ผมไม่ค่อยอยากจะรับรู้สิ่งที่ไอ้แชมป์จะคุยกับเค้าเท่าใดนัก เลยเดินลุกบอกไอ้แชมป์ว่าจะไปห้องน้ำ กะว่าไปล้างหน้าล้างตาด้วย เพราะตอนนี้หน้าตาคงดูไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก ผมเดินมาถึงห้องน้ำ จ้องมองภาพตัวเองในกระจก นี่ทำไมผมถึงอ่อนแอได้ถึงเพียงนี้ ดูทรุดโทรมลงไปอย่างเห็นได้ชัด คงเพราะไม่ค่อยดูแลตัวเอง ไหนจะเรื่องดื่มแอลกอฮอล์อีก ทำให้แก่ไปจมเลยนะเนี่ย จากนี้ไปคงต้องใส่ใจดูแลตัวเองให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเก่า
“มรึงโทรไปคุยกับมันหน่อยไหม”ไอ้แชมป์พูดขึ้นแทบจะทันทีที่ผมกลับไปนั่งข้างๆมัน ผมมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ ก็พอจะรู้ว่าโอเล่คงเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟังแล้ว แต่ทำไมมันถึงคิดว่าผมควรจะโทรไปคุยกับโอเล่กัน
“ถ้ามรึงอยากจะจบจริงๆ ก็ควรบอกควรเคลียร์กับเค้าให้มันเด็ดขาดไปเลย ไม่ใช่หนีแบบนี้มันเหมือนยังอยากให้เค้าตามมาง้อมรึงอยู่”คำพูดของไอ้แชมป์ทำเอาน้ำตาผมเริ่มปริ่มๆ อีกครั้ง นั่นสินะ ผมยังไม่พร้อมจริงๆแหละ ที่ไม่พร้อมคือไม่พร้อมที่จะอยู่โดยไม่มีเค้า
“กรูยังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้ ไว้อีกสักพักกรูจะไปคุยกับเค้าเอง แต่ยังไงเรื่องมันก็ต้องจบอยู่แล้วละ”ผมพูดออกไปตามที่รู้สึก คิดว่าไอ้แชมป์น่าจะรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว
“มรึงโอเคนะ”มือของไอ้แชมป์เอื้อมมากุมมือผมไว้ พร้อมกับมองมาที่ใบหน้าอันเต็มไปด้วยน้ำตาอีกครั้งของผม
“ไม่...ไม่โอเคเลยสักนิด”เสียงตอบพร้อมกับอาการสะอื้นหน่อยๆ ของผมเปล่งออกไปได้แค่นั้น
“ถ้ามันอัดอั้นมากก็ร้องออกมาเถอะ”พร้อมกับกอดผมให้ซบกับไหล่ของมัน คราวนี้เหมือนสิ่งที่อัดอั้นอยู่ข้างในจะพังทลายออกมาจนหมด ผมร้องอย่างไม่อายใคร ถึงจะมีคนผ่านไปมาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สนใจแล้ว มันทั้งเจ็บ ทั้งสับสน ไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว
“จะค้างกะกรูไหมหรือจะกลับ”พอผมกับไอ้แชมป์กลับมาถึงที่พักพิงของไอ้แชมป์มันก็เปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะสภาพผมอาจจะยังไม่พร้อมอยู่คนเดียวเท่าไหร่ ถ้าเป็นคนอื่นเค้าอาจจะอยากใช้เวลาอยู่คนเดียวแล้วคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมา แต่สำหรับผม ผมคิดคนเดียวมานานมากแล้ว และบทสรุปมันอย่างที่เห็นว่าผมไม่เคยสามารถตัดอีกคนออกไปจากชีวิตได้เลย
“ขอรบกวนแล้วกัน”
ไอ้แชมป์ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ก็พยักหน้ารับรู้ในเจตนาของผม ก่อนเราสองคนจะพากันขึ้นไปบนอพาร์ทเม้นท์ ไอ้แชมป์หาเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นที่ผมพอจะใส่ได้มาให้ เพื่อจะได้อาบน้ำชำระร่างกาย ถึงรูปร่างเราจะต่างกันอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก ทำให้ใส่เสื้อผ้าของอีกฝ่ายไม่ยากนัก ผมขออาบน้ำก่อนเพราะรู้สึกเหนียวตัวเหลือเกิน พอผมเรียบร้อยไอ้แชมป์ก็เข้าไปอาบต่อ ดีที่พวกเราแวะหาอะไรทานระหว่างทางเรียบร้อยแล้ว จะได้ไม่ต้องออกไปหาอะไรทานอีก
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็นั่งดูทีวีไปเรื่อยเปื่อย แต่ถึงแม้สายตาจะจ้องมองอยู่บนหน้าจอแต่ในใจมันก็ยังวนเวียนคิดเรื่องอื่นอยู่ดี จากนี้ผมจะทำยังไงต่อไปดี ใช่อยู่ว่าผมต้องตัดขาดจากโอเล่อย่างแน่นอน แต่เวลาที่ต้องพบเจอกันละ ผมจะทนได้ไหม แน่นอนว่ายังไงมันก็ต้องได้เจอกันอยู่แล้ว ถ้าอยากตัดเค้าออกไปจากชีวิตเลยไม่พบ ไม่เจอกันอีกผมควรจะยังไงดี ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูสายที่ไม่ได้รับ เค้าโทรมาหลายสายเหมือนกัน ยังไงผมก็คงต้องคุยกับเค้าอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าผมจะยุติความสัมพันธ์กับเค้าเป็นการถาวร ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะเจอกันอีกเลย เพราะถ้ายังต้องเจอกันอีก คนที่จะตัดไม่ได้มันก็คือผมเอง
“เบียร์อีกหน่อยไหม”เสียงเจ้าของห้องแว่วมาปลุกผมจากห้วงความคิด เป็นคำถามว่าจะดื่มเพิ่มจากที่ชายหาดอีกหรือเปล่า สงสัยไอ้แชมป์เองอยากจะดื่มซะละมั้งเพราะที่อยู่บางแสนมันดื่มไปนิดเดียวด้วยความที่ต้องขับรถ
“เอาสิ”แม้ใครหลายคนจะบอกว่าเวลาแบบนี้แอลกอฮอล์มันไม่ใช่ทางออกหรอกนะ แต่สำหรับผมถือคติที่ว่า “เหล้าไม่ใช่คำตอบ แต่มันช่วยให้ลืมคำถาม” แม้มันจะลืมได้แค่เสี้ยวเวลาก็อยากจะมีช่วงเวลาที่ไม่ต้องจำนั้น
“ไปหยิบมาดิ อยู่ในตู้เย็น เดี๋ยวกรูใส่เสื้อผ้าก่อน”
ผมจัดแจงเบียร์ที่แช่อยู่ในตู้ออกมาสองสามขวด ไอ้นี่ก็แปลกปกติเค้ามีแต่แช่เป็นกระป๋องไว้นี่เล่นยกลังมาไว้ที่ห้อง แล้วทยอยแช่เป็นขวดไว้อีก แต่ก็ดีวันนี้ก็เอาให้มึนๆ เมาๆ หน่อยๆก็ดีจะได้หลับลง ไม่ต้องคิดมาก มีพวกของขบเคี้ยวอีกเล็กน้อยให้ผมหยิบมาใช้เป็นกลับแกล้ม
