EPISODE 45 และแล้วก็มาถึงวันเสาร์. . .
ผมกำลังถูกจับแต่งหน้า โมเดลคนอื่นก็เหมือนกัน หลายคนก็เสร็จเรียบร้อยกันแล้ว ตอนนี้หกโมงเย็น งานจะเริ่มตอนสองทุ่มและเริ่มเดินตอนประมาณสองทุ่มครึ่ง
“ว้าย! งามมากลูกสาวเจ้!” พี่จุ๊บแจงวางแปรงลงแล้วกรี๊ดออกมา ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองตัวเองในกระจก เหยดดดดดดดดด! มันเป็นใครวะ นี่ผมจริง ๆ เหรอ ทำไมถึงสวยขนาดนี้ล่ะ ขอจีบตัวเองได้ไหมครับ!
ใบหน้าหวานถูกแต่งบาง ๆ ราวกับไม่ได้แต่ง แต่ออกมาดูมีสุขภาพดี แต่ที่เน้นหนักคือดวงตา ขอบตาล่างและบนถูกกรีดด้วยอายไลน์เนอร์จนตาหวานคมขึ้น บริเวณขอบตาก็ถูกแต่งแต้มด้วยอายแชร์โดว์สีน้ำตาลแดงเลยไปถึงหางตาให้เป็นปลายแหลมนิดหน่อย ซ้ำยังมีคอนเทคเลนส์สีเทาอีกด้วย
โอ้มายก็อด. . . อย่างกับแวมไพรส์
“มันแปลก ๆ” ผมพูดเสียงค่อยอย่างไม่มั่นใจ
“โอ๊ยยยย แปลกตรงไหนลูก สวยแล้วค่าาา” โธ่.. เจ้ครับ..
ผมล้วงหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงแล้วเข้าไปในแอพพิเคชั่นกล้องถ่ายรูป ถ่ายผ่านกระจกก่อนจะเปลี่ยนเป็นกล้องหน้าอีกที ได้ไปประมาณห้ารูป ผมกดเลือกรูปที่ถ่ายไว้แล้วส่งเข้าไปในไลน์กลุ่มที่มีผมและสี่สหายอยู่สองรูป รอดูฟีดแบ็คครับ ตอนนี้สี่สหายคงจะอยู่ด้วยกันที่ไหนสักที่
Knight : เหยดดดดดดดดดดดด น้องเห็ดจริงหรอวะ!!
Paran : ขอจีบได้ป่ะครับ
Theguy : ลูกชายโตเป็นสาวแล้ว เย็บแม่ม!!
qra. : (สติ๊กเกอร์แลบลิ้น)
qra. : มันดูดีเปล่าวะ กูไม่มั่นใจเลย ขึ้นอ่านสี่แต่ตอบแค่สามคน ไรเฟิลมันอ่านไม่ตอบอ่ะ!!!
ครืดดดด~ เช้ดดดดดดดดดด ที่ไม่ตอบเพราะแม่งโทรมาเลยเว้ย
“ฮัลโหล!”
(“สัด!”)
“อ้าว.. ด่าไมวะ”
(“ใครบอกให้แต่งหน้าแบบนั้น ห้ะ!”)
“ทำไมอ่ะ มันน่าเกลียดมากเลยเหรอ”
(“มาก!”)
“ลูกหมาสามตัวยังบอกว่าดูดีเลย...”
(“น่าเกลียดจะตายชัก”)
“จิ๊! แค่นี้แหละ!” วางสายก่อนแม่งเลย กล้าดียังไงมาบอกกูน่าเกลียด ไอ้ยักษ์นี่! หวงก็บอกดิว่าหวง โธ่เอ๊ยยยยย! ผมยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“น้องควอทซ์มาเปลี่ยนชุดลูก” เจ๊นัชชี่เจ้าเก่าตะโกนเรียก ผมรีบเข้าไปหาแล้วรับชุดจากเจ๊ไปเปลี่ยน ยัดชายเสื้อเชิ้ตสีขาวใส่กางเกงสีเข้ม แล้วใส่หูกระต่ายสีดำลายจุดสีขาวจัดนิดหน่อยให้เข้าที่ พอแต่งเสร็จก็ออกมาหาเจ๊นัชชี่ที่ถือสูทสีน้ำเงินรออยู่ เจ๊นัชชี่จัดปกเสื้อเชิ้ตกับหูกระต่ายให้ผมอีกรอบ แล้วจากนั้นก็จัดทรงเสื้อสูทที่ผมใส่อยู่ ส่งมือมาติดกระดุมสูทให้ผมหนึ่งเม็ด ปกเสื้อเป็นผ้ามันเงา และเป็นแบบ Shawl Colalr โค้ง ๆ มน ๆ ส่วนของรองเท้านั้น เป็นสไตล์ Oxford shoes สีดำมันปลาบ
“เลิศมาก!”
“มีคนบอกผมน่าเกลียด”
“ต๊ายยยยย ใครตาต่ำขนาดนั้น” ผมยู่ปาก เกาหัวแกรก ๆ
ผมนั่งนิ่งให้แฮร์สไตล์ลิสต์จัดแต่งทรงผมให้ ผมของผมมันเริ่มยาวแล้ว หน้าม้าเลยถูกปัดไปด้านข้าง(หมาไนต์ไม่สามารถเรียกผมว่าเห็ดได้อีกแล้ว) ผมสีแดงสดถูกดัดเป็นลอนเล็กน้อย จัดให้เข้าที่อีกนิดหน่อยพี่เขาก็เอามงกุฎมาใส่ให้ มงกุฎสีทองฉลุลวดลายสวยงามรอบตัวของมันและถูกประดับตกแต่งด้วยเพชรพลอยน้ำงามหลากหลายสีโดยรอบอย่างลงตัว. . .
------------
--------
“หน้าบึ้ง” ผมบีบแก้มไรเฟิลเบา ๆ ร่างสูงปรายตามองแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
“น่าเกลียด”
“ดูดีออก ใคร ๆ ก็บอกอย่างนั้น” ผมยิ้มยิงฟัน ไรเฟิลบีบแก้มผมคืนแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ไอ้สาดดดดด คนอยู่เยอะนะเว้ย!! คือตอนนี้เราอยู่ที่ห้องด้านหลังไง แล้วมันก็มีนายแบบ นางแบบ รวมทั้งทีมงานอยู่กันด้วย ทุกคนเลย. . .
“ไม่ชอบเหรอ?”
“หวง” ผมอมยิ้ม มองซ้ายมองขวา ไม่มีคนสนใจเลยยื่นหน้าไปจุ๊บปากอีกคนเร็ว ๆ แล้วผละออก หน้าแดงฉ่า... น่าอายฉิบหาย
-----
---
เวลาสองทุ่มโดยประมาณ
“ฟู่...” ผมเป่าลมออกจากปาก ตอนนี้งานเริ่มแล้ว เมื่อสักครู่อาณิชเข้ามาหา บอกว่าไม่ต้องกังวล แค่ทำเหมือนตอนซ้อมก็พอ ก่อนจะออกไปที่หน้างาน
“ตื่นเต้นเหรอลูก?”
“ครับ..” พยักหน้าตอบคุณย่าที่เข้ามาหาถึงหลังเวที ป๊าไม่เข้ามาด้วย บอกสภาพผมน่าเกลียดเดี๋ยวสายตาเสีย ฮึ่ยยยย
“หลานย่าเก่งอยู่แล้ว” คุณย่ายิ้มให้พร้อมกับลูบหลังมือผมเบา ๆ ผมรวบมือคุณย่ามาจับเอาไว้
“ถ้าผมทำพังล่ะครับ” จริงใกล้ถึงเวลาก็ยิ่งจิตตก ผมจะเป็นบ้าแล้วน้าาา!
“คิดมากไปได้ ทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว”
“งื่อ. . .”
ไรเฟิลเดินเข้ามาหาหลังจากคุณย่าออกไป อีกไม่กี่นานทีการเดินแบบก็จะเริ่มขึ้นแล้ว มือหนาส่งมือมากุมมือผมก่อนจะพาเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุด ไรเฟิลสอดมือข้างหนึ่งมาประคองท้ายทอยผมไว้ก่อนจะก้มหน้าลงมาใกล้
“จะ..ทำอะ.. อือ” ริมฝีปากหยักทาบทับลงมาประกบกับริมฝีปากผม กดค้างไม่นิ่ง ๆ ไม่ได้รุกล้ำเข้ามาภายใน ผมหลับตาลงรับสัมผัสบางเบาราวกับปุยนุ่น
“Don’t worry”
---------------------------
ผมยืนสแตนบายอยู่หลังเวที พี่จุ๊บแจงกำลังลงลิปกลอสให้อีกที เจ๊แกมองผมแบบ.. จิกแรง ทำนองนั้น ผมยิ้มแหยะ มีทีมงานเอานาฬิกาเรือนที่ผมต้องใส่เดินมาให้สวม(เมื่อกี้ถูกไรเฟิลลากไปเลยยังไม่ได้)
“ฟินนาเล่ครับ!!”
ผมพรูลมหายใจก่อนจะก้าวขึ้นบันได ไฟในแกรนด์บอลรูมถูกหรี่ลง ผมเสียจังหวะนิดหน่อยตอนที่ได้ยินเสียงฮือฮาและปรบมือและยังมือสปอร์ตไลท์ที่ส่องมาที่ผมอีก หัวใจผมเต้นตึกตักอย่างตื่นเต้น พยายามผ่อนคลายและทำออกมาให้เป็นธรรมชาติ แสงแฟลชสาดเข้ามามากมายจนต้องหรี่ตา ผมก้าวเดินอย่างที่ซ้อมมา ผมหยุดโพสท่าตรงสุดปลายแคทวอล์คอย่างที่เคยซ้อมมา หางตาดันเหลือบไปเห็นไรเฟิลนั่งหน้าบึ้งอยู่ ผมหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่และเผลยกมือขึ้นปิดหน้า(ยังดีที่ยกข้างที่ใส่นาฬิกา) ผมยิ้มเขิน ๆ แล้วหมุนตัวกลับเข้าไปหลังเวที
โคตรพลาด!!!
โดเมลทุกคนขึ้นเดินกันอีกรอบ ไฟในห้องจัดเลี้ยงถูกเปิดให้สว่าง ในอ้อมแขนผมมีดอกไม้ช่อโตอยู่ และผมก็ต้องเป็นคนมอบให้อาณิช อาณิชกระซิบบอกว่าอย่าเพิ่งเปลี่ยนชุด
------------
-------
กลับมาหลังเวทีอีกครั้ง.. ผมทรุดนั่งบนขั้นบันได ซบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง รู้สึกตอนซ้อมทำได้ดีกว่าอีก รู้สึกแย่นิด ๆ แฮะ เฮ้อ..
“เป็นอะไร” เงยหน้ามองคนที่เข้ามาทัก ไรเฟิลยืนอยู่ตรงหน้า ผมยิ้มฝืดส่ายหน้าเบา ๆ
“สวัสดีครับเจ้าชาย”
“ไอ้ลูกหมา!!” ไนต์ กาย ฟอร์ส โบกมือให้ ผมยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน
“ทำหน้าดี ๆ หน่อยดิคร้าบบบ” ฟอร์ส
“ช่ายยย มาถ่ายรูปกันเหอะ” กายพูดแล้วคว้าข้อมือผมไป ยกแขนขึ้นพาดไหล่แล้วยกเอาสมาร์ทโฟนเครื่องสวยออกมาก เปิดกล้องหน้าเสร็จสรรพ
“เฮ้ยยยย กูถ่ายด้วย!” เป็นอันว่าผมอยู่ท่ามกลางยักษ์ทั้งสี่ ถ่ายรูปกันเพลินจนลืมเรื่องที่คิดอยู่ไปเลย
“รูปที่มึงถ่ายแบบ สวยดีนะ” ผมกลืนน้ำลายเอือกกับคำพูดของกาย ...แม่งในงานมีรูปทุกเซ็ทเลยนี่หว่า!!
“ภาพที่ปลดกระดุมนะมึง อื้อหือออออ” สัดฟอร์ส!!
“ไอ้ปืนแทบจะพังทิ้ง ฮ่า ๆๆ” และเชี่ยไนต์
“หึ..”
“อ เอ่อ.. เดี๋ยวเอานาฬิกาไปคืนก่อนนะ”
-----
---
“ขอบคุณครับ” ผมบอกพี่ที่เอามงกุฎออกจากหัวให้ ถอดนาฬิกาคืนด้วย จากนั้นก็กลับไปหาสี่สหาย หืม. . . สาว ๆ รุมเพียบเลย น่าหมั่นไส้จริง ๆ
“ขอโทษนะ” ก่อนผมจะไปถึงสี่สหายก็มีคนมาขวางทางซะก่อน
“ครับ?”
“ชื่อควอทซ์ใช่ป่ะ?” เขาถาม
“อื้อ” หมอนั่นยิ้ม
“ขอเบอร์ได้...”
“ไม่ได้” เสียงเย็นยะเยือกของไรเฟิลแทรกเข้ามา ใบหน้าเรียบนิ่ง สายตาคมกริบมองคนที่ทักผมอย่างเย็นชา มือหนาวาดโอบเอวผมแล้วดึงไปชิดตัว นายแบบคนนั้นมองตามแล้วยกยิ้ม
“อ๋อ.. ถ้าเลิกกับเขาก็บอกผมนะ” หมอนั่นยักคิ้วให้อย่างกวนตีนแล้วเดินกลับไป
“ไอ้เหี้ย..” ผมสบถออกมาเบา ๆ แม่งแช่งผมอ่ะ! ไรเฟิลยังคงหน้านิ่ง ผมชวนสี่สหายออกไปด้านนอก แต่ผมง่วงจังเลย ฮ้าว. . .
------------------
“ชอบเหรอ?” ผมถามไรเฟิลที่ยืนมองนาฬิกาอยู่ในตู้โชว์
“ก็ดี”
“ไม่ซื้ออ่ะ”
“ไม่ล่ะ แพงไป” ผมกระแทกไหล่ไรเฟิล ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากคุณชายศิริวัฒนามงคล
“ขอโทษนะครับ”
“ครับ?”
“คุณวาณิชเชิญครับ”
“อ่า.. ขอบคุณครับ” ผมค้อมหัวให้คนที่เข้ามาบอกนิดหน่อย กระตุกมือไรเฟิลแล้วเดินไปหาอาณิช
------
----
“อาณิชครับ”
“อ้าว มาแล้วเหรอ เป็นไงบ้างครับ?”
“มันออกมาดีหรือเปล่าอ่ะครับ ผมทำพลาดด้วยอ่ะ”
“พลาดตรงไหนกัน อาไม่เห็นรู้เลย”
“ง่า.. ก็ตอนที่เริ่มนิดหน่อยแล้วก็ตอนที่หยุดโพสไงครับ”
“หืม? ที่ยิ้มนั่นเหรอ? (ผมพยักหน้า) อานึกว่าตั้งใจเสียอีก รู้ไหมมีคนพูดถึงตรงนั้นเยอะมาก อย่าทำหน้าอย่านั้นสิ เขาพูดในทางที่ดีนะ มีแต่คนชม มันน่ารักมาก”
“ผมกลัวว่าจะทำงานอาพัง”
“มันดีแล้วครับ อย่าคิดมาก มา ๆ ไปถ่ายรูปกัน นักข่าวเขาอยากรู้จักเจ้าชายของอาเยอะแยะเลย” ผมมองหน้าไรเฟิล คนตัวสูงพยักหน้า ผมเดินไปกับอาณืช ไรเฟิลไปหาครอบครัว ครอบครัวศิริวัฒนามงคลมากันหมดเลยครับ ไรเฟิลบอกว่าครอบครัวมันมาดูผมเดินโดนเฉพาะเลย T////T
-----
---
โดนแฟลชสาดใส่จนแสบตาไปหมดแล้ว พอหลุดจากดงนักข่าวอาณิชก็พาผมทัวร์รอบงานเลย ทักคนนู้น สวัสดีคนนี้ แล้วคนที่มางานนี้ก็มีแต่คนมีหน้ามีตาในวงสังคมทั้งนั้นเลย
“สวัสดีครับ คุณศนิตา” ผมยกมือไหว้ตามอาณิช ผู้หญิงคนนี้.. คุณศนิตา ...คนที่ผมชนที่ห้างและคนที่ผมจ้องมองในทีวีวันนั้น.. ตัวจริงสวยกว่าในทีวีเสียอีก คนที่ไรเฟิลบอกว่าเป็นแม่ของแพค และคงจะจริงเพราะแพคก็ยืนอยู่ด้วย
“สวัสดีค่ะคุณวาณิช แล้วนั่น..” เธอยิ้มตอบอาณิชแล้วปรายตามองทางผม
“ควอทซ์ครับ หลานผมเอง”
“อ๋อ เหรอคะ” อาณิชกดยิ้มมุมปากก่อนจะคลี่ยิ้มหวาน
“ขอถ่ายรูปด้วยได้ป่ะครับ” ผมมองค้อนไอ้แพค มันยิ้มโชว์รอยบุ๋มข้างแก้ม
“เอาดิ” แล้วมันก็เดินมาหาผม ถ่ายรูปกับแพคไปสองสามรูป
“พี่แม่งสวยว่ะ โอย!” เผลอพลั้งมือทุบหลังเด็กลักยิ้ม
“เฮ้ย ขอโทษ”
“ฮ่า ๆ ผมไม่ได้..”
“โอ๊ย!” เป็นผมที่ร้องออกมาบ้าง แขนผมถูกกระชากไปด้านหลัง รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ข้อเท้าขึ้นมานิดหน่อยเพราะใช้เท้ารับแรงมากเกินไป แต่ไม่นานความเจ็บก็หายไป คุณศนิตาตำหนิผมผ่านทางสายตา
“แม่ทำอะไรครับ?! พี่เป็นควอทซ์เป็นไงบ้าง”
“น้องควอทซ์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” อาณิชถามแล้วเดินเข้ามาหาผม
“ไม่เป็นอะไรครับ” ผมตอบอาณิชกับแพค
“กล้าดียังไงมาตีลูกฉัน” คุณศนิตาพูดเสียงเบาแต่เย็นยะเยือก
“ผ ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ ผมขอโทษครับ”
“แม่ครับ แพคไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนะ”
“มีเรื่องอะไรกัน?” ผมกันไปมองคนพูด ป๊าผมเอง.. ป๊าดึงผมเข้าไปใกล้แล้วโอบไหล่ผมเอาไว้
“ไม่มีอะไรหรอกป๊า”
“ลูก..คุณ..เหรอ?” คุณศนิตาถามเสียงติดขัด มองหน้าป๊าอย่างตื่นตระหนก
“ใช่ ลูกผมเอง ขอตัวก่อนนะครับ” ป๊าพูด ถ้ามองไม่ผิดเหมือนป๊าจะตวัดตาดุอาณิชด้วย.. ผมถูกป๊าลากคอออกมาจากวงล้อมนั้น ครับ.. ลากคอนนั่นแหละไม่ผิดหรอก
“ป๊าาาา เจ็บบบบ” ผมลากเสียงยาว พอบอกแบบนั้นป๊ายิ่งออกแรงล็อคคอผมแน่นกว่าเดิมจนต้องร้องโอดโอย
“เจ็บ ๆๆ” สะบัดศีรษะหนีมือที่เขกหน้าผากแต่ก็หนีไม่พ้น
“ป๊าาา พอแล้ววว คนมองหมดแล้ว”
“ช่างแม่งดิ! ผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรกับมึงบ้าง เล่ามาให้หมด!”
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ก่อนผมจะได้เล่า ไรเฟิลก็เข้ามาซะก่อน ไม่ใช่แค่ไรเฟิลอ่ะ ศิริวัฒนามงคล ทุกคนเลย
“เล่ามา”
“โงยยย” ผมลูบหัวป้อย ๆ ป๊านี่ก็ชอบตีหัวผมจังเลยยยย ฮืออออ
“ก็. . . .” ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พอเล่าจบหน้าทุกคนก็แบบ.. นะ จำกัดความไม่ได้
“ไม่น่าได้เจอกันเลย...” ป๊าพูดเหมือนบ่นกับตัวเองแต่ผมดันได้ยินแต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
“ป๊าพูดไรอ่ะ” ป๊าปรายตามองก่อนจะพูดออกมาคำเดียวแต่ทำให้ผมหน้าสั่น
“เสือก” ดู!!!! ดูพ่อผมสิ!!!!
ผมโดนพี่น้องศิริวัฒนามงคลลากไปถ่ายรูป ในขณะที่ป๊ากับคุณย่ากำลังคุยกับพ่อแม่ของไรเฟิลอยู่ รู้สึกเหมือนโดนกีดกัด ฮึก..
นี่ถ้าคิดเงินค่าถ่ายรูปด้วยผมคงรวยไปแล้วล่ะครับ
-------------------
รู้สึกเหมือนตอนนี้ไม่ค่อยมีอะไรเลย ตัดบทเยอะไปไหมหล่อน T_T
ขอบคุณทุกคนนะค้าา รักนะ จุ้บๆ
[/size]