เต้ "ขอบคุณที่รักและสงสารเต้นะครับ

คนเขียน "ขอบคุณที่ติดตามนะคะ รับทุกคำติ คำชมคะ
นี่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น ซันมันยังถูกรุมด่าขนาดนี้ ต่อจากนี้ไป
อะไรที่มันทำ ก็ช่วยออมมือกับมันหน่อยนะคะ

"
********************************************************
ตอนที่ 30 I’m a selfish.หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็เข้าไปช่วยพี่มีนทำงาน พี่เขาดูจะยังตึง ๆ กับผมอยู่ เราเลยต่างคนต่างทำงาน แต่เชื่อเถอะ ผมไม่มีสมาธิกับงานหรอก คอยแต่จะมองออกไปด้านนอกห้องทำงานเพื่อรอให้เต้กลับมาจากซื้อของ
ซักพักใหญ่ ๆ ก็ได้ยินเสียงพวกในครัวล้งเล้ง เลยรู้ว่าเฮียกับเต้ คงจะกลับมาแล้ว ผมแทบจะลุกขึ้นวิ่งออกไปดู ติดแต่สายตาพี่มีนที่ตวัดขึ้นมามองเมื่อผมยืนขึ้น จึงทำเป็นเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาดื่ม แต่ตาก็ยังมองออกไปนอกห้องทำงานตลอดเวลา
และแค่ไม่นาน เต้ก็เดินกลับเข้ามาในห้องบัญชี เขาไม่ได้มองมาทางห้องทำงานพี่มีนเลย มาถึงก็ลงไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง และก้มหน้าก้มตาทำงาน แล้วพี่วัชรก็ยื่นเอกสารให้คงต้องการให้เอามาให้พี่มีน เต้รับมาก่อนจะลุกและเดินมาทางห้องทำงานของพี่มีน ผมยืนอยู่ใกล้ๆ ประตู ถ้าเขาเปิดเข้ามาก็ต้องเห็นผมแน่นอน แต่จนแล้วจนรอด เต้ก้มหน้าก้มตาเปิดประตู และเดินเลยผ่านผมไปยื่นเอกสารให้พี่มีน
ยิ่งเห็นก็ยิ่งหงุดหงิด จะเล่นอะไรกัน จะทำเหมือนผมไม่มีตัวตนเหรอ
“เอ่อ เรื่องห้องที่ขอไว้ อาทิตย์หน้าก็ย้ายเข้าไปอยู่ได้แล้วนะ”
“ขอบคุณครับ พี่มีน”
“อะไร คุยอะไรกันน่ะ ใครจะย้ายไปไหน” ผมที่ยืนฟังอยู่นานได้ยินเรื่องย้ายห้องก็รู้แล้วว่าหมายถึงอะไร แต่ก็อยากจะได้ยินจากปากพวกเขา
“เสียมารยาท ซัน พี่คุยกันอยู่ ไม่เกี่ยวกับเธอ” พี่มีน ตะหวาดผมทันที แต่เต้ยังคงยืนหันหลังให้ผม
“จะไม่เกี่ยวได้ไงก็ผม...”
“ผมอะไร อย่ามาวุ่นวายนะซัน ออกไปก่อนเลย งานนายวันนี้ไม่มีอะไรแล้วนี่”
“ฮึ่ม” ตลอดเวลาที่ผมเข้าร่วมคุย เต้ไม่ได้หันมามองผมเลย แถมพี่สาวผมยังทำผมเสียหน้า ดุผมเหมือนเด็ก ๆ ให้ยิ่งเจ็บใจ แต่ก็ต่อหน้าพี่มีนผมคงทำอะไรมากไม่ได้ หัวเสียเลยเดินออกจากห้องทำงานพี่มีน ผมเดินออกไปนอกสำนักงาน รู้สึกโกรธจนไม่รู้จะไปทางไหนเลยเดินไปนั่งม้านั่งข้าง ๆ สำนักงาน
อ้อที่ขนของออกนี่จะย้ายไปห้องพักพนักงานเหรอ นี่มันอะไรกันเรายังไม่ได้คุยกันซักคำ เต้ทำไมตัดสินใจแยกกับผมง่าย ๆ อย่างนี้นะเหรอ ตกลงนี่ผมรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวใช่ไหม เต้เคยรักผมบ้างหรือเปล่า หรือไอ้คำรักคำหวาน ๆ มันก็แค่เรื่องหลอกลวงให้ผมหลง ไอ้ท่าทางไร้เดียงสาทั้ง ๆ ที่ก็ผ่านผู้ชายมาแล้วมันก็แค่ การแสดงละซิ แสดงเก่งเกินไปแล้ว ฮึ
กำลังปรี๊ดๆ อยู่ก็มีเงาร่างคนเดินผ่านไป ผมเงยหน้าขึ้นดู เห็นแค่หลังก็จำได้ คนหลอกลวง
เห็นเดินลิ่วไปทางห้องน้ำหลังรีสอร์ท ผมเลยเดินตามไป ยังไงก็ยังอยากจะคุยกับเต้ดูซักที บางทีผมอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปก็ได้
พอเดินไปถึงเต้ก็หายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ผมเห็นมีแค่ประตูบานเดียวที่ปิดเลยยืนรอหน้าห้องน้ำ เต้ชอบมาเข้าห้องน้ำที่นี่ เขาเคยบอกผมว่าชอบมาเข้าที่นี่ เพราะไม่ค่อยมีคน เงียบ สบายใจดี
ทันทีที่ประตูเปิดออกเต้เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมก่อนที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ผมรีบเดินสวนดันให้เต้กลับเข้าไปในห้องน้ำแล้วล็อกกลอนประตูห้องน้ำ
“...ทะ..ทำอะไรน่ะคุณซัน”
“ทำอะไร..ก็คุยกันไง เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะ” เรายืนประจันหน้ากัน เต้มองผมแว่บเดียวแล้วก็ก้มหน้าพูดกับผม
“คุยอะไร...”
“ก็เรื่องของเรา.......” ผมพยายามคุมอารมณ์ และใช้น้ำเสียงเป็นปกติกับเขา
“เรื่อง?”
“อะไร ....ทำไม.....” แต่สิ่งที่ได้รับก็ยังคงเป็นการพูดที่ไม่สบตา แล้วพยายามจะผ่านผมออก ผมต้องจับแขนเขาไว้ทั้งสองข้าง แล้วก้มลงมองสบตาเขา ถึงเห็นว่าเขาหลับตาอยู่
“มันไม่มีเรื่องระหว่างเราแล้ว.......”
“...........”
“ไม่จำเป็นต้องคุยหรอกครับ มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร”
“แล้วอะไร มันคืออะไรล่ะ ห๊ะ” ผมที่กำลังจะหมดความอดทน เขย่าตัวเขาจนหัวโยกหัวคลอน เต้ไม่ได้ขัดขืนอะไรแล้ว แต่กำลังเงยหน้าขึ้นมามองผม นัยน์ตาดวงนั้นแดงกล่ำ จ้องมองผมเหมือนคนไม่รู้จักมันทำให้ผมชะงักไป
“ผมขอถามคุณซักคำ”
“....”
“คุณ...คุณรัก...คุณฟ้าใส ไหม..”
“......”
“รักไหม?” เต้ถามคำถามเดิม ด้วยสายตาที่คาดคั้น
“...ถามอะไร...”
“ตอบผมมาตามความจริงเถอะครับคุณซัน ถ้าคุณอยากจะคุยกับผมจริง ๆ”
“....ฮื่อออ..มันก็ ก็ใช่นะ ..ฟ้าใส...เป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในใจฉันมาตลอด.......แต่.....”
สิ้นคำผม นัยน์ตาของเต้เหมือนจะว่างเปล่าไปแว่บหนึ่ง แล้วก็กลับมามีผมในสายตาอีกครั้งหนึ่ง
“งั้นก็ตามนั้นล่ะครับ”
“อะไร ......เต้ ผมไม่เข้าใจ...”
“ยังไง เรื่องของเรา ก็คงไม่ได้ไปไกลกว่านี้แล้ว เราจบกันดี ๆ เถอะนะครับคุณซัน อย่าให้ใครต้องเจ็บปวดและมีปัญหาไปมากกว่านี้เลย นะครับ”
“อะไรกัน ไม่นะเต้ เราจะจบกันง่าย ๆ ได้ยังไง ผมไม่ยอมหรอกนะ”
“แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง คุณกำลังจะแต่งงานกับคุณฟ้าใสนะ”
“มันก็ใช่ แต่เรา..เรารักกันนะ มาคุยหาทางออกกันก่อนซิ..”
“ผมว่าต่างคนต่างไปเถอะครับ ผมเองก็คงจะไปตามทางของผม หาคนที่ผมจะรักต่อไป”
“ไม่ได้เต้ นายเป็นของฉันนะ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปหาคนอื่นแน่” แค่คิดว่า จะมีชายคนไหนได้แตะต้องเรือนร่างที่แสนหวานนั่นต่อจากผม ก็ทำให้ผมแทบทนไม่ได้
“ผมไม่ใช่ของ ๆ คุณ...คุณฟ้าใสต่างหากที่เป็นของคุณ” เต้ ตะโกนใส่ พร้อมทั้งสะบัดตัวออกจากการจับของผม
“เต้....ได้โปรดเถอะ เราค่อย ๆ คุยกันนะ นะครับ” ผมยังพยายามควบคุมสถานการณ์
“เฮ้อ...คุณซัน...ยังจำเรื่องของเพชรได้ไหม”
“ฮึ่มไอ้นั่นมันมาเกี่ยวอะไรด้วย” เต้ทำท่าเสียไม่ได้ยังพอรับได้ แต่ดันพูดชื่อไอ้เพชร ขึ้นมานี่ชักจะรับไม่ได้แล้วนะ
“ผมก็แค่จะยกตัวอย่าง คุณก็เหมือนกับเขา กำลังจะหมั้นกับผู้หญิง.....ผมไม่ยุ่งกับคนที่มีเจ้าของเด็ดขาด”
“ไม่เอาหน่าเต้ ก็มันไม่เหมือนกันนี่นา เรารักกันไม่ใช่เหรอ”
“...เคย..รัก...”
“เต้!!!” คำสิ้นเยื่อใย ทำผมแทบระเบิด
“เราจบกันดี ๆ เถอะครับ ผมขอตัวไปทำงานเถอะนะครับ อื้อออออ” ผมโกรธ ๆ จนแทบฆ่าใครซักคนได้เลย ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เต้เอาแต่บอกจะเลิกอย่างเดียว ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย จึงปิดปากที่บอกแต่จะเลิกกับผมป่าว ๆ นั่น ด้วยจูบอย่างเผ็ดร้อน
เต้ตกตะลึงชั่วครู่ ก่อนที่มือไม้จะเริ่มทุบตีต่อยผม ผมเลยรวบมือสองข้างเขาไว้ ด้วยมือทั้งสองข้างของผม แล้วดันเขาไปติดกำแพงด้านหนึ่ง ปากก็ยังคงจูบอย่างจาบจ้วงทั้งกัดทั้งดูดดุน จนได้รสเลือดติดริมฝีปาก
“หยุดนะ คุณซัน ไม่ ปล่อยผม นะ”
“อื้อ คุณ..คุณซัน....”
ยิ่งเขาดิ้นรนขัดขืน มันก็ยิ่งเร่งเร้าให้อารมณ์ผมยิ่งพลุ่งพล่าน ผมหมุนตัวเขาหันเข้าฝาผนัง เอาตัวดันเขาไว้ มือข้างหนึ่งก็สาละวนปลดกางเกงเลของเขาออก แค่กระตุกก็หลุดแล้ว กางเกงเลลงไปกองที่พื้น ผมก็ดึงกางเกงบ๊อกเซอร์ของเขาให้ตามลงไปอยู่กับกางเกงเลที่พื้น เขายังดิ้น และพยายามจะขัดขืน
“อ่า....อื่มม....อ่า......”
ผมเบียดตัวดันเขาแน่นขึ้น และลูบคลำกลางกายของเขาอย่างเมามัน จนเขาเองก็คงจะทนไม่ไหว เสียงครางแผ่ว ๆ ไม่เต็มปากเล็ดลอดออกมาให้ผมยิ่งย่ามใจ ผมรุกเขาหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนเขากระตุกปลดปล่อยออกมา พร้อมกับเสียงหอบหายใจถี่กระชั้น
ผมปล่อยเขาจึงเซเข่าอ่อน ลงไปนั่งที่โถชักโครก ทั้งๆ ที่ใบหน้าแดงกล่ำไปด้วยแรงอารมณ์เขาก็ยังจ้องมองผมเขม็ง ด้วยสายตาต่อว่า แต่ผมตอนนี้มันไร้สติเกินกว่าจะคิดอะไรได้แล้ว มีก็แต่ความกำหนัดที่ยังอัดอั้น ผมปลดกางเกงของตัวเองออก เต้เบือนหน้าหนี เพราะหน้าของเขาอยู่ระดับเดียวกับของ ๆ ผม
“เหว๊อออ ไม่ ไม่นะคุณซัน...”
ผมยกตัวเต้ขึ้นให้เขาหันหน้าเข้าหาโถน้ำชักโครก เขาก็เหมือนจะรู้ว่าผมต้องการอะไร เขายังพยายามขัดขืน ด้วยแรงอันน้อยนิด แต่ก็ไม่ทานแรงผม ผมซ้อนด้านหลังเต้ และยึดมือเขาไว้กับโถน้ำ ทั้งสองด้าน พร้อมทั้งกัดเต็มแรงไปที่ลำคอขาว ที่ทำให้ผมหลงใหลตั้งแต่แรก อย่างหมั่นเขี้ยว เต้ร้องออกมา และพยายามขืนตัวหนี ผมไม่รอช้าแทรกกายเข้าไปอย่างไม่มีการเตรียมพร้อมจนเต้ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด มันไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่อยาก เพราะแรงฝืนของผม เต้ขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ซักพักก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรอีก พอเข้าไปได้สุดผมก็เริ่มกระหน่ำไม่ยั้ง ร่างกายของเต้ก็เหมือนจะต่อต้านเพราะมันทั้งบีบทั้งรัดมากกว่าปกติ จนผมแทบคลั่ง ระหว่างนั้นก็เลิกเสื้อของเขาขึ้น และผละมือจากการจับมือเขา มาเป็นบดขยี้ยอดอก และ ลูบคลำด้านหน้าของเขา ร่างกายเขาสั่นสะท้าน ยิ่งทำให้ผม พอใจ และรุกเร้าเขาอย่าง ไม่บันยะบันยัง ผมไม่ได้เห็นว่าเต้มีสีหน้าอย่างไร ระหว่างที่ทำกันผมก็มองเพียงลำคอและแผ่นหลังที่ผมแสนจะรักใคร่ ผมไม่ยอมเลิกกับเขาหรอก ผมรู้ ผมเห็นแก่ตัว แต่จะให้ผมทำยังไง ผมตัดใจจากเขาไม่ได้
หลังจากเสร็จกิจแล้ว สภาพของเต้ที่เปลือยเปล่า นั่งอยู่ที่โถอย่างไร้สิ้นเรี่ยวแรง เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบรักของเราทั้งคู่ ช่างดูเย้ายวนจนเกือบจะอดใจไม่ไหว แต่เพราะมีหน้าที่ต้องไปจัดการจึงจำต้องหยุดความคิดที่จะสานต่อแต่เพียงเท่านี้ ผมเอาเสื้อของเต้นั่นแหล่ะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขา แต่เขากลับปัดมือผมออก
“ไม่ต้อง..มายุ่งกับผมอีก พอใจคุณแล้ว...ก็เลิกรากันดี ๆ เถอะ...”
“....” เก่งจริง ๆ ช่างเก่งในการยั่วโมโหผมจริง ๆ เมื่อกี้ยังเริงรักกันอยู่เลย พอเสร็จสมก็พูดแต่จะเลิกกัน ๆ เส้นเลือดแทบปรี๊ด
“มึงนี่มันพูดไม่รู้เรื่อง กูบอกแล้วว่ายังไงมึงก็เป็นของกู อย่าหวังเลยว่ากูจะยอมปล่อยมึงไปเริงร่ากับผู้ชายคนอื่น...... หึ ปากเก่งอย่างนี้ มึงก็รออยู่นี่ จนเลิกงานเถอะ ” ผมจิกผมที่ท้ายทอยให้เต้เงยหน้ามาสบตากัน แค่คิดว่า เขาจะไปมีผู้ชายคนอื่น ก็ยิ่งหงุดหงิดใจ เต้สะบัดหน้าหนี หลุดจากมือผมได้ก็หันมาต่อว่า
“คุณมันบ้าไปแล้ว เฮ้ย คุณจะทำอะไรอ่ะ เอาเสื้อผ้าผมคืนมานะ”
“ไม่ กูไม่ให้มึงไปร่านที่ไหนหรอก รอกูอยู่นี่แหล่ะ เลิกงานกูจะกลับมารับ” ผมเบียงตัวออกมาจากห้องน้ำพร้อมทั้งเสื้อผ้าของเต้ ด้วยอารมณ์หน่วงๆ ยังได้ยินเสียงเต้ด่าผมเป็นครั้งแรกแว่วออกมาจากในห้องน้ำด้วย
“ไอ้บ้า ไอ้คุณซัน ไอ้คนผีทะเล ไอ้ๆๆๆๆ ” อื้อ...ฟังระรื่นหูมากที่รัก รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดนึงเลยล่ะ
“ซันค่ะ ไปไหนมา พวกคุณพ่อรอนานแล้วนะ”
“อ้อ พอดีมีงานเข้านิดหน่อย เรารีบไปกันเถอะ”
“ฮ่ะๆๆ มาสายแล้วยังมาเร่งกันอีก ไปๆ”