ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59  (อ่าน 772784 ครั้ง)

ออฟไลน์ เกรียนเหมียว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 อยากอ่านตอน ที กับเบียร์อ่ะ  สลับสนุนให้กลับไปรักกัน 5555

ออฟไลน์ evilheart

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-3
อ่านมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ไม่ว่าเต้ยจะเลือกใคร ก็เป็นสิทธิ์ของคนเขียน 555
แต่เหมือนอดีตของพี่ทีจะกลับมา ไม่แน่ใจว่าชื่อ เบียร์หรือเปล่า เพราะมันประจวบเหมาะจริงๆ
ที่เบียร์รู้ว่าทีเป็นคนทุ่มเท และเพื่อนทีก็บังเอิญเจอแฟนเก่าของที
รอดูรอชมรออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อย่าไปใจอ่อนนะ....

เรายังทนได้เลย ตั้งหลายปี

ให้มันอดทนซ่ะบ้าง  หึหึ

สู้ๆนะเต้ย

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
มารอค่ะ คำว่าเข้าใจแล้วของจ๊อบ
เป็นไปในทิศทางไหน
จะอดทนสู้ต่อไปเพื่อให้เต้ยเอนมาทางตน
หรือจะหลีกทางเพื่อให้เต้ยมีความสุขกับคนที่เลือก
(กรณีที่จ๊อบเข้าใจว่าเต้ยเลือกพี่ทีแล้วนะ)

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17








        ยกที่ 15 : สี่เศร้า





          “ กูเข้าใจ”
          มึงเข้าใจว่ายังไง


          “ กูเข้าใจแล้ว”
          มึงเข้าใจอะไรหล่ะ


          “ กูเข้าใจแล้ว”

          มึงเข้าใจผิดรึเปล่า ความหมายของคำว่าเข้าใจแล้วของมันหมายถึงอะไรผมก็ไม่อาจรู้ได้ ผมรู้แค่ว่ามันพูดจบประโยคแล้วมันก็เดินหายลับไปพร้อมกับหอบเอาความรู้สึกบางอย่างที่เสียดแทงจิตใจผมอย่างแรง ในตอนนั้นผมได้แต่ยืนนิ่ง ยืนอยู่อย่างนั้น ยืนมองจนมันหายลับไป



        มันเข้าใจว่าอะไร

        มันเข้าใจจริงรึเปล่า

         ผมถอนหายใจกวาดสายตามองไปรอบบริเวณตึกวิทยาศาสตร์ชั้นหนึ่งซึ่งปกติของทุกๆวันผมจะเห็นมัน แต่นี่สองวันแล้ว สองวันที่ผมไม่เห็นหน้าค่าตามันเลยด้วยซ้ำ สองวันนับจากวันที่มันบอกผมว่าเข้าใจแล้ว


        ....มึงไม่เข้าใจอะไรเลยต่างหากจ๊อบหรือถ้ามึงเข้าใจมึงคงเข้าใจผิดแล้วไม่งั้นมึงคงไม่หายไปแบบนี้....


        จะบอกว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้แต่ผมไม่สามารถตอบคำถามมันตอนนั้นได้จริงๆ ทำไม่ได้จริงๆ จะให้ผมตอบว่าผมแคร์มันมากกว่าพี่รหัสงั้นเหรอ จะบอกให้มันดีใจว่าผมเอนเอียงมาทางมันงั้นเหรอ ถ้าผมทำอย่างนั้นจริงๆคนที่เขาเป็นห่วงเป็นใยและคอยให้กำลังใจผมในวันที่ไม่เหลือใครอย่างพี่ทีจะรู้สึกยังไง



        ผมเห็นแก่ตัวใช่มั้ยที่ไม่บอกมันไปว่า แท้จริงแล้วทั้งคู่สำคัญกับผมเท่าๆกัน

        ผมเห็นแก่ตัวใช่มั้ยที่ไม่เลือกที่จะปล่อยมือใครบางคน เพื่อรักษาใจของอีกคน

        แล้วหัวใจผมหล่ะ

        ผมถอนหายใจอีกครั้งมือกระชับกระเป๋าเป้ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น พร้อมกับกวาดสายตามองไปโดยรอบแล้วตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ผมเองก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรกันถึงไป


        ผมยืนนิ่ง

        “ ไอ้จ๊อบมันไม่สบาย ไข้แดกนอนอยู่คอนโดมาสองวันแล้ว”



         คำตอบจากไอ้เต็ปเพื่อนสนิทของมันบอกตอนที่ผมไปเลีบงเคียงถามมัน ท่าทางไอ้เต็ปดูรีบร้อนไปเรียนมันเลยหยุดคุยกับผมได้ไม่นาน “ นี่ถ้าวิชานี้ไม่ใช่แล็ปกูคงไปเฝ้ามันแล้ว เมื่อคืนแม่งไข้ขึ้น ถามไปถามมาแม่งตอบว่าไปเดินตากฝนเมื่อสองวันก่อน”



       เหรอ

       มันตากฝนงั้นเหรอ

       ผมเม้มปากแน่นและนิ่งคิดอย่างใช้ความคิด

      ไอ้เต็ปมันวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นตึกเรียนไปแล้ว แต่ผมยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น มันไม่สบายเดินตากฝนและวันเวลาที่มันหายไปคือมันนอนป่วยอยู่



       มันล้มหมอนนอนเสื่อเพราะผมใช่มั้ย ผมกำกระเป๋าแน่น กระเป๋าเป้ที่มีร่มคันหนึ่งซุกตัวอยู่ในนั้นรอวันที่ผมจะคืนให้เจ้าของ แต่เจ้าของมันดันป่วยเพราะเอาร่มนี้มาให้ผมยืม ผมควรจะต้องรับผิดชอบอะไรใช่มั้ย ยังไม่ทันที่ผมจะตัดสินใจอะไรเสียงเรียกของเพื่อนที่คณะทั้งสี่อันประกอบไปด้วย พิมพ์ ดาว ว่านและแท็คก็โบกมือเรียกอยู่อีกฝั่ง ผมมองซ้ายมองขวาข้ามถนนไปหาพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างที่ชวนให้เพื่อนทั้งสี่ทำหน้างุนงงก่อนจะพยักหน้ารับรู้แล้วผมจึงเดินกึ่งวิ่งไปยังรถป๊อปสายหนึ่งที่จะเวียนออกไปส่งที่บีทีเอสสยาม


      “ เราโดดเรียนนะวันนี้”



     ..........

     ..........






        ผมเงยหน้าขึ้นมองคอนโดหลายสิบชั้นเบื้องหน้าที่ไม่ได้มาเหยียบย่างเดือนกว่าแล้ว ผลสูดลมหายใจเข้าลึกๆและก้าวหน้าไปเบื้องหน้าเพื่อกดลิฟท์ชั้นที่ต้องการ ยามประจำคอนโดมองหน้าผมเหมือนจำได้ก่อนที่แกจะยิ้มให้ ผมว่าแกคงแปลกใจที่ผมหายไปนานเพราะเมื่อก่อนผมมาที่นี่ทุกอาทิตย์ จะไม่ให้คุ้นยังไงไหวในเมื่อทุกเสาร์อาทิตย์คอนโดแห่งนี้เป็นที่สิ่งสถิตไม่ต่างจากหอในเลยด้วยซ้ำ



     ...ก๊อกๆ...

     ...ก๊อกๆ...



        ผมเคาะประตูห้องมันแทนการกดออด และรออยู่นานพอสมควรก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากคนที่อยู่ข้างใน ความนิ่งเงียบนั่นทำเอาผมอดใจหายไม่ได้

       เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า

       ...ก๊อกๆ...



       ผมลองเคาะประตูอีกครั้ง พร้อมๆกับที่กดโทรศัพท์เตรียมโทรออกไปยังหมายเลขของมัน แต่ยังไม่ทันผมจะได้โทรออกเสียงเคลื่อนไหวหลังประตูก็ดังขึ้น


       “ มาแล้วๆ”

       ผมยืนอึ้ง

       ผมมองสำรวจใบหน้าคนตรงหน้าที่ไม่ใช่เจ้าของห้องแน่นอน  ร่างสูงตรงหน้าบ่งบอกถึงความเป็นบุรุษเพศแน่นอนแต่ใบหน้าที่สวยหวานตรงข้ามกับเพศตัวเองทำเอาผมชะงัก ได้แต่ยืนอึ้งหรือว่าผมเคาะห้องผิด ผมเอี้ยวตัวไปมองหมายเลขห้องที่ติดอยู่ตรงหน้าประตูแล้วขมวดคิ้วนิดๆ ก็ใช่นี่น่า


       เหมือนว่าคนตรงหน้าจะยิ้มๆใบหน้าที่สวยหวานจนผมยังอายยืนกอดอกนิ่งพร้อมกับยิ้มนิดๆ คราวนี้ผมเกาศีรษะยิ้มแหยๆ ก่อนจะรวบรวมสติ

       “ เอ่อ”

       “ เข้ามาก่อนสิ”

       “..ผม” ผู้ชายหน้าสวยตรงหน้ายักไหล่ก่อนจะเบี่ยงตัวเองหลบเปิดทางให้ผม

       “ มาหาไอ้จ๊อบไม่ใช่เหรอ”

       “ ครับแล้ว...” แล้วพี่เป็นใครเป็นสิ่งที่ผมอยากรู้แต่ถ้าออกไปคงเสียมารยาท

       “ พี่ชื่อเบียร์เป็นลุงรหัสไอ้จ๊อบมัน”

       “ อ๋อ”

       จำได้ว่าไอ้จ๊อบมันเคยเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกันว่ามีลุงรหัสหน้าตาจิ้มลิ้มแต่ไม่นึกว่าจะจิ้มลิ้มได้ขนาดนี้ ทั้งยังเป็นเพศผู้เหมือนผมด้วย


       “ ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่เบียร์”

       “ เช่นกันน้องเต้ย” ชื่อผมที่หลุดจากปากบางสีสวยราวกับคนสุขภาพดีทำเอาตาโต ยิ่งท่าทางคนตรงหน้าทำเหมือนว่ารู้จักผมเป็นอย่างดียิ่งทำให้ผมมึนงงไปหมด

       “ พี่รู้จักผม”

       “ อ่าหะ..” พี่เบียร์เดินไปปิดประตูก่อนเดินมาแตะศอกผมให้ออกเดินเข้าไปข้างใน “ ยิ่งกว่ารู้จักซะอีก” คราวนี้หันมาขยิบตาใส่ผมด้วย


       “ ฮ่าๆๆ เรานี่ทำหน้างงๆน่ารักดีเนอะ”


       “ แหะๆ” ผมเสลูบหัวตัวเองก่อนจะยิ้มแหย แต่ก็ไม่ลืมที่จะพิจารณาใบหน้าพี่แกอีกครั้ง ...น่ารักฉิบหาย... นั่นเป็นคำที่นึกนิยมในใจแต่ไม่ได้พูดออกไปหรอกเพราะเคยได้ยินมาอีกเหมือนกันว่าเอาเรื่องสุดๆ เห็นหน้าเกาหลีขาวใสอย่างงี้คงเอาเรื่องเหมือนกัน



        “ เต้ยรู้มั้ย...” ผมสะดุ้งตอนที่พี่เบียร์ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆ “..นี่ถ้าไอ้จ๊อบมันไม่เล็งเราไว้นะ เราคงเสียจูบให้พี่ไปแล้ว เล่นมองกันขนาดนี้”



        เหวอ

        ผมเบิกตากว้าง มือที่ถือถุงข้าวต้มอยู่แทบจะร่วงหล่นพื้น

        มือเรียวสวยดับปากผมที่อ้ากว้างอย่างตกใจให้หุบลงพร้อมกับหัวเราะร่วนราวกับถูกใจ
 

       “ พี่ล้อเล่น”

       นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำว่าเป็นคนเอาเรื่อง แม่งเอาเรื่องซะจนผมใจหายวาบเลย

       ผมพ่นลมหายใจแรงๆ ก่อนจะลูบอกตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ ยิ่งผมทำแบบนี้ลุงรหัสของมันยิ่งขำหนักก่อนจะโอบบ่าผมแล้วดันตัวเข้าไปยังห้องโถงนั่งเล่น



       ..โครม..


        เสียงเหมือนอะไรสักอย่างล้มทำเอาผมกับพี่เขามองหน้ากันอย่างตกใจ และพี่แกก็เป็นคนแรกที่วิ่งตรงไปยังห้องนอนเพียงห้องเดียวที่อยู่มุมหนึ่งของห้องชุดคอนโดแห่งนี้โดยมีผมวิ่งตามไปติดๆ


       “ มึงทำอะไรของมึงเนี่ยไอ้จ๊อบ”

       “....”

       “ กูบอกแล้วใช่มั้ยไม่ให้ลุกขึ้นมา”

       “ ก็ผมอยากอาบน้ำนี่พี่”

       “ อาบให้ไข้แดกเหมือนเมื่อคืนรึไง...” น้ำเสียงพี่เบียร์ดูหงุดหงิด “...ไม่รู้จะอยากอาบไปทำไม”

       “ ผมจะออกไปข้างนอก”

       “ อะไรของมึงเนี่ยจ๊อบ ดูสังขารมึงก่อนที่คิดว่าจะไปข้างนอก”



       “ สองวันแล้วนะพี่...” เสียงมันแผ่วลง “...ผมจะเอาข้าวไปให้เต้ย ไม่รู้ว่ามันกินข้าวเช้าบ้างรึเปล่าตอนที่ผมไม่สบาย”



       ...ผมจะเอาข้าวไปให้เต้ย...



        ผมยืนนิ่งราว ตรงกันข้ามกับหัวใจที่มันพองฟูแปลกๆ มันนิ่งไปหลังจากพูดจบไม่ต่างจากพี่เบียร์ที่ยืนท้าวสะเอวพร้อมกับขยี้หัวตัวเองอย่างปลงๆ มันยังไม่เห็นผมเพราะผมยืนหลบอยู่ตรงประตูห้องโดยมีแผ่นหลังพี่เบียร์บังอีกที


       “ งั้นมึงไม่ต้องไป...” พี่เบียร์ยักไหล่ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบ มันจึงเห็นผมยืนอยู่เบื้องหน้า มองสภาพมันแล้วได้แต่ถอนใจใบหน้าคมคายดูซีดเผือด ริมฝีปากขาวซีดและปริแตกเป็นขุย ผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับเพิ่งตื่นนอน นัยน์ตาก็แดงก่ำเหมือนมีไข้อยู่
ท่าทางมันดูแย่ แต่ตอนนี้มันกำลังยิ้ม


      “ เต้ย”

      “ กูมาเยี่ยม”

      “......”


        ผมไม่รู้ว่าบรรยากาศตอนนี้เป็นยังไง เรามองหน้ากันแต่ไม่ได้พูดอะไร ผมแค่มองมันนิ่งๆแต่มันกลับยิ้ม เป็นรอยยิ้มของคนป่วยที่พยายามปั้นแต่งให้ดูดี และบุคคลที่สามอย่างพี่เบียร์ก็กระแอมไอพร้อมกับมองคนโน้นที่คนนี้ทีแล้วยักไหล่



      “ แหมๆ หน้ามึงนี่ชื่นเหมือนดอกไม้ได้น้ำเลยเนอะ..” พี่เบียร์หันไปแซวมันซึ่งมันก็แค่ยิ้มรับ

      “ เอ่อ ถ้ายังไงฝากเต้ยดูไอ้จ็อบมันหน่อยนะ พี่จะลงไปซื้อข้าวแป๊บ เต้ยเอาอะไรรึเปล่า”

       “ ไม่เป็นไรครับ แล้วแต่พี่เลย”

        “ แล้วแต่พี่เหรอ” พี่เบียร์ยิ้มนิดๆ “ ได้”


       แล้วพี่แกก็เดินลับไป แต่เหมือนว่านึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนจึงเดินย้อนกลับมา “ฝากเช็ดตัวให้ไอ้จ๊อบด้วยนะ พี่เตรียมผ้าเช็ดตัวกับน้ำไว้ให้แล้ว”

       ผมมองตามทิศทางมือของพี่เบียร์ไปเห็นอ่างใสๆใบขนาดย่อมวางอยู่โดยมีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพับไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ข้างๆกัน


        พี่เบียร์ไปแล้ว

       เหลือมันกับผมสองคน

       ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาผมไม่เคยรู้สึกอึดอัดใจเวลาอยู่กับมันสองต่อสองเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย และมันคงจับได้ถึงความรู้สึกของผม  มันเลยเปลี่ยนจากใบหน้ายิ้มแย้มเป็นสีหน้าที่เจื่อนลงก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นไปยืนอีกฝั่งเพื่อให้ระยะทางของเราไกลกันมากขึ้น

        “ กูไปอาบน้ำก่อน”

        ว่าแล้วมันก็คว้ามาเช็ดตัวมาพาดบ่าก่อนจะเดินหลบไปห้องน้ำ เสียแต่ผมที่นึกบ้าอะไรไม่รู้ถึงชายผ้าเช็ดตัวมันเอาไว้ มันขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือของผมข้างที่จับชายผ้าไว้

        “ มีอะไรรึเปล่าเต้ย”

        “ คือ..” ผมถอนหายใจแรงๆ “ มึงยังไม่หายอย่าพึ่งอาบน้ำเลยนะ”

        “ กูจะหายแล้ว”


         ผมเงยหน้ามองมันตรงๆ ผมไม่รู้ว่าผมใช้แววตาแบบไหนมองมันสุดท้ายมันจึงเบือนหน้าหนีไปทางอื่นก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นเสมือนว่ายอมรับความพ่ายแพ้

       “ โอเค กูยอมมึง”

      มันพูดยิ้มๆ แต่เรียกอาการเกร็งค้างของผมที่นิ่งสนิทราวกับถูกสต๊าฟอยู่กับที่ 


      ...กูยอมมึง... ยอมงั้นเหรอ มันไม่สังเกตอาการประหลาดของผมนอกจากเดินไปหยิบอ่างอาบน้ำมาไว้ใกล้ๆมือแล้งลงมือบิดผ้าชุบน้ำเพื่อเช็ดตัว  ผมยืนมองมันพยายามเอื้อมมือไปเช็ดหลังตัวเองอย่างทุลักทุเล แต่มันก็ยังทำเฉยไม่ร้องขอความช่วยเหลือใดๆ สุดท้ายกลายเป็นผมเองที่ทนไม่ไหวเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาถือไว้



       “ ไม่เป็นไรเต้ย กูทำได้”

       “ ขืนให้มึงทำเอง คงบ่ายโน่นแหละถึงจะเสร็จ..” สีหน้ามันหมองลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบสายตากับผมตรงๆ

       “ กูไม่อยากให้มึงลำบากใจ ถ้ามึงไม่เต็มใจ..” มันลอบกลืนน้ำลาย “...กูไม่อยากให้มึงอึดอัดเวลาอยู่ตามลำพังกับกู”

       “........”

       “ มึงเป็นกูเหรอจ๊อบ”

       ผมอดสวนกลับไปไม่ได้


       บรรยากาศระหว่างเราจึงดูเงียบงันจะได้ยินก็แค่เสียงลมหายใจ และเสียงบิดผ้าให้หมาดๆ ผมก้มหน้าก้มตาเช็ดแผ่นอกมันไปโดยที่เราไม่มีคำพูดใดๆระหว่างกัน ผมรู้ว่าตลอดเวลาที่ผมทำความสะอาดร่างกายให้มันอยู่นั้นมันเองก็ลอบสังเกตผมอยู่เหมือนกัน


       ผมไม่รู้ว่าบทสนทนาระหว่างเราควรจะเป็นไปในแนวไหน

       ผมไม่รู้ว่าการคุยกันแบบสนิทใจเหมือนเมื่อก่อนมันหายไปนานแค่ไหนแล้ว

       ผมทำตัวไม่ถูกเวลาที่มันมองผมตรงๆ

       ผมรู้ดีว่าแววตาที่มันมองผมไม่เหมือนเดิมแล้ว


        ทุกอย่างดูขัดเขินไปหมด ผมรู้สึกเหมือนคนหูอื้อตาลาย การเคลื่อนไหวของมือเป็นไปตามจังหวะของร่างกายแต่สติและความนึกคิดดูล่องลอยไปแสนไกล


        ผมหันกลับไปบิดผ้าอีกครั้งเป็นรอบสุดท้าย แต่แรงโถมที่โอบกอดผมจากด้านหลังทำเอาผมเกร็งค้าง ยิ่งปลายคางของมันวางตั้งอยู่ตรงบ่าของผมนั่นยิ่งทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก ผมเหมือนคนสิ้นเรี่ยวแรงแม้แต่จะป้องกันตัวเอง

       “ ปล่อยเถอะจ๊อบ”

       “.....”

       “ แป๊บเดียว...” เสียงมันกระซิบอยู่ใกล้ใบหู “...กูขออยู่แบบนี้แป๊บเดียว”


       แป๊บเดียวช่างแต่เหมือนเป็นเวลาที่ยาวนาน


        ผมเหมือนคนอ่อนล้าจึงยอมให้มันโอบกอดจากด้านหลังอยู่อย่างนั้น ผมได้ยินเสียงหัวใจของมันที่เต้นอย่างแรงอยู่เบื้องหลัง ผมได้ยินเสียงลมหายใจของมันดังคลอเคลียอยู่ใกล้ใบหูของผม  ผมรู้สึกถึงอาการสั่นเทาของวงแขนมันพักนึง  ก่อนที่มันจะกลายเป็นอ้อมแขนแข็งแรงที่รัดรึงเอวผมไว้    อ้อมกอดของมันดูมีพลังจนแทบจะดูดให้หลังผมได้เอนไปซุกซบ


        “ กูคิดถึงมึง”


       “.......”

       “ มึงรู้มั้ย...” มันกระซิบถามเสียงแผ่ว “...ตลอดสองวันที่กูไม่เห็นหน้ามึง กูไม่เป็นอันทำอะไร กูคิดถึงมึง กูคิดถึงมึงจริงๆ” คราวนี้ไม่ใช่แค่พูดแล้วแต่ริมฝีปากหนาที่ร้อนผ่าวไปด้วยพิษไข้ประทับจูบไล่ตั้งแต่ขมับลงมาเรื่อยจนถึงใบหู และมันคงจะได้สัมผัสแก้มถ้าหากว่าผมไม่เบี่ยงตัวหลบก่อน



        “ กูนึกว่ามึงจะถอดใจ”


       วันนั้นมันบอกผมว่า...มันเข้าใจแล้ว เข้าใจว่ามันคงถอดใจ...ภาพเหตุการณ์วันนั้นสว่างวาบในหัวของคนทั้งคู่ มันแค่ถอนใจแรงๆส่วนผมก้มหน้านิ่ง



       “ กูยอมรับว่าท้อและคล้ายว่าจะหมดแรง  กูพึ่งรู้ว่ามึงใจแข็งเหลือเกิน มึงทำให้กูหมดเรี่ยวแรงได้แค่มึงไม่พูดอะไร และกลับกันมึงทำให้กูมีเรี่ยวแรงและมีหวังได้เพียงแค่มึงยิ้มให้  กูเหมือนเป็นคนบ้า กูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยตอนนี้ กูกังวลใจไปหมดว่าจะทำให้มึงไม่พอใจ กูกลัวว่ามึงจะพูดว่าไม่ให้โอกาสกูแล้ว”



         “.......”

         “ ถ้าวันหนึ่งกูทำให้มึงท้อจนหมดแรงจริงๆ มึงยังจะทนรักกูอีกต่อไปได้เหรอจ๊อบ” ผมถามมัน

         “ กูเคยบอกมึงแล้วไง...” มันยิ้มเศร้าๆ “ ต่อให้มึงไม่เลือกกู กูก็จะสู้ไม่ถอยเพราะกูรู้ว่าจุดหมายปลายทางของกูคือมึง”


         “ สู้ทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสชนะรึเปล่านะเหรอ”



        “ อืม”

        “ มึงมันบ้าจ๊อบ”


       ผมเบือนหน้าหนีไปอยากให้มันเห็นว่าตอนนี้มีน้ำใสๆกำลังคลอหน่วยตาผมอยู่


          “ ใช่กูบ้า เพราะครั้งนี้กูเดิมพันด้วยหัวใจ” มันโน้มใบหน้าลงมาให้อยู่ในระดับกับผมก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาให้ผมเบาๆ “ มีคนบอกกูว่า ถ้าจะสู้ต้องสู้ถึงที่สุดเพราะถ้าแพ้กูจะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่มึง”




        ผมร้องไห้

        ผมสับสน

        ผมทำอะไรไม่ถูก



        เหมือนว่าตอนนี้ผมยืนอยู่ตรงทางแยกซึ่งทางหนึ่งมีรุ่นพี่ที่แสนดียืนรอผมอยู่ เป็นคนที่ทุ่มเทให้ผมทุกอย่างทุกครั้งที่ผมเจ็บช้ำมีมือคู่หนึ่งที่คอยประคองให้ผมลุกขึ้นยืนเป็นมือที่อ่อนโยน เป็นกำลังใจที่มีคุณค่าและความรู้สึกดีๆที่ไม่มุ่งหวังสิ่งใด กับอีกหนึ่งเส้นทางที่มีมันยือรอท่าเป็นเส้นทางที่ผมคุ้นเคย เป็นความรู้สึกที่บ่มเพาะมาตลอดสี่ปี เป็นรักแรก เป็นทั้งทุกข์และสุขในคราวเดียวกัน



        “ อย่าร้อง” มันบรรจงเช็ดน้ำตามันอย่างนุ่มนวล

        “.......”

        “ กูมันแย่มากใช่มั้ยที่ยื้อมึงไว้ในตอนที่มึงกำลังเปิดใจให้ใครคนอื่น กูคงเลวมากที่ทำให้มึงต้องเลือก กูขอโทษแต่กูทิ้งหัวใจของกูไปไม่ได้จริงๆ กูทำไม่ได้จริงๆ”



        คนทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัว

        มันเห็นแก่ตัวที่รั้งผมไว้ในตอนที่รู้ใจตัวเอง

        ผมเห็นแก่ตัวเพราะกลัวเจ็บเลยไม่เลือกใครสักคน

        แล้วใครกันที่เห็นแก่ตัวมากกว่ากัน



        “ กูรักมึง”



       ระรัก...มันพูดว่า ‘รัก’

       ผมนั่งอึ้ง ทุกอย่างดูมึนงงไปหมดยิ่งตอนที่มันกดริมฝีปากแนบแก้มของผมเรียกความร้อนซู่จากแก้มนวล




       ...ผลั๊วะ...



       “ กินข้าว”

       เสียงเปิดประตูเข้ามาตามด้วยเสียงเรียกของบุคคลที่สามทำให้ผมรีบผละออกจากมันแทบไม่ทัน ผมตกใจหน้าซีดต่างจากมันที่ทำเฉยนั่งกอดเอวผมไม่ปล่อย ส่วนพี่เบียร์อมยิ้มน้อยๆก่อนจะหรี่ตามองพวกผม


       “ โทษๆกูไม่ได้ตั้งใจ ไม่นึกว่า...” พี่แกยักไหล่ตามสไตส์ “ หึ แม่งร้ายชิบหายน้องกู”
 
       “ พี่ซื้อข้าวมาเผื่อเต้ยด้วยนะ เสร็จแล้วไปกินข้าวด้วยกัน”

       “ ครับ”


       ผมรีบแกะมือมันที่กอดเอวผมอยู่แล้วเดินก้มหน้างุดๆตามพี่เบียร์ไปติดๆ  ผมแอบเห็นจากหางตาว่ามันแอบทำหน้ามุ่ยใส่ลุงรหัสมันก่อนที่ผมจะสาวเท้าเดินหนีออกมา  อาหารเบื้องหน้าถูกจัดวางใส่จานจนเรียบร้อยแล้วมองรายการอาหารตรงหน้าสลับกับมองใบหน้าของพี่เบียร์ด้วยความคาดไม่ถึง รุ่นพี่หน้าสวยเห็นอาการของผมก็แค่ยิ้มๆก่อนจะยื่นข้าวเหนียวมาให้ห่อนึงแล้วทำหน้าเชิญชวนให้ลิ้มรสอาหารตรงหน้า



        ผมไม่ได้นึกรังเกียจส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง และลาบหมูตรงหน้าหรอกเพราะเป็นคนต่างจังหวัดโดยกำเนิดอาหารพวกนี้จึงเคยกินจนชินปากแล้ว แต่กับพี่เบียร์ที่หน้าเกาหลีใสๆแบบนี้สิดูยังไงก็ไม่เข้ากับของกินพวกนี้เลย และเหมือนพี่แกจะรู้ว่าความรู้สึกผมแสดงออกทางสีหน้ามันหมายถึงอะไร นิ้วมือสวยงามนั่นจึงใช้ส้อมจ้วงเส้นมะละกอในจานส้มตำซึ่งไม่ใช่ตำธรรมดาแต่เป็นปูปลาร้าน้ำข้นคลั่ก


      “ มองอะไรกินสิ”

      “ ครับ”

      “ อื้อหืม โครตเด็ด” พี่แกสูดปากเบาๆ พร้อมทำหน้าเหมือนเคลิบเคลิ้มจนอดหัวเราะตามได้  พอดีกับที่คนป่วยที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆ มันมองชามข้าวต้มเบื้องหน้าที่ผมเป็นคนแกะจากถุงที่ซื้อมาจากปากซอยทางเข้าคอนโดมันสลับกับอาหารของผมกับพี่เบียร์แล้วถอนหายใจ


        “ ถอนใจทำไม ข้าวมึงอ่ะแดกๆไป”

        พี่เบียร์เลื่อนช้อนตักข้าวต้มให้มัน

        “ ผมกินข้าวต้มมาสามมื้อแล้วนะ”

        “ งั้นนี้ก็มื้อที่สี่” พี่เบียร์ต่อให้ก่อนจะหันมาขอความคิดเห็นจากผม ผมเลยอดสังเกตปฏิกิริยามันไม่ได้ มันทำหน้าเบื่อๆเซ็งๆจับช้อนคนข้าวต้มหอมฉุยในชาม ท่าทางมันคงจะเบื่อเมนูอาหารนี้จริงๆถึงทำหน้าเหม็นเบื่อขนาดนั้น


        “ มึงป่วยจะให้กินอะไรได้หล่ะ”

        มันลอบมองไก่ย่างในจานแล้วกลืนน้ำลายทำตาละห้อย ผมรู้ดีว่าอาหารรสแซ่บตรงหน้านี่เป็นของโปรดมันทั้งนั้น และราวกับว่าพี่เบียร์แกล้งซื้อมากินล่อหน้ามันอย่างนั้นแหละ ผมมองใบหน้ามันสลับกับพี่เบียร์แล้วได้แต่ส่ายหน้าปลงๆ


        “ ไก่ย่างมันเป็นมันนะ มึงไออยู่อย่าเพิ่งกินเลย”


         จบประโยคยืดยาวของผมพี่เบียร์แกทำหน้าเหมือนกำลังลุ้นละครหลังข่าวพร้อมกับยิ้มกริ่ม ส่วนมันอมยิ้มน้อยๆก่อนจะพยักหน้ารับ


        หลังจบมื้ออาหารที่เกือบวุ่นวายไปแล้วสักพักมันก็ถูกบังคับให้ทานยาหลังอาหารก่อนที่พวกเราจะพร้อมใจกันมานั่งเรียงอยู่ตรงโซฟาหน้าทีวี ตามันเริ่มหรี่ลงทั้งยังปรือปรอยคล้ายจะหลับไม่หลับแหล่  ผมกับพี่เบียร์ลอบสบตากันก่อนที่พี่แกจะพยักเพยิบไปทางห้องนอนเหมือนเป็นการบอกให้ไล่คนป่วยไปพักผ่อนได้แล้ว


       “ จ๊อบ” ผมสะกิดบ่ามันเบาๆทำให้ใบหน้าที่เริ่มมีสีสันขึ้นมาบ้างต่างจากเมื่อเช้าที่ดูซีดเซียวเหลือเกินหันมามองผมงงๆ

       “ หืม”

       “ ไปนอนในห้องเถอะ”

       “....”

       “ อื้ม”


        มันผุดลุกขึ้นเดินสะโหลสะเหลไปยังห้องนอนอีกฝั่งโดยมีผมตามไปอยู่ห่างๆ พอถึงเตียงนอนขนาดใหญ่มันก็โถมร่างกายใส่เตียงนุ่มคล้ายคนหมดแรง ท่าทางมันนอนคว่ำราวกับคนหลับลึก ผมจึงเดินเข้าไปพิจารณาใบหน้ามันใกล้ๆก่อนที่จะเอื้อมมือไปเลื่อนผ้าห่มผืนหนาที่กองอยู่ตรงปลายเท้ามาห่มให้มันแล้วเตรียมผละออกไป แต่ติดมือหนาของคนป่วยที่คิดว่าหลับไปแล้วจับคว้าข้อมือผมไว้อยู่


       “ อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน”

       “..มึงยังไม่หลับ”

       “ อยู่กับกูทั้งวันได้มั้ย”

       “.....”


        ผมถอนหายใจไม่ตอบคำร้องขอของมัน เพราะรู้ดีว่าคำตอบของผมคงทำให้มันไม่สบายใจเท่าไหร่ในเมื่อเย็นนี้ผมมีนัดกับพี่รหัสเพื่อทำธุระบางอย่างด้วยกัน


       “ ได้มั้ย”

       “....”

       “ เต้ย”


       “ กูนัดกับเพื่อนจะไปติวหนังสือที่ห้องพี่ที...” แววตาที่ปรือปรายของมันสว่างขึ้น “...บางทีกูอาจจะค้างหอพี่เขา” มันถอนหายใจก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นนั่งโดยพิงแผ่นหลังกับหัวเตียง

       “ ไม่ค้างได้มั้ย”

       “..จ๊อบ”


       “ อย่าค้างเลยนะ เดี๋ยวกูไปรอรับถ้ามันดึกมากแล้วมึงอยากกลับกูจะรอรับ  แต่ถ้ามึงไม่อยากกลับหอมานอนคอนโดกูก็ได้”

       “....” ผมนั่งเงียบมองท่าทางร้อนรนของมันแอบยิ้มน้อยๆ

       “ เต้ย”

       “ กูไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรมึงได้เลยใช่มั้ย”

       “.....”


       “ นอนเถอะ” ผมดันตัวมันให้ล้มตัวลงนอน แต่มันขืนตัวไว้ก่อนจะรวบแขนทั้งสองข้างของผมเอาไว้ “ มึงควรจะพักผ่อนได้แล้ว นี่มันจะบ่ายแล้วนะ”


       “ กูจะไปรอรับมึง”

       “ จ๊อบ”

       “ กูจะไป”


        ผมรู้ว่าเวลามันป่วยมันชอบงอแงเรียกร้องให้สนใจ ราวกับต้องการใครสักคนที่มันอยากจะให้สนใจกับความเอาแต่ใจของมัน ตั้งแต่เล็กจนโตมันเป็นแบบนั้นเวลาป่วยกับเวลาปกติของมันจึงต่างกันลิบลับ เพราะมันป่วยมันถึงดูเรียกร้องเอาแต่ใจแบบนี้ ผมถอนหายใจมองมันที่สุดท้ายก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยา พอดีกับที่ผมเห็นลุงรหัสมันยืนกอดอกยิ้มๆพิงขอบประตูอยู่



      “ ผมฝากดูมันด้วยนะพี่”

      “ อืม...เต้ยมีธุระอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องห่วง”

      “ ครับพี่เบียร์”

      “ เต้ย”

      “ ครับพี่”
 
      “ พี่ไม่เคยเห็นไอ้จ๊อบมันร้อนรนแบบนี้มาก่อนเลยหว่ะบอกตรงๆ ขนาดมันเลิกกับลูกตาลกูยังไม่เห็นมันเสียใจเท่ากับการที่เราทำเหมือนไม่สนใจมันด้วยซ้ำ”


       ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่รู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังสั่นระรัว

     
        (มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17

       “ เต้ย”

       “.....”

       “ เต้ย”

       “ เต้ย”


       เสียงเรียกพร้อมกับความเย็นจากกระป๋องแอลกอฮอลที่แนบแก้มผมอยู่จนสะดุ้งสุดตัว ผมยิ้มแหยๆหันมามองเจ้าของห้องที่ยืนยิ้มชูกระป๋องเบียร์ไปมาเป็นการเชิญชวน


        “ สักกระป๋องเปล่า”

        “ ขอบคุณครับพี่”

        ผมรับมันมาแล้วเปิดฝาเกลียวก่อนจะยกดื่มไปอึกหนึ่ง


       “ มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่า”

       “ ทำไมเหรอ”

       “ วันนี้มึงแปลกๆ ตอนกูติวให้เมื่อกี้ก็ดูไม่มีสมาธิ”

       “ ขอโทษครับ”



        ผมก้มหัวลงแต่มีมือหนานุ่มที่บรรจงลูบศีรษะผมอยู่ สัมผัสที่แผ่วเบานั่นทำเอาผมน้ำตาซึมจริงอย่างที่พี่รหัสผมพูดว่าวันนี้ผมดูไม่มีสมาธิเลยทั้งๆที่คนตรงหน้าอุตส่าห์ตั้งใจติววิชาที่จะมีสอบย่อยอาทิตย์หน้าให้พร้อมเพื่อนๆผมอีกสี่คน ตลอดเวลาเกือบสามชั่วโมงที่พวกเราคร่ำเคร่งกับตำราทุกคนดูตั้งอกตั้งใจต่างกับผมที่เหม่อลอยไปไกล และพี่รหัสผมคงจะสังเกตได้แต่รุ่นพี่หน้าหล่อก็ยังคงนิ่งอยู่จนครบสามชั่วโมงจนเพื่อนทั้งสี่ขอลากลับ จึงเหลือแค่ผมกับพี่รหัสที่ยืนมองหน้ากันอยู่แบบนี้



       “ มีอะไรอยากเล่าให้กูฟังมั้ย”

       “ พี่ที”

       “ หืม”

        “ ผม..” ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความสับสนยิ่งเห็นแววตาจริงใจของคนตรงหน้าผมยิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองแย่มากแค่ไหน

        “ เรามาเล่นเกมยี่สิบคำถามกันมั้ย”

       “ อะไรครับพี่” ผมทำหน้างงงวย


      “ ผมกับกูผลัดกันถามคำถามทีละข้อ มึงถามกูตอบ และถ้ากูถามมึงก็ตอบ แต่ขอให้คำตอบที่พวกเราตอบเป็นเรื่องจริงเท่านั้น”



       “ พี่...” ผมครางเสียงแผ่วเห็นแววตาอ่อนโยนทอดมองอย่างให้กำลังใจ

       “ กูเริ่มก่อนนะ”

       “ พี่...” ผมกระตุกมือหนาเบาๆ “ เอาจริงเหรอครับ” พี่ทีไม่ตอบแต่แค่ยิ้มๆก่อนจะยิงคำถามใส่ผมทันที

       “ มึงมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ใช่มั้ย”

       “ คะครับ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่พี่เขาจะพยักหน้าให้เป็นเชิงให้ผมถามกลับ


        “ พี่รู้สึกยังไงกับรักครั้งแรกครับ”
 

        พี่ทีทำหน้าคิดๆก่อนจะมองผมตรงๆ “ ครั้งแรกของกูเหรอ ก็ดีนะจำได้ว่ากูปิ๊งสาวคอนแวนต์คนหนึ่งตอนอายุ 16  เขาเป็นดรัมฯไม้หนึ่งสวยดี เสียดายตอนนั้นกูไม่กล้าจีบเค้า”



        “ งั้นรักครั้งแรกกับแฟนคนแรกก็ไม่ใช่คนเดียวกันนะสิครับ”

        “ ....” พี่ทีไม่ตอบแต่โบกมือปฏิเสธ ก่อนจะพูดเชิงล้อเลียนใส่ผม “ ถามได้ทีละข้อโว้ย และนี่เป็นตากูแล้ว”

        “ ครับ” ผมเกาหัวแก้เก้อจนพี่รหัสผมหัวเราะเบาๆ

        “ เต้ย”

        “ ครับ”

        “ ตอนนี้มึงรู้สึกอะไรอยู่ บอกกูได้มั้ย”

        “ ผม” คำถามตรงๆที่อีกฝ่ายเอ่ยถามทำเอาผมยืนนิ่ง  “ ผมเป็นกังวล ผมไม่สบายใจเลยครับ”


        “ กังวลเพราะมึงห่วงใครอยู่ใช่มั้ย” คราวนี้ผมพยักหน้ารับ

        “ ไอ้จ๊อบมันไม่สบายครับ”

        “ เหรอ”

        ผมสายตากับพี่รหัสผมตรงๆ แต่นอกจากแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงหาไม่มีอย่างอื่นเคลือบแครงอยู่เลย เพราะแบบนี้ไงถึงทำให้ผมรู้สึกผิดที่นึกถึงคนอื่นในขณะที่พี่ทีดีกับผมขนาดนี้


         “ ตามึงแล้วสินะ” พี่ทีเปลี่ยนเรื่องก่อนจะกระดกกระป๋องเบียร์เข้าปากอึกใหญ่ “ ที่มึงถามกูเมื่อกี้รักครั้งแรกกับแฟนคนรักกูไม่ใช่คนเดียวกันหรอก กูมีแฟนคนแรกตอนอยู่ม.สี่  เขาเป็นเพื่อนกูเอง คบกันเกือบสามปีและเลิกกันตอนกูเข้ามหาลัย”


         “ ทำไมเลิกกันหล่ะครับ”


          พี่ทียิ้มๆส่วนผมรีบยกมือปิดปากที่ละเมิดกฎอีกครั้งด้วยการถามติดๆกันอีกคำถาม แต่พี่ทีเหมือนไม่จริงจังแค่มองผมแล้วยิ้มก่อนจะตอบคำถาม “ ไม่รู้สิ เขาขอเลิกกับกูเอง กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”


        “ ขอโทษครับพี่ผมไม่ได้ตั้งใจจะสะกิดแผลพี่เลย”

        “ ไม่เป็นไรมันนานแล้ว”

        “ ถ้าเป็นมึงหล่ะ ถ้าวันหนึ่งคนที่มึงรักเขากลับบอกรักมึงบ้างมึงจะรู้สึกยังไง”



        ...กูรักมึง...



         เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ คำถามนี้ของพี่รหัสช่างตรงกับถ้อยคำที่ดังวนเวียนอยู่ในหัวตั้งแต่บ่ายจนถึงบัดนี้ ผมหรุบสายตามองพื้นเบื้องหน้าปล่อยให้ความนึกคิดล่องลอยไปไกล


        “ ถ้าให้ตอบตามตรงผมตรงรู้สึกสับสันไม่น้อย แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันมีความรู้สึกดีใจเหมือนหัวใจฟูฟ่อง ขณะเดียวกันก็คล้ายกับที่อะไรเสียดแทงลงกลางใจเพราะใจผมอดหวาดระแวงไม่ได้ว่าสิ่งที่มันพูดเป็นเรื่องจริงรึเปล่า”



        “ งั้นเหรอ”

        ผมไม่เห็นหรอกว่าแววตาของพี่ทีสั่นระริกและดูเลื่อนลอย


        “ พี่ทีทำไมพี่ถึงชอบผมหล่ะครับ”


        “ กูเหรอ..” พี่ทีเอื้อมมือมากุมมือผมไว้ “...กูอยู่กับมึงแล้วสบายใจมั้ง มึงมีอะไรหลายๆอย่างที่กูประทับใจ มึงเป็นตัวของตัวเอง  มึงมีความกล้าที่จะรักทั้งๆที่ไม่รู้เส้นทางเบื้องหน้า แต่มึงยังกล้าหาญที่จะเสี่ยงต่างกับใครบางคนที่หันหลังให้กับกูโดยไม่บอกแม้แต่เหตุผลว่าทำไม”



        “ กูจะถามมึงเป็นข้อสุดท้ายนะ”

        “.....”


        ผมทำหน้าแปลกใจเพราะมันยังไม่ถึงยี่สิบคำถามด้วยซ้ำ แต่พี่ทีแกแค่ยิ้มๆก่อนจะหันมามองผมตรงๆ “ กูจะถามมึงข้อนี้เป็นข้อสุดท้ายแล้ว ขอให้มึงตอบมันด้วยความสัตย์จริง ขอให้มึงซื่อสัตย์กับคำตอบของตัวเอง”


          ผมพยักหน้ารับ



        “ มึงยังรักเพื่อนสนิทมึงอยู่ใช่มั้ย”


        จบคำถาม

        ผมไม่ตอบแต่น้ำตาคลอเบ้า มือพี่ทีที่เกลี่ยน้ำตาให้ผมดูสั่นเทา ยิ่งทำให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวต้องปล่อยให้มันไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง


       “ ผมขอโทษ”

       ผมยังรักมันอยู่จริงๆ


        “ ฮือ ขอโทษครับ” ผมยึดชายเสื้อพี่ทีไว้แล้วกำแน่น พี่ทีไม่พูดอะไรแต่โอบกอดผมไว้แล้วโยกตัวไปมา


        “ ผมเหมือนคนเห็นแก่ตัว ผมเห็นแก่ตัว  ขอโทษ ขอโทษครับ ทั้งๆที่รับปากกับพี่ไว้ว่าจะให้โอกาสเราได้เรียนรู้กัน ผมพยายามแล้ว ผม ผม ฮือ”

        “ มึงทำไม่ได้”

        “ พี่จะด่าจะว่าผมยังไงก็ได้ผมมันเห็นแก่ตัวจริงๆ แต่ผมไม่อยากโกหกตัวเอง ผมไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้อีกแล้ว มันเกินพอแล้วมันมากไปแล้ว”


         “ ไม่หรอก...” พี่ทีดันใบหน้าผมออกจากอกเพื่อที่เราจะได้มองกันในระยะใกล้ๆ “ ถ้าจะมีใครเห็นแก่ตัวคนๆนั้นก็ต้องเป็นกูด้วย ทั้งๆที่กูรู้ว่ามันยากที่มึงจะตัดใจจากเพื่อนมึงได้แต่กูยังดันทุรังให้ความหวังตัวเอง กูปิดหูปิดตาไม่ยอมรับความจริง มึงไม่ผิดหรอกที่ไม่รักกูในเมื่อมึงไม่ได้บังคับให้กูรัก แต่เป็นกูเองที่ฝืนจะรักทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปได้ยาก”



        “ กูน่าจะรู้ว่าสี่ปีกับสองเดือนมันต่างกันมากแค่ไหน”


          ผมร้องไห้โฮซุกอกกว้างที่ยืดให้ผมได้ซุกซบด้วยความเต็มใจ “ กูเชื่อว่าถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้ หรือถ้ามึงยังไม่มีใครในใจกูจะทำให้มึงรักกูให้ได้”


        “ ฮือ พี่ที ขอโทษ ฮือ ผมขอโทษ”

       ทำไมผมถึงกล้าทำร้ายผู้ชายดีๆแบบนี้ ทำไมกัน

       “ ขอโทษ ขอโทษที่ผมทำร้ายจิตใจพี่แบบนี้”


      “ เปล่าเลย มึงไม่ได้ทำร้ายกูเลย มึงแค่ไม่รักกู ก็แค่นั้นเอง” พี่ทีจูบซับน้ำตาให้ผมเบาๆ แต่ทุกถ้อยคำทีหลุดออกมาบ่งบอกถึงความทุกข์ทรมานของคนพูดจนผมนึกละอายใจ


        “ เลิกโทษตัวเองได้แล้ว เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้” น้ำเสียงพี่ทีดูสั่นเทา

        “ ทำไมถึงดีกับผมอย่างนี้ ฮือ ทำไมผมถึงไม่รักคนดีๆอย่างพี่ ทำไมกัน”

        “ .....”


        “ พี่ดีกับผมมาก ดีมากจริงๆจนผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้ ถ้าหากว่ามีอยากได้อะไรแม้ร่างกายผมก็ให้พี่ได้” ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะตอบแทนความดีงามของผู้ชายที่แสนดีคนนี้ ผู้ชายที่ไม่คิดหวังสิ่งใดจากผมตรงกันข้ามมีแต่ความปรารถนาดีที่ยากทดแทน



       เราสบตากัน

       พี่ทีแค่ยิ้มก่อนจะรวบผมไปโอบกอด และผมก็กอดพี่เขากลับด้วยความเต็มใจ


       “ ถ้ากูใจอ่อนอีกสักนิด ความสัมพันธ์ระหว่างเราคงไม่หยุดอยู่แค่พี่น้องหรอก...” พี่ทีคลี่มือไปตามดวงตาของผม “...แต่จำไว้ว่ามึงมีคุณค่ามากกว่านั้นเต้ย  มึงคุณค่ามากกว่าเรื่องพวกนั้น”



          ยิ่งคนตรงหน้าทำดีแค่ไหน ผมยิ่งร้องไห้หนักมากเท่านั้น ผมร้องอยู่อย่างนั้น ร้องสะอึกสะอื้นทั้งน้ำหูน้ำตาไหลโดยไม่คิดที่จะเช็ด มีเพียงบ่ากว้างที่ยังตั้งตรงให้ผมได้พึ่งพิง พี่ทีคงรู้ว่ายังไงผมคงไม่หยุดร้องไห้ง่ายๆจึงอุ้มผมเข้าไปห้องในห้อง พี่ทีค่อยๆวางผมลงเตียงแล้วห่มผ้าห่มให้อย่างแผ่วเบา ก่อนจะบรรจงไล่หอมตั้งแต่หัวคิ้วจนมาหยุดอยู่ริมฝีปากผม



       เราจูบกัน

       จูบที่นิ่งและนาน


       พีทีผละออกไปก่อนจะล้มตัวลงข้างๆ แต่เพราะผมยังไม่หยุดสะอื้นรุ่นพี่แสนดีจึงตวัดเอวผมให้มาซุกซบอยู่ตรงอกกว้าง แผ่นอกที่รองรับน้ำตาของผม ผมรับรู้ได้ถึงอาการสั่นเทาของพี่ทีและในความมืดผมมองเห็นน้ำใสๆบนใบหน้าคมคาย

       เรานอนกอดกัน

       กอดที่อบอุ่นแต่ชวนให้เหน็บหนาวเพราะผมรู้ดีว่าการที่พี่ทีต้องมานอนกอดคนที่ไม่มีใจมันเจ็บปวดขนาดไหน
 

       “ ขอโทษครับ ผมขอโทษที่ตอบแทนพี่ไม่ได้เลย ผมขอโทษจริงๆ”

       ผมยังคงสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น พี่ทีไม่พูดอะไรแต่อ้อมแขนที่รัดรึงให้ความอบอุ่นมือพร้อมกับที่หนาลูบศีรษะผมอย่างแผ่วเบา




      ........

      ........




       “ กลับเถอะ”

       “......”

       “ มันดึกแล้วนะจ๊อบ มึงจะนั่งตากน้ำค้างอยู่แบบนี้ทั้งคืนรึไง” พี่เบียร์ทำหน้ายุ่งๆพร้อมกับส่ายหน้าในความดื้อรั้นของผม ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงหอบสังขารมานั่งอยู่ลานจอดรถหน้าคอนโดที่ผมไม่คุ้นเคยแบบนี้


       “ มึงยังไม่หายไข้นะ กลับเถอะ”

       “ ผมจะรอ”

       “ อย่ารอเลยจ๊อบนี่มันดึกมากแล้ว มึงควรจะกลับไปพักผ่อน”


       “ มันอาจจะกำลังลงมาก็ได้” ผมเงยหน้าขึ้นมองไปยังแสงไฟจากระเบียงห้องพักด้านหนึ่งที่ยังสว่างไสว และรอคอยการปรากฏตัวของใครบางคน


      “ รอทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เนี่ยนะ”


       “.....”

       “ มึงรู้ดีกว่าใครว่ารอไปก็เท่านั้น เขาไม่ลงมาหรอก”

       “ ผมจะรอ” พี่เบียร์ส่ายหน้าก่อนจะถอนใจอย่างระอา “ ถ้ามึงบอกจะรอกูก็จะรอเป็นเพื่อน”

       “ ขอโทษที่ทำให้พี่ต้องลำบากไปด้วย”


       “ อืม”


       “ พี่ว่าผมบ้ารึเปล่าที่ไม่ไว้ใจมันแบบนี้  ไม่ใช่ผมไว้ใจมันจนเป็นกังวลที่มันค้างกับคนอื่น แต่ผมไม่ไว้ใจพี่รหัสมันต่างหาก”


       พี่เบียร์ถอนหายใจก่อนจะเหม่อมองไปไกล “ วางใจเถอะทีไม่ใช่คนฉวยโอกาสหรอก” น้ำเสียงมั่นใจทำเอาผมุงนงงก่อนจะเกิดความสงสัยอะไรบางอย่าง


       “ พี่รู้จักกับพี่รหัสเต้ยด้วยเหรอ”

       “ อืม” พี่เบียร์พยักหน้าเนือยๆ  “ กูรู้จัก รู้จักดีด้วย” คำตอบนี้ยิ่งทำเอาผมแปลกใจ

      “ กูกับทีเคยเป็นมากกว่าคนรู้จักกัน”

       “ แล้ว”


       “ มึงอย่าอยากรู้อะไร รู้แค่ว่าตอนนี้กูกับมันเป็นอดีตกันไปแล้ว”



        ผมถอนหายใจกับข้อมูลใหม่ก่อนจะก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง อากาศวันนี้ค่อนข้างเย็นและผมมีแค่เสื้อคลุมตัวบางๆติดตัวมา แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคในการรอคอยหรอก ผมรู้ดีว่ามันไม่ชอบไปนอนค้างอ้างแรมกับคนอื่นหรอก ผมรู้ดีว่ามันต้องกำลังติวหนังสือใกล้จะเลิกแล้วเพราะแสงไฟจากระเบียงห้องนั้นยังสว่างไสวอยู่



       ผมเริ่มไอ

      ผมฝืนยิ้มเงยหน้ามองแสงไฟนั้น

      ไฟระเบียงห้องนั้นดับลง ผมแค่นยิ้ม เดี๋ยวมันก็ลงมา อีกสักพักมันคงลงมา


       ผ่านไปเกือบชั่วโมง ไฟระเบียงห้องต่างๆเริ่มทยอยดับลง จนสุดท้ายเหลือแต่ไฟทางเดินและไฟบริเวณโถงชั้นล่าง ผมเงยหน้าขึ้นมองระเบียงนั้นอีกครั้ง และครั้งนี้ผมเห็นแต่ความมืดมิด


       น้ำตาผมไหล



      ผมกอดอกยืนมองความมืดมิดตรงระเบียงนั้นแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลเงียบๆ ผมอยากรู้จริงๆว่าในค่ำคืนนี้มีใครบ้างที่กำลังร้องไห้เสียใจกับความรักแบบผมบ้าง  มีคนอีกกี่คนที่กำลังร้องไห้ให้กับเรื่องรักๆใคร่ๆนี่ไปพร้อมกับผม แต่ผมก็ไม่อาจรู้ ผมไม่รู้เลยข้างๆกันนั้นอย่างลุงรหัสผมก็ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินโดยไม่คิดเช่นเดียวกับผม






***** มาแล้วๆหายไปเป็นอาทิตย์เลยจัดให้แบบยาวๆหน่อย ให้สมกับการลอยรอ เอ้ย รอคอย
     
         ตอนนี้มาแบบสดๆร้อนๆนะ ยังไงเช็คคำผิดให้ด้วยเพราะเพิ่งปั่นเสร็จเมื่อกี้เลย ฮ่าๆๆๆ
         ยังคงหน่วงและเศร้าเช่นเดิมป่าว อิอิ  :katai1:

         บอกไว้ก่อนนะคะว่าถึงเต้ยมันยังรักอิจ๊อบ แต่ก็ใช่ว่าเรื่องราวมันจะราบเลื่อนหรอกนะ
         แม่ยกทีมอิจ๊อบเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ  :laugh:

         สงสารพี่ทีเนอะ แม่ยกทีมพี่ทีเช็ดน้ำตาให้สุภาพบุรุษคนนี้ที ถึงเค้าจะไม่รักไม่เป็นไรนะพี่
         ไม่แน่หรอกว่า ความดีสักวันมันต้องชนะทุกอย่าง แค่อดทนรอเท่านั้นเอง  :sad4: :hao5:
 
         มีคนทายถูกเรื่องพี่เบียร์กับพี่ทีเค้ามีอดีตกัน ส่วนจะเซโนหรือรีเทริ์นคงต้องตามกันไป

         แต่บอกก่อนว่าคนเขียนใจร้ายนะ ธีมเรื่องมันหน่วงคงไม่มีทุกอย่างสุขสมหวังหรอก ฮ่าๆๆๆ
         หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  :m20: :laugh:

         เจอกันตอนหน้านะค่ะ  :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0


โอ๊ววววว เสียน้ำตาให้อีจ๊อบค่ะวันนี้ หลังจากที่อ่านตอนแรก เสียน้ำตาให้เต้ย แต่คิดว่าแลกกันได้ค่ะ 4 ปี ที่รักข้างเดียวมาตลอด แค่นี้อีจ๊อบต้องทนให้ได้นะคะ  :ling3:

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มาต่อด่วน รอๆๆ :hao7:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
โอวม่ายยย คุณจขกท.อย่าใจร้ายมากเลยนะคะ คนอ่านตับจะพังแล้ว  :mew6: :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :sad4:  :sad4: เศร้าอ่ะแกรรรร แต่เรื่องคงจะค่อยๆเคลียร์แล้วแหละ เพราะเต้ยก็บอกความรู้สึกแล้ว พี่ทีแกคงพยายามถอยออกมา

เฮ้อออ รักสามเศร้ามาแย่แล้ว เจอสี่เศร้าเข้าไปถึงกับเงิบบบ  :hao3:

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หน่วงมากๆๆเลยครับ

ออฟไลน์ มาโซซายตี้

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-2
แต่ละคน ค่อยๆคลำหาทางไปกันเรื่อยๆนะ
เอาใจช่วย

แต่ ขอสมัครเป็นทีมพี่เบียร์ น่ารักอะ

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :monkeysad: นานแค่ไหนแล้วที่พี่ต้องทนดูความทุกข์เพราะพิษรัก
ทั้งเจ้าที เจ้าเต้ย แล้วก็เจ้าจ๊อบ อีกกี่กัปกัลป์ถึงจะพ้นความทรมาณนี้  :dont2:

ปัจฉิมลิขิต: มอบเป็ดให้  :3123: มาแนวย้อนยุคเลยมันหน่วงวนเวียนนานแล้วอ่ะ ฮือ....

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
หากถามว่าใครน่าสงสารกว่ากันระหว่างทีกับจ๊อบ แน่นนเราต้องบอกว่าเป็นพี่ที
เพราะพี่ทีต้องเจ็บปวดอีกแล้ว จากรักครั้งแรกแล้วยังต้องมาเจ็บปวดกับรักครั้งนี้อีก
ส่วนจ๊อบที่เคยทำกับเต้ยและผู้หญิงคนอื่นๆไว้ก็ถือว่ากำลังชดใช้กรรมให้พวกเค้าก็แล้วกันนะ
และไม่ว่าจะยังไงเราก็ยังจะคงเชียร์พี่ทีอยู่เหมือนดิมนะ



ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ arigatozung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงสารพี่ที คนดีจิงๆ พระเอกมาก แต่เข้าใจเต้ยนะ ไม่รักก็คือไม่รัก ต่อให้ดีแค่ไหนก็ตาม แต่ใจมันรักอีกคนไปแล้ว ฮืออออ  :heaven

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
พี่ทีคะ  เฮียเริ่ดมากค่ะ
เป็นตัวละครที่เลอค่ามากๆ

เฮียเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ
เฮียไม่เคยขัดขวางอะไรจ๊อบนะ
ให้โอกาส ขอโอกาสที่เท่าเทียมตลอด

ยิ่งมาตอนนี้ยิ่งดีมากๆ เต้ยเสนอตัวให้
แต่พี่ทียังเตือนสติน้องอีก
เป็นตัวละครที่ไม่รักก็ไม่รู้ว่าจะว่าไงแล้ว

โอเคยินดีด้วยนะจ๊อบ
เต้ยยังรักนายอยู่ จากนี้ไปก็จะดูว่านายรักเต้ยได้อย่างที่ว่าหรือเปล่า
เราว่าเรื่องวิบากกรรมรักนายจ๊อบ-เต้ยยังมีอีกเยอะ

ขอนะคนเขียน ขอให้ใจดีกับพี่ทีบ้าง
อย่าร้ายนักเลย ไม่ให้ที-เบียร์กลับมาหากันก็หาคนอื่นที่คู่ควรให้กับพี่ทีเถอะ

ออฟไลน์ cakecoco-boom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เศร้าก่อนนอนเลยทีเดียวTT
ทุกคนย่อมมีเหตุผลของตนเอง เจ็บทุกทางจริงๆ แงงงงงง
 :o12: :o12:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารพี่ทีมากๆเลยตอนนี้ ไรท์ให้พี่ทีมีคู่ด้วยด่วนเลยค่ะ ให้รีเทิร์นกับพี่เบียร์อย่างด่วนเลยค่ะ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :sad4: เครียด หน่วงอ่ะ รัก4เศร้าจริงๆ

ออฟไลน์ baipai_bamboo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านแล้วโคตรหน่วง สงสารทุกคนเลย โดยเฉพาะพี่ที  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ moodyfairy

  • สวย อร่อย ย่อยง่าย :)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สงสารพี่ทีด้วยคนนนนนนน :z3:  :z3:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
โอ้ยยยย!! ปวดจิต

ออฟไลน์ YING_YING

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ค้างงงงงงงงงงงงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รีบมาอัฟน้าาาาาาาาาาาาาา  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Jploiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-2
มันสี่เศร้าจริงๆ  :เฮ้อ:
สงสารจ๊อบอ่ะ อาจจะรู้ตัวช้าแต่ก็ยังไม่สายหรอก
เข้าใจว่าพี่ทีดี แต่ยอมรับไม่ชอบความคิดของเต้ยที่ว่าจะยอมให้ร่างกายกับพี่ที
เต้ยยังรักจ๊อบอยู่ คือเข้าใจ แต่แบบพอจ๊อบหายไปก็ห่วง
คือบางทีรู้สึกเต้ยโลเลไป เต้ยควรเลือกสักที
เนื้อเรื่องหน่วงอกแม่ยกจ๊อบเหลือเกิน  :sad4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
สงสารทั้ง 4 คนเลยยยยย โอยยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด