรื่องพี่ปั้น แบบไม่ให้แม่ตกใจ

          "ช่วงนี้มีใครแปลกๆ หน้าไปหาแม่บ้างไหม" แม่ตอบว่าไม่มี

          "แม่จำพี่ปั้นได้ไหม ที่เป็นนักดนตรีเหมือนผมอ่ะ แม่จำหน้าเขาได้ไหม เขาไปหาแม่บ้างไหม" แม่ตอบปฏิเสธสั้นๆ โดยที่ไม่ได้ถามอะไรต่อ แบบว่าผิดวิสัยแม่มาก ปกติต้องซักต้องถามว่ามีเรื่องอะไร

          "แม่บอกผมมาเถอะ พี่ปั้นหายตัวไปหลายวัน ต้นสังกัดเขาตามหากันให้วุ่น" แม่ยังคงเงียบ

          "แม่ไม่ต้องพูดอะไรมากก็ได้ บอกหน่อยว่าเขายังมีชีวิตอยู่ครบสามสิบสองส่วนไหม ถ้าแม่ไม่อยากพูดอะไร ถ้าพี่ปั้นอยู่กับแม่ ให้แม่พูดคำว่า ‘สบายดี’ ถ้าไม่อยู่ก็พูดมาเลยว่าไม่อยู่ จะเงียบทำไม" ผมเริ่มเล่นเกมสืบสวน แม่อาจจะไม่กล้าพูด ถ้าพี่ปั้นนั่งอยู่แถวนั้น

          "แม่สบายดี"

          แม่ตอบมาคำเดียว ผมหัวโล่งเลยทีเดียว เบ้าตาอุ่นๆ เหมือนน้ำตาจะไหล แล้วผมก็ยิ้มออกมาได้

          ไอ้พี่ปั้น! กูอยากต่อยมึง... 

          "มีอะไรวะ" ชินถามเมื่อเห็นผมวางสายจากแม่

          "กูสังหรณ์ว่าพี่ปั้นไปหาแม่กูว่ะ แต่แม่กูไม่ยอมบอกกู"

          "พี่ปั้นรู้จักแม่มึงด้วยเหรอ"

          "อืม...เคยพาไปกินข้าวครั้งนึง"


          ผมก็เลยคิดอะไรได้ ช่วงนี้เราได้พักสามวัน ผมเลยชวนชิน มะปราง และน้องๆ อีกสองคนไปพิษณุโลกกัน ใช่ผมอยากไปหาพี่ปั้น แต่ตอนนี้ทุกคนก็ต่างอยากกลับไปเยี่ยมบ้าน แล้วเราก็นั่งรถตู้ไปพิษณุโลกกัน

          ระหว่างนี้ผมเลยโทรหาพี่เก๋ เพื่อไม่ให้พี่เก๋เป็นห่วง ว่าพี่ปั้นน่าจะอยู่ที่พิษณุโลก ให้พี่เก๋จัดการเรื่องต่างๆ ที่ทำค้างไว้ แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าพี่เก๋จะมาเป็นธุระตามหาพี่ปั้นทำไม ในเมื่อต้นสังกัด คงฉีกสัญญาพี่ปั้นทิ้งแล้วคราวนี้

          "พี่กับปั้นคบกันมานาน ปั้นมันไว้ใจพี่ทุกอย่าง เรื่องเงินทอง เรื่องเอกสาร สัญญาพวกนี้ มันไม่ดูเลย อยู่ที่พี่หมดแหละ ถึงปั้นจะไม่ได้เป็นศิลปินในสังกัดแล้ว พี่ว่าพี่ก็ดูแลปั้นต่อไปนะ ว่าแต่แกเถอะต้าร์ แกจะกลับไปคืนดีกับปั้นไหม"

          "ไม่รู้สิครับ คงเป็นเพื่อนกันมั้ง..." เป็นเพื่อนกันก็ดี อย่างน้อยเพื่อนก็ไม่เคยนอกใจเพื่อน
 
          เมื่อมาถึงพิษณุโลก ผมให้รถตู้ไปส่งผมก่อน รถมาจอดหน้าบ้านร้านขายของชำเล็กๆ ภาพที่ผมเห็น คือผู้ชายผิวขาวๆ ใส่เสื้อยืดคอกลมธรรมดาๆ กางเกงสั้นแค่เข่า รองเท้าแตะหนีบ กำลังหยิบนมกล่องจากในตู้แช่ให้ลูกค้าตัวน้อยที่ยืนชี้ๆ อยู่

          พี่ปั้น

          คราวนี้ปลอมตัวเนียนใช้ได้ ผมยืนจ้องอยู่นานจนเขาขายของให้เด็กน้อยเสร็จแล้ว เขาควรจะเห็นผม พอพี่ปั้นเห็นผม เขาก็เดินมาหาผม แต่ผมสิ เดินเข้าไปเอามือกระแทกหน้าอกเขาจนล้มลงไป ผมนั่งคร่อมตัวเขาอยู่ กดไหล่เขาไว้กับพื้น แล้วผมก็เงื้อกำปั้นขึ้น แม่รีบตะโกนห้าม ชินกับน้องๆ จะเข้ามาห้าม แต่มันก็ให้น้องๆ หยุด เหมือนอยากให้เราเคลียร์กันเอง 

          แม่เดินมาจับข้อมือผมไว้  "ต้าร์จะไปทำพี่เขาทำไม"
 
          ผมไม่ได้ตอบอะไร พยายามดึงข้อมือให้หลุดจากแม่ แม่แรงน้อยกว่าผม จึงยื้อไว้ไม่ไหว แล้วผมก็ปล่อยหมัดไปที่พี่ปั้นหนึ่งดอก คราวนี้ชินมันเห็นท่าไม่ดี เลยเข้ามาห้ามผม มะปรางมาช่วยประคองแม่ไว้

          ผมสะบัดตัวให้หลุดจากมือชิน บอกมันว่า ให้พาแม่ไปในบ้าน ผมขอคุยกับพี่ปั้นก่อน

          แล้วผมก็กระชากคอเสื้อพี่ปั้น ให้ลุกขึ้นมานั่ง ผมมองหน้าเขาแล้วผมก็ร้องไห้ แล้วผมก็ตีๆ ไปที่ตัวเขาเหมือนเด็กๆ ที่ไม่ได้ดั่งใจ พี่ปั้นพยายามโน้มคอผมไปกอดเอาไว้ แต่ผมยังขัดขืน แล้วพูดเสียงเครียดใส่หน้าเขา

          "ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย สัญญาว่าจะไม่หายหัวไป เคยทำได้สักครั้งไหม รู้บ้างไหมว่าคนเขาเป็นห่วง...โคตรน่าเบื่อเลย...จะอยู่กันแบบคนปกติบ้างไม่ได้หรือไง แว่บไปแว่บมา แม่งยังกับผี คนเขาก็ต้องทำงานทำการ ต้องมาวุ่นวายใจกับเรื่องพี่เนี่ยทุกวี่ทุกวัน จะต้องให้เสียใจกี่ครั้งกัน ถึงจะสะใจ"

          หรือจะเป็นผมเองต่างหาก ที่ชอบตามหาเขา ไม่ยอมตัดใจจากเขา แม้ว่าเราจะเลิกกันแล้ว แต่ผมคิดว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายผมไปแล้ว เขาหายตัวไป ก็เหมือนร่างกายส่วนหนึ่งของผมมันขาดหายไปด้วย

          "จำไว้เลยนะ ถ้าคราวนี้หายไปอีก ก็ไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีกเลย ผมจะไม่ตามหาพี่อีกแล้ว พี่จะไม่ได้เห็นหน้าผมตลอดไป"

          ผมยังนั่งคร่อมที่ตัวพี่ปั้น พูดไป สะอื้นไป ปาดน้ำตาไป

          พี่ปั้นคิ้วขมวดมองหน้าผม เอามือมาประคองแก้มผมไว้

       
          "เราแต่งงานกันไหมต้าร์..."


          คราวนี้พี่ปั้นพูดน้ำเสียงจริงจัง ไม่ใช่ลอยๆ เหมือนทุกครั้งที่เขาขอให้ผมไปอยู่ด้วย แล้วผมก็ปล่อยโฮแบบไม่อายใคร ซบไปที่ไหล่เขา พี่ปั้นเอามือลูบหลังผม ให้ผมหยุดร้องไห้ ผมลงไปนั่งชันเข่า เรานั่งหันหน้าเข้าหากัน

          พี่ปั้นจับแขนผมไว้ พูดเสียงเบา เหมือนให้เราได้ยินกันเพียงสองคน

          "ผมตัดสินใจอยู่นาน ผมรู้ว่าคุณชอบความโหยหา ผมรู้ว่าคุณชอบให้มีที่ว่างระหว่างเราบ้าง ผมเลยไม่มั่นใจทุกครั้งที่ผมขอให้คุณมาอยู่ด้วย ว่าผมจะเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า การงานของต้าร์ก็กำลังไปได้ดี ส่วนผมมันคนตกงาน แต่มันไม่ไหวแล้วนะต้าร์ ผมไม่อยากต้องรอคุณ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวโดยไม่มีคุณ อยากตื่นเช้ามาเจอคุณ ไม่อยากรอจนแก่"

          พี่ปั้นหยิบสร้อยคอที่คล้องแหวนไว้สองวง เขาเอาออกมาวงหนึ่งยื่นให้ผม

          "อ่ะ เอาไปใส่เอง ไม่ใส่ให้ ไม่ได้บังคับ ตัดสินใจเอง"

          ผมมองดูแหวน มันเป็นแหวนสีออกเงินเกลี้ยงๆ มีสลักหลัง ‘You're a Part of Me’ เราไม่ได้เตี๊ยมกันมา แต่เมื่อครู่ผมยังคิดถึงพี่ปั้นว่า เขาเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม ของร่างกายผม เราเข้ากันได้ดี แม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เจอกัน แม้ว่าเราจะห่างกันบ้าง แต่เราก็มีแรงดึงดูดกลับมาหากันเสมอ ผมยังนั่งดูแหวนอยู่ น้ำตาผมหยุดไหลแล้ว 

          "ผมบอกแม่คุณแล้ว ผมมาขอโทษที่ไม่ได้ดูแลคุณเหมือนที่รับปาก แต่ผมก็รับปากไปอีกครั้ง ว่าคราวนี้ผมจะทำให้ดีกว่าเดิม ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดีกว่าเดิมไหม" พี่ปั้นเสียงอ่อยไปหน่อยหนึ่ง เหมือนไม่มั่นใจ

          "เราจะดูแลกันและกัน ก็แล้วกันนะ ให้ใครคนใดคนหนึ่งดูแลอยู่ฝ่ายเดียวคงไม่ไหวหรอก"

          ผมจับมือพี่ปั้นไว้ เหมือนเป็นการให้คำมั่นสัญญากลายๆ

          แล้วผมก็เอาแหวนมาใส่ แล้วเอาอีกวงมาใส่ให้เขา แล้วก็จูบเขาที่หน้าผาก

          "I Love You..."


------------------------

          ตาผมถูกปิดเอาไว้ ระหว่างนั่งรถมากับพี่ปั้น เพื่อจะไปที่ไหนสักแห่ง

          "ถึงยัง ถึงยัง อึดอัด ไม่ต้องเซอร์ไพร์มากก็ได้"

          "แป๊บเดียว เฮ้ย! อย่าทำให้ต้องเสียกำลังใจดิ"

          ผมเลยต้องหุบปากสนิท เลิกโวยวาย เอามือคลำๆ ไปลูบๆ หัวเขาไว้ ไม่ให้โกรธที่ผมพูดไม่ดี

          "ขึ้นลานจอดรถใช่ไหม" ผมรู้สึกถึงทางลาดเอียง แล้วสักพักพี่ปั้นก็จอดรถ ประคองผมลงจากรถ เดินจูงมือผมไปขึ้นลิฟท์ ผมรู้สึกว่าลิฟท์มันขึ้นไปนานมาก จนต้องถามคำถามแบบเด็กบ้านนอก

          "พาผมไปกินข้าวที่ตึกใบหยกเหรอ" พี่ปั้นเอามือเคาะหัวผมเบาๆ

          มาถึงชั้นที่เราต้องลง พี่ปั้นเดินจูงผมไป มีเสียงกุญแจที่มือพี่ปั้น หรือว่าเขาจะมาเปิดโรงแรมนอนกับผม ผมก็คิดเรื่อยเปื่อย พี่ปั้นเปิดประตูอะไรสักอย่าง ผมก็ยังคิดว่ามันต้องเป็นห้องในโรงแรมหรือห้องอะไร

          พี่ปั้นดันผมให้ไปยืนตรงจุดนึง แล้วเขายืนอยู่หลังผม แล้วเปิดตาผม...

          ...ตรงหน้าผมมันคือวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากมุมสูง แสงไฟยามค่ำสะท้อนน้ำ ยังสวยเหมือนทุกครั้ง เหมือนที่เราเคยไปชื่นชมที่แมนชั่นของพี่ธีร์ พี่ปั้นให้ผมชื่นชมวิวและปรับสายตาสักครู่ แล้วเขาก็เดินไปเปิดไฟ

          ผมหันหลังไปดู มันไม่ใช่โรงแรมอย่างที่ผมคิด มันคือคอนโดฯมิเนียมหลังใหม่เอี่ยม ตกแต่งอย่างเรียบง่าย สะอาดตา ใหญ่กว่าคอนโดฯหลังเดิมของพี่ปั้น ผมมองดู เหมือนมันมีสองห้องนอน มีพื้นที่นั่งเล่น ห้องครัวใหญ่กว่าเดิม และมีระเบียงเล็กๆ ไว้นั่งชมวิว

          พี่ปั้นยื่นกุญแจให้ผมชุดหนึ่ง "อือ เอาไป มาอยู่ด้วยกัน" ผมหยิบมาแล้วยิ้มเขินๆ

          "ซื้อใหม่เหรอ แพงมากสิ"

          "อืม..."

          "ซื้อทำไม เสียดายตังค์ จะให้พูดแบบชวนอ้วกไหม ผมอยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีพี่อยู่ด้วย ซื้อทำไม คิดสิคิด" ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผากเขาเบาๆ

          "เคยทำอะไรถูกใจบ้างไหมเนี่ย ทั้งโดนตบแล้วยังโดนต่อยอีก"

          ตอนนี้ผมเลยขำก๊ากออกมาได้ ผมเลยโผไปกอดเขาไว้    

          "ขอบคุณสักคำก็ไม่มี..." พี่ปั้นยังบ่นไม่เลิก ผมเลยจูบเขาเพื่อให้เขาเลิกบ่น

          "ขอบคุณครับ" ผมพูดเสียงล้อเลียน

          ไม่ใช่ข้าวของเหล่านี้

          ขอบคุณที่เลือกผม...

          ขอบคุณที่รักผม...

          "ทำอะไรก่อนดีอ่ะ อาบน้ำไหม" พี่ปั้นถาม แล้วเดินไปหยิบเทียนเน่าๆ อันเก่าของเรา ที่เขียนว่า Welcome Home มายื่นให้ผม

          ระหว่างที่เรากำลังแช่น้ำกันอย่างสบายอารมณ์และยังจูบกันไม่เลิก เสียงโทรศัพท์บ้าน ดังขึ้น

          "มีเสียงโทรศัพท์แบบนี้ด้วยเหรอ" ผมถามพี่ปั้น

          "โทรศัพท์ตอบรับ เก๋จัดการให้"

          ตึ้ดๆ เสียงเครื่องโทรศัพท์กำลังทำการบันทึกเสียง เสียงจากปลายสายดังขึ้น เป็นเสียงผู้หญิง

          "อัดได้กี่นาทีวะเนี่ย เอ้าๆ รีบพูด ปั้นพี่เอง พี่ไม่ได้โทรเข้ามือถือ ไม่อยากรบกวนแก แกคงกำลังสวีทหวานแหววกับต้าร์อยู่ ไม่รู้แกกลับจากพิษโลกหรือยัง พี่จะพูดเร็วๆนะ คอนโดเก่า พี่กำลังเคลียร์ของให้ แล้วเดี๋ยวจะขนย้ายมาให้ แล้วจะจัดการประกาศขายซะ เนเน่จะไปคลอดลูกที่อเมกา เลยจะขายบ้าน แล้วจะคืนเงินให้แกครึ่งนึง ถึงแกจะไม่เอา แต่เนเน่ก็ไม่อยากได้ ส่วนยีนส์หนีพ่อมันกลับไปลอนดอนสำเร็จละ ถ้าวันหลังแกรู้สึกอยากช่วยยีนส์หรือเสียดายพรสวรรค์ของมัน แกก็ให้มันทำเพลงมาจากอังกฤษเลย ไม่ต้องให้มันมาอยู่ด้วย เดี๋ยวก็โดนมันปล้ำอีก แล้วเรื่องงานไม่ต้องห่วง อายื่นคำขาดกับพี่ อาไม่ปล่อยแกให้ไปอยู่ค่ายของพ่อเราแน่ พี่ก็ลำบากใจ คนนึงก็อา คนนึงก็พ่อ พ่ออยากให้แกไปเป็นโปรดิวเซอร์ที่ค่ายมาก พ่อปลื้มมากที่แกยุให้พ่อไปเซ็นสัญญากับวงต้าร์ ตอนนี้ดังทะลุแตก ส่วนอานี่กริ้วมาก พี่นี่หลบหน้าแทบไม่ทัน ก็อาเป็นคนบอกให้พี่ต้องโกหกต้าร์ ตอนนั้นไม่ให้คบกับแก แล้วไงตอนนี้ ต้าร์มันดังละ เสียดายล่ะสิ ส่วนแม่สบายดี แม่อยากเห็นหน้าต้าร์ บอกว่าอยากเห็นลูกเขยว่ะ แหวะ! พี่เลยเอารูปต้าร์ตามกูเกิ้ลให้ดู บอกว่าไม่ได้ อยากเห็นตัวเป็นๆ ว่าไปนั่น แม่เพ้อเจ้อ วันๆ นั่งจิบแต่ไวน์ เออแค่นี้นะ เชิญสวีทหวานกันต่อไป ฉันขอไปมีลูกมีผัวบ้าง แค่นี้พ่อแม่ก็โทษเราจะแย่ละ จะไม่มีทายาทสืบสกุลกันเลยหรือไงพวกแกนี่ เครียดเลยเรา บาย รักน้องนะ พี่เก๋เอง... อุ๊ย! อัดได้ยาวเหมือนกันนะ เครื่องรุ่นใหม่..."

          เสียงวางโทรศัพท์ แค็กๆ

          ผมมองหน้าพี่ปั้น

          มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกบ้าง...ช่วยบอกที 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2015 23:54:29 โดย boy2gether »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ตะหงิดๆ ว่าเจ้าของค่ายน่าจะเป็นพ่อพี่ปั้น แล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย
แล้วจะมีตอนพิเศษ แบบ พาร์ทของพี่ยีนส์อะไรแบบนี้มั้ยนะๆๆๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2015 23:53:56 โดย lizzii »

ออฟไลน์ boy2gether

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อ่านกันแล้ว ยังเกลียดพี่ปั้นกันอยู่ไหมคะ  :mew2: :mew2:


ตอนแรก เราจะให้พี่ปั้น แกพูดน้อยๆ มึนๆ ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่แกก็รักต้าร์นะ แต่ไม่ค่อยพูด ชอบปล่อยให้คนรอบข้างเค้าเตลิดไปเอง

เรื่องนี้มันเป็นมิติของต้าร์คนเดียว เลยทำให้เราไม่ได้บรรยายความรู้สึกของปั้น เลยทำให้ไม่เข้าใจปั้น มีแต่เราคนเขียนเข้าใจอยู่คนเดียว  :hao5:

ตอนที่ 15 เลยใส่บทให้ปั้นพูดในอ่างซะยาวยืด 555 ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่บุคลิกของปั้นอ่ะนะ แต่ไม่เป็นไร เพื่อความเคลียร์  :katai4:


เขียนแค่ภาค 2 จบแล้วนะคะ เพราะว่ากำลังทำโปรเจคเรื่องใหม่ละ ไม่งั้นมันจะวนเวียนคิดแต่เรื่องสองคนนี้

มีบางท่านเดาเรื่องถูกอีกแล้ว เขิล  :mew3: :mew3:



ทีนี้ อยากถามแบบซีเรียสนะคะ ว่าเรื่องราว มันพอได้ ไปวัดไปวาได้ไหม พอขายได้ไหม ต้องปรับปรุงอะไรบ้าง เนื้อเรื่องมันเดิมๆ เดาง่ายไปไหม  คือกำลังคิดว่าจะเขียนเรื่องต่อไปยังไงดี กำลังคิดว่าจะเขียนเล่นๆ เอามันส์ หรือจะจริงจังดี

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :pig4: :pig4: :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:




ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ถ้าไม่ใช่พวกงมงายแบบต้าร์นี่จะทนปั้นได้ไหมเนี่ย?

รู้สึกเลยว่าทั้งสองคนเป็นพวกอารมณ์เป็นใหญ่ รักแต่ละฝ่ายมากจนลืมๆ เหตุผลแบบ.... ทำเป็นไม่รับรู้กันเลย
นี่ก็คิดนะว่า คู่นี้เค้าหนีกันไม่รอดหรอก  แต่ก็ดีไปอย่างอย่าไปทำให้ชาวบ้านเค้ามีปัญหาเลยครับเพ่
สร้างปัญหากันเองสองคนก็ปวดหัวพอล่ะ

ส่วนยีนส์.... ตรูว่าอายุไม่ยืนแน่ นิสัย การใช้ชีวิต นี่คิดเลยนะว่าจะไปขวางตรีนใครแล้วโดนกระทืบเอา (- -"

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เราชอบที่สุดท้ายมัน แฮปปี้เอ็นดิ้ง นะคะ :กอด1:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ :L2:
พี่ปั้นเขาก็น่ารักของเขาแหละ อารมณ์ศิลปิน แต่ดูแลต้าร์ดีๆนะ อาร์ทติสต์ตัวพ่อ :z1:
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ สนุกมากกก ถ้าไปอยู่ห้องนู้น(ห้องนิยาย) คงมีคนมาด่าพี่ปั้นอีกเยอะเลยเนอะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

คนอ่อนแอสองคนมาเจอกันสินะ

ปั้น-คนอ่อนแอในแง่มุมของการใช้ชีวิต หนีปัญหา ไม่เผชิญหน้า ไม่อธิบาย

ต้าร์-คนอ่อนแอเริ่องความรัก ถ้ากรูรักคือยอมหมด ยอมทุกอย่าง ให้ผิดให้พลาดยังไงกรูพร้อมจะรักต่อไป พร้อมจะให้อภัยเสมอ

ว่าไปสองคนก็เหมาะสมกันนะ ต่อไปนี้ต้าร์ต้องรับบทเป็นช้างเท้าหน้าสินะ พี่ปั้นคงเป็นได้แค่ช้างเท้าหลัง แต่ไม่มีทางเป็นผู้นำได้ เพราะถ้าเอาเรื่องความเข้มแข็ง เหตุผลในการดำเนินชีวิตพี่ปั้นแมร่งอ่อนด๋อย ก้าวตามต้าร์แบบว่าง่ายไปดีดีก็คงไม่มีเรื่องพลาดอีก แต่อีพี่เก๋มาเฉลยและปูทางชีวิตให้ตอนท้ายนี่มันนิย๊าย นิยายอ่ะ  สู้สู้ เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ โดยรวมเราว่าดีนะเรื่องนี้ โดยเฉพาะภาคแรกตัวละครดูมีมิติ จับต้องได้ ภาษาถึงแม้จะบรรยายง่ายๆ แอบทื่อบางครั้ง แต่ชวนติดตาม  เหตุการณ์มันมาหลวมตรงพี่ยีนส์เข้ามา คือจู่ๆ พี่ปั้นแมร่งก็กำกวมขึ้นมาซะงั้น แล้วมาบอกว่าไม่มีอะไรกัน แล้วทำไมไม่อธิบาย รักต้าร์แต่บอกเลิกคืออะไร ยอมพี่ยีนส์ทำไม  คือถ้าบอกว่ามีอะไรกันตั้งแต่ที่ปารีส คือ มันยังดูแบบเข้าใจนะ รับได้ แต่พอรู้ว่าไม่เคยมีอะไรกับพี่ยีนส์จนวันที่มีปาร์ตี้ แล้สก่อนหน้านั้นพี่ปั้นจะอ้ำอึ้งให้มีประเด็นทำไมฟระ.....ว๊าย เวิ่นยาวชักออกทะเล  เอาเป็นว่า รอติดตามผลงานแล้วกันค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ LittlePrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
โห วิจารณ์กันโหด

มาให้ความเห็นต่างบ้างละกันนะครับ
โดยส่วนตัวเราชอบนะโดยภาษาและเนื้อหา การดำเนินเรื่อง
อาจจะเป็นเพราะตัวเองก็ค่อนข้างติสต์แตกเป็นปกติ
ก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรกับความติสต์แตกของตัวละครเท่าไหร่
ความกำกวมของความรู้สึกของคนเป็นเรื่องปกติ
ถึงแม้จะไม่ชอบความไม่แน่นอน
แต่ความไม่แน่นอนนี่มันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของคน
ความงี่เง่าของแต่ละคนมันก็มีกันทั้งนั้น
แล้วแต่ว่าใครจะงี่เง่าไปทางไหนและใครจะรับความงี่เง่าของใครได้มากกว่ากัน
คนจะคู่กันได้ก็ต่อเมื่อต่างฝ่ายต่างรับความแย่ของอีกคนหนึ่งได้แหละนะ

เดาเรื่องได้ง่ายไปไหน ถ้าเอาตรงๆก็พอจะรู้สึกอยู่บ้าง
ว่าพี่เก๋น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น และคุณพ่อเจ้าของค่ายอาจจะเป็นพ่อพี่ปั้น
เพียงแต่มันก็ไม่ได้ง่ายไปกว่านิยายเรื่องอื่น
ที่จะมี hint อะไรพวกนี้ออกมาให้เราสงสัยเล่นอยู่แล้ว
และปกติเราก็ไม่ได้เป็นคนซีเรียสมากเรื่องเดาเรื่องได้ไม่ได้
(หักมุมก็น่าสนใจ ไม่หักมุม เดาได้ ก็ไม่ได้เป็นไร)

เอาเป็นว่า ส่วนตัวเราชอบนะ
กลัวคนเขียนจะเสียกำลังใจ ดูคนอ่านจะอินเกลียดพี่ปั้นกันถ้วนหน้า

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :กอด1:  เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ จบเท่านี้เนอะ พี่ปั้นกับต้าร์ คู่รักที่ยุ่งเหยิง
หึ เราพยายามทำใจนะความรักของคนในวงการบันเทิงมันต้องห่างไกลจากคำว่าธรรมดาแน่ๆ

เอาเถอะ อย่างน้อยๆทั้งสองคนก็เชื่อว่าส่วนหนึ่งของตัวผูกพันธ์กับอีกฝ่ายจนกลายเป็นแรงดึงดูดพวกเขากลับมาหากัน มันจะใช่หรือไม่ใช่รักแท้ อันนี้ไม่มีใครตัดสินได้หรอก
มันอาจเป็นความสัมพันธ์ที่เประบางแต่เราคิดว่าการที่ทั้งคู่คิดว่าจะดูแลกันและกันเท่านั้นก็ดีแล้ว จะแยกจากกันทำไมให้มันทรมานล่ะ

ยอมรับว่าเรื่องนี้ไม่ได้ถูกใจเราไปเสียหมดหรอก พี่ปั้น พี่ยีนส์ ต้าร์เอง ทุกคนต่างก็มีเหตุผลและความเป็นเด็กเอาแต่ใจของตัวเอง เรื่องที่ชินพูดมาแทบทุกคำเราว่ามันจี้ดและจริง  :mew1:

จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปค่ะ  :pig4:  :L1:

ออฟไลน์ Miiso

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านมาถึงตอนนี้ ยังอึ้งไม่หาย จบแล้วหรอ?  แต่สนุกมากนะ
น่าจะมีต่อพิเศษอีกสักเล้กน้อย

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
จบแล้วเหรอครับ ..... อ่านแล้วสนุกดีนะ แต่มึน ๆ นิดนึง ตัวละครอารมณ์ศิลปินมาก

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ wargroup

  • Twitter/IG : @inaSSusani
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
โอเคเลยนะ อ่านสนุกดี เขียนให้อินกับตัวละครได้ดีเลย (เห็นคนอ่านอินขั้นสุดกันหลายคนเชียว)
พล็อตจะว่าเดาได้...ก็พอเดาได้แหละ แต่ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา และคิดว่า จบแบบนี้ดีแล้ว
ถึงมันจะเป็นรูปแบบนิยายเต็มสูบที่ต้องวนมาจบแฮปปี้ แต่มันคือ การสนองความต้องการขั้นพื้นๆของคน
ถามว่ามีสักกี่เรื่อง ที่เราประทับใจไปกับการจบแบบ sad ending ...จะหยิบเรื่องนั้นๆขึ้นมาอ่านซ้ำได้สักกี่ครั้งกัน
 
ส่วนตัวค่อนข้างเข้าใจ คนจำพวกที่ใช้สัญชาตญาณในการดำรงชีวิตพอสมควร เลยเก็ทกับตัวละคร
อุปสรรคความรักที่เส้นเรื่องสร้างมา คนอ่านแบบเรา ก็เชียร์ให้ตัวเอกไฟท์ ให้แก้ไขปรับปรุงตลอดอ่ะ
พอจะเห็นการดิ้นรนแก้ปมในใจ เพื่อจะเรียนรู้ความรักของปั้น...บ้าง เท่าที่คนอย่างเค้าจะทำได้ (นางก็พยามอยู่นะ)
เห็นความมั่นคงในรักของต้าร์ ที่เปิดโอกาสให้ตัวเองพิสูจน์ และชั่งน้ำหนักหลายรอบ จนยอมปลดอีโก้เพื่อรัก
คิดว่าคนเขียนนำเสนอได้ดีเรื่องช่วงชีวิตของคน ที่บางจังหวะก็เป็นจิ๊กซอว์ที่ไม่เข้าล็อคกับอะไรสักอย่างเดียว