“มรึงจะเอาไงต่อไป”บทสนทนาเริ่มขึ้นอีกครั้งแม้ผมจะอยากหลีกเลี่ยง แต่ยังไงมันก็คงหลีกไม่พ้นหรอกมั้ง
“มรึงคิดว่ากรูควรทำไง”ผมย้อนถามออกไป ทั้งที่จริงผมก็มีคำตอบของผมอยู่แล้ว แต่ก็อยากรู้ในมุมมองของเพื่อนคนนี้ดูบ้าง
“ก็น่าจะรู้นิว่า กรูไม่ได้เห็นด้วยกับการที่มรึงทำแบบนี้มาตั้งแต่ต้น”นั่นสินะไอ้แชมป์มันก็บอกให้ผมเลิกกับโอเล่ ไม่ก็ให้ผมบอกกับอ้อนตั้งแต่เรื่องราวมันยังไม่มาไกลเท่าตอนนี้ แต่ผมก็ไม่ทำยังกลับให้มันเลยเถิดมาจนถึงตอนนี้
“ไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้ห้ามใช่ไหม”ผมพูดยิ้มๆ ไม่ได้คิดตำหนิเพื่อนหรอก แต่ไม่อยากให้บรรยากาศมันเครียด เพราะเดี๋ยวผมเองนี่แหละจะเริ่มไม่ไหว อาจจะบ่อน้ำตาแตกอีกก็เป็นได้
“ก็มันเป็นชีวิตมรึง มรึงก็ต้องเลือกเองกรูไปบังคับให้มรึงทำอย่างที่กรูคิดไม่ได้หรอก จริงไหม”
“จากนี้กรูคงต้องทำอย่างมรึงแล้วละมั้ง ที่ต้องทำใจมีความสุขกับการได้มองคนที่เรารักมีความสุข”คำพูดที่ไอ้แชมป์เคยพูดกับผมว่ามันเองขอแค่ได้เห็นคนที่มันรักมีความสุขมันก็สุขใจแล้ว ผมหวังว่าผมจะทำอย่างนั้นได้นะ ไม่ช้าก็เร็วผมต้องทำให้ได้
“แค่รักให้เป็นเราก็มีความสุขแล้ว เลือกที่จะเป็นผู้ให้มันย่อมมีความสุขกว่าการที่จะรอเป็นผู้รับอยู่แล้ว”ดูเป็นพ่อพระดีเหลือเกินเพื่อนผม ชักเริ่มอยากจะรู้ขึ้นมาเสียแล้วว่า คุณพ่อพระเนี่ยชอบใครกัน ทำไมไม่เคยเล่าให้ฟังบ้าง
“ถามจริงๆนะ มรึงชอบใครว่ะ”ผมถามออกไป พร้อมกับคิดว่าดีแล้วที่วันนี้ผมค้างกับไอ้แชมป์ เพราะถ้าผมอยู่คนเดียวตอนนี้คงฟุ้งซ่าน อาจจะกำลังร้องห่มร้องไห้อยู่ก็เป็นได้ แต่การได้มีเพื่อนคุยแบบนี้ อย่างน้อยๆก็พอให้เราไม่มีเวลามาคิดฟุ้งซ่านเท่าไหร่
“อยากรู้เหรอ”ผมหันไปตามเสียงของไอ้แชมป์อย่างอยากรู้อยากเห็น ไอ้แชมป์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะถามผมย้ำอีกครั้ง
“อยากรู้จริงๆเหรอ”ผมพยักหน้าอยากรู้เต็มที่
“อยากรู้มากไหม”
“เออ”ผมกระแทกเสียงเมื่อรู้ว่ากำลังโดนกวนประสาทอยู่ ไอ้แชมป์หัวเราะสนุกสนานใหญ่ก่อนจะปรับสีหน้าเข่งขรึม หันมาทางผม พร้อมทำท่าทางจริงจัง ผมเองก็ตั้งใจฟังเต็มที่ อยากรู้มากเหมือนกันนะ ว่าใครกันนะเป็นผู้โชคดีคนนั้นที่เพื่อนผมยอมแม้กระทั่งเป็นฝ่ายที่มองเค้าอยู่ห่างๆ แบบนี้
“อยากรู้ก็ไม่บอกหรอก”แล้วมันก็หัวเราะออกมาเสียงดัง อย่างชอบอกชอบใจ ที่ได้แกล้งผม มันคงอยากให้ผมรู้สึกดีขึ้นมั้งเนี่ย เพราะผมว่าเรื่องของมันเองก็คงเศร้าเหมือนกัน แม้จะบอกว่ามีความสุขแล้วกับการที่ได้เห็นคนที่รักมีความสุข แต่ยังไงในใจมันก็ต้องมีสักนิดแหละ ที่ทำไมคนที่เรารักนั้นไม่มามีความสุขร่วมกับเราแต่เป็นคนอื่น ไม่รู้ไอ้แชมป์มันจะคิดเหมือนผมไหม แต่ผมคงยังทำไม่ได้ 100 % หรอกกับการที่จะเป็นผู้ให้
“อะไรว่ะแค่นี้ก็ต้องปิดกันด้วย เพื่อนกันหรือเปล่านิ”แสร้งทำเป็นไม่พอใจนิดหน่อยครับ เผื่อมันจะยอมเล่าให้ฟังบ้าง ได้สอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นนี่มันก็ช่วยให้หายเศร้าได้เหมือนกันนะเนี่ย
“ที่เรื่องของมรึงกับไอ้โอเล่ถ้ากรูไม่รู้เองมรึงก็คงไม่บอกกรูหรอกใช่ไหม”คำพูดมันทำเอาผมชะงักอีกแล้ว ไม่ใช่แค่ผมหรอกเพราะไอ้แชมป์เองก็คงจะรู้สึกว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้เท่าไหร่
“ก็มันเรื่องไม่สมควรให้คนอื่นรู้นิ”ผมพยายามปรับสีหน้าให้เพื่อนเห็นว่าไม่ถือกับสิ่งที่มันเผลอพูดออกมาหรอก และก็อย่างที่ผมบอก คือเรื่องของผมกับโอเล่มันเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายไม่อยากให้เปิดเผยกับคนอื่น ผมเลยต้องปกปิดไว้
“เรื่องของกรูมันก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นิ”น้ำเสียงที่ฟังดูหม่นๆ ของไอ้แชมป์แสดงว่ามันเองก็อาจจะเป็นทุกข์ใจอยู่เหมือนกันกับเรื่องของมันเอง และมันคงไม่อยากเล่า คนเรามันก็คงมีทางออกของแต่ละคน บางคนอาจจะอยากระบายแต่บางคนอาจจะอยากเก็บไว้คนเดียว อย่างตอนนี้แชมป์มันคงไม่อยากให้ผมรับรู้ ผมก็ต้องเคารพการตัดสินใจของมัน วันนึงที่มันอยากเล่าอยากบอกมันก็คงบอกเอง
“เออๆ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกหรอก กรูไม่ได้จะเซ้าซี้มรึงหรอก อย่ามาตีหน้าเศร้าเหมือนคนอกหัก กรูปลอบไม่เป็นเพราะกรูก็ใจสลายไม่ต่างกัน”ผมพยายามปรับสถานการณ์ไม่ให้ดูตึงเครียด
“โอเค ว่าแต่มรึงอยากรู้ไหมว่าโอเล่มันคุยไรกับกรู”อุตส่าห์ว่าไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วแต่มันก็ยังวกเข้ามาอีกจนได้สิน่า หรือนี่จะเป็นการเพิ่มภูมิต้านทานให้ผมว่าต้องทนกับเรื่องของคนๆนี้ให้ได้
“ไม่อยากรู้ ถ้าอยากรู้ก็ฟังมรึงคุยตั้งแต่ตอนอยู่บางแสนแล้ว”ผมบอกผ่านอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก
“แต่กรูอยากเล่า”อ้าวไอ้นี่จะอะไรของมันอีกเนี่ย
“ไหงงั้น”ผมทำท่าเซ็งๆ แบบมรึงจะเอาไงก็เอาเหอะ มาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่สามารถเจ็บไปมากกว่านี้แล้วละ จะรับรู้อะไรกับเค้าอีกหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก ถึงยังไงตอนนี้ผมก็ยังตัดเค้าไม่ได้ เอาไว้วันไหนที่ผมคิดว่าจะตัดให้ได้อย่างจริงจัง วันนั้นผมหวังว่าจะไม่มีใครเอาเรื่องของเค้ามาเล่าให้ผมฟังอีก แน่นอนวันที่ว่านี้คงอีกไม่นานแล้ว
“มันให้กรูช่วยบอกให้มรึงรีบพร้อมไปคุยกับมันเสียที มันบอกมีหลายเรื่องหลายอย่างที่ อยากจะพูดกับมรึง”งั้นเหรอ หลายเรื่องที่อยากจะคุยกับผม แต่ผมคิดว่าสำหรับผมแล้วมันมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่ยังจะต้องคุยกับเค้า
ผมแหงนหน้ามองเพดานเพราะเหมือนน้ำตามันจะไหลออกมาอีกแล้ว นี่ผมเป็นคนเจ้าน้ำตาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไอ้แชมป์เอื้อมมือมาแตะไหล่ผมเบาๆเหมือนต้องการปลอบประโลม แต่มันช่วยผมได้ไม่มากนักหรอก คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าที่ผมจะทำใจกับเรื่องนี้ได้
“คุยตั้งนาน บอกแค่นี้เองเหรอ”หลังจากที่พยายามกลั้นน้ำตาไว้ได้ ผมก็ปรับสีหน้าให้ดีขึ้น พร้อมกับถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ยังดูสั่นๆ อยู่เล็กน้อย
“อยากให้เล่าต่อจริงเหรอ”ผมได้แต่พยักหน้า และยิ้มบางๆ ให้เพื่อนรับรู้ว่าผมยังไหวน่า ก็ยังมีมันเองนี่นาที่อยู่เป็นเพื่อนผม ไม่คิดเหมือนกันนะว่าผมกับมันจะคบกันมาได้นานขนาดนี้ เพื่อนคนอื่นๆ นี่ห่างกันไปเกือบจะหมดแล้ว นี่แหละมั้งที่เค้าบอกว่าคนเราต้องมีเพื่อนรู้ใจสักคน ผมว่าไอ้แชมป์นี่แหละที่รู้ใจผมที่สุด แต่ไม่รู้ว่าผมเองรู้ใจมันมากแค่ไหนนะ
“ก็ไม่มีไรมากหรอก มันก็พร่ำเพ้อแต่คำแก้ตัวของมันนั่นแหละ ว่าไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ มันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น แล้วก็...”แชมป์หยุดเว้นระยะก่อนจะหันมามองผม เหมือนจะพูดต่อ แต่กลับหันไปยกเบียร์ดื่ม แล้วไม่เล่าต่อซะงั้น
“แล้วก็...อะไรเล่า”แม้ผมจะพอรู้ว่าโอเล่จะพูดอะไรทำนองนี้ แต่ว่ามันมีอะไรอีกเหรอที่แชมป์มันไม่ยอมพูด
“มันบอกว่ามันรักมรึงจริงๆ”ไอ้แชมป์พูดแล้วก็ดื่มอีก ไอ้แชมป์มันคงกำลังคิดว่าโอเล่ไม่ได้รักผมจริงๆ อย่างที่พูดแน่ๆ ส่วนผมนะเหรอ มันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคำคำนี้มันคือความจริง หรือแค่ลมปากของคนที่โกหกจนเป็นนิสัย ผมเคยเห็นเค้าโกหกอ้อน ต่อหน้าต่อตาผม แล้วคำที่เค้าพูดกับผมเล่า เค้าจะไม่เคยโกหกผมบ้างรึไง แต่คำนี้ผมก็ยังยอมโง่คิดว่ามันคือความจริงมาตั้งนานนี่เนอะ
“งั้นเหรอ”ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกระลอกใหญ่ จนตอนนี้เริ่มตึงๆ บ้างแล้วละ เพราะดื่มมาตั้งแต่บางแสน จนมานั่งดื่มอยู่นี่อีก ผมว่าแอลกอฮอล์นี่มันเป็นตัวเร่งน้ำตาหรือเปล่านะ เพราะเหมือนยิ่งดื่ม ยิ่งกลั้นไว้จะไม่ไหว แต่ตอนนี้ยังไม่เมามีสติดี นี่ถ้าเมาสงสัยผมบ่อน้ำตาแตก เขื่อนทลายอีกแน่ๆ
“แล้วมันไม่เคยบอกกับมรึงรึไง ทำไมต้องมาบอกผ่านกรูด้วย”ท่าทางเหมือนไอ้แชมป์จะไม่ชอบขี้หน้าโอเล่มากกว่าเดิมเสียละมั้งเนี่ย ปกติก็ไม่ค่อยชอบอยู่แล้วยิ่งมาเป็นแบบนี้ มันคงยิ่งเจ็บแค้นแทนผมเลยมั้งเนี่ย
“ช่างเหอะ มันจะพูดอะไรตอนนี้มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว จริงไหม”ผมยกแก้วชนกับกับไอ้แชมป์
“ฉลองความโสดกันดีกว่า คราวนี้กรูก็โสดเป็นเพื่อนมรึงแล้ว”ผมกระเซ้าไอ้แชมป์อีกรอบให้มันผ่อนคลายขึ้นบ้างเพราะเห็นมันยังขรึมๆ ไม่โต้ตอบกับผม
“มรึงเคยไม่โสดด้วยเหรอ”คำพูดของไอ้แชมป์ทำผมสะอึกอีกแล้วนะ ตอกย้ำเหลือเกินนะกรูอุตส่าห์จะผ่อนคลายบรรยากาศแล้วนะ ยังไม่ยอมเลิกอีก
“อ้าว ไอ้นี่ พอได้แล้ว เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า วันนี้เรามาเมาให้ลืมทุกอย่างไปเลยดีกว่า พรุ่งนี้ตื่นมากรูก็จะเป็นคนใหม่ ไม่เหลือไอ้แฟ้มผู้โง่เขลาอีกแล้วละ”ผมบอกอย่างยิ้มแย้ม ผมต้องเริ่มเข้มแข็งได้แล้ว พยายามบอกตัวเองเอาไว้ แม้จะยังทำไม่ได้ก็เถอะ แค่พยายาม สักวันมันคงทำได้แหละน่า จริงไหม
“มีอีกเรื่องที่โอเล่มันบอกกรู”
“กรูบอกว่าพอแล้ว”ส่งสายตาขวางๆให้มันรู้สึกว่าผมไม่อยากฟังอีกแล้วจริงๆ พอสักที
“อันนี้สุดท้ายแล้ว สำคัญมาก”ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย เริ่มจะไม่เข้าใจกับมันแล้ว ว่าเพื่อนผมจะอะไรกันอีก เหมือนจะช่วยปลอบ แต่ก็เหมือนจะตอกย้ำให้เจ็บ หรือมันต้องการให้ผมระลึกได้เสียที ว่าผมต้องทนทรมานมานานแค่ไหนกับผู้ชายคนนี้ และถึงเวลาที่ต้องเจ็บแล้วก็คงต้องเจ็บให้ถึงที่สุดก่อนจะจบทุกอย่างไว้แค่นั้น เจ็บครั้งเดียวให้พอ อย่าได้เก็บไปเจ็บอีกเป็นอันขาด
“สุดท้ายแน่นะ”อดที่จะมีน้ำเสียงตำหนิไม่ได้เพราะ เริ่มไม่ค่อยอยากคุยเรื่องนี้แล้ว
“มันบอกว่าฝากกรูดูแลมรึงด้วย”ไอ้แชมป์วางแก้วเบียร์ก่อนจะหันมามองผมนิ่ง ผมมองแววตาที่เพ่งมายังผมอย่างไม่เข้าใจมันเท่าไหร่ โอเล่จะมาฝากมันดูแลผมทำไม แล้วจู่ๆ ไอ้แชมป์ก็ขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จนจะชิดอยู่แล้ว ก่อนจะจับมือผมไปกุมไว้
“ให้กรูดูแลมรึงนะ”หมายความว่ายังไงกัน ทำไมมันทำอะไรแปลกๆ แบบนี้สายตาที่ยากจะเข้าใจนั้นยังคงมองมาที่ผม อย่างกับว่ารอคอยคำตอบอะไรบางอย่าง
“กรูว่ามรึงเมาแล้วป่ะเนี่ยไอ้แชมป์ กรูดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องมีใครมาดูแลหรอก โตขนาดนี้แล้ว พูดแปลกๆ เมาใช่ไหมเนี่ยมรึง”ผมพูดออกไปอย่างพยายามที่จะไม่คิดอะไร พยายามจะคิดว่าเพื่อนผมแค่เมามันไม่ได้มีอะไรแอบแฝง แต่ไอ้แชมป์ก็ยังคงเงียบอยู่พักใหญ่ จนผมเริ่มชักจะอึดอัด
“สงสัยกรูจะเมาจริงๆ ละมั้ง งั้นกรูไปนอนก่อนแล้วกัน”อยู่ๆ มันก็ปล่อยมือผมลุกออกไปดื้อๆ ตกลงวันนี้มันเป็นไรของมันเนี่ย
ผมเก็บข้าวของจนเรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าห้องนอนตามเพื่อนไป ไอ้แชมป์นอนอยู่ฝั่งนึงของเตียงซึ่งกว้างพอที่ผมจะนอนอีกฝั่ง ไม่รู้มันหลับไปรึยังแต่ผมก็นอนลงอย่างเบาที่สุด ซึ่งก็คงไม่เบาพอเพราะจากที่ไอ้แชมป์นอนตะแคงอยู่หันมานอนหงาย ก่อนผมจะรู้สึกได้ว่ามือของมันมาจับมือผมไว้
“ยังไม่หลับเหรอ”ผมเอ่ยออกไปเบาๆ ซึ่งแตกต่างจากแรงบีบมือที่คนข้างๆผมกระทำต่อมือของผมที่เหมือนจะแรงขึ้นเรื่อยๆ
“รู้ไหมมรึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกรูเลยนะ”เป็นคำพูดที่มาจากใจจริงของผม ไม่มีใครจะหวังดีกับผมมากไปกว่ามันอีกแล้วนอกจากพ่อกับแม่ของผม แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะเจ็บมือเพราะแรงบีบของมันเสียแล้ว
“แชมป์...”ผมเรียกชื่อพร้อมกับหันหน้ามองคนที่อยู่ข้างๆ แม้มันจะมืดแต่ผมก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายก็มองผมอยู่เหมือนกัน
“นอนเถอะ ง่วงแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้ตื่นมาอย่าลืมเป็นคนใหม่นะ”ไอ้แชมป์บอกเพียงเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือผมพร้อมกับหันหลังให้ผม ผมมองแผ่นหลังนั้นอยู่เพียงครู่เปลือกตาก็ปิดลง
---------------------------------------
ดูๆ แล้วตัวเอกเรื่องนี้คงโดนหมั่นไส้กันยาวๆ เลยทีเดียว 555
แวะมาต่อคร๊าบบบบ ถ้าไม่ได้ไปไหนช่วงนี้ก็คงมาต่อเรื่อยๆ ทุกวันนะคร๊าบบบบ มาติดตามกันได้