Title : At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 15
“คิดดีแล้วใช่มั้ยเนี่ยคุณ”
“คิดว่าห้องผมเป็นไรอะไร นี่ห้องทำงานนะ”
“คิดจะมาเยี่ยวก็มางั้นหรอ? ไอ้ห่าโอมนี่ก็ยังไง กุญแจนี่กูเอาไว้ให้ยามฉุกเฉิน ไม่ได้เอาไว้ให้มึงพาเพื่อนคุณหนูมาเยี่ยวฟรี ห่านี่!”
อะไรเนี่ย
ทำไมต้องมาฟังเสียงคนบ่นทั้งที่ยังง่วงอยู่ด้วย
จะให้ตื่นก็ไม่ไหวหรอกนะ นี่ยังปวดหัวอยู่เลย
ปวดหัวเพราะกินเหล้านี่แหล่ะ
เออว่ะ! ผมดวลเหล้าฉลองกับไอ้โอมนี่หว่า
โอยยย แล้วใครบ่นอยู่ล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่า
“พี่โป๊ะ!” ผมเรียกชื่อเจ้าของใบหน้าที่ยื่นมาเสียใกล้
“ก็เอออออออออออออออออออออออออสิ!” หน้าเขาหันมาหาผมอย่างรวดเร็ว พอปลายจมูกตรงกันเป๊ะแล้วเขาก็หยุดสายตาไว้ที่ลูกกะตาผม
“คุณก็เหมือนกัน”
“เป็นคุณหนูก็ไปกินเหล้าร้านหรูๆ สิ”
“พูดยังกับร้านพี่โป๊ะถูกๆ แหล่ะ แพงเหมือนกันแหล่ะน่า” ไอ้โอมเถียงแทนผมครับ เขาหันกลับไปบ่นมันต่อ แต่ตัวยังนั่งอยู่กับผมบนโซฟา ส่วนไอ้โอมนั่นนอนแหล่หลาบนพรมในห้องเหมือนเดิม
“ยังจะเถียง มึงผิดนะโอม”
“ผมขอโทษนะพี่โป๊ะ แต่ผมไม่ได้เหลิงเพราะพี่ใจดีด้วยจนกล้าชวนใครก็ไม่รู้มาในห้องส่วนตัวพี่หรอก”
“ก็เห็นว่าพี่กับไอ้คุณชายวินรู้จักกันดี วินมันก็น้องพี่เหมือนกันไม่ใช่หรอ”
“ไม่ใช่เว้ย!”
“ขอโทษ!”
“โอม กูกลับแล้วนะ”
“กลับกับกูมั้ย เดี๋ยวไปส่ง” ผมบอกแล้วเด้งพรวดขึ้นยืน ก็เจ้าของห้องเขารังเกียจกันขนาดนี้ อยู่ไปจะเป็นบุญคุณกันถึงชาติหน้าเปล่าๆ
“เดี๋ยว ผมยังไม่หมดธุระกับคุณ”
“โอม กลับไปทำงานที่ออฟฟิศโน้นไหวมั้ย”
“ไหวครับพี่”
“เออ งั้นไปทำงานของมึงให้ดี คนไม่รู้หน้าที่ไม่นับเป็นคนสำหรับกู”
“วิน ไปดิ”
“กูบอกว่ายังไม่หมดธุระกับเพื่อนมึงไง”
“มึงน่ะกลับไปได้แล้ว แต่เพื่อนมึงเนี่ย กูมีเรื่องต้องทำความเข้าใจ”
“โธ่เฮีย! อย่าทำไรมันเลย วินมันก็ตัวเท่านั้น อีกอย่าง ผมชวนมันเมาเอง ก็แค่ฉลองเกรดกัน แล้วก็ไม่ได้แตะต้องอะไรในห้องนี้เลยนะ ผมเยี่ยวทีเดียวเอง”
“กูถามหรอ? กูบอกว่าอะไร”
“ให้กลับ”
“แล้วจะไม่ทำ?”
“ก็....วินมัน”
“ไปได้แล้วมึงน่ะ กูไม่ฆ่าทิ้งหรอก”
“เดี๋ยวป้าเขาเอาเรื่อง” อืม....ผมจะโดนอะไรบ้างหลังจากไอ้โอมกลับไปแล้วก็เดาไม่ออกเหมือนกัน ไอ้โอมส่งสายตาเห็นใจให้ผมแล้วก็เดินกุมหัวออกจากห้องใต้ดินนี้ไป พอสิ้นเสียงกึกปุ๊บ เขาก็ลุกไปที่ประตูแล้วกดล็อคทันที
ไอ้หมีควายตัวนี้น่ากลัวชะมัด!
“ไง” แล้วผมต้องตอบว่ายังไงล่ะ? จะให้เฮ้! ดู้ดงี้หรอ ก็คงไม่สมควรเท่าไหร่ล่ะนะ ผมเม้มปากแน่น เบียดตัวพิงพนักโซฟา มือกำแน่นวางไว้ที่หน้าขา หน้าก็ก้มต่ำ
“ไง” เขาเน้นเสียงอีก คือผมต้องตอบอะไรบางอย่างใช่มั้ยเนี่ย หัวมันเบลอไปหมดแล้ว
“วิน”
“ข...ขอโทษ”
“แต่วินไม่ได้ฉี่เลยนะ”
“เรื่องของฉี่มันเถอะ เราเนี่ย ยังไง”
“เมาหลับอยู่ที่นี่ บอกที่บ้านรึเปล่า”
“เปล่าครับ”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ! แบบนี้จะปล่อยได้ไงวะ! ยุ่งเอ้ย!” ก็ไม่ได้ขอให้มายุ่งสักนิด ผมได้แต่เถียงในใจ พลางเงยหน้ามองเขาที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง กดเบอร์โทร แล้วก็รอสาย
โทรหาใครวะ? แล้วทำไมต้องมายืนขายาวอยู่ตรงนี้ด้วย ไปคุยที่อื่นไม่ได้หรอ?
“ครับอาสุ โปรเอง”
ชิบหาย! นี่ฟ้องป้าสุหรอ? ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะแม่งเลวจริงๆ ความปราณีแม่งคงติดลบในสัดส่วนความรู้สึกแน่ๆ
“จะโทรมาขอโทษนะครับ พอดีให้วินเขาดูเอกสารโปรเจค แล้วก็ข้อมูลกว้างๆ ก็เลยลากยาว”
“นี่หลับอยู่ออฟฟิศผม อาสุไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ครับ ครับ ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ” ยิ้มส่งท้ายด้วย ยิ้มกับอากาศนะครับ ไม่ได้ยิ้มกับผม วางสายจากป้าสุแล้วเขาก็ก้มหน้ามองผมใหม่ รอบนี้กอดอกพลางหย่อนขาแล้วก็งัดส้นตีนขึ้นลง กระดิกเท้านั่นแหล่ะครับ
“ไงล่ะไอ้ยุ่ง”
“ยังไงดี”
“พี่โป๊ะ ไม่ฟ้องป้าสุหรอว่าวินเมาหลับไม่รู้เรื่อง”
“ทำแบบนั้นก็ไม่เห็นได้อะไร”
“แล้วแก้ตัวให้วิน ได้อะไร”
“ได้ทาส 1 คน” ตอบให้งงแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเองครับ ไม่พูดอะไรต่อ ไม่อธิบายอะไรเพิ่ม ผมนั่งงงอยู่แป๊บนึงก็วิ่งหลุนๆ ไปยังหน้าโต๊ะทำงานเขาไว้
“ทาสอะไร วินไม่เข้าใจ”
“ก็คุณไง”
“ค่าตอบแทนที่แก้ตัวให้ เป็นทาสผมวันนึงก็แล้วกัน”
“เริ่มจาก ไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เสื้อผ้าหาเอาเอง ใส่ของผมได้ อนุญาต”
“เสร็จแล้วจะได้กินข้าวเช้ากัน แล้วก็ทำงาน ไม่รู้รึไงว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย”
“เอ่ออออออ” ผมกวาดตามองผนัง หมายจะหานาฬิกา แต่ก็นึกออกว่าที่ข้อมือตัวเองก็มีเพราะใส่ออกจากคอนโดเลยยกของตัวเองขึ้นเช็ค แต่ว่า...นาฬิกาข้อมือผมหายครับ
“เฮ้ย! นาฬิกาวิน!”
“เรือนรักเลยนะ”
“โน่นนนนนนนนนนน” คำว่าโน่นและสายตาบอกกับผมว่าอย่าโวยวายและจงเดินไปตรง -โน่นนนน- ซะดีๆ
ผมเดินไปยังประตูอีกบานตามสายตาเขา เปิดเข้าใจก็พบห้องเสื้อนายมือโปรครับ โอเค ตอนนี้ผมคงต้องทำตามที่เขาบอกเสียก่อน ไว้มีเรี่ยวมีแรง และกู้ภาพความน่าเชื่อถือกลับมาได้แล้วค่อยว่ากัน
ห้องเสื้อผ้าเขาหนาแน่นมากครับ แต่ก็อยู่ในกล่องในตู้อย่างดี คัดแยกด้วยว่าส่วนเสื้อ ส่วนกางเกง ส่วนกางเกงใน แล้วก็เครื่องประดับแยกไว้อีกตู้หนึ่ง ด้านในอีกทีเป็นห้องน้ำแล้วครับ ซึ่งมันก็เชื่อมกับประตูที่ไอ้โอมเข้ามาฉี่ ผมก็เลยต้องลำบากล็อคประตูมันทั้ง 2 ฝั่ง
จัดการกับตัวเองเสร็จแล้ว (กางเกงในนี่ผมแกะใหม่เพราะตาดีเห็นของใหม่นอนอยู่ในแพ็ค ส่วนบ๊อกเซอร์ก็เลือกลายสีพื้นๆ เอาแบบยี่ห้อที่หาซื้อมาคืนได้ง่าย) ผมก็เดินออกมา
นายมือโปรหันมาหาเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็หันไปทำงานต่อ
“เอ่อออ”
“หิวแล้วล่ะสิ แป๊บนะ พี่ทำนี่ก่อน” บอกเท่านี้แล้วก็เงียบไป ดูเหมือนเขาจะไม่โกรธผมแล้ว เพราะแทนตัวเองว่าพี่ แต่อย่าเพิ่งได้ใจไป ผมจำได้ว่าเขาให้ผมเป็นทาสเขา ความโหดร้ายน่าจะปรากฏตัวหลังจากนี้
ผมเดินมานั่งจ่อมอยู่ที่โซฟาที่มุดนอนเมื่อคืนอีกที ว่างๆ ก็เลยมองหาหมอนกับผ้าห่มที่ยึดไว้เป็นของตัวเอง จำได้ว่านิ่มกำลังดี ผ้าห่มก็อุ่น หอมด้วย อืมม..หาไม่เจออ่ะ
“เอ่อ พี่โป๊ะ”
“อะไร บอกว่าแป๊บนึงไง”
“เดี๋ยวทำให้”
“คือ....” ทำอะไรวะ? อย่าบอกนะว่าทำข้าวเช้า ตรงๆ เลยนะครับ แดกได้มั้ยเนี่ย?
“เปล่าๆ วินจะถามว่าพี่เก็บหมอนกับผ้าห่มไว้ที่ไหน เดี๋ยววินเอาไปซักมาคืนให้ ชุดนี้ด้วย”
“ไม่มีอ่ะ ละเมออะไร”
“มีก็เห็น”
แล้วเมื่อคืน...ผมหนุนอะไร ห่มอะไรวะ?
ผมหันขวับไปเกาะพนักโซฟา เบื้องหน้าผมคือแผ่นหลังเขาที่เกินพนักเก้าอี้ มันคงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ
ผมแตะไหล่เขาเบาๆ นายมือโปรเลยหันมาหาด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“อะไรอีก แป๊บนึง!”
“คือเมื่อคืน”
“วินนอน...ยังไง”
“ก็นอนที่โซฟานี่ไง”
“แผ่หลา”
“ผ้าห่มล่ะครับ”
“อ้อ นี่แหล่ะเหตุผลที่ต้องเป็นทาสวันนี้”
“ซบซุกซะจนพี่เป็นตะคริว จะขยับก็อื้ออื้อ ไอ้ยุ่งเอ้ย!”
“วินนอนกอดพี่หรอ”
“แหงล่ะ ดูรูปมั้ย”
“ถ่ายรูปไว้ด้วย!”
“ก็แน่ดิ หลักฐานต้องมัดตัว จะได้แถไม่ได้”
แม่งเอ้ย! รอบที่แล้วเขาก็ถ่ายรูปตอนผมนอนกอดเขาไว้ได้ มารอบนี้อีก นี่ถ้าเขาเอาเรื่องพวกนี้มาขูดรีดเงินจากผม ผมต้องหมดตัวแน่ๆ แม้จะไม่ค่อยมีเงิน(ส่วนตัว)ก็เถอะ
“ขอโทษ” ผมพูดคำนี้อีกแล้ว ปลงตกก็รูดตัวมากรอมอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิม และที่นายมือโปรพูดไว้ก็ไม่ผิด ผมหิวข้าวแล้ว นี่มันเกินเวลากินข้าวเช้าของผมแล้วนี่นา
“พี่โป๊ะ”
“โอเคโอเค”
“เสร็จแล้ว รอแป๊บ” เขาบอกทั้งที่ผมยังไม่ได้พูดเลยว่าเรียกทำไม นายมือโปรก้าวยาวออกจากห้องไป ประตูไม่ได้ปิดสนิท หรือมันจะแปลว่าผมต้องตามเขาขึ้นไปด้วย
ผมเดินตามเขาไปไม่ห่างนัก โผล่หัวมาเจอพระอาทิตย์ยามเช้าก็อดรู้สึกสดชื่นไม่ได้ เช้านี้ของผมน่าตกใจสุดๆ
เรามาถึงครัวของผับกันครับ ใหญ่โตพอสมควร
นายมือโปรเปิดตู้เย็นยักษ์ หยิบของมากองไว้ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่าเขาหยิบอะไรมาบ้าง เปิดแก้ส หั่นของ และเปิดอะไรอีกวุ่นวาย แต่ไม่นานก็มีเสียงฉ่า พร้อมกับกลิ่นยำยั่วน้ำลาย
“กินๆ ไปก่อนก็แล้วกัน”
“วันนี้จะพาไปดูโมเดลที่ออฟฟิศทาวน์อินทาวน์ จะได้รู้สเกลโปรเจคแล้วคุยกับป้าคุณรู้เรื่อง” สั่งเสร็จก็วางจานข้าวผัดปลาทูน่ามาให้ผม
“ทานสิครับคุณชาย”
“เอ่อ...ขอบคุณครับ” ผมรับคำแล้วก็ตักข้าวเข้าปาก กินมันบนเคาน์เตอร์ครัวนี่แหล่ะ
คำแรกที่เข้าปากทำเอาอดยิ้มไม่ได้ ข้าวผัดยำปลาทูน่ากระป๋องนี่แม่งอร่อยจริงๆ หรือไม่ ผมก็หิวมาก
นายมือโปรก็กินเหมือนที่ผมกินนั่นแหล่ะ เขาส่งน้ำเปล่าปริ่มแก้วให้แล้วกระดกน้ำเปล่าจากขวดเข้าปาก เราไม่พูดอะไรกันมากมายครับ เพราะต่างคนต่างกิน ผมเห็นเขาเหลือบมองผมบ่อยๆ ส่วนผมนี่กินไปก็มองเขาไป มองด้วยความทึ่งในอะไรหลายๆ อย่าง
เขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลย ไอ้เหี้ยนี่น่ะ
“พี่โป๊ะ” ผมลองชวนคุยเมื่อกินข้าวหมดจานและดื่มน้ำตามจนหมดแก้ว นายมือโปรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เพราะเขายังไม่กินไม่อิ่มครับ นี่ก็เติมเป็นรอบที่ 2 แล้ว
“เกลียดวินมากมั้ยครับ”
“เรื่อง” ข้าวคาปากก็ยังจะพูด แต่เขาไม่ผิดหรอก ก็ผมชวนคุยเองนี่
“เรื่องที่วินไม่ได้บอกว่าเป็นหลานตระกูลนี้”
“ไม่หรอก”
“แล้ว...พี่ปั้นปิ่งกับวินเพราะอะไร”
“วินไม่ชอบอยู่ใกล้คนที่ไม่ชอบวิน ยิ่งพี่มีท่าทีแบบเมื่อวันก่อน วินยิ่งไม่ชอบ”
“เคลียร์ๆ กันไปแล้วก็จบไม่ได้หรอ”
“ไม่ได้”
“ทำงั้นก็คือการหนี”
“ถ้าชีวิตคุณมันดีถึงขั้นลบความรู้สึกไม่ดีได้ทุกอย่างเพียงแค่คุยกัน 2-3 คำ คุณจะรู้คุณค่าของความรู้สึกดีๆ ของคนอื่นได้ยังไง”
“วันนึงเราก็คุยกันเหมือนเดิมได้นั่นแหล่ะ แต่ไม่ใช่วันนี้”
“วันนี้คุณเป็นทาสผมก่อน ชดใช้เรื่องเมื่อคืนกับเมื่อเช้า”
“พรุ่งนี้ ค่อยคิดอีกทีว่าเราจะคุยกันด้วยฐานะอะไร”
“เติมข้าวมั้ย ขี้เกียจแบกเด็กเป็นลม”
สรุปแล้ว เขาก็เป็นคนดีเหี้ยๆ นี่เอง
กินอิ่มปุ๊บเขาก็ทำตามแผนงานเขานั่นแหล่ะครับ
ขับรถพาผมไปออฟฟิศอีกที่ที่ทาวน์อินทาวน์ ที่นี่ผมได้พบกับผู้หญิงที่ท่าทางอารมณ์ดีที่เจอเมื่อวันก่อน
คุณแนน เลขาพี่โป๊ะ
เจอหน้าผมปุ๊บก็ส่งยิ้มหวานให้ แต่กลับเร่ไปหานายมือโปร พอได้ระยะที่ผมมองไม่เห็นกิริยาเธอแล้วก็กระซิบพูดบางอย่างกับเจ้านายของเธอ นายมือโปรหันมองผมแล้วกระตุกยิ้ม
“บ้าแล้วแนน”
“นี่คุณวิน หุ้นส่วนของบริษัทย่อยเราไง แต่กำลังจะเป็นพนักงานใหม่ที่นี่”
“รู้แล้วก็ไปเตรียมน้ำต้อนรับด้วย เดี๋ยวคอแห้งแล้วจะเป็นลมอีก”
“เตรียมห้องประชุมเล็กไว้ด้วย พี่จะทำงานห้องนั้น”
“ค่า” ดูเหมือนเธอจะกระแทกเสียงเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับเข้าประตูบริษัทที่ออกแบบไว้เหมือนประตูบ้านแคบๆ เธอหันมองผมอีกรอบแล้วก็ส่งยิ้มให้อีกรอบ อืมมม ยิ้มเก่งดีจัง
“ไอ้บ้าแนน”
“พูดถึงคนอื่นดีๆ หน่อยก็ได้นี่ครับ”
“มารยาทมาเต็มเชียวนะครับคุณหนูวิน”
“ถ้ารู้ว่าไอ้แนนมันพูดอะไร จะปกป้องมันอยู่มั้ย”
“คุณแนนพูดอะไรล่ะครับ”
“แนนมันบอกว่าวินน่ากินไปทั้งตัว ขอแทะหน่อยได้มั้ย”
“เอ่อ...วินไม่ใช่ขนม แล้ววินก็ไม่ง่ายด้วย” ผมไว้ตัว วางสีหน้านิ่งๆ ทั้งที่รู้สึกอยากเขวี้ยงหน้าดุใส่คุณแนนเต็มแก่
“เชิญครับคุณวิน” เขากลับมากวนตีนผมอีกรอบ นายมือโปรผายมือนำทาง ผมเลยรับเกียรติที่ได้รับอย่างกะทันหันไว้อย่างไม่มีทางเลือก
ออฟฟิศนี้แปลกตาดีครับ มองภายนอกก็เหมือนโฮมออฟฟิศทั่วไป แต่ข้างในกลับดีไซน์ให้ดูเหมือนเขาวงกต นี่ถ้าไม่ตามตูดเขาติดๆ ผมก็คงหลงตรงแยกห้องน้ำชั้น 2 นั่นแหล่ะ
ภายในบริษัทที่น่าจะมีแค่ออฟฟิศ กลับมาห้องสตูดิโอซ่อนอยู่ ไม่ใช่สตูฯ เล็กๆ เลย
แล้วก็มาถึงห้องทำงานเขาเสียที แต่เขาไม่ได้เชิญผมเข้าห้องหรอกครับ เขาชี้นิ้วสั่งให้ผมนั่งรอที่โซฟาหน้าห้องเขาก่อน ผมก็เลยต้องนั่งสบตากับคุณแนนที่ยังไม่เลิกส่งยิ้มหวานให้กับผมอีกครั้ง
“เอ่ออ”
“คุณวินจำแนนได้มั้ยคะ”
“ครับ”
“โทษนะคะ ถามได้มั้ยว่าอายุเท่าไหร่”
“ก็เพิ่งถามมานี่ครับ”
“กำลังจะ 25 ครับ”
“ต๊ายยยย ขบเผาะ” ผมคิดว่าไม่ว่าผมจะบอกว่าอายุเท่าไหร่ เธอก็จะแจกคำนี้กลับมา ผมยิ้มให้ตามมารยาทแต่ก็ไม่นึกเหยียดหยันในอาการกล้าได้กล้าเสียของเธอนัก ผมรู้สึกได้ว่าเธอพูดเล่น
“วันนี้มาคุยโปรเจคกับบอสหรอคะ”
“ครับ”
“อยู่กับบอสพี่แนนนานๆ นะคะ” คำอวยพรแปลกเสียจริง
“อาจจะเพี้ยนหน่อย แต่จริงๆ แล้วบอสพี่น่ารักมากเลยนะ”
“พาผู้ชายเข้าบริษัทแต่ละคน โอ้ยยยยย หล่อๆ ทั้งนั้น”
“เปรียบไปก็เหมือนหลุมอากาศดูดผู้ชายเลยค่ะ”
“นี่ถ้าเป็นผู้หญิง พี่แนนคงต้องจ้างมอเตอร์ไซค์สาดน้ำกรดนาง โกยผู้ชายหล่อๆ ไปหมด พี่หนึ่งเอย พี่หมอนำเอย ไหนจะน้องธามอีก โอ้ยยย พูดแล้วก็คิดถึง”
“ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ พลางยิ้มให้ คุณแนนหัวเราะอารมณ์ดีใส่ผมแล้วก็นั่งจ้องหน้าผม ท่าทางจะอาการหนักจริงๆ
“พี่โป๊ะขา น้องวินของแนนรอนานแล้วนะคะ ห้องประชุมก็เตรียมให้แล้ว รีบๆ ทำงานได้แล้วค่ะ อย่าพิรี้พิไร” บริษัทนี้เขาพูดจากันตลกดี ผมแอบขำที่คุณแนนกัดแซะนายมือโปร เจ้าของห้องเปิดประตูออกมาดังปึก แล้วก็เดินมายืนเท้าเอวจ้องหน้าเลขาตัวเอง
“เยอะนะวันนี้”
“กำลังใจดีนะค่ะบอส”
“ทำงานสิคะ ให้แนนจดรายงานประชุมมั้ย”
“ไม่ต้อง วินเขาจดเองได้”
“บอสจะให้พาร์ทเนอร์จดรายงานประชุมเนี่ยนะคะ ได้ไงกัน”
“ก็จะทำ”
“ทางนี้คุณ” เขาพูดกับผมเท่านี้แล้วก็เดินนำไปยังห้องที่ประตูตั้งตระหง่านอยู่ตรงกันข้ามกับประตูห้องทำงานส่วนตัวของเขา
ห้องนี้เต็มไปด้วยประติมากรรมชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ ส่วนมากเป็นรูปคนในอิริยาบถต่างๆ มีเก้าอี้เยอะแยะไปหมด แต่ไม่ยักกะมีโต๊ะประชุมเพื่อให้มันเป็นห้องประชุมตามชื่อ
“ทางนี้” เขาเรียกแล้วพาเดินมุดซุมผ้ารกๆ แล้วผมก็ได้เจอจนได้
“โมเดลโปรเจคน่ะ”
“ใหญ่จังนะครับ” ผมวิจารณ์สิ่งที่เตะประสารทสัมผัสเป็นอย่างแรก จากนั้นก็เดินวนรอบๆ โต๊ะวางโมเดลทีละมุม อันไหนสงสัยก็ชี้แล้วถาม เขาก็บอกรายละเอียดได้หมดทุกอย่างแบบไม่ใส่ความกวนตีนลงมาเหมือนการสนทนาก่อนหน้านี้
ผมใช้เวลานานพอสมควร เพราะผมมองไม่เห็นด้านใน ก็เลยต้องถามเพื่อให้เห็นภาพ ป้าผมจะลงทุนด้วยทั้งที ถ้ามันเป็นแต่ตึกธรรมดาก็น่าผิดหวัง
“ตรงนี้ โล่งๆ หรอครับ”
“อื้อ ตั้งใจเก็บไว้ ไม่สร้างอะไร แต่จะทำทางเดิน ปลูกต้นไม้ ขุดคลอง เอาไว้จำลองบรรยากาศในป่าอะไรเทือกนี้”
“อ้อ”
“ที่โล่งนี่อยู่ทิศตะวันออกนะ แสงเข้าจะสวยมาก”
“จริงๆ พี่อยากยกบรรยากาศตลาดเก่าๆ ขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดมาไว้ แต่มันจะฟิกส์เกินไป เสียโอกาส”
“แต่คลองนี่ยังไงก็ต้องมี”
“กะว่า ถ้าซื้อที่ดินเพิ่มได้ พี่จะทำเมืองโบราณอะไรทำนองนั้น”
“ขายฝรั่งไม่ใช่หรอครับ คงไม่มีหนังฮอลีวู้ดมีฉากเป็นประตูเมืองกรุงศรีหรอกมั้ง” ผมกระเซ้า และน่าแปลกใจที่เขายิ้มพร้อมกับหัวเราะกลับมา
“วินดูนี่”
“หอคอย”
“เอาไว้ทำไมครับ”
“เดี๋ยวจะโยงสลิง เหมือนกางมุ้งให้ทั้งพื้นที่นี้เลย”
“เอาไว้คุมแสงคุมเสียงก็ได้ แล้วก็เอาไว้ทำมุมกล้องก็ได้”
“อ้อ”
“ตึกตรงนี้เป็นสตูตัดต่อ เครื่องมือถ่ายทำเจ๋งๆ จะอยู่นี่หมด พวกสแตนเคลื่อนที่ก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน”
“อันนี้โรงแรม ไม่ดิ แค่เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ สำหรับทีมงานใช้อยู่”
“ถ้าไม่มีทีมงานลูกค้า พี่จะขายห้องนี้ให้ใคร หรือให้ใครเช่ามั้ยครับ”
“ไม่”
“สงวนไว้”
“เพราะมันเชื่อมกับตึกสตูฯ ตัดต่อ ต้องรักษาอุปกรณ์ดีๆ”
“ป้าสุบอกว่า ที่สิงคโปร์ก็มีบริษัทโพรไวเดอร์ทำนองนี้นี่ครับ”
“เราจะเอาอะไรมาสร้างความแตกต่าง”
“มือโปร”
“อ้อ! พี่หมายถึง เราเป็นบริษัทผู้เชี่วยชาญผู้สร้างหนังมาก่อน เราจะรู้ว่านักสร้างหนังอยากได้อะไร”
“แล้วก็ไม่ได้มองไว้แค่ฝรั่งหรอก เอเชียด้วยกันก็มีดีมานด์เหมือนกัน”
“อินเดียนี่มองข้ามไม่ได้นะวิน”
“แล้วถ้าเขาอยากออกโลเคชั่นล่ะครับ”
“อื้อ! แล้วพี่โป๊ะโพรไวด์คนให้ด้วยรึเปล่า”
“ถ้าอยากได้ก็หาให้ได้ ไม่กระทบงานหลักบริษัทแม่ด้วย” พูดแล้วก็ทำหน้าอวดๆ ผมกดหน้าลงเพื่อแอบยิ้มคนเดียว เขาดึงผมมาอีกทิศ แล้วก็ชี้ชวนให้ดูนั่นนี่เพิ่ม ท่าทางเชาสนุกมาก แล้วก็มีความสุขมากที่ได้อวดความฝันของเขากับใครสักคน
“วินรอห้องนี้แป๊บนะ พี่ไปเอาเอกสารมาให้ จะได้รู้อะไรเพิ่ม”
“เอกสารอยู่ไหนครับ”
“ห้องทำงาน”
“แล้วทำไมไม่ไปดูในห้องทำงานล่ะครับ ขยับเอกสารกับขยับคน ขยับคนง่ายกว่าอีก”
“ห้องรก ไม่อยากให้เห็น” เหตุผลทุเรศชิบหาย ทำอย่างกับผมคาดหวังว่าห้องทำงานส่วนตัวของเขาจะนีทแอนด์คลีนงั้นแหล่ะ
“วินก็ไม่คิดว่าห้องพี่โป๊ะจะเป็นระเบียบหรอกครับ”
“เหอะ!” เขาเบ้ปากใส่ และสรุปก็ไม่ให้ผมเข้าห้องทำงานอยู่ดี นายมือโปรย้ำแค่ว่า -รอที่นี่แหล่ะ- แล้วก็เปิดประตูออกไป ก่อนประตูจะปิดลง ผมได้ยินเขาสั่งให้คุณแนนหาโกโก้หรือน้ำหวานเย็นมารับรองผมหน่อย แล้วก็ให้โทรจองร้านอาหารสำหรับมื้อกลางวันด้วย
สำหรับ 2 คน
ผมจมอยู่กับเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจของเขา...ไม่สิ ของพ่อเขาต่างหาก
ตอนนี้ประธานกลุ่มบริษัทคือคุณตะวัน วณิคพันธุ์ พ่อของนายมือโปร
โครงธุรกิจเขาไม่ซับซ้อนมากครับ ถ้าเรียงเป็นแฟมิลี่ทรี ก็จะได้ลำดับเชิงลึกเพียง 3 ชั้นเท่านั้น คือบริษัทแม่ บริษัทลูกที่แม่ถือหุ้น 99.99% เป็นชั้นที่ 2 ส่วนชั้นที่ 3 คือบริษัทที่ร่วมทุนกับพันธมิตร หรือ joint venture ซึ่งบริษัทที่นายมือโปรกำลังเซ็ทอัพขึ้นมาใหม่ ก็กำลังจะมีพาร์ทเนอร์คือแบงก์ของคุณตาผมมาถือหุ้นร่วม
ลักษณะการประกอบธุรกิจ คือหัวข้อที่ผมกำลังนั่งอ่านนั่งศึกษา พลันประตูห้องประชุมก็เปิดอ้าออก นาฬิกาเดินได้เสนอหน้าเข้ามาบอกกับผมว่า “เที่ยงแล้ว กินข้าวกันเถอะคุณ”
“ครับ” ผมรับคำ เปิดแฟ้มเอกสารหนาเตอะแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือที่เอามาวางบนโต๊ะเล็กๆ สำหรับตั้งประติมากรรมใส่กระเป๋ากางเกง
“ผมให้แนนจองร้านอาหารไว้แล้ว เลี้ยงดูดีขนาดนี้ก็ช่วยเอาไปบอกคุณสุชาดาด้วยว่าปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ แล้วก็ซื้อหุ้นเพิ่มทุนราคาสูงหน่อยก็ดี” อ่อ สรุปแล้วทำตัวสุภาพชนนิยมกับผมก็เพราะหวังผลทางการค้านี่เอง
ผมเบ้หน้านิดเดียว แต่ก็เดินตามเขาออกมาจากห้อง ใจคิดเพียงว่าไม่ถือสาคนปากหมาน่าจะดีสุดสำหรับชีวิตผม
แต่เรื่องราวที่ควรจะง่ายขึ้น หรือลงล็อคลงรอยกว่าเดิมมักไม่ใช่เรื่องราวของผมเสมอ
“โปร” ผู้หญิงสวยเรียบ มองปราดเดียวก็รู้สึกได้ถึงพลังความดีที่เธอสั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน ดร.โจ้ครับ
“อ้าวโจ้ มาทำไรเนี่ย แล้วไม่บอกก่อน เกิดมาแล้วคลาดกันจะทำยังไง”
“โจ้มาธุระ เห็นเกือบเที่ยงพอดีเลยแวะมาหา ถึงไม่เจอโปรก็ไม่เสียเที่ยวหรอก ร้านอาหารแถวนี้มีแต่ของอร่อยทั้งนั้น”
“อ้อ โจ้ชอบอาหารเวียดนามแถวนี้นี่นา พอดีเลย ผมจองไว้”
“หือ? เลี้ยงแขกหรอ?” ฝ่ายนั้นถาม ผมเลยขยับออกมานอกห้องเพื่อยืนข้างนายมือโปรที่หันมองผมแล้วแนะนำ
“ไม่ใช่แขกหรอก”
“จำได้มั้ย?”
“อ้าว น้องวิน”
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ พี่โจ้” ผมรับคำ ยิ้มให้ แต่ใจคิดอยากกลับไปนั่งจมกับเอกสารบริษัทแล้วจิบแค่โกโก้เย็นและบิสกิตที่พี่แนนเตรียมไว้ให้เสียเยอะ
“อื้อ งั้นก็ไปกันเถอะ” นายมือโปรเอ่ยชวนโดยไม่ระบุชื่อ เขาขยับเดินไปเคียงกับเพื่อนสาวคนสนิทของเขา ส่วนผมยังยืนอยู่ที่เดิม
ก็ผมจำได้ว่าเขาจองไว้สำหรับ 2 ที่
แม้จะไม่รู้ว่า 2 ที่นั้น มีที่ของผมหรือเปล่า
แต่ตอนนี้ดร.โจ้เขามา 2 ที่ที่ว่า ก็ควรเป็นของนายมือโปรและดร.โจ้ไม่ใช่รึไง
“น้องวิน ไม่หิวหรอคะ ตามไปเถอะค่ะ” พี่แนนเลขาเดินมากระซิบใกล้ๆ เธอมีทักษะพิเศษด้านการย่องเบารึเปล่าผมเริ่มสงสัย
“พี่โป๊ะเขาจองร้านไว้ 2 ที่ไม่ใช่หรอครับ”
“ที่จองน่ะ อีกร้านค่ะ ร้านเวียดนามพี่แนนไม่ได้จองไว้ให้หรอก พี่โป๊ะไม่ค่อยชอบเพราะกินไม่อิ่มท้อง รายนี้เป็นหลุมดำดูดอาหาร”
“ลงแบบนี้พี่แนนคงต้องโทรไปยกเลิกให้ เฮ้อ”
พี่โป๊ะนี่เป็นทั้งหลุมดำดูผู้ชายหล่อๆและดูดอาหารด้วย แม่งขี้ดูด
“วินไม่อยากไปเป็นกขค.”
“งั้นพี่แนนขอจ้างเลยค่ะ 20 บาท ช่วยไปเป็นกขค.ที”
“ทำไมล่ะครับ เขาชอบกันแล้วไม่ดีหรอครับ”
“ไม่ดีค่ะ บอสพี่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ดร.แกน่ารักนะคะ แต่ไม่เหมาะกันหรอกค่ะ”
“คิดซะว่าพี่แนนจ้าง 20 ช่วยไปนั่งคั่นกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้ดร.โจ้เสียใจในอนาคตก็แล้วกัน”
“บอสพี่ไม่เหมาะกับผู้หญิงดีมากกกกกกกกกกกกแบบนี้หรอกค่ะ”
ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณแนนคิดแบบนั้น ในสายตาผม พวกเขาเหมาะสมกันทั้งอย่าง
รูปร่างหน้าตา การศึกษา ฐานะทางสังคม และน่าจะรวมไปถึงทัศคติ
สิ่งที่ไม่เท่าเทียมระหว่าง 2 คนที่เดินเคียงกันไปดูกระหนุงกระหนิง น่าจะมีเพียงแค่ความเหี้ยเท่านั้น
ฝ่ายชายดูเหมือนจะมีน้ำหนักเรื่องนี้มากเสียจนฝ่ายหญิงแทบไร้น้ำหนักในตาชั่งของความเหี้ย
เป็นกขค.หรอ
ไม่เอาด้วยหรอก มันไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย
แต่ก็อย่าคิดว่าผมจะทำตัวเป็นลูกเป็ดเดินตามเงาแม่เลย
ผมก็คือผม อยากทำอะไรผมก็จะทำ
cut
มาต่อแล้วค่าาาาา
เมื่อไหร่เขาจะสปาร์คกัน อันนี้เราก็อยากรูเ้หมือนกัน
เอ๊ะ หรือว่าเขาสปาร์คกันมานานแล้ว แต่ต่างฝ่ายต่างเก็บอาการ หรือสปาร์คกันแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่าาา
ไม่งงเอนะ ถ้างงก็อย่างงนะคะ