อยากแอบเชียร์ตัวละครนิดนึงว่า ก็เป็นคนจริงๆดีเหมือนกัน เพราะคนจริงๆมันไม่เพอร์เฟค มีข้อด้อยทุกคน
อยู่ที่ยอมรับกันและกันได้มากน้อยแค่ไหน แล้วนี่ก็คือการเล่าบุรุษที่ 1 จากนายเอกไง พระเอกดับทุกรายบอกเลย
คนที่มีความสามารถพิเศษหลายคน อ่อนแอมากในเรื่องการปะทะ รวมถึงความเสถียรทางอารมณ์ จุดนี้เขียนเป๊ะอยู่

แล้วก็คิดว่า เรื่องนี้จบไม่เน่าไม่นิยายจ๋าเท่าไหร่นัก คงเพราะคนเขียนต้องการกระชับเป็นเรื่องสั้นด้วยมั้ย
เลยรวบยอดเฉลยความโดยพี่เก๋ ปังเดียวจบ ร้อยตร.เอกปรากฏตัว คือถ้าเป็นเรื่องยาว...จะไปกันอีกยาวววววแน่
คงต้องมีไปเปิดตัวกับครอบครัวพี่ปั้น ฟาดฟันกับนักข่าวที่ขุดคุ้ย เผลอๆมียีนส์คัมแบ็คมาราวี
จนต้องมีเจ็บตายกันไปข้าง หรืออาจมีไซด์สตอรี่ ที่ยีนส์กลับตัวกลับใจ ดีงามได้คู่ไปอีก ...นี่สินิย้ายนิยายกว่า

จากที่คนเขียนขอความคิดเห็น อยากบอกว่า เขียนงานมาให้อ่านอีกนะ สนับสนุนสายดราม่าอ่ะ ชอบ! (+1)
ลองเล่าแบบบุรุษที่ 3 เป็นก็อดดูบ้างก็ได้ อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง คงจะขยี้ช่วงพีคๆได้ครบวงจรมาก
ได้อ่านฟากยีนส์ชั่ว ใส่ไฟความคิดมันให้ชั่วหนักๆ ได้อ่านฟากปั้นทำคะแนนบ้างไรบ้าง
เพิ่มบทสนทนากับบทบรรยายด้วยก็ดีค่ะ แต่แบบที่เขียนก็ดี กระชับ พล็อตกับภาษาดึงดูดให้อ่านจนจบรวดเดียวได้เลย

ปล. ชื่อเรื่องออกทางฮาหื่นนะคะ แต่เนื้อในนี่บีบตับรัวๆ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2015 03:56:03 โดย wargroup »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วดีมากๆ   ขอบคุณครับ


ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ  :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ OilPTD

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ๊ากกกกจบยังไงนิ พี่ปั้นมาเคลียร์ให้กระจายเลยนร้าาาาา

ต้าร์ไม่เข้าใจ เค้าก้อไม่เข้าใจ
ว่าแต่บริษัทที่ต้าร์อยู่ของพ่อพี่ปั้นใช่ป่ะ

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
ไม่มีต่ออีกนิดเหรอคะ อ่านรวดเดียวจบเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
มันเหมือนจบไม่สุด  แต่ว่านี่พี่แกป็นลูกหลานเจ้าจองค่ายนี่เอง

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 o13

ชอบบบบ ขอบคุณนะคะ แต่อยากอ่าต่อจังดลย ว่าแต่ละคนจะเป็นยังไงต่อ อยากให้พี่ปั้นมีโอกาสแก้ตัว55555555

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ได้อ่านรวดเดียวจบแบบนี้คือดีย์ เพราะหลังๆ มาคือดราม่าตลอด
ใจคนอ่านนี่พยายามเอาใจช่วยต้าร์ ทั้งที่ตัวเองก็น้ำตาซึม
อิพี่ปั้นใจร้าย แต่จริงๆ แล้วก็ช่วยเหลือน้องเยอะไปหมด

ชอบฉากจบมาก เคลียร์ประเด็นได้แค่พี่เก๋พูดพร่ามๆ มาคนเดียว
ตัดภาพมาที่คนอ่าน คือนั่งหน้าเหวอ คงเหวอไปพอๆ กับต้าร์นั่นแหละ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด