“ เต้ย”
“ อ้าวพี่”
น้องรหัสผมทำหน้างงๆตอนที่เห็นผมมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
“ จะกลับแล้วเหรอ”
“ ครับพี่”
“ กูไปส่ง..” ไอ้เต้ยมันยิ้มน้อยๆรับคำ จนผมอดยิ้มตามไม่ได้มันคงไม่รู้ว่าหน้าตาท่าทางของมันน่ามองขนาดนี้ แก้มมันขาวๆเวลางงๆก็ดูมึนๆน่ารักไปอีกแบบ จะว่าไปมันก็ตลกดี
“ ไปสิ”
“ เดี๋ยวครับ”
“ หืม”
“ พอดีของเอ่อ ผมหาของแป๊บนึงครับ ไม่รู้ว่าลืมไว้ตรงไหน” มันทำหน้ายุ่งๆมองไปมองมา
“ หาอะไรหล่ะกูช่วย”
“ คือ..” มันยิ้มแหยๆ “..ร่มหายหน่ะครับ ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ไหน เมื่อกี้ก็อ่านหนังสืออยู่แถวๆนี้”
“ ร่มมึงเหรอ”
“ ก็เอ่อ..” มันพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ สายตาก็สอดส่องไปเรื่อยเพื่อหาของท่าทางว่ามันจะหวงไอ้ร่มนั่นจริงๆเพราะดูมันร้อนใจไม่เบา
“ กูว่ามึงลืมไว้ที่อื่นรึเปล่า นี่ก็หาทั่วห้องมาสามสี่รอบแล้วนะไม่เห็นเจอเลย”
“.....” มันทำหน้าหงอยลง “ ไม่เจอก็ไม่เป็นไรครับพี่ ขอบคุณที่ช่วยผมหานะพี่ที”
“ จะไม่หาแล้วเหรอ”
“ ไม่ต้องแล้วก็ได้ครับ” มันทำหน้าหงอยๆอีกครั้ง “..มันคงหายไปแล้วจริงๆ”
“ เอาเถอะวันนี้กลับไปก่อน ถ้ามันหล่นอยู่แถวนี้เจ้าหน้าที่เค้าคงจะเก็บเอาไว้ให้ วันนี้กลับก่อนเถอะเดี๋ยวกูไปส่ง”
“ ครับ”
ฝนข้างนอกยังตก
ผมกับน้องรหัสยืนมองสายฝนที่ตกลงมาอีกครั้งทั้งๆที่เวลานี้ก็เย็นย่ำแล้ว พวกเราใช้ชายคาของหอสมุดกลางเพื่อบังฝนอยู่สักพักก่อนที่มันจะซาลงไปบ้าง ผมจึงแตะศอกน้องให้ออกเดินโดยมีกางร่มซึ่งเอาติดกระเป๋ามาตั้งแต่เช้า
แต่ร่มมันมีขนาดไม่ใหญ่มากจึงบังได้แค่คนเดียวเพราะจะให้ผู้ชายสองคนไปยืนเบียดกันในร่มก็ยังไงอยู่ แต่มันก็ยังอุตส่าห์มีน้ำใจเขยิบไปริมๆเพื่อให้ผมเข้ามาในร่มได้ เรายิ้มให้กันก่อนจะออกเดินไปเรื่อยๆ ถึงแม้ระยะทางจากหอกลางกับหอในจะไม่ไกลกันมากเดินไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงแล้ว ระยะมันสั้นจนผมนึกอยากจะทอดเส้นทางให้ยาวออกไปไกลๆเพื่อให้เราเดินเคียงคู่กันไปอย่างนี้
“ เห้ย”
“.....”
“ ระวัง”
รถคันหนึ่งขับมาไม่เร็วนักแต่มันดันเหยียบผ่านแอ่งน้ำจนมันกระเด็นมาโดนคนที่สัญจรไปมาตรงฟุตบาท เหมือนเป็นสัญญาณอัตโนมัติเพราะผมพลิกตัวยืนหันหลังบังน้ำสกปรกที่จะกระเด็นมาโดนมัน มือทั้งสองข้างผมโอบเอวน้องเอาไว้ ใบหน้าเราห่างกันแค่คืบ เนื้อตัวเราแนบชิดจนรู้สึกได้ถึงอาการสั่นสะท้านของอีกฝ่าย
“ มึงเปียกตรงไหนรึเปล่า”
“ เปล่าครับ แล้วพี่..” มันมองสำรวจไปทั่วตัวผมพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ ตกใจเหรอ”
“ ครับ”
“ ไม่เป็นไรนะ...” ผมมองหน้าน้องตรงๆ
“...ตราบใดที่กูยังอยู่รับรองว่ามึงจะปลอดภัย”ผมโน้มใบหน้าไปจูบขมับน้องเบาๆ
.......
.......
อีกแล้ว
ใจผมมันส่งสัญญาณว่ากำลังเจ็บปวดอีกแล้ว
ผมยืนกำร่มในมือแน่น ร่มที่ผมให้มันไป แต่สุดท้ายผมเห็นมันหล่นอยู่กับพื้นตรงหน้าตึกหอกลาง ผมไม่อยากเดาว่ามันจงใจลืมหรือไม่อยากเก็บเอาไว้ หรือบางทีมันอาจจะแค่ทำหล่นไว้ก็ได้
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเท่ากับภาพตรงหน้า มันเดินเคียงข้างมากับพี่รหัสมันท่าทางคนทั้งคู่ยิ้มแย้มมีความสุข ทั้งคู่เดินอยู่ในร่มคันเดียว พี่รหัสมันเคยยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับผมเมื่อเช้า ตำแหน่งที่เคยเป็นของผมบัดนี้มีใครบางคนมาแทนที่แล้ว
หมดแรง เป็นความรู้สึกผมตอนนี้ แข้งขาทั้งสองราวกับถูกหมุดตรึงไม่ให้ขยับเขยื้อนไปทางใด จึงได้เฝ้ามองคนทั้งคู่โน้มใบหน้าเข้าหากันแบบนี้โดยไม่มีสิทธิ์ใดๆไปกระชากมันมาเพื่อให้อยู่เคียงข้างกัน
ไม่มีสิทธิ์ใดๆเลย
มันเห็นผมแล้ว ตอนที่มันผละจากพี่รหัสซึ่งเดินลับไปแล้ว มันเห็นผมยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นจามจุรีต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่บังแดดบังฝน มันเดินมาหาผมก่อนจะทำหน้าดีใจเมื่อเห็นของในมือผม
“ ร่ม”
“......”
“ มึงไปเห็นที่ไหนเหรอ” มันทำเสียงตื่นเต้นต่างจากผมที่แค่นยิ้มตอบ
“ หล่นอยู่หน้าหอกลาง”
“ ว่าแล้วเชียว..” มันตบอกทำหน้าดีใจก่อนที่สีหน้ายิ้มแย้มมันจะเจื่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าของผม “...มึงเป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า”
“....”
“ จ๊อบมึง อื้อ..”
ปากมันปิดสนิทเพราะปากของผม
มันคงตกใจไม่น้อยจนลืมขัดขืน ผมจึงได้โอกาสประกบปากมันจนแน่นสนิท ผมยอมรับว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันไม่ควรแต่ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ครั้งนี้ผมอาจหาญใช้ลิ้นเลาะไปตามขอบปากของมันก่อนจะกดจูบย้ำๆจนผมเผลอเปิดรอยแยกตรงขอบปากออก
“ ยะ อย่า”
มันห้ามผมเสียงกระเส่าพร้อมกับเบี่ยงตัวหนี แต่ผมใช้เรี่ยวแรงที่มากกว่าโอบรัดมันไว้แล้วใช้ลิ้นเกี่ยวกวัดลิ้นร้อนๆของมัน มันถอยหลังหนีผมเหมือนกับลิ้นของมันที่เบี่ยงหลบไปมา ทั้งที่มันหลบไม่พ้น
สุดท้ายมันจึงหยุดนิ่งให้ผมบดจูบอยู่นาน
“ พอแล้ว”
ตอนที่ผมถอนริมฝีปากออกแล้วโน้มใบหน้าลงไปอีกครั้ง มันจึงดันแผ่นอกผมไว้ มันหอบน้อยๆริมฝีปากแดงก่ำทั้งยังบวมเจ่อราวกับโดนผึ้งต่อย
“ ขอโทษ”
“ มึงเอาเปรียบ...” มันหรุบตามองพื้น “...มึงเอาเปรียบคู่ต่อสู้อย่างพี่ที”
พี่ที
พี่ทีงั้นเหรอ
มึงแคร์พี่รหัสมึงถึงขนาดนี้เลยหรือเต้ย
“ ขอโทษ กูขอโทษที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ กูไม่ปฏิเสธหรอกว่าสิ่งที่ทำมันผิด แต่กูกล้ายอมรับว่ากูอยากจูบมึงจริงๆ” “ ทำไม..”
“ กูมันเห็นแก่ตัว กูเอาเปรียบมึง...” ผมแค่นยิ้ม “...แต่กูทนไม่ได้ที่เห็นคนที่กูรักอยู่กับคนอื่น โดยที่กูไม่มีสิทธิ์จะหวงห้ามเลยด้วยซ้ำ”
“ คงน่าสมเพชมากสินะ ใกล้กันแค่นี้แต่กูไม่มีสิทธิ์จับต้องมึงเลย น่าสมเพชจริงๆ”
“ จ๊อบ” มันเงยหน้ามองผมแววตามันสั่นระริก
“ ไม่เป็นไร”
ไม่เป็นไรอะไรหล่ะ
ไม่เป็นไรทำไม
“ ไม่เป็นไรแต่ทำไมกูเจ็บที่ใจชิบหายเลยวะ”
“ ในหัวกูเต็มไปด้วยคำถามมากมาย กูอยากรู้แต่กูไม่กล้าพอที่จะถามมึง”
“.....”
“เคยมีสักครั้งมั้ยที่มึงแคร์กูมากกว่าพี่รหัสมึง” “.....”
มันยืนเงียบ
เป็นความเงียบที่ชวนอึดอัดและเจ็บแปลบๆ
ผมยิ้มทั้งน้ำตา เป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนเหลือเกิน
“ กูเข้าใจแล้ว”****มาแล้วๆ วันนี้มาดึกหน่อยค่ะเพราะเพิ่งปั่นเสร็จเมื่อกี้ ยังไงเช็คคำผิดให้ด้วยนะจ๊ะ
ว่าแต่ตอนนี้จะสงสารใครดีเนี่ย โอ้ย คนดีก็ดีคนนี้ก็เคยรัก อุ้ยเลือกไม่ถูก

นึกว่าตัวเองเป็นน้องเต้ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ คอนเฟิร์มและยืนยันคำเดิมว่า NO 3P จ๊ะ
รักแท้ต้องมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นแหล่ะตัวเทอ คริคริ
ว่าแต่ทีมจ๊อบว่าไงจ๊ะ เศร้าม่ะ ปลอบนางด่วน

ทีมพี่ทียังอยู่ดีตัวเทอ รายงานตัวด้วยจ้า

ปล. บอกล่วงหน้าค่ะว่าอาจจะหายไปสักอาทิตย์ถึงสองอาทิตย์ ช่วงนี้งานรนตูด ฮ่าๆ
บายค่ะเจอกันตอนหน้า
