หน้ากากดอกไม้ (แจ้งข่าวรวมเล่ม) 17-11-2561 หน้า 13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หน้ากากดอกไม้ (แจ้งข่าวรวมเล่ม) 17-11-2561 หน้า 13  (อ่าน 178010 ครั้ง)

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2018 19:03:48 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ห  น้  า  ก  า  ก  ด  อ  ก  ไ  ม้


เรื่องย่อ : เมื่อนายน้อยแห่งฟาร์มแสงฉานนึกสงสัยในสาเหตุการเสียชีวิตของเพื่อนสนิท ภารกิจค้นหาความจริงในระยะประชิดจึงเริ่มต้น เพราะเขาถือคติว่า "รู้ว่าใครคือศัตรู ก็ต้องทำความรู้จักกันให้มากขึ้น" ตั้งใจจะสืบหาคนผิดเหมือนกับนักสืบในนวนิยาย แต่ดันตกม้าตาย ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายขโมยหัวใจเสียเอง


เรื่องอื่น ๆ


สารบัญ

บทนำ
ตอนที่ 1 ยินดีที่ได้รู้จัก
ตอนที่ 2 รอยสักรูปดอกไม้
ตอนที่ 3 สงสัย
ตอนที่ 4 หลักฐานในภาพถ่าย
ตอนที่ 5 ใครกันแน่ที่พูดไม่หมด
ตอนที่ 6 คนใกล้ตัวที่ไม่รู้อะไรเลย
ตอนที่ 7 ผู้ร่วมขบวนการ
ตอนที่ 8 ก้าวแรกในนาฏยกาล
ตอนที่ 9 เกือบไปแล้ว (1)
ตอนที่ 10 พิสูจน์ (เกือบไปแล้ว (2))
ตอนที่ 11 ความลับ
ตอนที่ 12 ฝันร้าย
ตอนที่ 13 โรงละครร้าง
ตอนที่ 14 กลัว
ตอนที่ 15 เสียงของหัวใจ
ตอนที่ 16 หลักฐานชิ้นสำคัญ
ตอนที่ 17 คำให้การของชายลึกลับ
ตอนที่ 18 คนในความมืด
ตอนที่ 19 ก่อนลมหายใจสุดท้าย (ตอนจบ)


ตอนพิเศษ

01 ผู้ร้ายตัวจริง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2016 09:22:29 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
บทนำ



แสงแดดในยามสายถูกกลืนหายไปในเงาของพยับฝนที่เริ่มก่อนตัว เสียงคำรามครืน ๆ ของท้องฟ้าเป็นสัญญาณเตือนให้หลายคนต้องเร่งฝีเท้าในขณะที่สายตาก็ต้องมองหาที่กำบัง ไม่ช้าความเร่งรีบนั้นก็กลับกลายเป็นความเชื่องช้าจนแทบจะหยุดนิ่งเมื่อหยดน้ำเล็ก ๆ โปรยปรายลงมาจนฉ่ำยอดหญ้า หากตอนนี้มีใครสักคนมองผ่านกระจกหน้าต่างของอาคารสูงลงไปเบื้องล่างคงจะได้เห็นร่มหลากสีสันเคลื่อนที่สวนกันไปมาจนดูคล้ายกับดอกไม้สีสวยที่กำลังเบ่งบานท่ามกลางสภาพอากาศขมุกขมัวในช่วงปลายฝนต้นหนาวเช่นนี้


ดอกไม้เล็ก ๆ ที่ถูกเสียบเอาไว้ในแจกันแก้วใบจิ๋วยังคงส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วห้องแม้กาลเวลาจะทำให้กลีบดอกเหี่ยวเฉาก็ตาม มันช่างหอมเย็นเสียจนตัดสินไม่ได้ว่าระหว่างอากาศกับกลิ่นของดอกไม้ อย่างไหนให้ความรู้สึกเย็นเยือกมากกว่ากัน


เสียงเคาะประตูทำให้ชายหนุ่มที่กำลังนั่งมองกลีบดอกสีขาวต้องละสายตาเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ สาวน้อยหน้าตาสะสวยเจ้าของความสูงเทียบเท่ามาตรฐานนางแบบในหน้านิตยสารก้าวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสเหมือนทุกครั้ง กระโปรงสีเขียวอ่อนยาวคลุมเข่ากับเสื้อเชิ้ตสีขาวลายจุดและผมยาวสลวยที่ถูกรวบตึงทำให้เธอดูเรียบร้อยน่ารักไม่ต่างไปจากวันแรกที่ได้พบกันเมื่อสองปีก่อน หยุดยกมือไหว้ก่อนจะนั่งลงตามคำเชื้อเชิญของเจ้าของห้อง


“ว่ายังไงอารตี มาห้องผมแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า”


“รตีแวะเอาดอกไม้มาเปลี่ยนให้อาจารย์ค่ะ เสร็จแล้วว่าจะไปค้นหนังสือที่หอสมุดสักหน่อย” พูดจบเธอก็จัดการรวบดอกปีบสีขาวช้ำ ๆ 3-4 ดอกออกจากแจกันก่อนจะแทนที่ด้วยดอกใหม่ที่เพิ่งเก็บมาจากริมทางเดิน “ต้นที่หลังมหาวิทยาลัยน่ะค่ะ ออกดอกมากจนกิ่งย้อยลงมาพอจะเอื้อมถึง รตีก็เลยเก็บมาฝาก เห็นว่าอาจารย์ชอบ”


หญิงสาวยิ้มหวานก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหย่อนดอกไม้ช้ำ ๆ ลงในถังขยะ เมื่อเห็นว่าคู่สนทนาไม่มีทีท่าว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธข้อสันนิษฐานเธอจึงเดินกลับมานั่งลงจ้องหน้าอาจารย์ที่ปรึกษาของตนเองก่อนจะถามย้ำ “เอ...หรือว่าอาจารย์ไม่ชอบคะ”


คนถูกถามค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่พักนี้แทบจะเหือดหายไปจากใบหน้า หากพูดกันตามจริงเขาก็ไม่ใช่ชายหนุ่มอ่อนหวานที่พิศมัยในกลิ่นหอมของดอกไม้สักเท่าไร แต่ที่ต้องคอยหาดอกปีบนี่มาเสียบแจกันทุกวันก็คงเป็นเพราะใครคนหนึ่งที่ทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นความเคยชินสำหรับเขา


“อืม...มันก็หอมดีนะ”


“ถ้าอย่างนั้นวันไหนรตีเข้ามาที่มหาวิทยาลัยจะแวะเอาดอกใหม่มาเปลี่ยนให้ก็แล้วกันนะคะ”


“ดูแลดีขนาดนี้สงสัยผมต้องรีบตรวจงานให้แล้วละมั้งจะได้จบไว ๆ”


“โธ่ อาจารย์คะ ค่อย ๆ ตรวจก็ได้ รตียังไม่ได้บอกสักคำเลยว่าอยากจะรีบจบ” อารตียิ้มน้อย ๆ พลางมองป้ายชื่อของอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอซึ่งวางอยู่ตรงหน้า


‘ดร.ธันวา ธิตินาวา’ คือชื่อของเขา ชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ ท่าทางสุขุม แม้จะมีวัยวุฒิเพียงเท่านี้แต่หากพิจารณาด้านคุณวุฒิแล้วก็ถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว นอกจากเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาการบริหารงานศิลปวัฒนธรรมแล้ว เขายังรั้งตำแหน่งรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาอีกด้วย


“ปริญญาโทน่ะเรียนแค่สองปีครึ่ง หรือให้อย่างมากสามปีก็พอแล้ว อย่าเรียนนานนักเลย รีบ ๆ จบ ผมจะได้ไปดูแลรุ่นน้อง ๆ ของคุณต่อ”


“ก็ได้ค่ะอาจารย์รตีสัญญาว่าจะรีบจบ ไม่อยู่เป็นภาระของอาจารย์นานหรอกค่ะ ถ้าอย่างนั้นรตีขอตัวไปหอสมุดก่อนก็แล้วกันนะคะ”
 

อารตีเดินออกจากห้องไปแล้ว การมาของเธอในทุก ๆ ครั้งมักจะทำให้ธันวานึกถึงหญิงสาวร่างเล็กเจ้าของรอยยิ้มชวนมองคนนั้น...


“นึกยังไงถึงเอาแจกันดอกไม้มาตั้งที่โต๊ะผม” ร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้องเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นนักศึกษาสาวในความดูแลของตนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ จัดดอกไม้ในแจกันเล็ก ๆ ที่มีอยู่เพียงไม่กี่ดอกแต่กลับส่งกลิ่นหอมฟุ้ง


“สร้างความสดชื่นให้กับชีวิตบ้างสิคะอาจารย์ กิ่งเข้ามาทีไรเห็นอาจารย์นั่งตรวจงานหน้าเครียดทุกที”


“ก็งานพวกคุณมันไม่ได้เรื่องนี่นา” ธันวาหัวเราะก่อนจะเดินอ้อมหลังร่างเล็กมานั่งลงที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน จ้องมองกลีบดอกสีขาวอย่างสนใจ “เขาเรียกดอกอะไรน่ะ”


“Millingtonia hortensis Linn.f ค่ะ”


“หือ? ว่าไงนะ”


“ชื่อวิทยาศาสตร์นะค่ะ กิ่งจำจากเพื่อนมาอีกที” สาวน้อยยิ้มก่อนจะเลื่อนเก้าอี้จากนั้นจึงนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม “เขาเรียกว่าดอกปีบค่ะ”


“คุณชอบเหรอ”


คนถูกถามส่ายหน้าน้อย ๆ “เปล่าหรอกค่ะ แต่เพื่อนสนิทกิ่งชอบดอกปีบ กิ่งว่าผู้ชายกับดอกไม้มันดูน่ารักดีก็เท่านั้นเอง”


“ก็เลยคิดว่าผมต้องชอบด้วย?”


“ไม่ได้คิดว่าอาจารย์จะชอบหรอกค่ะ แต่ถ้าอาจารย์ชอบกิ่งจะเอามาใส่แจกันให้ทุกวันเลย”



ธันวายังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดี ดอกปีบดอกเล็ก ๆ ยังคงถูกนำมาเปลี่ยนใส่แจกันให้เกือบทุกวันตลอดระยะเวลาสองปีที่เธอเข้ามาเป็นนักศึกษาในความดูแลของเขา จนกระทั่งวันหนึ่งซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด


“อาจารย์คะ ที่โรงละครนาฏยกาลเขารับกิ่งเข้าทำงานแล้วนะคะ กิ่งตัดสินใจแล้วว่ากิ่งจะเข้าไปเก็บข้อมูลที่นั่น” ประโยคยืดยาวผสมกับน้ำเสียงตื่นเต้นดังขึ้นรวดเดียวโดยไม่รอให้คนที่ปลายสายได้กล่าวทักทาย


“ไหนคุณบอกว่าที่นั่นเขารับแต่สาวประเภทสองเข้าทำงาน ไม่รับผู้หญิงไง” ธันวาผ่อนลมหายใจหนักพลางนึกถึงโรงละครมีชื่อเสียงที่บรรดาหนุ่มสาวต่างก็อยากจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้น ติดตรงที่ข้อบังคับที่เข้มงวดเอามาก ๆ ในเรื่องของการรับคนเข้าทำงานซึ่งจะต้องเป็นสาวประเภทสองเท่านั้น แต่ทำไมนาฏยกาลที่เข้มงวดในเรื่องนี้ถึงยอมรับนักศึกษาสาวผู้นี้เข้าทำงานได้ นั่นเป็นสิ่งที่อาจารย์ที่ปรึกษาอย่างเขาต้องคิดหนักและอดเป็นห่วงไม่ได้


“กิ่งมีวิธีของกิ่งค่ะ อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”


“มันก็จริงอยู่ที่การเข้าไปฝังตัวอยู่ในนั้นจะทำให้คุณได้ข้อมูลในเชิงคุณภาพ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจะต้องเป็นนาฏยกาลนี่ ที่อื่นก็มีเยอะแยะ”


“แต่ที่นี่เขามีชื่อเสียงนี่คะอาจารย์ มันน่าสนใจตรงที่ว่าเขารับเฉพาะนักแสดงที่เป็นสาวประเภทสอง แต่กลับทำการแสดงได้ทุกแนว ไม่ใช่ลักษณะของนางโชว์ทั่ว ๆ ไป กิ่งก็เลยอยากรู้ว่านี่หรือเปล่าที่เป็นสาเหตุให้แต่ละปีมีผู้ชมเข้าชมการแสดงของที่นี่จำนวนเยอะมาก แล้วก็มีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นทุกปีด้วย อยากรู้จังว่าอะไรนะที่เป็นสิ่งดึงดูด”



‘กิ่งดาว’ หญิงสาวที่ได้พบกันครั้งสุดท้ายทางโทรศัพท์เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วก่อนที่มัจจุราชจะพรากเธอไปจากเพื่อน ๆ ร่วมรุ่นและอาจารย์ที่เคยสอนตลอดกาล


ธันวาถอนใจเฮือกใหญ่ เรื่องของกิ่งดาวฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในห้วงแห่งความคิดของเขาตั้งแต่มหาวิทยาลัยจนกระทั่งถึงคอนโด ทั้งที่พยายามจะสลัดความนี้ออกไปแต่สุดท้ายมันก็ยังหวนกลับมาให้นึกถึง แม้จะรู้ดีว่าไม่อาจจะย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายและนึกโทษตัวเองอยู่ทุกครั้งที่ไม่ใช่อำนาจของความเป็นครูเป็นศิษย์เอ่ยปากห้ามเธออย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์น่าเศร้านี้คงไม่เกิดขึ้น ความคิดหยุดลงแต่เพียงเท่านั้น ตาคมทอดมองดอกไม้สีเล็ก ๆ สีขาวที่เก็บได้ตรงทางเดินของลานจอดรถด้านข้างคอนโด มันเป็นดอกไม้ชนิดเดียวกันกับที่ถูกเสียบไว้ในแจกันบนโต๊ะทำงาน แม้กลิ่นของมันหอมฟุ้งเพียงใดก็ไม่อาจสู้กับกลิ่นของสปาเก็ตตี้ปลาเค็มที่ส่งกลิ่นคละคลุ้งอยู่ในขณะนี้ได้


“สปาเก็ตตี้ปลาเค็มสองวันติดกันแล้วนะ” มือหนายกขึ้นทึ้งหัวตัวเองพลางนึกถึงเจ้าของห้องตรงข้ามที่เพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่ถึงสัปดาห์ ทั้งที่ยังไม่เคยพบหน้ากันแต่กลับรู้ว่าอาหารเย็นในวันนี้ของเจ้าของห้องคงไม่พ้นสปาเก็ตตี้ปลาเค็มเป็นแน่ รู้ได้โดยไม่ต้องสืบนั่นเป็นเพราะมันถูกแบ่งให้แม่บ้านที่คอยทำความสะอาดเป็นค่าปิดปากนั่นเอง



....



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2014 14:36:59 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :-[  ลึกลับน่าติดตามฝุดๆ 

ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เรื่องกำลังอิน กำลังดราม่าได้อารมณ์
จนมาสดุดกับสปาเก็ตตี้ปลาเค็ม 555555
รอติดตามตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

มารอ  :กอด1:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
อย่าบอกนะ ว่าครูจะปลอมเป็น'สาวสอง' เพื่อเข้าไปตามหากิ่งน่ะ

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
แอบอู้งานมาอ่านนิยายเรื่องใหม่ ฮี่ๆ
ดร.ธันวา มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับบุคคลจากสองเรื่องที่แล้วมั้ยคะ
ขอแผนภูมิต้นไม้ซิ // ล้อเล่นค่ะ
เรื่องนี้เล่าโดยพระเอกหรือนายเอกน้อ ยังไม่มีใครออกมาแสดงตัว
คงต้องรอตอนต่อไป แม้ว่ากลิ่นจะมาแล้วก็เถอะ

ดร.ธันวา ไม่ได้อะไรกับกิ่งใช่มั้ยคะ แค่รู้สึกผิดที่ไม่ได้ห้ามใช่มั้ย // แต่ก็ไปกับมัจจุราชแล้วเนาะ คงไม่กลับมาแล้ว
นอกจากจะฝังอยู่ในจิตใจส่วนลึกของ ดร.ธันวาเองนั่นแหละ // นี่ต้องตั้งหม้อเติมน้ำตั้งแต่บทนำเลยป่ะคะ
รตีนี่ก็แค่ลูกศิษย์...ใช่มั้ย

เกือบจะเปิดแก๊ซแล้ว แต่มาเจอซีนทึ้งหัวกับกลิ่นปลาเค็มนี่ ฮาเลยนะ
อยากรู้จริงๆว่าเจ้าของสปาเก็ตตี้ปลาเค็มรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง
โอ้ยยยย อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววววว

อ่านเร็วๆเห็นคำผิดที่คงจะพิมพ์รัวไปหน่อย 2-3 คำค่ะ


คนถูกถามค่อยๆคลี่ยิ้มที่พักนี้แทบจะเหือบหายไปจากใบหน้า.  เหือดหาย

มันเป็นดอกไม้ชิดเยวกัน.   เดียว

แต่กลับรู้ว่าอาหารเห็นในวันนี้. เย็น

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
โฃคดีจังเข้ามาเจอเรื่องใหม่พอดี เห็นชื่อคนแต่งปุ๊บเข้ามาอ่านปั๊บ

************

ลึกลับ น่าดูเลย
สงสัยเนื้อคู่อาจารย์ จะอยู่ในคณะละคร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2014 10:43:56 โดย KaorPaor »

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 889
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ติดตามๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หน้ากากดอกไม้ (บทนำ) 03-11-2557 หน้า 1
« ตอบ #9 เมื่อ: 03-11-2014 12:41:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนนี้กำลังทำตัวประหนึ่งโคนัน
เกิคคดีฆาตกรรมในโรงละครสาวประเภทสอง!!!!
55555 แนวเรื่องลึกลับแบบนี้ก็ดีน่ะค่ะ เราจะได้ขอแปลงกายเป็นนักสืบ :hao3: :katai2-1: :hao6:
ติดตามจ้า^^

แก้คำผิดนิดนึง
แม้กาลเวลาจำทำให้กลีบดอกเหี่ยวเฉาก็ตาม>>>> แม้กาลเวลาจะทำให้กลีบดอกเหี่ยวเฉาก็ตาม

ออฟไลน์ GlassesgirL

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1038
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
รอติดตามนะคะ
 :mew1: :L2:

ออฟไลน์ Buppha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • https://m.facebook.com/buppha.manisaeng?refid=13
 :impress2: รอตอนที่ 1  :mew2:ค่ะ อยากให้ธันวารับจัง คึๆ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
น่าสนุก รอติดตามอยู่นะคะ o13

ออฟไลน์ bluecoco

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ปัดหมุดรอ พร้อมซัดสปาเก็ตตี้ปลาเค็ม

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มารออ่านจ้า

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
มาติดตามเรื่องใหม่ ยังเดาไม่ออกจะมาแนวไหน
จำได้สองอย่าง กลิ่นดอกปีบกะกลิ่นปลาเค็ม อิอิ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เข้ามาอ่านเรื่องใหม่ และมาให้กำลังใจคนแต่ง

เริ่มต้นด้วยกลิ่นดอกไม้ ลงท้ายด้วยกลิ่นปลาเค็ม

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
กลิ่นปลาเค็มคละคลุ้ง 555

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
เราสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมเย็นของเรื่องนี้เหมือนกับกลิ่นดอกปีบ
มาแอบขำตรงสปาเก็ตตี้ปลาเค็มนี่ล่ะค่ะ 5555555555

ชอบบุคลิคอาจารย์จังเลยน้า
ถ้าเราเป็นนักศึกษา ก็ยังไม่อยากรีบจบเหมือนกันนะเนี้ย
เดี๋ยวจะเอาดอกปีบมาใส่แจกันให้ทุกวันเลยค่าา ชอบเหมือนกัน  :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หน้ากากดอกไม้ (บทนำ) 03-11-2557 หน้า 1
« ตอบ #19 เมื่อ: 03-11-2014 20:14:26 »





ออฟไลน์ bon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
หวั่นๆ จะมีดราม่าเล็กๆ แต่คนแต่งใจดี คงไม่ปล่อยให้คนอ่านปวดใจหรอกเนอะ

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
อ่านแล้วได้กลิ่นมาม่าลอยมาอ่อนๆ
เอ๊ะ หรือจะเป็นกลิ่นดอกปีปเย็นๆนะ
น่าติดตามมากค่าา
แต่แอยหวั่นใจรัวๆ เพราะกลิ่นมาม่าโชยมา เอาเป็นว่าจะคอยลุ้นต่อไปแล้วกันนะคะ :mew3:

ออฟไลน์ eye-lifestyle

  • พรุ่งนี้ไม่เคยมีจริง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
 :hao7: o13

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เปอดเรื่องมาก็น่าติดตามมากเลยค่ะ อืม...อ่านแล้วอยากกินสตาเกตตี้ปลาเค็มเลยน้า555

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
เห็นชื่อคนแต่งก็รีบพุ่งเข้ามาอ่านทันที
แค่บทนำก็น่าติดตามแล้ว
ตั้งหม้อเปิดไฟอ่อนไว้รอค่ะ

ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
รอๆค่ะ

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
แนวลึกลับ
ตามตามตามตามตาม
รอรอรออรอรอมาต่อนะค่ะ
คนที่อยู่ห้องข้างๆ........
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 1 ยินดีที่ได้รู้จัก




วันนี้เป็นวันศุกร์แห่งชาติเป็นสวรรค์ของมนุษย์เงินเดือนแทบทุกคน บนถนนคลาคล่ำไปด้วยรถรา ส่วนในร้านอาหารก็เต็มไปด้วยบรรดาหนุ่มสาวที่พากันมานั่งดื่มกินฉลองเงินเดือนออก แต่สำหรับ ดร.ธันวา ธิตินาวา กลับเป็นวันที่ไม่อยากจะให้มาถึง ลำพังภาระการสอนก็มากมายจนแทบจะไม่ได้กระดิกตัวไปไหนอยู่แล้ว การประชุมพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับกิจการของคณะก็ยังดันมารวมกันอยู่ในวันนี้ ไม่รู้ว่าเป็นวันมงคลที่สุดในรอบหนึ่งเดือนหรืออย่างไร


ชายหนุ่มเลือกที่จะปฏิเสธการสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ทุกกลุ่มเพื่อพาร่างกายที่ดูเหมือนคนไร้วิญญาณกลับมาที่คอนโด กะว่าจะงีบเอาแรงให้สมใจอยากหากแต่จมูกยังรับรู้ได้ถึงกลิ่นของสปาเก็ตตี้ปลาเค็มตีกับกลิ่นหอมเย็นของดอกปีบที่วางอยู่ตรงหน้า พาให้ในท้องปั่นป่วนเพราะน้ำย่อยที่กำลังหลั่งผสานกับการบีบรัดตัวของกระเพาะอาหารราวกับจะย่อยตัวเองเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่สุดท้ายความเหนื่อยล้าก็มีอำนาจมากพอที่จะทำให้เขาผล็อยหลับไปได้ไม่ยาก


ห้องทั้งห้องเงียบสนิทได้ยินเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่กำลังนอนอยู่บนโซฟา ดินแดนแห่งความฝันอ้าแขนโอบกอดเขาไว้ได้เพียงไม่นาน เสียงกริ่งที่ดังแว่วอยู่ในโสตประสาทก็ทำให้ต้องขยับพลิกตัวด้วยความรำคาญ


หรือนี่จะเป็นความฝัน?


แต่ไม่น่าใช่ พลันหน้าของเจ้าเด็กแฝดวัย 8-9 ขวบที่ชอบวิ่งเล่นกดกริ่งป่วนเพื่อนบ้านก็ลอยขึ้นมาเตือนให้ไม่ไต้องไปใส่ใจเพราะเดี๋ยวเจ้าสองคนนั่นก็คงจะถูกผู้เป็นแม่ตามมาลากตัวกลับไปที่ห้องเหมือนเคย คิดได้ดังนั้นจึงหลับต่อ


ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ กระทั่งเสียงรัวกริ่งจนน่ารำคาญได้ปลุกให้ทำให้เจ้าของห้องตาสว่างขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงผุดลุกขึ้นอย่างหัวเสียก่อนจะย่างสามขุมไปที่ประตู มองผ่านช่องตาแมวออกไปเพื่อดูให้แน่ใจว่าจะใช่อย่างที่ตนเองคิดเอาไว้หรือไม่ ถ้าเป็นเจ้าสองแสบนั่นวันนี้คงต้องไปคุยกับผู้ปกครองให้ช่วยตักเตือนลูก ๆ เสียหน่อย ไม่ใช่ปล่อยไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเช่นนี้ แต่แล้วภาพของชายหนุ่มแปลกหน้าที่กำลังยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ด้านนอกก็ทำให้อารมณ์ฉุนเฉียวคลายลง  ในหัวนึกทบทวนว่าเคยรู้จักอีกฝ่ายมาก่อนหรือไม่ และทันทีที่ประตูเปิดออกธันวาก็ยิ่งแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักกับคน ๆ นี้มาก่อนแน่นอน


“สวัสดีครับ”


เป็นคำทักทายที่ไร้ซึ่งความขัดเขินใด ๆ แถมรอยยิ้มของคนพูดยิ่งเป็นสิ่งย้ำว่าในความรู้สึกของเขาคงไม่มีคำว่า ‘คนแปลกหน้า’ อยู่เลยสักนิด 


ความสูงไล่เลี่ยกันทำให้ดวงตาสองคู่แทบจะอยู่ในระดับเดียวกัน อาจารย์หนุ่มมองสำรวจดวงหน้ารูปไข่รับกับผมเส้นเล็กสีเข้มยาวเลี่ยลำคอ ส่วนที่เหนือหน้าผากขึ้นไปถูกรวบเป็นจุกปัดไปด้านข้างค่อนไปทางด้านหลัง เพื่อไม่ให้ตกลงมาละลูกตา ธันวาขมวดคิ้วหนักรู้สึกขัดตากับภาพที่เห็น หนังยางสีแดงนั่นก็เป็นแบบที่ใช้มัดปากถุงกับข้าว แต่นี่ก็คงจะเข้ากับชุดกางเกงขาสั้นกับรองเท้าแตะที่อีกฝ่ายสวมอยู่ในตอนนี้ที่สุดแล้วกระมัง


“ผมเอาสปาเก็ตตี้มาให้”


เจ้าของห้องจ้องหน้าคนพูดสลับกับสปาเก็ตตี้ที่จัดใส่จานมาอย่างสวยงาม ยอมรับก็ได้ว่ามันหน้าตาดีพอ ๆ กับหน้าตาของคนเอามาให้ ริมฝีปากได้รูปรับกับสันจมูกเชื่อมกับหัวคิ้วไม่หนาไม่บาง ดูเหมือนว่าองค์ประกอบทุกอย่างบนใบหน้านั้นจะเข้ากันอย่างเหมาะเจาะราวกับหุ่นที่ช่างฝีมือดีบรรจงปั้นออกมาอวดสายตาคนทั้งโลก


"หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า" ผู้มาใหม่กล่าวพลางปล่อยมือข้างหนึ่งจากจานก่อนจะยกขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเอง


"ปละ เปล่า" ธันวาละสายตาจากดวงหน้าที่ทำให้ความคิดกำลังเตลิดไปไกลก้มมองไมตรีที่ถูกหยิบยื่นมาให้ สปาเก็ตตี้ปลาเค็มที่ส่งกลิ่นหลอกหลอนเขามาสองวัน กลิ่นของมันปลุกให้พยาธิในท้องร้องคำรามขึ้นอีกครั้ง


“คุณคงงงใช่ไหมว่าผมเอามาให้ทำไม ทั้ง ๆ ที่ผมกับคุณก็ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย”


คนฟังยังคงยืนนิ่งรู้สึกราวกับกำลังโดนอ่านใจ


“ถ้าคุณรับมันไว้ เดี๋ยวเราก็รู้จักกันไปเองนั่นแหละ อย่าคิดมากน่า ผมทำเองไม่มียาพิษหรอก” พูดจบก็ยื่นจานสปาเก็ตตี้เข้ามาใกล้จนขอบจานแทบจะกระแทกกับปลายจมูกจนอีกคนต้องเอียงคอออกห่างแต่มือก็รับไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องเสียน้ำใจ นั่นคือเหตุผลรองต่างหาก เพราะจริง ๆ แล้วถ้าสมองยังคิดดึงดันไม่รับเอาไว้แล้วละก็ กระเพาะอาหารคงจะบีบรัดและย่อยตัวเองประชดเจ้าของร่างกายเสียเดี๋ยวนี้


“ขอบคุณมาก”


“ไม่เป็นไร ผมเพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่กี่วันก็เลยอยากจะผูกมิตรกับเพื่อนบ้านเอาไว้น่ะ” ชายหนุ่มแปลกหน้าคลี่ยิ้มพลางยักคิ้ว แววเจ้าเล่ห์นั่นทำให้ธันวานึกสงสัยจริง ๆ ว่านี่เป็นวิธี ‘ผูกมิตร’ หรือว่า ‘กลบกลิ่นตุ ๆ’ ของปลาเค็มกันแน่


"ผมชื่อคันธชาติ เรียกบุ้งเฉย ๆ ก็ได้ ไม่ต้องถามนะว่าแปลว่าอะไร จะผักบุ้ง หนอนบุ้งหรือตัวบุ้งอะไรก็ได้แล้วแต่คุณจะเข้าใจเถอะ ผมชินแล้ว"


ร่างสูงพยักหน้า แต่ยังไม่ทันอ้าปากแนะนำตัวเอง หนุ่มห้องตรงข้ามก็ร้องห้ามขึ้นมาก่อน


"ไม่ต้อง ๆ พี่แววที่เป็นแม่บ้านบอกผมแล้ว"


นั่นทำให้ธันวาต้องค่อย ๆ กลืนสิ่งที่เขากำลังจะพูดลงคอทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี


"อืม...เดี๋ยวนะ ขอนึกก่อน" คันธชาติถูปลายคางมนพลางมองไปตามทางเดินทางปีกซ้าย "ห้องที่อยู่ใกล้บันไดหนีไฟชื่อพี่แก้ว เป็นแม่บ้านมีลูกแฝด ถัดมาชื่อคุณพงศ์เทพเป็นวิศวกร ส่วนห้องทางปีขวานั่น...เป็น...”


“พริตตี้” 


“เอ้อ ใช่ ๆ เป็นพริตตี้ ชื่อน้องบิวตี้สวยสมชื่อจริง ๆ” คนพูดยิ้มกริ่ม ในขณะที่ธันวาได้แต่แอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ดีเหลือเกินที่ชั้นที่เขาอยู่มีคนอยู่แค่นี้ ไม่เช่นนั้นคงต้องนึกกันยันเช้า


“ส่วนคุณ...ชื่อ...”


ไม่ได้มีอะไรเลยแต่เจ้าของชื่อกลับรู้สึกลุ้น


“ปลายปี?”


“ธันวา”


“ก็เดือนสุดท้ายของปีไม่ถูกเหรอ”


“ก็ธันวาไง”


“อ่ะ ๆ ธันวาก็ธันวา ว่าแต่คุณมีชื่อเล่นไหม”


“ธัน”


“อืม คุณธัน คงไม่ต้องเรียกพี่หรอกนะ เพราะผมเกิดช้ากว่าคุณแค่ปีเดียวเอง”


คนฟังขมวดคิ้วฉงน นี่เขารู้ได้อย่างไรกัน?


“นี่คุณรู้อายุผมเหรอ แล้วรู้ได้ยังไง”


“นับเส้นหน้าผากมั้งคุณ แบบนับเส้นวงปีของต้นไม้อะไรทำนองนี้”


คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาคนถามนึกอยากจะวิ่งเข้าห้องไปส่องกระจก นี่เขาแก่ขนาดนั้นเชียวหรือ


“ฮ่า ๆ ดูทำหน้าเข้า ผมล้อเล่น ผมเคยเห็นคุณในหนังสือพิมพ์ต่างหาก”


“หนังสือพิมพ์?”


“ใช่ ก็ที่คุณให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เรื่องการเสียชีวิตของนักศึกษาเมื่อเดือนก่อนไง เป็นคนดังเลยนะคุณ” คนหน้าระรื่นไม่ได้รู้เลยว่าคำพูดของตนเองกำลังฉุดรั้งความรู้สึกผิดที่ธันวาพยายามจะทิ้งมันไว้กับกาลเวลาให้กลับคืนมาสู่ห้วงความคิดอีกครั้ง


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ดร.ธันวา ธิตินาวา”


เจ้าของชื่อมองตามหลังชายหนุ่มที่กำลังเดินหันหลังกลับเข้าไปในห้อง ทันที่ประตูปิดลง คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นภายในใจ


‘ถามผมสักคำหรือยังว่าผมยินดีที่ได้รู้จักคุณหรือเปล่า?’



คันธชาติเดินยิ้มกริ่มเข้ามาในห้องก่อนจะเดินออกไปยืนที่ระเบียงชมทิวทัศน์ยามค่ำของกรุงเทพฯ  และแล้วภารกิจในการทำความรู้จักเพื่อนบ้านของเขาก็สำเร็จด้วยดีภายในระยะเวลา 2  วัน คำสอนของแม่เมื่อสมัยเด็กที่ว่าคนเราต้องรู้จักการแบ่งปันเป็นคาถาอย่างดี จากนี้ไปถ้าวันไหนอยากกินสปาเก็ตตี้ปลาเค็มของโปรด ก็คงทำกินได้อย่างสบายอกสบายใจไม่ต้องกลัวจะถูกบ่นว่าเป็นตัวต้นเหตุสร้างกลิ่นรบกวนคนอื่น เพราะทุกคนต่างก็โดนปิดปากด้วยเมนูโปรดของเขาเสียแล้ว


ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาวมองตามแสงไฟระยิบระยับที่เคลื่อนช้าไปตามแนวถนน ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันหนึ่งจะต้องเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแสนวุ่นวายนี้ ความที่อยู่กับต้นไม้ใบหญ้ามาตั้งแต่เด็ก เขาจึงเลือกเรียนในคณะเกษตรที่มหาวิทยาลัยมีชื่อทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากเรียนจบปริญญาโทสาขาธุรกิจการเกษตรก็กลับมาช่วยงานทางบ้าน จะมีโอกาสเข้ากรุงเทพฯ ก็แค่ประเดี๋ยวประด๋าวเฉพาะตอนที่ครบกำหนดตรวจบัญชีของร้านก็เท่านั้น ซึ่งร้านที่ว่าก็คือร้านทานตะวันเป็นร้านค้าผลิตผลทางการเกษตรในเครือฟาร์มแสงฉานธุรกิจของครอบครัวนั่นเอง


การเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัวไม่ได้ทำให้ ‘คันธชาติ ณ แสงฉาน’ นายน้อยแห่งฟาร์มชื่อดังของปากช่องกลายเป็นอภิสิทธิ์ชนหรือได้รับการเลี้ยงดูผิดแปลกไปจากคนอื่น เขาก็เหมือนกับลูกคนงานที่ต้องเรียนรู้ทุกกระบวนการในฟาร์ม  แต่ที่ใคร ๆ มักจะพากันเอาอกเอาใจนายน้อยผู้นี้ก็คงเป็นเพราะความมีน้ำใจและนิสัยขี้เข้ากับคนง่ายของเขา ซึ่งทั้งหมดนี้คงต้องยกความดีความชอบให้นายทินกฤตและนายหญิงบุปผาที่คอยให้คำอบรมสั่งสอน


คันธชาติเดินกลับเข้ามาในห้องก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา พลิกดูภาพข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ตัดเก็บเอาไว้ในแฟ้มเอกสารตั้งแต่เมื่อหนึ่งเดือนก่อน มันเป็นข่าวการเสียชีวิตของนักศึกษาสาวผู้หนึ่ง สาเหตุการเสียชีวิตก็คือเธอพลัดตกจากดาดฟ้าของโรงละครหลังจากขึ้นไปยืนท่องบทบนนั้น ภาพเล็ก ๆ ที่มุมบนขวามือซึ่งเป็นภาพถ่ายหน้าตรงของเธอชวนให้ปวดใจทุกครั้งที่ได้เห็น ชายหนุ่มไล่ปลายนิ้วไปบนรูปภาพพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ อดคิดไม่ได้ว่าพญามัจจุราชช่างใจร้ายเหลือเกินที่ทำให้ดวงตาสุกสกาวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าต้องปิดลงตลอดกาลแบบปัจจุบันทันด่วนชนิดที่ใคร ๆ ก็ไม่ทันได้ตั้งตัว แต่กระนั้นตัวเขาเองก็พยายามจะเข้มแข็งแม้ว่านี่จะเป็นการเสียเพื่อนรักไปก่อนเวลาอันควรก็ตาม 


(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2014 10:54:34 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)



“แม่ครับ บุ้งกลับมาแล้ว” เด็กชายเนื้อตัวมอมแมมวิ่งหน้าเริ่ดตามกลิ่นหอม ๆ ของกับข้าวที่แม่ทำเข้ามาในครัว แต่เมื่อร่างเล็กหลุดพ้นกรอบประตูก็สะดุดกึกกะทันหัน ยิ้มแหย ๆ ทันทีที่เห็นว่าแม่กำลังยืนมองมาอย่างคาดโทษ


“นี่ไปเล่นซนมาอีกแล้วใช่ไหมถึงได้มอมแมมแบบนี้”


“บุ้งไปช่วยพ่อเอาต้นปีบลงดินมาต่างหาก ไม่ได้เล่นซนสักหน่อย (แต่จริง ๆ ก็มีบ้างนั่นแหละ)”


นายหญิงของบ้านโคลงศีรษะน้อย ๆ พลางมองลูกชายวัยเก้าขวบอย่างรู้ทัน ในช่วงปิดเทอมแบบนี้ถ้าเด็กชายคันธชาติ หรือ ‘เจ้าบุ้ง’ ไม่ออกไปเที่ยวเล่นป่วนคนงานในฟาร์มก็จะขลุกอยู่กับผู้เป็นพ่อที่คอกม้าทั้งวัน จะบ่ายหน้ากลับบ้านอีกทีก็จวนมืดหรือไม่ก็เมื่อท้องหิว และก็มักจะมีแผลฟกซ้ำเลือดตกยางออกให้แม่ต้องปวดหัวอยู่บ่อยครั้ง


“อืม...ถ้าอย่างนั้นวันนี้แม่จะให้รางวัลเด็กดีที่ช่วยพ่อทำงานด้วยการทำสปาเก็ตตี้ปลาเค็มให้ทานดีไหม”


“ดีครับแม่” หนุ่มน้อยกระโดดโลดเต้นเมื่อรู้ว่าจะได้กินของโปรด


“แต่ลูกต้องเอากับข้าวที่แม่ทำไปให้ที่บ้านคุณลุงพิพัฒน์ก่อนตกลงไหม”


เด็กชายไม่รีรอที่จะตอบตกลงเมื่อนึกถึงคุณลุงใจดีที่มักจะมีขนมติดไม้ติดมือมาฝากทุกครั้ง ลุงพิพัฒน์เป็นข้าราชการต่างถิ่นที่ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่ปากช่องตั้งแต่เมื่อประมาณ 5  ปีก่อน เมื่อคิดว่าจะตั้งรกรากที่นี่ก็มองหาที่ดินเหมาะ ๆ เพื่อทำการเกษตรซึ่งน่าจะช่วยคลายเหงาได้ในปั้นปลายของชีวิต ด้วยความที่เป็นมือใหม่แต่สนใจเรื่องต้นไม้ เวลาที่มีเรื่องที่ไม่เข้าใจลุงพิพัฒน์ก็มักจะแวะเวียนมาปรึกษาหรือขอความรู้จากพ่อของเขาซึ่งยึดอาชีพเกษตรกรมาตั้งแต่รุ่นคุณตาคุณยายอยู่เสมอ เมื่อสองคนที่ต่างก็สนใจในเรื่องเดียวกันได้โคจรมาพบกัน มิตรภาพจึงเกิดขึ้นตามมา


“ตกลงครับแม่”


“ถ้าอย่างนั้นลูกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน ขืนไปแบบนี้ลุงพิพัฒน์กับป้ากาญจน์คงตกใจแน่ ๆ เดี๋ยวแม่ตักกับข้าวใส่ปิ่นโตไว้รอ”


เด็กชายบุ้งพยักหน้าก่อนจะหายขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้านและกลับลงมาอีกครั้งกลิ่นหอมฟุ้งของแป้งเด็กกับผมเผ้าที่หวีเสียเรียบแปล้ทำเอานายหญิงบุปผาอดยิ้มไม่ได้


“นี่แม่ให้เอากับข้าวไปส่งบ้านลุงพิพัฒน์นะ แต่งหล่อยังกับจะไปจีบสาว” พูดจบผู้เป็นแม่ก็ยกมือขึ้นประคองสองแก้มของลูกชายพร้อมกับเกลี่ยแป้งฝุ่นที่ติดเป็นปื้นอยู่กับข้างแก้มอย่างเบามือ “ทาแป้งเสียหน้าขาวเลย”


“ไม่ได้หรอกแม่ เดี๋ยวบุ้งโดนกิ่งล้อ กิ่งน่ะชอบล้อว่าบุ้งน่ะมอมแมมเป็นหนอนบุ้ง เป็นตัวบุ้งบ้างละ จนเดี๋ยวนี้เพื่อน ๆ ในห้องพากันเรียกตามหมดแล้ว”


“จ้ะ ก็บอกเพื่อนไปสิว่าพ่อตั้งให้ มาจากผักบุ้ง ไม่ใช่หนอนบุ้ง”


“ไม่ทันแล้วละแม่” เด็กชายเกาหัวแกรกพลางมองร่างบางของแม่ที่กำลังเดินไปหยิบน้อยหน่าผลโตใส่ถุง มันเป็นผลไม้พันธุ์ดีของปากช่องและเป็นผลผลิตสุดท้ายของช่วงปีนี้ที่พ่อเพิ่งเก็บมาเมื่อวาน หมดจากนี้กว่าจะได้กินอีกทีก็นับไปอีกหกเดือน


“ทำไมเราไม่เก็บไว้กินเองล่ะแม่ นี่ห้าลูกสุดท้ายแล้วนะครับ”


บุปผามองลูกชายที่กำลังทำหน้าสงสัยก่อนจะกล่าวอย่างอ่อนโยน “เราต้องรู้จักแบ่งปันนะบุ้ง บ้านลุงพิพัฒน์เขาไม่มีน้อยหน่าทาน แต่บ้านเราน่ะอีกแค่หกเดือนมันก็ออกมาใหม่แล้ว”


“ถ้าลูกอยากมีเพื่อนลูกก็ต้องรู้จักผูกมิตร รู้จักแบ่งปัน เหมือนกับที่ลูกเล่าให้แม่ฟังว่ากิ่งแบ่งขนมให้ลูกไงจ๊ะ”


‘กิ่ง’ หรือ ‘เด็กหญิงกิ่งดาว’ ก็คือลูกสาวของลุงพิพัฒน์กับป้ากิ่งกาญจน์ เธอเคยตามผู้เป็นพ่อมาที่ฟาร์มเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาที่ฟาร์มแสงฉานอีกเลย คันธชาติจะมีโอกาสได้พบเธอก็ตอนที่เดินสวนกันในโรงเรียนเท่านั้น เพิ่งจะได้เรียนร่วมห้องกันเมื่อเทอมที่ผ่านมานี่เอง และเขาพบความจริงที่ว่าถึงกิ่งดาวจะเป็นเด็กผู้หญิงแต่เธอก็ทะโมนไม่แพ้เด็กผู้ชายเลยสักนิด


เด็กชายตัวน้อยปั่นจักรยานไปตามทางดินมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของฟาร์มซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านไม้สีขาวสองชั้นซึ่งแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ บุ้งจอดจักรยานที่นอกรั้วก่อนจะกดกริ่งที่หน้าบ้าน ไม่นานเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับเขาก็เดินออกมาพร้อมกับแม่ของเธอ


“หนอนบุ้ง!” สาวน้อยร้องขึ้นอย่างตื่นเต้น


เจ้าของชื่อยกมือไหว้ป้ากิ่งกาญจน์ภรรยาของลุงพิพัฒน์ ก่อนจะส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมห้องที่ตั้งแต่โรงเรียนปิดเทอมก็ไม่ได้พบกันเลย


“แม่ให้บุ้งเอากับข้าวกับน้อยหน่ามาให้ครับ” พูดจบก็ส่งปิ่นโตเถาใหญ่กับถุงใส่น้อยหน่าให้


“ขอบใจนะจ๊ะบุ้ง เนี่ยกิ่งบ่นถึงบุ้งทุกวันเลย ป้าว่าจะพาแวะไปที่ฟาร์มก็ไม่ได้ไปสักที”


“กิ่งเหงาเหรอ” เด็กชายหันไปถามคนที่กำลังยืนเกาะมือแม่ไม่ห่าง


คนถูกถามจี้จุดขมวดคิ้วทำแก้มป่อง รู้สึกว่ามันเป็นการเสียฟอร์มเล็กน้อยหากจะยอมรับความจริง แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะตอบในสิ่งที่ตนเองคิด “เหงาสิ อยู่บ้านไม่รู้จะทำอะไรดี”


น้ำเสียงอ้อมแอ้มของลูกสาวทำให้ผู้เป็นแม่อดสงสารไม่ได้ แม้สามีจะขอให้เพียงแค่ทำหน้าที่เลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน แต่สุดท้ายเธอก็ยังรับงานตัดเย็บเสื้อผ้ามาทำแก้เหงาในระหว่างวันที่ลูกต้องไปโรงเรียน ยิ่งปิดเทอมเช่นนี้งานตัดเย็บเสื้อผ้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจนเธอแทบจะไม่มีเวลาปลีกตัวไปไหน เด็กหญิงดาวจึงต้องอยู่บ้านทั้งวันไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเหมือนลูก ๆ ของคนอื่น ๆ และเพราะเป็นเด็กผู้หญิงหากจะปล่อยให้ออกไปเล่นนอกบ้านคนเดียวก็อดเป็นห่วงเรื่องงูเงี้ยวเขี้ยวขอไม่ได้ 

 
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้บุ้งมารับกิ่งไปเล่นที่ฟาร์มได้ไหมครับป้ากาญจน์” สิ้นเสียงของเพื่อนรัก กิ่งดาวก็เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่อย่างรอคำตอบ


กิ่งกาญจน์คลี่ยิ้มน้อย ๆ พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะของลูกสาวอย่างเอ็นดู “ได้สิจ๊ะ แต่อย่าชวนกันทำอะไรโลดโผนนักนะ” 
เมื่อได้ยินดังนั้นเด็ก ๆ ต่างก็รับคำอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะจับเกี่ยวแขนกันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ


วันต่อมานายน้อยแห่งฟาร์มแสงฉานก็ทำตามสัญญาที่เขาได้ให้ไว้ เด็กชายหนอนบุ้งปั่นจักรยานมารับเด็กหญิงกิ่งดาวตั้งแต่เช้า เช้ากว่าเวลาที่ปลัดอำเภออย่างพิพัฒน์จะออกไปทำงานเสียอีก ส่วนเด็กหญิงกิ่งดาวเองก็ตื่นนอนพร้อม ๆ กับเสียงไก่ขัน จัดการอาบน้ำแต่งตัวกินข้าวกินปลาก่อนจะมานั่งชะเง้อมองออกไปที่นอกรั้วจนผู้เป็นแม่อดแซวไม่ได้ว่าตอนจะไปเที่ยวไม่เห็นต้องให้แซะกันออกจากที่นอนเหมือนตอนไปโรงเรียนเลยสักนิด


เด็กหญิงในชุดเอี๊ยมขาสั้นกระโดดขึ้นซ้อนท้ายจักรยานที่ไม่รู้ว่าคนขี่จะพาเธอไปไหน รู้แต่ว่ามันต้องสนุกแน่ ๆ ดวงตาเป็นประกายทอดมองลำแสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่ลอดผ่านช่องว่างระหว่างปุยเมฆสาดแสงอาบยอดหญ้าเนเปียร์ที่ปลูกเอาไว้สำหรับเป็นอาหารสัตว์บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ รถบรรทุกน้ำคันใหญ่กำลังเคลื่อนไปตามทางดินที่ขั้นระหว่างแปลงปลูก ละอองน้ำเล็ก ๆ จากปลายสายยางต้องกับแสงอาทิตย์ทำให้เกิดเป็นสายรุ้งสีสวย สร้างความตื่นเต้นให้กับสองหนูน้อยจนต้องชี้ชวนกันให้หยุดดู แม้ตอนนี้ต้นหญ้าเนเปียร์ในแปลงจะมีความสูงแค่ระดับเข่าแต่อีกไม่นานมันก็จะเติบโตขึ้นจนสูงท่วมหัวพวกเขาทั้งสองและสามารถตัดไปเลี้ยงวัวนมรวมถึงสัตว์อื่น ๆ ในฟาร์มได้   

     
“เราจะไปไหนกันน่ะบุ้ง” คนนั่งซ้อนท้ายเอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบ ๆ เมื่อรู้สึกไม่คุ้นตากับเส้นทางที่เพื่อนพามาในวันนี้


“เราจะพากิ่งไปดูลูกม้าตัวใหม่ของพ่อที่โรงเลี้ยงม้า”


“ลุงทินได้ลูกม้ามาใหม่เหรอ”


“ใช่ เพิ่งมาถึงเมื่อวานน่ะ สีขาวทั้งตัวเลยนะ”


“สีขาวทั้งตัวเลยเหรอ กิ่งตื่นเต้นจัง อยากเห็นเร็ว ๆ” พูดจบเด็กหญิงก็ใช้มือเล็ก ๆ ของเธอตบลงบนแผ่นหลังเจ้าของจักรยานเพื่อเร่งให้เขาออกแรงปั่นไปให้ถึงที่หมายโดยไว


ในที่สุดจักรยานคันเล็กก็มาหยุดสนิทที่หน้าโรงเลี้ยงม้า เด็กชายบุ้งจัดการจอดจักรยานพิงไว้กับรั้วไม้สีขาวที่โอบล้อมทุ่งหญ้าสีเขียวซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับเลี้ยงโคนม ก่อนจะเดินนำเพื่อนรักเข้าไปดูม้าตัวใหม่ที่เจ้าตัวภูมิใจนำเสนอ


เสียงร้องของเจ้าสัตว์สี่เท้าตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ในอาณาเขตของตนเองทำให้เด็กหญิงกิ่งดาวที่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกรู้สึกตกใจจนต้องหลบหลังคนเดินนำ แต่แล้วมืออุ่น ๆ ของเพื่อนรักที่กุมมือเธอเอาไว้ก็ทำให้ความกลัวหายเป็นปลิดทิ้ง บุ้งจูงมือกิ่งไปที่หน้าคอกของเจ้าม้ารุ่นที่ยืนเคี้ยวหญ้าอย่างสบายอารมณ์ ขนของมันเป็นสีขาวสะอาดตาราวกับนุ่นที่แม่ยัดใส่ในหมอนข้าง อดคิดไม่ได้ว่ามันจะนุ่มเหมือนกันไหม


“ลองจับสิกิ่ง” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อเด็ก ๆ หันกลับไปมองก็พบร่างสูงในชุดเอี๊ยมที่สวมทับเสื้อเชิ้ตสีเข้มอีกทีหนึ่ง รอยยิ้มที่เป็นมิตรนั้นแทบจะเป็นเครื่องหมายประจำตัวของชายคนนี้ ผู้ที่ทุกคนในฟาร์มแสงฉานเรียกเขาว่า ‘นายใหญ่’ หรือ ‘นายทินกฤต’ นั่นเอง


“จับได้เหรอคะลุงทิน ไม่กัดเหรอคะ”


“ไม่กัดหรอก มันใจดี” พูดจบทินกฤตก็เดินอ้อมหลังเด็ก ๆ มาเกาะเหล็กปิดหน้าคอก เอื้อมมือลูบที่คอของเจ้าม้าเบา ๆ มันส่ายหัวไปมาก่อนจะพ่นลมออกมาจากปากกระพือส่งเสียงชวนขันจนเด็ก ๆ พากันหัวเราะชอบใจ


เด็กหญิงกิ่งดาวมองตามมือตัวเองที่กำลังถูกรั้งด้วยมือของคนมาด้วยกัน ในที่สุดฝ่ามือของเธอก็สัมผัสลงบนสันจมูกที่ปกคลุมด้วยขนหยาบของเจ้าม้าหนุ่มซึ่งมันยืนนิ่งราวกับรูปปั้นยอมให้จับแต่โดนดี


“มันยืนนิ่งเลยค่ะลุงทิน” เด็กหญิงละล่ำละลัก


“ลุงบอกแล้วว่ามันใจดี เดี๋ยวรอไว้กิ่งโตกว่านี้จะให้เจ้าบุ้งมันพาขี่”


“จริง ๆ นะคะลุงทิน”


“จริงสิ กิ่งอยากไปไหนก็บอกให้เจ้าบุ้งมันพาไปได้เลย” ทินกฤตกล่าวพลางโอบไหล่ของลูกชายก่อนจะโยกเบา ๆ จากนั้นจึงขอตัวไปดูคนงานปรับหน้าดินสำหรับปลูกทานตะวันท้ายฟาร์ม


...


“อีกหน่อยเราจะพากิ่งขี่เจ้าปุยฝ้ายให้รอบฟาร์มเลย” เด็กชายบุ้งกล่าวขณะที่ทั้งสองคนพากันเดินออกมาจากโรงเลี้ยงม้า


“ปุยฝ้าย? ชื่อลูกม้าเหรอ”


“ใช่ เราตั้งชื่อมันว่าปุยฝ้าย”


“ชื่อตลกจัง” เด็กหญิงหัวเราะคิก ก่อนจะทวนสัญญา “จริงนะที่บอกว่าจะพาขี่เจ้าปุยฝ้ายน่ะ”


“อื้อ จริงสิ” เด็กชายกล่าวก่อนจะมองเด็กหญิงที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจเขาอีกแล้ว เธอกำลังก้มมองบางสิ่งที่เพิ่งตกลงบนศีรษะ ในที่สุดก็พบว่ามันคือดอกไม้เล็ก ๆ สีขาวที่เพิ่งจะปลิดปลิวหลุดจากขั้วเพราะแรงลมกลางฤดูฝน


กิ่งก้มลงหยิบดอกไม้ดอกนั้นขึ้นมาดูอย่างพิจารณา ดอกเล็ก ๆ แต่กลับส่งกลิ่นหอมเย็นชื่นใจเหลือเกิน “เขาเรียกดอกอะไรน่ะบุ้ง หอมจัง”


“เขาเรียกว่าดอกบีปน่ะ ต้นมันอยู่ข้างคอกม้านี่เอง ไปดูไหม”


คนถูกถามพยักหน้าก่อนจะเดินตามนายน้อยแห่งฟาร์มแสงฉานไปยังต้นไม้ใหญ่ที่กำลังออกดอกสีขาวราวกับโคมระย้า ส่งกลิ่นหอมอบอวลยามเมื่อสายลมพัดผ่าน


“ที่ท้ายฟาร์มน่ะมีอีกเต็มเลยนะ แต่ว่ายังเล็กอยู่ เราเพิ่งไปช่วยพ่อเอาลงดินมาเมื่อวาน อีกไม่กี่ปีรอให้มันโตกว่านี้หน่อย คงส่งกลิ่นหอมไปถึงบ้านกิ่งเลยละ”


“ดีจัง บ้านบุ้งมีดอกไม้ด้วย แถมยังหอมอีกต่างหาก”


“เอาไปปลูกบ้างไหม เดี๋ยวเราบอกพ่อให้แบ่งไปให้”


“ไม่ได้หรอก แม่เราแพ้เกสรดอกไม้น่ะ”


“อืม อย่างนั้นหรอกเหรอ ถ้าปลูกไม่ได้ กิ่งก็มาที่บ้านเราบ่อย ๆ สิ เราจะเก็บไว้ให้”


“มาได้บ่อย ๆ จริงเหรอ”


“จริงสิ อยากมาเมื่อไรก็ได้ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา”


ตั้งแต่วันนั้นมาเด็กหญิงกิ่งดาวก็มักจะมาเล่นที่ฟาร์มแสงฉานบ่อย ๆ จนกระทั่งทั้งสองคนสนิทกันชนิดที่พวกคนงานต่างก็เอาไปลือกันว่าอีกหน่อยลูกสาวข้าราชการกรมการปกครองผู้นี้แหละจะเป็นนายหญิงของฟาร์มแสงฉานต่อไป


เด็กสองคนค่อย ๆ เติบโตทุกวันเหมือนกับต้นปีบที่ถูกปลูกเอาไว้ที่ท้ายฟาร์ม เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ยืนต้นสูงใหญ่ออกดอกส่งกลิ่นหอมอบอวล ในขณะที่มิตรภาพระหว่างเพื่อนก็ส่งกลิ่นหอมหวานจนใคร ๆ ที่ได้สัมผัสพากันชื่นอกชื่นใจไปตามกัน   


คันธชาติเอนหลังพิงพนักโซฟาพลางเหม่อมองไปบนเพดานที่มีแต่ความว่างเปล่า ภาพของเด็กหญิงจอมแก่นเพื่อนเล่นในวัยเยาว์ยังคงชัดเจนอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำเสมอแม้ว่าตออนนี้เธอจะจากเขาไปไกลแสนไกลแล้วก็ตาม ได้แต่ภาวนาว่าตอนนี้เพื่อนรักคงจะมีความสุขอยู่ในที่ของเธอ ส่วนตัวเขาเองก็สัญญาว่าจะทำหน้าที่ของเพื่อนให้ดีที่สุดแบบที่เคยให้คำมั่นสัญญากันเอาไว้



...


เสียงรัวกดกริ่งที่หน้าประตูทำให้ความคิดต้องหยุดลงเพียงเท่านั้น


“กดกริ่งยังกับที่บ้านไม่มี” ชายหนุ่มกล่าวอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินมาที่ประตู เมื่อมองจากช่องตาแมวก็ไม่เห็นว่าจะมีใครสักคน ร่างสูงถอนใจเมื่อคิดว่าคงมีใครเล่นตลกแน่ ๆ ดังนั้นเขาจึงจะเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม แต่แล้วเสียงกริ่งที่หน้าประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง คันธชาติพรวดพราดลุกขึ้นเพราะทนรำคาญไม่ไหว


ทันทีที่เปิดประตูออกไปเขาก็พบกับความว่างเปล่า ที่ทางเดินปราศจากสิ่งมีชีวิตใด ๆ นอกจากแบคทีเรียในอากาศ ทั้งที่จากโซฟาวิ่งมาถึงตรงนี้ก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน แล้วคนกดกริ่งหายไปไหน? คิดมาถึงตรงนี้ก็ทำเอาเสียวสันหลังวาบ แต่ก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้อง ประตูห้องฝั่งตรงข้ามก็ค่อย ๆ แง้มออก ชายหนุ่มเจ้าของห้องตรงข้ามโผล่หน้าออกมามองซ้ายมองขวาก่อนจะถอนหายใจยาว หน้าตางัวเงียเหมือนคนเพ่งตื่นนอนทำให้รู้ว่าเขาคงนอนหลับไปแล้วแต่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงกดกริ่งเช่นกัน


ธันวายืนเกาะประตูเกาหัวแกรกก่อนจะหันมาสบตาคนที่กำลังยืนแข็งเป็นหินอยู่ฝั่งตรงข้าม หน้าซีด ๆ นั่นชวนหัวหัวเราะเสียเหลือเกินผิดกับคนช่างพูดที่เอาสปาเก็ตตี้มาให้เมื่อชั่วโมงก่อนลิบลับ แต่อาจารย์หนุ่มก็พยายามเก็บอาการเอาไว้ (ทั้งที่รู้สึกสะใจเล็ก ๆ)


“ไม่ต้องกลัว ไม่ได้โดนผีหลอกหรอก ฝีมือเจ้าแฝดนรกลูกชายพี่แก้วนั่นแหละ”


“ไม่ได้โดนผีหลอกแต่โดนเด็กแกล้งสินะ” คนพูดพยักหน้าเข้าใจเรื่องราวแปลกประหลาดถูกเฉลย ตาคมหรี่ตาลงเมื่อเห็นหลังไว ๆ ของเจ้าสองคนที่ว่า แต่กระนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะแอบผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก นึกว่ามาอยู่ได้ไม่นานก็จะเจอกับพลังงานบางอย่างเข้าเสียแล้ว


“เดี๋ยวก็ชิน โดนแบบนี้กันจนชินแล้ว”


“แล้วทำไมไม่มีใครทำอะไรบ้าง"


“ก็เด็ก ๆ น่ะคุณ จะให้ไปมีเรื่องกับเด็กเก้าขวบก็ไม่ใช่เรื่อง อีกอย่างพี่แก้วแกก็เป็นซิงเกิ้ลมัมด้วย ทุกคนก็เลยเกรงใจไม่อยากจะถือสา”


คันธชาติพยักหน้าช้า ๆ นึกถึงสองคนพี่น้องที่เดินสวนกันตรงหน้าร้านสะดวกซื้อเมื่อวันก่อน เห็นหน้าตาน่าเอ็นดูไม่คิดว่าจะแสบไม่ใช่เล่น กล้าแหย่หนวดเสือแบบนี้มันต้องมีเอาคืนกันบ้างแน่ ๆ


“ผมไปนอนก่อนนะ” พูดจบธันวาก็ทำท่าจะผลุบเข้าห้องแต่ก็โดนอีกฝ่ายรั้งเอาไว้ด้วยคำถามสั้น ๆ


“สปาเก็ตตี้อร่อยหรือเปล่า”


“อะ...อร่อย อร่อยดี”


คนถูกถามตอบงง ๆ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะกลับเข้าห้องแต่กลายเป็นตนเองที่ยังคงยืนนิ่งมองประตูห้องตรงข้ามที่ถูกปิดลงแทน อยู่ ๆ ก็รู้สึกร้อนที่ข้างแก้ม สงสัยไข้จะขึ้นเพราะถูกฝนเมื่อตอนเย็น ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ไม่น่าไว้ใจเลยจริง ๆ



....


สวัสดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะคะ

เรื่องนี้ก็คงเป็นไปตามที่หลายคนคาดเดาก็คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับสืบสวนสอบสวน

แต่คงไม่ถึงขนาดตำรวจจับผู้ร้ายค่ะ เดี๋ยวจะต้องเดือดร้อนหาที่ปรึกษาเป็นคุณตำรวจ

คงจะเป็นการค้นหาความจริงแบบงู ๆ ปลา ๆ ตามประสาคนบ้านิยายนักสืบแบบหนอนบุ้งแทนนะคะ

ยังไงก็ฝากติดตามด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ ^^

ปล.ขอบคุณหลาย ๆ คนที่ช่วยทักเรื่องคำผิดนะคะ


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2014 20:04:46 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
บุ้งเป็นเพื่อนกิ่ง คงไม่ได้บังเอิญที่มาพักห้งตรงข้ามอ.ธัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด