EPISODE 48 “ไรฟ์..” ผมเรียกชื่อของคนที่กำลังจัดของ ไรเฟิลวางมือแล้วหันมามองผม
“ว่าไง?”
“ขอโทษนะ” ไรเฟิลถอนหายใจ เดินมายืนข้างหน้าผมที่นั่งอยู่บนเตียง มือหนาประคองหน้าผมให้เงยขึ้นแล้วบีบแก้มผม
“ถ้ารู้สึกผิดกับกูก็เลิกเป็นแบบนี้ได้แล้ว”
“ยากแฮะ”
“ยากก็ต้องทำให้ได้”
“อื้อ”
“รู้ไหมว่ามีคนเป็นห่วง ..พวกนั้นมันก็รู้แค่ไม่พูดออกมา”
“ขอโทษ...”
“มึงไม่ได้อยู่คนเดียวนะบันนี่ ยังมีกู มีพ่อของมึง มีคุณย่า มีเพื่อน ไอ้หมูปิ้งของมึงอีก มดแดง บันบัน!! ก็รู้ว่ามันยากจะทำใจ แต่ตอนนี้ก็มีแม่อยู่แล้วหนิ คุณฟีโอน่าไงบันนี่..”
“ฮึก..”
“เศร้าได้ แต่อย่าเศร้านาน คนที่เป็นห่วงเขาไม่สนุก ไม่สนุกเลยสักนิด..” น้ำตาผมไหลอาบแก้ม ไรเฟิลใช้นิ้วเช็ดให้แล้วดึงตัวผมเข้าไปกอด
“เห็นมึงร้องไห้แบบนี้แล้วกูโคตรรู้สึกว่าตัวเองแย่”
“ไม่ใช่..”
“ต้องมองมึงร้องไห้โดยที่กูทำอะไรไม่ได้เลย.. มันแย่มากนะบันนี่”
“ฮึก..ฮือ.. ขอโทษ..ฮือ”
“เลิกร้องได้แล้วคนเก่ง”
“ฮือ... ไรเฟิล อึก..” ผมเอาแต่เรียกชื่ออีกฝ่ายซ้ำ ๆ รู้สึกแย่ที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงอย่างนี้ ไรเฟิลต้องมาเจ็บไปกับผมด้วยต้องที่ไม่ใช่เรื่องเลย และน้ำเสียงแหบพร่าราวกับเปล่งออกมาอย่างยากลำบากของเขาทำให้ผมเจ็บเหมือนกัน ผมกอดไรเฟิลแน่น พูดเรียกชื่อเขาและคำขอโทษไม่หยุด
“ไม่เป็นไรบันนี่ ไม่เป็นไร..”
“จะ..ไม่ร้องแล้ว..อึก..” ผละออกจากอ้อมกอดอุ่น ใช้หลังมือปาดหยดน้ำน่ารำคาญออกจากใบหน้า ยิ่งเช็ดยิ่งออกมาเยอะ ไรเฟิลจับมือผมไว้แล้วเป็นคนเช็ดให้แล้วมันก็หยุดไหลไปดื้อ ๆ . . .
“มีอะไรจะบอก”
“บอก อึก.. อะไร?” น้ำตาหยุดไหลแล้วแต่ยังสะอื้นอยู่ ตาคมจ้องมองมาอย่างจริงจัง
“ตั้งใจฟังดี ๆ”
“............”
“ผมรักคุณ..” “ฮือออออออออออ”
“เวร!”
“ฮึก ฮือออออ รัก รักด้วย มาก ๆ เลย ฮืออออ” ไรเฟิลประทับริมฝีปากลงมาทั้งที่ผมยังร้องไห้อยู่ ร่างสูงขบเม้มริมฝีปากผมเบา ๆ อย่างอ่อนโยน... เหมือนมีผีเสื้อนับร้อยตัวบินวนอยู่ในท้องผมเลย
. . . ในเมื่อมีคนรักผมมากขนาดนี้ทำไมผมต้องมานั่งร้องไห้เสียใจกับคนที่ไม่ได้รักผมเลยสักนิดด้วยนะ . . งี่เง่าจริง ๆ เลย ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดกับคนที่รักและเป็นห่วงผม ป๊ากับคุณย่าจะเจ็บปวดขนาดไหนกับการที่เห็นผมเป็นแบบนี้ ไม่มีเลย เสียใจไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีอะไรดีเลย ต่อให้ร้องไห้จนน้ำตากลายเป็นสายเลือดผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีทางรักผมหรอก.. ที่ผ่านมาไม่มีคนที่ขึ้นชื่อว่าแม่ผมก็อยู่ได้นี่นา แถมยังมีความสุขดีด้วย จะไม่มีอีกก็จะเป็นอะไรไป หรือที่ผ่านผมไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยไม่คิด แต่ยังไงก็ช่างมันดีกว่า ผมควรใส่ใจคนที่รักผม ไม่ให้พวกเขาต้องเจ็บปวดเพราะความเสียใจของผม . . .
“ขอบคุณนะ”
---------------------------
“ร้องไห้มาหรอวะ” กายดึงแว่นกันแดดผมออก มันมองผมสลับกับไรเฟิลแล้วขมวดคิ้ว
“อื้อ จัดการมันเลย” ชี้นิ้วไปที่ไรเฟิล ตัวสูงปัดมือผมทิ้งแล้วจับไปกุมไว้ -//-
“ทำอะไรมันวะ เห็นซึม ๆ ตั้งแต่สนามบินแล้ว” หลบตาฟอร์สที่จ้องมา ลูกหมาสามตัวมองผมอย่างคาดคั้น อย่าทำให้กูลำบากใจเลยเพื่อนรัก. . .
“ป เปล่า .. หิวแล้ว ไปกันเถอะ”
“ไม่บอกก็ได้ แค่เพื่อนหนิ ไม่สำคัญหรอก” โคตรตัดพ้อเลยหมาไนต์ ไนต์มองผมด้วยหางตาแล้วเดินออกไปคนแรก แล้วกายกับฟอร์สก็ตามไปด้วย น้องตัวเล็กมองพวกเรางง ๆ ก่อนจะวิ่งไปหาไอ้ไนต์
“ลุง! รอเค้าด้วยยย”
“อึก...”
“ไม่ต้องร้องเลยนะ” ไรเฟิลพูดดัก ผมเบะปากพยักหน้าหงึก ๆ
“ทำไมเป็นงี้อ่ะ..”
“ฟอร์มไปงั้น”
“ไม่เอา.. ไม่ให้โกรธนะ” ผมมองแผ่นหลังของทั้งสี่คนที่เดินนำหน้าอยู่ พวกมันไม่ได้หันมามองเลยสักนิด
“จะบอกพวกมันหรือไง”
“อยากบอก แต่ แต่ไม่อยากพูดเอง บ บอกพวกมันนะ ไรฟ์บอกให้หน่อยนะ” ไรเฟิลถอนหายใจขยี้ผมตัวเอง
“แน่ใจ”
“(พยักหน้าหงึกหงัก) ขอไม่อยู่ตรงนั้นนะ” ผมดึงมือออกจากการกอบกุมของไรเฟิล ดันหลังคนตัวสูงให้เดินไปข้างหน้า ไรเฟิลกลอกตาแต่ก็ยอมเดินไปหาพวกนั้น ตอนนี้เหลือผมที่เดินตามหลังอยู่คนเดียว ทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากนึกถึง ไม่อยากเจ็บกับมันอีกแล้ว..
-----
---
“เฮือก!” สะดุ้งเฮือก เดินชนชาวต่างชาติคนหนึ่งเข้าเพราะมัวแต่เหม่อ
“Sorry” ผมบอก ค้อมศีรษะให้เขาเล็กน้อย กะจะเดินออกมาแต่ถูกจับแขนเอาไว้ ผมขมวดคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจ
“Are you O.K.?”
“I’m O.K.” บิดแขนออกอย่างสุภาพ แต่เขายังตามมาจับไว้อีก
“I like you, can you go with me?”
“I can’t”
“Only 2 hours”
“Leave me!” ผมสะบัดแขนแรง ๆ แต่ไอ้เหี้ยยยย มึงจะแรงควายไปไหน! ผมมองหาพวกไรเฟิล เดินไม่ดูกูเลยไอ้พวกนี้ ฮือออ
“ไรเฟิล!!!!” ผมตะโกนสุดเสียง ยกเท้าถีบไอ้ฝรั่งหน้าม่อนี่แล้ววิ่งหนี แต่ความซวยมันไม่เคยเตือน เพื่อนไอ้เหี้ยนั่นคว้าคอเสื้อผมไว้ก่อน Fuck you all!!!!!! ผมยกเท้าถีบแม่งไปอีกที ไอ้ห่า! กูไม่ใช่เด็กขาย!!!
“มีอะไร!”
“พวกมัน..” ผมชี้ไปที่ไอ้ฝรั่งสองคนนั่น พวกมันทำหน้าเลิ่กลั่ก แม่งคิดว่าผมมาคนเดียวหรือไง ไอ้เหี้ย!
“What wrong?” ย่างสามขุมเข้าไปหา สองคนนั้นบอก Sorry แล้วพากันหนีไป
“เป็นอะไรไหม”
“ไม่อ่ะ”
“มึงนี่นะ ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย” ผมยิ้มแหยะ ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย. . .
“ขอโทษ. .” พวกมันถอนหายใจแล้วพากันรุมขยี้ผมผม เห็นหัวกูเป็นของเล่นกันหรือไง! แต่ผมจะไม่ถือโทษ เพราะถ้าพวกมันทำแบบนี้แสดงว่าพวกมันคืนดีกับผมแล้ว
“ดีกัน” ผมยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าลูกหมาสามตัว พวกมันยิ้มแล้วยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับผม
----
---
ผจญภัยกันพอแล้วก็มาถึงร้านอาหารสักที เราหกคนแย่งกันสั่งอาหารเสียงดัง แถมยังสั่งรัวจนพนังงานจดไม่ทันอีก
“ควอทซ์”
“หือ?” ผมเงยหน้าจากกล้องถ่ายรูปมองคนเรียก ฟอร์สนั่นเอง
“โอเคไหม?”
“ชิล..” ไหวไหล่ยิ้มบาง ตอนนี้ผมไม่ซีเรียสแล้ว เศร้าไปก็ป่วยจิตเปล่า ๆ ทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงอีก มีแต่ผลเสียทั้งนั้น
“ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรแล้ว ขอบคุณนะ” ผมพูดดักพวกมันที่ยังทำหน้าเครียดกันอยู่ ไม่รู้ทำไมพวกมันถึงได้ห่วงผมนัก ทั้งที่รู้จักกันยังไม่ถึงสามปีเลยด้วยซ้ำ ค่อยดูแล ช่วยเหลือแทบทุกอย่าง นั่นมันทำให้ผมรู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ
เราหยุดคุยไปเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ สั่งมาซะเต็มโต๊ะ กุ้งเผา หมึกย่าง ปูนึ่ง ต้มยำทะเล ข้าวผัดปู ส้มตำทะเล กุ้งทอด ปลาทอด หอยแครงลวก หอยนางรม บลา ๆๆ เยอะมากจนไม่รู้จะกินอะไรก่อนดี
“แกะให้กูบ้างดิ!” ฟอร์สร้องขึ้นมาตอนผมวางเนื้อปูที่เพิ่งแกะเสร็จใส่จานไรเฟิล ผมแยกเขี้ยวใส่แล้วแกะให้มัน ปากมันยังมีเศษเปลือกปูติดอยู่เลย สุดท้ายผมเลยต้องแกะให้พวกมันทั้งโต๊ะ โธ่! หางานให้ตัวเองชัด ๆ ไอ้ควอทซ์! ในเมื่อผมเป็นคนแกะปู(ด้วยเทคนิคขั้นเทพ) พวกมันจึงต้องแกะกุ้ง แกะปลาให้ผม ส่วนหอย... ผมไม่กินครับ แพ้ T_T
“อยากกินไอติม” พูดทั้งที่มือกำลังแกะเปลือกกุ้งอยู่ พวกเรากินอยู่นี่ร่วมชั่วโมงแล้วครับ อาหารทุกอย่างบางตามาก ใกล้หมดแล้ว
“กินให้หมดก่อน”
“สั่งเลย กายยยยย สั่งงงง” ผมเมินไรเฟิลแล้วอ้อนกายที่นั่งอยู่ตรงข้าม กายส่ายหน้าก่อนจะเรียกพนักงานมารับออเดอร์ ไอศกรีมกะทิมะพร้าวอ่อน ใส่ถ้วยกะลามะพร้าว โรยหน้าด้วยถั่วลิสงคั่ว ขนุน มันเชื่อม ลูกชิดแล้วก็เฉาก๊วย ฮี่~ แล้วไอ้คนที่ห้ามผมนะ พอเขาเอามาเสิร์ฟก็มาแย่งผมกิน ไอศกรีมถ้วยเดียวกินกันตั้งหกคน สั่งเพิ่มอีกก็ไม่สั่ง ดีนะที่มันได้เยอะ อร่อยดีครับ ตอนที่แย่งกันกินนะ โคตรอร่อยเลย /เก็บเข้าในลิสต์ความทรงจำดี ๆ ... ^^
---------------------------
วันที่สองบนเกาะภูเก็ต. . .
“พวกมึง ๆๆ” ผมวิ่งเข้ามาหาสี่สหายที่นั่งกันอยู่ที่หาด น้องตัวเล็กนั่งสั่นหงก ๆ มีผ้าห่มห่อตัวอยู่ในอ้อมกอดหมาไนต์(โรงเรียนน้องหยุดให้อ่านหนังสือเตรียมสอบเลยไม่มีปัญหาที่จะมาเที่ยวแบบนี้(ออกัสอยู่ม.6)) คงจะเพิ่งขึ้นจากน้ำ
“มีไรวะ”
“คืนนี้ปาร์ตี้บาร์บีคิวกันเถอะ!” ผมบอกอย่างตื่นเต้น เมื่อกี้ผมไปสำรวจรอบบ้านมา ไปเจอเตาบาร์บีคิวเข้าเลยเกิดความอยาก ชีวิตไอ้ควอทซ์เศร้าได้ไม่นานหรอกครับ ผมมันก็บ้าแบบนี้แหละ
“เอาดิ” สี่ขั้วอำนาจบอกเป็นเสียงเดียวกัน ผมยิ้มแฉ่ง คว้าเบียร์กระป๋องในถังน้ำแข็งมาเปิดดื่ม ฮ้าาาาา สดชื่นที่สุด!
“มึง..” ผมเรียกพวกมันอีก สี่สหายทำหน้ารำคาญแต่ก็ยอมฟัง “ไป Flying Hanuman กัน..”
“แค่ก ๆ” กายสำลักเบียร์ ผมยิ้มกริ่ม พุ่งตัวไปกอดแขนออเซาะมันทันที จุ๊ ๆ อย่าไปบอกใครนะครับ กายกลัวความสูง
“น้าาาา กายน้าาาา ไปกันน้าาาาา”
“อย่าทำแบบนี้ดิไอ้เหี้ยน้องควอทซ์” กายทำหน้าแหยง ดันหัวผมออก เมื่อคืนผมเพิ่งไปหาข้อมูลมา อยากไปมากครับ มันจะเป็นอะไรที่แอดเวนเจอร์ โหนสลิงอะไรงี้ อยากไปอ่ะครับ
“ไปนะ นะนะนะ ไปกันน้าาา”
“เอาดิ หึหึ” หมาไนต์กับฟอร์สตอบตกลง ผมยิ้มกว้างทันที มองหน้าไรเฟิล ฝรั่งเลิกคิ้ว ยกขวดเบียร์ขึ้นจิบ กล้าไม่สนใจผมเหรอ! ผมปล่อยแขนกายแล้วไปออเซาะไรเฟิล ไม่ต้องอายมันล่ะ มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น!
“ไปนะ นะ”
“ขี้เกียจ”
“โหยยยยยยยยยยยย ไรอ่าาา ไปดิ ไปด้วยกัน” ผมใช้เวลาออเซาะสองหน่ออยู่นานมากกกกกก! แม่งเล่นตัวจริง ๆ เลยให้ตายเถอะ! ไรเฟิลมันแกล้งผมอ่ะ จริง ๆ ก็ยอมตั้งแต่บอกเลยว่าอยากไป น่าถีบจริง ๆ ส่วนกาย. . . รายนั้นมันไม่อยากไป ความสูง it’s not him style แต่ถ้าให้ผมได้อ้อนยังไงก็ต้องแพ้ล่ะนะ ฮาฮ่าาาาาา เมื่อตกลงกันได้ก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวครับ วู้วววววววว
Let’s go to Flying Hanuman!!!
-------
----
แล้วพวกเราก็มาถึงฟลายอิ้งหนุมานแล้วครับ มีผมอะเลิร์ทที่สุดแล้ว ไปคุยกับเจ้าหน้าที่จากนั้นก็ไปใส่อุปกรณ์เซฟตี้กัน กายหน้าซีดมากตอนขึ้นมาบนฐานแรก ดู ๆ ไปก็น่าสงสารนะครับ แต่ก็อยากจะแกล้งมันด้วย ทำไมผมถึงนิสัยแย่แบบนี้เนี่ย . . .
“ไหวไหมมึง” ฟอร์สถาม ตบไหล่กายปุ ๆ แต่กลั้นหัวเราะ
“ไม่” กิตติพิชญ์สั่นหัว ไม่มีฟอร์มอะไรทั้งนั้น
“ไม่เล่นก็ได้นะ” ผมบอก กายมองหน้าผมเหมือนอยากจะถีบผมให้ตกลงไปข้างล่างมาก โอ๊ยยย ตลกอ่ะ! ฮ่า ๆๆ
“พี่กายต้องทำได้ดิ อย่าไปกลัวววววว” น้องตัวเล็กเชียร์
“ไปให้ดูคนแรกดิ้ ไป!” กายดันตัวน้องตัวเล็ก น้องสั่นหัวจับเสื้อไอ้ไนต์แน่น
“ไม่เอา ผมป๊อด”
“เดี๋ยวกูไปคนแรกเอง” ผมบอกก่อนจะเดินไปให้เจ้าหน้าที่เขาล็อคตัวล็อคกับเส้นสลิง แมนสัดอ่ะ!
“วู้ววววววว~” เสียงไอ้ไนต์ดังแว่วมา ตอนนี้ผมผ่านฐานแรกมาแล้ว กำลังยืนรอพวกมันอยู่กับไรเฟิล กาย ฟอร์ส น้องตัวเล็กของผม ยังไม่มาเลยเนี่ย
“อ้ากกกกกกก! กรี๊ดดดด!” น้องตัวเล็กมาแล้ววววววว กรี๊ดเสียงแหลมเป็นผู้หญิงเลย ผมยกกล้องถ่ายภาพน้องเอาไว้ ได้ทั้งช็อตฮา ทั้งช็อตดูดี ฮ่า ๆๆ
“ฮือออ ลุง” ไอ้ไนต์ยืนหัวเราะน้องแต่ก็ไปช่วยจับ ตอนนี้ก็เหลือกายกับฟอร์ส ผมไม่รู้ว่ากายจะมาหรือเปล่า ฐานแรกระยะห่างมันไม่ได้ไกลมากนะ ต้องมานะกาย. . .
“ไอ้เหี้ยยยยยย!!!!!” เย็บแม่ม!!! กายยยย เสียงกาย!!! พวกผมมองอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนจะยิ้มออกมา ผมรัวชัตเตอร์ไม่ยั้งมือจนอีกฝ่ายมากถึง กายหอบแฮ่ก หน้าซีดเผือด แล้วฟอร์สก็มาเป็นคนสุดท้าย
“เป็นไงบ้าง?” ผมถาม
“เหมือนจะตาย” มันตลกนะ แต่ขำไม่ออก หน้ากายซีดมากเลย..
“ไหวไหมอ่ะ เลิกเล่นก็ได้”
“กูว่าไม่ทันแล้วมั้งน้องควอทซ์” ผมหัวเราะแหะ ๆ ทำไงดี งื่อ.. มองไรเฟิล ตัวสูงสั่นหัวเชิงไม่เป็นไร โอเค ก็ได้วะ! เล่นกันต่อเลย
พวกเราเล่นกันไปแต่ละฐาน กายเองก็ใจแข็งมากครับ มันกลัวแต่ก็ยอมเล่นด้วยอ่ะ โคตรแมนเลย! และตอนนี้ก็มาถึงฐาน...ที่เท่าไหร่ไม่รู้ แหะ ฐานนี้ระยะทางมันยาวมากกกกกกกกกกกกกกก ผ่านฐานนี้มากายหน้าซีดกว่าเดิมเสียอีก เง้อ..
“มึงไหวไหมเนี่ย” ไนต์เอาเท้าเตะกายเบา ๆ กิตติพิชญ์สั่นหัว
“เหลืออีกเยอะไหมวะ” เสียงแหบแห้งราวกับคนไม่มีแรง T_T
“ถ้าจะหยุด มึงก็ต้องโดดลงไปอ่ะ” ฟอร์สพูด กายสะบัดนิ้วกลางให้
“ไปเหอะ รีบเล่นให้จบสักที ถึงพื้นเมื่อไหร่มึงตายแน่น้องควอทซ์!” กายชี้หน้าคาดโทษ
----
--
“ไอ้สัด!!!! ใครโยก!!! ไอ้เหี้ย!!! #@#%&/7483”#@” กายสบถยาวเหยียด ตอนที่เรากำลังเดินข้ามสะพานแขวน มองไปด้านหลัง ไอ้ไนต์กับฟอร์สยังไม่ข้ามมาเลยแล้วมันสองคนนั่นแหละที่เป็นโยกสะพาน แม่งยังมีหน้ามาหัวเราะสะใจอีก!
“ลุงงงง!! ไอ้เหี้ยลุง!!!”
“ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ” เวรมากไอ้พวกเหี้ย!! กว่าจะผ่านสะพานมาได้แทบจะตีกันตาย ตอนนี้ก็มาถึงฐานสุดท้ายแล้วครับ แต่มัน...เอ่อ.... ต้องโรยตัวลงไป จากต้นไม้สูง 40 เมตร!!!!!!
“ตาย ตาย ตายแน่กู!!” ไม่ใช่แค่มึงกาย.. กูก็จะตายด้วย เหมือนบาปกรรมตามทัน T_____T
“ลงไปก่อนดิไอ้เห็ด” ผมสะบัดหัวแรง ๆ ฐานนี้กูขอผ่านครับ ไม่ไหวจริง ๆ สูง 40 เมตรเลยนะเฮ้ย!!
“ไม่เอา! มึงแหละลง”
“ตีนหนิ ไอ้ปืนมึงลงก่อน” โยนให้ไรเฟิลซะงั้น
“อ่อนหัด” คุณชายว่านิ่ง ๆ แต่เจ็บไปถึงทรวงใน ร่างสูงเดินไปประจำที่แล้วโรยตัวลงไป ไม่มีเสียงร้องสักแอะ มึงจะเทพไปไหน..
“ไปมึง” ไอ้เหี้ยไนต์ผลักผมไปข้างหน้า ไอ้เชี่ย!! ถ้าพลาดนี่ตกนะเว้ย!!!
“อ้าก!!!!” ผมร้องเสียงหลง แม่งงงงงง หัวใจเต้นตุบ ๆ มาถึงพื้นนี่เล่นเอาขาอ่อนเลย ฮืออออ
แล้วจากนั้นก็คือฟอร์สครับ ฟอร์สก็ร้องเหมือนกัน (ฮ่าๆๆ) แล้วก็น้องตัวเล็กของผม ออกัสเสียงแหลมมากเลยฮะ ถึงพื้นก็ล้มพับไปเลย แล้วไอ้ไนต์ก็ลงมา มันสนุกสนานมาก และคนสุดท้าย กาย. . .
“มึงรีบลงมาดิ๊ กูหิว!” ฟอร์ส
“ไอ้สัด!!! 40 เมตร ไม่ 40 เซนฯ ไอ้ควาย!” กายตะโกนด่าจากข้างบน
“ฮ่า ๆๆๆๆ”
กายยืนทำใจอยู่สักพักแล้วทิ้งตัวลงมา
“ไอ้... อ้ากกกกก แมมมมมมม่!!!!!” ฟอร์สกับไนต์หัวเราะจนตัวงอ ไรเฟิลหัวเราะนิ่ง ๆ ตามสไตล์ น้องตัวเล็กนั่งพิงโคนต้นไม้พัดให้ตัวเองหน้าสวยยังซีดอยู่นิดหน่อย
“ไอ้ห่า!!!” กายนอนแผ่บนเบาะรอง หอบหายใจแฮ่ก ๆ สภาพดูไม่จืดเลย อย่างนี้ต้องเก็บภาพไว้แบล็คเมล์ หลังจากเล่นพวกนี้ไปมันคงหายกลัวความสูงได้บ้าง หรือไม่ก็คงกลัวหนักกว่าเดิม ... ทุกคนเหมือนได้ปลดปล่อย ผมเองก็ด้วย ตอนที่กรีดร้องตะโกนออกมามันเหมือนได้ปล่อยเรื่องที่ไม่สบายใจในใจผมออกไปด้วย . . .
----------------------
เรามาหาของกินง่าย ๆ กันที่ตลาด ถึงจะกินง่าย ๆ แต่ก็หมดไปเยอะเหมือนกันครับ แต่ละคนกินอย่างกับเพิ่งออกจากคุก พอกินอิ่ม เติมพลังให้ตัวเองแล้วก็หาซื้อของสดเพื่อทำปาร์ตี้กันคืนนี้ครับ ทั้งหมดทั้งมวนทั้งหกคนนี้มีทำอาหารเป็นกันอยู่สองคน คือผมกับไนต์ นอกนั้นแผนกแดก -__- จึงให้พวกมันเป็นคนถือของ ระหว่างเดินเลือกซื้อของก็แวะร้านของกินกับแทบทุกร้าน กินกันจนพุงกาง
-----
---
“แม่ แม่จ๋า อย่าเอาเงินหนูไป” ผมหยุดเท้า หันมองไปตามเสียงที่ได้ยิน เด็กหญิงอายุประมาณ 12-13 ปี กำลังพยายามยื้อหยุดฉุดกระชากกระเป๋าใบเก่าจากผู้หญิงวัยน่าจะ 30 ต้น ๆ
“เงินมึงก็เงินกูนั่นแหละ! ปล่อยนะอีแก้ว” คนเป็นแม่ผลักเด็กหญิงจนล้ม
“ฮึก แม่จ๋า อย่าเอาไปเลยนะจ้ะ”
“มึงกล้าดียังไงมาห้ามกู ห้ะ!”
“เราไม่มีเงินแล้วนะแม่ ฮึก”
“ไม่มีเงินก็ไปหาสิวะ ปล่อยกู” เธอพยายามสะบัดขาที่เด็กหญิงกอดอยู่กอด มือก็ตีไปตามร่างกายของเด็กน้อย
“มึงมันมารชีวิต มึงไม่เกิดมาเลยอีแก้ว! กูน่าจะฆ่ามึงทิ้งตั้งแต่อยู่ในท้อง ไม่น่าเชื่อยายมึงแล้วเก็บมึงไว้เลย เพราะมึงกูถึงซวยแบบนี้ ปล่อยกู!!”
“ฮึก ฮือ แม่จ๋า ฮือออ”
อึก. . .
“บันนี่ ยืน... ร้องไห้ทำไมวะ!”
“ห ห้ะ?” ผมยกมือแตะแก้ว สัมผัสชื่อ ๆ บนใบหน้าบอกให้ผมรู้ว่าผมกำลังร้องไห้อยู่จริง ๆ ผมเช็ดมันออกลวก ๆ ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร ตายังมองสองแม่ลูกคู่นั้นอยู่
“ทำไมถึงใจร้ายงี้อ่ะ!” น้องตัวเล็กพูดเสียงดัง แถมชี้ไปอีก ไอ้ไนต์เอามือปิดปากน้องแทบไม่ทัน
“มันก็อย่างนี้แทบทุกวันแหละหนู” คุณป้าร้านขายผักพูด
“ทำไมเขาต้องตีลูกตัวเองด้วยล่ะครับ” น้องตัวเล็ก
“มันเกลียดลูกมันไงนังหนู แม่ของเด็กนั่นน่ะ มีมันตอนอายุยังน้อย ไม่รู้ว่าไปท้องกับใครมา ทีแรกมันก็จะไปเอาเด็กออกนั่นแหละ แต่แม่มันห้ามไว้ก่อน แก้วมันถึงได้เกิดมา พอแก้วมันได้ห้าขวบ ยายมันก็ด่วนจากไปเสียก่อน แม่มันก็เอาแต่ทุบตี ไม่ดูแลมันเลย งานการก็ไม่ทำ เอาแต่กินเหล้า เฮ้อ.. คนแถวนี้เขาเห็นกันจนชินแล้ว ค่อยช่วยเหลือก็แค่ให้ข้าวให้น้ำ ไม่ให้อดอยากเท่านั้นแหละ”
“น่าสงสารจัง. . .”
ผมแหงนหน้าขึ้นสูง กระพริบตาไล่หยาดน้ำไม่ให้เอ่อออกมา . . . เรื่องของน้องคล้าย ๆ กับผมเลยแฮะ . . แม่ไม่ต้องการ . . เหอะ ผมโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่ดี ถึงจะไม่มีแม่เหมือนคนอื่น ๆ แต่ผมยังมีป๊ากับคุณย่าที่คอยดูแล บางที..การไม่มีแม่ก็ไม่ได้แย่เสมอไป . . . ขอบคุณที่ให้ผมได้เกิดมาเจอกับคนที่รักผมมากขนาดนี้. . .
--------------------
เราจะไม่ดราม่า... แต่จะดราม่าเพราะหมั่นไส้ควอทซ์นี่แหละ (555555555555555)
น่าหมั่นไส้จริง ๆ มาบอกรักกันอี๊กกกก
แล้วก็.. ขอบคุณทุกคนมาก ๆ นะคะ รักนะจุ้บ ๆ
ไว้เจอกันตอนหน้าเน้อออออ